วันพุธเป็นวันที่เราชอบที่สุดเพราะไม่มีเรียนเช้า การได้นอนหลับครบแปดชั่วโมงนี่มันชื่นใจจริงๆ
เรายืนบิดขี้เกียจที่ระเบียงพลางสูดหายใจรับฝุ่นPM2.5 ยามเช้าเข้าไปทักทายปอดพอเป็นพิธี ก่อนจะกลับเข้าห้องเพราะแดดเริ่มแรงจนรู้สึกแสบผิวเล็กน้อย
ติ๊ง
ข้าวผัดแซลม่อนแช่แข็งที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อมาตุนไว้เป็นอาหารเช้าส่งกลิ่นหอมพร้อมกับเสียงเตือนของไมโครเวฟดังขึ้นพอดีกับที่เรากลับเข้ามาในห้อง จัดการวางกล่องข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนจะเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำพริกกะปิที่ซื้อมาจากเซเว่นและน้ำเปล่…อ้าว
“เวร ลืมแช่น้ำ”
เราบ่นกับตัวเองเบาๆ คว้าโทรศัพท์มากดเข้าไลน์ก่อนจะส่งข้อความไปหารุ่นพี่ในคณะที่อยู่หอเดียวกัน
‘พี่เจอยู่ห้องปะ’
[อยู่]
‘ยืมน้ำเย็นขวดนึงดิ่ เราลืมแช่’
[ยืมน้ำเย็น?]
[กินหมดแล้วจะเอามาคืนกูงี้?]
‘บ้า’
‘เดี๋ยวพอน้ำที่เราพึ่งแช่มันเย็นก็เอาไปคืนไง’
‘นะนะ เราอยากกินน้ำเย็นอะ’
[เดี๋ยวเอาลงไปให้]
เรายิ้มเมื่ออีกฝ่ายตอบตกลง
พี่เจเป็นรุ่นพี่ในคณะ รู้จักกันตอนที่ไปงานบอลฯประเพณีของมหาลัยเรากับมหาลัยสีชมพู ตอนนั้นเราเป็นลม ได้พี่เจช่วยอุ้มไป ปฐมพยาบาล พอเราฟื้นก็คุยกันนิดหน่อย เอาจริงๆเรียกว่านั่งฟังพี่มันบ่น..
‘ที่ร่มๆก็มีทำไมไม่ไปยืน’
‘ก็เราหาเพื่อนอยู่นี่นา’
‘เรา? มึงปีไหนเนี่ย’
‘หนึ่ง’
‘กูปีสี่ เรียกพี่หน่อยก็ได้มั้ง’
‘ที่นี่มธนะ ปีไหนก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแหละ’
‘ตามใจมึง แล้วนี่จะเอาไง กลับมั้ยเดี๋ยวกูไปส่ง’
‘ไม่ๆ เราขอหาเพื่อนก่อน’
‘เดี๋ยวก็เป็นลมไปอีก กลับนั่นแหละดีแล้ว’
‘ไม่เอาอะ’
‘อยู่หอไหน’
‘เราไม่กลับบบ เราขอหาเพื่อนก่อนนน’ เรางอแงอย่างขัดใจ อะไรคือมาบังคับให้กลับ เป็นใครเรายังไม่รู้เลยเนี่ย ง๊ง!
‘น้องนีล! พี่หาตั้งนาน นี่เราเป็นลมหรอ ไหวมั้ย?’ เราหันไปตามเสียงอัตโนมัติ ยิ้มกว้างเมื่อเจอคนที่รู้จักเสียที ผู้หญิงที่ทั้งสูงเพรียวและสวยสง่าคนนี้คือพี่นุชเป็นพี่ชายของเพื่อนที่เรากำลังหามันอยู่นี่แหละ
‘ดีขึ้นแล้วครับ พี่นุชพานีลไปหานัทได้ไหมอะ นีลหามันไม่เจอ โทรไปก็ปิดเครื่อง’
‘นัทไม่ได้มาแล้วค่ะ เมื่อเช้าแม่เข้าโรงบาลกะทันหัน ตอนนี้มันเฝ้าแม่อยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนมือถือก็ดันพังเมื่อคืนเลยให้พี่มาบอกนีลแทนนี่แหละ’
‘ง่า..’
