Bad Boy Mania
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad Boy Mania  (อ่าน 87600 ครั้ง)

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (2/8)]
«ตอบ #150 เมื่อ28-02-2012 11:29:03 »

คู่ลูกทำให้รู้สึกหวาน...  :-[
พออ่านคู่ท็อปปุ๊ป รู้สึกตกเหววูบ  o22
แต่จะรอต่อไปนะคะ  :bye2:  :bye2:

ออฟไลน์ blackcoriander

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-10
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (3/8)]
«ตอบ #151 เมื่อ28-02-2012 12:00:00 »

How I met your Mother (3/8)
Continue...




   “แล้วมันเกี่ยวกันยังไงล่ะพ่อ”

   ณุถามขึ้น งุนงงว่าแล้วเรื่องของเพื่อนรักทั้งสองคนนั้นจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องของพ่ออย่างที่ได้กล่าวไว้... ภูพอได้ฟังคำถามก็นั่งนิ่งอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

   “เพราะว่า... หลังจากนั้นมา สองคนนี้มันก็แอบไปมีอะไรกันบ่อยๆ... ชอบอยู่ดีๆก็หายไปกันสองคนมากขึ้นเรื่อยๆ พ่อก็เลยโดนทิ้งให้อยู่กับแม่แกบ่อยขึ้น”

   “แล้วยังไง...”

   “นั่นแหล่ะ มันเลยทำให้พ่อย้อนกลับมามองตัวเอง”

.....
..
.....

   เป็นช่วงเวลาอันกระอักกระอ่วนที่ภูได้ไปรู้ความลับนั้นเข้า ซึ่งไม่นานบอลเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน... เลยเหมือนเกิดช่องว่างอันยิ่งใหญ่ที่แบ่งกลุ่มสี่คนของพวกเขาออกเป็นสองเสียแล้ว

   แน่ล่ะว่ามันไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้อง แต่พอจะเข้าไปคุยกันให้รู้เรื่องด้วยความเป็นห่วงก็โดนความอึดอัดใจที่มีกีดกันจนพูดไม่ออกไปเสียทุกครั้ง

   เรื่องของเรื่องก็คือ ความรู้สึกแปลกๆในใจมันเกิดขึ้นตั้งแต่เห็นเพื่อนทั้งสองจูบกันคืนนั้นแล้ว...

   แทนที่ภูจะตกใจ หัวเราะให้กับความบ้าคลั่ง หรือแม้แต่จะรู้สึกรังเกียจ... กลายเป็นว่ามันจุดคำถามให้เกิดขึ้นในใจเขา ว่าเหตุใดเขาถึงไม่ต่อต้านกับภาพที่เห็น หรือแม้แต่คำถามที่ว่าเส้นแบ่งของคำว่าเพื่อนมันอยู่ที่ตรงไหน?

   เหมือนว่าที่จริงแล้วลึกๆภูก็อยากลองทำดูบ้างซักครั้ง... และเป้าหมายนั้นก็คือคนข้างกายของเขา

   ตอนแรกเขาก็ยังไม่รู้เหตุผลหรอกว่าทำไมต้องเป็นบอล...  ในเมื่อเห็นปฏิกิริยาของบอลในคืนนั้นมีแต่หัวเราะจนท้องแข็ง ตกลงว่าบอลเห็นเป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่า หรือไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ?   และถ้าหากภูมีโอกาสจะได้ทำกับเพื่อนคนนี้บ้าง เขาจะมีความกล้าเหมือนสองคนนั้นไหม

   ...กลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้เขาครุ่นคิดว้าวุ่น มารู้สึกตัวอีกทีสายตาเขาก็ได้แต่จับจ้องอยู่ที่บอลเสียแล้ว

   ยิ่งสองคนนั้นหายไปด้วยกันมากเท่าไร พยายามปิดความลับจากพวกเขามากเท่าไร   มันกลับยิ่งทำให้ภูกับบอลใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น

   ตั๋วหนังสี่ใบเหลือแค่สอง ห้องคาราโอเกะห้องกลางเหลือเพียงห้องเล็ก โต๊ะเรียนสี่ที่ข้างหลังห้องก็ว่างเปล่าไปครึ่งหนึ่ง...

   แต่กว่าจะรู้ตัวว่าความรู้สึกนี้คืออะไร... ก็ดันเป็นตอนที่บอลดันไปมีแฟนเสียแล้ว

   เหตุการณ์นี้เป็นที่งุนงงจากคนทั้งรุ่นว่าคนอย่างบอลอยู่ดีๆมีแฟนไปได้อย่างไร แต่คนที่ทั้งช็อคทั้งโกรธมากที่สุดกลับเป็นภู... เพราะพอเขารู้ข่าวครั้งแรกก็ได้แต่โวยวายบ้าคลั่ง รู้สึกราวกับว่าเพื่อนทุกคนทิ้งให้เขาเหลือตัวคนเดียวอย่างแท้จริง

   “ไอ้พวกห่า! ทิ้งกูไปมีแฟนกันหมด จำไว้เถอะ”

   ภูเคยประกาศกร้าวไว้เช่นนั้น... แต่กลับไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงเลยว่าทำไมเขาถึงเกรี้ยวกราดได้ขนาดนั้น

   เพราะมันเป็นสิ่งที่ภูรู้อยู่แก่ใจเพียงคนเดียวว่า จริงๆแล้วมันคือความโกรธที่บอลทิ้งเขาไปหาคนอื่น และโกรธที่บอลไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของเขาเลยแม้แต่น้อย...

   ได้แต่คิดกังวลสับสนวุ่นวาย จนสุดท้ายสิ่งที่ต้องการก็หลุดลอยหายไป

   “แล้วมึงไม่บอกเขาล่ะ?”

   โต๋เอ่ยขึ้นในวันหนึ่ง เป็นวันที่เขาแวะไปหาภูที่บ้านหลังจากที่เห็นเพื่อนอาการไม่ดีมาหลายวัน ได้แต่ขังตัวเองอยู่ในบ้าน ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ หนุ่มแว๊นซ์เลยอนุมานได้ว่าภูต้องมีความรักแน่ๆ

   “บอกไปแล้วได้อะไร เขามีแฟนแล้ว”

   “ไม่ใช่ปัญหาซักหน่อย” โต๋ตอบทันควัน แต่ก็สะอึกไปเพราะโดนตัวเองเต็มๆ “แค่บอกเขาไปก็ยังดีกว่าที่มึงจะไม่มีโอกาสได้บอกอีกเลยทั้งชีวิต มึงจะไม่เสียใจเหรอ”

   ภูได้แต่นั่งฟังนิ่ง คำพูดนั้นมันจี้ใจดำเขาไปเต็มๆ... แค่ไม่ได้บอกตอนที่บอลยังไม่มีแฟนก็เสียใจพอแล้ว แต่ถ้าเขาต้องเก็บมันไว้กับตัวเองทั้งชีวิตก็คงจะเสียใจยิ่งกว่า

   และนั่นทำให้เขาตัดสินใจ...

   เป็นคืนที่อากาศดี เขาชวนบอลให้มานั่งรถเล่นด้วยกันได้สำเร็จ และเขามีที่ที่หนึ่งที่อยากพาบอลไปดูมานานแล้ว

   ...และไม่รู้เลยว่านั่นจะเป็นที่ที่อีกเกือบยี่สิบปีต่อมาจะเป็นที่ที่ลูกชายเดินรอยตามด้วยเช่นกัน

   “เป็นไง... มึงว่าสวยมั้ย?”

   ภูดับเครื่อง ...รถยนต์สุดรักกระตุกเพียงแผ่วเบาก่อนจะนิ่งไปแต่โดยดี

   “อืม” เสียงตอบกลับมาอย่างประทับใจ “...เนี่ยเหรอที่มึงอยากพากูมาดู?”

   บอลหันไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ แล้วก็เห็นเจ้าของรถกำลังมองวิวข้างหน้าอย่างเหนื่อยล้า

   “ก็เวลาที่กูเครียด กูจะขับรถมาที่นี่คนเดียวเว้ย” เด็กหนุ่มเอาแขนวางเกยบนพวงมาลัย ไม่ได้หันมามองเพื่อนที่นั่งข้างๆ “...แต่มึงเป็นคนแรกนะ ที่กูพามาที่นี่”

   คนฟังถึงกับเหวอ ไปไม่ถูก แต่จะด่าทอออกไปตรงๆก็เกรงใจ

   “แหม กูขนลุกเลยนะเนี่ย”

   ภูหัวเราะแก้เก้อ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน...

