ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
[/font][/color]กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0หมายเหตุ : เรื่องต่อไปนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพียงเท่านั้น
นี่เป็นการลงเรื่องครั้งแรก แต่งครั้งแรก เขินไปแต่งไปครั้งแรก ยังไงก็ขอฝากทุกท่านด้วยเน้อ
กับเรื่อง อย่าร้าย แล้วผมจะรัก
ฝากเม้นติชมด้วยเน้อ
ตอนที่ 1
“เก็บข้าวเก็บของเสร็จแล้วใช่มั้ยเรา”
“ครับ”
“อย่าลืมของใช้ส่วนตัวของเราด้วยล่ะ แม่ไม่อยากให้สะเพร่า”
“ครับ”
“เสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถกันเดี๋ยวพ่อกับแม่จะสาย นัดเพื่อนพ่อไว้แล้วด้วย”
“คร๊าบบบบบบ....”
“อย่าทำเสียงแบบนั่น”
“ครับคุณแม่ของผม”
สวัสดีครับผมชื่อเดย์ผมเป็นลูกของคุณพ่อกับคุณแม่ และผมก็มีพี่ชายสุดหล่อที่ตอนนี้ไปเรียนอยู่เมืองนอก(จนป่านนี้ไปเผาเงินพ่อกับแม่ใช้ยังไม่กลับ)พี่ผมชื่อไนท์ ผมเกิดกลางวันแม่เลยบอกว่าชื่อเดย์ ส่วนที่รู้ๆ พี่ผมเกิดกลางคืนเลยชื่อไนท์ แต่มันไม่ยักดำเหมือนกลางคืนแต่กลับขาวเอาๆ ดูจากรูปที่พี่ส่งมายั่วผมว่าตัวเองสนุกแค่ไหนเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้พ่อกับแม่กำลังจะไปต่างประเทศ ท่านจะไปหาพี่ไนท์ด้วย(ผมแอบสมน้ำหน้าที่แม่จะได้ไปด่าพี่ไนท์ถึงโน่นบ้าง)แต่ข่าวร้ายคือแม่ไปแวะแค่แป๊บเดียวเพราะต้องไปอีกประเทศหนึ่งซึ่งท่านไปเพราะไปทำธุรกิจเรื่องการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูป ผมได้ยินแว่วมาว่าจะไปเปิดสาขาส่งออกที่โน่นด้วย แต่ผมไม่ค่อยจะสนใจเพราะยังไงกิจการหลักๆ ของบ้านที่อู้ฟู่มันก็ต้องตกเป็นของพี่ไนท์อยู่แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่คงไม่ส่งพี่ไปร่ำไปเรียนถึงเมืองนอกให้เมื่อติ่งหรอกครับ
ส่วนผมตอนนี้ก็ตกระกำลำบาก(ไม่ได้หมายถึงอดอยากปากแห้งนะครับ)ผมหมายถึงโดนแม่เข้มงวดอยู่คนเดียว พ่อกับแม่ไปคราวนี้ผมเลยแอบดีใจอยู่ลึกๆ แต่ไม่แสดงออก เพราะยังไงซะแม่กับพ่อบอกจะไปตั้งเกือบสามเดือนแน่ะ แต่ที่น่าเสียดายคือพ่อกับแม่ดันบอกว่าไม่ให้ผมอย่คนเดียว แต่จะพาไปฝากไว้กับคุณลุงทัศเทพที่เป็นเพื่อนสนิทรู้จักพ่อมาเกือบสิบปี
แต่ถึงพ่อจะรู้จักผมก็ไม่ได้รู้จักด้วยสักหน่อย นั่นเพื่อนพ่อไม่ใช่เพื่อนผม
“ไม่ลืมอะไรแล้วใช่มั้ยเดย์ลูก”
“ครับพ่อ”ผมตอบแค่นั่นแล้วหันหน้าไปมองบ้านของตัวเองรึ้กเสียดายลึกๆ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงปิดเทอม เพราะไม่อย่างนั้นผมจะชวนเพื่อนมาถล่มบ้านจัดปาร์ตี้ให้แทบทุกคืน ฮึๆๆ
“ส่งกระเป๋าใบนั้นมาให้แม่”
“ใบไหนครับ”ผมถามแม่ก่อนจะมองหาข้างๆ ตัวเพราะตอนนี้ผมนั่งอยู่คนเดียวตรงเบาะหลังรถ พ่อกับแม่นั่งข้างหน้า
“ใบที่เรากอดไว้แน่นไงล่ะ”ผมหน้าซีบขยับกะเป๋าเป้ใบสีดำกะชับแน่นไปแนบอก
“แม่จะเอามันไปทำอะไรครับ”ผมถามพยายามไม่แสดงพิรุจอะไร ตอนนี้ผมหน้าซีดเหงือผุดตรงหน้างั้นเหรอ ไม่ๆ ผมไม่ได้แสดงท่าทีน่าสงสัยนะ
เอาไงดีวะเดย์แม่ต้องสงสัยแน่ๆ เลยว่าเราพามันมาด้วย
“ส่งมาเดย์”
“แต่แม่ครับ....”
