#ชอกะเชร์คู่กันต์
ตอนที่ 21
ความลับ
ใบปัดน้ำฝนโบกสะบัดเหมือนอยากกวาดไล่ความโทสะจากใจเขาลงไปด้วย ธูปยังคงเหยียบคันเร่งพร้อมบีบแตรอัดรถคันข้างหน้าที่ขับงี่เง่าจนอยากปาดไปขวางแล้วกระชากคอเสื้อมาถามว่าพ่อมึงซื้อใบขับขี่ให้เหรอถึงขับส้นตีนอย่างนี้
อะไร ๆ ก็ดูแย่ไปหมด คำว่าอารมณ์ดีคงห่างไกลเด็กผู้ชายคนนี้ตราบใดที่ภาพน่ารังเกียจเหล่านั้นยังคงติดตา เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดกำมือแน่นทุกครั้งที่นึกถึงใครอีกคนเปลี่ยนไปแล้ว มันเกินความคาดหมายเกินไป ผู้ชายคนนั้นจะมีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงที่ไหนก็ได้แต่การหันไปเอาผู้ชายด้วยกันมันไม่ทุเรศเกินไปหน่อยเหรอ?
แค่คิดก็ขยะแขยง จะอ้วก ไม่รู้ทำลงไปได้อย่างไร
อยากโทรหาเพื่อนแต่ก็ทำได้แค่สบถคำหยาบกับตัวเองเพราะมือถือยังอยู่ในห้องนั้น ธูปพยายามข่มอารมณ์ด้วยการนึกถึงเรื่องดี ๆ ที่เคยมีร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พี่สาวยังมีชีวิต หรือตอนที่เห็นผู้ชายคนนั้นเป็นต้นแบบที่อยากเลียนแบบ
เขาอยากเท่ได้แบบนั้นบ้าง อยากเป็นคนมีความสามารถและอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งใคร แต่ถ้าทำได้อย่างนั้นแล้วต้องเสียศักดิ์ศรีด้วยการหันเข้าหาผู้ชายด้วยกันอย่างนั้น ธูปขอยอมตายดีกว่า
*
แม้จะมียินเสียงฝนจากด้านนอก แต่กันต์กลับรู้สึกว่าห้องนี้เงียบสงัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเคยชินกับเสียงหัวเราะ เสียงพูดจ้อเจื้อย และเสียงหวีดร้องของเด็กผู้ชายที่ชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ แต่ตอนนี้เด็กคนนั้นกำลังนอนนิ่ง ๆ หลงเหลือเพียงคราบน้ำตาที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะกับเรื่องอะไร
กันต์ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อกระชับคนในอ้อมกอด เด็กที่เพิ่งถูกควักหัวใจออกไปเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดียังคงนอนนิ่งไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเขา ชายหนุ่มกดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมสีอ่อน ลูบศีรษะคนน้องเบา ๆ แล้วปล่อยให้สมองได้หาทางว่าเขาควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
แรงสั่นสะเทือนเรียกความสนใจให้หันไปมอง กันต์รีบคว้ามือถือหน้าตาไม่คุ้นขึ้นมาเพราะคิดว่ามันคงไม่ดีสักเท่าไหร่หากเชร์จะต้องตื่นเพราะเสียงของมัน
โทรเข้า...
‘BALL’
( อยู่ไหนวะธูป เย็นนี้ว่าไง? )
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะประคองคนในอ้อมกอดให้นอนหมอนดี ๆ กันต์เดินออกไปตรงระเบียงเพื่อเลี่ยงการส่งเสียง เขามองโทรศัพท์ในมือแล้วเอาแนบหูอีกครั้ง
( เชี่ยธูป มึงได้ยินไหม? )
จ้องมองสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก กันต์หันไปมองเด็กคนนั้นที่ยังคงหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง พร้อมการตัดสินใจที่ทบทวนเป็นอย่างดีแล้วว่าหากไม่ทำสิ่งนี้คงนอนไม่หลับแน่
“เขาลืมมือถือไว้ บอกที่อยู่ธูปมาเดี๋ยวผมเอาไปให้เขาเอง”
*
Aya: จะมารับเมื่อไหร่อะ ไหนบอกเอาของไปคืนพี่แป๊บเดียวไง????????
Thoop: เดี๋ยวไปแล้ว ๆ ขออาบน้ำแป๊บนึงนะคะ เค้าเปียกฝนอะ
Aya: ทำไมเปียก มีรถไม่ใช่หรือไง???????
Thoop: ไม่ได้เอาร่มไปด้วยอะตัวเอง
Thoop: เออ ไม่ต้องโทรหานะ เค้าลืมโทรศัพท์ไว้ห้องนั้น
Aya: แล้วนี่เล่นในไหน?
