Episode 30
บ้านไม้โมเดิร์นสไตล์ยุโรปหลังใหญ่หนึ่งหลังและอีกสองหลังเล็กที่ตั้งเคียงอยู่ข้างกัน ถูกห้อมล้อมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดทั้งต้นไม้ใหญ่ยืนต้นให้ร่มเงาและดอกไม้สีสวยหลากหลายในพื้นที่มหาศาล ทำให้บ้านไม้หลังใหญ่ดูร่มรื่นอากาศเย็นสบายตามแบบฉบับของภาคเหนือ ซึ่งต่างจากดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแผดเผาอยู่ตอนนี้ ด้านหน้าของบ้านเป็นลานน้ำพุกว้าง ด้านหลังเป็นลานสนามหญ้าที่มีทั้งศาลาและบ่อปลาสวยงาม ซึ่งตอนนี้ในส่วนของหลังบ้านได้ถูกเนรมิตเป็นพื้นที่งานเลี้ยงต้อนรับคนตัวเล็กไปแล้ว...และใช่ งานที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แหละที่ทำให้น้ำทั้งตื่นเต้นและประหม่าจนมือไม้สั่นไปหมด
เพียงแค่รับรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลมหาเศรษฐีอย่าง 'บวรวัชรสิริกุล' เขาก็ประหม่าทำตัวไม่ถูกแล้ว ยิ่งเป็นงานสังคมที่มีผู้รากมากดีมากันแน่นขนัดแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย...เขาจะวางตัวยังไง จะทำตัวยังไง..มันดูเก้ๆกังๆไปหมด
"ตื่นเต้นหรอลูก" คุณพิชรัตน์เดินเข้ามาในห้องนอนของคนตัวเล็ก ก่อนจะนั่งลงข้างกันลูบหัวปลอบลูกชายตัวน้อยเบาๆ
"มากๆเลยครับตอนนี้... คุณแม่ครับ..น้ำควรทำตัวต่อหน้าแขกยังไงดีครับ..." คนตัวเล็กเอ่ยถามผู้เป็นแม่อย่างเป็นกังวล
"เป็นอย่างที่น้ำเป็นไงลูก...หนูไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรเลย...แค่หนูเป็นลูกชายที่น่ารักของแม่ก็พอแล้ว" สิ่งที่ผู้เป็นแม่ของเขากล่าวมา ช่วยคลายความกังวลและความตื่นเต้นลงไปได้เยอะและทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
แกร็ก!
"พร้อมรึยังครับ.." ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงของพี่ชายของเขาที่ยืนยิ้มอยู่ ส่วนคนที่เอ่ยถามเขานั้น...เดินยิ้มร่าเข้ามาจับมือเขากับแม่เอาไว้ก่อนจะออกแรงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไป...
"ไม่ต้องตื่นเต้นนะ...เดี๋ยวเต้ยกับพี่ดินจะอยู่ข้างๆน้ำเอง" เต้ยบอกเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะปล่อยมือเขาออกและทำเพียงเดินเคียงกันออกไป เขาเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายของเขาอย่างเป็นกังวล แต่เขาก็ได้รับเพียงแค่รอยยิ้มอบอุ่นพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่ยื่นออกมาให้เขาจับตรงหน้า...น้ำรีบคว้ามือนั้นไว้ทันทีอย่างจะหาที่พึ่งที่ขาโหยหามันมาเนิ่นนานก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้มน่ามองที่ออกมาจากใจที่เป็นสุข...
