♪ของแถม ♫ (ตอนสุดท้ายของ “คืนนี้” ซะที....)
If the big bunny falls in love with the pound bread, it will…
[ตุลย์] ท่ามกลางเสียงครางของพัดลมเพดานตัวใหญ่ที่พัดไปมา... ผมโยกตัวเล็กน้อยกันร่างสูงโปร่งของไอ้วอกที่ขยับกายจะเดินออกจากซอกตู้เสื้อผ้า
โยกซ้าย... โยกขวา สับขาหลอกจนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นทำหน้ายักษ์ใส่ ควันออกหูขึ้นมาเฉยๆ
“จะยืนขวางทำห่าอะไร!” ผมยิ้มรับมธุรสวาจารื่นหูที่แปลเป็นไทยได้ว่า ‘ช่วยหลีกหน่อยได้ไหมครับ’ นั้น แต่ก็ยังทำเป็นหูทวนลมไม่ยอมขยับหนีไปไหน จนมันทนไม่ไหวจนต้องเอาขาหน้ายันหน้าอกผมออกอย่างโมโห
การกระทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุงเลยสักนิด นอกจากจะไม่ทำให้ผมสะทกสะท้านถอยออก ยังถือโอกาสรวบร่างเล็กๆ นั้นมาไว้ในวงแขนอย่างง่ายดายอีกด้วย
โอเค...มันไม่ได้ตัวเล็กน่ารัก บอบบางน่าทะนุถนอมอะไรสักนิดเดียว แต่มันตัวเล็กแน่นอนเมื่อเทียบกับผมก็แล้วกันน่า และไม่รู้ว่าทำไมนับวันมันจะยิ่งก็แลดูน่ารักน่าใคร่เหมือนลูกแมวน้อยๆ ขึ้นทุกทีๆ ในสายตาของผม....
“ปล่อยดิวะ ไอ้เชี่ย” มันส่งเสียงอ้อนอีกครั้งขณะที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมอกของผม แปลไทยได้ว่า ‘ปล่อยเค้านะ ตะเอง’
ปึ้ก!! มันใช้ข้อศอกถองเข้าที่ลิ้นปี่ผมด้วยความเขินอาย
“โอ๊ย....” ผมร้องโหยหวนเพราะความตกใจและเรียกร้องความสนใจมากกว่าจะเจ็บจริงแต่ก็เผลอคลายอ้อมแขนจนมันผละออกไปได้สำเร็จ
“สม!!” พ่นถ้อยคำหวานด้วยแววตาขี้เล่นและยั่วยวน...
แหมช่างดูเป็นการกระทำท่ารักน่าชังและน่าหมั่นเขี้ยวไม่หยอกเลยว่าไหม? นี่แหละคู่รักข้าวใหม่ปลามันก็ต้องมีหยอกล้อเล่นกันบ้าง เป็นธรรมดา....
ตลกเหอะ!!....
ผมกำลังจะเป็นบ้า!!
รู้สึกว่าตัวเองไร้สาระ เพ้อเจ้อ เวิ่นเว้อ ทำตัวเยอะ!! ขึ้นตามลำดับ...
และโรคจิต คิดเข้าข้างตัวขึ้นทุกวัน
แต่ถ้าไม่มีจินตนาการล้ำเลิศก็คงทนไม่ได้หรอกกับความ “ปากดี” ขนาดนี้ แต่ทำไมต้องแปลทั้งทำพูดและการกระทำของมันออกมาได้น่ารักน่าชังขนาดนั้นด้วยวะ!!
พอเหอะ!! โหมดอินเลิพมันไม่เข้ากะกูเลยให้ตาย
แล้วโหมดอะไรถึงจะเข้าล่ะ???
อืม......
อะไรนะ....
ก็น่าจะ..... โหมดหื่นล่ะมั้ง!!
..................................................................