“อย่าดื้อเดย์”แม่ชอบพูดเสียงดุให้ผมกลัวอยู่เรื่อยเลย แต่ผมก็กลัวจริงๆ นั่นแหละ -O-
ในที่สุดผมก็ส่งกระเป๋าเป้ให้แม่ไป แม่จับมันเปิดออกแล้วคว้าตุ๊กตากระต่ายสีขาวที่บัดนี้มันดูขาวด่างจนเกือบเป็นสีเทาอยู่แล้ว ตรงใบหูนิ่มๆ ของมันถูกผมเย็บไว้หลายครังเพราะมันเปื่อยจนขาด ตัวนี้พ่อกับแม่เป็นคนซื้อให้ผมเมื่อตอนเด็กๆ ตอนนี้ผมอายุสิบเจ็ดจะสิบแปดอยู่แล้ว อายุกระต่ายนั่นคงสักสิบสามปี
ผมยอมรับว่าผมติดมัน และถ้าไม่มีมันผมจะนอนไม่หลับด้วย
“แม่แต่ผมต้องเอามันไปด้วย เดี๋ยวผมนอนไม่หลับแม่ก็รู้”
“ฮึๆ ๆ ”พ่อหัวเราะอยู่หลังพวงมาลัยรถ
“แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ทิ้งได้แล้ว เด็กซะที่ไหนฮะเรายังกอดตุ๊กตาอีก”
“ผมชอบมันนี่ครับ พ่อกับแม่ซื้อให้”ผมก้มหน้างุดอยากจะร้องไห้ที่แม่จะให้ผมทอดทิ้งมันอีกครั้งจากเป็นร้อยๆ ครั้งที่แม่บอก
“แม่กับพ่อก็ซื้อของเล่นใหม่ให้ตั้งหลายชิ้นไปแล้ว แต่ตุ๊กตานี่....มันผู้หญิงเล่นนะนะลูก”แม่พูดอย่างเหนื่อยใจ
“เถอะนาคุณ ลูกรักของๆ มันก็ดีแล้วไม่เห็นจะเป็นอะไร”พ่อช่วงกล่อมแม่อีกที
“ขอบคุณครับ”ผมคว้าตุ๊กตากระต่ายสีเทา ไม่ชิ่สีขาวต่างหาก กลับมากอดไว้แล้วเก็บเข้าที่เพราะตอนนี้ท่าจะถึงบ้านเพื่อนของพ่อแล้ว มันดูหลังใหญ่เอามากๆ ผมว่าบ้านผมหลังใหญ่แล้วนะครับแต่ที่นี่ใหญ่กว่า อยู่กันกี่สิบครอบครัวเนี้ย
ตอนรถผมแล่นเข้าไปประตูบ้านก็เปิดเองอัคโนมัติ พ่อรถของผมมาจอดเทียบทางเข้าสู่ในตัวบ้านก็มีหญิงวัยกลางคนแต่งตัวอยู่ในชุดแม่บ้านแทบจะมาตรฐาน ISO ยืยรอต้อนรับพวกเราอยู่ พวกเราทั้งสามคนพ่อแม่และผมเดินตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปจนคาดว่าน่าจะพาไปที่ห้องรับแขก ประเป๋าของผมถูกสั่งให้ยกไปเก็บไว้ที่ห้องของผม ซึ่งผมไม่รู้ว่าที่ไหน แต่กระเป๋ากะต่ายของผมยังคงแนบชิดติกหลังผมไว่วาง
“มากันแล้วเหรอครับ เชิญนั่งก่อนสิครับพี่”
“ฮึๆ ขอบคุณมากไม่ต้องพิธีรีตองหรอกนะผมมาพึ่งคุณแท้ๆ”ผมมอพ่อที่ฉีกยิ้มมองชายวัยเดียวกับพ่อที่ดูภูมิฐานเชิญพวกเรานั่งลง แม่ยกมือไหว้ท่านก่อนจะให้ผมไหว้ตามแบบงงๆ
“นี่คุณลงทัศเทพเพื่อนพ่อนะเดย์ แกอยู่พึ่งคุณลุแล้วอย่าทำให้หนักใจเข้าใจมั้ย”พ่อพูดผมพยักหน้าหงึกๆ อย่างเชื่องเลยครับ
“ขอบคุณมาเลยนะคะที่มีนำใจกับพวกเรา”แม่พูดแล้วยิ้ม
“ไม่เป็นไรหนอกครับ พี่ก็ช่วยเหลือผมตั้งหลายอย่างแค่นี้ถือว่ามันน้อยมากซะจนไม่ถือว่ได้ช่วยพี่เลย ดีแล้วล่ะครับบ้านนี้จะได้ไม่เหงาผมอยู่กับลูกชายสองคนบ้านเงียบมานานแล้ว”
“ฮาๆ ขอบคุณมากจริงๆ ทัศเทพ”