   ก็มีสิ่งเดียวแหล่ะที่วนเวียนอยู่ในใจเขา

   “บอล ตกลงมึงคบกับน้องจินจริงเหรอวะ”

   ได้ยินเช่นนั้นบอลก็สะอึก... พลันนึกเสียใจที่เรื่องสำคัญเช่นนี้เขากลับไม่ได้บอกเพื่อนที่สนิทที่สุดด้วยตัวเอง แต่กลับต้องให้ภูไปได้ยินจากคนอื่นมาอีกที

   “อืม กูขอโทษนะที่ไม่ได้บอกมึง...”

   “ไหนมึงว่ามีเรื่องอะไรก็จะบอกกันไงวะ”

   “เฮ้ยภู กูขอโทษจริงๆ...” จะเอื้อมมือเข้าไปปลอบ แต่ก็เห็นหน้าเพื่อนยิ่งเครียดขึ้งยิ่งกว่าเดิม “...มึงเครียดทำไมวะ โกรธกูเหรอ... หรือว่ามึงก็ชอบน้องเขาเหมือนกัน”

   “ไม่ใช่เว้ย” เจ้าของรถด่าสวนทันควัน “กูชอบคนอื่นอยู่ต่างหาก”

   คนพูดหันหน้าไปทางอื่นไม่ยอมสบตาด้วย แต่คนฟังก็ยังไม่รู้ตัวสักที

   “เห้ยจริงดิ!!!” เด็กหนุ่มร่างผอมร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น “ใครวะ แม่งบอกกูหน่อย!”

   ภูหัวเราะในใจอย่างนึกสมเพชตัวเอง “กูบอกใครไม่ได้หรอก”

   “เชี่ยไรว้า!!!... ทีกูยังบอกมึงเลย”

   ...ใช่สิ บอกในสิ่งที่เขาไม่อยากจะรู้เลยสักนิด

   “ก็คนๆนั้นมันไม่รู้ตัวหรอก   กูก็ไม่รู้จะบอกไปทำไม”

   “อ๊าว ไอ้เหี้ย...” บอลร้องเสียงสูง “...ถ้ามึงไม่บอกแล้วเขาจะรู้มั้ย!”

   เหมือนกับโดนชกหน้า ทั้งโต๋ทั้งบอลพูดแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน มันทำให้เขาได้สติขึ้นมาได้

   ...นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตของเขา

   “เฮ้อ... มึงนี่น้า   ถ้ามึงมีอะไรให้กูช่วย มึงก็บอกละกัน”

   ประโยคนั้นเหมือนเป็นแสงชี้นำความสว่าง เบิกทางให้กับสิ่งที่เขาอัดอั้นตันใจมานานแสนนาน

   วันนี้แหล่ะ! เขาจะไม่ถอยหนีอีกแล้ว!!!

   “บอล ไม่งั้นมึงช่วยอะไรกูหน่อยได้มั้ย”

   “หือ... ไรวะ”

   บอลยังคงนั่งปล่อยตัวตามสบายเอาสองมือพาดไว้ตรงหลังคอ ไม่ได้รู้เลยว่ากำลังจะได้ยินสิ่งใด...

   “มึงช่วยรู้ตัวซักทีได้มั้ยวะ”

   อากาศถูกดูดหายออกไปจากรถ คนฟังหันมามองหน้าเพื่อนนิ่ง... อึ้งไปอย่างไม่เชื่อหู

   ไม่จริงหรอกน่า เรื่องราวบ้าๆแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงได้ยังไง!?!

   “ไอ้เชี่ยภู มึงเล่นมุกควายอีกแล้วใช่มั้ยวะ แม่ง... กูขำไม่ออกเลย”

   “ก็กูไม่ได้อยากให้มึงขำ”

   แววตาขี้เล่นของคนพูดพลันเปลี่ยนเป็นเครียดขึ้ง บ่งบอกว่าเขาเริ่มเอาจริง

   “เฮ้ย มึงพูดจริงเหรอวะ...”

   “มึงคิดว่ากูจะโกหกมึงเหรอ”

   เห็นท่าว่าเพื่อนจะไม่ได้พูดเล่นแน่บอลก็เริ่มตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าภูขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนเขาแทบจะจมลงไปในเบาะอยู่แล้ว

   “ภู... เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย”

   “คำว่าเพื่อนน่ะ... มันรวมถึงความรู้สึกอยากปกป้องดูแลให้ดีที่สุด   ความทรมานเวลาเห็นคนๆนั้นไปกับคนอื่น   และความรู้สึกที่อยากจะอยู่กับคนๆนั้นไปชั่วชีวิตหรือเปล่า?”

   บอลรู้สึกหายใจไม่ออก... คำพูดเหล่านั้นสารภาพทุกความรู้สึกที่มีจนหมดสิ้น แค่เพียงได้ฟังก็ทำให้ใจไม่อาจเต้นอยู่จังหวะเดิมได้อีกต่อไปแล้ว

   “...ถ้ารู้สึกอยากเป็นเจ้าของและไม่อยากห่างกันแม้แต่วินาทีเดียว มันยังเรียกว่าเป็นเพื่อนอยู่ ...งั้นกูก็จะเป็นเพื่อนมึง”

   ราวกับมีมนต์สะกดประหลาดแฝงอยู่ในที่แห่งนั้น มันทำให้ลืมสิ้นทุกเรื่องราว ดึงความกล้าหาญที่ไม่เคยคิดว่ามี

   ไม่ยอมให้บอลตอบคำใดๆ ภูก็โน้มตัวเข้าขโมยจุมพิต... มันรู้สึกดียิ่งกว่าที่คิดไว้   เริ่มเข้าใจเพื่อนสองนั้นแล้วว่าเพียงแค่จุมพิตเดียวมันชักนำเรื่องให้เลยเถิดไปได้ถึงเพียงใด

   ร่างกายของบอลกลายเป็นอัมพาตด้วยความตื่นตระหนก ความสับสนเข้าจู่โจมความนึกคิด แต่พอถูกชักนำมากเข้าก็เริ่มโอนอ่อนโดยไม่ได้ตั้งใจ ราวกับถูกล่อลวงจนติดกับ หลงลืมแม้แต่เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อนไปเสียอย่างนั้น

   และเรื่องราวก็กลับมาจบลงที่เดิม...

.....
..
.....

   ณุอ้าปากค้าง... พอได้ยินรายละเอียดจากเรื่องเดิมที่เคยเล่าก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้

   “แล้วพ่อก็ลืมเช็ดเบาะ”

   “เรื่องนั้นลืมมันซะน่ะ!” ภูร้อง

   “ตอนแรกที่พ่อเล่าผมนึกว่าจะเป็นการสารภาพรักแบบโรแมนติกซะอีก” ณุทำท่าประกอบ พร้อมกับดัดเสียงล้อเลียน “แบบว่า... เรารักนายมาตลอดเลยนะ อะเฮ้อ”

   เลยโดนตบหัวไปอีกหนึ่งเด้ง

   “ผิดหวังรึไง”

   “ไม่!... แค่งงเฉยๆ” ลูกชายแก้ตัว “แล้วตกลงเป็นยังไงต่อล่ะ แล้วแม่ว่าไง...”

   ภูนิ่งนึก ทำหน้าพะอืดพะอม “ก็... ไม่ได้ว่าอะไร”

   “อ้าว...”

   “เรื่องจริงก็คือไม่มีใครพูดถึงเรื่องคืนนั้นอีก แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันต่อไป...”

   “ไหงงี้ล่ะพ่อ!!!” ณุโดดเข้ามาเขย่าตัวพ่อ ไม่คิดว่าเรื่องที่อุตส่าห์ลุ้นมันจะจบลงเช่นนี้

   “โอ้ย ชีวิตมันก็แบบนี้แหล่ะ จะไปคาดหวังอะไรนักหนา”

   “แต่พ่อก็สารภาพออกไปแล้วนี่”

   “ก็ใช่... แต่ก็ถือว่าได้แค่สารภาพนั่นแหล่ะ เพราะยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ แม่แกก็มีแฟนอยู่แล้ว และที่สำคัญ ตอนนั้นแม่แกก็ไม่ได้รักพ่อ”

   ณุนิ่งไป... เพิ่งเข้าใจว่าความรักมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด และบางทีเขาเองอาจจะเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ทุกส่วนเสี้ยวของชีวิตได้ด้วยซ้ำ

   ภูยิ้มฝืนๆให้กับตัวเองอีกครั้ง

   “แค่นี้น่ะก็ยังทนได้... แต่ถ้าแกต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของคนที่แกรัก   แกจะรู้ว่าความเจ็บมันเป็นยังไง...”