[ปอนด์] ผมแยกเขี้ยวเอ่ยคำสมน้ำหน้ามันออกไปอย่างไม่กลัวเกรง แต่ครั้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอามือกุมสีข้างตัวเองพร้อมกับหันมามองด้วยสีหน้าเอาเรื่องและคาดโทษ ผมก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้...
หรือว่ามันจะเจ็บมากวะ... ก็เลยโมโห!!
จริงดิ? อะไรวะ... ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำแรงซะหน่อย
ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อมันย่างสามขุมเข้ามาหา ความหนาวเหน็บที่ก่อตัวขึ้นเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้วออกมาเจอพัดลมเพดานตัวใหญ่เปิดเบอร์สามทำให้ทนไม่ไหวจนต้องรีบหาเสื้อผ้ามาใส่ทันทีมันค่อยๆ จางหายไปจนกลายเป็นเหงื่อ...
หมับ!! ผมสะดุ้งเฮือกทันที เมื่อกระต่ายป่าที่บังเอิญอยากจะเชื่องขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยวางขาหน้าลงมาที่ไหล่เปลือยของผม สายตาหมายมาดทำให้ถอยหลังอัตโนมัติด้วยเกรงว่าเจ้าของร่างหนาจะลงมือหักคอผมด้วยมือเปล่าเพื่อชำระแค้นแน่นอกที่ลืมตัวถองมันไปเพราะความหมั่นไส้
ถึงมันจะดูเหมือนเชื่องแล้วก็ยังอดหวาดระแวงบ้างไม่ได้ ก็สัตว์ป่า... มันไว้ใจได้ซะที่ไหน เกิดตกมันขึ้นมาจะทำไง?
มันเลิกทำหน้าดุดันและผ่อนคลายอาการคุกคามลงกลายเป็นเลิกคิ้วสูง น้ำหนักมือที่กดลงมาบนบ่าลาดผ่อนแรงลงทันที
“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น” น้ำเสียงไม่ได้สื่อว่าโกรธเคืองอย่างที่เข้าใจจนผมค่อยโล่งอก...
“เปล่าไม่ได้เป็นไร” ผมตอบเลี่ยงๆ ไม่อยากให้มันรู้ว่า มันข่มขวัญคู่ต่อสู้สำเร็จไปแป๊บนึง
“ดูก็รู้ว่าโกหก กลัวอะไรกูนักหนา เห็นหลายทีแล้ว”
“ไม่ได้กลัวสักหน่อย” ผมเถียง แต่มันทำหน้าไม่เชื่อ เลื่อนมือที่วางบนไหล่ลงมาบีบมือของผมก่อนจะสอดประสานปลายนิ้วยึดไว้
“ถ้าไม่กลัว ทำไมต้องตัวสั่นด้วยล่ะ” คำถามนั้นเหมือนจะหยอกเอินกลายๆ ทำให้เพิ่งรู้ตัวว่าอาจจะจริงเพราะรู้สึกว่าขนลุกน้อยๆ แต่ไม่ได้เป็นเพราะกลัวหรอกนะครับ อย่าเข้าใจผิด เป็นเพราะไม่ได้ใส่เสื้อให้เรียบร้อย ผมก็ยังชื้นๆ ต่างหาก
“หนาว...” ผมตอบตามความจริง พยายามขืนตัวออก
“จะไปไหนอีก?” มันน่ารำคาญตรงที่อยากจะเสือกได้ทุกเรื่องนี่ล่ะ
“ปิดพัดลม...”
