#ญอผู้หญิงโศกา
ตอนที่ 23 (ตอนจบ)
เมื่อจุดจบคือการเริ่มต้นใหม่
เท็นไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาสะดุ้งตื่นเพราะกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงความฝัน แม้ความเจ็บบนใบหน้ายังคงอยู่ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่กล้าปักใจเชื่อว่าพระเจ้าจะให้อภัยเขาง่าย ๆ คนอย่างเท็นเหมือนต้องจมอยู่กับความทุกข์ทรมานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตาย นั่นคือสิ่งที่เขาคิดมาตลอด
กวาดสายตาไปรอบห้องระหว่างทบทวนว่าจบหมัดสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร ไอ้ธีร์ตบบ่าเขาเบา ๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายแยกตัวไปก่อนใช่ไหม ใช่ มันเกิดขึ้น หลังจากนั้นไอ้แจ็คก็ตรงเข้ามาหาและชวนเขากลับห้อง
ไม่มีใครพูดอะไรอีกหลังจากนั้น ซึ่งคนฉลาดอย่างมันคงรู้ได้ไม่ยากว่าคนโง่อย่างเขาคิดอะไร ในทีแรกไอ้แจ็คบอกว่าจะออกไปซื้ออุปกรณ์ทำแผล แต่เพียงครู่เดียวมันก็กลับมาพร้อมสำลีกับเบตาดีนซึ่งได้มาจากเด็กรอบคอบอย่างโซ่ที่พกพาติดกระเป๋ามาด้วย
เท็นไม่ได้ต้องการยาดี ๆ จากไหน เขาแค่อยากกอดไอ้แจ็คเพื่อยืนยันกับตนเองว่าทุกอย่างคือเรื่องจริงไม่ใช่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นจนเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะ ซึ่งร่างกายอุ่น ๆ กับมือที่เอื้อมมากอดตอบก็ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นว่าหมัดที่แลกกันไปนั้นได้ปลดปล่อยความทุกข์ใจในอดีตจนหมดสิ้นแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“...”
เขาเอาแต่จ้องหน้าคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาพร้อมถุงพะรุงพะรังเต็มมือ จนถึงตอนนี้ก็ไม่กล้าคิดเต็มร้อยว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะต้องราบรื่น ซึ่งถ้าถามว่าเท็นกลายเป็นคนกลัวทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาก็คงตอบได้ง่าย ๆ ว่าตั้งแต่เริ่มอยากได้คำว่าเพื่อนอีกครั้ง
“เห็นมึงนอนอยู่เลยไม่อยากปลุก กูซื้อกาแฟกับขนมปังมาให้ อ้อ... มีโจ๊กด้วยนะ ถึงจะไม่ใช่เจ้าโปรดแถวบ้านกู แต่จากหน้าตาก็คิดว่าน่าจะอร่อย”
“มึงได้นอนบ้างไหม?” เท็นไม่สนใจมื้อเช้าที่อีกฝ่ายกำลังเอาออกจากถุง ตอนนี้เขาสนแค่ว่าไอ้แจ็คได้พักผ่อนบ้างหรือยังหลังจากเกิดเรื่องขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน
เท็นค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่อยู่เฉย หลับตานอนอย่างสบายใจ คนที่แคร์คนอื่นเก่งกว่าตัวเองอย่างไอ้แจ็คคงตรงเข้าไปหาไอ้ธีร์และพี่น้องมัน พร้อมทำอะไรก็ตามเพื่อให้ทุกคนสบายใจขึ้น
“น่าจะเกือบสี่สิบนาทีถ้าจำไม่ผิด” ไอ้แจ็คคงรู้ตัวว่าโกหกไม่เนียน ซึ่งคนนอนไม่พอก็เอาแต่อมยิ้มขณะยื่นขนมปังให้เขา “กูตื่นเพราะหิว เดี๋ยวอิ่มจะไปนอนต่อแล้ว”
ถูกอ่านใจออกจนหมดเปลือก เท็นรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กมัธยมในโรงเรียนสอนดนตรีคนนั้นอีกครั้ง คนที่มีแต่ความกังวลและไม่มั่นใจกับอะไรสักอย่างเดียว
“กูอยากให้มึงรีบกินรีบไปนอน แต่ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยวจะเป็นกรดไหลย้อน เพราะงั้นอดทนไปนอนในรถตอนขากลับได้ไหมวะ?” เท็นสบตากับอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง และเพียงครู่เดียวไอ้แจ็คก็ยิ้มพลางพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะย้ายมานั่งข้าง ๆ เขา
“เข้าใจเรื่องกรดไหลย้อน แต่ถ้าให้อดทนรอหลับบนรถตอนขากลับก็กลัวจะทนไม่ไหว” แจ็คยิ้มกับตนเองก่อนจะหันไปสบตากับอีกฝ่ายที่มองมาอย่างสงสัย “กูจะนอนบนเตียงตรงนั้น เพราะเราสองคนจะกลับกันพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้? เราสองคน?” อยากให้ไอ้เท็นเห็นหน้าตัวเองเหลือเกิน มันทั้งตลกและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน “หมายถึงกูกับมึงน่ะเหรอ?”