To be Continue!!!

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (3/8)]
«ตอบ #152 เมื่อ28-02-2012 12:34:28 »

 :z13:  จิ้มคนแต่ง ขอบคุณที่มาต่อค่าาาาาา

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (3/8)]
«ตอบ #153 เมื่อ28-02-2012 12:51:02 »

เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของคนที่เเกรักหรอ

หรือภูไปขโมยเจ้าบ่าวเขามาป่าวเนี๊ย

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (3/8)]
«ตอบ #154 เมื่อ28-02-2012 18:34:35 »

เรื่องราวของบรรดา Bad Boy รุ่นใหญ่ มันช่าง...ข้น แซ่บ ปึก ลึกซึ้ง และซับซ้อนกันจริง ๆ เลย  :sad4:
ขนาดภูรวบรวมความกล้าสารภาพรักบอลไปแล้ว ยังไม่สามารถรั้งอีกฝ่ายไว้ได้อีกเหรอเนี่ย ?
เพื่อนเจ้าบ่าวที่แอบรักเจ้าบ่าว ให้อารมณ์ประมาณ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ(ฉันรักผัวเขา) ยังไงไม่ทราบ....ปวดตับ :m15:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (3/8)]
«ตอบ #155 เมื่อ28-02-2012 21:12:45 »

กว่าจะมาถึงวันนี้ได้แต่ละคู่คงต้องฟันฝ่ามาเยอะ
แล้วความรักที่เกิดไม่พร้อมกัน ก็ต้องรออีกฝ่ายด้วยสินะ

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (3/8)]
«ตอบ #156 เมื่อ28-02-2012 21:43:24 »

 “แค่นี้น่ะก็ยังทนได้... แต่ถ้าแกต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของคนที่แกรัก   แกจะรู้ว่าความเจ็บมันเป็นยังไง...”

เฮ้ออออออออออออออออออออออออออ
 :เฮ้อ:
คุณพ่อ คุณแม่ คุณน้านี่มีอดีตที่ดราม่ากันจริงจัง
ยังไงก็ขอให้ตอนนี้ทุกคนมีความสุขนะคะ
ขอบคุณคนแต่งค่ะ มาต่อให้ไวจังเลย
 :L2:

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (3/8)]
«ตอบ #157 เมื่อ28-02-2012 23:47:52 »

มันช่างซับซ้อนชวนงงงวย

ออฟไลน์ blackcoriander

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-10
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #158 เมื่อ29-02-2012 18:39:11 »

How I met your Mother(4/8)
Continue...



                “หลักจากนั้นมาพอพวกเราเรียนจบมัธยม ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป ไม่ได้ติดต่อกันอีก” ท็อปสรุปเรื่องราว “ถึงเจอกันนานๆครั้งก็ไม่เคยได้อยู่กันครบหน้า... จนได้มารวมกันอีกครั้งตอนที่ไอ้บอลมันจะแต่งงานนี่แหล่ะ”

                มิคได้ฟังก็งุนงง “กับพ่อของณุอ่ะนะ”

                “ไม่ใช่แล้ว” ท็อปหัวเราะพรืด “กับผู้หญิงสิ แฟนเก่ามัน... จินน่ะ”

                ยิ่งฟังก็ยิ่งอึ้งมากกว่าเดิม “จริงเหรอ”

                “อืม... มันก็เลยทำให้พวกน้าได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง”

.....
..
.....

                เกือบเจ็ดปีที่พวกเขาไม่ได้มาอยู่กันพร้อมหน้าเช่นนี้ หากจะนัดเจอกันบางครั้งก็ได้เพียงแต่ดื่มเหล้าสังสรรค์เพียงไม่นาน พอมาเจอกันคราวนี้ท็อปก็เลยอาสาพาว่าที่เจ้าบ่าวมาร่วมดื่มฉลองคุยกันเปิดอกด้วยความยินดี

                “ตกลงนึกยังไงจะแต่งงานวะ”

                “เออ ก็ไม่มีไรหรอก...” บอลว่า พลางยกแก้วขึ้นดื่ม “สามเดือนก่อนกูขับรถชนน่ะ โชคดีไม่เป็นอะไรมาก... แต่มันทำให้กูต้องมาถามตัวเองว่าชีวิตคนเราอยู่ไปเพื่ออะไร”

                ท็อปนิ่งฟัง... ด้วยความที่คนอย่างเขาไม่เคยถามตัวเองด้วยคำถามนี้เลยสักครั้ง

                “คนเราอยู่ไปก็ตาย แต่ถ้าเราไม่เหลืออะไรไว้ให้โลกนี้เลยจะอยู่ไปเพื่ออะไรวะ... แล้วถ้าเราต้องตายคนเดียวโดยไม่มีคนที่เรารัก ชีวิตเราจะมีความหมายอะไร”

                เพื่อนเงียบไป “มึงก็เลยอยากจะแต่งงาน”

                “ก็ใช่... และอีกอย่าง ลูกคงต้องการกู”

                ได้ฟังเพียงแค่นั้นท็อปก็ร่างชา แทบจะไม่กล้าถามคำถามต่อไป

                “จินท้องเหรอวะ”

                “อืม...”

                บอลไม่พูดอะไรอีก ได้แต่รีบกระดกแก้วต่อไปเข้าปากเรื่อยๆ ราวกับอยากจะดับทุกข์เสียมากกว่า

                “แต่มึงพร้อมแล้วเหรอวะ”

                “จะพร้อมไม่พร้อมก็ต้องตอนนี้แหล่ะ ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวคนอื่นรู้ก็ซวยกันพอดี... และอีกอย่าง กูอยากมีครอบครัวจริงๆเว้ย มึงก็น่าจะคิดเรื่องนี้ได้แล้วนะ”

                ท็อปหัวเราะเยาะ “ไม่ล่ะ มันคงไม่เหมาะกับกู”

                “แล้วแฟนมึงล่ะ”

                “โห่ย เลิกไปตั้งนานแล้ว”

                บอลดูอึ้งไปกับข่าวคราวนี้เช่นกัน “เออนั่นแหล่ะ... ถ้ามึงอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใคร อย่าลืมบอกกูด้วยแล้วกัน”

                “ได้... กูไม่ลืมแน่”

                ทว่าแทนที่คนไม่สนโลกอย่างท็อปจะลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ สมองเจ้ากรรมที่ถูกย้อมสีด้วยน้ำเมาก็ดันแหวกว่ายจมลึกอยู่ในคำบอกเล่าที่ได้พบพาน... ว่าแท้จริงแล้วชีวิตนี้เขาอยู่ไปเพื่ออะไร

                แท้จริงแล้วเขาต้องการอะไร...

                หรือแม้แต่... เขาต้องการใคร?

                และคำตอบที่หาได้มาก็มีเพียงหนึ่งเดียว   คนๆนั้นคือเพื่อนสนิทที่ยอมรับฟังทุกอย่าง ยอมรับตัวตนของเขาได้ทุกสิ่ง... และเป็นคนที่มิตรภาพของพวกเขาตั้งอยู่บนความเกลียดชังผสมด้วยตัณหาราคะ

                แต่เป็นคนเดียวที่เติมเต็มชีวิตเขาได้จริงๆ

                ไม่รอให้จบคืนนั้น ท็อปเรียกแท็กซี่ออกไปโรงแรมที่โต๋พักอยู่... หลายปีมานี่พวกเขาไม่ได้กลับไปทำเรื่องราวเช่นนั้นอีกเลย ถึงก่อนหน้านั้นจะเจอกันบ้างแต่ก็ไม่มีโอกาสใดที่จะได้เจอกันตัวต่อตัวเลยสักครั้ง

                จนกระทั่งคราวนี้ ที่เขาไปปรากฏตัวอยู่หน้าห้องพักของโต๋นี่แหล่ะ

                “ไอ้ท็อป?...” ทักได้แค่นั้นร่างที่อ่อนเหลวไปด้วยน้ำเมาก็ทำท่าจะล้มลงจนต้องรีบเข้าไปประคอง “...มาทำเชี่ยอะไรที่นี่วะ มึงดื่มมาเยอะแค่ไหนเนี่ย”

                “โต๋...” ท็อปเรียกด้วยเสียงอ่อนแรง “กูรู้แล้ว... แค่มึง... แค่มึงเท่านั้น”

                “พูดเรื่องเชี่ยไรวะ” โต๋ว่า พลางลากร่างเพื่อนมานั่งบนโซฟา เตรียมจะลุกไปหาน้ำให้ แต่ก็โดนคนเมาคว้าเอวลงมานอนด้วยเสียก่อน

                “กูคิดถึงมึง”

                “เออ กูรู้แล้ว กูก็คิดถึงมึง โอเคป่ะ เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้”

                “ไม่ใช่... ไม่ใช่แบบนั้น”

                โต๋นิ่งเงียบไป ท่าทางคนตรงหน้าจะพูดไม่รู้เรื่องเสียแล้ว

                “แล้วมันยังไง...”

