……46…….
ชลธร
“เมฆ” ผมมองใครบางคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือว่าผมกำลังฝันอยู่
“โอ้ย!!” ผมร้องลั่น เมื่อลองหยิกแขนตัวเองจนเป็นรอยเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป
เพื่อพิสูจน์ ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม คนนี้ คือ เมฆ
“พี่ใหญ่” คนที่ยังคงยืนจับต้นขนปลายไม่ถูกบอกเสียงแผ่วเมฆเองก็คงตกใจไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ เพราะเรา ไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้
เราสองคนยืนจ้องกันอยู่นานพอสมควรจนผู้คนที่อยู่แถวนั้นมองด้วยความสนใจ ทำให้ผมต้องตัดสินใจฉุดอีกให้เดินตามมา เพื่อป้องกันฝรั่งมุง เราสองเดินมาเรื่อยๆท่ามกลางความเงียบและอากาศที่เริ่มจะเย็นลง จนมาหยุดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
“เมฆ มาที่นี่ได้ยังไง” ผมถามออกไป ผมรู้ ว่ามันเป็นคำถามที่ไม่เข้าท่า แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเริ่มต้นพูด
ประโยคไหน
“ถ้าผมตอบว่า นั่งเครื่องบินล่ะ” คนตรงหน้าตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มันเรียบจนผมเดาอารมณ์ของเขาไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
“นั่นคงเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุดมั้งครับ” ผมตอบก่อนจะปล่อยให้ความเงียบเข้ามาในเป็นตัวเอกในเรื่องแทน ผมไม่รู้จริงๆว่าตัวเองควรพูดอะไรต่อ ความรู้ที่ผมเรียนมาดูจะไร้ความหมายเมื่อผมต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่า ความรัก
“เจ็บไหม” คนที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยถาม
“อะไรครับ”
“ก็พี่ หยิกแขนตัวเองจนเป็นรอยขนาดนี้เจ็บหรือเปล่า” ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ผมต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคือเมฆตัวจริง เพราะทั้งน้ำเสียงที่อ่อนโยน มือเรียวที่กำลังลูบแขนผมอยู่นั่นทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก
“พี่ใหญ่ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เมฆเรียกผมเสียงดังพลางเขย่าแขนผมเบาๆ เพื่อเรียกสติ
“เปล่าครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“ผมก็นึกว่าพี่ ช็อคไปแล้ว ” พี่ เหรอ เมฆเรียกผมว่าพี่อย่างนั้นเหรอ นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ยินสรรพนามที่เมฆใช้เรียกผมคำนี้
“เมื่อกี้ เมฆเรียกพี่ว่าอะไรนะ” ผมถามย้ำ เพื่อความแน่ใจ
“ผมเรียกพี่ว่า พี่ใหญ่ไงครับ หรือชอบให้ผมเรียกว่า คุณชลธร เหมือนเดิม” เมฆถามเสียงแข็ง ก่อนที่ผมเสียเองที่เป็นฝ่ายลนลานตอบ
“ไม่ครับ อย่ากลับไปเรียกพี่แบบนั้นอีกเลย พี่แค่ดีใจ ดีใจมากที่เมฆยอมเรียกพี่เหมือนเดิมแล้ว” ผมบอกอีกคนอย่างยินดี ก่อนจะกุมมือเมฆไว้แน่น
“เมฆ ยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหมครับ เมฆยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหม”
“ทำไมพี่ถึงคิดแบบนั้น” เขาถามเสียงเรียบ
“การที่เมฆมาหาพี่ถึงที่นี่ มันทำให้พี่อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเมฆ ยกโทษให้พี่แล้ว” ผมตอบออกไปแม้จะไม่มั่นใจนักว่าผมจะได้รับการให้อภัย แต่อย่างน้อยการที่เห็นเมฆอยู่ตรงนี้ก็ทำให้ใจผมมีความหวังขึ้นมาบ้าง
“พี่ทำอะไรผิดเหรอครับ ถึงต้องการให้ผมยกโทษให้”
“พี่ผิดทุกอย่าง ผิดตั้งแต่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองรักเมฆมากแค่ไหน ผิดที่ทำให้คนที่ตัวเองรักร้องไห้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ผิดที่เห็แก่ตัว ทิ้งให้เมฆเผชิญกับปัญหาอยู่คนเดียว พี่ขอโทษนะครับ”
“พี่ไม่มีคำพูดที่ดีกว่าคำนี้แล้วหรือไง ครับ” คนตรงหน้าถามด้วยเสียงที่ดูจะไม่สบอารมณ์นัก
“พี่..”
