Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี -
CH.1
- pearl -
ทิมแน่ใจหกสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าคนที่คุณเบนซ์แนะนำว่าเป็นหลานนั้นคือใครและเขาเองเคยเจอที่ไหน อีกสี่สิบเปอร์เซนต์กันไว้ก่อนเผื่อหน้าแตกเดาผิด แต่ไอ้สายตาที่เอาแต่มองเขาอยู่ตอนนี้นี่มันก็บอกไม่ถูกว่าหมายความว่ายังไง เราทักทายกันแค่สวัสดีครับแค่นั้น นอกนั้นยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อสักคำปล่อยให้คุณเบนซ์เป็นคนพูดรายละเอียดทั้งหมด
“เดี๋ยวผมต้องไปประชุมต่อแล้วคุณทิมคุยงานต่อกับพอร์ชได้เลยนะครับ”
พอคุณเบนซ์ลุกไปพร้อมเลขาทุกอย่างก็เงียบกริบเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน โอเค..อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่าควรจะเริ่มทำงานได้แล้ว รายละเอียดเกี่ยวกับพวกเครื่องประดับถูกกางเต็มพื้นที่ แต่ไอ้คนที่นั่งมองหน้าเขาอยู่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นว่าจะก้มลงมามองแต่อย่างใด
“หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าครับ”
“ขอโทษด้วยครับ”
“งั้นเริ่มกันเลยนะ คุณพอร์ชเป็นสถาปนิกเหรอครับ”
“ครับ ถ้าจะซื้อรถผมไม่ค่อยรู้เรื่องนะถ้าจะสร้างบ้านก็เรียกผมได้เสมอ คุณทิมอายุมากกว่าผมใช่ไหมครับ”
“ครับ ผมสามสิบแล้วส่วนคุณพอร์ช”
“ยี่สิบเจ็ดครับแล้วอย่างนี้ผมต้องเรียกคุณทิมว่าพี่ไหม”
“ไม่ดีกว่าครับยังไงคุณก็เป็นลูกค้า ผมก็จะเรียกคุณพอร์ชเหมือนกัน”
โอ้โห…ทั้งๆ ที่คำตอบก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแต่พอร์ชรู้สึกว่าโดนแบ่งแยกอย่างชัดเจน อารมณ์แบบมึงอย่าข้ามเส้นมาลูกค้าก็คือลูกค้าเข้าใจนะ …บอกตามตรงพอร์ชไม่ค่อยคุ้นเคยการทำงานแบบนี้สักเท่าไหร่ เขาเป็นสถาปนิกที่สามารถคุยเล่นกับลูกค้าที่เป็นผู้ชายได้เฮฮาปาจิงโกะชนแก้วแดกเหล้าได้หมด
ตอนนี้เหมือนตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานและฝั่งตรงข้ามคือนักธุรกิจที่ต้องเจรจาตกลงเซ็นสัญญาด้วย นี่โดนอาเบนซ์หลอกป่ะวะ ไหนบอกคนทำงานออกแบบเหมือนกันคุยกันง่ายไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรู้สึกอึดอัดจะต่ายห่าอยู่แล้ว
หรือว่า..คุณทิมจะจำเขาได้
พอร์ชรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าคุณทิม นพจินดาแล้วว่าคือคนเดียวกับที่เขาเจอที่ผับ ทำไมเขาจะจำไม่ได้หน้าตาน่ารัก? เออ..ไม่รู้ว่าผู้ชายจะใช้คำนี้ได้หรือเปล่าแต่ก็ไม่น่าจะใช่คำว่าหล่อ จะมีสักกี่คนคนที่เดินผ่ากลางตอนที่เขากำลังอิอ๊ะจิ๊จ๊ะกับขวัญคนที่เพิ่งได้เจอกันที่ผับ ถึงมันจะมืดจนมองเห็นหน้าไม่ชัดแต่ดวงตากลมโตนั่นคือสิ่งที่เขาไม่เคยลืม
ตาสวย..
ถึงจะใส่แจ๋วแต่ก็มีความดื้อเหมือนลูกแมวแต่นั่นแหละ..เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มาเจอกันอีกครั้งแถมในฐานะลูกค้าอีกต่างหาก นึกไม่ถึงด้วยว่าอายุอานามจะสามสิบแล้ว ดูเด็กกว่าเขาตั้งเยอะโกงอายุเปล่าวะผิวนี้ยังกะผิวเด็ก
“ผมว่าหน้าผมต้องมีอะไรติดอยู่แน่ๆ ”
“ผมแค่คิดว่าคุณทิมดูเด็กกว่าอายุจริง”
“อ้อ..นึกว่า”
“ว่า?”
