บทที่ 10
สิตางศุ์เข้าไปอาบน้ำเสร็จก็ตรงมาหารัชพลที่นอนหลับสนิทอยู่ ตรงหัวไหล่ถูกทำแผลเรียบร้อย เมื่อเหลือบมองไปบนโต๊ะหัวเตียงก็เจอผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดของเขาอยู่
คนตัวเล็กนั้นเพิ่งจะเคยมีประสบการณ์เสี่ยงตายแบบนี้ครั้งแรก และมันก็น่ากลัวเกินกว่าที่จะมีครั้งที่สอง รัชพลมาเจ็บหนักแบบนี้ แถมตัวเขาเองก็ยังผวาไม่หาย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไร่น้ำรินคงไม่นิ่งเฉยแน่
สิตางศุ์หันไปมองหน้าคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง นึกไปถึงตอนที่รัชพลมารับหมัดแทนเขา ถ้าเขาเป็นคนโดนต่อยรับรองสลบไปแน่ๆ แต่รัชพลยังไหวแถมยังจะตามคนร้ายมาแบบนี้อีก แน่ล่ะ พวกนั้นจะเผาโรงบ่ม ถ้าเกิดไม่ตามรับรองครั้งหน้าต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแน่ๆ เขาอยากรู้เสียจริงว่าคนพวกนั้นเป็นใคร และจะเกี่ยวกับคนชื่อโรจน์ที่โกงเงินไร่หรือไม่ สิตางศุ์อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปเร็วๆเสียจริง
แต่ที่แน่ๆคือ เขาต้องไม่ให้คนที่บ้านเขารู้เรื่องนี้เป็นอันขาด
ร่างบางถอนหายใจเมื่อคิดถึงเรื่องวุ่นวายรอบตัวก่อนจะเลื่อนผ้าคลุมมาห่มให้รัชพล แล้วตัวเองก็ขึ้นไปนอนข้างๆ เตียงนี้ค่อนข้างจะใหญ่พอสมควร เมื่อผู้ชายสองคนมานอนด้วยกันก็ไม่มีปัญหาอะไร สิตางศุ์พยายามนอนชิดริมมากที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปนอนเบียดรัชพล เกิดเขาโดนใส่แผลของอีกคนจะแย่เอา ไม่นานสิตางศุ์ก็หลับตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอีกคน
แสงจิ้งหรีดเรไรในยามเช้าของไร่เพียงระพีปลุกให้คนที่นอนอยู่ลืมตาขึ้น รัชพลกวาดตามองไปรอบๆเมื่อตื่นขึ้นแล้ว และก็พบว่ามีอีกร่างหนึ่งนอนอยู่ข้างๆ
สิตางศุ์นั่นเอง
ระยะห่างของทั้งสองคนนั้นไม่มาก มันทำให้รัชพลจ้องมองอีกคนได้อย่างถนัดตา สิตางศุ์แม้จะมีใบหน้าหวานแต่ก็ยังมีเค้าของความเป็นชาย ผิวออกจะขาวอาจเป็นเพราะไม่ได้มาทำงานหนักตากแดดตากลมในไร่เหมือนเขา รัชพลจ้องอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ละสายตา จะว่าสิตางศุ์หล่อก็ไม่ใช่ จะว่าสวยก็ไม่เชิง ลูกผู้ดีมีตังค์ก็อย่างนี้ ทั้งชีวิตไม่เคยจะทำงานหนัก ชาตินี้จะไปดูแลปกป้องผู้หญิงที่ไหนได้ บางทีสิตางศุ์อาจจะเกิดมาเพื่อให้ใครบางคนดูแล มากกว่าที่จะดูแลใคร มีวูบหนึ่งที่รัชพลคิดว่า เขาเองก็อยากจะเป็นคนที่คอยดูแลสิตางศุ์
ร่างสูงของเจ้าของไร่น้ำรินส่ายหัวให้ความคิดของตัวเองก่อนจะลุกขึ้น ด้วยความที่ลุกเร็วทำให้แผลที่ถูกลูกปืนเฉียดเกิดเจ็บจี๊ดขึ้นมา
“โอ้ย!” รัชพลยกมือขึ้นมาจับที่แผลไว้พร้อมกับทำหน้าเหยเก เสียงร้องนั้นทำให้คนที่นอนอยู่ข้างสะดุ้งตื่น