                “กูต้องการมึง”

                ว่าแล้วก็พลิกเจ้าของห้องให้เป็นฝ่ายมาอยู่เบื้องล่าง เห็นเพียงแค่นั้นโต๋ก็เห็นชัดแจ้งแล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

                “ไม่เอาแล้วท็อป! ยังจะทำเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอวะ”

                “ทำไม ตอนนี้มึงคบใครอยู่”

                “กูไม่ได้คบใครแล้ว”

                “แล้วเป็นกูไม่ได้เหรอวะ...”

                โต๋ถึงกับนิ่งอึ้งไป ไม่คิดเลยว่าจะมีวันได้ยินคำนี้จากคนๆนี้

                นี่แปลว่าอะไร... ที่ห่างหายกันมาหลายปีอยู่ๆนึกอยากจะเลื่อนขั้นจากเพื่อนเป็นคนรักก็ทำเอาตามใจชอบงั้นหรือ!

                “กูกับมึงคบกันไม่ได้หรอกไอ้ท็อป... กูไม่เคยคิดกับมึงแบบนั้นเลย และกูเชื่อว่ามึงก็ไม่เคยคิดกับกูแบบนั้นด้วย”

                “มึงอย่ามา...”

                “กูให้มึงได้มากสุดแค่เซ็กซ์นั่นแหล่ะ... และที่ผ่านมากูก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว มันควรจะจบลงซักที”

                เหมือนโดนตบเสียจนหน้าชา ทั้งๆที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงบันดาลโทสะไปแล้วแน่... ทว่าคราวนี้ท็อปกลับพ่ายแพ้ หมดสิ้นเรี่ยวแรงจะอุทธรณ์

                “เป็นเพราะกฎสามข้อนั่นใช่มั้ย”

                โต๋นิ่งเงียบไป เขาเกือบลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ พอถูกชักนำให้นึกถึงมันขึ้นมาอีกครั้งก็เลยไม่รู้จะตอบเช่นไร

                “ใช่... ท็อป” ชายหนุ่มค่อยๆพลิกตัวเพื่อนให้ลงนอนกับโซฟา “กูกับมึงเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น”

                ถ้อยคำนั้นเจ็บเสียยิ่งกว่าโดนทำร้าย สับทึ้งให้เขากลายเป็นชิ้นแล้วโยนทิ้งไปให้ไกลคงจะทรมานน้อยยิ่งกว่า

                นี่เป็นครั้งแรกที่คนแบบท็อปจะซมซานพ่ายแพ้ และเป็นครั้งแรกที่กล้าเอ่ยความในใจ... แต่สิ่งที่ได้รับคือการปฏิเสธอันเย็นชา หมดสิ้นแล้วเยื่อใยใดๆ

                สมองที่มึนชาจำได้แค่เพียงสัมผัสอ่อนโยนของผ้าห่มอุ่นที่เพื่อนห่มให้   ก่อนที่จะดิ่งลึกลงในนิทรา ที่ได้แต่หวังให้มันเป็นนิทรานิรันดร์
 

...................................................................
 

                ไม่เป็นไรหรอก สักวันฉันคงได้เจอใครที่เหมือนนาย

                ก็ได้แต่อวยพรให้นายได้สิ่งที่ดีที่สุดเหมือนกัน...


                ติดดอกไม้ลงไปบนกระเป๋าเสื้อสูทสีขาวเป็นอย่างสุดท้าย   เพื่อนเจ้าบ่าวยิ้มให้ เหตุเพราะไม่เคยเห็นบอลดูดีขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

                “ขอบใจมากนะมึง”

                “เออๆ หล่อแล้ว ปั้นยิ้มไว้ เดี๋ยวกูไปช่วยรับซองเอง”

                ภูยังคงพูดติดตลกอยู่เหมือนเดิม แต่บอลแค่หัวเราะเบาๆไม่เต็มเสียง ดูเหมือนยังมีเรื่องเครียดขึ้งอยู่ในหัวใจ

                “เครียดไรวะเจ้าบ่าว ยิ้มไว้ ยิ้มไว้”

                พอโดนคะยั้นคะยอขนาดนี้บอลเลยฝืนยิ้มออกมาจางๆให้เพื่อนสบายใจ

                “กูขอโทษนะ...”

                “หือ ขอโทษเรื่องอะไร”

                “กูไม่ได้เมินเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นนะภู กูรู้ว่ามึงรู้สึกยังไง” ได้ยินแค่นี้คนฟังก็หายใจไม่ทั่วท้อง “แต่กูขอโทษจริงๆที่ตอบแทนความรู้สึกของมึงไม่ได้”

                “เออน่ะ อย่าคิดมากเลย”

                “กูไม่รู้ว่ามึงจะเจ็บมากรึเปล่าที่กูขอให้มึงมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว... แต่มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดจริงๆ”

                จบคำนั้นก็รีบคว้าร่างผอมของเพื่อนมากอดไว้... ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากให้บอลเห็นน้ำตาที่กำลังร่วงลงมาเท่านั้น

                “ไม่เป็นไรหรอก กูขอแค่อย่างเดียว”

                “มีไรวะ มึงว่ามาเลย”

                ภูหายใจลึกอยู่หลายครั้ง กลัวเหลือเกินว่าเพื่อนจะจับน้ำตาที่กำลังจะล้นออกมาได้

                “อย่าลืมกูนะ ได้โปรด”


 
                ฉันยังจำสิ่งที่นายเคยพูดเอาไว้ได้... บางครั้งรักก็ยืนยาว

                แต่ความเจ็บปวดกลับยืนยาวยิ่งกว่า...

 

To be Continue...


----------------------------------------------------------------------

ตอนนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง Someone like you ของ Adele จ้ะ
ตัวเอียงก็มาจากท่อนฮุคนั่นแล

Never mind, I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
Don't forget me, I begged
I remember you said,
"Sometimes it lasts in love but sometimes it hurts instead"

เจ็บเนอะ....

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #159 เมื่อ29-02-2012 19:23:19 »

 :z13: :z13: รอมาทั้งวัน  ขอบบบบบคุณคร้าบบบบบบ


สงสารภู  :sad4: :sad4: :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-02-2012 19:28:20 โดย Tiamo_jamsai »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
« ตอบ #159 เมื่อ: 29-02-2012 19:23:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bytoey

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 865
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +197/-3
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #160 เมื่อ29-02-2012 19:44:33 »

Saddd

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #161 เมื่อ29-02-2012 19:55:45 »

เศร้าแทนท๊อป

ออฟไลน์ W-Rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #162 เมื่อ29-02-2012 20:28:24 »

ตอนนี้ SAD มากกกกก

 :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #163 เมื่อ29-02-2012 21:10:18 »

เจ็บเนอะ....

ง่า...เจ็บสิ แต่เป็นความเจ็บแบบหน่วง ๆ ปวดแปล๊บ ๆ ในหัวใจ  :sad4:
พล็อตเรื่องของรุ่นพ่อ รุ่นแม่ รุ่นน้า ๆ เนี่ย บาดลึก ปวดร้าวดีจริง ๆ คงเพราะ เป็นผู้ใหญ่กว่า ณุ-มิค ล่ะมั้ง ?

