ตอนสุดท้ายที่จะง้องอนกันแระครับ -_-"
บทที่ 49
อากาศหนาวเย็น ถึงขั้นหนาวจัด ชนินทร์ที่บางครั้งก็ไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศเท่าไรนักทานทนไม่ไหว ป่วยเป็นไข้หวัดจนได้
ชนินทร์ไม่ต้องการให้ร่างกายอ่อนแอในตอนนี้...ไม่ต่างอะไรไปจากสุขภาพจิต หรือคงมีสาเหตุมาจากแหล่งเดียวกัน...
เช้ามืด ชนินทร์ออกมาหุงข้าวกินเองเนื่องจากเรือนหน้าสวนว่างเปล่าไม่มีคน ปู่ลั่นย่าสายและทัตเทพไปร่วมงานวัดในเมืองและค้างบ้านเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ใหญ่บ้านติดต่อกันสามวันเต็มๆ
ร่างบางไม่ไว้ใจผู้มาอยู่ใหม่เท่าไรนัก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แค่หลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุดเท่านั้น
ชนินทร์สูดจมูก เดี๋ยวก็ไอโขลก มือเล็กเรียวยกขวานจะจามฟืนแต่ทว่าไร้เรี่ยวแรง
“มานี่ ผมทำให้”
มือใหญ่รับขวานไปจามไม้หนักๆหลายต่อหลายชิ้นให้ เพื่อก่อไฟหุงหาอาหาร...เมฆินคอยวนเวียนอยู่ไม่ห่างยามชนินทร์ยืนนิ่งไม่แตะต้องผลงานของเขา
“ฮึ...แม้แต่ตอนนี้ ผมมันก็แค่แข่งกันฝ่าฟืน?...ผมมีค่าแค่ไม้ฟืนเก่าๆผุๆนี่เท่านั้นเอง...”
เมฆินงุนงง ขมวดคิ้ว
“ผมเข้าใจแล้วล่ะ...คุณก็แค่ต้องการเอาชนะผม คุณยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ผมรู้ว่าคุณคู่ควรอย่างงู่นอย่างงี้ คุณไม่ได้ต้องการสิ่งที่ผม...พอจะมีแบ่งให้คุณ”
“มันคืออะไร?” เสียงของเมฆินเบาหวิว
ชนินทร์ยิ้มเย็น แต่เป็นรอยยิ้มที่หดหู่
“ช่างมันเถอะ ผม...ผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีก”
“เดี๋ยว เดี๋ยวซี!”
เมฆินร้องตะโกนเรียก ร่างบางเดินช้าๆหันหลัง
“เดี่ยวก่อนชนินทร์ เมื่อกี้คุณจะบอกอะไรผม ชนินทร์! หยุดก่อน ผมบอกให้หยุดไง!”
ชนินทร์ฉุนกึกกับท้ายเสียงที่แหลมสูงเหมือนออกคำสั่ง ส่งผลให้ร่างโปร่งบางคว้าท่อนฟืนที่ใกล้มือที่สุดเขวี้ยงเข้าใส่จุดที่เมฆินยืนอยู่
ทว่าแสงสว่างที่ไม่เพียงพอทำให้ชนินทร์พลาด บวกกับความมึนจากพิษไข้ โลกรอบกายเริ่มหมุนวืด...ชนินทร์ล้มลงหัวเข่ากระแทกพื้น เกิดเป็นรอยถลอกปื้นแดงๆ
“ชนินทร์!
“โอ๊ย…”
เมฆินถลาลงมาหา มือใหญ่เอื้อมจะแตะแผล
“ไม่ต้อง!”
ร่างบางพยายามลุก เมฆินทำท่าจะช่วยอุ้มเข้าไปส่งในบ้าน
“ไม่ต้องแตะต้องตัวผม ออกไป!”
ชนินทร์เดินกะแผลกๆ
“ชนินทร์ อย่างน้อยให้ผมช่วยคุณทำแผล”
คนเนื้อถลอกมองตาขวาง โกรธจนหูตาลาย
เมฆินช่วยพยุงร่างเล็ก ซึ่งก็ไม่คร้านจะโต้เถียงมากนัก
“คุณตัวอุ่นๆ?”
“…”
“คุณไม่สบายเหรอครับ?”