“คุณรัช!” สิตางศุ์ลุกขึ้นอย่างตกใจพร้อมพุ่งไปหารัชพลกุมไหล่ไว้แน่น “เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไร พอดีลืมตัวไปหน่อยเลยไม่ระวัง” รัชพลตอบอีกคนเมื่อเห็นว่าสิตางศุ์ทำหน้าตื่นๆแบบนั้นก็ทำเอาเขารู้สึกว่าตัวเองต้องไม่แสดงอาการที่สื่อถึงความเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เพราะไม่อยากให้สิตางศุ์ต้องคิดมาก
“ถ้าอย่างนั้นค่อยๆลุกนะครับ เดี๋ยวผมช่วย”
สิตางศุ์ช่วยประคองคนตัวโต รัชพลค่อยๆลุกแต่ก็เซเล็กน้อย สิตางศุ์เซตามเพราะน้ำหนักตัวของรัชพลนั้นมากกว่า แขนเรียวของเจ้าตัวเลยสอดเข้าไปโอบเอวหนาของรัชพลไว้เพื่อช่วยพยุงไม่ให้รัชพลต้องเซแล้วล้มไป
“ค่อยๆเดินนะครับ คุณจะไปห้องน้ำใช่มั้ย” สิตางศุ์มัวแต่วุ่นวายกับการช่วยรัชพล ส่วนตัวเจ็บนั้นกลับมองกิริยาของสิตางศุ์แล้วยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
เขารู้สึกดีที่สิตางศุ์แสดงท่าทีที่เป็นห่วงเขามากขนาดนี้ รัชพลจึงถือโอกาสโอบไหล่ของคนตัวเล็กไว้แน่นเพื่อใช้เป็นที่ยึด หัวใจหนุ่มเริ่มเต้นแรงอีกแล้ว รู้สึกว่าพักนี้อยู่ใกล้ชิดกับสิตางศุ์ทีไรหัวใจเขาทำงานหนักมากทุกที ไม่ได้การแล้ว สิตางศุ์อันตรายกับหัวใจของเขามากเกินไป
“คุณรัชครับ ผมถามว่าจะไปห้องน้ำใช่ไหมครับ คุณรัช คุณรัชพล!” สิตางศุ์ตะโกนเมื่อเห็นว่ารัชพลนิ่งไป เอาแต่มองหน้าเขาอยู่นั่นแหละ จนสิตางศุ์ที่ต้องเป็นฝ่ายหลบตาเอง สายตาแบบนั้นมันทำให้เขาวูบวาบไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอ่อ... อ๋อ เออๆ ผมจะไปห้องน้ำครับ” รัชพลที่เพิ่งได้สติรีบตอบพัลวัน จิตใจเขาเหมือนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งๆที่ตอนนี้ควรจะสนใจแผลที่หัวไหล่ของตัวเองมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรออยู่ตรงนี้นะครับ ถ้าคุณทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ค่อยเรียก” สิตางศุ์ไปส่งรัชพลที่ห้องน้ำก่อนจะออกมายืนรอที่หน้าห้องน้ำ
“ครับ” รัชพลตอบรับก่อนจะปิดประตูห้องน้ำด้วยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อาการหนักแล้วนะไอ้รัช
เช้านี้ไร่เพียงระพีต้องต้อนรับแขกจากไร่น้ำริน ทั้งๆที่เพียงดินเป็นคนบอกเองว่าจะไปส่งแต่ภุมรินก็ทนไม่ไหวต้องมาหารัชพลแต่เช้าเอง เมื่อคืนนั้นเชี่ยวชาญเป็นคนบอกภุมรินว่ารัชพลกับสิตางศุ์ไปเอาไวน์เพิ่มที่โรงบ่ม ภุมรินก็ไม่ได้เอะใจอะไรมาก แต่เมื่อรอครู่ใหญ่ทั้งสองคนก็ไม่มาซักทีกอปรกับได้ยินเสียงปืนดังมาแต่ไกลทำให้ใจของภุมรินหล่นวูบ ทุกคนในงานหยุดการกระทำทุกอย่างพร้อมกับตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่ารัชพลกับสิตางศุ์หายไป ตะวันที่เริ่มจะเคลิ้มๆก็สร่างเมาเต็มที่ กิตที่ได้สติก่อนก็รีบตามไปที่โรงบ่มและพบว่ามอเตอร์ไซค์ของก้องลูกชายตัวเองหายไป เพียงเท่านั้นก็พากันออกตามหารัชพลกับสิตางศุ์กันจ้าละหวั่น แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จึงพากันมานั่งรอที่บ้านก่อน จนเพียงดินโทรมานั้นแหละถึงจะรู้เรื่อง ตอนแรกภุมรินว่าจะไปหารัชพลที่ไร่เพียงระพีตั้งแต่เมื่อคืนเพราะใจไม่ดีเมื่อรับรู้ว่ารัชพลนั้นโดนยิง แต่ตะวันก็บอกให้คนรักรออยู่ที่นี่ก่อน เช้านี้เลยพากันแห่มาไร่เพียงระพีแต่เช้า