พอเขาถามต่อคุณทิมก็แค่ยิ้มนิดๆ แล้วก้มลงมองไอแพดตรงหน้าต่อ แค่เพียงไม่นานก็ยื่นมาให้เขาดูแบบต่างๆ ท่าทางมืออาชีพมากสมกับเป็น Pure Jewelry แบบเครื่องประดับหลายร้อยแบบที่เขาเห็นมันสวยสมกับคำชมต่างๆ ที่คุณย่าและญาติเขาพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน
“คุณสายรุ้งนี่”
“ป้ารุ้งชอบเวอร์ๆ ครับเอาอะไรที่อลังการไว้ก่อนผมว่าสร้อยหรือไม่ก็ตุ้มหูน่าจะเหมาะกับป้ารุ้งขอใหญ่ๆ ด้วยนะครับแบบเดินมาห้าร้อยเมตรก็ยังเห็น
พอร์ชไม่ได้โกหกและแน่นอนว่าคุณทิมกลั้นยิ้มกับประโยคที่เขาเล่าให้ฟัง มีการพยักหน้าตอบรับก่อนจะก้มหน้าก้มตากับไอแพดตามเดิม นี่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องมาเจอกับคุณทิมอีกสักกี่ครั้งญาติเขาเยอะแยะขนาดนี้ จริงๆ ให้ใครมาคุยแทนเขาก็ได้แต่เพราะเป็นสถาปนิกเลยโดนโยนมาให้รับผิดชอบ
ทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องประดับเลยสักนิด
วันๆ ก็สนใจแต่ตึกรามบ้านช่องอาคารบ้านเรือน
“ชื่อผมนี่อยู่คิวที่เท่าไหร่เหรอครับ”
“ตามลำดับอายุก็ไกลอยู่แต่ถ้าคุณพอร์ชอยากได้ก่อนลัดคิวให้ก็ได้นะ อยากได้เครื่องประดับแบบไหนครับ”
“แหวนแต่งงานครับ”มือที่กำลังจดรายละเอียดหยุดชะงักแล้วเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ไม่แปลกเท่าไหร่อายุยี่สิบเจ็ดแล้วจะแต่งงานตอนนี้ก็ยังได้ รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าหล่อในระดับที่เด็กสมัยนี้เรียกว่าเน็ตไอดอล บ้านก็รวยหน้าที่การงานดีก็คงมีผู้หญิงสวยๆ สักคนจับจองไว้อยู่แล้ว
“มีเจ้าสาวแล้วเหรอครับ”
นั่นประโยคคำถามหรือประโยคกวนตีน..พอร์ชเลยเลือกที่จะเงียบแล้วปล่อยให้คุณทิมทำงานต่อ วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากเท่าไหร่แค่มาสรุปจำนวนญาติทั้งตระกูลแล้วก็รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องประดับคร่าวๆ คุยกันแค่นิดหน่อยก็เสร็จเขาก็มีแบบบ้านที่ต้องแก้อีกคุณทิมเองก็มีนัดต่อเลยขอตัวกลับก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณทิม ”
“ครับ ผมเองก็ยินดีขอบคุณเจริญกิจธาราที่ไว้ใจ Pure Jewelry ”
“คุณย่าผมเป็นแฟนคลับบริษัทคุณทิมครับชอบมาตั้งแต่สมัยสาวๆ แล้วก็ขอโทษด้วยนะครับเรื่องวันนั้น”
“วันนั้น..”