"ผา...อย่าหน้าบึ้งนักสิลูก" ผู้เป็นแม่กระซิบบอกกับลูกชายร่างสูงที่ยืนทำหน้าไม่รับแขกจนแขกเหรื่อในงานไม่กล้าเข้ามาทักทาย
"ผมไม่มีอารมณ์ขนาดจะมายิ้มหรอกครับม้า" เขายังคงหน้าบึ้งคิ้วขมวดเป็นปมตอบม้าไป มือหนึ่งก็พยายามกดสมาร์ทโฟนโทรออกหาใครอีกคนที่ไม่รับสายไม่ตอบกลับข้อความเขาเลยตั้งแต่เมื่อวาน..ตั้งแต่ที่ม้าโทรมาบอกกับเขาว่าคนตัวเล็กเก็บข้าวของออกจากหอเขาไปพร้อมกับดิน...เพื่อนสนิทของเขา และตอนนี้เขาก็มาอยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับน้องของมันที่เชียงใหม่...อยากเจอ อยากถามมันว่าคนตัวเล็กของเขาไปไหน...เพราะว่ามันเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับน้ำ
...เขาไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้ผู้เป็นแม่ของเขาจะเข้าไปหาน้ำ รู้อีกทีก็ตอนที่ม้าเขาโทรมาบอก...ว่าอีกคนเก็บของออกไปแล้ว เขาไม่โทษม้าของเขาหรอกที่ทำให้อีกคนต้องเก็บของออกจากห้องเขาไป...ถ้าม้าเขาเป็นคนพูดให้น้ำออกไปจากชีวิตเขาจริงๆ ม้าคงไม่โทรมาบอกเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลแบบนั้นแน่นนอน...แล้วอะไรที่ทำให้คนตัวเล็กของเขาต้องเก็บของออกไปแบบนั้น...ไม่ว่าตอนนี้เขาจะคิดอะไรเขาก็ต้องเก็บพับมันไว้ก่อนเพราะว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องสนใจงานเลี้ยงตรงหน้าแล้ว...และมันก็ทำให้เขาต้องสนใจมันจริงๆเพราะใครบางคนที่เดินออกมา
น้ำที่อยู่ในชุดสูทสีฟ้าอ่อน เสื้อเชิ้ตด้านในสีขาวสะอาดตาเปิดกระดุมคอเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดที่มีสร้อยคอทองคำขาวที่ห้อยจี้อักษรตัว N ประดับอยู่ ...กางเกงสแลคพอดีตัวสีเดียวกับสูทที่ขับเน้นให้เห็นขาเรียวยาวดูดีที่ก้าวเดินอย่างสง่า...ไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องไปยังร่างเพรียวบางที่กำลังเดินเคียงข้างครอบครัวบวรวัชรสิริกุล ที่นำมาโดยประมุขของบ้านอย่างคุณเดช ตามมาด้วยลูกชายและภรรยาคือคุณชัชและคุณพิชรัตน์ ตามหลังมาติดๆคือดินและเต้ย แต่อีกคนที่อยู่ตรงกลางทำเอาหัวใจของร่างสูงเต้นโครมคราม...เขาลืมไปได้ยังไงกันนะ
ทุกสายตามองไปยังครอบครัวเจ้าของงาน แต่สายตากลับไปหยุดอยู่ตรงร่างบางในชุดสูทสีฟ้าอ่อน...ทั้งๆที่ในงานทุกคนต่างใส่ชุดที่ดูดีในโทนสีเดียวกันตามกำหนดการในการ์ดเชิญ ...แต่ชายหนุ่มแปลกหน้าตัวเล็กที่เดินมาในขบวนบวรวัชรสิริกุลกลับเป็นจุดรวมสายตาของคนทั้งงานไปเสียแล้ว...รวมถึงผาด้วยเช่นกัน
น้ำรู้สึกประหม่ากับสายตาของคนทั้งงานจนดินที่จับมือเล็กของน้องอยู่ตลอดเวลาสัมผัสได้ถึงความเย็นและชื้นจากมือนั้นจนเขาต้องกระซิบปลอบน้องเบาๆว่าไม่ต้องตื่นเต้น จนน้ำคลายความประหม่าและตื่นเต้นลงไปได้บ้าง เขาที่ชินกับสังคมแบบนี้รู้ดีอยู่แล้วจึงไม่รู้สึกอะไรกับสายตาและคำพูดพวกนั้นมากนักแต่กับน้องชายของเขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนย่อมเป็นแบบนี้เป็นธรรมดา...แต่ก็ถือว่าคนตัวเล็กเก็บอาการภายนอกได้ดีไม่มีที่ติ...น้องเขานี่น่ารักจริงๆ ไม่เสียแรงเลยที่เฝ้าตามดู
ผู้อารักขาจำนวนหนึ่งเป็นเดินนำคุณเดชและลูกหลานขึ้นไปบนเวทีที่มีพิธีกรชายคนหนึ่งซึ่งปู่บอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องเขากำลังกล่าวต้อนรับพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวร
"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่สละเวลามางานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของหลานชายผมที่หายไปนานกว่ายี่สิบปี... มาหาปู่มา" คุณเดช ประมุขของบ้านหลังนี้เอ่ยกล่าวต้อนรับแขกอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเอ่ยเรียกคนตัวเล็ก หลานชายของเขาให้ขึ้นไปยืนข้างกัน...ถึงแม้อายุของท่านจะเลยวัยเกษียณมาแล้วแต่ความแข็งแรงและดูดียังมีอยู่ไม่จาง
น้ำหันมองหน้าพ่อแม่พี่ชายและเต้ยก่อนจะก้าวออกไปยืนข้างปู่ของเขาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สะกดทุกสายตาทุกคู่...