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #164 เมื่อ29-02-2012 21:18:57 »

โห กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน ฝ่าฟันมาด้วยน้ำตาเชียว

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #165 เมื่อ29-02-2012 22:09:28 »

โหย...เศร้าเว่อร์...เรื่องคุณลูกดูแฮปปี้เอนด์ขึ้นมาทันที

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #166 เมื่อ29-02-2012 22:13:32 »

เศร้ามากกกก

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #167 เมื่อ29-02-2012 23:27:33 »

เศร้าเเทน งานเเต่งทีไรเป็นได้เเค่เเขกรับเชิญ

เวรกรรมเเท้ๆน้อ ทั้งสองคู่เลย

ปล. someone like you = ใครบางคนที่ ชอบ คุณ  ใช่ไหมนะ คริๆ

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #168 เมื่อ29-02-2012 23:34:06 »

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย
 :sad4:
ทำไมรุ่นคุณพ่อคุณแม่ถึงได้คนละอารมณ์กับคุณลูกแบบนี้ค้า
คนอ่านอยากจะร้องไห้
นี่ยังดีนะว่าตอนปัจจุบันทุกคนอยู่อย่างมีความสุข
ไม่งั้นดิชั้นต้องตายแน่ๆค่าาาาาาาาาาาาาาาาา
 :o12:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #169 เมื่อ01-03-2012 08:34:13 »

เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆๆ
ชอบทั้งเรื่องของพ่อและก็ชอบตอนของลูกๆมาก
+ 1 นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
« ตอบ #169 เมื่อ: 01-03-2012 08:34:13 »





tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #170 เมื่อ01-03-2012 08:38:55 »

รุ่นพ่อเเม่ ผ่านมานานโข ความสัมพนธ์ไม่ขยับ

แล้วมาลงเอยกันตอนไหนนะ

ออฟไลน์ Sansin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #171 เมื่อ01-03-2012 09:50:03 »

มาจิ้ม ๆ ก่อน 555   :z2:

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (4/8)]
«ตอบ #172 เมื่อ01-03-2012 10:39:53 »

โอ้ว ~ ความรักของรุ่นใหญ่นี่มันช่างเจ็บปวด

ออฟไลน์ blackcoriander

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-10
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (5/8)]
«ตอบ #173 เมื่อ01-03-2012 17:57:44 »

How I met your Mother (5/8)
Continue...



   แขกเหรื่อเต็มห้องจัดงานของโรงแรม หากมองไปที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวที่ยิ้มแย้ม ก็จะเห็นชายใส่สูทอีกคนที่ยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวอยู่ไม่ไกล

   ท็อปในชุดสูทสีเทาเดินเข้ามาหาภูจากข้างหลัง รู้ดีว่าหลังรอยยิ้มเพื่อนที่แสดงความยินดีกับว่าที่เจ้าบ่าวนั้นซ่อนความเจ็บปวดไว้มากมายเพียงใด

   “ไหวมั้ยมึง”

   “เออ... กูไม่เป็นไร”

   ภูตอบไป ทั้งๆที่ความจริงแล้วหากหมดคืนนี้ความแข็งแกร่งของเขาคงแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี

   ท็อปตบบ่าเพื่อนเบาๆอย่างให้กำลังใจ ในขณะที่เหลือบไปเห็นโต๋ยืนอยู่เงียบๆที่อีกฟากหนึ่งของห้อง

   ...ระยะห่างระหว่างพวกเขามันไกลกันออกไปสุดขั้วแล้ว

   พิธีในวันนี้จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในตอนเย็นเมื่อทำพิธีรดน้ำสังข์เสร็จแล้วก็ต่อด้วยงานเลี้ยงอาหารค่ำ อาหารมากมายถูกเสิร์ฟพร้อมสรรพ มีสไลด์โชว์ภาพความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ได้ชม... ทุกอย่างดูจะดำเนินไปด้วยดีจนกระทั่งพ่อเจ้าสาวกล่าวอวยพรเสร็จเรียบร้อย

   ชายปริศนาคนหนึ่งพลันลุกขึ้นขอกล่าวอวยพรบ้าง... เป็นชายที่ภูไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ก็สัมผัสได้ว่าความริษยาและอาฆาตถูกส่งมาให้เจ้าบ่าวอย่างไม่ปิดบัง

   ชายคนนั้นรับไมโครโฟนมาไว้กับมือ ก่อนจะเดินมาที่โต๊ะเจ้าของงานแต่ง แล้วคว้ามือของหญิงสาวชุดขาวไปกุมเอาไว้

   และแววตาตัดสินใจอันแน่วแน่แผ่กล้าออกมาจากชายคนนั้น เป็นแววตาเดียวกับที่ภูเคยมองวันที่ตัดสินใจจะสารภาพกับบอลไม่ผิดเพี้ยน

   “ผมอยากจะอวยพรให้กับเจ้าสาว แต่ก่อนหน้านั้น ผมอยากจะถามอะไรสักอย่างหนึ่งก่อน” เสียงห้าวถูกประกาศออกไมค์ วินาทีนั้นไม่มีใครรู้จริงๆว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

   “จิน... ทำไมไม่บอกเขาไป”

   “จะให้บอกอะไร!” เจ้าสาวหดมือกลับ แทบจะร้องเสียงสูงด้วยความตกใจ

   “ก็บอกเขาไปสิ นี่ลูกของเรานะ ไม่ใช่ของคนอื่น!”

   เพียงประโยคเดียวก็เหมือนกับแผ่นดินทรุดฮวบพังทลายลงไปตรงนั้น... การจลาจลขนาดย่อมผุดขึ้นทุกหัวระแหง วินาทีเดียวกับที่บอลผุดลุกขึ้นด้วยแรงโทสะที่หลั่งไหลท่วมร่าง

   “จิน...!”

   “บอล... ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ”

   เจ้าสาวรีบลุกขึ้นรั้งแขนชายหนุ่มเอาไว้ แต่ก็โดนกระชากแขนออกอย่างไม่ใยดี

   “ตกลงมันยังไง เรื่องจริงเหรอ!”

   หญิงสาวอึกอักอยู่ในลำคอ ไม่สามารถพูดคำใดออกมาได้อีก  ชายปริศนาจึงฉวยโอกาสคว้าแขนเจ้าสาวเอาไว้แล้วตอบคำถามนั้นให้แทน

   “ใช่ เป็นเรื่องจริง ขอโทษด้วยนะ”

   ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ภูไม่เคยเห็นสีหน้าของบอลเจ็บปวดเท่าวันนี้มาก่อนเลย...

   เจ้าบ่าวปัดจานเค้กแต่งงานที่วางอยู่บนโต๊ะออกไปสุดแรง ชั้นครีมหวานที่ตั้งตระหง่านสูงพลันพังทลายลงไม่เป็นท่า ผสานกับเสียงตะโกนร้องที่ออกมาจากหัวใจที่พังยับเยิน

   ตุ๊กตาชายหญิงที่ยืนยิ้มอยู่บนยอดเค้กตกลงมาแตกกระจาย... พร้อมๆกับที่เจ้าบ่าววิ่งออกจากห้องโถงไปรวดเร็วเกินกว่าใครจะตามได้ทัน

   เป็นวินาทีที่ภูได้สติ... สัญชาตญาณตื่นขึ้นมาทำงานเร็วกว่าที่ใจคิด

   “บอล... บอล!”

   วิ่งตามมาถึงลานจอดรถ ก็พบว่าบอลรีบขับรถบึ่งไปเสียแล้ว... เห็นเพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็กระโจนขึ้นรถของตัวเอง รีบเหยียบคันเร่งตามไปติดๆ

   โชคดีที่เขาเป็นพวกชอบซิ่งรถตั้งแต่มัธยม... เรื่องแค่นี้เขาไม่มีวันแพ้อยู่แล้ว

   แค่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็พลันใจหายตามไปด้วย ไม่รู้ว่าคนที่โดนกับตัวเต็มๆอย่างบอลจะทรมานขนาดไหน... ไม่รู้ว่าจะคิดสั้นหรือไม่ด้วยซ้ำ  และพอคิดถึงความเป็นไปได้นั้นแล้วภูก็ยิ่งใจไม่ดี รีบขับรถหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ตามไปเร็วที่สุดที่เคยทำมาในชีวิต

   อดีตเจ้าบ่าวคงรู้ตัวว่ามีคนที่ขับรถตามมาอยู่... บอลจึงสู้สุดฝีมือด้วยการเลี้ยวเข้าทางซอยลัด สลัดรถที่ตามมาให้หลุดไปได้... ห่างไกลเสียจนเขาคิดว่าไม่มีใครตามมาแล้ว   เขาจึงตัดสินใจจอดรถตรงกลางสะพานข้ามแม่น้ำพอดี

   ชายหนุ่มเปิดประตูออกมายืนพิงสะพานยามค่ำคืน เห็นแสงไฟระยิบระยับจากสองฝั่งสะท้อนลงมาในแม่น้ำ สวยงามไม่แพ้กับแสงดาวบนฟ้า

   แต่ทุกสิ่งที่เขาปรารถนามาแหลกสลายไปหมดแล้ว...