“เฮ้อ ผมคิดผิดหรือเปล่าที่ตามพี่มาเนี่ย” เสียงบ่นของเมฆทำให้ผมยิ่งตกใจ ตามมา อะไรคือ ตามมา ครับ
“ตามมา เมฆหมายความว่ายังไงครับ”
“ถ้าแค่นี้คิดเองไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วครับ” เมฆแหวลั่นก่อนทำท่าจะเดินกลับไป
“เดี๋ยวสิครับ เมฆหมายความว่า เมฆตามพี่มาใช่ไหม ที่เมฆมาที่นี่เพราะอยากมาหาพี่ใช่ไหม”
“นี่ พูดอะไรให้มันมีความมั่นใจหน่อยสิ คุณชลธร” เมฆหันมาตวาดเสียงเข้ม ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไรตั้งแต่ที่เจอเมฆดูเหมือนการประมวลผลในสมองของผมจะช้าลง ผมเหมือนคนที่ทำอะไนไม่ถูกจะคิด จะพูด มันก็ดูติดขัดไปหมด
“พี่ขอโทษครับ”
“เฮ้อ ไม่มีอย่างอื่นจะพูดแล้วหรือไงเล่า”
“มีครับ แต่พี่ไม่รู้ว่าเมฆจะอยากฟังหรือเปล่า”
“อะไรล่ะครับ ”
ผมสูดหายใจก่อนจะพูดประโยคที่อยู่ในใจออกไป
“พี่รักเมฆนะครับ” เมฆดูจะตกใจไม่ร้อยกับประโยคที่ผมพูดออกไป และผมก็ไม่เคยแน่ใจเลยว่าเขาจะรับมัน
“นึกว่า ชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้ยิน มันอีกแล้ว” เสียงสั่นเครือนั้นดังขึ้นก่อนที่คนตรงหน้าจะโผเข้ากอดผม
“ผมนึกว่า ชาตินี้จะไม่ได้ยินพี่บอกรักผมอีกแล้ว”
“เมฆ” ผมครางแผ่วตกใจอยู่ไม่น้อยที่โดนกอด เพราะไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าเมฆจะยอมรับคำว่ารักของผม
“เมฆ ยอมรับความรักของพี่แล้วใช่ไหม ยอมให้อภัยคนโง่ๆอย่างพี่แล้วใช่ไหมครับ พี่ไม่ได้ฝันไปแน่นะ” ผมถามอีกครั้งเพื่อความ
แน่ใจ
“ที่หยิกตัวเองจนเป็นรอยขนาดนั้น ยังจะคิดว่าฝันอยู่อีก พี่เป็นคนยังไงกันแน่นะ” อีกคนบอกก่อนจะพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าไม่ได้ฝันด้วยการหยิกที่แขนผมเต็มแรง อีกครั้ง
“โอ้ย!! พอแล้วครับ พี่รู้แล้วพี่ไม่ได้ฝัน เมฆอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้จริงๆด้วย” ผมบอกพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น อยากจะกอดคนๆนี้เอาไว้ให้นานที่สุด ไม่อยากปล่อยให้ห่างกายอีกแล้ว ความชื้นที่ซึมผ่านเสื้อทำให้ผมต้องดันอีกคนออกจากอกเบาๆก่อนจะเช็ด
น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้นอย่างเบามือ
“อย่าร้องไห้สิครับ เมฆร้องไห้มามากเกินพอแล้วนะ พี่สัญญา ต่อไป เมฆจะไม่ต้องร้องไห้เพราะพี่อีก”
“ผมจะไม่เจ็บอีกแล้วใช่ไหม”
“พี่สัญญา พี่รักเมฆนะ พี่รักเมฆคนเดียว”
“ผมก็รักพี่ครับ”
“เมฆ..” ผมทำได้แค่เรียกชื่ออีกคนอย่างแผ่วเบาเมื่อประโยคที่ผมอยากได้ยินมาตลอดถูกเอ่ยออกมา
“ขอบคุณ ขอบคุณนะครับ ที่รักคนโง่ๆอย่างพี่”
“เราสองคนก็โง่ทั้งคู่ นั่นแหล่ะครับ ผมโง่ ที่ต่อให้นานแค่ไหนก็ยังเลิกรักพี่ไม่ได้”
“ถ้างั้น คนโง่สองคนมาอยู่ด้วยกันไหม เราจะได้ไม่เป็นภาระของคนอื่นเขาอีก คนโง่คนนี้ สัญญาว่าจะทำให้ทุกอย่างมันจบลงด้วย
ดี รอพี่ได้ไหม ครับ”
“ผมรอพี่ได้เสมอ อย่าลิมสิ ผมรอพี่มาสิบกว่าปีผมยังรอได้ ทำไมผมจะรอต่อไปอีกไม่ได้”