“ผมได้ยินเสียงปืนน่ะครับเลยไปดู เห็นคุณรัชกับคุณสิตางศุ์เลยให้คนงานช่วยกันตัดลวดหนามแล้วพามาที่นี่ก่อนน่ะครับ” เพียงดินบอกกับภุมรินและตะวัน รวมไปถึงกิตและเหมที่มาด้วย
“ขอบคุณคุณดินมากนะครับที่ช่วยพาพี่รัชมานี่ก่อน ไม่อย่างนั้นคงแย่” ภุมรินขอบคุณจากใจจริง
“ไร่อยู่ติดกันแค่นี้มีเรื่องก็ต้องช่วยกัน แต่ผมอยากรู้ว่าไร่น้ำรินมีเรื่องอะไรเหรอครับ ถึงได้มีคนบุกยิงถึงในไร่ได้” เพียงดินถามด้วยความสงสัย
“ช่วงนี้มีคนไม่หวังดีกับไร่น้ำรินน่ะครับ เราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครเลยได้แต่ระวังตัวไว้” ภุมรินตอบสีหน้าเครียด ตอนนี้สถานการณ์มันแย่ลงทุกที ถึงขั้นบุกเข้ามาในไร่นั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว
“แล้วแจ้งความไว้รึยังครับ” เพียงดินที่เพิ่งรับรู้ข่าวไม่สู้ดีของไร่ข้างๆก็พลอยเครียดตาม
“แจ้งไว้แล้วครับ ตอนนี้กำลังตามหาตัวคนที่ทำอยู่”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะครับ ไร่เพียงระพียินดีช่วยเหลือ”
“ขอบคุณครับ”
นั่งคุยกันสักพักก็เห็นสิตางศุ์พารัชพลเดินลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แม้รัชพลจะมีทีท่าว่าแย่ แต่ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว
“พี่รัช” ภุมรินรีบไปช่วยประคองพี่ชายให้เดินลงมาจากบันไดอย่างปลอดภัย
“ดีขึ้นบ้างรึเปล่าครับคุณรัช” เพียงดินถามเจ้าของไร่น้ำริน
“ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนมากเลยครับ ขอบคุณคุณดินที่ช่วยไว้และฝากขอบคุณคุณหมอด้วย และขอโทษที่มารบกวนดึกๆดื่นๆ” รัชพลพูดก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้โดยมีสิตางศุ์และภุมรินคอยประคองไม่ห่าง
“ไม่เป็นไรครับ มีอะไรก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว เรื่องที่ไร่น้ำรินคุณรินบอกผมแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกได้นะครับ”
“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนให้คุณดินช่วยดูบริเวณที่เป็นพื้นที่ติดกับไร่น้ำรินให้หน่อยนะครับ ผมเกรงว่าคนร้ายอาจจะลักลอบเข้าทางนั้น” รัชพลถือโอกาสว่ายวาน ถ้ามีการตรวจตราฝั่งไร่เพียงระพีอาจจะเพิ่มความปลอดภัยขึ้นมาอีกนิด อย่างน้อยก็ช่วยเป็นหูเป็นตาให้
“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะให้คนไปดูแลตรงส่วนนั้นจนกว่าจะหาคนร้ายได้” เพียงดินเองก็ยินดีจะช่วยเหลือ ความสัมพันธ์ของทั้งสองไร่นั้นถือว่าเป็นพันธมิตรกันมาแต่ไหนแต่ไร มีเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ช่วยเหลือกันตลอด และคุณบุรินทร์กับลูกๆก็เป็นคนดีด้วย มันใช่เรื่องใหญ่ที่เขาจะยื่นมือไปช่วยเหลือ