‘อ้าวหงอยเลย เอ็นดูอะ’ พี่นุชลูบหัวเราเบาๆ
‘เสียดายอะ อยากเห็นนัทเต้นลีด’
‘พี่ก็เสียดายที่นัทไม่ได้มา ซ้อมกันมาตั้งนาน แต่ก็ทิ้งแม่ไม่ได้’
‘อ้าว แล้วอาการคุณน้าเป็นยังไงบ้างครับ’
‘ดีขึ้นแล้วล่ะ พ้นขีดอันตรายแล้วพี่เลยมางาน เป็นห่วงทางนี้กลัวจะวุ่นวายกันถ้าพวกพี่หายไปทั้งคู่ แต่นัทมันยังขอเฝ้าแม่ต่อ’ พี่นุชบอกพลางส่งยิ้มที่ทำให้เราโล่งใจว่าคุณน้าปลอดภัย
‘งั้นนีลไปเยี่ยมคุณน้าดีกว่า คิดถึงด้วย’ เราบอกพี่นุชแล้วลุกขึ้น
เราไม่ได้เจอคุณน้าเป็นเดือนๆ แล้วเพราะช่วงที่นัทซ้อมลีดหนักเราก็ไม่ได้ไปกินข้าวที่บ้านมันเลย
‘นีลพึ่งเป็นลมมาเองนะ ร่างกายไม่แข็งแรงยังจะไปโรงพยาบาล เดี๋ยวก็ป่วยหร..อ้าวเจ พี่ไม่ทันมอง นี่เรารู้จักน้องนีลด้วยหรอ’ พี่นุชหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
เราส่ายหน้ารัวก่อนจะเป็นคนตอบแทน
‘เปล่าครับ เมื่อกี๊ตอนนีลเป็นลม เขาเป็นคนช่วยอุ้มนีลมาตรงนี้เฉยๆ’
‘อ๋อ ก็ว่านิสัยต่างกันฟ้ากับเหวเบอร์นี้ไม่น่ารู้จักกันได้ เออพี่ว่าเอาไว้เราแข็งแรงค่อยไปเยี่ยมแม่พี่ก็ได้ค่ะ เดี๋ยววันหลังให้นัทมันไปรับที่หอ’ เราเม้มปากใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้าตกลง
‘เอางั้นก็ได้ครับ’
‘เออแล้วนี่เจยังอยู่หอเดิมปะ’
‘ครับ’ เขาพยักหน้า
‘ฝากไปส่งน้องนีลทีสิ น้องอยู่หอเดียวกับเจนั่นแหละ’ ได้ยินพี่นุชพูดแบบนั้นเราก็หันไปมองหน้าเขาอัตโนมัติ
‘ไม่เคยเห็นเลย’ เราเอียงศีรษะมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา
‘นี่ไงเห็นกันแล้วเนาะ พี่ฝากน้องทีนะเจ เดี๋ยวไปดูน้องลีดก่อน ปลีกตัวมานานละ’
‘ครับพี่นุช’
‘บ้ายบายนะครับพี่นุช’
หลังจากนั้นเราก็ยอมให้เจมาส่งที่หอ แล้วก็ติดรถเจไปเรียนบ้าง บางทีอีกฝ่ายก็มารับหลังเลิกเรียนแล้วไปกินข้าวด้วยกันก่อนกลับหอ พอรู้จักกันมากขึ้นแล้วเจก็เป็นคนที่ใจดีมากๆคนนึงเลย ปกติเราจะนั่งวินไปกลับมหาลัยแต่เดี๋ยวนี้ส่วนมากถ้าเวลาเรียนตรงกันเจจะคอยรับส่งเสมอ เจไม่ชอบให้นั่งวินเพราะวินที่มอขับอันตรายมาก เคยพาเราล้มทีนึงด้วย แต่แอบไม่บอกเจเพราะถ้าอีกฝ่ายรู้คงคอยไปรับไปส่งเราทุกวันแน่ๆ แค่นี้ก็เกรงใจแล้วอะ
ก๊อก ก๊อก