“ไม่ต้องก็ได้... กูกำลังจะทำให้มึงอุ่นจนร้อนอยู่นี่ไง...” มันกระซิบเสียงพร่าอยู่ข้างหู ไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกเพื่อประกอบคำพูดว่าไม่ยอมให้ไปไหนจริงๆ ผมเหลือบตามองประกายคมกล้าในแววตานั้นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะทุกอย่างทำให้หนาวยะเยือกมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ผมตัวแข็งทื่อเมื่ออุ้งเท้าใหญ่กางออกล็อกเหยื่อไว้ไม่ให้ขยับหนี แขนกำยำอีกข้างวาดมาโอบรัดตัวไว้ ไม่ต่างอะไรกับงูหลามที่รัดเหยื่อให้สิ้นใจก่อนจะกลืนกิน เกินจะหลีกหนีได้เมื่อศีรษะได้รูปลดวูบลงมาหาโดยไม่ทันได้เตรียมใจจนต้องหลับตาปี๋อย่างลืมตัว รับรู้ถึงกลีบปากที่กดประทับรวมทั้งปลายลิ้นอุ่นสอดแทรกเข้ามาหยอกเย้ายุ่มย่ามผ่านทางกายสัมผัส แบ่งปันรสชาติยาสีฟันยี่ห้อเดียวกันอยู่นานสองนาน ยื้อแย่งอากาศหายใจจนต่างพากันหอบฮัก จนจำต้องผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่งอาลัยอาวรณ์
เหนื่อยใจทุกครั้งที่คิดว่าต้องหนี...แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จสักที
ทั้งๆ ที่อยากหนี แต่ร่างกายเจ้ากรรมดูจะทรยศไปเสียทุกครั้ง
ขัดใจ หมั่นไส้จริงๆ
เจ้า...กระต่ายตาดุที่มีกรงเล็บเหยี่ยว เรี่ยวแรงมหาศาลที่บีบรัดเหยื่อเหมือนงูเหลือม
แถมน้ำลายยังมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตชั่วขณะแบบนี้
ชัดเลย!! ไอ้ตุลย์มันเป็น....
....อสูรกายสายพันธุ์ใหม่... ……………………….
NC-xx โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
[ตุลย์] “อืม....” เสียงครางแผ่วล่องลอยมากระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่านหนักหน่วงขึ้นทุกที ขณะที่จมูกยังคงสูดดมกลิ่นหอมของสบู่เหลวเข้าเต็มปอด ลากไล้ปลายลิ้น...ไล่จูบไปตามแผ่นหลังขาวเนียนตามร่องกระดูกสันหลังอย่างลุ่มหลงจนแทบคลั่ง เมื่อเคลื่อนฝ่ามือที่ถูอยู่ที่หน้าท้องของมันสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาสะกิดตุ่มเล็กที่ประดับอยู่ที่หน้าอก คนที่นั่งซ้อนตักห้อยขาลงปลายเตียงก็แอ่นอกสะท้านไหว ได้ยินเสียงหอบเบาๆ อย่างอัดอั้น...
“เคลิ้มขนาดนั้นเลย?” ผมถามด้วยเสียงล้อเลียน จนคนถูกถามหลุดออกจากห้วงอารมณ์ทันทีเช่นกัน
“อะไรอีก?” น้ำเสียงมีแววรำคาญอย่างเห็นได้ชัด
“ก็เห็นเงียบเหลือเกิน ปกติต้องทำไปพูดไป” ผมเฉลยความสงสัยที่มีอยู่ด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“โรคจิตนะมึง...ปกติกูไม่ได้ทำไปพูดไปธรรมดา แต่ทำไปด่าไปต่างหาก”
“อืม..นั่นล่ะ อะไรที่เป็นเสียงมึงมันน่าฟังทุกอย่างแหละ” ผมตอบกลับ อีกฝ่ายส่งเสียงงึมงำที่ฟังไม่ได้สรรพคล้ายจะเป็นคำด่าเบาๆ
“ก็รู้ว่ามึงอ่ะจิต ชอบโดนด่า กูเลยเลิกทำไง จะได้เบื่อเร็วๆ” ผมหัวเราะในลำคอแล้วสรุปเนื้อความ
“อ้อ... มีแผนมีเอง” แผนตื้นๆ สิไม่ว่า
จะเบื่อง่ายๆได้ยังไงรสหวานกลมกล่มขนาดนี้...