“ที่เกะกะ”อ้อ..คิดไว้ไม่ผิดว่าคือคนๆ เดียวกันทิมที่กำลังจะเปิดประตูรถเลยหันมามองคนที่เดินมาส่ง วันนั้นก็เดาไว้เหมือนกันว่าผู้ชายที่เจอคงจะหน้าตาดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะโลกกลมขนาดนี้แต่ก็นะลูกค้าก็ส่วนลูกค้าเขาเองก็มีสิทธ์ไม่พอใจเรื่องวันนั้นเหมือนกัน
“ที่จริงมันก็เป็นทางสาธารณะผมเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ”
“………………………………………………”
“แต่ก็ไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนั้นนะครับ มันไม่ได้น่าดูเท่าไหร่ทำให้คนอื่นลำบากด้วย”
“………………………………………………”
“คุณพอร์ชเองก็โตแล้วน่าจะรู้นะครับว่าอะไรควรไม่ควร ผมไปก่อนนะครับแล้วเจอกัน”
“………………………………………………”
ท้ายรถสีขาวพ้นสายตาเขาไปนานแล้วแต่พอร์ชยังคงยืนอยู่ที่เดิมมือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเบาๆ เจอกันครั้งแรกที่ผับก็ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ มาเจอกันอีกครั้งทุกคำพูดนี่ก็ฟาดใส่หน้าเขาเต็มๆ
“เจ็บปวดเหลือเกินนี่ท่าจะร้ายไม่เบา”Jewelry Design
“วันนี้กลับบ้านมาหาย่าได้แล้วเหรอตาพอร์ช”
“คิดถึงข้าวฝีมือป้าพรใจจะขาด อยู่คนเดียวพอร์ชกินมาม่าทุกวัน”
“ก็บอกให้กลับมาอยู่บ้านใหญ่ บ้านเราใหญ่โตไปอยู่ทำไมคนเดียว”
“อยากอยู่บ้านที่ตัวเองออกแบบเอง”
“บ้านเราน่ะน่าปวดหัว ซอกแซกไปมาเดี๋ยวบันไดเดี๋ยวห้องนู้นห้องนี่ย่าไปครั้งสองครั้งไม่เคยจะชิน”
พอร์ชล้มตัวนอนลงบนตักย่า หลังจากย้ายออกไปอยู่คนเดียวตั้งหลายปีแล้วแต่ย่าก็ไม่เคยจะเลิกบ่นเรื่องนี้สักที เพราะงานที่เขาทำมันทำให้เขาต้องพบลูกค้าบ่อยๆ และทำงานดึกๆ อยู่ตลอดเวลา พอเปิดบริษัทของตัวเองก็เลยขอย้ายไปอยู่คนเดียวแน่นอนว่าบ้านที่เขาอยู่ตอนนี้เขาเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด และเขาก็คิดไว้แล้วว่ามันจะใช้เป็น
เรือนหอ..ของเขาด้วย “ย่าครับย่ารู้จัก Pure Jewelry มานานหรือยัง”
“นานมากแล้วเขาดังมานานตั้งแต่สมัยคุณกาญจนายังเป็นประธานอยู่ เมื่อก่อนใครจะโชว์เครื่องเพชรเวลาออกงานก็ต้อง Pure Jewelry เท่านั้น”
“แล้วรุ่นปัจจุบันนี่..”
“ก็เก่งเหมือนเดิม ย่าเคยเจอพลอย เพชร แล้วก็หยกตั้งแต่ตัวเล็กๆ ตอนนี้น่าจะโตกันหมดแล้ว”
“แล้วคนสุดท้ายล่ะครับไม่ได้มีหลานสี่คนเหรอ”
“ทิม หลานสุดหวงของคุณกาญจนาเขาเลยล่ะย่าเคยเจอตามงานไม่กี่ครั้ง ตอนเด็กๆ ย่ายังนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม คนนี้น่าจะไม่ชอบออกสื่อออกงานเท่าไหร่ไม่ค่อยเห็นหน้า แล้วเรา..ตาพอร์ชงานที่ย่ามอบหมายเป็นไงเจอวรโชติเมธีคนไหน”
“คนสุดท้ายนี่แหละย่า”
“เป็นยังไงบ้างทิมยังหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่ไหม ตอนเด็กๆ น่ารักน่าชัง”
“ร้ายจะตาย”
“เราว่าอะไรนะตาพอร์ช”
“บอกว่าหิวจะตายอยู่แล้วครับ”
ต้องแกล้งเปลี่ยนเรื่องเดี๋ยวคุณย่าจะสงสัยเอา นอนคุยเล่นกันอยู่สักพักป้าพรก็เรียกมาทานอาหารเย็น หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จพอร์ชก็เดินขึ้นมาบนห้องเขาตั้งใจจะค้างที่นี่อยู่แล้ว ยังไงข้าวของเครื่องใช้ที่นี่ก็ยังมีเผื่อไว้