   บอลตะโกนร้องออกมาสุดเสียง... กึกก้องยาวนาน สะท้อนไปกับแม่น้ำสีดำอันว่างเปล่า ปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมาสุดขั้วปอดจนเสียงแหบแห้ง

   ระบายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งเสียงตะโกน ทั้งน้ำตา จนคิดว่าไม่มีแรงจะยืนอยู่ได้อีกแล้ว

   ...และชั่ววินาทีที่เขากำลังจะทรุดลงไปนั้นเอง ใครบางคนจากข้างหลังก็เข้ามากอดเขาไว้

   น้ำตายังไม่ยอมเหือดแห้ง... ความเจ็บปวดยังคงถูกระบายอีกยาวนาน จนกระทั่งอ้อมกอดอบอุ่นนั้นดูดซับความทรมานของเขาให้ค่อยๆจางหายไป

   เนิ่นนานที่ไม่มีคำพูดใด

   “ทำไมวะภู... สิ่งที่กูต้องการ แค่อยากจะมีครอบครัวซักครั้งเท่านั้นเอง”

   ร่างผอมในอ้อมกอดยังคงระบายน้ำตาจนตัวโยน ภูไม่รู้จะปลอบอะไรจริงๆ ในขณะที่ห้วงลึกสุดใจของเขากำลังอุทธรณ์ให้พูดออกไปตามที่ใจคิดสักครั้ง

   แม้จะรู้ว่ามันเลวที่ฉวยโอกาสก็ตาม...

   “ถ้างั้น... ให้โอกาสกูได้ไหม ให้โอกาสกูได้เป็นครอบครัวของมึงได้ไหม”

   บอลไม่ตอบ... มีแค่เสียงหอบหายใจสะอื้น โอบกอดพวกเขาไว้ใต้แสงไฟแห่งรัตติกาล...


...................................................................


   สองมือขยุ้มลงไปบนผ้าปูเตียงสุดแรงจนยับย่น แม้จะก้มหน้าลงกับหมอนแต่ก็รับรู้ได้ถึงสีหน้าของอีกฝ่าย และจังหวะร้อนที่โหมกระหน่ำในช่วงสุดท้าย

   มันรู้สึกดีเกินไป... ดีเสียจนนึกว่าเหตุการณ์จัญไรที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน

   บอลอ้าปากจะหอบหายใจ แต่แล้วเสียงที่หลุดออกมากลับเป็นเสียงร้องอันไร้การควบคุมเมื่อความร้อนจากอีกคนทะลักไหลเข้ามาในร่าง พาให้ทุกสิ่งถูกผลักดันไปสูงสุดขอบจนเกินระงับ

   หรือไม่... ความสุขสมอันเหนือจริงนี้ที่แท้อาจจะเป็นความฝันก็ได้

   หยาดหยดสุดท้ายถูกระบายลงกับผ้าปูเตียงสีขาว ร่างผอมที่รองรับอยู่รู้สึกว่าทุกสิ่งมันช่างท่วมท้นแทบหมดแรงจะทรงตัว

   ภูกอดเขาไว้แน่น เนิ่นนานกว่าจะถอนร่างออก... เป็นช่วงเวลาที่ไร้คำพูดจาและดูน่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะเกิดขึ้นจริง

   ...ไม่เคยคิดเลยว่าซักวันหนึ่งชีวิตเขาต้องกลับมาหาอ้อมกอดของคนๆนี้อีกครั้ง

   ตกลงว่าที่บอลยอมโอนอ่อนต่อคำร้องขอของเพื่อนในคืนนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่   เป็นเพราะเขากำลังมึนชากับความเจ็บปวดเสียจนโหยหาบางสิ่งที่จะระงับความทรมานนั้นได้   หรือเพราะอยากจะประชดความระยำของชีวิต   หรือเป็นเพราะว่าแท้จริงแล้วลึกๆในใจของเขาตัดสินใจที่จะหยุดวิ่งหนีจากความจริงนี้เสียที

   ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในรถยนต์คืนนั้นจะไม่ถูกขุดค้นขึ้นมาพูดถึงมันอีก... แต่บอลก็รู้ตัวดีว่าเขาคงจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต

   แต่ว่าเขาจะสามารถตอบแทนความรู้สึกของคนๆนี้ได้จริงๆหรือ?

   “ภู... แล้วจากนี้ มันจะเป็นยังไงวะ”

   เอ่ยถามเสียงแผ่วเบาจนเกือบจะจมหายไปในราตรี แต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองคนตอบที่นอนอยู่ข้างหลัง...

   “มึงอยากให้เป็นยังไงล่ะ”

   “กูไม่รู้... แต่ถ้านี่เป็นความฝันกูก็ไม่อยากตื่น”

   ภูเงียบไป รู้ดีว่าใจของคนตรงหน้าคงแหลกสลายไม่มีชิ้นดี... สงสัยว่าช่วงเวลาเดียวที่บอลจะหายทรมานได้คือยามที่เขามอบความรักให้งั้นหรือ? แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร หากเขาจะพอช่วยให้คนที่ตนรักลืมความเจ็บปวดไปได้แม้แค่ชั่วยามก็ยังดี

   แม้ในใจจะนึกฝันไปไกลกว่านั้นก็ตาม...

   เหลือบไปเห็นแหวนวงน้อยนอนนิ่งอยู่นอกกระเป๋าเสื้อสูทสีขาวที่กองยับอยู่บนเตียง พลันนั้นความคิดชั่วแล่นของเขาก็ตื่นขึ้นทำงานอีกครั้ง

   ภาพฝันที่เขาเห็นตัวเองกับคนที่ตนรักอยู่เคียงคู่กัน... หากมันเป็นจริงได้ก็คงจะดี

   “งั้นก็ไม่ต้องตื่นสิ...”

   ดึงมือของบอลเข้ามาใกล้... ก่อนจะสวมแหวนสีทองเกลี้ยงวงนั้นเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้าย

   บอลหันกลับมามองด้วยความสับสน เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ตนนั้นมันล้นหลามเพียงใด... แต่เพียงแค่เห็นแสงโคมไฟสะท้อนแหวนสีทองบนนิ้วที่คิดไปว่าชีวิตนี้คงไม่มีวันได้ใส่อีกแล้ว   พลันนั้นน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ก็พลันเอ่อล้นออกมาอีกครา

   ไม่เข้าใจหรอกว่าความรู้สึกนี้คืออะไร... แต่เขากลับหยุดน้ำตาต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

   ชายตรงหน้าก้มลงจูบซับน้ำตาให้ ช่างเป็นความอ่อนโยนที่ชำแรกลึกลงถึงบาดแผลในจิตใจ ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ได้รับนี้จะช่วยเยียวยาหัวใจให้คืนดังเดิมได้ในเร็ววัน

   สองมือเอื้อมขึ้นโอบคอชายตรงหน้า เลื่อนใบหน้าให้ลงมารับจุมพิต... ไม่รู้ว่าภูจะแปลความหมายของมันว่าอย่างไร   แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าหากนี่เป็นความสุขสุดท้ายที่เหลืออยู่ คราวนี้เขาก็จะขอลองเสี่ยงไขว่คว้ามันไว้...

   ดึงรั้งให้จมลงในจุมพิตแสนเศร้า อ้อนวอนขอรับสัมผัสแห่งการเยียวยาอีกสักครา




To be Continue...

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (5/8)]
«ตอบ #174 เมื่อ01-03-2012 20:16:12 »

จินไม่ไหวเลยยย

ออฟไลน์ sbeam14

  • I♥เล้าเป็ด ก๊าบๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-4
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (5/8)]
«ตอบ #175 เมื่อ01-03-2012 20:35:01 »

อ่านรวดเดียวจบเลย 

อยากบอกว่า ชอบมากกกกกกกกกกกกก!!