Thoop: คอมในห้องค่ะ อย่าโมโหนะ จะรีบไปนะคะ
Aya: เซ็งอะ นัดกันแล้วทำไมต้องช้าเหรอธูป ก็รู้ว่าช่วงบ่ายร้านนี้คนเยอะ
Aya: แม่ง ต้องไปรอคิวงี้เหรอ หงุดหงิด
Thoop: ขอโทษษษษษษ
Aya: ขอโทษแล้วมันหายไหม?
Aya: ???????????????
Thoop: ถ้าเค้าซื้อกระเป๋าใบใหม่ให้ ตัวเองจะหายงอนไหม?
Aya: พูดเองนะ
Aya: รีบมาแล้วกันค่ะ อายะจะรอ
ข้อความบนหน้าจอเปลี่ยนอารมณ์ภายในเสี้ยววิ เด็กหนุ่มผละออกมานั่งมองนิ่ง ๆ โดยที่ยังไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำเพียงเพราะกลัวแฟนสาวที่เหมือนใจเย็นลงแล้วจะกลับมาพร้อมพายุโหมกระหน่ำอีก ธูปต้องระวังทุกอย่างหากไม่อยากให้อายะหงุดหงิด เธอเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ ไม่ชอบรอ แต่เวลาทำตัวน่ารักออดอ้อนก็ทำให้ใจเขาพองโตจนทำให้มองข้ามเรื่องเหล่านั้นไปได้ง่าย ๆ
อายะเป็นคนสวยที่ใคร ๆ ต่างก็อยากได้เป็นแฟน กว่าเธอจะตอบตกลงคบกันก็ต้องตามจีบอยู่นาน ธูปพาอายะไปกินข้าว ดูหนัง นั่งร้านอาหารแพง ๆ เพื่อให้เธอรู้สึกว่าฝากชีวิตไว้กับเขาได้ ก็รู้ว่ามันโง่เง่านัก แต่ก็ห้ามตัวเองในโลกแสงสีไม่ไหว ถึงจะรู้ตัวว่าทำผิดไปหลายต่อหลายครั้ง แต่เด็กหนุ่มก็แกล้งเบลอปลอบใจตัวเองว่าใคร ๆ ก็เป็นอย่างนี้
ล่าสุดเพื่อนสนิทให้ยืมรถมาใช้ จากเด็กที่ไม่เคยคาดหวังว่าจะมีของพรรค์นี้ แต่พอได้ขับไม่กี่ครั้งก็มีความคาดหวังว่าจะได้เป็นของตัวเองสักคัน แต่สำหรับคนที่ไม่มีเงินเดือน พ่อแม่ไม่ได้ส่งเสียแล้วก็คือความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ธูปหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นว่าคนอื่นมีต้นทุนชีวิตดีกว่า ส่วนตัวเขาแทบไม่มีอะไรเลย
เสียงเคาะประตูเรียกให้หลุดจากความคิด เด็กหนุ่มเดินออกไปหมุนลูกบิดก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือผู้ชายที่เป็นคู่เกย์กับคนที่เคยเรียกว่าพี่ ดวงตาคู่นั้นมองมาอย่างเรียบเฉย อาจจะแฝงไปด้วยคำด่าทอหรืออะไรก็ตามแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องรับฟัง
อาจจะสองถึงสามวิที่ธูปใช้ไปอย่างเสียเวลา ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบและให้ความจงเกลียดจงชังทำงาน ก่อนเด็กหนุ่มจะจงใจปิดประตูใส่แต่อีกฝ่ายกลับดันไว้ได้ทัน
“อะไรอีกวะ?”
