Twenty First Drop 100% Re-Writeเมื่อถึงกำหนดส่งงานครั้งที่สองหรือครั้งสุดท้าย จาณีนแทบจะหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่ธัญชนกพอใจและปลาบปลื้มกับงานนี้มาก หลังจากที่เธอได้ปรับรายละเอียดหลายอย่างจนกว่าจะถูกใจและปรับเปลี่ยนในระยะเวลาที่เป็นงานด่วนด้วย จาณีนก็ดีใจมากที่งานชิ้นนี้มันสำเร็จลงได้
“ธัญอยากเลี้ยงมื้อกลางวันคุณจาค่ะ ใจจริงอยากจะเลี้ยงมื้อเย็นเลย จะได้คุยกันยาวๆ แต่วันนี้ธัญมีนัดทานข้าวกับพี่มนน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ เลยได้แค่ช่วงกลางวัน”
“เอ่อ...” จาณีนตอบไม่ถูก ถ้าระหว่างที่ทานอาหารด้วยกัน ธัญชนกเล่าแต่เรื่องของศมน เขาไม่แน่ใจว่าจะทนฟังจนจบได้หรือไม่
“อย่าปฏิเสธเลยนะคะ คราวก่อนก็ครั้งหนึ่งแล้ว ถือว่าขอบคุณสำหรับโปรเจ็คนี้ค่ะ ธัญรู้ว่าตัวเองเรื่องมาก คือธัญอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เลยปรับเปลี่ยนแก้บ่อย คุณจาคงไม่ชอบที่ธัญขอเปลี่ยนหรือแก้งานอยู่บ่อยๆ ใช่มั้ยคะ”
“ไม่เลยครับ ในฐานะลูกค้า คุณธัญมีสิทธิ์อยู่แล้วครับ” จาณีนตอบตามความจริง
“ถ้างั้น ทานข้าวกันนะคะ”
“ก็...ได้ครับ” จาณีนเลยต้องจำใจตกปากรับคำอีกฝ่ายไป
มื้อนั้นจาณีนทานอาหารแบบเกร็งๆ ระวังตัวเพราะกลัวว่าธัญชนกจะคอยเล่าเรื่องของใครอีกคน แต่โชคดี ธัญชนกไม่ค่อยพูดถึงศมนนัก เธอชวนเขาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ตบท้ายด้วยเรื่องโปรเจ็คที่เจ้าตัวถูกใจกับมันหนักหนา หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ไม่น่าอึดอัดเท่าไหร่นัก แล้วมันก็สิ้นสุดลงเมื่อธัญชนกเรียกพนักงานมาคิดเงิน
“กรี๊ดด ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” เสียงของธัญชนกหวีดขึ้นอยู่ข้างตัวจาณีน ตอนที่ทั้งคู่ก้าวเดินออกมาจากร้านอาหาร หญิงสาวร้องเสียงดังเพราะถูกแรงกระชากจากข้างหลังและพบว่ามีดแหลมขนาดไม่ใหญ่นักกำลังจี้อยู่ที่คอของเธอ
“คุณจา...ช่วยธัญด้วยค่ะ” ธัญชนกร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ
“ไม่เป็นไรนะครับ คุณธัญอย่าร้องไห้ครับ ตั้งสติไว้”
“เอาเงินมา เอาเงินมาให้หมด” โจรที่ถือมืดอยู่ตะโกนเสียงดังที่ข้างธัญชนก
“ปล่อยฉันสิ เดี๋ยวฉันเอาเงินให้หมดเลย เงินอยู่ในกระเป๋านี้” หญิงสาวพูดจาลนลาน