พอร์ชนั่งลงบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มาเล่น เห็นเพื่อนผู้หญิงโชว์แหวนคู่กับแฟนพร้อมกับแทกชื่อไปยัง Pure Jewelry พอกดเข้าไปดูยอดฟอลก็ถือว่าเยอะเมื่อเทียบเท่ากับบริษัทเครื่องประดับอื่นๆ แค่เพียงไม่นานพอร์ชก็เจอไอจีส่วนตัวของคุณทิม มันไม่ได้ตั้งไพรเวทไว้แต่เซเลปหน้าตาดีขนาดนี้น่าจะไม่ได้มีแค่อันเดียวอยู่แล้ว
“ตอนเด็กๆ หน้าตาจิ้มลิ้มจริงๆ ด้วยว่ะ”
รูปในไอจีไม่ค่อยมีให้เห็นหน้าส่วนมากก็เป็นรูปเครื่องประดับแล้วก็ตัวอะไรขนสีขาวตัวกลมๆ หนูหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจแต่เกือบทั้งไอจีก็มีรูปเจ้าตัวนี้ไปแล้ว 70% มีรูปที่เห็นหน้าตัวเองน้อยมากแต่ลงทีคนก็มาไลค์และเม้นเยอะแยะไปหมด น่าจะฮอตพอตัว มีลงรูปตอนเด็กพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนคนทุกคนแต่งตัวใส่เอี๊ยมแดงเหมือนแฝดสี่ ต่างกันที่คุณทิมบนหัวมีจุกน้ำพุอยู่คนเดียว ตลกว่ะตาโตแก้มกลมบ๊อก
“โดนหลอกด้วยหน้าตากันหมด”
พอร์ชย้อนกลับไปเมื่อสองสามวันก่อนเขาไม่ได้นัดเจอคุณทิมอีกเพราะเจ้าตัวบอกว่าขอเวลาออกแบบสักพัก วันนั้นเขามีนัดลูกค้าที่ร้านอาหารฟิวชั่นเจ้าดังร้านหนึ่ง เห็นตั้งแต่หน้าประตูร้านแล้วว่าใครที่เปิดเข้ามา คุณทิม นพจินดามาพร้อมกับผู้ชายตี๋ๆ และผู้ชายตัวเล็กที่สะพายกีตาร์ คิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเห็นเขาเพราะไม่ได้มองมาทางที่เขานั่งอยู่เลยสักนิด
จนเขาคุยกับลูกค้าเสร็จ จริงๆ ก็คุยเสร็จตั้งนานแล้วแต่คุณแพรนี่ไม่ยอมปล่อยให้เขาไปสักที ก็พอรู้จุดประสงค์แต่สำหรับเขาลูกค้าผู้หญิงก็คือลูกค้าถ้าไม่อยากเกินเลยก็อย่าให้ความหวังหรือเล่นด้วยเพราะยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันอีกยาวไม่อยากมีปัญหา
“ไว้เจอกันนะคะพอร์ช กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลงก็ได้ไม่ใช่เรื่องงานอย่างเดียว”
คุณแพรพูดเองเออเองเสร็จสรรพมีการเข้ามากระซิบเขาใกล้ๆ อีกต่างหากดีที่เขาขยับถอยหนีได้ทันก่อนที่คุณแพรจะโบกมือลาแล้วเดินออกไป นี่ก็ไม่รู้ว่าอะไรให้คนที่หยุดอยู่ข้างหลังคือคนที่เข้ามาเห็นฉากแบบนี้เป็นครั้งที่สอง คุณทิม นพจินดาคนเดิมยืนกอดอกมองเขาอยู่มุมปากที่ยิ้มนิดๆ นี่คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วแน่ๆ
“คุณพอร์ชมาทานข้าวเหรอครับ”
“มาหาลูกค้าครับ”
“วันนี้คุณดูโตขึ้นกว่าเมื่อวันก่อนนะ”
“อ้อ..มาเจอลูกค้าก็เลยต้องแต่งตัวภูมิฐานหน่อยแล้วคุณทิมล่ะครับ มีนัดลูกค้าเหมือนกันเหรอ”
“มาทานข้าวกับเพื่อนครับ”
“เอาตรงๆ ผมไม่รู้ว่าคุณทิมเห็นอะไรไปบ้างแต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดอยู่แน่ๆ ผมไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อเลยสักนิด”
“จริงๆ มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณพอร์ช ผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรคุณอยู่แล้ว”
จ้า..พ่อคุณวันนั้นด่าเขามาเต็มๆเลยนะ “ครับ กลัวว่าจะมองกันผิดๆ บางทีคนเราเห็นอะไรก็ตีความอะไรไปต่างๆ นานาโดยที่ไม่รู้เรื่องจริงเป็นยังไง”
“…………………………………………………..”