“เปิดประตู”
“เปิดทำเหี้ยไร ไม่มีอะไรจะคุยด้วย กลับไปหาคู่เกย์มึงเลยไป!” ธูปกัดฟัน พยายามดันสู้แรงอีกคนที่มีมากกว่า ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจหรือให้เกียรติเลยสักนิด เขาไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว
กันต์ลดระดับสายตามองประตูที่กำลังสั่นเพราะแรงดันจากทั้งสองฝั่ง เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะผละตัวออกมาเล็กน้อยแล้วถีบประตูเข้าไปจนคนที่อยู่ด้านในกระเด็น
“คุยดี ๆ มันยากนักหรือไง?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางพรูลมหายใจทางริมฝีปาก กันต์เคยเป็นคนฟิวส์ขาดง่ายยิ่งกว่าเส้นพาสต้า แต่ก็พยายามปรับเปลี่ยนตัวเองมาตลอดหลังจากคบกับเชร์ แต่เด็กคนนี้ก็เก่งเหลือเกินที่ทำให้เขาหมดความอดทน กันต์มองเด็กเมื่อวานซืนที่นอนขดตัวบนพื้นหลังจากศีรษะกระแทกกับขาโต๊ะ เขาปล่อยให้อีกฝ่ายลิ้มรสความบ้าคลั่งของตนเองก่อนจะปิดประตูแล้วตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้น
“อย่ามาจับตัวกู!!!” ธูปเหวี่ยงหมัดมั่วซั่ว แต่ผู้ชายคนนี้ก็บล็อกได้อีกทั้งยังจับตัวเขาพลิกหันหลังก่อนจะดันจนหน้าติดผนัง “โอ๊ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
คอของเขาถูกดันไว้ด้วยท่อนแขนแกร่งจนรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบของผนัง เด็กหนุ่มหอบหายใจอย่างเหลืออดกับการถูกเหยียบหยามศักดิ์ศรี
“ไม่ว่าคุณจะมีมุมมองแย่ ๆ กับเพศที่สามยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรจะมีหลงเหลือไว้ในเบื้องลึกของจิตใจก็คือคำว่าบุญคุณ”
“...!!!” ธูปยังคงพยายามดิ้นต่อสู้ แต่อีกฝ่ายก็ออกแรงกดท่อนแขนแรงขึ้นจนเขาแทบหายใจไม่ออก
“ทุกคนเคยมีช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหรือตอนที่คิดว่าตัวเองเก่งมากพอจนไม่ต้องฟังความเห็นจากใคร ผมก็เคยเป็นอย่างนั้น แล้วการมั่นใจโง่ ๆ ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น ผมไม่เหลือเพื่อน ผมทำให้คนที่อยู่รอบตัวกลัวจนค่อย ๆ ถอยห่างไป” กันต์เว้นจังหวะพลางมองท่าทีอีกฝ่าย และการคาดหวังว่าเด็กหัวรั้นจะเปิดใจรับฟังภายในประโยคเดียวมันก็คงเป็นเรื่องที่เพ้อฝันเกินไป “คุณคงไม่เข้าใจ แต่ผมเชื่อว่าสักวันคุณคงตาสว่างได้หลังจากเจอมันเองกับตัวว่าการก้มลงมองแต่ปลายเท้าตัวเองโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองโลกแห่งความเป็นจริงมันเป็นยังไง”
“พ่อก็ไม่ใช่ มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนคนอื่น คิดว่าตัวเองดีนักหรือไง?”
“ครับ คุณพูดถูก” กันต์มองเสี้ยวหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังขบกรามแน่น “ผมถามคุณข้อนึงสิ”
“มีอะไรก็พูดมา แล้วก็ไสหัวไปจากที่นี่สักที” เขาต้องมีความอดทนอีกสักกี่ร้อยระดับถึงจะทนยืนเฉยโดยไม่ต่อยหน้าเด็กคนนี้ได้ กันต์พยายามหายใจเข้าลึก ๆ นึกถึงหน้าเชร์ให้มาก ๆ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป
“คุณคิดว่าตัวเองเก่งมากพอที่จะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ได้โดยไม่มีเชร์เหรอครับ?”
“ถ้าจะถามควาย ๆ แบบนี้ก็กลับไปเถอะ มึงไม่ได้รู้จักกูเลยสักนิด ไม่ต้องทำตัวเป็นไม้บรรทัดสั่งสอนคนอื่น อยากต่อยก็ต่อยเลย รอห่าอะไรอยู่ล่ะ?”
“ผมไม่ทำหรอก เรื่องแบบนั้นเอาไว้ให้คุณเจอหลังจากไปยืมเงินคนอื่นแล้วไม่มีคืนดีกว่า”
“เพื่ออะไรวะ มันใช้ให้มาเหรอ รักกันมากมั้ง อัดคลิปไปเลยดิ มันจะได้เห็นว่ามึงเชื่องแค่ไหน” เด็กหนุ่มยังคงปากดี ปล่อยให้ความโกรธออกมาทำหน้าที่เต็มร้อยโดยไม่ยั้งปาก
“คุณไม่ได้อยากพูดแบบนี้หรอก” กันต์ผละออกพลางมองเด็กหนุ่มที่ส่งสายตาต่อต้านพร้อมจับเนื้อจับตัวตนเองราวกับกลัวว่าจะมีอะไรแตกหักหลังจากถูกเขาแตะต้อง “ต่อให้คุณจะโกรธแค่ไหน แต่ใจคุณรู้อยู่แล้วว่าเชร์เป็นคนยังไง”
‘ขนาดพี่เทียนยังไม่อยากอยู่ แล้วผมจะอยู่ไปทำไมวะพี่?’
‘เพื่อมีชีวิตเป็นของตัวเองไง’
‘...’