"..นี่คือหลานชายของผมที่ผมตามหามาตลอดเกือบยี่สิบปี..ครอบครัวของผมเฝ้ารอคอยที่จะรับเขากลับมาอย่างใจจดจ่อ..และวันนี้ผมก็เจอเขาแล้ว"
"..."
"...เขาต้องอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางผู้คนมากมายตั้งแต่ลืมตาดูโลก...เขาทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ยังเด็กเพื่อจะหาเงินส่งตัวเองเรียนสูงๆ...หวังว่าในวันที่หลานชายของผมอีกคนกลับมายืนตรงนี้ ทุกคนจะให้การต้อนรับและเอ็นดูเขา"
"...ครอบครัวเราเสียใจไม่น้อย ที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในความสำเร็จของเขา ไม่ได้ดูเขาเติบโตอย่างที่คนในครอบครัวควรจะเป็น..ถึงแม้เขาจะใช้ชีวิตมาอย่างโดดเดี่ยว แต่เขาก็เติบโตมาอย่ามีคุณภาพจนได้เป็นนักศึกษาแพทย์อย่างทุกวันนี้..." ...คุณเดชกล่าวจบก็ส่งไมค์ให้กับเขา พร้อมกลับพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงบอกว่าให้เขาพูดอะไรกับแขกตรงหน้าสักหน่อย...คนตัวเล็กรับไมค์นั้นมาด้วยมือที่สั่นน้อยๆ ก่อนจะมองไปยังแขกทั้งหลายด้วยความประหม่า...แต่ก็ยังคงเก็บอาการทางสีหน้าได้ดีเพราะว่าใบหน้าใสนั้นยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มสดใส
"..สวัสดี..ทุกๆท่านนะครับ เอ่อ..ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมพูดติดๆขัดๆ" คนตัวเล็กพูดติดๆขัดๆพร้อมด้วยอาการเขินอายที่มีออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนแขกทั้งหลายยกยิ้มตามด้วยความเอ็นดูในความน่ารักและเป็นธรรมชาติของหลานชายตัวเล็กของคุณเดช
"อย่างที่คุณปู่พูด..ที่ผ่านมา คือ..ผมไม่ได้มีชีวิตแบบนี้มาก่อน..ผมไม่คิดมาก่อนด้วยซ้ำ ว่าผมจะมีครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่ พี่ชายและปู่...ทุกสิ่งอย่างที่ผมเห็นและได้สัมผัสอยู่ตอนนี้ มันอยู่ในความฝันของผมมาตลอด...และตอนนี้ผมก็คิดว่าผมคงจะฝันอยู่.." น้ำหัวเราะออกมาน้อยๆกับความคิดตัวเอง แต่ก็ทำให้คนฟังทั้งหลายหัวเราะตามได้ไม่ยาก...
"ซึ่งถ้าหากมันเป็นฝัน มันก็คือฝันที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผ่านมาของผม...ผมอยู่มาได้ด้วยความหวังอันเล็กน้อยในใจว่าจะได้เจอพ่อกับแม่ในสักวัน เพราะฉะนั้นผมถึงต้องมีชีวิตที่ดี เพื่อให้ท่านรู้สึกภูมิใจที่มีผม... ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเร็วมาก มันเร็วจนผมยังไม่อยากจะเชื่อ ว่าแค่เพียงข้ามคืน ผมก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างในฝัน... ขอบคุณคุณปู่ คุณพ่อคุณแม่ แม่ดา พี่ดินแล้วก็เต้ยมากนะครับ...ที่ทำให้ผมมีวันนี้" เขายกมือไหว้ทุกคนด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา แต่ก็ยังคงรอยยิ้มมีความสุขอยู่เต็มใบหน้าสวย
"..ยังไงผมก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ..ถ้าหากผมทำสิ่งใดผิดไป ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ...ขอบคุณครับ" ..เขากล่าวเพียงแค่สั้นๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ก่อนจะโค้งตัวลงเชิงว่าฝากเนื้อฝากตัวตามที่เขาพูดเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับที่ได้รับเสียงปรบมือ
...ความเป็นธรรมชาติที่ออกมาจากคนตัวเล็ก ทำให้ได้รับความเอ็นดูเป็นอย่างมากจากผู้ใหญ่หลายๆท่าน ...ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในความคิดมันติดลบไปต่างๆนาๆ ว่าคงจะเชิดหน้าชูคอเป็นคางคกขึ้นวอเป็นแน่ ...แต่ท่าทางที่นอบน้อมและเขินอายแบบไม่ดัจริตอย่างใครหลายๆคนทำ ก็แสดงให้เห็นว่า...เพชรยังไงก็คือเพชรอยู่วันยังค่ำ ต่อให้มันจะจมอยู่ใต้โคลนตมยังไงมันก็ยังเป็นเพชร...