“ขอบคุณมากครับ” กล่าวขอบคุณอีกครั้ง
คนของไร่น้ำรินอยู่ที่ไร่เพียงระพีไม่นานก็พากันกลับมายังบ้านรักษ์นทีโดยมีบุรินทร์ยืนรออยู่ ตอนแรกนั้นเขาจะตามไปด้วยแล้ว แต่ภุมรินให้รออยู่ที่นี่ เขาเองก็ห่วงลูกชายไม่น้อย และโกรธคนพวกนั้นเพิ่มมากขึ้น ยังไงเขาก็ไม่ปล่อยเอาไว้แน่ๆ
“เป็นยังไงบ้างรัช” เดินมาช่วยประคองให้รัชพลนั่งลงกับเก้าอี้ภายในตัวบ้าน ซึ่งฝั่งตรงข้ามมีเกรียงไกรและนายตัวรำอีกสองคนมารออยู่ก่อนแล้ว
“ไม่เป็นไรมากแล้วครับพ่อ” ตอบเพื่อให้บิดาคลายกังวล
“เรื่องนี้ถือเป็นการบุกเข้ามาอย่างอุกอาจ ทางตำรวจได้ตรวจสอบที่โรงบ่มดูแล้ว พบเพียงไฟแช็ค ซึ่งเราจะเอาไปตรวจลายนิ้วมืออีกทีครับ สันนิฐานว่าคนร้ายตั้งใจเผาโรงบ่มและที่เข้ามาโดยไม่เกรงกลัวก็เป็นเพราะคนงานอยู่ในงานเลี้ยงกัน ไม่ทราบว่าคุณรัชพลกับคุณสิตางศุ์มีหลักฐานเพิ่มเติมหรือจำหน้าคนร้ายได้บ้างรึเปล่าครับ” เกรียงไกรร่ายยาว ทางสถานีตำรวจได้เข้ามาช่วยตรวจสอบแต่เช้า เพราะเพิ่งได้รับแจ้งจากบุรินทร์
“ผมจำหน้ามันไม่ได้ครับ ตอนนั้นมันมืดมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชายสามคน รูปร่างผอมแห้งและไม่สูงมาก” สิตางศุ์ตอบตามที่เห็น เขาไม่เห็นหน้าคนร้ายเพราะมันมืดมากแม้ไฟจากงานจะส่องมาบ้างก็ตามที
“ผมจำทะเบียนรถมันได้ครับ” รัชพลพูด เขาจำทะเบียนรถได้ขึ้นใจ และนี่อาจจะเป็นหลักฐานที่สามารถช่วยได้มากเลยทีเดียว
“ดีเลยครับ” เกรียงไกรพูด การที่จำทะเบียนรถได้ถือว่าช่วยได้เยอะเลยทีเดียว เขาให้ลูกน้องจดป้ายทะเบียนรถตามที่รัชพลบอก
“ผมว่าคนร้ายต้องเป็นคนเดียวกับพวกที่มาก่อกวนก่อนหน้านั้นแน่ๆ” ตะวันตั้งข้อสังเกต
“เป็นไปได้สูงมาก ตอนนี้ทางเรากำลังรวบรวมหลักฐานเรื่องเมื่อคราวก่อนอยู่ แต่ที่แน่นอนในตอนนี้คือนายโรจน์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสี่ยทรงยศครับ ทั้งสองคนนี้รู้จักกันและทำสัญญาเป็นนายจ้างลูกจ้างกันเรียบร้อยก่อนที่นายโรจน์จะเข้ามาทำงานที่ไร่น้ำริน จากบัญชีที่คุณสิตางศุ์ตรวจสอบมาทั้งหมดนั้น พบว่านายโรจน์ได้ยักยอกเงินของไร่น้ำรินไปหกล้านบาท ตอนนี้เรากำลังจะดำเนินคดีในส่วนนี้และอาจจะสืบสาวไปหาเสี่ยทรงยศ” เกรียงไกรบอกข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้มาให้แก่คนของไร่น้ำรินได้รับรู้ ตอนนี้คดีนี้ถือว่าคืบหน้าไปมากทีเดียว
“แสดงว่าโรจน์โกงจริงๆ และอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในไร่ด้วย เก็บงูเห่ามาเลี้ยงชัดๆ” บุรินทร์กำหมัดแน่นอย่างแค้นเคือง เขาไม่คิดว่าโรจน์จะเป็นคนอย่างนั้น ทั้งๆที่ทำงานมาด้วยกันเป็นปี
“ถ้ายังไงตอนนี้อย่าเพิ่งทำให้ไก่ตื่นนะครับ ถ้ามีหลักฐานเพิ่มเติมผมจะมารายงานและเข้าจับกุม อย่าให้นายโรจน์หนีไปได้”
“ครับ พวกผมจะระวัง” บุรินทร์พูด