‘การที่คนในบ้านมึงแย่ มันไม่ได้หมายความว่าทั้งชีวิตมึงจะแย่ไปด้วยนะธูป ตอนนี้แผลมันยังสด มึงกำลังรู้สึกว่าโลกมืดแปดด้าน แต่ชีวิตก็งี้แหละมึง ชอบมีเรื่องสะเทือนใจหนัก ๆ มาทดสอบความอดทนตลอด’
‘...’
‘กูคงห้ามเรื่องคิดมากไม่ได้ เป็นใครแม่งก็ต้องคิดทั้งนั้นอะ แต่กูอยากให้มึงโฟกัสเรื่องเรียนไว้ก่อนนะ การมีวุฒิติดตัวมันอุ่นใจ มึงต้องมีมันถ้ามึงอยากมีงานทำ และบางอาชีพต้องใช้เกรดสูง ๆ ด้วย พอมีงานทำ มีเงินเลี้ยงตัวเอง มึงก็หลุดพ้นออกมาจากวงจรนั้นได้แล้ว’
‘...’
‘ขาดเหลืออะไรให้รีบบอกนะ มึงไม่ต้องเกรงใจกูหรอก ถ้ารู้สึกไม่ไหว อยากร้องไห้ยังไงก็อย่าเก็บไว้คนเดียวไม่งั้นเครียดตายห่า มีคนคอยรับฟังแล้วก็เล่าให้เขาฟังเหอะ’
‘พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไร แค่เพราะชอบพี่เทียนหรือว่าสงสารผมอะ?’
‘ก็ทั้งสองอย่าง แต่เพิ่มความผูกพันมาด้วย มึงคิดดูนะ ถ้ามองกลับกันแล้วกูคือคนที่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับมึง มึงจะอยากช่วยกูไหม?’
‘ช่วยดิ พี่ทั้งคน’
‘เออ ก็คำตอบเดียวกัน มึงก็น้องกูทั้งคน’
‘...’
‘กูเท่ปะ’
‘เกือบละ’
‘5555555555’
‘เครียดว่ะ แม่งมืดแปดด้านไปหมด’
‘มันจะสักแค่ไหนกันวะ ถ้าคิดว่ามืดจนมองไม่เห็น ก็หยิบไฟฉายจากมือกูไปส่องดิ ตรงนี้ยังมีพี่มึงอีกคนนะ’
วูบหนึ่งที่หัวใจชาวาบ ธูปลดระดับสายตาลงเลียริมฝีปากกับความเศร้าที่ตามมาด้วยเสียงหัวเราะหลังจากได้รับคำปลอบใจ แม้จะผ่านไปนานแล้วแต่เขายังจำได้ขึ้นใจ เรื่องราวหลังงานศพกับครอบครัวบ้า ๆ แต่บางอย่างในหัวก็ตะโกนสั่งให้กดความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้
“ทั้งที่พี่สาวคุณจากไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะให้เงินคุณ เป็นผมคงอยู่ให้แค่ฐานะคนรู้จัก น้องเมียก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ พี่สาวคุณกับเขาไม่เคยแม้แต่จะเป็นแฟนกัน”
“นั่นสิ บางทีคนบางคนอาจจะอยากทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาว เงินที่ให้ผมมาก็ใช่ว่าจะยากเย็น” คำพูดร้าย ๆ ยังคงพ่นออกไปไม่รู้จักจบสิ้น เหมือนเบื้องลึกสั่งการให้เป็นคนเลวอย่างถึงขีดสุด เพราะถ้าหากสำนึก ความผิดทั้งหมดก็จะมากองอยู่ที่ตัวเขา
“อย่างนั้นเหรอ?” กันต์แค่นยิ้ม “คุณคิดว่าการเป็นสตรีมเมอร์แค่เปิดคอมเล่นเกมก็เป็นได้หรือไงครับธูป?”
เจ้าของชื่อเบนสายตาไปทางอื่น แสร้งทำไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดเหล่านั้น
“ถ้าใช่ป่านนี้เกมเมอร์คงรวยกันทั้งโลกแล้ว ถ้าหาทางตอบโต้คำพูดผมไม่ได้ หุบปากของคุณไว้แล้วฟังเฉย ๆ ก็ดีนะ” ธูปหันไปทางใครอีกคนที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมจองมองมาราวกับว่าเขาน่าสมเพชนักหนา
“จะอธิบายเรื่องวงเวียนชีวิตสตรีมเมอร์เหรอ ไม่ต้องนะ ไม่ได้อยากฟัง”
“รู้ไว้สักนิดก็น่าจะดีครับ เพราะเงินที่คุณใช้อย่างสุขสบายทุกวันนี้ก็มาจากวงเวียนชีวิตที่ว่านั่นแหละ”
“...”