ทั้งคู่ลูก ทั้งคู่พ่อ-แม่ น้า   o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13


 :3123:ให้คนเขียน :กอด1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (5/8)]
«ตอบ #176 เมื่อ01-03-2012 20:39:37 »

ซึ้งมาก...ความพยายามของภูสำเร็จแล้ว

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (5/8)]
«ตอบ #177 เมื่อ02-03-2012 01:00:13 »

ต้นเป็นดราม่า ออกดอกมาเป็นรักลึกซึ้ง ชอบเรื่องราวของ ภู-บอล มากเลยค่ะ   :-[
จากความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ จึงทำให้ได้พบกับความปรารถนาดี และ คนที่จะอยู่เคียงข้างกันจริง ๆ


ออฟไลน์ bytoey

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 865
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +197/-3
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (5/8)]
«ตอบ #178 เมื่อ02-03-2012 02:13:28 »

Happy Happy naka

ออฟไลน์ blackcoriander

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-10
Re: Bad Boy Mania [Chapter 6:How I met your Mother (6/8)]
«ตอบ #179 เมื่อ02-03-2012 12:59:41 »

How I met your Mother (6/8)
Continue....



   “แล้วแม่ก็ยอมแต่งงานกับพ่อง่ายๆอย่างนั้นเลยเนี่ยนะ?” ณุเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นภูหยุดเล่าไปดื้อๆ... เนิ่นนานเสียจนนึกว่าพ่อจะหลับไปเสียแล้ว

   “เออ... ก็ไม่เชิงหรอก” ชายหนุ่มถอนหายใจ คิดอยู่นานว่าจะบอกความจริงกับลูกดีไหม “ที่จริง... พ่อกับแม่ยังไม่ได้แต่งงานกันด้วยซ้ำ”

   ลูกชายนิ่งชะงักไปอยู่นาน สมองประมวลผลไม่ทัน

   “ห๊ะ!!!... หมายความว่าไงน่ะ นี่หลอกกันมา 10 ปีเลยเรอะพ่อ!!! แล้วแหวนนี่มันยังไงกันล่ะ”

   ดูท่าว่าลูกจะช็อคมากกว่าที่คิด... ก็สมควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอกในเมื่อพฤติกรรมที่พวกเขาแสดงออกมาทุกอย่างมันเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่ามันคือความสัมพันธ์ของคนที่แต่งงานแล้วทั้งนั้น

   “เอางี้แล้วกัน... แกเคยเห็นแม่แกถอดแหวนรึเปล่า”

   ณุนึกอยู่ชั่วครู่... “ไม่เคยนะ”

   “นั่นแหล่ะประเด็น...” ภูถอนหายใจอีกครั้ง “...พอเช้าวันต่อมาของวันนั้นแม่แกก็ช็อคไปเหมือนกันว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไป   แล้ว...แหวนวงนั้นที่จริงมันเป็นแหวนของคู่หมั้นแม่แก ...ไซส์ผู้หญิงน่ะ ...แม่แกก็เลยถอดไม่ออก”

   “ห๊ะ...”

   ผู้เป็นพ่อยกมือขึ้นดูแหวนบนนิ้วของตัวเองบ้าง “เออ ส่วนวงนี้ก็ไซส์ของแม่แก พ่อก็เลยถอดไม่ออกเหมือนกัน”

   เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง... นึกอะไรในหัวไม่ออกเลย

   ใครจะมีพ่อสุดที่รักสุดห่วยอย่างเขาได้บ้างไหมนี่!!!

   “งั้นก็แปลว่า... ที่จริงแล้วพ่อกับแม่ไม่ได้แต่งงาน แค่ถอดแหวนไม่ออกงั้นเหรอ!?!”

   “เออน่ะ ก็ไม่เชิงหรอก... ยังไงตอนนี้ก็อยู่กินจนมีลูกไปแล้วนี่ ฮ่าๆๆๆ” ภูหัวเราะเสียงดังกลบเกลื่อน แต่ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะหนีปัญหาเสียล่ะมากกว่า

   “พ่อ... นี่พ่อไม่คิดจะแต่งงานกับแม่เลยเหรอ”

   “คิดสิ! แต่ประเทศไทยมันแต่งงานได้ที่ไหนล่ะ”

   “แล้วประเทศอื่นมันแต่งไม่ได้รึไง?”

   คราวนี้ผู้เป็นพ่อถึงกับอึ้งไป... เหมือนเป็นความจริงที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยสักครั้ง เหตุเพราะเมื่อสิบกว่าปีก่อนกฎหมายที่อนุญาตให้เพศเดียวกันแต่งงานนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เขาก็เลยเลิกคิดเรื่องนี้ไปโดยปริยาย

   “เฮ้อ ฟังนะพ่อ... ถึงพ่อจะห่วย แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อผมนะ”

   เกือบจะซึ้งแล้ว... แต่ก็สะดุดใจเสียก่อน

   “นี่เอ็งหลอกด่าพ่อเหรอ”

   “ไม่ใช่!” ณุร้องเสียงสูง “คือผมจะบอกว่า... ถึงพ่อจะห่วย แต่ผมก็ภูมิใจในตัวพ่อนะ”

   เกือบซึ้งอีกรอบ... เอาจริงๆคือซึ้งไปแล้วด้วยซ้ำ

   “เฮ้ย เอ็งก็หลอกด่าพ่ออยู่ดีนี่หว่า”

   “ไม่ใช่ค้าบบบบ!!!” ณุรีบเบรกก่อนที่พ่อจะโกรธขึ้นมาจริงๆ “ที่จะบอกก็คือ ถ้ามัวแต่คิดน่ะมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะพ่อ... เดี๋ยวคราวนี้ผมช่วยพ่อเอง”

   สองพ่อลูกจ้องหน้ากันนิ่งในความเงียบงัน... จนกระทั่งรอยยิ้มนึกสนุกปรากฏขึ้นบนใบหน้า

   สงสัยงานนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว


...................................................................


   “เออนะ ตกลงก็ไม่รู้มันทำอีท่าไหน ถึงไปอยู่กินกันได้” ท็อปสรุปปิดท้าย ด้วยการรวบรวมข้อมูลที่เพิ่งได้รู้มาจากการดื่มเหล้าเมื่อคืนมาผสานเข้ากับความทรงจำ

   “อ้าว แล้วเรื่องน้าโต๋ล่ะ”

   นี่แหล่ะถึงจะเข้าประเด็นสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจหลานชายเสียที ว่าเป็นไงมาไงน้าโต๋ถึงมาโผล่เอาที่นี่ได้... และตกลงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ ในที่สุดเขาก็จะได้รู้แน่ชัดเสียที

   แต่ปฏิกิริยาของท็อปกลับมีแค่เลิกคิ้วขึ้นข้างเดียว

   “ก็เป็นอย่างที่แกเห็นนี่แหล่ะ”

   มิคหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่... นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นน้าเขาคงถีบไปแล้วแน่

   “ก็ผมอยากรู้เรื่องนี้นี่แหล่ะ”

   “ก็จะให้อธิบายอะไรอีกล่ะ... หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก น้าก็เพิ่งมารู้ว่าไอ้สองคนนั้นมันอยู่ด้วยกันก็เมื่อวาน ส่วนไอ้โต๋อยู่ดีๆก็โผล่มา จำได้รึเปล่าล่ะ...”

.....
..
.....

   คืนนั้นเป็นคืนที่ฝนตกหนักเหมือนฟ้ารั่ว พายุโหมกระหน่ำราวกับเทพพิรุณกำลังพิโรธ ทุกสิ่งมืดมัวสนิทไม่อาจมองเห็นสิ่งใด

   บรรยากาศในคืนนั้นคุกคามน่าสะพรึงกลัวเหมือนในหนังสยองขวัญไม่มีผิด... แล้วยิ่งต้องมาขวัญผวาเข้าไปใหญ่เมื่อมีเสียงกดกริ่งหน้าประตูซ้ำๆท่ามกลางเสียงฟ้าผ่าครึกโครม

   แต่จะไม่ออกไปรับก็ไม่ได้เสียอีก สองน้าหลานก็ได้แต่ลากเท้ากล้าๆกลัวๆไปที่หน้าประตู พอมองลอดหน้าต่างไปก็มองอะไรไม่เห็นเพราะทุกสิ่งพร่ามัวไปด้วยน้ำฝน...