ยังจากที่กล่าวกับแขกเหรื่อในงานไปพอสมควรแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินไปทักทายกับแขกผู้ใหญ่ตามโต๊ะที่จัดให้นั่ง...จนมาถึงโต๊ะที่ตั้งอยู่เกือบสุดท้าย
"นั่นน้ำใช่มั้ยลูก..."
"..ครับม้า"
"..ท ทำไมน้อง.."
"สวัสดีค่ะคุณสุดา คุณสุเมษ..น้ำมาสวัสดีคุณน้าเขาสิลูก..." คำถามของผู้เป็นแม่ร่างสูงถูกขัดด้วยประโยคทักทายของคุณพิชรัตน์และลูกชายคนเล็กที่ประนมมือไว้อย่างนอบน้อมแต่แฝงไปด้วยความแข็งเกร็ง
คุณสุดามองหน้าน้ำด้วยความตกใจ ด้วยความที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าคนรักของลูกชายจะเป็นลูกของคนที่รู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดี...
"ไงมึง..ไหนตอนแรกบอกไม่มา" ดินเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทตัวเองหลังจากที่ยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่เสร็จแล้ว
ทั้งๆที่ตาควรมองหน้าเพื่อนตัวเอง แต่สายตากลับมองจ้องอยู่ที่คนตัวเล็กที่ยืนข้างกายเพื่อนสนิทไม่วางตา...อะไรกัน เจอหน้ากันทั้งทีไม่คิดจะเงยหน้ามาทักทายเขาบ้างเลยหรือไงกัน เรื่องนี้ก็ไม่ยอมบอกกัน...งอนสะดีมั้งเนี่ย
"อะไรวะไอ้ผา..กูพูดด้วยไม่พูดด้วยนะมึง...เอาแต่มองน้องกูอยู่นั่น" ดินเอ่ยแซวเพื่อนตัวเองอย่างเป็นต่อ...เพราะรู้ดีว่ามันคงทำอะไรมากไปกว่ามองไม่ได้
"ก็น้องมึงหน้าตาเหมือนแฟนกูเลยนี่...กูก็เลยมอง" น้ำเสียงที่มีแววตัดพ้ออยู่ในที ทำให้คนตัวเล็กที่ฟังอยู่ถึงกับช้อนตามอง...แต่ร่างสูงกลับหันหน้าหนีกันอย่างงอนๆ
"หึๆ น้ำ..สวัสดีพี่เขาหน่อยสิครับ...เพื่อนสนิทพี่เองมันชื่อผา ..ไอ้ผา นี่น้องกูชื่อน้ำ ยังไงฝากเป็นหูเป็นตาด้วยนะ กูไม่ชอบให้มีหมาแมวมายุ่มย่ามกับน้องกู" ..คนตัวเล็กยกมือไหว้ตามคำพี่ชายบอก แต่คนที่รับไหว้กลับทำหน้าบอกบุญไม่รับ...เพราะกำลังถูกกวนโมโหจากเพื่อนสนิท
"ไอ้ดินมึงง...กวนตีนกู" ผาพูดเสียงรอดไรฟันอย่างเจ็บใจ...
"หึๆ ...กูไปกวนอะไรมึงล่ะ"
"...ไม่คิดจะทักพี่บ้างเลยหรือ" ผาไม่สนใจคำพูดกวนประสาทของเพื่อนตัวดีอีกต่อไป..แต่หันไปพูดกับอีกคนที่ยืนก้มหน้าไม่สบตา
"คือ..น้ำ.."