ผมขยับตัวอ้าขาให้กว้างขึ้น เพื่อให้มันลงมานั่งตรงที่ว่างกลางหว่างขาแทนที่จะนั่งตักเหมือนตอนแรก สองมือยังคงลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเรียบลื่นไม่ได้หยุดหย่อน จนมาประทะหน้าด่านบางเบาที่แสนเกะกะก็ค่อยๆ ลูบไล้ตามหน้าขาและส่วนสำคัญที่ขวางกั้นด้วยผ้าผืนบาง
ชิ!! ผ้าขนหนูผืนเดียวก็ดีอยู่แล้วปลดสะดวก ไม่รู้จะใส่บอกเซอร์ให้ถอดยากทำไม
“แล้วเบื่อหรือยังล่ะ?” มันถามกลับมาอีก เป็นบทสนทนาอันต่อเนื่องจากเมื่อกี้นี้
“คิดว่าไงล่ะ?” ผมถามกลับขณะที่เริ่มรุกล้ำพื้นที่หวงแหนล้วงผ่านลงไปกอบกุมความร้อนรุ่มของมันไว้ในมือ... แล้วขยับรูดรั้งเบาๆ ใต้ร่มผ้า ริมฝีปากก็ยังจูบไซร้ขึ้นมาตามไหล่และลำคอเลยมาถึงใบหู ร่างขาวซีดบิดเกร็ง อย่างทรมานจนได้ยินเสียงหอบเบาๆ เป็นคำตอบ
“อืม...แล้วจะเล่นอีกนานไหม จริงๆ ซะทีดิ...” มันถามกลับมาเสียงพร่าๆ
ไหมล่ะ!! สงสัยจะ....จนทนไม่ไหวแล้ว
“ทำไมอ่ะ มึงรีบ?” ผมถามกลับล้อๆ ยังไม่วายไล้ปลายนิ้วไปที่ความฉ่ำเยิ้มอันบอกถึงความต้องการทางอารมณ์ของอีกฝ่าย
“กูไม่รีบแต่ให้ไว กูง่วง เพลีย อยากนอน” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคืองขุ่น และยังรักษาฟอร์มอยู่เสมอจนน่าขัน ทำไมไม่พูดออกมาตรงวะ ว่า “กูเสียวจนทนไม่ไหวแล้ว” อะไรเทือกนั้น
“ใจเย็นดิ ยังนวดแป้งไม่เข้ากันดีเลย เดี๋ยวขนมปังไม่อร่อย...” ผมตอบโดยอ้างอิงไปถึงวิธีทำขนมปังปอนด์ที่ต้องนวดแป้งกับส่วนผสมให้เข้ากันก่อนจะปั้นและวางบนพิมพ์...
“เชี่ย!! ลีลามากนักงั้นไม่ต้องทำ” มันตอบอย่างหัวเสีย พยายามดึงแขนผมออกจากตัวตนของมันเพื่อจะลุกขึ้น แต่ใครจะยอมปล่อยให้มันไปล่ะ...
