How I met your Mother(4/8)
Continue...
“หลักจากนั้นมาพอพวกเราเรียนจบมัธยม ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป ไม่ได้ติดต่อกันอีก” ท็อปสรุปเรื่องราว “ถึงเจอกันนานๆครั้งก็ไม่เคยได้อยู่กันครบหน้า... จนได้มารวมกันอีกครั้งตอนที่ไอ้บอลมันจะแต่งงานนี่แหล่ะ”
มิคได้ฟังก็งุนงง “กับพ่อของณุอ่ะนะ”
“ไม่ใช่แล้ว” ท็อปหัวเราะพรืด “กับผู้หญิงสิ แฟนเก่ามัน... จินน่ะ”
ยิ่งฟังก็ยิ่งอึ้งมากกว่าเดิม “จริงเหรอ”
“อืม... มันก็เลยทำให้พวกน้าได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง”
.....
..
.....
เกือบเจ็ดปีที่พวกเขาไม่ได้มาอยู่กันพร้อมหน้าเช่นนี้ หากจะนัดเจอกันบางครั้งก็ได้เพียงแต่ดื่มเหล้าสังสรรค์เพียงไม่นาน พอมาเจอกันคราวนี้ท็อปก็เลยอาสาพาว่าที่เจ้าบ่าวมาร่วมดื่มฉลองคุยกันเปิดอกด้วยความยินดี
“ตกลงนึกยังไงจะแต่งงานวะ”
“เออ ก็ไม่มีไรหรอก...” บอลว่า พลางยกแก้วขึ้นดื่ม “สามเดือนก่อนกูขับรถชนน่ะ โชคดีไม่เป็นอะไรมาก... แต่มันทำให้กูต้องมาถามตัวเองว่าชีวิตคนเราอยู่ไปเพื่ออะไร”
ท็อปนิ่งฟัง... ด้วยความที่คนอย่างเขาไม่เคยถามตัวเองด้วยคำถามนี้เลยสักครั้ง
“คนเราอยู่ไปก็ตาย แต่ถ้าเราไม่เหลืออะไรไว้ให้โลกนี้เลยจะอยู่ไปเพื่ออะไรวะ... แล้วถ้าเราต้องตายคนเดียวโดยไม่มีคนที่เรารัก ชีวิตเราจะมีความหมายอะไร”
เพื่อนเงียบไป “มึงก็เลยอยากจะแต่งงาน”
“ก็ใช่... และอีกอย่าง ลูกคงต้องการกู”
ได้ฟังเพียงแค่นั้นท็อปก็ร่างชา แทบจะไม่กล้าถามคำถามต่อไป
“จินท้องเหรอวะ”
“อืม...”
บอลไม่พูดอะไรอีก ได้แต่รีบกระดกแก้วต่อไปเข้าปากเรื่อยๆ ราวกับอยากจะดับทุกข์เสียมากกว่า
“แต่มึงพร้อมแล้วเหรอวะ”
“จะพร้อมไม่พร้อมก็ต้องตอนนี้แหล่ะ ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวคนอื่นรู้ก็ซวยกันพอดี... และอีกอย่าง กูอยากมีครอบครัวจริงๆเว้ย มึงก็น่าจะคิดเรื่องนี้ได้แล้วนะ”
ท็อปหัวเราะเยาะ “ไม่ล่ะ มันคงไม่เหมาะกับกู”
“แล้วแฟนมึงล่ะ”
“โห่ย เลิกไปตั้งนานแล้ว”
บอลดูอึ้งไปกับข่าวคราวนี้เช่นกัน “เออนั่นแหล่ะ... ถ้ามึงอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใคร อย่าลืมบอกกูด้วยแล้วกัน”
“ได้... กูไม่ลืมแน่”
ทว่าแทนที่คนไม่สนโลกอย่างท็อปจะลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ สมองเจ้ากรรมที่ถูกย้อมสีด้วยน้ำเมาก็ดันแหวกว่ายจมลึกอยู่ในคำบอกเล่าที่ได้พบพาน... ว่าแท้จริงแล้วชีวิตนี้เขาอยู่ไปเพื่ออะไร
แท้จริงแล้วเขาต้องการอะไร...