เราวางช้อนลงแล้วลุกไปเปิดประตู เจยื่นน้ำให้แล้วเดินเข้ามาในห้องแบบที่เราไม่ทันได้ห้าม สายตาดุมองไปยังกล่องข้าวบนโต๊ะก่อนจะเลื่อนมามองเรา
“กินแบบนี้อีกแล้ว”
“ก็ขี้เกียจออกไปกินข้างนอกอ่า”
“ข้างล่างก็มีร้านตามสั่ง โทรให้เขาเอามาส่งที่ห้องยังได้”
“เราขี้เกียจรอ”
“มะเร็งแดก”
“เว่อร์น่า เขาต้องวิจัยมาแล้วดิว่ากล่องพลาสติกมันทนความร้อนได้”
“แล้วสารกันบูดที่มึงกินเข้าไปอะ”
“โห่ย อย่าบ่นแต่เช้าดิ”
“เฮ้อ มึงนี่นะ” เจส่ายหน่าพลางเคาะหัวเราเบาๆ
“วันนี้เจเรียนกี่โมงนะ”
“อาจารย์กูยกคลาส ว่างทั้งวัน มึงจะไปเรียนกี่โมง แล้วเลิกกี่โมง”
“เรียนสิบเอ็ด เลิกสี่ครึ่ง”
“เดี๋ยวกูทั้งรับทั้งส่งเลย”
“พ่อเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันหรือไง”
“เปล่า แต่กูรวย” เจพูดพลางยักไหล่ชิลๆ
โว้ยยย หมั่นไส้!
เรานั่งกินข้าวเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ ส่วนเจก็ยึดที่นอนของเราไปเรียบร้อยแล้ว พึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายถือกุญแจรถลงมาด้วย คงกะจะรอไปส่งเราเลย
“ทาโลชั่นด้วย? ถึงว่ามึงผิวนิ่มชิบหาย”
เจถามขณะที่เรากำลังบีบขวดโลชั่นใส่มือ
“ทาดิ่ ไม่งั้นผิวแห้งตาย”
“กูไม่เห็นต้องทา”
“ก็เจด้านอะ” เราแกล้งว่าแล้วลอบยิ้มบางๆ
“อะไรนะ” เจถามเสียงต่ำ เราหัวเราะก่อนจะแก้ตัวข้างๆคูๆ
“เปล่า เราไม่ได้พูดอะไรเลยยย”
“เดี๋ยวกูไม่ไปส่งเลย”
“งั้นเราจะซ้อนท้ายพี่วินไปนะ”
“กวนตีน รีบๆแต่งตัวเร็วๆเลยมึงอะ จะถึงเวลาเรียนแล้ว”
เราหัวเราะเมื่อเห็นเจหงุดหงิด เอาจริงๆชอบนะเวลาเจหงุดหงิดกับอะไรเล็กๆน้อยๆของเราอะ น่ารักดี
[สามวันต่อมา]
22.49 น.
อ้าว..
เราเอามือตบหน้าผากตัวเองเบาๆเมื่อพบว่าน้ำหมดอะ..คราวนี้ไม่ได้หมดแค่น้ำเย็น แต่หมดแบบหมดเกลี้ยงห้องเราเลย ถ้าไปซื้อพรุ่งนี้ก็แดดร้อนอีก เราคิดไปคิดมาก่อนจะตัดสินใจไลน์ไปหาคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
‘พี่เจๆ อยู่ห้องปะ’
[อยู่]
[ดึกป่านนี้มึงจะให้กูไปไหนล่ะ]
[แล้วจะเรียกกูว่าพี่แค่ในไลน์ใช่ไหม]
‘แหะ’
‘เอาน่า อย่าคิดเยอะสิ’
[สรุปมีไร]
‘จะไปซื้อน้ำที่เซเว่น ไปช่วยยกหน่อยดิ’
[ตอนนี้?]