“เฮ่ย...อย่าเพิ่งโมโหสิ” ผมรีบไกล่เกลี่ย จับปลายคางให้หันมาแลกจูบเพื่อสลายความบาดหมางอีกครั้ง อีกมือหนึ่งยังไม่เลิกคลึงเคล้นและปลุกปั่นต่อไป
“อื้อ....อื้อ” มันร้องอึกอักอยู่ในลำคอได้แป๊บเดียวก็เงียบลง และผมตัดสินใจจะเลิกยั่วโมโหอีกฝ่ายสักที
ร่างขาวซีดถูกกดลงบนเตียง ตามด้วยร่างของผมที่โถมลงไปทาบทับชมชิมขอบขนมปังหนานุ่มที่เริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายแทนที่หยาดน้ำ ร่างขาวเด่นที่หลับตานอนนิ่ง มีเพียงแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงถี่ๆ เหมือนเหนื่อยอ่อนใกล้เข้าสู่ห้วงนิทราช่างยั่วยวนอย่างน่าประหลาด เหนี่ยวรั้งความต้องการให้ทะยานสูงจนเกินกว่าจะรอคอยได้อีก สองมือจึงพยายามปลดเปลื้องอาภรณ์เกะกะตาออกเสียโดยไว
อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมามองการกระทำของผมแล้วพยายามกระถดตัวเองถอยร่นไปทางหัวเตียงจนผมถอดบอกเซอร์สำเร็จ ส่วนตัวผมเองยังถูกห่อด้วยผ้าขนหนูมิดชิดขณะคลานตามเจ้าของเตียงอย่างไม่ลดละ
ผมตามไปผมตามไปนั่งข้าง มันปรือตาตี่ๆ ขึ้นมองด้วยใบหน้าเรียบๆ เหมือนคนง่วงๆ แต่กลับส่งมือเย็นๆ มาลูบขาอ่อนแล้วลามมาหยอกล้อเจ้าลูกชายในร่มผ้าขนหนูนั่นอย่างชำนาญงาน ยิ่งทวีความต้องการมากขึ้นๆ ไปอีกจนใกล้จะปลดปล่อย... หากแต่ผมก็กระชับมือมันให้หยุดเสียก่อนจะถึงฝั่งไปก่อน...
“วันก่อนมึงเอาขวดเจลไปไว้ไหนแล้ว” เหมือนมันจะรู้ว่าผมก็เริ่มทนไม่ไหวเหมือนกัน เลยถามหาตัวช่วย
“หือ... ไม่รู้ดิ ตกไปใต้เตียงมั้ง” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“ห่า... มึงลงไปงมหามาเลย” มันด่าแล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาทันที มาจนถึงขนาดนี้แล้วขืนมัวแต่หาก็หมดอารมณ์กันพอดีสิ
“ไม่ต้องใช้หรอกมึง เมื่อวานยังไม่ได้ใช้เลย” ผมปฏิเสธกลับไปง่ายๆ
“ตลอด...อย่างนี้ตลอด กูยอมถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ ...ทำไมไม่สงสารกูบ้างเลย” น้ำเสียงที่ต่อว่าเบาๆ เหมือนคนน้อยอกน้อยใจนั้นทำให้ใจหล่นวูบ ต่อมความรู้สึกผิดที่มันน่าจะพังไปนานแล้วเกิดได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
เออ จริงของมันแหละ ที่ผมมันจะมองข้ามเรื่องเล็กน้อยๆ แบบนี้อยู่เสมอ...
“โทษนะ...ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ครั้งหน้าจะไม่ทำมึงเจ็บแล้ว” ผมบอกมันด้วยเสียงอ่อนๆ เป็นการให้สัญญากลายๆ
“ให้มันจริงเถอะ” มันพูดเบาๆ แล้วก็ถอนใจเฮือก พยายามยันกายขึ้นมานั่งแล้วดึงมือขวาของผมขึ้นมา จากนั้นแลบลิ้นแดงสดออกมาเลียที่ปลายนิ้วกลางให้เบาๆ แล้วค่อยๆ ไล่ลามไปที่โคนนิ้วจนโชกชุ่ม ทั้งดูดดุน ในขณะที่มืออีกข้างเริ่มเคลื่อนย้ายไปจัดการตัวเอง แต่ตัวผมกลับแข็งและเกิดอารมณ์ร่วมอย่างที่สุดจนเผลอคิดไปว่าสิ่งที่มันทั้งเลียทั้งดูดอยู่นั้นไม่ใช่แค่นิ้วแต่เป็นอย่างอื่นไปซะได้....