"น้ำลูก...ไปหาคุณปู่กัน"
"ครับแม่..." น้ำที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาเพื่อตอบร่างสูงเป็นอันต้องตอบรับคำของมารดาแล้วเดินไปหา
"...ดินขออยู่คุยกับไอ้ผาก่อนนะครับ..เดี๋ยวดินตามไป" ดินเอ่ยบอกกับผู้เป็นแม่อย่างนั้นก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มน้องเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะผละไปลูบหัวทุยเบาๆแล้วผละออกมา...ทั้งๆที่คนที่ควรจะทำแบบนั้นได้ควรเป็นเขา แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่มอง
"มองอะไรน้องกูจังวะ"
"ไอ้ดิน...อย่ากวนตีนกู"
"อะไรวะ...กูก็แค่ถามดีๆ หึๆ"
"เลิกกวนตีนและเล่ามา.."
"กูนึกว่ามึงรู้แล้ว..."
"..." ผาไม่ตอบ แต่มองแก้วที่ถืออยู่ในมือนิ่ง
"...กูอยากจะบอกอะไรมึงอย่างนึง" ดินเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง ไร้แววเล่นๆอย่างเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิงจนผาเองปรับอารมณ์จริงจังตาม
"ว่ามา"
"...น้องกูเป็นผู้ชาย ถ้ามึงจะเล่นๆ มึงปล่อยน้องกูไปเถอะ...ถือว่ากูขอในฐานะเพื่อนและพี่ชาย" ถึงแม้ว่าดินจะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนเขาเองก็คงจะจริงจังอยู่บ้าง ดูจากที่ผ่านมา...แต่ในฐานะพี่ชายที่รักน้องก็อยากจะเตือนสติมันเพื่อป้องกันการเสียใจที่จะเกิดขึ้นกับน้องของเขา...
"ที่ผ่านมามึงเห็นมาตลอด...มึงเองน่าจะรู้อยู่แล้ว" ดินพยักหน้าตามคำที่ผาบอก...ตัวเขาเองคงไม่คิดจะขัดขวางอะไร..แต่ก็แอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าถ้าพ่อ แม่และปู่ของเขารับรู้..พวกท่านจะว่ายังไงบ้างแล้วจะรับกับเรื่องนี้ได้มากน้อยเพียงไหน...หากพวกท่านรับไม่ได้ ความรู้สึกของน้องเขาจะเป็นยังไง
"กูไม่รู้ว่าพ่อแม่กู...จะรับกับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า..." ดินเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวลพลางทอดสายตาไปยังครอบครัวของเขาที่กำลังยืนคุยกับแขกในงานอยู่อย่างออกรส
"กูก็ไม่รู้...แต่ยังไงก็คงต้องบอก"
"อืม...แล้วที่บ้านมึง?"
"กูบอกแล้ว...พ่อแม่ฟ้าไม่มีปัญหาอะไร"
"ก็ดี...ส่วนเรื่องวันนี้ถ้ามึงอยากรู้ มึงก็ถามน้องเอาแล้วกัน กูไปละ" ดินตบบ่าผาสองสามทีก่อนจะเดินออกไปหาครอบครัว...
หลังเลิกงาน ผาส่งพ่อแม่ของเขาขึ้นรถกลับบ้านพักที่เคยมาซื้อไว้เมื่อนานมาแล้ว ก่อนจะบอกคนขับรถให้ขับรถเขามาจอดทิ้งไว้ให้ ส่วนตัวเขาเข้ามานั่งเล่นรอคนตัวเล็กกลับเข้ามาในบ้านหลังนี้ที่ถูกแยกออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่ปู้และพ่อแม่ของคนตัวเล็กอยู่...บ้านของดินก็แยกออกมาอยู่ติดๆกันเช่นกัน...และที่เขาเข้ามาได้ก็เพราะดินนั่นแหละที่ให้เขาเข้ามาได้ /จริงๆแล้วบ้านสองหลังนี้เป็นหลังเล็กๆที่เอาไว้พักผ่อนนอนเล่นเวลาว่าง แต่ที่ตอนนี้ต้องลงมาอยู่บ้านหลังเล็กก็เพราะว่ายังทำการต่อเติมในส่วนของลูกชายคนเล็กไม่เสร็จ...
แกร๊ก!