“อยู่กันแค่นี้คิดว่ากูหมายถึงลิงที่ไหนล่ะ” แจ็คหัวเราะ “พวกนั้นจะกลับกันตอนเที่ยง กูว่ามันคงดีกว่าถ้ามึงกับไอ้ธีร์จะให้เวลากันหน่อย” แจ็คอธิบายพร้อมอ้าปากเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายทำตาม เขาจะได้ยัดขนมปังเข้าปากมันเสียที “จะได้ไม่ต้องอึดอัดเวลาอยู่บนรถด้วยกัน”
“มันยังรู้สึกแย่อยู่ใช่ไหม?” สีหน้าไอ้เท็นเก็บความกังวลไว้ได้ไม่มิด ซึ่งเขาก็พยักหน้า
“แต่ไม่ใช่เพราะถูกมึงต่อยนะ” แจ็คเว้นจังหวะไประหว่างนึกถึงหน้าเพื่อนสนิทที่นั่งคุยกันตลอดทั้งคืน “แต่เป็นเพราะมันรู้สึกผิดกับมึงน่ะ”
“...”
“มึงสองคนมีหลายอย่างที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ก็มีบางมุมที่เหมือนกันจนแทบเรียกว่าแฝด ยกตัวอย่างเช่นเรื่องขี้งอน” เขาส่ายศีรษะหน่าย ๆ ที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ตอนอายุใกล้จะสามสิบแล้ว “มึงอยากให้มันแสดงออกว่าแคร์ อยากให้มันรู้สึกผิดบ้าง ส่วนมันก็อยากได้ยินคำขอโทษ อยากให้มึงสำนึกผิดเหมือนกัน”
“ด่ากูในใจอยู่ล่ะสิ?”
“มันก็ต้องมีบ้าง เพราะถ้าด่าออกเสียงเดี๋ยวหาว่ากูซ้ำเติมอีก”
“เอาสักหมัดไหมล่ะจะได้เสมอกัน” เท็นบีบกรามคนข้าง ๆ จนปากจู๋ ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบในห้องพัก ก่อนแจ็คจะเป็นฝ่ายจับข้อมือเขาอาไว้
“ถ้าจูบตอนนี้จะเจ็บแผลหรือเปล่า?”
“น่าจะ แต่สักทีคงไม่น่าถึงขั้นโคม่าหรอกมั้ง?” พอได้ยินคำตอบจากไอ้คนปากเก่งแจ็คก็ยิ้มขำ ก่อนจะเอียงใบหน้าปรับองศารับจูบที่อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มก่อน
ไอ้เท็นจูบเหมือนคนไม่กลัวเจ็บ แม้ว่าเขาจะระวังแล้วแต่มันกลับบดขยี้หนักกว่าเดิมจนถอนริมฝีปากออกร้องเสียงหลง
“นั่นไง”
“เพราะไอ้เหี้ยธีร์เลย แม่ง” คนเจ็บบ่นอุบอิบ แจ็คจึงก้มลงเล็กน้อยพลางเพ่งมองรอยแผลตรงริมฝีปากอีกคน ยังปากดีได้อยู่ แบบนี้ค่อยสมกับเป็นไอ้เท็นหน่อย
คำพูดประโยคเดียวที่ต่างฝ่ายอยากได้ยิน คนอื่นคงคิดว่าทำไมไอ้เท็นกับไอ้ธีร์ถึงยอมลดทิฐิแล้วขอโทษกันไปเรื่องจะได้จบ ๆ แต่ทุกอย่างมันง่ายนิดเดียวเสมอเพราะไม่ใช่เรื่องตัวเอง คงมีแค่คนที่เผชิญเรื่องราวเหล่านั้นถึงจะเข้าใจที่สุดว่าการอ้าปากขอโทษแต่ละครั้งมันมีความยากมากน้อยแค่ไหน
“ถ้าตอนนั้นกูยอมเป็นฝ่ายขอโทษมันก่อน มึงคิดว่าไอ้ธีร์จะให้อภัยกูไหมวะ?”