ในที่สุดร่างตรงหน้าก็ขยับมาเกยตัก แขนขาวๆ ที่ประกอบด้วยกล้ามน้อยๆ วาดมาโอบรอบคอ ซบศีรษะลงมาที่ซอกไหล่
“ทำเหอะ... เดี๋ยวจะเช้าซะก่อน ไม่ได้นอนกันพอดี” มันกระซิบด้วยเสียงอู้อี้อยู่ตรงอกเปลือย ไม่รู้ว่าคิดเองหรือเปล่าว่าเสียงมันสั่นน้อยๆ
ผมสนองตอบความต้องการของมันทันทีโดยไม่ต้องบอกซ้ำ ค่อยๆ ส่งนิ้วชื้นชุ่มน้ำลายแทรกผ่านความคับแน่นในส่วนลับทีละน้อย เจ้าของร่างยังคงซุกซบควานหาอะไรสักอย่างอยู่ที่แผงอกกว้างโดยไม่ส่งเสียงร้องออกมาสักแอะมีเพียงอ้อมแขนที่โอบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ และร่างกายที่บิดเร่าแอ่นเกร็งเท่านั้นที่ยังบ่งบอกว่าอีกฝ่ายยังมีสติอยู่ แต่กลับกักเก็บเสียงครางของตัวเองไว้ได้เงียบเชียบ ผมรั้งไหล่อีกฝ่ายออกจากอกแล้วก้มลงไปหา ส่งลิ้นชื้นไปปลุกปลอบก่อนจะขยับขยายพื้นที่จับจองเพิ่มเติมต่อไปจนคิดว่าน่าจะเพียงพอ
เมื่อตระเตรียมพื้นที่เรียบร้อยก็ค่อยน้ำจรวดลงจอด ...ในลักษณะที่ให้มันหันหลังแล้วกดสะโพกลงมาทับ แต่ไอ้ท่าทีนิ่งๆ เงียบๆ ว่าง่ายมันหายไปตอนนี้ล่ะ
“เฮ่ย!! ไม่เอาท่านี้...” อีกฝ่ายต่อรองแล้วขยับตัวจะหนีซะเฉยๆ แต่พอดีแรงเยอะกว่าเลยได้เปรียบ...
“ทำไมอ่ะ แค่นั่งทับลงมานี่มันจะยากอะไร...” ผมถามอย่างสงสัย
“ขี้เกียจ.....ม” คำสุดท้ายเสียงหายลงไปในลำคอซะเฉยๆ จะรู้เรื่องไหมเนี่ย
“ขี้เกียจอะไรนะ...?”
“ขี้เกียจขย่มเอง...”
โธ่... นึกว่าอะไร..... อยากจะขำให้ฟันร่วง
“น่า... นิดนึงนะ ไม่เหนื่อยหรอกเดี๋ยวช่วย...”
“มะ..ไม่....อะ...” มันพยายามจะเถียงและเบี่ยงกายออก แต่ก็บอกแล้วว่าแรงน้อยกว่า.....
“อื้อ....เจ็บ...” อย่าว่าแต่มันเจ็บคนเดียวผมก็เจ็บเพราะมันฝืดเกินไปแถมไม่มีอะไรช่วย ก็เลยต้องใช้น้ำลายนั่นแหละแก้ขัดไปก่อน
“อย่าดิ้นสิ.... นะ” ผมบอกด้วยเสียงที่เหมือนจะอ้อนนิดๆ กดหน้าท้องมันให้ยอมทำตามใจจนได้
จักรวาลอันแสนคับแคบยังอบอุ่นคงเดิม กว่าจะยึดครองพื้นที่สำเร็จก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะต้องใช้น้ำบ่อน้อยเข้าช่วยอยู่หลายบ่อ แต่เมื่อได้ประสานร่างรวมกันสำเร็จก็เหมือนได้ถูกเติมเต็ม...และรู้สึกอิ่มเอมเกินบรรยาย ว่าแต่ทำไมมันนิ่งสนิทขนาดนี้ล่ะ พอขยับเอวกระตุ้นมันก็ไม่มีการตอบรับเอาซะเลย
“มึง... อย่ากินแรงสิ... ขยับนิด...เหมือนที่เคยทำให้ห้องน้ำไง...” ผมบอกคนที่นั่งตักซึ่งตอนนี้มันเอนหลังลงมาพิงผมเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงพลางหายใจเหนื่อยๆ
“อื๊อ....กูบอกแล้วว่ากูเพลีย กูไม่มีแรงโยกให้มึงอ่ะ แล้วมึงจะบังคับกูทำซากประเทศอะไรเล่า”
“ถ้ามึงไม่ขยับ กูไม่ให้มึงนอนนะ”
“ตามใจมึง กูหลับมันท่านี้แหละ” อ้าวเฮ้ย... ขนาดนั้นเชียว...
เป็นงั้นไป...
ท่านี้ขยับเองไม่ถนัดเอาซะเลย นั่นทำให้ผมต้องผลักร่างมันให้โน้มไปข้างหน้า ให้อยู่ในลักษณะคลานสี่ขา แล้วเริ่มเดินเครื่องต่อ ยังไม่วายจับข้อมืออีกฝ่ายดึงเข้าหาตัวเองเพื่อช่วยอีกแรง จนร่างของมันแอ่นงอ สองกายชุ่มเหงื่อขยับเคลื่อนไหวกระทบกันเร็วขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อโซมและรุ่มร้อนขึ้นทุกขณะ
“อือ...ตุลย์” เสียงครางอย่างหวานเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ คราง ตามจังหวะการขยับกายเข้าออก บ่งบอกว่ามันก็จวนเจียนเต็มทนแล้ว
“ตุลย์....อา.....ตุลย์” ยิ่งมันเอ่ยชื่อผมซ้ำๆ ซากๆ ด้วยระดับเสียงที่สูงขึ้นๆ ยิ่งทำให้ต้องเร่งตัวเองมากขึ้นอีกเพราะกลัวจะไม่ทัน
“ตุลย์....ชะ....อ๊ะ...”
“ฮะ มึงว่าไงนะ....”
“กูมีชื่อนะ.... กูมีชื่อ...” อ๋อ....
“อื้อ....กูรู้...ป...ปอนด์....อา....” ปลายเสียงทอดอ่อนเหมือนคนจะขาดใจ
“อื๊อ...” สิ้นเสียงมันก็เกร็งกระตุกทิ้งร่างลงไปซบที่นอน ช่องทางบีบรัดจนแทนไม่ไหว จนทำให้ผมเดินทางไปสิ้นสุดที่สายธารแห่งความปรารถนาด้วยอีกคน
.
.
.
.
“อื้อ....อย่าดิวะ” นั่นคือคำตอบเมื่อผมพยายามสะกิดร่างที่นอนหอบอยู่เคียงข้างให้ลุกขึ้นมาเล่นกันอีกสักรอบ
“อย่าเพิ่งหลับดิ ..... กูยังไม่ง่วงเลย” ผมว่า พยายามจูบแก้มมันย้ำๆ เป็นการออดอ้อน
“นอนเถอะนะ... มึงหัดรู้จักคำว่าพอบ้างเหอะ”
ก็อยากพอนะ แต่บังเอิญเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อกี้เผลอกินของอันตรายเข้าไปแล้ว
จะให้กูทนต่อไปอย่างไรไหว.....
ก็ขนมปังปอนด์....ที่กินเข้าไป
.
.
.
มันมียาปลุกเซ็กส์!!................................................................................................
จบเหอะ เหนื่อยเหลือเกินกับตอนนี้.....
เขียนไม่ผ่านมาหลายวันจนแอบเครียด...... แถมยังออกมาไม่ค่อยโอเคเท่าไรอีก
ขออภัยหากมีคำผิดหรือความผิดพลาดใดๆ นะคะ
จบตอนนี้ขอลาไปหากะเทยสักพักนะ ทิ้งน้องฐามาครึ่งเดือนแล้ว!!
ปล. เจอกันเมื่อคนอ่านคิดถึง....