“เชร์เป็นสตรีมเมอร์คนหนึ่งที่มีรายได้ดี ผมภูมิใจในตัวเขาที่หาเงินเลี้ยงตัวเองได้อีกทั้งยังเหลือส่งให้ครอบครัวใช้ อ่อ น้องนอกไส้อย่างคุณอีกคน”
ในทีแรกธูปอยากให้ผู้ชายคนนี้เจ็บใจเพราะคำพูดเขา อยากยั่วโมโหเอาให้หมดความอดทนจนเข้ามาต่อยหน้าสักครั้ง เอาให้เรื่องมันถึงโรงพักไปเลย แต่สองมือนั้นยังคงอยู่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันที่กลายเป็นว่าคนหัวร้อนคือเขาเสียเอง
“ตอนได้ยินว่าคุณงี่เง่าใส่หรือหาวิธีบ่ายเบี่ยงไม่มาเจอเขา ผมก็ได้แต่คิดว่า ‘เด็กคนนี้เป็นคนแบบไหนกันนะ?’ จนได้เห็นเองกับตาวันนี้ผมถึงได้รู้” กันต์ไม่อยากทำแบบนี้ แต่เขาก็ถนัดเรื่องทำร้ายจิตใจคนอื่นไม่แพ้อีกฝ่ายเช่นกัน “ผมไม่ได้เป็นคนดีเหมือนเชร์ ผมทำลายชีวิตคุณได้ด้วยซ้ำ แต่ผมคงไม่ต้องทำอย่างนั้นเพราะคุณทำมันลงไปด้วยตัวเองแล้ว”
“...”
“เก่งนักใช่ไหมครับ เด็กอย่างคุณน่ะ?”
กันต์สบตากับเด็กหนุ่มที่ยังคงมองมาอย่างต่อต้าน ก่อนจะโยนโทรศัพท์คืนให้ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไว้อย่างทุลักทุเล สำหรับเด็กที่กำลังหลงระเริงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันคงยากเกินไปสำหรับเขาหากจะพูดหรือแนะนำอะไรกับคนที่ไม่ต้องการฟัง
ชายหนุ่มยิ้มเล็ก ๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู อย่างที่บอกไปว่าเขาไม่ได้ใจดีเหมือนเชร์และพร้อมจะร้ายกับทุกคนที่เป็นมลพิษในชีวิต ซึ่งธูปก็คือคนแบบนั้น
“ผมจะรอดูว่าคุณจะบินไปได้ไกลสักแค่ไหนหลังจากตัดปีกด้วยมือตัวเอง”
*
ตื่นมาพบความมืดและเสียงฝน แหลมกระพริบตาช้า ๆ เพื่อพบว่าสมองกับร่างกายมันพร้อมจะพักผ่อนต่อ แต่ความสนใจทั้งหมดในตอนนี้มันเทไปที่ใครอีกคนซึ่งไม่ได้อยู่ข้าง ๆ แล้ว บอสคงหัวเสียที่ต้องเจอความบ้าบอของไอ้ธูป หรืออาจจะเซ็งที่เห็นเขาร้องไห้โดยไม่โต้ตอบอะไรกลับไปสักอย่างเดียว
เด็กหนุ่มลุกขึ้นพาสภาพพัง ๆ ไปล้างหน้าเผื่อว่าจะสดชื่นขึ้น มองตาบวม ๆ ของคนในกระจกแล้วก็อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ ก็รู้ว่าคนเรารู้สึกไม่เท่ากัน แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะถูกด่าแรง ๆ ขนาดนั้นจากน้องชายที่รักมากคนหนึ่ง
ทำดีไม่ขึ้นอย่างที่แม่เคยบอกจริง ๆ ด้วย มีคนเคยบอกว่าเวลาทำดีอย่าคาดหวังสิ่งตอบแทน แต่ที่เขาคาดหวังก็ล้วนแต่ส่งผลดีกับชีวิตไอ้ธูปทั้งนั้น แค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ
โลกไปถึงไหนแล้วไอ้เด็กเวรก็ยังอยู่ในกะลา เหยียดเขาคนเดียวยังพอทนรับได้ แต่ไอ้ธูปเล่นด่าแรง ๆ อย่างนั้นกับบอสซึ่งเป็นคนแปลกหน้า มันกลืนคำว่ามารยาทลงไปในท้องหมดแล้วหรือไง
เปิดไฟทั่วห้องเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูแย่ไปกว่านี้ แหลมหยุดอยู่หน้าตู้เย็นคว้าขวดน้ำขึ้นมาถือไว้ แต่ยังไม่ทันยกดื่มประตูก็เปิดออกโดยคนที่คิดว่าวันนี้คงไม่กลับมาแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอ พี่ไปซื้อข้าวหน้าเนื้อกับซูชิมาน่ะ”
ทั้งที่คิดว่าอยู่คนเดียวได้ แต่พอเห็นว่าบอสกลับมา หัวใจมันก็รู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยาจนรู้ได้เลยว่าเขาไม่ได้อยากอยู่คนเดียว
“ร้านเพิ่งเปิดใหม่เลยได้โปรลดสิบเปอร์เซ็นต์ด้วย แถมตอนเดินเข้าไปซื้อโดยไม่ต้องหาที่จอดรถมันรู้สึกดีแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ระหว่างนั่งแท็กซี่กลับก็มีเวลาอ่านใบเสร็จอีกต่างหาก การได้สิทธิ์ลดราคานี่มันเท่จริง ๆ เลย ไว้คราวหลังเรานั่งแท็กซี่ไปเดทกันดีไหมครับ?”