‘อื้อ’
[สี่ทุ่มครึ่งเนี่ยนะ?]
‘ไม่ได้หรอ..’
‘แดดไม่ร้อนดีนะ’
[แต่กูจะนอนไหม?]
‘สี่ทุ่มเองงง’
[พนกูมีแลปเช้า!]
‘ขอ 10 นาทีอะ’
‘นะพี่เจ’
‘เราหิวน้ำง่ะ’
[…]
[เฮ้อ]
[เออ]
[เจอกันใต้หอ]
เนี่ย เห็นปะเราบอกแล้วเจใจดี เราขออะไรสุดท้ายก็ยอมทุกที
หลังจากเจจอดรถเสร็จเราก็เดินตัวปลิวเข้าไปในเซเว่น และตามหลังด้วยเจที่หยิบตะกร้ามาอย่างรู้งาน
“หกขวดไหวปะ ใส่ตะกร้าละสาม” เราถามอย่างเกรงใจ
“หยิบใส่มาตะกร้าละหกขวด”
“เฮ้ย ไหวหรอ” เราตาโต หกขวด ขวดละลิตรกว่า รวมๆข้างละเกือบสิบโล!
“เออ”
“จริงจัง?”
“อย่าดูถูกกล้ามกู”
“แหวะ”
เราเบ้หน้าหมั่นไส้ไอ้คนหุ่นดี เราชอบนะหุ่นแบบเจ แต่ชอบมองมากกว่า ถ้าให้ทำหุ่นตัวเองให้เป็นแบบนั้นคงแย่ เกลียดอกไก่ เกลียดไข่ขาว เกลียดผักต่างๆ ที่สุดในโลกบอกเลย
คนเราเกิดมาทั้งทีมันต้องกินหมูกรอบดิ่ชีวิตนี้ถึงจะคุ้ม
เนอะ?
“กูเห็นนะว่าแอบเบ้ปาก อิจฉาอะดิ”
“คิดไปเองอะ” เรากลอกตาพลางวางน้ำขวดสุดท้ายใส่ตะกร้า
“มองต์เฟลออีกละ” เจมองน้ำในตะกร้าก่อนจะบ่นๆ
“ก็ยี่ห้อนี้มันอร่อยยย” เราว่าพลางเดินนำไปยังเคาท์เตอร์แคชเชียร์
“เอาอันนี้ด้วยครับ” เราวางป๊อกกี้สีชมพูสองกล่องลงแล้วหยิบเงินจากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมจ่าย แน่นอนว่าคนยกน้ำทั้งหมดก์คือเจ สองแขนของอีกฝ่ายที่เกร็งเวลายกจนเห็นกล้ามเนื้อสวยชัดเจนคือโคตรดีอะ เราอดไม่ได้ที่จะแอบถ่ายลงสตอรี่ พอเจเห็นก็ยักคิ้วกวนๆใส่กล้องอีก
“สตอรี่?” เจถาม
“อื้อ ไอจีเจชื่อไรนะเราหาไม่เจอ เปลี่ยนชื่อหรอ”
“JJLNN”
“แปลว่าไรอะ”
“ไม่บอก” เอ้า ไม่ถามก็ด้ะ
เราเบ้ปากใส่เจก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ เดินนำไปที่หน้าห้องแล้วรีบไขกุญแจเปิดประตูให้อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องถือน้ำหนักๆ รอนาน
“ก่อนหน้านี้เวลาซื้อน้ำมึงยกมาห้องยังไง” เจถามขณะเรียงน้ำใส่ตู้เย็นให้เรา บริการดีสุด
“ยกเอง เก่งป้ะ”
“ไหว?” เจทำหน้าไม่เชื่อ
“ไหวเพราะซื้อทีละสี่ขวด แฮร่”
เจยิ้มพลางส่ายหัว
“คราวหน้าก็ไม่ต้องยกเอง เรียกกู”