“กูคิดว่าไม่” แจ็ครู้จักไอ้ธีร์ดีที่สุด ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ เขายังคงยืนยันว่ามันเป็นคนดี แต่ไอ้ธีร์ตอนอายุสิบแปดที่เพิ่งถูกทำร้ายความรู้สึกคงไม่ใจกว้างให้อภัยได้เท็นได้ง่าย ๆ “มึงก็เหมือนกัน ต่อให้เป็นฝ่ายยอมขอโทษก่อน แต่ถ้าใจยังมีอคติกับมันอยู่ ขอโทษให้ตายสักร้อยรอบคำว่าเพื่อนของมึงสองคนก็ยังมีความหมายเท่ากับคนอื่น”
“นั่นสินะ” เขาเห็นด้วยกับไอ้แจ็ค เอาเข้าจริงเท็นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในช่วงเวลานั้นมันมีอะไรที่จะทำให้ทุกอย่างลงตัวได้ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีอคติต่อกัน
ในช่วงเวลานั้นใช่ว่าเท็นจะไม่มีความคิดดี ๆ มันเคยมีเสี้ยววินาทีสั้น ๆ ที่เขาคิดว่าถ้าเกิดเปิดใจให้กว้างแล้วทำความเข้าใจไอ้ธีร์หน่อย มันอาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้ แต่ตอนนั้นเขาก็เอาแต่คิดว่าเป็นความผิดไอ้ธีร์ฝ่ายเดียว ทั้งที่มันก็แย่ทั้งคู่ที่ไม่เคยหันหน้าเข้าหากัน และปรับตัวเข้าหาสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น
แต่เขากับมันเลือกที่จะปล่อยให้อารมณ์ควบคุมทุกอย่าง
“แต่ไอ้ธีร์โอเคแล้วใช่เปล่าวะ?”
“ได้ฟาดหน้ามึงไปตั้งหลายชุดไม่โอเคขึ้นก็แย่ละ”
ทันทีที่พูดจบเท็นก็หรี่ตามองคนข้าง ๆ พร้อมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม พูดก็พูดเถอะ ไอ้ธีร์ก็เจ็บหนักเหมือนกันล่ะวะ เผลอ ๆ เขาได้ออกหมัดเยอะกว่าด้วย งานนี้คนที่คุ้มคือ TEN1O เห็น ๆ
“มันฝากมาให้” ไอ้แจ็คโยนถุงเล็ก ๆ มาและเขาก็รับไว้ได้พอดี “มันเป็นคนออกไปซื้อเองเลยนะ”
“กะจะให้กูสำนึกบุญคุณว่างั้น มันซื้อให้เพราะต้องซื้อของตัวเองด้วยน่ะสิ”
“มึงก็เห็นความดีมันหน่อยเท้ออออ” เท็นยิ้มจนเจ็บแผลกับเสียงยานคางจากปากไอ้แจ็คที่ไม่ได้ยินบ่อย ๆ
เขากำลังดีใจกับถุงยาโง่ ๆ นี่อย่างเก็บอาการไม่ได้ แต่ถ้าจะให้นั่งน้ำตาคลอเพราะนึกซาบซึ้งไอ้ธีร์ล่ะก็... ยังเร็วไปล้านปีว่ะ
“เดี๋ยวกูขอนอนสักสามชั่วโมงนะ”
“ทำไม ก็นอนยาวไปเลยดิไหน ๆ ก็ไม่ต้องรีบกลับอยู่แล้ว”
“เสียดายเวลา” เท็นมองตามแผ่นหลังเจ้าของคำพูดที่ลุกขึ้นยืนบิดเนื้อบิดตัวก่อนจะหันมายิ้มให้เขา “ผมอยากไปเที่ยวกับคุณก่อนกลับกรุงเทพอะ งงอะไรวะ?”
“งั้นคุณก็ไม่ต้องนอนเลยดิวะ ผมเสียดายเวลาสามชั่วโมง”
“งั้นก็ลุกไปเตรียมตัวเลยครับ ผมพร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้วเผื่อคุณไม่รู้”
เท็นยกเท้าขึ้นยันหลังไอ้คนขี้คุย ซึ่งไอ้แจ็คก็ถอยหลังมาก้าวหนึ่งเขาจึงออกแรงยันมันจนเซไปด้านหน้า ไม่มีอีกแล้วบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกังวล พอถึงตอนนี้เท็นก็ได้รู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปจมอยู่กับความกลัวอีกแล้ว
ตราบใดที่ยังมีไอ้แจ็คอยู่ตรงนี้
*
ใช่ว่าแลกหมัดปรับความเข้าใจแล้วทุกอย่างจะจบ เท็นนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์พลางอ่านแถลงการของพี่ต๋องในเฟซบุ๊กถึงทริปสัมภาษณ์ทีมขี้ซุยบราเทอร์และ TEN1O ที่จำต้องเลื่อนไปก่อนเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ เขารู้สึกผิดที่ทำให้ผู้ใหญ่เสียงาน แต่ในขณะเดียวกันก็นึกขอบคุณทริปนั้นที่ทำให้เขากับไอ้ธีร์หายเป็นหมาบ้า
เท็นตั้งใจจะไปขอโทษพี่ต๋องถึงที่และขอรับผิดชอบทุกอย่างด้วยการอัดคลิปให้ใหม่โดยออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด แต่คงต้องขอเวลาพี่แกหน่อยเพราะไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขากับไอ้ธีร์จะมองหน้ากันได้โดยไม่มีใครออกหมัดก่อน
แต่แผนที่วางไว้คงล่มแล้วเพราะคนที่เพิ่งนึกถึง อยู่ ๆ แฟนคลับเขาก็เข้ามาโพสต์ให้กำลังใจในเฟซบุ๊กและไอจีอย่างล้นหลามแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันผิดปกติเกินไป เท็นยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกระทั่งเห็นรูปหน้าช้ำ ๆ ของไอ้ธีร์ที่ถูกแคปมาจากไอจีมันพร้อมแคปชั่นว่า
‘หายกันแล้วนะห่า ยาที่ให้ไปอะทาด้วย ใครหายช้าเป็นหมา เคนะ’
เท็นเพิ่งได้เรียนรู้ว่าคนเรารู้สึกอบอุ่น่ใจได้แม้ว่าใบหน้าปราศจากรอยยิ้ม ชายหนุ่มนั่งนิ่ง บอกตามตรงว่าให้ตายอย่างไรก็คงไม่ชิน เท็นนั่งจ้องรูปนั้นอยู่สักพักโดยไม่ได้ตอบข้อความใครก่อนจะคว้ามือถือเอามาเสิร์ชชื่อไอจีไอ้ธีร์เพื่อเข้าไปเช็กดูว่าคอมเมนท์ใต้รูปนั้นไปในทิศทางไหน ซึ่งคราวนี้แฟนคลับของมันก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขานัก มากสุดก็คอมเมนท์ประมาณว่า
‘อยากสะใจที่รู้ว่าพี่ต่อยพี่เท็นนะครับ แต่พอเห็นหน้าพัง ๆ ของพี่แล้วผมก็ขอสะใจตรงนี้ก่อน’
อาจเป็นเพราะโพสต์ของพี่ต๋องที่ทำให้คนดูเกิดคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นคลิปทริปของขี้ซุยบราเทอร์ถึงล่มทั้งที่สมาชิกหลายคนในนั้นก็อัปรูปลงให้เห็นอยู่ว่าไปทะเลด้วยกัน สิ่งที่ไอ้ธีร์ทำมันมีความเสี่ยงแค่ไหนทำไมเท็นจะไม่รู้ การโพสต์รูปหน้ายับ ๆ ลงแบบนั้นก็มีแต่จะทำให้คนอื่นสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นซึ่งการคาดเดาก็คงไม่ได้ยากอะไรเลย
แต่ไอ้ธีร์ก็คงเป็นไอ้ธีร์ คนที่เลือกดาหน้าเข้าหาปัญหามากกว่าจะซุกไว้ใต้พรมเหมือนเขา มันคงเลือกให้ทุกคนรู้ความจริงไปเลยว่าร่องรอยบอบช้ำที่เกิดขึ้นมาจากการสะสางความในใจกับอดีตเพื่อนชั่ว ๆ ที่เคยทำเรื่องไม่ดีไว้มากมายโดยไม่แคร์ว่ากระแสสังคมจะโต้กลับมาแบบไหน และเท็นหวังว่าคนจันไรอย่างไอ้ธีร์คงทบทวนมาดีแล้วว่าจะรับมืออย่างไร
jjack: ตื่นยัง?
TEN1O: สักพักแล้ว
jjack: เห็นแล้วใช่ไหม?
TEN1O: ทั้งของพี่ต๋อง ทั้งของไอ้ธีร์เลย
jjack: โอเคเปล่า?
TEN1O: เป็นห่วงเหรอ?
jjack: เออครับ เป็นห่วงมาก ทีนี้จะตอบผมได้ยัง?
TEN1O: ไอ้ธีร์ยอมเชือดคอตัวเองให้ดูขนาดนั้น ผมยิ่งกว่าโอเคอีก
jjack: 555555555555555555555555
TEN1O: ขำไร -_-
jjack: มันไลน์มาบอกกูตั้งแต่เช้าแล้วว่าถ้ามึงสะใจให้ด่าพ่อแทนด้วย เพราะมันต้องใช้ความกล้ามากที่จะโพสต์แบบนั้น
jjack: แต่ถ้าโอเคก็ดีแล้ว
เขาจะโอเคเต็มร้อยได้อย่างไรในเมื่อเห็นไอ้ธีร์ทำอย่างนั้น จริงอยู่ที่เมื่อก่อนเกลียดมันเข้ากระดูกดำ แต่พอเห็นมันพยายามทำดีด้วยก็พังไม่เป็นท่าเลย เอาง่าย ๆ ตอนนี้เท็นกำลังรู้สึกผิดที่เห็นอีกฝ่ายออกหน้ารับความอับอายอยู่ฝ่ายเดียว
TEN1O: ตอนนี้กูโคตรอยากเจอมึงเลยว่ะแจ็ค
jjack: ทำงานอยู่เนี่ยสิ แต่ตอนเที่ยงผมไม่มีนัดกินข้าวกับใครนะ เผื่อคุณอยากจองคิว
TEN1O: ไม่ได้อยากกินข้าวกับคุณอะครับ ผมอยากกอด
jjack: ผมก็อยาก
TEN1O: งั้นตอนเที่ยงไปหานะ
jjack: อย่ามาช้าล่ะ ผมจะรอ (:
เพราะอยู่ใกล้มืออีมูนเลยถูกจับมาถูกับหน้า แม้ว่าเจ้าตัวจะส่งเสียงขู่ฟ่อแต่เท็นก็ยังฟัดหอมลูกสาวสายโหดเพราะเขาไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วกับผีเสื้อที่บินสวนกันเหมือนนกแตกรังในวันมีภัยธรรมชาติ
เขาจะตายเพราะมีความสุขไหม เท็นอยากซึมซับความรู้สึกแบบนี้นาน ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากได้รับมากเกินไปเพราะกลัวว่าวันไหนวันหนึ่งพระเจ้าจะมาทวงคืนไปเพราะท่านเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคนอย่างเขาไม่ควรมีสิ่งที่เรียกว่าความสุขนาน ๆ
หลังจากนึกอย่างนั้นได้ก็สบตากับพี่ซัน เจ้าหมาหน้าซื่อที่มองมาเหมือนอยากบอกว่าขณะที่เขามีไอ้แจ็คคอยปลอบ คอยอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้ไอ้ธีร์ก็คงกำลังแบกรับคำพูดคนอีกมากมายที่ไม่ได้มีแค่ด้านดี
TEN1O: มีอะไรที่กูพอจะทำได้ไหมวะแจ็ค?
TEN1O: จริงอยู่ที่กูโดนด่ามาเยอะแล้ว แต่ถ้ากูเงียบแล้วปล่อยให้ไอ้ธีร์โพสต์แบบนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกูก็กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด มันต้องมีคนคิดว่ากูกับมันทะเลาะกันมากกว่าจะเข้าใจว่าเพิ่งปรับความเข้าใจกัน
TEN1O: กูอยากให้ทุกอย่างมันเท่ากัน ไม่ใช่ใครคนหนึ่งต้องออกมารับแทนเพราะคิดว่าตัวเองเข้มแข็งกว่า
jjack: อะไรที่ทำได้น่ะเหรอ
ไอ้แจ็คปล่อยให้เขาจ้องโทรศัพท์อยู่เกินครึ่งนาทีเหมือนประโยคที่จะพิมพ์ต่อไปนี้มันต้องอธิบายยาวในรวดเดียว หรือไม่มันก็คงอยากให้เขาร้อนใจไปกับการรอ
jjack: เป็นตัวของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่มึงควรเป็นที่สุดเวลาอยู่กับเพื่อน
*
เรื่องรอยแผลบนใบหน้าเกมเมอร์สองคนกลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลมาเกือบอาทิตย์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระทู้ในเว็บบอร์ดดัง แท็กทวิตเตอร์ หรือการอัดคลิปสรุปลงยูทูป มีให้เลือกเสพทุกทาง บางคนมีข้อมูลที่เป็นความจริงซึ่งก็คงไม่ได้มาจากไหนนอกจากปากของ TEN1O ที่เคยระบายให้เพื่อนใหม่ฟังจนถูกเอาไปเล่าต่อจนถึงตอนนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีคนพูดไปเรื่อยเปื่อย ปรุงแต่งสารพัดจากเรื่องที่ฟังมาอีกทีแต่อธิบายรู้ลึกเหมือนเรียนในห้องเดียวกัน
ก็เหมือนทุกครั้งที่ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถห้ามความคิดใครได้ แล้วการอธิบายทุกอย่างก็คงไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากทำให้เรื่องยุ่งเหยิงยิ่งขึ้น เท็นเลือกที่จะปล่อยผ่านไปโดยไม่เข้าไปอ่าน บทเรียนตลอดสิบปีที่ผ่านมามันสอนให้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าคนเราไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ว่าทุกคนคิดกับตนเองอย่างไร
ต่อให้โดนด่าแรงแค่ไหนมันก็คุ้มค่าแล้วกับสิ่งที่ได้คืนมา
พี่ซันไม่ต้องตื่นมาปลอบพ่อกลางดึกอีกแล้ว อย่างน้อยก็ช่วงนี้ที่เขาสามารถนอนยาวได้ถึงเช้าโดยไม่สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เท็นรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่ทั้งที่ทุกวันยังเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าที่เคย เท็นไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำว่าเพื่อนสนิทจากไอ้ธีร์และคนในทีมขี้ซุยฯ เพราะการได้เคลียร์กับมันซึ่ง ๆ หน้าโดยไม่หลงเหลือความขุ่นเคืองใจต่อกันเพียงเท่านั้นมันก็เกินพอแล้ว
เท็นกำลังทำความรู้จักกับคำว่า ‘ปล่อยวาง’ เพื่ออยู่กับปัจจุบันที่พอดีโดยไม่โลภมากว่าจะต้องได้มากกว่านี้ ซึ่งความไม่รู้จักพอมันมีแต่จะทำให้เขาไม่มีความสุข
“ทำไมถึงชวนเราออกมา?”
เท็นเห็นเด็กผู้หญิงอวบซ้อนทับร่างคนตรงหน้า แต่แววตา น้ำเสียง และคำถามที่ส่งมานั้นต่างจากเมื่อตอนมอหกอย่างสิ้นเชิง ไม่มีบลูที่ยิ้มเก่งและพร้อมจะยอมเขาทุกเรื่องอีกแล้ว ซึ่งเท็นก็ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิดกับสิ่งที่อีกฝ่ายเลือกแสดงออกหลังจากที่เขารวบรวมความกล้าติดต่อเธอไปหาเพราะอยากนัดเจอกันสักครั้ง
“เราจะกลับถ้าเท็นบอกว่าแค่เรียกมาเยาะเย้ยเรื่องคืนดีกับธีร์แล้ว”
“เราไม่ได้คืนดีกับมันหรอก เรากับมันก็แค่ทำในสิ่งที่ควรทำมานานแล้ว”
บลูไม่ต่างจากวันที่เจอกันในห้างครั้งล่าสุด เขายังจำทุกคำพูดของเธอในวันนั้นได้เป็นอย่างดี วันที่ทำให้คนโง่คนนี้ตาสว่างว่าเคยทำร้ายไอ้แจ็คไว้มากมากมายเท่าไหร่
“สั่งอะไรก่อนไหม กาแฟ หรือว่าน้ำผลไม้ดี?”
“เราไม่ได้ตั้งใจจะนั่งนานขนาดนั้น เท็นมีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ เราฝากลูกไว้กับแม่ไว้แค่ไม่กี่ชั่วโมง”
“อ่า นั่นสินะ” ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงหมดความอดทนแล้วลุกออกไปโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร บลูมีสิทธิ์ที่จะขยะแขยงการมีตัวตนของเขา เพราะเรื่องเมื่อตอนนั้นมันค่อนข้างรุนแรงกับหัวใจเด็กผู้หญิงอย่างเธอเหลือเกิน
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มันไม่ใช่เท็นเลยนะรู้ตัวหรือเปล่า?” บลูนั่งกอดอกแค่นยิ้มขณะมองมา และเขาก็พอนึกออกว่าตอนนี้ตนเองคงมีสภาพแบบที่ไม่ชอบเอาเสียเลย
“ตอนนี้บลูก็ไม่ใช่บลูคนนั้นเหมือนกัน”
“...” ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะเป็นเชื้อเพลิงมากกว่าน้ำดับไฟ แววตาของเธอจึงถ่ายทอดความไม่พอใจออกมาอย่างเก็บไม่มิด “มีอะไรก็รีบพูด เพราะถ้าจะเรียกมาเพื่อพูดจาค่อนแคะเราก็คงไม่อยากทนนั่งฟังนาน ๆ”
“เราควรเงียบเพื่อให้บลูเข้าใจว่าเราสำนึกผิดหรือตอบว่า ‘นั่นสิ ไม่ใช่เราเลย’ มากกว่าจะพูดอย่างนั้น ขอโทษนะถ้าทำให้ไม่พอใจ แต่ที่พูดไปอย่างนั้นก็เพราะเราอยากไม่อยากให้บลูเอาแต่คิดว่าเราคนเดียวคือคนที่ควรมองเห็นความผิด เพราะตอนนั้นเราสองคนก็ทำมันด้วยกัน”
“...”
“เรารู้ตัวดีบลู แล้วก็เข้าใจทุกอย่างถ่องแท้แล้วด้วย ไม่ว่าจะตอนที่พยายามทำร้ายทุกคนหรือตอนที่ไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าบลูคิดว่าเราควรจมอยู่กับความรู้สึกผิดมากกว่าอะไร เราบอกไว้ตรงนี้เลยว่าบลูสมหวังมานานมากแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเราไม่เหลือเพื่อนที่จริงใจสักคนเดียว แต่นั่นคือผลจากการกระทำทุกอย่าง แล้วมันก็สมเหตุสมผลดีแล้ว”
เท็นทิ้งจังหวะไปเพื่อรอดูท่าทีอีกฝ่าย ซึ่งการที่หญิงสาวยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ลุกเดินหนีออกไปมันก็เป็นข่าวดีสำหรับนาทีนี้
“ที่พูดไปอาจดูเหมือนชวนทะเลาะ แต่เราก็อยากบอกให้บลูรู้ว่าเราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลยสักนิด เราแค่อยากให้บลูเข้าใจว่าต้นเหตุมันเกิดจากเรา แต่บลูก็คือส่วนหนึ่งเหมือนกัน บลูจะโกรธเราแค่ไหนก็ได้เพราะเราทำเรื่องแย่ ๆ กับบลูไปมากมายจริง ๆ แต่อย่าทำเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียวได้ไหม เราเองก็เสียใจแล้วเราก็รู้สึกผิดกับบลู”
หญิงสาวสบตากับชายหนุ่มที่เธอเคยรัก พร้อมความจริงที่ว่าเธอนั้นยัดเยียดความผิดให้คนตรงหน้ามาตลอด บลูไม่อยากยอมรับว่าเธอมองข้ามความผิดของตนเองแล้วโบ้ยว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเท็นทั้งนั้น
ลึก ๆ บลูกลัวและรู้สึกผิดกับแจ็ค แต่ก็โทษอีกฝ่ายว่าถ้าไม่ใช้ความดีความอบอุ่นเข้าหาก่อนมีหรือคนอย่างเธอจะหวั่นไหว แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องที่เอาไว้หลอกตัวเองเมื่อครั้งยังเป็นเด็กไร้เหตุผล พอโตขึ้นหญิงสาวก็ได้เรียนรู้ว่าการโทษคนอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความผิดในใจนั้นมันช่วยแค่ตอนที่เธออยากได้รับความเห็นใจ แต่ความผิดที่มากับความจริงนั้นยังคอยตอกย้ำมาตลอดซึ่งหญิงสาวหลีกหนีมันไม่ได้
บลูไม่อยากยอมรับเพราะคิดว่าเท็นคงเป็นคนหนึ่งที่ชาตินี้คงไม่มีวันเข้าใจอะไร และการตอบตกลงมาเจอกันในวันนี้นั้นยอมรับว่าเธอมาเพราะคาดหวังคำขอโทษและสีหน้าหงอย ๆ มากกว่าจะเป็นการพูดถึงความผิดที่เคยทำร่วมกัน
แม้จะเข้าใจทุกอย่าง แต่การออกปากให้อภัยผู้ชายคนนี้ก็ช่างเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
“ผ่านไปสิบเอ็ดปี มันนานเกินไปถ้าจะอธิบายเรื่องที่บลูรู้ดีอยู่แล้ว แต่เราก็ยังอยากขอโทษอยู่ดี ไม่ว่าจะเรื่องที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ”
“เท็นคิดว่ามันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นเหรอ?”
“ไม่เลย เราคงไม่คาดหวังถึงขนาดนั้น” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ขณะสบตากับหญิงสาวตรงหน้า ท่ามกลางเสียงดนตรีเบา ๆ ที่เปิดคลอในร้านกาแฟในช่วงสายของวันศุกร์
“เราไม่ได้ใจดีเหมือนแจ็คนะ แค่มองหน้าเท็นนาน ๆ เรายังทำไม่ได้เลย”
“บลูจะได้อดทนแค่วันนี้วันเดียว ถ้าได้พูดทุกอย่างจนหมดเรื่องคาใจแล้วเราสัญญาว่าจะไม่โผล่มาทำให้ปวดหัวอีก”
คนอย่างเท็นกำลังพูดอย่างเจียมตัวกับเธองั้นเหรอ ฟ้าจะผ่า ฝนจะตกไหม ใจหนึ่งก็คิดว่าอีกฝ่ายคงคิดอยากขอโทษจริง ๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้มีแผนอะไรอยู่หรือไม่
“บอกตามตรงว่าเราค่อนข้างแปลกใจ”
“...”
“คนอย่างเท็นขอโทษใครเป็นด้วยเหรอ หรือเพราะอยากสร้างภาพให้แจ็ครู้สึกดีขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นเราบอกไว้เลยนะว่ามันเปล่าประโยชน์ เพราะทุกวันนี้เรากับแจ็คเป็นแค่เพื่อนในเฟซบุ๊ก เขาไม่สนหรอกว่าเราจะโอเคกับเท็นหรือเปล่า”
“แจ็คมันไม่รู้ว่าเรามาเจอบลู”
“...”
“ถ้ามันรู้มันคงอยากห้ามมากกว่าจะสนับสนุนให้เรามานั่งตรงหน้าบลูแบบนี้”
ไม่ว่าใครก็คงเดาออกได้ง่าย ๆ ว่าการไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เคยทำร้ายจิตใจนั้นจะมีผลลัพธ์อย่างไร บางคนอาจนั่งร้องไห้เสียใจก่อนให้อภัย แต่เท็นคิดว่าไอ้แจ็คมันคงรู้เหมือนกันว่าบลูจะมาแบบไหน หลังจากถูกเขาไล่เหมือนหมูเหมือนหมาในวันนั้น
“ถ้าอยากจดจำแบบนั้นก็ไม่เป็นไรนะเราเข้าใจ จุดประสงค์ที่เราเรียกบลูมาวันนี้ไม่ใช่เพราะอยากให้ยกโทษหรือขอกลับไปเป็นเพื่อนกัน เพราะสิ่งเดียวที่เราอยากทำมากที่สุดตอนนี้คือขอโทษ”
เธอทั้งโกรธและไม่อยากเชื่อ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสิบเอ็ดปีแล้วแต่ความรู้สึกเมื่อตอนนั้นเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ตอนแจ็คเข้ามาในห้อง ตอนที่สองเพื่อนสนิทกำลังจะแตกหัก พร้อมคำว่าผู้หญิงไร้ค่าที่ออกมาจากสายตาแม้เท็นจะไม่ได้พูดมัน
เธอทั้งเสียใจ โกรธ สับสนปนเปกันไปหมด บลูกลายเป็นคนโง่ที่พยายามหาทางตามไปถึงไต้หวันเพื่อแสดงให้เท็นเห็นว่าเธอไม่ยอมแพ้ให้ความรักและพร้อมจะเป็นคนเลวในสายตาแจ็คขอแค่เขาให้โอกาสเธอ
มันทั้งบ้าและขาดสติ แต่ตอนนั้นเด็กสาวโง่ ๆ คนหนึ่งไม่สามารถปล่อยมือใครไปสักคนได้เพราะเธออ่อนแอเกินไป จะกลับไปหาแจ็คก็ละอายใจ แต่การวิ่งขอความรักจากคนที่ไม่เห็นค่าก็ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดเลย
บลูอยู่กับความเจ็บปวดที่มาจากความโง่เง่าของตนเองนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ ตอนนั้นมองเห็นแค่คำว่าความรักโดยที่ไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร บางทีสิ่งที่รู้สึกอาจเป็นเพียงความเหงาหรือความเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากเสียใครไป บลูละอายใจแต่ก็ไม่กล้ายอมรับความผิดในส่วนของตนเองต่อหน้าเท็น
โชคดีที่มีสามีใจเย็นและเข้าใจ เธอจึงพยายามปรับมุมมองความคิดให้กว้างขึ้นจนทุกวันนี้เป็นคนที่ดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว แต่พอเป็นเรื่องเมื่อตอนมอหกมันก็เหมือนมีใครเอามีดมากรีดแผลเก่าให้เธอต้องเจ็บเพราะความรู้สึกที่เผลอไผลไป ความสุขชั่วครั้งชั่วคราวที่อยากได้นั้นทำร้ายคนรักดี ๆ อย่างแจ็คโดยอ้างว่า ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ ไม่ได้เลย
มีโอกาสหลายครั้งที่จะยับยั้งชั่งใจ แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เลือกที่จะปล่อยให้เลยเถิด
ในวันที่รวบรวมความกล้าทักไปหาแจ็ค... วันนั้นบลูไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้รับการให้อภัยเช่นกัน ตอนนี้บลูเห็นเงาตนเองซ้อนทับที่นั่งของเท็น มองเห็นความรู้สึกผิดจากแววตาคู่นั้นที่พยายามบอกให้รู้แม้ว่าอคติของเธอมันยังบังอยู่มากมาย
(ต่อด้านล่างนะคะ)