“แล้วลูกชายท่านไปไหนเสียล่ะคะ”แม่ถามแล้วมองหาอะไรสักย่าง ผมก็เลยมอตามแม่อย่างไม่รู้
“ฮาๆ ก็เที่ยวเล่นตามประสาเด็กล่ะครับ เจ้าคนนี้ไม่ค่อยอยู่กับบ้านกับช่อง ผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่กับเค้าสักเท่าไหร่”เสียงหัวเราะฝืดๆ จากคุณลุงมันมีอะไรบางอย่างที่ไม่สบายใจ ผมสังเกตได้แต่ไม่พูด
เหรอคะ งั้นดิฉันก็ฝากเจ้าเดย์ไว้มีอะไรติเตียนได้ก็เชิญเลยนะคะ เจ้านี่ยังนิสัยเด็กอย่ามากจนฉันอ่อนใจ”
“แม่ครับ!”ผมเขย่าแขนแม่ ผมอายครับที่แม่ว่าแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับดูเดย์จะนิสัยดี ผมเสียอีกที่กลัวเจ้าลูกชายจะรังแกน้องซะอีก”
เสียงพูดคุยหัวเราะคิดคักของผู้ใหญมันไม่ทำให้ผมรู้สึกสนุกเลย มีแต่อายเป็นบางครั้งที่แม่บอกว่าผมยังเด็กบ้าง ชอบกินข้าวเลอะบ้าง เอาแต่ใจบ้าง ยังดีที่แม่ไม่บอกว่าผมชอบฉี่รดที่นอน แม่ชอบเอาเรื่องลูกตัวเองมาขายอยู่เรื่อยเลยผมละเหนื่อยใจ
ตอนนี้ผมถูกพามาที่ห้องนอนที่เป็นของตัวเอง ที่นับจากนี้ผมจะมาอยู่เป็นระยะเวลาเกือบจะสามเดือน ห้องกว่างมากครับ ดูโล่งสบายน่าอยู่น่านอน ดูสะอาดสะอ้าน มีเตียงสีขาวขนากคิงไซส์ตั้งอยู่ใจกลางห้องที่ถัดจากเตียงไปด้านข้างก็เป็นประตูเลือนกระจกที่เป็นระเบียงสามารถเดินออกไปกินลมข้างนอกได้ มีผ้าม่านผืนโตสีไข่ไก่ที่ผมชอบเหมือนที่ห้องเป็นตัวบังแสแดดจากภายนอกได้ดี ปลายเตียงก็เป็นโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือทำการบ้านล่ะครับ ไม่ห่าจากโต๊ะก็เป็นตู้ใส่เสื้อผ้าขนาดใหญ่เปิดเข้าไปเอาคนสามสี่คนยัดเข้าไปได้เลย ผมยังไม่หยุดสำรวจจนเดินมาถึงห้องน้ำที่กว้างขวางพอตัว ข้างในสุดมีอ่างน้ำวนถูกจัดเป็นสัดเป็นส่วนตามมาตรฐานห้องน้ำอย่างหรูหร่า
หลังจากเดินสำรวจเสร็จผมก็กระโดดลงไปนอนบนเตียง มันนุ่มมากจนตัวผมเด้งขั้นลงบนเตียงหลายครังอย่างสนุก จนตอนนี้ได้เวลาไปทานข้าวเย็นแล้ว ผมสงสัยมากครับว่าบ้านใหญ่เพื่ออะไร เพราะมันวังเวงมาก แทบจะเงียบเลยก็ว่าได้แล้วแบบนี้จะมีผีอยู่ด้วยมั้ยเนี่ย
บรึ๊ย.....คิดแล้วขนตั้งครับ
ตอนนี้ผมมาถึงโต๊ะอาหารแล้วครับ โต๊ะยาวเหยียดเหมือนขวนรถไฟ ผมควรจะถามมั้ยครับว่าผมต้องซื้อตั๋วมานั่งกินข้าวด้วยรึเปล่า แต่กับข้าวดูท่าทางน่ากินครับมีของชอบของผมอยู่บนโต๊ะด้วย แกงจืดเต้าหู้ไข่ครับ แม่บอกว่าผมทานไม่เบื่อจริงๆ ตอนนี้ผมมานั่งที่โต๊ะกับคุณลุงทัศเทพสองคน ท่านเปลื่อนชุดเป็นใส่สูตรครับดูท่าทางกำลังจะออกไปหลังจากกินข้าว ผมมองดจานข้าวที่จัดไว้แค่สองที่เท่านั้น แต่ไหนบอกว่าบ้านนี้มีลูกชายคุณลุงอีกหนึ่งคน ป่านนี้ผมยังไม่เห็นเลยครับ นี่ก็เย็นแล้วยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ ท่าจะไม่อยู่กับบ้านอย่างที่คุณลุงว่า ผิดกับผมที่กว่าจะออกไปไหนได้ต้องผ่านด่านอรหันครับ แม่ผมนั่นเองเข้มงวดจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยครับ เท่าที่รู้กัน
