[ต่อ]
“เฮ้ หวัดดีป้อง” ผมโบกมือทักทายป้อง ในตอนที่บังเอิญเดินสวนกันตรงล็อบบี้ของบริษัทคุณราม ผมเพิ่งมาถึงส่วนป้องน่าจะเพิ่งคุยงานเสร็จและกำลังจะกลับ
“สวัสดีครับพี่หนึ่ง เอ่อ พี่ฟรองค์ สบายดีนะครับ” ป้องยิ้มแย้มยกมือไหว้ผมและฟรองค์ที่อยู่ด้านหลังผม แต่ดูเหมือนว่าป้องจะไม่ค่อยกล้ามองหน้าฟรองค์สักเท่าไหร่ ผมก็เข้าใจแหละตอนที่ผมเล่นหนังเรื่องแรก ๆ ผมก็รู้สึกเขินเวลาเจอพระเอกที่เพิ่งแสดงด้วยไปเหมือนกัน
วันนี้ฟรองค์ไปรับผมที่บ้านซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเวลาที่เรามีงานด้วยกันเขาก็จะทำหน้าที่ไปรับไปส่งผมเสมอ
“พี่สบายดีแล้วป้องล่ะ โอเคหรือเปล่า” ผมถามป้องเพราะความเป็นห่วง ก็หนังเรื่องแรกที่ป้องแสดงเพิ่งจะวางจำหน่ายไป ไม่รู้ว่าสภาพจิตใจของป้องตอนนี้จะเป็นอย่างไร จะปรับตัวได้หรือยังกับสายตาที่ถูกคนอื่นมองมา
“ผมไม่เป็นไรครับ ก็ไม่ได้ต่างจากตอนคลิปหลุดเท่าไหร่” ป้องยิ้มแต่ดูเหมือนฝืนยิ้มเสียมากกว่า สีหน้าป้องเศร้าไปเมื่อพูดถึงเรื่องคลิป เอาเสียผมรู้สึกผิดเลยที่ถาม
“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“พี่ด้วย ถือว่าพี่เป็นพี่ป้องอีกคนก็แล้วกันนะ” ฟรองค์ว่าสนับสนุนผม
“เอ่อ ครับ ขอบคุณครับ” ป้องหันมองฟรองค์ได้เพียงครู่เดียวก็ต้องรีบหลบสายตา แก้มเนียน ๆ ของเด็กนั่นเริ่มแดงระเรื่อ ผมละอดนึกขำไม่ได้ในท่าทางแบบนั้นของป้อง เพราะมันทำให้ผมนึกถึงอีตาคุณโชนขึ้นมาทันที อีกสักพักป้องก็คงจะเริ่มปรับตัวได้และชินไปเอง อาการแบบนี้ผมผ่านมาหมดแล้ว
“หวัดดีหนึ่ง หวัดดีฟรองค์” ผมหันมองตามเสียงทักทายจากใครบางคน ที่กำลังเดินมาจากทางด้านหลังป้อง
เมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้นแล้วผมถึงกับเผลอเหลือบตาขึ้นมองด้านบน นายคนนั้นชื่อเอ็มเป็นพระเอกอีกคนหนึ่งในสังกัดเดียวกับผม
หากจะบอกว่าฟรองค์เป็นพระเอกที่ทีมงานและเพื่อนนักแสดงรักเพราะฟรองค์นิสัยดีและให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน แต่นายคนที่กำลังเดินมานั้นก็คงเรียกได้ตรงกันข้ามกับฟรองค์ทุกอย่างเพราะนายนั่นเป็นพระเอกที่เพื่อนนักแสดงและทีมงานสุดแสนจะเอือมระอาในนิสัย นายนั่นทั้งชอบเล่นนอกบท ชอบทำตัวลุ่มล่ามกับนายเอกคนอื่นนอกเวลางาน ซ้ำยังชอบทำตัวเรื่องเยอะกับทีมงาน คุณรามก็ได้แค่บ่นปาว ๆ เป็นลมที่ทวนหูนายนั่นไปอย่างนั้น เพราะสุดท้ายคุณรามก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่ เพราะนายเอ็มยังเป็นตัวทำเงินให้กับค่ายอย่างงาม คุณรามก็เลยยังเลี้ยงเอาไว้