มาถึงก็พูดจ้อเจื้อย แหลมมองตามอีกคนที่เอาถุงไปวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินกลับมาแย่งขวดน้ำไปจากมือเขาเพื่อรินใส่แก้วก่อนจะดื่มเอง บอสเอาแต่ยิ้มเหมือนวันนี้ไม่เคยมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้น
“นึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว”
ตอนจ้องตาปริบ ๆ ไม่เหลือคราบเด็กซนอีกแล้ว กันต์อมยิ้มพลางยีผมคนตรงหน้าเบา ๆ แล้วรั้งเข้ามากอดจนซิมบ้าน้อยส่งเสียงอู้อี้ เขาจึงกดศีรษะทุยให้ซบกับอกที่แห้งไปตามเวลา ซึ่งเด็กน้อยก็กอดตอบแน่นเหมือนกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะหนีไปอย่างไรอย่างนั้น
“รุ่นนี้ต่อให้ไล่ก็ไม่ไปหรอกนะครับ”
“ชิ้ว”
“นั่นหมา”
“อ้าวผิดเนอะ โทษน้า” คนเก่งก็ยังคงพยายามฮึบไว้ กันต์ทั้งเอ็นดูและสงสารแฟนเด็กจับใจ แต่การเปิดปมขยี้อีกครั้งก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก “ทำไมใส่เสื้อตัวนี้ออกไปอะ เหมือนจะแห้งแต่ก็แฉะ ๆ”
“ก็เสื้อเราแต่ละตัวมันสตรีทเกินไป ขืนพี่ใส่ออกไปคงเหมือนเด็กโข่ง”
“ยังจะห่วงหล่ออีก เวลาอยู่คนเดียวต้องขี้เหร่ดิ จะได้ไม่มีคนมาชอบ”
“เอ... งั้นพี่ควรใส่อะไรดีครับ?”
“บ็อกเซอร์ไปเลย”
“หืม แบบนั้นจะไม่ถูกมองกว่าเดิมอีกเหรอ?” เขาจุ๊บศีรษะแฟนเด็กพลางโยกตัวซิมบ้าน้อยในอ้อมกอด
“ไม่เอา งั้นเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดเกงขาสั้น แล้วก็ออกไปซื้อด้วยกัน แบบนี้นะ เคาะ”
กันต์ยิ้มบาง ๆ กับความรู้สึกในตอนนี้ ใช่... เขายังเจ็บใจแทนเชร์ แต่ระหว่างที่เกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้นมันก็มีเรื่องดีพอให้นึกถึงอยู่บ้าง คนที่เก่งเรื่องบริหารธุรกิจแต่ดูแลใครสักคนในชีวิตไม่ได้ในตอนนี้กำลังกอดแฟนเด็กเอาไว้พร้อมปลอบประโลมด้วยความจริงใจทั้งหมดที่มี และกันต์หวังว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเขาจะเยียวยาอีกฝ่ายได้ ...สักนิดก็ยังดี
“ขอโทษนะครับ”
“หือ เรื่องอะไรอะ?” ซิมบ้าน้อยผละออกมาสบตา ชายหนุ่มจึงลูบสองแก้มเบา ๆ แล้วจ้องใบหน้าที่เขาอยากทะนุถนอมให้ดีที่สุด
“อะไรก็ตามที่ทำให้เราเสียใจ”
“ถ้าเป็นเรื่องคบกับพี่ ผมไม่เคยเสียใจนะ”
“...”