“กินเลยดีกว่าเดี๋ยวกับจะชืด”คุณลุงยิ้มแล้วตักไก้อบซอสให้ผมใส่จาน ผมขอบคุณก่อนจะก้มหน้ากิน เพราะผมไม่ได้สนิทกับท่านจึงไม่พูดอะไรมาก
“แล้วลูกชายคุณลุงล่ะครับ ไม่มาทานด้วยกันเหรอครับ”ผมกินไปได้หลายคำก็พูดขึ้น แล้วตักแกงจืดท่ชอบให้คุณลุงบ้างเพราะกลัวว่าผมจะกินเองคนเดียวซะหมด
“ทิวาน่ะเหรอ ดึกๆ ล่ะคงกลับลุงขอโทษนะที่มีเจ้าลูกชายไม่ได้เรื่อง”
“ไม่หรอกครับพี่เค้าอาจมีธุระ” บทสนทนาบนโต๊ะอาหารทำให้ผมรู้ว่าคุณลุเหมือนจะมีความทุกข์ที่บอกใครไม่ได้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหนวซึ่งผมก็ยังไม่ได้เห็นหน้ารองเจ้าของบ้านคนนั้นเลยครับ แต่เอาเป็นว่าเจอเมื่อไหร่ผมจะทำหน้าที่ผู้อาศัยที่ดีคือไม่ไปยุ่งหรือวุ่นวายเลยครับ แตตอนนี้อิ่มแล้วและคุณลุงก็ออกไปแล้วท่านบอกไปทำงานอีกสองสามวันคงกลับ ผมเอ๋อๆ เล็กน้อยครับที่มาวันแรกทุกคนในบ้าหายหมด -_-;
ตอนน้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วครับเกือยจะตหนึ่ง ผมนอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาบนเตียงซะหลายรอบ ผมอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับที่ถึงแม้จะกอดเจ้ากระต่ายไว้ในอกให้อุ่นใจเหมือนอยู่บ้านก็ตามที
“นอนไม่หลับจริงๆ”ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกมา คุณลุงบอกว่าห้องผมอยู่ตรงข้ามกับห้องลูกชายท่าน มีอะไรจะได้ช่วยกัน คุยกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ผมซึ้งในน้ำท่านครับที่เอ็นดูผม แต่ตอนนี้ผมมองไปยังห้องตรงข้ามมืดและเงียบสนิท เจ้าของห้องคงยังไม่กลับมาล่ะมั้งครับ
ตอนนี้ผมกำลังเดินลงจากบันไดจะไปห้องครัวคอผมรู้สึกแห้งฝาดอยากกระดกน้ำสักแกนลอนให้หายอยาก แต่ห้องครัวอยู่ไหนครับ? ใครก็ได้บอกผมที(เดินลงมาทั้งที่ไม่รู้ว่าห้องครัวเค้าอยู่ไหนยากครับที่จะหาเพราะมันมืดและผมอาจหลงอยู่ในบ้านนี้ได้ =_=)
“เดินดีๆ ครับพี่มันมืด”เสียงคุยกันมาจากทางไหนสักแห่งขอบบ้านซึ่งผมไม่รู้ว่ามาจากไหนโจรรึเป่าก็ไม่รู้ หลบก่อนดีกว่าไอ้เดย์แกจะได้ปลอดภัย
“มืดมึงก็เปิดไฟสิวะ สวิสต์อยู่โน่น”