หรือแม้แต่... เขาต้องการใคร?
และคำตอบที่หาได้มาก็มีเพียงหนึ่งเดียว คนๆนั้นคือเพื่อนสนิทที่ยอมรับฟังทุกอย่าง ยอมรับตัวตนของเขาได้ทุกสิ่ง... และเป็นคนที่มิตรภาพของพวกเขาตั้งอยู่บนความเกลียดชังผสมด้วยตัณหาราคะ
แต่เป็นคนเดียวที่เติมเต็มชีวิตเขาได้จริงๆ
ไม่รอให้จบคืนนั้น ท็อปเรียกแท็กซี่ออกไปโรงแรมที่โต๋พักอยู่... หลายปีมานี่พวกเขาไม่ได้กลับไปทำเรื่องราวเช่นนั้นอีกเลย ถึงก่อนหน้านั้นจะเจอกันบ้างแต่ก็ไม่มีโอกาสใดที่จะได้เจอกันตัวต่อตัวเลยสักครั้ง
จนกระทั่งคราวนี้ ที่เขาไปปรากฏตัวอยู่หน้าห้องพักของโต๋นี่แหล่ะ
“ไอ้ท็อป?...” ทักได้แค่นั้นร่างที่อ่อนเหลวไปด้วยน้ำเมาก็ทำท่าจะล้มลงจนต้องรีบเข้าไปประคอง “...มาทำเชี่ยอะไรที่นี่วะ มึงดื่มมาเยอะแค่ไหนเนี่ย”
“โต๋...” ท็อปเรียกด้วยเสียงอ่อนแรง “กูรู้แล้ว... แค่มึง... แค่มึงเท่านั้น”
“พูดเรื่องเชี่ยไรวะ” โต๋ว่า พลางลากร่างเพื่อนมานั่งบนโซฟา เตรียมจะลุกไปหาน้ำให้ แต่ก็โดนคนเมาคว้าเอวลงมานอนด้วยเสียก่อน
“กูคิดถึงมึง”
“เออ กูรู้แล้ว กูก็คิดถึงมึง โอเคป่ะ เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้”
“ไม่ใช่... ไม่ใช่แบบนั้น”
โต๋นิ่งเงียบไป ท่าทางคนตรงหน้าจะพูดไม่รู้เรื่องเสียแล้ว
“แล้วมันยังไง...”
“กูต้องการมึง”
ว่าแล้วก็พลิกเจ้าของห้องให้เป็นฝ่ายมาอยู่เบื้องล่าง เห็นเพียงแค่นั้นโต๋ก็เห็นชัดแจ้งแล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“ไม่เอาแล้วท็อป! ยังจะทำเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอวะ”
“ทำไม ตอนนี้มึงคบใครอยู่”
“กูไม่ได้คบใครแล้ว”
“แล้วเป็นกูไม่ได้เหรอวะ...”
โต๋ถึงกับนิ่งอึ้งไป ไม่คิดเลยว่าจะมีวันได้ยินคำนี้จากคนๆนี้
นี่แปลว่าอะไร... ที่ห่างหายกันมาหลายปีอยู่ๆนึกอยากจะเลื่อนขั้นจากเพื่อนเป็นคนรักก็ทำเอาตามใจชอบงั้นหรือ!
“กูกับมึงคบกันไม่ได้หรอกไอ้ท็อป... กูไม่เคยคิดกับมึงแบบนั้นเลย และกูเชื่อว่ามึงก็ไม่เคยคิดกับกูแบบนั้นด้วย”
“มึงอย่ามา...”