เราสองคนยิ้มให้กัน ก่อนที่ผมจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น มันนานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้มีความสุขแบบนี้ แม้ว่าวันนี้เรื่องของเรามันจะยังคงไม่มีบทสรุปที่แน่ชัด แต่ผมขอสัญญา ว่าผมจะไม่ยอมให้เมฆต้องร้องไห้อีกแล้ว
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมหรู ก่อนที่รู้สึกว่าตัวเองหดเล็กลงเรื่อยๆเมื่อยู่ต่อหน้า คุณหญิง ทิพยากร สิริพิทักษ์ ที่ดูเหมือนจะโอ๋ลูกสะใภ้ จนเกิดเหตุ และดูเหมือนว่าลูกชายแท้ๆอย่างผมจะตกกระป๋องไปแล้ว
“ตาใหญ่ ทำอะไรเมฆหรือเปล่าลูก” แม่หันไปถามเมฆหลังจากที่ถลึงตาใส่ผมจนพอใจ
“แม่ ผมไม่ได้ทำอะไรเมฆสักหน่อย” ผมแก้ตัว
“เหอะ พี่นั่นแหล่ะ ตัวทำให้ไอ้เมฆเสียใจเลย” น้องชายที่ยืนอยู่มุมห้องแหวลั่น ก่อนจะจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ทุกคนอย่าเพิ่งว่าพี่ใหญ่เลยครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เมฆบอกเสียงเบา
“ใช่ครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเมฆเลยนะ ก็แค่บังเอิญเจอกัน แล้วก็เลยมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย แล้วผมก็พาเมฆมาส่งแค่นั้น จริงๆนะแม่”
“แล้วนี่ ใหญ่จะเอายังไงต่อไป ปัญหาเรื่องหนูแพรจะแก้ยังไง” แม่ถามเสียงเข้ม
“แม่ครับ ถ้าผมทำให้ชื่อเสียงของสิริพิทักษ์เสียหาย พ่อจะโกรธผมหรือเปล่า”
“ใหญ่ ไม่มีพ่อแม่คนไหน โกรธลูกตัวเองได้หรอกนะ พ่อกับแม่ จะไม่สบายใจมากกว่าถ้าต้องทนเห็นลูกอยู่โดยไม่มีความสุข การ
แต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะลูก เราต้องอยู่กับคนๆหนึ่งไปตลอดชีวิต แม่ไม่อยากเห็นใหญ่ไม่มีความสุข เรื่องของชื่อเสียง แม่ปลงได้ตั้งนานแล้ว สิริพิทักษ์ จะไม่มีวัน ด่างพร้อยตราบใดที่ลูกของแม่ยังเป็นคนดี ใหญ่จะยังเป็นลูกชายที่พ่อกับแม่ภูมิใจเสมอ” แม่บอกด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะครับแม่ ผมรู้แล้วว่าผมต้องทำยังไง ผมจะจบปัญหานี้ให้เร็วที่สุดนะครับ ”
“คุณย่าครับ พีพี ง่วงแล้ว ” เด็กชายตัวน้อยเดินหาวเข้ามาในห้องก่อนจะเรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้เหมือนเคย
“ง่วงเหรอลูก งั้นย่าพาไปนอนดีไหมครับ”
“ดีครับ พีพีง่วงมากๆเลย” พีพีบอก
“ถ้าอย่างนั้น วัตกับเล็ก กลับห้องพร้อมแม่ดีกว่านะลูก” แม่ยิ้มให้หลานชายก่อนจะหันกลับไปบอกเจ้าเล็ก
“ก็ดีเหมือนกันครับแม่ ไปกันเถอะครับ พีพี ไปกันเร็วลูก”
“ขอบคุณนะครับ ที่ให้โอกาสพี่ พี่สัญญานะว่าพี่จะไม่ทำให้เมฆเสียใจอีก พี่จะจบมันให้เร็วที่สุด พี่รักเมฆนะครับ” ผมบอกกับเมฆ
ก่อนจะดึงเขาเข้ามากอดหลังจากที่ทุกคนทยอยออกจากห้องไปแล้ว
“ผมก็รักพี่” คำยืนยันจากปากของเมฆทำให้หัวใจของผมพองโต ผมเข้าใจแล้วว่าความสุขของคนเราไม่ใช่ชื่อเสียงเงินทองพวกนั้น แต่คือการที่มีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ
........................TBC..........................
เหนื่อยจังเลยตัวเอง ทำไมการเขียน นิยาย ไม่กี่หน้าถึงเหนื่ิยจังเลย
ถ้าเนื้อเรื่องมันแปลก ขอโทษนะคะ
เหนื่อยอ่ะ ขอกำลังใจคนละที (อะไรคนละทีฟระ) หน่อย