“ไม่ต้องมาห่วงใยผม” ชนินทร์ก้มหน้าไม่สบตา มือใหญ่รั้งบานประตูไว้
“ขอให้ผมได้ดูแล…”
“ออกไป” เสียงเย็นราบเรียบ ไร้เยื่อใย “ผมอยากป่วยตายไปเสียมากกว่า จะได้ไม่ต้องพบหน้าคุณ จะได้ไปให้ไกลจากคุณจริงๆสักที…”
วันรุ่งขึ้น เมฆินตื่นแต่เช้า เพื่อทำภารกิจบางอย่าง
เขาตื่นมาพบย่าสายในครัวแต่เช้า ทำกับข้าวถวายพระและสำหรับสมาชิกในครอบครัวทุกคน
“ย่าครับ…ผม มีเรื่องจะขอร้อง”
เมฆินขอร้องให้ย่าสายสอนเขาเข้าครัว ตอนแรกที่ย่าได้ยินถึงกับหัวเราะก๊าก แต่ในเมื่อเมฆินยืนยัน ย่าก็ไม่ขัด
“โธ่พ่อคุณ ดูท่าพ่อคงไม่เคยเข้าครัวมาก่อนเลยซินะ ว่าแต่จะทำทำไม? งานครัวน่ะมันงานผู้หญิงนา”
“ไม่หรอกครับ ผมอยากเข้าครัว…เพราะมีใครบางคนบอกว่าผมแข็งกระด้างเกินไป ผมอยากทำให้เขาเข้าใจว่า…ผมแคร์เขามากแค่ไหน”
“อ้ออออ”
ย่าสายลากเสียงยาว ก่อนจะเริ่มสอนการใช้เครื่องมือต่างๆให้ชายหนุ่มคล่องมือ ซึ่งก็ผ่านไปอย่างทุลักทุเล
ผ่านไปหลายวัน เมฆินไม่ค่อยไปปรากฏตัวให้ชนินทร์เห็น…ซึ่งฝ่ายนั้นก็เริ่มใจหาย นึกว่าชายหนุ่มกลับไปแล้วหลังจากหมดความพยายามที่มีมาหลายวัน
พอเมฆินเรียนวิชาต่างๆจากย่าสายมาจนเชี่ยวชำนาญพอสมควรแล้ว เขาก็แอบถามคุณย่าถึงรายการอาหารที่ชนินทร์ชอบ
“เอ่อ ย่าครับ…ไม่ทราบย่าพอจะบอกผมหน่อยได้มั้ยครับ ว่าคุณชนินทร์เขา…ชอบทานอะไรเป็นพิเศษ?”
ผู้เป็นครูขมวดคิ้ว
“เป็นพิเศษเหรอ? ทำไมล่ะ จะทำให้เขาหรือไง?”
“อ้อ…ก็ทำนองนั้นล่ะครับ เอ่อ ผมอยากลองฝีมือไปด้วย…”
เมฆินตอบค้างๆคูๆ…ย่าพอจะรู้ แต่ทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่
เขียนส่วนผสมรายการอาหารที่คิดว่าน่าจะเป็น ‘ของโปรด’ ของชนินทร์แล้ว ก็ยื่นให้เมฆินไปจ่ายตลาดแต่เช้า ไม่สนใจซักไซ้ใดๆต่อ
วันนั้นทั้งวัน เมฆินคอยมีย่าสายเป็นครูช่วยปรุงอาหาร แต่ละอย่างนั้นผ่านการเลือกสรรค์ ล้างทำความสะอาด ปรุงรสด้วยความเอาใจใส่ทุกขั้นตอน…ปู่ลั่นคอยเป็นกำลังใจให้ ส่วนทัตเทพ…หลังจากกลับจากโรงเรียนแล้วก็ไม่เคยให้ใครพบหน้า ไม่ยุ่งสุงสิงกับใครอีกเลย
อาหารทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยทันเวลาเที่ยง เมฆินตั้งใจทำสุดฝีมือ ทั้งเหนื่อยทั้งล้า แต่ก็ภาคภูมิใจเป็นที่สุด
จากอะไรที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะลงมือทำ และไม่ได้ทำด้วยความถนัด…
แต่เพื่อใครบางคนแล้ว เขาก็พร้อม…เพราะเขาทำด้วยใจ
“เอาไปให้เขาชิมซิ แล้วรีบกลับมารายงานปู่กับย่าด้วย”
ย่าสายยิ้มตื่นเต้น ปู่ลั่นเช่นกัน เมฆินยิ้มขอบคุณ
เดินไปตามทาง มือประคองถาดไม่ให้หล่น ทุกก้าวตั้งใจ อยากเห็นรอยยิ้มเวลาคนได้ชิมดีใจ
ชนินทร์รดน้ำผักในแปลงอยู่เช่นเคย หันมาเห็น
“อ้าว ยังไม่กลับไปอีกหรือ? นึกว่าจะทนไม่ได้ซะแล้ว”
ชนินทร์พูดประชดประชันเรียบเย็น เย้ยหยัน…กระนั้นก็ดีใจแทบอยากตะโกนออกมา เพราะเขายังคงไม่หนีหายไปไหน…
“เอ่อ คือเผอิญผมหายไปหลายวัน เพราะมีใครบางคนแถวนี้หาว่าผมไม่มีหัวใจเพื่อคนอื่น…”
“หมายความว่ายังไง?”