“กูให้มึงได้มากสุดแค่เซ็กซ์นั่นแหล่ะ... และที่ผ่านมากูก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว มันควรจะจบลงซักที”
เหมือนโดนตบเสียจนหน้าชา ทั้งๆที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงบันดาลโทสะไปแล้วแน่... ทว่าคราวนี้ท็อปกลับพ่ายแพ้ หมดสิ้นเรี่ยวแรงจะอุทธรณ์
“เป็นเพราะกฎสามข้อนั่นใช่มั้ย”
โต๋นิ่งเงียบไป เขาเกือบลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ พอถูกชักนำให้นึกถึงมันขึ้นมาอีกครั้งก็เลยไม่รู้จะตอบเช่นไร
“ใช่... ท็อป” ชายหนุ่มค่อยๆพลิกตัวเพื่อนให้ลงนอนกับโซฟา “กูกับมึงเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น”
ถ้อยคำนั้นเจ็บเสียยิ่งกว่าโดนทำร้าย สับทึ้งให้เขากลายเป็นชิ้นแล้วโยนทิ้งไปให้ไกลคงจะทรมานน้อยยิ่งกว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่คนแบบท็อปจะซมซานพ่ายแพ้ และเป็นครั้งแรกที่กล้าเอ่ยความในใจ... แต่สิ่งที่ได้รับคือการปฏิเสธอันเย็นชา หมดสิ้นแล้วเยื่อใยใดๆ
สมองที่มึนชาจำได้แค่เพียงสัมผัสอ่อนโยนของผ้าห่มอุ่นที่เพื่อนห่มให้ ก่อนที่จะดิ่งลึกลงในนิทรา ที่ได้แต่หวังให้มันเป็นนิทรานิรันดร์
...................................................................
ไม่เป็นไรหรอก สักวันฉันคงได้เจอใครที่เหมือนนาย
ก็ได้แต่อวยพรให้นายได้สิ่งที่ดีที่สุดเหมือนกัน...
ติดดอกไม้ลงไปบนกระเป๋าเสื้อสูทสีขาวเป็นอย่างสุดท้าย เพื่อนเจ้าบ่าวยิ้มให้ เหตุเพราะไม่เคยเห็นบอลดูดีขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
“ขอบใจมากนะมึง”
“เออๆ หล่อแล้ว ปั้นยิ้มไว้ เดี๋ยวกูไปช่วยรับซองเอง”
ภูยังคงพูดติดตลกอยู่เหมือนเดิม แต่บอลแค่หัวเราะเบาๆไม่เต็มเสียง ดูเหมือนยังมีเรื่องเครียดขึ้งอยู่ในหัวใจ
“เครียดไรวะเจ้าบ่าว ยิ้มไว้ ยิ้มไว้”
พอโดนคะยั้นคะยอขนาดนี้บอลเลยฝืนยิ้มออกมาจางๆให้เพื่อนสบายใจ
“กูขอโทษนะ...”
“หือ ขอโทษเรื่องอะไร”
“กูไม่ได้เมินเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นนะภู กูรู้ว่ามึงรู้สึกยังไง” ได้ยินแค่นี้คนฟังก็หายใจไม่ทั่วท้อง “แต่กูขอโทษจริงๆที่ตอบแทนความรู้สึกของมึงไม่ได้”
“เออน่ะ อย่าคิดมากเลย”
“กูไม่รู้ว่ามึงจะเจ็บมากรึเปล่าที่กูขอให้มึงมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว... แต่มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดจริงๆ”
จบคำนั้นก็รีบคว้าร่างผอมของเพื่อนมากอดไว้... ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากให้บอลเห็นน้ำตาที่กำลังร่วงลงมาเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอก กูขอแค่อย่างเดียว”
“มีไรวะ มึงว่ามาเลย”
ภูหายใจลึกอยู่หลายครั้ง กลัวเหลือเกินว่าเพื่อนจะจับน้ำตาที่กำลังจะล้นออกมาได้
“อย่าลืมกูนะ ได้โปรด”
ฉันยังจำสิ่งที่นายเคยพูดเอาไว้ได้... บางครั้งรักก็ยืนยาว
แต่ความเจ็บปวดกลับยืนยาวยิ่งกว่า...
To be Continue...
----------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง Someone like you ของ Adele จ้ะ
ตัวเอียงก็มาจากท่อนฮุคนั่นแล
Never mind, I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
Don't forget me, I begged
I remember you said,
"Sometimes it lasts in love but sometimes it hurts instead"
เจ็บเนอะ....