คุยรายละเอียดกันอีกเล็กน้อย เกรียงไกรก็ขอตัวกลับ ภุมรินก็ไปส่งตะวันที่ตลาดเพราะตะวันนั้นไม่ได้เอารถมา บุรินทร์ก็เอนตัวลงกับโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อสั่งงานอะไรบางอย่าง ป้าจันที่แอบมองอยู่ในครัวก็รีบมาหาคุณรัชของนางด้วยน้ำตานองหน้า
“คุณรัช เจ็บมากมั้ยคะทูนหัวของป้า” ยกมือขึ้นลูบหน้ารัชพลเบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วครับป้าจัน รัชไม่เจ็บซักนิดเลย พักสองสามวันก็หายแล้ว” รัชพลพูดยิ้มๆ เขารู้ว่าป้าจันเป็นห่วงไม่แพ้ทุกคน จึงพูดให้เธอคลายกังวล
“ไปค่ะ เดี๋ยวป้าพาขึ้นไปข้างบนนะคะ” เธอพยายามจะช่วยประคองรัชพลโดยมีสิตางศุ์ที่คอยจับอีกข้างเมื่อเห็นว่าคนแก่ๆอย่างป้าจันไม่น่าจะเอาคนตัวโตอย่างรัชพลไหว
ไม่นานรัชพลก็มานอนอยู่บนเตียงของตัวเองเรียบร้อยโดยมีสิตางศุ์นั่งไม่ห่าง ป้าจันก็กำลังค้นเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาเพื่อเปลี่ยนให้
“เดี๋ยวป้าเช็ดตัวให้นะคะ ตอนนี้ยังอาบน้ำไม่ได้” ป้าจันอาสา เธอนั้นเช็ดตัวให้รัชพลและภุมรินอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องขัดเขินอะไรนัก
“ป้าจันช่วยไปทำกับข้าวให้ผมดีกว่าครับ เดี๋ยวให้คุณสิตางศุ์เช็ดให้ จะได้ช่วยผมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย” รัชพลพูดเองเออเองทำเอาสิตางศุ์หันขวับ
“อะไร ใครจะเช็ดตัวให้คุณกัน” สิตางศุ์ว่า ยังไม่ถามความเห็นเขาซักคำ
“ป้าจันเป็นผู้หญิง มันเช็ดตัวให้ผมมันจะไม่งาม คุณเป็นผู้ชายจะอายอะไร ช่วยผมแค่นี้ไม่ได้รึไง ผมเจ็บอยู่นะ แล้วอีกอย่างผมก็วิ่งไปรับหมัดแทนคุณด้วย” รัชพลอ้าง สิตางศุ์ได้แต่มองค้อนเพราะเถียงไม่ออก อย่างที่รัชพลพูดมันก็ถูก
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวป้าเช็ดตัวให้คุณรัชเอง” ป้าจันยังอาสาเมื่อเห็นว่าสิตางศุ์นั้นไม่เต็มใจ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำเอง ป้าจันไปทำข้าวต้มมาให้คุณรัชเถอะครับ” สุดท้ายก็ตั้งทำตามความต้องการของรัชพลที่นอนยิ้มยิงฟันอยู่ ทำนิสัยกวนชาวบ้านแบบนี้ได้แสดงว่าหายดีแล้ว
คนร้ายน่าจะยิงปากให้พูดไม่ได้ไปเลย
******************************************************************
มาต่อแล้วตอนที่สิบจ้า ตอนนี้เบาๆ พี่รัชอ้อนเบาๆ (อ้อนเล็บสิตางศุ์ 555555555) สถานการณ์ข้างนอกเริ่มย่ำแย่ แต่สถานการณ์หัวใจของทั้งสองคนเริ่มดีขึ้น เอาใจช่วยพี่รัชด้วยนะคะ
มีข่าวมาแจ้งค่ะ ตอนนี้ Speirmint28 มีเพจแล้วนะคะ ฝากกดไลค์ด้วยค่ะ เราจะอัพเดตข่าวสารเรื่องนิยาย และหนังสือจากเพจนี้นะคะ ตอนนี้เรื่องของน้องริน “ภมรอ้อนตะวัน” มีการตอบกลับจากสำนักพิมพ์แล้วค่ะ หากใครสนใจก็รอติดตามหนังสือได้เร็วๆนี้นะคะ รวมทั้งนิยายอีกเรื่องของเราด้วย
นี่เพจค่ะ >>
https://www.facebook.com/Speirmint28-213061652381782/?fref=nfปล. มีคนถามว่าคุณหมอตอนที่แล้วเป็นหมอชาญรึเปล่า ตอบว่าไม่ใช่นะคะ อยากรู้ว่าหมอคนนี้เป็นใครต้องติดตามในเรื่อง “ปฐพีเคล้าเมฆา” ค่ะ