จริง ๆ แล้วคนที่เข้ามาทำงานในวงการนี้ อาจไม่ได้เป็นคนที่กำลังเดือดร้อนทางด้านการเงินเหมือนผมกับป้องไปเสียทุกคนหรอกนะ อย่างฟรองค์เองก่อนหน้าที่จะเข้าวงการเขาก็มีงานประจำที่ค่อนข้างมั่นคงทำอยู่แล้ว แต่คนรักอิสระแบบฟรองค์คงจะไม่ชอบการนั่งทำงานในออฟฟิศวันละชั่วโมง การมาเป็นพระเอกหนังผู้ใหญ่นี้นอกจากจะได้เงินดีกว่าที่ทำงานเก่าแล้ว ฟรองค์ยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำในทุกสิ่งที่อยากทำ อย่างเช่นการทำขนมที่เจ้าตัวชอบ เพราะฟรองค์ก็ไม่ได้มองว่าการเล่นหนังแบบนี้เป็นเรื่องเสียหายอะไร ฟรองค์เองยังเคยยอมรับกับผมเลยว่าช่วงแรก ๆ นั้นเขารู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากกับการได้มีอะไรกับนายเอกหน้าตาน่ารักแบบไม่ซ้ำหน้าก่อนจะมาเจอผม
และนายเอ็มนั่นก็เป็นอีกคนที่เข้าวงการนี้เพราะใจรักล้วน ๆ
“หนึ่งกลับมารับงานได้แล้วเหรอ คิดถึงจัง” นายเอ็มไม่ว่าเปล่าเดินมาถึงนายนั่นก็ถือวิสาสะโอบไหล่ป้องในทันที คนโดนโอบนั้นแสดงอาการอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด
“อยากถ่ายหนังกับหนึ่งอีกจัง เราไม่ได้เอากันมาเป็นปีแล้วนะ คิดถึงบั้นท้ายอวบ ๆ ขาวเนียนของหนึ่งมากเลย เอาตูดใครก็ไม่ฟินเท่าเอาตูดหนึ่ง เอ็มยังจินตาการถึงหนึ่งตอนช่วยตัวเองบ่อย ๆ แค่นึกภาพของเอ็มก็แข็งแล้ว”
“นี่ไอ้เอ็ม แกพูดกับหนึ่งให้มันดี ๆ หน่อยนะ” ฟรองค์ว่าขึ้นเพื่อปกป้องผม หลังจากที่นายเอ็มมันพูดจาทุเรศทุรังและมองผมด้วยสีหน้าที่โคตรหื่น
“อะไรวะฟรองค์ แกจะหวงอะไรนักหนา นายเอกตัวท็อปของค่ายแกกะจะครองคนเดียวเลยหรือไง แบ่งมาให้คนอื่นเอาบ้างสิวะ” นายเอ็มว่าตอบกลับฟรองค์อย่างหน้าตาเฉย
“ไอ้เอ็ม!”
“ไม่เอาฟรองค์อย่ามีเรื่องกันเลย” ผมยกแขนขึ้นกันฟรองค์ที่ตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่นายเอ็มเพราะไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกัน ถึงผมจะไม่ชอบสิ่งที่นายเอ็มมันพูดแต่ผมก็ชินเสียแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่ผมเข้าวงการผมก็ถูกพูดถึงในทำนองนั้นบนโลกออนไลน์มานับครั้งไม่ถ้วน ผมชินชาเกินกว่าจะมาหัวร้อนกับคำพูดนายเอ็มแล้ว
“ดุจริงโว้ย ถ้าแกหวงหนึ่งนักฉันไม่ยุ่งกับหนึ่งก็ได้ ฉันกินเดนแกคนนี้ดีกว่า” นายเอ็มว่าพร้อมกับหันไปใช้ปลายจมูกซุกไซร้แถว ๆ ต้นคอป้องที่นายนั่นยังโอบไว้ในอ้อมแขน เด็กป้องพยายามขยับตัวหนีและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะหันมองมาทางผมและฟรองค์เพื่อส่งสายตาเหมือนขอความช่วยเหลือ
“ป้องมานี่” ฟรองค์เข้าไปดึงตัวป้องออกจากนายเอ็ม นายนั่นทำหน้าเสียอารมณ์คงจะไม่พอใจในสิ่งที่ฟรองค์ทำสักเท่าไหร่ ผมเขยิบเอาตัวมาบังป้องเอาไว้ไม่ให้นายเอ็มเข้ามายุ่งได้อีก
“นี่ไม่ใช่เวลางาน แกไม่มีสิทธิ์มาทำลุ่มล่ามกับนักแสดงคนอื่นที่เขาไม่ได้เต็มใจ” ฟรองค์ว่าพร้อมชี้หน้านายเอ็ม
“แกจะหวงก้างฉันทุกคนเลยหรือไงวะไอ้ฟรองค์ มันก็แค่นิด ๆ หน่อย ๆ ยังไงอาทิตย์หน้าฉันก็ได้ถ่ายหนังกับเด็กนั่นอยู่ดี”
“งานก็ส่วนงานแต่นี่ไม่ใช่เวลางาน แกจะไปไหนก็ไปเลยนะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วซัดหน้าแก” ฟรองค์ในมาดขึงขังเวลาที่ปกป้องคนที่อ่อนแอกว่านั้นเขาช่างดูเท่เอามาก ๆ
นายเอ็มจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันมองหน้าฟรองค์อย่างคาดโทษแล้วเดินจากไป ดูจากแววตานายนั่นคงจะกำลังนึกในใจว่าฝากไว้ก่อน แต่ฝากแล้วจะกล้ามาเอาหรือเปล่า คนอย่างนายนั่นไม่น่าจะกล้ามีเรื่องกับฟรองค์หรอก จริง ๆ ต้องบอกว่านายนั่นคงไม่กล้ามีเรื่องกับใครทั้งนั้นแหละ วัน ๆ ก็ดีแต่ทำตัวกร่างเอาเปรียบคนที่ดูอ่อนแอกว่าเท่านั้นแหละ
“จำไว้นะป้อง นอกเวลางานถ้าไม่โอเคก็อย่าไปยอมให้มันทำแบบนั้นอีก” ฟรองค์หันมาพูดกับป้องหลังจากที่นายเอ็มเดินออกไปแล้ว
“เอ่อ ครับ ขอบคุณนะครับ” ป้องเงยหน้าขึ้นมองฟรองค์อย่างดูไม่ค่อยกล้าสักเท่าไหร่ ความประหม่าของเด็กนั่นแสดงออกชัดทางสองตา
“ถ้าเรายิ่งทำเหมือนเราอ่อนแอมันจะยิ่งได้ใจ ไม่ต้องกลัวมันหรอกนายนั่นน่ะตัวใหญ่แต่ขี้ขลาด” ผมว่าสนับสนุนคำของฟรองค์
แต่นึกถึงคำที่นายเอ็มพูดนั้น อาทิตย์หน้านี้ป้องจะต้องถ่ายหนังกับนายนั่นอย่างนั้นหรือ คิดแล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งวันนี้เพิ่งจะมีปัญหากันไม่รู้ว่าวันถ่ายนายนั่นจะทำอะไรกับป้องบ้าง แน่นอนว่าป้องคงจะไม่รู้ถึงนิสัยส่วนตัวของนายนั่นถึงได้ตบปากรับงานไป และคุณรามก็คงไม่ได้บอกอะไรเพราะผลประโยชน์ของตัวเองสำคัญที่สุดสำหรับคน ๆ นั้น
☼☼☼☼☼☼
“รายละเอียดของงานกับตามที่สรุปไว้ในเอกสารนั่นแหละพวกคุณโอเคหรือเปล่า” คุณรามถามย้ำถึงเรื่องงานพลางเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์หลังจากที่ยื่นเอกสารรายละเอียดต่าง ๆ ร่วมไปถึงสัญญาการทำงานให้ผมและฟรองค์อ่านได้ครู่ใหญ่ ๆ
ครั้งนี้คุณรามจับให้ผมและฟรองค์ต้องเซ็นสัญญาเพื่อรับงานด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกแล้วฟรองค์จะเบี้ยวงานเหมือนคราวก่อนหากตกลงกันแค่ปากเปล่า จากที่ผมได้อ่านรายละเอียดคร่าว ๆ ก็ประมาณว่า ผมกับฟรองค์จะต้องไปอยู่ที่บ้านพักตากอากาศบนเกาะของคุณรามเป็นเวลาเจ็ดวันกับกล้องวีดีโอหนึ่งตัว พวกเราต้องตั้งกล้องถ่ายกันเองทั้งเรื่องราวในชีวิตประจำวันรวมไปถึงตอนที่มีอะไรกันซึ่งผมก็แอบตกใจกับจำนวนครั้งที่ระบุในสัญญา ให้ไปทะเลทั้งทีกะจะไม่ให้พักผ่อนสบาย ๆ กันเลยหรือไง
แต่เอาเถอะก็ผมห่างหายจากการรับงานไปเป็นเดือน ๆ ในเว็บของบริษัทก็มีแฟน ๆ ถามถึงและรอคอยผลงานของผมกันมากมาย ถือเสียว่าตอบแทนแฟนคลับที่สนับสนุนผลงานของผมมาโดยตลอดก็แล้วกัน และอีกอย่างคนที่ไปด้วยกันคือฟรองค์นั่นก็ยิ่งไม่มีอะไรน่าหนักใจ
“หนึ่งโอเคหรือเปล่า” ฟรองค์หันมาถามผม
“เราโอเคแล้วฟรองค์ล่ะ”
ฟรองค์ยิ้มพยักหน้าตอบผมก่อนจะจรดปลายปากเซ็นรับงานในสัญญา ผมก็เซ็นตามไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ผมเพิ่งมานึกได้หลังจากที่เซ็นสัญญาไปแล้ว ว่าคนที่ผมกำลังคบแบบไม่มีสถานะอยู่นั้นเขาจะโอเคหรือเปล่านะ ถึงเราจะคุยกันเข้าใจแล้วว่าเขาเข้าใจและจะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของผม แต่ถึงกระนั้นผมก็อดเป็นห่วงความรู้สึกเขาไม่ได้อยู่ดี
แต่มันก็คืองานนี่นะ เขาก็คงจะไม่ว่าอะไรหรอก
TBC