“คุณอยากได้อะไร เงินเหรอ งั้นปล่อยผู้หญิงคนนี้ก่อนครับ” จาณีนถามเพื่อสอบถามความต้องการคนร้าย เขาจะต้องทำยังไงดี เด็กหนุ่มไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
“ปล่อยให้โง่สิ ปล่อยก็ไม่ได้เงิน” โจรยังเถียง ดูจากท่าทางภายนอกแล้ว จาณีนคิดว่าโจรคนนี้เหมือนคนที่ติดยาเสพย์ติด เขาจะต้องระวังคำพูดให้มากที่สุด
สายตาของจาณีน พลันไปเห็นพันธกานต์ที่วิ่งแทรกเข้ามาในกลุ่มคนที่กำลังยืนมุงดูเหตุการณ์ เขารีบบอกให้ บอดี้การ์ดหนุ่มโทรแจ้งตำรวจให้เร็วที่สุด พันธกานต์จึงถอยหลังออกไปเล็กน้อยเพื่อเบี่ยงตัวออกมาโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าโจรจะรู้ว่าพวกเขาโทรหาตำรวจและทำอะไรไม่ดีลงไป
“ปล่อยผู้หญิงก่อนนะครับ คุณอยากได้เงินเท่าไหร่” จาณีนถามคนร้ายอีกครั้ง
“ไม่ปล่อย เอาเงินมา มีเท่าไหร่ก็เอามาให้หมด”
“แต่ถ้าจับฉันไว้แบบนี้ ฉันก็จะหยิบเงินให้นายไม่ได้” หญิงสาวพูดขึ้นมา
“เงียบ!!” โจรตวาดธัญชนกดังลั่น เธอจึงยืนตัวสั่นอยู่แบบนั้น
“ถ้าขืนคุณยังจับผู้หญิงเอาไว้แบบนี้ เธอก็จะเอาเงินให้คุณไม่ได้ เอางี้นะครับ แลกตัวกัน คุณจับผมแทนละกัน เธอจะได้หยิบเงินให้คุณได้ไง ดีมั้ยครับ” จาณีนพยายามหว่านล้อม
“คุณจาไม่ได้นะคะ/นะครับ” เสียงธัญชนกกับพันธกานต์พูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเป็นห่วงคุณธัญ เธอเป็นผู้หญิงและเป็นคู่หมั้นของคุณศมน” จาณีนตอบเบาๆ นัยน์ตาโศกนั้นถึงจะดูเศร้าสร้อยแต่ก็เด็ดเดี่ยวในคำพูด
“คุณจาไม่ต้องทำเพื่อธัญขนาดนี้หรอกค่ะ” ธัญชนกรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างที่เธอคอยกลั่นแกล้งจาณีนเรื่องงานที่ผ่านมา เพราะเธอโกรธศมนและจาณีนด้วยกันทั้งคู่ ที่ปิดบังเรื่องนั้นกับเธอ
“ผมยินดี”
“ให้ผมไปแทนคุณจานะครับ” พันธกานต์พูดขึ้น
“จะเอาไงวะ มัวแต่พูดกันอยู่นั่น รำคาญโว้ย!!” โจรตวาดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้การถกเถียงของสามคนนั้นต้องหยุดชะงักลง
“กรี๊ดดดด” เสียงหวีดร้องของธัญชนกดังขึ้นอีกครั้งเมื่อโจรนั้นเอามีดจิ้มที่คอเธอเบาๆ จนเลือดซึมออกมา
“เปลี่ยนตัวกันนะครับ” จาณีนบอกธัญชนก แต่หญิงสาวเลือกส่ายหน้าเบาๆ
“เร็วๆ ดิวะ” โจรเร่ง
“ผมจะนับหนึ่งถึงสามนะครับ คุณก็ปล่อยตัวผู้หญิงคนนี้ออกมา แล้วผมจะเข้าไปหาคุณนะครับ ตกลงมั้ย” จาณีนบอกให้สัญญาณ
“เออ”
“หนึ่ง” ใจของเด็กหนุ่มเต้นตุบๆ เขาไม่เคยทำอะไรขนาดนี้มาก่อน
“สอง” แต่เขาก็ยินดี....
“สาม” จาณีนวิ่งเข้าไปหาโจร ในจังหวะที่โจรก็เหวี่ยงธัญชนกออกมาด้วยเช่นกัน
จาณีนไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปเป็นตัวประกันตั้งแต่แรก เมื่อโจรผลักธัญชนกออกมาแล้ว จาณีนก็รีบแย่งมีดออกจากมือของโจรคนนั้น พันธกานต์รับตัวของธัญชนกได้ทันทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปช่วยจาณีนในจังหวะนั้นได้
โจรมีแรงไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จาณีนก็คิดว่าโชคดีที่ศมนให้เขาไปเรียนการป้องกันตัวมาตั้งเยอะมันคงช่วยได้บ้าง และมันก็ช่วยได้จริงๆ ตอนที่จาณีนพลิกมือของอีกฝ่ายให้หงายขึ้นจนมีดหลุดออกจากของผู้ร้ายคนนั้น และเขาจึงล็อคมือทั้งสองข้างของโจรนั้นไว้ด้านหลังเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต่อสู้เขาได้อีก
หลังจากเหตุการณ์สงบลง ตำรวจเข้ามาจัดการเรื่องราวที่เหลือต่อ ตอนนี้ จาณีน พันธกานต์และธัญชนกจึงอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะทั้งคู่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บ
“เธอ...เป็นไงบ้างจา” น้ำเสียงร้อนรนที่เห็นได้ไม่บ่อยนักจากศมนถามขึ้น เมื่อเจ้าตัวเดินมาถึง ทำให้ธัญชนกที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับน้อยใจอยู่ภายใน
“....” จาณีนยังไม่ได้ตอบอะไร ศมนก็พูดขึ้นต่ออีกครั้ง
“เอ่อ...น้องธัญ พี่ไม่ทันเห็น น้องธัญเป็นยังไงบ้าง” ศมนรีบถามธัญชนกเมื่อเขาสำนึกได้ว่าไม่ได้มีเพียงเขาและจาณีนอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ไม่เป็นไรค่ะ เล็กน้อย แต่คุณจา เจ็บที่แขนและฝ่ามือเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวตอบ
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ศมนถามจาณีนอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง เขาอยากจะจัดการโจรคนนั้นให้หายไปจากโลกนี้เสียเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรครับ บาดแผลเล็กน้อย ไม่ได้ลึกอะไรมากมาย หมอให้ทานยา ล้างแผลเดี๋ยวก็หายแล้วครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับคุณศมน” จาณีนพยายามอธิบายให้เรียบเฉยมากที่สุดเพราะไม่อยากให้ธัญชนกผิดสังเกต
“ธัญ เดี๋ยวพี่ไปส่ง...เอ่อ...หรือกานต์ไปส่ง” นี่เป็นครั้งแรกที่ธัญชนกเห็นศมนนั้นไม่เป็นตัวของตัวเองมากขนาดนี้ สาเหตุเหล่านี้ไม่ได้เกิดมาจากเธอ แต่กลับมาจากเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอต่างหาก
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่จะมารับธัญเองค่ะ ขอบคุณพี่มนมากนะคะ”
“ขอโทษด้วยนะ ที่พี่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่มนคะ ธัญขอคุยกับคุณจา ตามลำพังสักครู่ได้มั้ยคะ ธัญอยากขอบคุณเรื่อง
ที่คุณจาช่วยเหลือธัญน่ะค่ะ”
“ครับ ตามสบาย” ศมนพูดจบก็ออกไปยืนรอให้ห่างจากคนสองคน ธัญชนกมองตามจนแน่ใจว่า ไม่มีใครได้ยินแล้วแน่ๆ จึงพูดกับจาณีน
“คุณจาคะ”
“ครับ”
“เรื่องวันนี้ขอบคุณคุณจาจริงๆ นะคะ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยธัญ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริงๆ นะครับ”
“คุณจาใจดีจังเลยนะคะ ไม่แปลกเลยที่พี่มนรักคุณจา”
“คะ....คุณธัญทราบ?” เด็กหนุ่มตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“ค่ะ ธัญทราบเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ธัญโกรธ ก็เลยกลายเป็นผู้หญิงที่นิสัยไม่ดี คอยแกล้งคุณจา เอาเรื่องงานมาอ้าง ขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำตัวแย่ๆ ทำเรื่องแย่ๆ กับคุณจา ยกโทษให้ธัญด้วยนะคะ”
“ไม่เลยครับ ผมไม่เคยโกรธคุณธัญเลย”
“เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้ธัญรู้ว่าคุณจาเป็นคนดีมากเลยค่ะ ช่วยเหลือธัญ ทั้งที่จริงๆ แล้วคุณควรจะเกลียดธัญด้วยซ้ำที่มาแย่งพี่มนไปจากคุณ แต่คุณก็ไม่ทำ ธัญขอโทษนะคะ ธัญยอมแพ้แล้วค่ะ” หญิงสาวร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“อย่าขอโทษผมเลย คุณธัญไม่รู้เรื่องของผมกับคุณศมนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยครับ อย่าโทษตัวเองเลย ยอมรับว่าผมเสียใจมากที่ผมไม่สามารถอยู่กับคุณศมนได้ แต่ผมคิดว่าคุณธัญก็เหมาะสมกับคุณศมนครับ อย่างน้อยผมก็ดีใจที่คุณศมนจะมีคู่ครองที่เป็นผู้หญิงดีๆ อย่างคุณธัญนะครับ”
“คุณจา...ขอบคุณนะคะ แต่ธัญตัดสินใจแล้วค่ะว่าจะไม่แต่งงานกับพี่มน”
“เพราะผม?” จาณีนรู้สึกไม่สบายใจถ้าการตัดสินใจของอีกฝ่ายนั้นเกิดจากตัวเขา
“หลายๆ เหตุผลค่ะ ไม่ใช่เพราะคุณจาเพียงคนเดียวหรอกค่ะ ธัญคิดมาเสมอว่า ธัญคงไม่ดีใจหรอก ถ้ารู้ว่าผู้ชายที่เราแต่งงานด้วย หัวใจเขามีเจ้าของแล้ว มันไม่ภูมิใจเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น ธัญจะคืนพี่มนให้คุณนะคะ ธัญอยากเห็นคุณมีความสุขค่ะ”
.
.
“พี่มน ทานอะไรดีคะวันนี้” ธัญชนกเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี เพราะช่วงนี้ศมนดูเหมือนจะใส่ใจเธอมากขึ้นกว่าเดิม ปกติแล้วน้อยครั้งที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายชวนเธอออกมาทานอาหาร นอกเหนือจากนี้ โอกาสที่เธอจะได้ทานอาหารกับศมนนั้นเป็นช่วงที่ไปพร้อมกับลูกค้าเท่านั้น และมื้ออาหารนี้ก็เป็นการชดเชยจากมื้อเมื่อคราวก่อนที่ต้องถูกยกเลิกไปจากเหตุการณ์ร้ายนั้น
“ตามใจน้องธัญเลยครับ พี่ทานได้หมดทุกอย่าง”
“พี่มนเลือกอาหารที่อยากทานบ้างสิคะ มากับธัญทีไรก็ตามใจธัญตลอดเลย”
“ไม่ดีหรือครับ” ศมนยิ้มกว้างให้หญิงสาว จนสองข้างแก้มนั้นเป็นรอยบุ๋มจากลักยิ้มของเจ้าตัว แค่นั้นก็ทำให้ ธัญชนกถึงกับหน้าแดงเห่อร้อนขึ้นมาทันที เพราะเธอก็ไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้านี้บ่อยนัก
“จะว่าดีมันก็ดีค่ะ แต่ไม่รู้ว่าหลังแต่งงานจะตามใจธัญเหมือนเดิมอย่างนี้หรือเปล่า” หญิงสาวพูดแก้เขิน แต่รอยยิ้มคนตรงหน้าก็กลับหุบลงฉับพลัน
“ขอโทษค่ะ ธัญพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ”
“น้องธัญไม่ได้พูดอะไรผิดครับ ไม่มีอะไรหรอก ตกลงมื้อนี้จะตามใจพี่ใช่มั้ย” ศมนรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้บรรยากาศต้องมาขุ่นมัว
“ใช่ค่ะ สรุปพี่มนทานอะไรดีเอ่ย”
“ถ้าอย่างนั้นลองทานอาหารไทยบ้างมั้ย เปลี่ยนเมนูบ้าง กินแต่เส้นๆ ชีสๆ เบื่อหรือยังครับ”
“ใจตรงกันเลยค่ะ ธัญก็กำลังเริ่มเบื่ออาหารฝรั่งเต็มที ลูกค้านัดทานแต่อาหารพวกนี้ตลอดเลย”
“อยากทานอะไร สั่งได้เต็มที่เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจพี่”
“แน่นอนค่ะ พี่มนเป็นเจ้ามือทั้งที ธัญไม่ยอมปล่อยผ่านแน่นอน”
“อย่าสั่งจนพี่หมดตัวล่ะ” ศมนหัวเราะในลำคอ
“พูดดักธัญก่อนเลยเหรอคะ ใจร้าย”
“พี่พูดเล่นน่ะ น้องธัญสั่งได้เต็มที่เลย”
“พี่มนน่ารักที่สุดเลย”
ศมนขับรถพาธัญชนกมาถึงร้านที่ตัวเองเลือกพอดี ทั้งคู่ได้ที่นั่งบริเวณมุมของร้าน ไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่าน เดินผ่านมาตรงนี้เท่าไหร่นัก ซึ่งศมนค่อนข้างพอใจเพราะเขาไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย พนักงานก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะคนไม่ค่อยแน่นขนัดเท่ากับช่วงหัวค่ำแล้ว พวกเขาสองคนมาทานมื้อค่ำที่เรียกว่าค่อนข้างดึกอยู่พอสมควร
บทสนทนาในวันนี้ค่อนข้างไหลรื่นไปอย่างไม่ติดขัดอะไรนัก เพราะธัญชนกผูกขาดการเล่าเรื่องอยู่เพียงคนเดียว ศมนพยักหน้าบ้าง ไม่ก็คอยตอบรับหญิงสาวอยู่เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ธัญชนกคิดว่าเขาไม่สนใจเธอ ศมนทำไปด้วยความเคยชินเคยชินเมื่อต้องการเข้าสังคม ไม่ได้เคยชินเพราะเป็นตัวของตัวเอง แต่ศมนก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือหงุดหงิด เจ้าตัวกลับคิดว่าดีเสียอีก เพราะเขาจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องมาชวนอีกฝ่ายพูดคุย
ไม่เหมือนกับเวลาที่ชายหนุ่มอยู่กับใครอีกคน เขาเป็นตัวของตัวเอง เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง ดังนั้นเมื่ออยู่ด้วยกัน เขากับเด็กหนุ่มไม่ค่อยพูดคุยอะไรกันมาก มักจะนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ จาณีนมีอะไรทำของตัวเอง เขาเองก็มักจะทำงาน แค่นั้นมันเพียงพอแล้วสำหรับเขา
พวกเขาเจริญอาหารได้ดีคงเป็นเพราะว่ารสชาติของร้านนี้ถูกปากพวกเขาทั้งคู่ ประกอบกับไม่ได้ทานอาหารไทยมานาน ไม่นานอาหารที่ถูกสั่งมาก็พร่องไปมาก ธัญชนกรวบช้อนส้อมเรียบร้อย หญิงสาวยกน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วแล้วหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปาก เป็นอันว่าแสดงว่าเจ้าตัวนั่นได้อิ่มมื้ออาหารนี้แล้ว
ศมนมองอิริยาบถของหญิงสาว ท่วงท่าของธัญชนกเต็มไปด้วยความเคยชินประกอบกับมารยาทที่ได้รับการอบรมและถูกสอนมาเป็นอย่างดีในการวางตัวเวลาที่เข้าสังคม ชายหนุ่มพลันคิดถึงใครอีกคนที่เคยทำให้เขาถึงกับหลุดขำกับมารยาทบนโต๊ะอาหารตอนที่เจ้าตัวต้องไปทานมื้อค่ำสุดหรูกับเขา
.
.
“ทำไมไม่กินล่ะ” ศมนถามด้วยความสงสัยในขณะที่เขาเริ่มลงมือทานไปบ้างแล้ว แต่สายตาก็เหลือบมาเห็นคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ยังไม่เริ่มทานเสียที
“คือ..ว่า...”
“หืม”
“คุณอย่าหัวเราะผมนะครับ แต่ว่าไอ้ช้อนส้อมหลายคู่เนี่ย ผมใช้ไม่ถูกอะ ไม่รู้จะหยิบอันไหนขึ้นมาใช้ก่อน”
“อย่างนั้นเหรอ” ศมนไม่ได้หัวเราะกับความไม่รู้ของเด็กหนุ่ม แต่เขากำลังยิ้มให้กับท่าทีประดักประเดิดของอีกฝ่ายนั้นมากกว่า ศมนเติบโตมาท่ามกลางคนที่คล่องในการเข้าสังคมด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารนั้นอย่างคล่องแคล่ว ปราศจากความเคอะเขิน ผิดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าเขา
เขาชอบที่อย่างน้อยจาณีนก็ยอมรับมาตรงๆ ไม่แสร้งทำเป็นเก่งหรือทำเป็นอวดรู้ นั่นก็แสดงว่าเจ้าตัวค่อนข้างเปิดเผยให้เขาได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเด็กหนุ่มอยู่มากทีเดียว ศมนในเวลานี้ รู้สึกดีใจ อย่างน้อยเขาก็ได้เป็นคนที่เห็นอีกมุมหนึ่งของจาณีน
“คุณศมน อย่าหัวเราะผมสิครับ รับปากผมแล้วนี่” จาณีนท้วงสัญญากับอีกฝ่าย
“ฉันไม่ได้ตกลงอะไรกับเธอเลย จาณีน มีแต่เธอเท่านั้นที่พูดเองเออเองทั้งหมดไม่ใช่หรือ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ก็ผมใช้ไม่เป็นจริงๆ นี่ครับ”
“ฉันไม่ได้หัวเราะเธอสักหน่อย เอาล่ะๆ ย้ายที่นั่งมานั่งข้างๆ ฉันสิ เดี๋ยวฉันสอนให้” ศมนเรียกพนักงานเพื่อมาย้ายอุปกรณ์และอาหารตรงหน้าของจาณีนมาอยู่ทางฝั่งขวามือ ข้างๆ กายศมน
“เสร็จแล้วครับ” จาณีนบอกอีกฝ่ายเมื่อย้ายที่นั่งมาเรียบร้อย
“ปกติแล้ว ร้านจะเสิร์ฟอาหารโดยเริ่มต้นจากขนมปังก่อน ก็ใช้มือบีแล้วกินได้เลย ไม่ต้องใช้มีดมาหั่น” ศมนหยิบขนมปังตรงหน้าขึ้นมาบีออกพอดีคำแล้วก็ใส่เข้าปาก เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วก็ทำตาม”
“ถัดมา คือซุป นั่นก็คือจานที่เรากำลังจะกินอยู่ตอนนี้ ให้เธอสังเกตง่ายๆ ว่าช้อนซุปจะอยู่ทางขวามือด้านนอกสุดเสมอ แต่หลักการทั่วไปง่ายๆ ก็คือให้เริ่มหยิบช้อนส้อมที่อยู่ข้างนอกสุดเข้ามาด้านใน” ศมนไม่ได้หยิบช้อนซุปขึ้นมาเพราะช้อนคันที่ว่านั่นอยู่ถ้วยซุปไปตั้งแต่ทีแรกแล้ว
“ครับ” จาณีนรับคำ เด็กหนุ่มกำลังตั้งใจเรียนรู้อย่างจริงจัง
“เวลากินก็ไม่ยาก ค่อยๆ ใช้ช้อนตักน้ำซุปออกจากตัวแบบนี้” ศมนทำให้ดู “ไม่ต้องตักเยอะล่ะ ถ้าจะปาดก้นช้อนก็ปากที่ขอบจานเบาๆ อย่างนี้”
“ครับ” จาณีนทำตามทันที ศมนเห็นแล้วก็อดเอ็นดูคนตรงหน้าไม่ได้ ดูช่างไร้เดียงสา
“เวลาเธอจะยกช้อนขึ้นมาตักเข้าปากเนี่ย ก็อย่าตักเข้าปากตรงๆ แบบนี้ ให้ซดน้ำซุปจากด้านข้างของช้อน แล้วก็ระวังอย่าซดเสียงดัง หรือทำช้อนกระทบกับขอบจานเสียงดังล่ะ ซึ่งข้อนี้เป็นมารยาทพื้นฐานบนโต๊ะอาหาร เธอคงรู้อยู่แล้ว” ศมนกล่าวทิ้งท้ายสำหรับเรื่องการใช้ช้อนตักซุป
“ครับ” จาณีนรับคำก่อนจะยกช้อนตักน้ำซุปซดเข้าปากตามที่ได้ร่ำเรียนมาทันที ศมนเห็นลูกศิษย์ตั้งอกตั้งใจ ซ้ำยังทำได้ถูกต้อง ก็ดีใจอยู่ภายใน เด็กคนนี้กำลังจะได้รับการดูแลและการเรียนรู้จากเขา มันเหมือนเขาได้กำลังสร้างเด็กคนนี้ให้เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ
.
.
“พี่มนคะ พี่มน” ธัญชนกสะกิดแขนอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าศมนนั่งเงียบไปนาน
เธอเห็นว่าสายตาของชายหนุ่มไม่ได้สนใจเธอเลย แต่กลับเหม่อลอยเสียมากกว่า ถ้าเดาไม่ผิดก็คงไม่พ้นเรื่องของจาณีนแน่นอน ถึงจะเจ็บในใจเท่าไหร่ แต่ธัญชนกก็ยังต้องแสร้งว่าไม่เป็นไร และไม่เคยรู้เรื่องอะไรพวกนี้มาก่อน
นอกจากศมนแล้ว เธอเองก็เล่นละครได้เก่งเหมือนกัน
“ครับ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เห็นพี่มนเงียบไป”
“เปล่าหรอก ขอโทษทีนะ จู่ๆ ก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาพอดี”
“เรื่องอะไรคะ บอกธัญได้หรือเปล่า”
“เรื่องงานน่ะ ไม่มีอะไร”
“อะค่ะ”
“น้องธัญอิ่มแล้วใช่มั้ย ถ้ายังไงเรากลับกันเลยมั้ย”
“ได้ค่ะพี่มน” ศมนเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
“อร่อยมั้ยครับ” ศมนถามหญิงสาว เมื่อพวกเขาทั้งคู่ขึ้นมานั่งภายในรถคันใหญ่เรียบร้อยโดยมีพันธกร บอดี้การ์ดคนพี่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้เจ้านายหนุ่ม
“อร่อยมากเลยค่ะ ไม่นึกเลยว่าแถวบ้านธัญจะมีร้านอร่อยๆ แบบนี้อยู่ แถมบรรยากาศก็ดี”
“ดีใจที่น้องธัญชอบ”
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ นายครับ” พันธกรแทรกบทสนทนาขึ้นมาหลังจากที่เจ้าตัวรับโทรศัพท์ขึ้นแล้วส่งต่อมาให้เจ้านาย
“...” ศมนรับโทรศัพท์นั้นมาก่อนจะเอ่ยขอตัวกับธัญชนกเพื่อลงไปคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกรถ บอดี้การ์ดหนุ่มติดเครื่องยนต์เอาไว้ ปล่อยให้หญิงสาวนั่งอยู่ภายในรถ ส่วนตัวเขาลงจากรถแล้วมายืนคอยอยู่ด้านหลังผู้เป็นนาย
“ว่าไง กานต์”
“ขอโทษที่โทรมารบกวนครับนาย”
“มีเรื่องอะไรถึงได้รีบโทรมา”
“คุณจาหายตัวไปครับ”
======================================
เฟสบุ๊ค
https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ
https://twitter.com/khemmakan