“ครับ”เสียงผู้ชายสองคนพูดกัน และไฟก็สว่างขึ้นผมแอบอยู่หลังโซฟาตัวใหญ่และภาพตรงหน้าก็ชัดเจน ผู้ชายร่างสูงหุ่นสมาทที่ผิวขาวเหมือนลูกชิ้นปลาเด้งได้ ดวงตาคมกริบ คิ้วหน้า ปากได้รูปสีแดงเชอร์รี่ ดูรวมๆแล้วผมอึ้งครับ เค้าหล่อมากมันทำให้ผมย้อนดูตัวเองที่ตัวเล็กแถมยังไมสมาทสมชายอีกน้อยใจครับ เพราะแม่แน่ๆ ที่ชอบเน้นบอกว่าผมเป็นผู้หญิงรึไง(ก็เพราะตุ๊กตากระต่ายตัวเดียวนั่นแหละครับ)
และผู้ชายอีกคนที่ดูท่าทางเก้ๆ กัง เหมือนจับทิศทางของบ้านไม่ได้ยืนมองบ้านทั้งหลังอย่างตื่นๆ เหมือมผมที่มาที่นี่ครั้งแรกเลยครับ
“พี่ทิวาครับมันจะดีเหรอครับ”
ทิวาเหรอ แสดงว่าผู้ชายคนนั้นที่หล่อโฮกนั่นก็คือลายเจ้าของบ้าน ถึงว่าหล่อมาก(เกี่ยวมั้ย)
“มึงจะกลัวอะไรนักหนา มึงมากับกรูเอง”พี่ทิวาพูดเสียงดังน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย จนทำให้ผายที่มาด้วยอีกคนดูตกใจ
“เอ่อ....คือผม”
“ถ้ามึงยังเซ้าซี่กรูอีกกรูเอามึงตรงนี้เลยดีมั้ย”
O[]O สิ่งที่ผมเห็นบอกทีเถอะว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด สิ่งที่ผมได้ยินก็แค่ฟังผิดด้วยก็เท่านั้น
สิ่งที่ผมเห็นคือพี่ทิวากำลังก้าวขายาวๆ ไปหาผู้ชายอีกคนก่อนจะเข้าไปประกบปากจูบผู้ชายอีกคน....อย่างดูดดื่ม แถมมือพี่เค้ายังล้วงเข้าไปใต้เสื้อผู้ชายคนนั้นด้วย
บ้าไปแล้วนี่มันอะไรกันเนี่ยผมตาฝาดไปใช่มั้ย
“อ้า...อื้อ...พี่ครับ”เสียงร้องครางของผู้ชายอีกคนที่ถูกกระทำดังเล็ดลอดออกมา ตอนนี้ผมตัวสั่นครับตกใจกับสิ่งที่เห็นมากๆ หัวใจเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าก็ร้อนฉ่าแปลกๆ ผมอยากออกไปจากตรงนี้ครับแต่ขยับตัวไม่ได้
“เป็นอะไร”
“ผมไม่เอาตรงนี้นะครับ อย่าครับ....อ้า....”
“ก็ได้ไปบนห้องกรูจะเอามึงให้ร้องคราง ลุกเดินไปไหนไม่ได้เลย”
“พี่ทิวาใจร้าย...”
ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือเสื้อของผู้ชายอีกคนถูกถอดออกเผยให้เห็นแผงอกที่แดงก่ำ และมีฝ่ามือของพี่ทีว่าที่แค้นอกแบนราบนั่นอย่างคลั่งไคล้ ก่อนทั้งสองจะหิ้วกันไปบนห้องผ่านบันไดที่ผมเพิ่งเดินลงมา ผมเห็นว่าพี่ทิวาอุ้มผู้ชายนั่นขึ้นไป
มะมันเรื่องอะไรกันวะ! ผู้ชายสองคนจูบกัน กอดกัน แล้วพากันไปบนห้อง อ๊ากกกกกก!
“ซืด...อ้า.....อุ๊บ! OxO”
ผม....ผมรู้สึกร่างกายมันแปลกๆ ครับ รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ วูบๆ วาบๆ แต่ไม่เหมือนกับเป็นไข้ ก่อนที่ผมจะตกใจกับน้องชายของผมที่มันตื่นตัวขึ้นมาอย่างประหลาดจนผมต้องเอามือทั้งสองข้างกดเอาไว้อย่างน่าอายแล้วสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้ให้ถึงที่สุด
มันเป็นแบบนี้ได้ได้ยังไงเนี้ยยยยยยย!
ขอบคุณทุุกท่านที่ทนอ่านจนจบไป 1 ตอนเน้อ
อยากให้รับรู้ไว้ว่าซาบซึ้งสุดๆ