"พ พี่ผา" ทันทีที่คนตัวเล็กเปิดประตูไม้เข้ามาภายในบ้านก็ต้องตกใจกับร่างสูงที่ยืนพิงเอวไว้กับราวบันไดมองมาทางเขา
ทันทีที่เห็นว่าคนที่รอคอยเปิดประตูกลับเข้ามาแล้วร่างสูงไม่นึกลังเลหรือรอคอยที่จะเดินเข้าไปสวมกอดอีกคนเอาไว้แทบจมอก ...
"ไม่บอกกันเลยนะตัวแสบ..."
"จะให้บอกยังไงครับ..."
"โทรมาก็ได้นี่..."
"...ตั้งแต่รู้เรื่อง น้ำก็ยังไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย"
"ถึงว่า...โทรไปก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่านไม่ตอบ"
"ขอโทษครับ..." คนตัวเล็กเอ่ยขอโทษพลางซุกหน้ากับแผงอกอย่างออดอ้อนสองมือเล็กขยุ้มชายเสื้อสูงของอีกคนไว้แน่น
"อ้อนกันแบบนี้..จะงอนก็ไม่ได้อีก"
"ฮื่อออ~ น้ำให้งอน...เดี๋ยวน้ำง้อ" น้ำผละออกมาช้อนตามองหน้าอีกคนอย่างน่ารัก จนร่างสูงก้มลงหอมแก้มคนน่ารักอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะปิดท้ายด้วยจูบหนักๆที่ริมฝีปากอิ่มหนึ่งที
"อย่าน่ารักมากได้มั้ย" อีกคนบอกเสียงพร่า...ร่างสูงต้องรวบตัวคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้แน่น...เพราะรู้สึกว่าหากมองหน้าน่ารักๆของอีกคนต่อไป...คงไม่หยุดแค่หอมแก้มเป็นแน่...และอีกอย่างที่เขารับรู้ได้คงเป็นความคิดถึงที่มีมากเหลือเกิน ทั้งๆที่เพิ่งจะห่างกันมาได้แค่สองวัน เขาเองก็ไม่คิดหรอกว่าจะคิดถึงคนๆนึงได้มากมายขนาดนี้...แต่พอได้เห็นหน้า ได้กอดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลก็แทบทะลักออกมา...จนต้องกอดอีกคนไว้แนบอกเช่นนี้ และเพราะว่ามัวกอดให้หายคิดถึงนี่แหละ...จึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา
แกร๊ก!
"น้ำลูก..." เสียงเรียกที่แสนอ่อนโยนนั่นทำให้น้ำผละออกจากอกร่างสูงทันทีราวกับโดนไฟช้อต
"แม่ครับ...คือน้ำ..." น้ำละลำ่ละลักจะอธิบายขึ้นมาทันทีอย่างห้ามไม่อยู่ ..หน้าเสีย ยิ้มไม่ออกเพราะมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ที่ผู้เป็นแม่ต้องมาเห็นลูกชายตัวเองยืนกอดกับผู้ชายอีกคน...แต่แทนที่แม่ของเขาจะโกรธหรืออาจจะต่อว่าเขา ท่านกลับทำเพียงยิ้มให้นิดๆยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆก่อนจะหันไปมองผา ที่ยืนห่างออกไป
"หนูอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็พาพี่เขาไปบ้านใหญ่ด้วยนะลูก..." ผู้เป็นแม่เอ่ยออกมาเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ยังคงมีอยู่เต็มใบหน้า
ถึงแม้แม่ของเขาจะไม่ได้แสดงท่าทางว่าโกรธเคืองอะไรออกมาแต่ใบหน้าสวยก็ยังคงซีดเผือดเพราะเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เขาเพิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้แท้ๆ แต่กลับสร้างเรื่องให้หนักใจอีกจนได้...มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก ที่จะยอมรับได้ง่ายๆว่าเขาเป็นแบบนี้...ถ้าหากว่าแม่ของเขาเสนอทางเลือกให้ เขาเองก็คงเลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเอายังไง...เพราะความรักที่มีให้คนทั้งสองฝ่ายมันแตกต่างกัน จะให้เลือกอีกฝ่ายเพื่อตัดอีกฝ่ายนึงออกไป...มันคงรู้สึกแย่น่าดู
"ไม่เป็นไรคนดี...ทุกอย่างมันต้องดีแน่นอน พี่สัญญา" ผาเข้าสวมกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง กดจูบตรงขมับและเอ่ยคำสัญญาออกมาอย่างหนักแน่นจนคนในอ้อมกอดอดยอมรับไม่ได้ว่ามันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
"...เป็นแฟนกับหลานปู่รึ"
"ครับ.."
"ฮ่าๆ ...สาวๆก็เยอะแยะไม่ใช่หรือเรา ทำไมถึงมาคบกับน้องล่ะ"
หลังจากที่คนตัวเล็กอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เขาก็พากันมายังบ้านใหญ่ยังคำบอกของคุณพิชรัตน์ ...และตอนนี้ เขาก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ดูสบายๆ แต่บรรยากาศที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้มันกลับดูไม่สบายเอาเสียเลย
ทั้งปู่ ทั้งพ่อทั้งแม่ หรือแม้แต่ดินเองก็นั่งอยู่ด้วยกันในห้องพร้อมกับคำถามง่ายๆถึงความสัมพันธ์ของเขากับหลานชายคนเล็ก ที่ออกมาจากประมุขของบ้าน...เขาคิดว่าน่าจะรับมือได้ง่ายๆ แต่เขากลับคิดว่ามันไม่ง่ายเลย...ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว
ท่าทางสบายๆของคนทั้งบ้านแต่แฝงไปด้วแววของความไม่พอใจ กับเรื่องที่รับรู้มา...
หลานชายของเขาน่ะหรือจะคบกับเสือร้ายอย่างผาได้...
"...ผมรักน้ำครับปู่"
"หึๆ มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ" ปู่ของคนตัวเล็กส่งเสียงในลำคอ พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นถาม
ปู่ของน้ำไม่ใช่เป็นคนที่ถ้าเวลาจริงจังจะเคร่งขึม และดุมากคนหนึ่ง และข้อนี้ผมก็รู้ดีเพราะว่าผมสนิทกับบ้านนี้มากจนแทบจะเป็นลูกชายคนนึงของบ้านนี้
"ผมรู้ครับว่ามันไม่ง่ายเลย...แต่ผมรักน้องจริงๆ" ...และก็คิดว่ารักมานานแล้ว
"น้องยังเด็ก...น้องต้องการเวลา และน้องก็มีความฝัน..."
"อายุไม่ได้เป็นปัญหาของผม...ถึงต่อไปข้างหน้าผมจะงานยุ่งแต่ที่หนึ่งของผมคือจะเขา...และไม่ว่าเขาจะมีความฝันอะไร ผมก็จะคอยสนับสนุนเขาอยู่ข้างๆแน่นอนครับ..." ผาเอ่ยบอกอย่างหนักแน่นและจริงใจ แววตาและน้ำเสียงมั่นคงจนคนฟังเองก็ต่างเชื่อในคำพูด...และจากสิ่งที่ตามเฝ้าดูมา อีกฝ่ายก็ดูแลน้ำคนตัวเล็กได้อย่างดี...แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ สิ่งที่ได้มาง่ายๆมักจะไม่มีคุณค่า...
"เอาเถอะๆ...ถึงพูดไป ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ปู่ไม่อยากฟังนักหรอก...แต่จะรอดู" คุณเดชบอกเขาพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก เช่นเดียวกับคุณพิชรัตน์และคุณชัช ที่มองเขาด้วยบรรยากาศที่ดีขึ้น...ร่างสูงยิ้มรับ หันไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งยักคิ้วให้เขาอยู่ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ "ขอบคุณปู่มากนะครับ..สำหรับโอกาส" ...สัญญาจากใจว่าจะรักษาเอาไว้อย่างดี
เสียดายที่คนตัวเล็กไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยเพราะถูกคุณเดชสั่งให้ขึ้นไปเต้ยที่ดูเหมือนจะไม่สบาย ตั้งแต่เขามาถึง...ไม่รู้ว่าป่านนี้จะคิดมากไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ถึงจะเป็นห่วงถึงจะอยากเจอ...แต่วันนี้ก็คงทำได้แค่นี้ แต่ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแค่ไหนแล้ว...
"ผมกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ...ไปก่อนนะไอ้ดิน" ร่างสูงยกมือไหว้ลาพ่อแม่และปู่ที่กำลังเดินแยกออกไปขึ้นบันไดเพื่อไปพักผ่อน...