   และสิ่งมีชีวิตที่รอให้พวกเขาเปิดประตูอยู่หน้าบ้านนั้น ก็คือชายคนที่ชื่อโต๋นี่เอง

   จำได้ว่าท็อปยืนนิ่งราวกับถูกฟ้าผ่าไปตรงนั้น คงจะไม่แม้แต่จะคิดว่าจะได้เจอชายคนนี้อีกครั้ง

   “ท็อป... ขอกูเข้าไปหน่อยจะได้มั้ย”

   สภาพชายตรงหน้าดูเหมือนลูกหมาตกน้ำ ผมที่เริ่มยาวเปียกลู่อยู่บนหน้า ร่างผอมกอดตัวเองปากสั่นด้วยความหนาวเหน็บ... ท็อปแทบจะไม่ขยับด้วยซ้ำตอนที่เอ่ยขึ้นมา

   “มิค ไปเอาผ้าขนหนูมา”

   และระหว่างที่หลานรีบวิ่งไปหาสิ่งของอุปกรณ์มาให้ชายคนนี้ ท็อปก็พาเพื่อนเก่าไปยังห้องน้ำ ยอมให้ใช้น้ำอุ่นได้ตามใจชอบ ส่วนช่วงเวลาระหว่างนั้นที่หลานชายเฝ้าเพียรถามว่าชายคนนี้เป็นใครท็อปก็ไม่ยอมแม้แต่จะเอ่ยปากตอบ

   และเขาก็ตัดปัญหาด้วยการล็อกห้องนอนที่ติดกับห้องน้ำเสียเลย

   พอโต๋อาบน้ำเสร็จก็ออกมาเจอกับท็อปที่รออยู่ในห้องนอนพอดี ชายหนุ่มดูท่าจะไม่บอกที่มาที่ไปออกมาง่ายๆแน่ๆ โดยเฉพาะเมื่อความกระอักกระอ่วนจากการเจอกันครั้งสุดท้ายยังคงอบอวลราวหมอกหนาอยู่ในจิตใจ

   พวกเขาไม่เคยพูดกันตรงๆเลยสักครั้ง และครั้งนี้ก็คงเป็นเช่นกัน... นึกย้อนดูก็พบว่ายามเกิดปัญหาขึ้นเมื่อใดพวกเขาก็ใช้วิธีปิดปากเงียบ ไม่พูดถึงมันอีก   เป็นเช่นนี้ทุกครั้งไป

   อาจจะด้วยความกลัว ว่ายอมให้ทุกสิ่งในโลกนี้พังทลายไปได้... แต่ต้องไม่ใช่มิตรภาพของพวกเขา

   “ท็อป... กูอาจจะอยู่พักใหญ่เลย ได้ไหมวะ”

   “เออ เอาดิ”

   “ตอนนี้กูไม่มีที่ไปว่ะ... เงินกูก็หมดแล้ว”

   ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากไปกว่านั้นอีก... หรือแท้จริงแล้วท็อปก็อาจไม่ได้อยากรู้เหตุผลเลยด้วยซ้ำ

   ไฟฟ้าเหมือนจะดับแหล่มิดับแหล่ โต๋ยืนเช็ดผมมองออกไปข้างนอกกระจกหน้าต่าง... ไม่ทันรู้ตัวเลยเมื่อท็อปเข้ามาประชิดจากด้านหลัง

   “แต่กูไม่ให้มึงอยู่ฟรีหรอกนะ”

   คนฟังหลับตาลงราวกับรู้เงื่อนไขข้อนี้ดีอยู่แก่ใจ

   “เออ... อยากเมื่อไรก็เรียกกูเลย”

   เสียงที่ตอบกลับมาราวกับคนไม่มีหัวใจ ดังร่างกายนี้กลวงเปล่า แม้จะถูกทำให้แปดเปื้อนด้วยมือของคนแปลกหน้านับร้อยก็ไม่ยินดียินร้ายงั้นหรือ

   หรือแปลว่าต่อให้เป็นมือของเขาก็ไม่ยินดียินร้ายเช่นกัน?

   “ได้... งั้นขอมัดจำก่อน ตอนนี้แหล่ะ”

   สองแขนเอื้อมเข้ามาหาจากด้านหลัง สัมผัสไล้ไปตามร่างกายที่คุ้นเคยมานาน... ไม่ใช่แม้แต่จะเป็นอ้อมกอดด้วยซ้ำ

   โต๋หลับตาอีกครั้ง... พร้อมๆกับที่ไฟดับลง สองร่างตกอยู่ในความมืดสนิทราวกับโลกสูญสิ้นแสงตะวัน

   และในความมืดนั้นที่น้ำตาของท็อปหยดลงเงียบๆ... รู้ตัวดีแล้วว่าแม้จะสัมผัสร่างนี้อีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง เสียงในใจของเขาก็จะไม่มีวันไปถึงชั่วกาล

.....
..
.....

   มิคอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้เข้าใจอะไรเพิ่มเติมเลยแม้แต่น้อย   แต่พอจะบอกออกไปก็เกรงว่าจะยิ่งซ้ำเติมความทุกข์โศกให้ชายตรงหน้าเสียอย่างนั้น

   เป็นเพราะเขาดูออกนั่นแหล่ะว่าความรู้สึกของทั้งสองคนไม่ใช่แค่เพื่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมทั้งสองถึงไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย...

   คงเป็นเพราะว่าสองคนนี้ไม่เคยพูดสิ่งที่อยู่ในใจสักครั้งเลยกระมัง

   น้าท็อปไม่เคยทำอาหาร เมื่อมิคมาอยู่ด้วยก็ซื้ออาหารจากข้างนอกเข้ามากินกันตลอด   ด้วยความที่ว่าชายหนุ่มเป็นนกฮูกกลางคืน ทำงานเขียนโปรแกรมอยู่หน้าคอม มีกองมาม่าวางระเกะระกะอยู่รอบโต๊ะ โหมทำงานคืนแล้วคืนเล่า แล้วหลับเอาเป็นเอาตายในตอนกลางวัน

   จนกระทั่งพอน้าโต๋มานั่นแหล่ะชีวิตพวกเขาถึงได้เปลี่ยนไป... อาหารที่ไม่มีใครเคยทำโต๋ก็ทำให้ ถึงมันจะไม่ได้อร่อยนักและมักจบลงด้วยการซื้ออาหารสำเร็จรูปมากินอยู่ดี   มีกาแฟเสิร์ฟให้ท็อปตอนเช้าทุกวัน  แต่เวลาที่ท็อปทำงานโต้รุ่งจนเผลอหลับคาคอมไป ชายหนุ่มก็ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนคนนี้นี่แหล่ะที่คอยเอาผ้ามาห่มให้ หรือไม่ถ้าดื้อนักก็ลากไปนอนบนเตียงเสียเลย

   และสายตาที่โต๋แอบมองเพื่อนตอนหลับเงียบๆนั้น มันอธิบายทุกสิ่งได้ดีกว่าคำพูดใดๆ...

   “เห็นน้าโต๋ได้งานแล้วนี่... ผมว่าถ้าเขาเก็บเงินได้พอคงไปหาที่อยู่ใหม่เร็วๆนี้แหล่ะ”

   “อืม” ท็อปดื่มกาแฟก้นแก้วที่เริ่มเย็นชืด สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนเดิม “ยังหรอกมั้ง ไม่เห็นมันจะพูดอะไรเลย”

   “ถ้าถึงเวลานั้นแล้วน้าจะทำไง”

   “มันจะไปก็เรื่องของมันสิ”

   นี่แหล่ะปัญหา!... ความปากแข็งไม่มีที่ติของทั้งคู่นี่แหล่ะที่ทำให้เรื่องมันไปไม่ถึงไหนซักที  และท่าทางคนหัวแข็งอย่างท็อปต่อให้ตายคงจะไม่มีวันเผยใจตัวเองได้แน่ๆ

   มิคไม่เอ่ยอะไรตอบไปอย่างที่ใจคิด... แต่กลับใช้ความเงียบที่มีครุ่นคิดแผนการเอาไว้ในใจ

   ...สุดท้ายเขาคงต้องลงมือช่วยด้วยตัวเองเสียแล้ว!!!



To be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2012 13:13:15 โดย blackcoriander »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด