ดวงใจรัตติกาล - Forbidden Fruit
น้ำเสียงของรัตติกาลยามที่อ่านหนังสือภาษาต่างประเทศนั้น อดยอมรับไม่ได้ว่าน่าฟัง และสามารถทำให้เคลิบเคลิ้มไปกับน้ำเสียงทุ้มต่ำได้ทุกครั้ง
จังหวะจะโคนชวนให้หลงใหล ดึงดูดตกอยู่ในภวังค์ ยิ่งเวลาที่มองทอดไปยังใบหน้าเจ้าของเสียงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นไปด้วย ยามสดับฟัง ก็ยิ่งรู้สึกคันยิบในหัวใจ
หน้าตักกลายเป็นที่ วางหนังสือให้คนร่างสูงใช้วาง แต่ละหน้าพลิกไปบนตัก หากให้อ่านตัวหนังสือกลับหัวเองจากบนเก้าอี้นี้ก็คงจะยาก จึงยกหน้าที่นี้ให้กับชายหนุ่มตรงหน้าแทน
ชายหนุ่มร่างสูง อ่านหนังสือให้เขาฟังไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นว่าสายตาที่เขากำลังใช้มองอีกฝ่ายนั้น ออกจะฉายแววที่ไม่ควรปรากฏออกมา
เขาอยากจะลองลูบมือสัมผัส กลางหว่างคิ้วหนา ค่อยๆ ลากลงมาตามสันจมูกโด่ง อยากลองแตะเบาๆ ที่แพขนตายาว แล้วสัมผัสไปที่แนวสันกราม แต่สุดท้ายก็ได้แต่เก็บความอยากไว้ในใจ
“...forbidden fruit”
น้ำเสียงของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าราวกับดังอยู่ไกลๆ ทว่าไม่ทันไร เสียงนั้นก็กลับมาดังข้างหูเช่นเดิม
“คุณหลวง...ตกลงคิดว่าผลไม้ต้องห้ามนี่เป็นผลอะไรครับ?”
เขาดึงสติกลับมายังคนตรงหน้า ดวงตาคู่คมช้อนมองเขา ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“อืม...แอ๊ปเปิ้ลหรือ”
“อาจจะไม่ใช่”
รัตติกาลเท้าศอกลงกับช่องว่างๆ ข้างเก้าอี้ จนข้างขาสัมผัสได้ถึงผิวกายร้อนผ่าวของชายหนุ่ม
“...แล้วเธอคิดว่าเป็นอะไรล่ะ”
“เซ็กส์”
“...”
ยิ้มที่เผยอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม ยิ่งทำท่าทางเท้าคางมองมาด้วยแล้ว ก็รู้สึกอยากหยิกไหล่ให้เขียวปั้ดไปสักที
“ฮะๆ ผมไม่ได้คิดเองนะ แค่นักวิชาการบางคนก็ตีความว่าผลไม้ต้องห้ามที่แท้ก็เป็นสิ่งเปรียบเปรยแทนเซ็กส์ไง”
เขาพ่นลมทางจมูก ตามองไปทางอื่นอย่างไม่อยากใส่ใจ
“คุณหลวงอยากลองมั้ย? ผมว่ามันน่าจะอร่อยนะผลไม้ต้องห้ามเนี่ย”
ชายหนุ่มอายุน้อยกว่าคนนี้ก็ชอบหยอกเย้าเขาอยู่เรื่อย แต่เขาก็ไม่เคยโกรธลง
ไม่เคยโกรธ...แม้สักครั้ง
“เอ้ากินมังคุดไปแทนแล้วกัน”
เขา หยิบเอาผลมังคุดที่วางบนโต๊ะส่งให้ชายหนุ่ม มังคุดห่อใหญ่ที่ได้มาจากผู้ใหญ่ในกระทรวง หวานฉ่ำไม่ด้อยไปกว่ามังคุดที่สวนจันท์ของตนเอง
“ว้า...ผมล่ะอยากจะลองผลไม้ต้องห้ามอร่อยๆ สักหน่อย”
แม้ชายหนุ่มเอ่ยอย่างนั้น ก็ยังรับมังคุดไป แล้วทำท่าทางเงอะๆ งะๆ อย่างพยายามแกะเปลือกมังคุด เอาเล็บกุดๆ พยายามแงะเปลือกออก เห็นแล้วก็ต้องยิ้มขำ แล้วดึงเอาผลมังคุดกลับมาแกะให้แทน
“นี่ก็ผลไม้ต้องห้ามสำหรับเธอไง ดูสิ แกะยังไม่เป็น ต้องแกะอย่างนี้ต่างหาก”
ต้องกดที่กลางก้นผลมันเสียก่อน แล้วค่อยใช้นิ้วโป้งและชี้บีบฝั่งที่ติดก้าน ออกแรงแค่นิดเดียวเปลือกก็แตกออกแล้ว ไม่จำเป็นต้องแงะจนเล็บจะฉีกแบบนั้น
เขาบิเปลือกแข็งออกจนเผยให้เห็นเนื้อมังคุดขาวๆ หยิบเนื้อด้านในออกมาแบ่งเป็นสองซีก ซีกหนึ่งยื่นส่งให้คนที่นั่งต่ำกว่าบนพื้น
ทว่าเมื่ออีกฝ่านอ้าปากจะรับเนื้อผลไม้ไปกิน เขาก็ชักมือกลับแล้วหยิบใส่เข้าปากตัวเองแทน
รัตติกาลที่ทำหน้าเบ้ดูตลกไม่หยอก จนเขาต้องอมยิ้มโดยไม่ทันได้เคี้ยวเนื้อผลไม้ที่อยู่ในปาก
“ร้ายนะครับเดี๋ยวนี้”
พูดจบก็เปลี่ยนจากนั่งขัดสมาธิเป็นคุกเข่าขึ้นในทันที ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าใกล้จนต้องผงะถอยหลังด้วยความตกใจ หากแต่ต่อให้เขาถอยอย่างไร แผ่นหลังก็ติดกับพนักเก้าอี้อยู่ดี ยิ่งสองแขนแกร่งวางคร่อมกับที่วางมือ เขาก็ยิ่งเหมือนติดกับดักหนีไปไหนไม่ได้
“ให้แล้วเอาคืนได้ไงครับ”
ว่าแล้วก็แนบริมฝีปากเข้ามาทวงผลไม้รสหวานคืนเข้าสู่ปาก ปลายลิ้นร้อนทั้งรุกไล่ ทั้งดูดดึง จนสุดท้ายในปากเขาก็ไม่เหลือเนื้อผลไม้หวานๆ อีกต่อไป
แต่แน่นอนว่ารสชาติหวานล้ำ ยังติดอยู่ที่ลิ้นไม่เปลี่ยนแปลง
รัตติกาลเคี้ยวเนื้อมังคุดทั้งที่ยังยิ้มร้าย ชายหนุ่มคายเม็ดออกไปวางไว้ที่กองเปลือกมังคุด แล้วก็อีกหยิบครึ่งผลที่เหลือไปถือไว้
“อย่างอนสิครับ เดี๋ยวผมป้อนคืนให้”
ปลายนิ้วแกร่งหยิบผลไม้เนื้อขาวอีกครึ่งผลเข้าปาก ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งอีกฝ่ายเกือบจะชนเข้ากับปลายจมูกเขา หากแต่ชายหนุ่มอายุน้อยกว่ากลับเอียงใบหน้าเสียก่อน เพื่อที่จะส่งป้อนมังคุดหวานเข้าปากให้ได้ถนัด
ถ้าปล่อยให้ตัวเขากินเองจนหมดก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ชายหนุ่มร่างสูงกลับไม่ยอมผละออกไปง่ายๆ ราวกับต้องการจะช่วยเคี้ยวช่วยป้อนจนกว่าจะหมดผล
หรือไม่...ก็อาจเพราะติดใจในรสชาติผลไม้ต้องห้าม จนไม่อาจถอยกลับ
ผลแล้ว ผลเล่า ยิ่งลิ้มลอง ก็ยิ่งติดใจ เพราะเหตุนี้สินะ อดัมและเอวาถึงได้ถูกขับออกจากสวนอีเดน
แล้วเขากับรัตติกาลที่ได้ลิ้มลองรสของผลไม้ต้องห้ามนี้ จะต้องถูกขับไล่ด้วยเช่นกันหรือไม่?
ต้องแบกรับความรู้สึกผิดมากน้อยแค่ไหน ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า?
“อร่อยดีนะครับ”
ชายหนุ่มตรงหน้าก็ดูจะไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ยังคงส่งยิ้มทะเล้นมาให้ แต่ในแววตาคู่คมนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยควมจริงจัง และมั่นคง จนเขารู้สึกมั่นใจว่าต่อให้สิ่งที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่ผิด เขาก็ไม่หวั่นเกรงใดๆ
ปลายลิ้นร้อนเปลี่ยนมาไล้เลียตามนิ้วมือที่ยังติดรสหวานของผลไม้ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว
รสชาติของผลไม้ต้องห้าม ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ยิ่งต้องห้ามมากเท่าไร ก็ยิ่งชวนให้ลิ้มลองมากเท่านั้น
และเมื่อได้ลิ้มลอง แล้วก็ไม่อาจจะถอนตัว
.
.
-Forbidden Fruit End-