“ไอ้ธูปอาจจะโกรธที่ผมเป็นแบบนี้ แต่มันคือความจริงแล้วผมก็มีความสุขมากที่มีพี่” มันไม่ใช่เวลาหัวใจพองโต เขาควรจะทำให้เชร์รู้สึกดีขึ้นมากกว่าจะเป็นฝ่ายรู้สึกเสียเอง “เพราะงั้นอย่าโทษตัวเองนะ ผมเครียดได้ แต่พี่ห้ามเอาตัวเองมาดิ่งด้วย สัญญากันก่อน”
“ห้ามไม่ได้หรอกนะครับ พี่เป็นห่วงเราจะบ้าแล้ว”
“นี่ผมเป็นแฟนกับคนบ้าช่ะ?!” กันต์ยิ้มขำกับเสียงสูงที่มาพร้อมหน้าตาตื่น ๆ
“พี่พูดจริงนะครับ”
“อือรู้ แต่ผมรับผลที่ตามมาได้นะ ตอนนี้มันอาจจะทำใจยากทั้งตัวผมแล้วก็ไอ้ธูป มันเป็นแค่เด็กที่อยู่ในสังคมที่ปลูกฝังว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง ส่วนเกย์คือพวกผิดเพศน่ะ สักวันถ้ามันได้ไปอยู่ในสังคมที่โตขึ้น หรือเจอสิ่งที่ทำให้เปิดใจ ผมคิดว่าคนเราคงเปลี่ยนมุมมองกันได้”
“โกรธน้องบ้างไหมครับ?”
“ก็มีบ้างแต่สะเทือนใจมากกว่า เหมือนเรารักคนนึงมาก ๆ แบบไม่เคยคิดเผื่อไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะเอาดาบบวกสิบมาแทงใจกันอะ 555555”
คนเก่งของเขายังคงหัวเราะได้ แม้ว่าตายังคงบวม และจมูกเริ่มแดงนิด ๆ เหมือนคนจะร้องไห้ทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“สักวันมันคงรู้สึกผิดย้อนหลังแหละ เหมือนตอนเป็นเด็กที่ผมเคยพูดไม่คิด ตอนนั้นผมมั่นใจมากว่าตัวเองถูก แต่พอเวลาผ่านไปเดี๋ยวโลกก็สอนให้รู้เองว่าเรากะโหลกเพื่อที่จะโตขึ้น”
“แฟนพี่นี่จัดจ้านจังเลยน้า” คนถูกแซวทั้งคำพูดและเสียงถึงกับหุบยิ้ม แหลมกลอกตาล่อกแล่กแล้วต่อยอกคนขี้เลียนแบบเบา ๆ ไปหนึ่งทีข้อหาแซวขัดจังหวะคนกำลังเข้ม “บอกไปไม่รู้กี่ล้านครั้งแล้ว แต่ฟังอีกสักครั้งนะครับว่าพี่น่ะรักเรามาก”
“รักแล้วก็ช่วยฮีลด้วย อ่อนแอมากเลยตอนนี้อะ”
เด็กหนุ่มสวมกอดคนตรงหน้าอีกครั้ง หลับตาลงซึมซับความอบอุ่นเดียวที่เยียวยาหัวใจได้ แหลมไม่อยากอ่อนแอ ไม่อยากทำให้คนรอบข้างหม่นหมองไปด้วย เขาชอบตัวเองเวลาหัวเราะโง่ ๆ ส่วนเรื่องไอ้ธูปคงต้องทำใจแล้วค่อยมองดูอยู่ห่าง ๆ เพราะถ้าจะให้ทิ้งไปเลยก็ทำไม่ลง
“กินข้าวไหม เดี๋ยวพี่ใส่จานให้”
“ไว้ก่อน ตอนนี้อยากกอดพี่”
“อ้อนอะไรตอนนี้ครับ กินก่อนแล้วค่อยกอดไม่ได้เหรอ?” เขาอาจจะเป็นฮีโร่สักตัวในเกมที่มีพลังฮีล ซิมบ้าน้อยถึงเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเอาแต่หอมแก้มเขาแบบนี้
“ผมกำลังดูดพลังจากพี่อยู่ ไว้เต็มแล้วจะไปนั่งกิน”
“แต่เมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงท้องร้อง แล้วมันก็ไม่ได้มาจากพี่แน่ ๆ” เขาขมวดคิ้วพลางเอามือดันหน้าผากเอาไว้แต่เด็กดื้อก็สู้ด้วยการพยายามดันเข้ามา
“กอดหน่อย” กันต์ทั้งยิ้มขำทั้งถอนหายใจกับความงอแงของแฟนเด็กที่อยู่ ๆ ก็ก่ายขาเกี่ยวเอวเขาจนกลายเป็นลูกลิงไปแล้ว
“งั้นกอดต่อไปนะครับ พี่จะกินข้าวแล้ว”
“กินด้วยดิ”
“ไม่ให้กินหรอกครับ นั่น เสียงท้องใครร้องอีกแล้ว เสียงดังกว่าฟ้าร้องอีก”
บรรยากาศหม่น ๆ เริ่มจางหายไปและแทนที่ด้วยความห่วงใยของบอส แหลมกระชับกอดเกาะแหมะแน่นยิ่งกว่าปลิงขณะที่อีกคนเดินไปจัดแจงจานเหมือนตัวเขาเบาเกินกว่าจะรู้สึกหนัก
‘เราอ่อนแอได้นะ’ เหมือนได้ยินคำนี้ออกมาจากทุกการกระทำของบอส แหลมซบแก้มกับศีรษะคนขี้เอาใจที่ยอมให้เขานั่งลงบนตัก ก่อนหน้านี้ถ้ามีเรื่องให้ปวดหัวก็ยังมีพี่ ๆ คอยปลอบ แต่ตอนนี้แหลมมีบอสเพิ่มเข้ามาอีกคนแล้วก็ฮีลเก่งมากด้วย
“กินด้วย” เจ้าของใบหน้าหล่อแกล้งหูทวนลม กินซูชิกับข้าวหน้าเนื้อหน้าตาเฉยแล้วปล่อยให้เขานั่งมองตาละห้อย “เอาซูชิคำนั้นใส่วาซาบิอะ”
“กอดต่อไปสิครับ ฮีล” บอสหันมาหรี่ตามองพร้อมเคี้ยวโชว์ โห อย่างแน่นแก้มอะ ไหนคนไม่กินข้าวเย็น
“กินด้วยน้า” เบะปากกอดคอพร้อมเขย่าตัวเหมือนเด็กอนุบาลจนอีกคนหัวเราะ ไม่เอาแล้ว... จะยอมทำตัวปัญญาอ่อนสักวันก็ได้ขอให้บอสอารมณ์ดีก็พอ ก็ถ้าพยายามเพื่อเขาขนาดนี้ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่แหลมจะทำหน้าอมทุกข์จนสูญเสียเวลาดี ๆ ไป
คิดมากเรื่องไอ้ธูปได้ แต่อย่าทำให้คนรักดิ่งลงไปด้วย
“แค่นี้พอไหม?” เด็กลูกครึ่งพยักหน้ากับซูชิที่แตะวาซาบิไว้ข้างบนเล็กน้อย
“ป้อนผมเร็ว ป้อน ๆๆๆๆๆๆ”
“ถ้าพี่หยาบคายคงด่าว่าเราเป็นง่อยแล้ว”
“นี่ขนาดยังไม่ด่านะ” แหลมหรี่ตาคาดโทษ ซึ่งบอสก็ทำหน้าเลียนแบบจนอดไม่ได้ต้องหอมแก้มแรง ๆ เดี๋ยวนี้พัฒนาใหญ่แล้ว เก่งจนรู้ว่าจะดึงไอ้แหลมคนนี้ขึ้นมาจากหลุมดำอย่างไร “ผมจะห้ามพี่คุยกับพี่ธีร์ละ แม่งสอนแฟนผมให้พูดจาไม่ดี”
“ติดจากเรานั่นแหละ ไม่ต้องโทษคนอื่นเลย ดื้อ”
“อ้าว ผมช่ะ?”
“อ้าปากครับ ซูชิเดลิเวอร์รี่มาส่งอีกคำแล้ว”
ทั้งคู่สบตากันพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเจ็บปวดในใจ แหลมอ้าปากรับข้าวคำที่สองของวันและเคี้ยวไปกับน้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมรอยยิ้ม จึงรีบใช้หลังมือปาดออกเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเป็นกังวล แต่บอสก็จับข้อมือเขาไว้แล้วส่ายหน้าทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ตะเกียบในมือถูกวางลงก่อนมือนั้นจะเอื้อมขึ้นมาไล้น้ำตาให้
“วาซาบิเผ็ดไปนิดนึง แต่ไม่เป็นไรหรอกนะครับ” คนฟังอบอุ่นไปทั้งหัวใจ น้ำตาที่ไม่ได้บีบหยดเผาะลงผ่านแก้ม และเขาก็ยิ้มพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย
“พี่จะกลับตอนไหน?”
“จาก ‘พี่จะกลับตอนไหน?’ เป็น ‘อยู่ด้วยกันได้ไหม?’ น่าจะตรงใจมากกว่าหรือเปล่านะ?”
“เค งั้นพี่อย่ากลับนะ อยู่กับผม”
“อืม... ไม่รู้สิครับ” กันต์แสร้งขมวดคิ้วทำหน้าครุ่นคิด ชำเลืองมองแฟนเด็กที่ทำหน้าทำตาทะเล้นเหมือนทุกครั้ง อยากให้พูดจาน่ารัก ๆ สักหน่อย แต่ถ้าได้ยินแล้วก็กลัวหัวใจจะทำงานหนักเหลือเกิน
“พี่กันต์อยู่กับเชร์น้าค้าบ”
เรียกแอมบูแลนซ์ได้แล้ว ตรงนี้มีคนหัวใจทำงานหนักมาก
(จบครึ่งแรก) ตอนนี้ไม่มีมุกมาเล่น แต่จะบอกว่าครึ่งหลังยาวนิดนึงน้า
เพราะความลับที่ว่าอยู่ตรงเน้