"...ไม่รอเจอน้องกูก่อนหรอ รายนั้นคงกังวล" ดินบอกอีกคนที่กำลังจะเดินพ้นประตูใหญ่พร้อมกับใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางด้านหลังให้อีกคนได้ดูว่าคนตัวเล็กกำลังเดินลงมา...
"ไปส่งน้องกูที่บ้านเล็กด้วย... น้ำ เดี๋ยวให้ไอ้ผาไปส่งน้ำนะ พี่ว่าจะออกข้างนอกหน่อย จุ๊บ" ดินบอกกับร่างสูงก่อนจะเดินไปบอกกับน้ำ ก้มลงจุ๊บที่ผมนิ่มทีหนึ่งแล้วผละออกไป
"ปะ..พี่ไปส่ง" ผายื่นมือให้น้ำจับ ก่อนจะเดินออกไปยังบ้านหลังเล็กด้วยกัน...ถึงตลอดทางเดินจะสว่างไสวไปด้วยไฟประดับ...แต่ก็ยังอยากจะเดินมาส่งอยู่ดี...
"ฝันดีนะคะคืนนี้..." ถึงหน้าประตูไม้แล้วผาก็บอกลาคนตัวเล็กบ้าง..แม้จะไม่อยากลาเลยก็ตามเถอะ อยากนอนกอด อยากหอม อยากมอนิ่งคิส...เห้ออ
"อื้ม พี่ผาก็ด้วยนะ" คนตัวเล็กก้มหน้าบอก...ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองกันแต่มือเล็กก็ยังไม่ยอมปล่อยจากมือเขาไปเลย
"ทำไมก้มหน้าแบบนี้คะ พี่จะไปแล้วนะ..ไม่มองหน้ากันหน่อยหรอ หื้ม?" ร่างสูงเชยคางอีกคนนึงขึ้นมา...
"...ดีมั้ย" คำถามที่มีเพียงแค่สองพยางค์ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนตัวเล็กของเขาหมายถึงเรื่องอะไร... เขายิ้มขำ เอามือลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเอ็นดู
"ดีสิคะดีมากด้วย พี่ผาซะอย่าง ...ไม่ต้องกังวลหรอก ท่านทั้งสามคนไม่ได้ว่าอะไร...แต่ก็คงจะตกใจนั่นแหละที่ได้ทั้งลูกชายและลูกเขย" ...โดนฟาดไปหนึ่งที
"บ้า...แม่กับพ่อยังไม่ได้รับพี่ผาเป็นลูกเขยซะหน่อย"
"ฮ่าๆ ยังไม่ยอมรับเดี๋ยวพี่ก็ทำให้ท่านยอมรับเองไม่ต้องห่วง... ปะ ขึ้นนอนได้แล้วค่ะดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาหานะคะ จุ๊บ" ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้ลูบหัวกลมเบาๆก่อนจะจุ๊บลงไปหนึ่งที
"ครับ...ขับรถกลับดีๆนะครับ" ผาตัดใจผละออกมาโบกมือให้คนตัวเล็กแล้วหันหลังเดินกลับไปทางเก่าก่อนจะขับรถกลับออกไปโดยมีคนตัวเล็กมองตามจนสุดสายตา ก่อนจะเปิดประตูบ้านเข้าไปเพื่อพักผ่อนบ้าง...
คนตัวเล็กเข้ามายังห้องนอนของตัวเอง จัดการล้างมือล้างเท้าเตรียมตัวเข้านอน ...ถอดสร้อยเส้นสวยที่ใส่มาตลอดทั้งวันออก..เก็บใส่ไว้ในกล่องเหล็กราคาแพงที่เขาได้มาเมื่อนานมาแล้ว...
...เขาไม่รู้จะขอบคุณใครดี... จะขอบคุณพ่อแม่ปู่และพี่ชายที่ตามหาเขา หรือจะขอบคุณใครสักคนหนึ่งที่เก็บสร้อยมาคืนเขาในวันที่เขาทำมันหายไป...
100%
...To Be Continued...
talk
ขอบคุณสำหรับคอนเม้นต์ติชมน้า เค้าจะเอาไปปรับปรุงแก้ไขในเรื่องต่อๆไปน้าา ขอบคุณมากๆนะคะ อ่านให้สนุกนะคะ ผิดพลาด หรือไม่ถูกใจประการใดก็ต้องขอโทษด้วยน้าาา ติชมกันได้เขาอยากพัฒนาฝีมือ