“โหย แล้วถ้าเจเรียนจบไปแล้วใครจะคอยยกน้ำให้เราอะทีนี้” เรายู่ปาก หยิบป๊อกกี้มาแกะกินแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียง
“กูมีค่ากับมึงแค่คนขับรถกับคนยกน้ำหรอไอ้เด็กเตี้ย” เจว่าพลางเคาะหัวเราเบาๆก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ม่ายยย” เราส่ายหน้า อีกฝ่ายเลิกคิ้วรอคำตอบ “เจเป็นตู้เย็นฉุกเฉินเวลาเราลืมเอาน้ำแช่ตู้เย็นด้วย โอ๊ย! ดีดหน้าผากเราทำไมเล่า”
“กวนตีน เอาดีๆบ้างดิ๊”
“เจก็รู้อยู่แล้วน่า อะเอานี่ไป ค่าแรง” เรายื่นป๊อกกี้อีกกล่องที่ยังไม่ได้แกะให้อีกฝ่าย
“ขนมไร้สาระ“ เจบ่นแต่ก็รับไปโดยดี แอบเห็นว่ายิ้มมุมปากด้วยเหอะ แล้วมาทำเป็นว่าเรา
“แล้วขนมบ้านเจย์มีแบบมีสาระด้วยอ่อ” เราถามกลับ
“อ้าวย้อนกูหรอไอ้เด็กเตี้ย”
“อือ” เรายักคิ้ว
“เดี๋ยวจะโดน”
“โดนไรอะ
โป๊ก
“โอ๊ย!”
“เดี๋ยวจะโดนเคาะหัว”
“ไม่เดี๋ยวแล้วมั้ยอะเจ! เจ็บนะว้อย เคาะบ่อยๆคราวหน้าเราจะกัดแขนเจคืน”
“เป็นหมาหรือไง อะกูเป่าให้ ฟู่วๆ หายเจ็บยัง” เจโน้มศีรษะเราไปเป่าๆ แล้วเลิกคิ้วถาม
“หายอะไรล่ะ มาเป่าหัวเราแบคทีเรียคอนเทอมิเนตหัวเราหมดแล้ว”
“หรอ”
“งื่อ!”
“งั้น..จุ้บ”
“เจ!”เราตาโตและช็อคค้างไปอย่างนั้นเมื่ออีกฝ่ายจุ้บเข้าที่กลางหน้าผาก
“อะ กูฆ่าเชื้อแบคทีเรียให้ละ” เจว่าพลางยักคิ้วให้ข้างนึงก่อนจะลุกขึ้น “กูไปนอนละ ฝันดีไอ้เด็กเตี้ย ล็อคห้องด้วย”
เราพยักหน้าช้าๆ ใจลอยไปไหนต่อไหนแล้วไม่รู้ โอย..คือใจเต้นแรงมากตอนนี้ ทำแบบนี้ไม่เรียกฆ่าเชื้อปะ เรียกว่าฆ่าเราแล้วโว้ย!!
-END-
เขียนจบแล้วก็อยากมีพี่เจเป็นของตัวเอง ฮรื้อออ
ใครเล่นทวิตเตอร์เราฝากแท็ก #ไปช่วยยกน้ำหน่อยดิ หน่อยนะคะ จุ้บๆ เรารออ่านน้าาาา <3
ผลงานอื่นแนว แนว feel good จะมีประมาณสามเรื่องข้างล่างนี้เลย ถ้าเรื่องอื่นๆจะเป็นแนวหื่นเบาๆ(?)กับแนวแฟนตาซี
แนว feel good (จบแล้ว)
[เรื่องสั้น] ห ล ง เ ด็ ก (ตอนเดียวจบ) แนว feel good (จบแล้ว)
[เรื่องสั้น] FRIEND รักเพื่อน ต้องเลื่อนสถานะ แนว feel good (จบแล้ว)
[เรื่องสั้น]DreamWorld เดทกันวันหยุด [ตอนเดียวจบ]