“ผม…ทำอาหารที่เป็นของโปรดมาให้คุณครับ คุณลองชิมดู ทั้งหมดผมทำเองหมดเลยจริงๆ”
ชนินทร์ใจเต้นตึกตัก…เดินเข้ามาใกล้
“นี่อะไร?...”
เมฆินรีบกุลีกุจอเปิดสำรับแต่ละอย่างด้วยความหวัง
“นี่นะครับ…คอหมูอบน้ำผึ้ง นี่ผัดกาดขาวผัดน้ำมันหอย แกงจืดตำลึง แล้วนี่ก็…”
ชนินทร์อึ้งไป
“ใครบอกคุณทั้งหมดนี่?”
“เอ่อ…ก็ย่าสายน่ะครับ ท่านช่วยบอกผมเอง”
“เหรอ…” ชนินทร์มองสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวังของเมฆินวูบหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆหยิบกับแต่ละอย่างเทลงพื้นอย่างไม่ใยดี!
“แต่รู้อะไรมั้ย คุณไม่ต้องพยายามหรอก…เพราะผมไม่ใช่คนมีของโปรด ผมกินอะไรก็ได้ อยู่ไหนก็ได้ แต่ที่แน่ๆ…ขออยู่ในที่ๆไม่มีคุณก็พอ!”
เมฆินอึ้ง มองอาหารที่ตั้งใจทำเพื่อชนินทร์ทุกอย่างถูกเทลงพื้นต่อหน้าต่อตา ด้วยตัวชนินทร์เอง!
“ทำไม?...”
“ผมไม่อยากแม้แต่จะแตะต้องของที่คุณทำ ไม่เลยสักนิด! คุณคิดว่าทำแค่นี้แล้วจะพิสูจน์ได้หรือไงว่าคุณรู้จักใส่ใจคนอื่น บอกได้เลยว่ามันไม่พอหรอกนะ!”
“แต่ผม…ผมแคร์คุณจริงๆนะครับ ผมรักคุณต่างหาก รักมากด้วย!”
“เก็บคำพูดคุณไว้เถอะ ทบทวนดู…ว่าคุณเคยทำอะไรกับผม ความรู้สึกที่ดี…แม้เพียงเศษเสี้ยว ที่อย่างน้อยผมเคยมีให้คุณ มันเหือดแห้งไปตั้งนานแล้ว และจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม จำไว้!”
ชนินทร์รู้สึกเหมือนหัวใจร้าวราน…เขาไม่เคยร้ายกาจกับใครเยี่ยงนี้มาก่อน
แต่กับเมฆิน...ผู้ชายหัวใจทมิฬนายนี้ จำต้องตัดใจ…ตัดใจเพื่อการไม่ต้องทรมานที่แสนสาหัส เหมือนที่เขาเคยเผชิญมาอีก!
“คุณแค่อยากเอาชนะผม คุณไม่ได้รักผม…การกระทำของคุณ คุณบอกว่าแคร์ แต่ใจคุณล่ะ…คุณเคยแคร์บ้างมั้ย? คุณเคยคิดบ้างมั้ยว่าผมจะรู้สึกยังไง…โดยเฉพาะเวลาที่คุณหลอกลวงผม บังคับผม ตอกหน้าผมต่อหน้าคนอื่น หรือแม้กระทั่ง…ใช้ผมเป็นเครื่องมือระบายความแค้นยามว่าง ผมมันกลายเป็นของเล่นสำหรับคุณ ผมไม่เคยมีค่าในสายตาคุณ! แต่ตอนนี้คุณเรียกร้อง…ไม่มีวัน ชนินทร์คนเก่าตายไปนานแล้ว ไม่หลงเหลืออะไรให้คุณอีกต่อไป!”
เมฆินยืนนิ่งงัน ในหัวสมองอื้ออึง เส้นประสาททุกเส้นขมวดม้วนตึงขึงไปหมด…
ชายหนุ่มเข้าใจ…สำนึกแล้ว สำนึกเสมอมา ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด มันคือความผิดของเขา
และตอนนี้ เขากำลังชดใช้กรรมอยู่ใช่มั้ย?
เพิ่งจะรู้…ว่ามันเจ็บปวด…เจ็บปวดได้มากมายขนาดนี้!
น้ำตารื้นๆเอ่อคลอหน่วย...เมฆินก้มหน้ามองแต่พื้นไม่กล้าสบสายตา
“ซึมซับความเจ็บปวดไว้ซะคุณเมฆิน รู้ไว้ซะด้วยว่ามันไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่ผมเคยได้รับ...จากคุณเลย”
ร่างบางเดินหนีไม่เหลียวมองเป็นครั้งที่สอง...
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล. เอ....เรื่องนี้จาจบแฮ๊ปปี๊ดีป่าวน๊า