ยิ่งพูดไปก็เหมือนยิ่งแก้ตัวพอร์ชเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ไม่รู้ว่าพูดไปขนาดนั้นคุณทิมจะโกรธหรือเปล่าแต่ก็ยังเห็นยิ้มอยู่นะ พอคนตรงหน้าขอตัวไปห้องน้ำและเขาเองก็ต้องกลับไปทำงานต่อเลยร่ำลากันตรงนี้
จังหวะที่กำลังเดินผ่านโต๊ะทิมเหลือบมองไปยังกระปุกเกลือที่วางอยู่ก่อนจะทำเป็นหันหลังแล้วหยิบขึ้นมาเทใส่ลงบนแก้วน้ำเปล่าจากนั้นก็เดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำ ทันทีที่คิดเงินเสร็จพอร์ชยกนาฬิกาขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาต้องไปให้ถึงลาดพร้าวแต่รถน่าจะติดน่าดู มือใหญ่หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะสำลักเต็มแรงจนพนักงานที่เอาบัตรมาคืนตกใจกันใหญ่
ทำไมเค็มขนาดนี้วะ!สายตามองไปยังกระปุกเกลือที่ตอนนี้ว่างเปล่าจนแทบไม่เหลือเกลือสักเม็ด
ก่อนจะนึกไปถึงคนที่เขายืนคุยด้วยเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วจะเป็นใครไปได้อีก
“แสบนักนะ คุณนพจินดาเล่นอะไรเหมือนเด็กอายุสิบสามแล้วเสือกได้ผลอีก”นั่นแหละวีรกรรมที่เขาพบเจอมา
ถึงได้บอกคุณย่าว่าหน้าตาจิ้มลิ้มแบบนั้นแต่ร้ายจะตาย
Jewelry Design
“ไอ้ทิมโมโหอะไรวะกูเห็นมันยิงไม่หยุดเลยตั้งแต่มาที่นี่”
“มันบอกลูกค้าพูดจากวนตีน รำคาญ”
“มีคนกล้ากวนตีนลูกพี่ทับทิมด้วยเหรอนี่ คินไม่เคยนึกมาก่อน”
“เดี๋ยวมึงได้เป็นเป้าแทนแน่ๆ ไอ้คินคุณชายทิมมันยิ่งโมโหอยู่”
วันนี้เป็นอาทิตย์กิจกรรมของแก๊งลูกเพื่อนแม่วนกลับมาอีกครั้งและครั้งนี้เป็นคิวของทับทิม ตอนแรกที่มันบอกจะไปยิงปืนนึกว่าฟังผิด ทุกทีกิจกรรมของไอ้ทิมมีแต่ แดก แดก และแดกกินตั้งแต่เช้ายันเย็นเย็นยันค่ำ วันนี้มาแปลกน่าจะอารมณ์ไม่ดีค้างคามาตั้งแต่หลายวันก่อน มาถึงก็ยิงไม่หยุด ขนาดไอ้เบนที่ชื่นชอบการยิงปืนเป็นชีวิตจิตใจยังขอยอมแพ้
ปัง!
ลูกกระสุนลูกสุดท้ายที่ยิงออกไปถึงจะได้คะแนนไม่ดีนักแต่ทิมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ จังหวะที่หันตัวกลับไปหาแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่นั่งอยู่ก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อคนที่กำลังจะหันหน้ามาทางเดียวกับเขาคือใคร
พอร์ช พชร เจริญกิจธารา“สวัสดีครับคุณทิม ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่”
“ผมต่างหากที่ต้องบอกคุณพอร์ช ผมมาที่นี่ตลอดอยู่แล้วแต่ไม่เคยเจอคุณเลย”
“ผมเป็นสมาชิกอีกที่ครับ พอหมดอายุเพื่อนก็เลยแนะนำให้มาที่นี่ไม่นึกว่าโลกจะกลมขนาดนี้”
“ครับ ขนาดคนที่ไม่(อยาก)เจอยังได้เจอ”
พอร์ชไม่ได้คิดไปเองว่าบางคำคุณทิมตั้งจะให้เขาไม่ได้ยินแต่ก็ช่างเถอะ ไหนๆ ก็ได้มาเจอกันที่นี่ พอร์ชเลยยกมือขึ้นมาให้ทิมโชว์ฝีมือแต่สำหรับทิมรู้ว่ามันคือคำท้า ทิมยื่นมือไปจับมือที่อยู่ตรงตรงหน้าก่อนจะบอกว่ายินดี (รับคำท้า)
โอเค..ฝีมือยิงปืนของนักออกแบบเครื่องประดับไม่ใช่เล่นๆ คะแนนเขาสองคนฉิวเฉียดไปมาจนเจ้าหน้าที่ยังบอกว่าตื่นเต้นมากๆ เพราะไม่ได้เจอใครที่ฝีมือสูสีแบบนี้มานานมากแล้ว แค่เพียงไม่นานเพื่อนของพอร์ชก็เดินมาดูการแข่งเช่นเดียวกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เห็นว่าทิมหายไปนาน
จริงจังโคตรๆ
นึกว่าแข่งโอลิมปิค
พอร์ชเหลือบมองคนข้างๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตายิงไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น ท่าทางจะแพ้ไม่เป็นท่าทางเอาจริงเอาจังสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโตเวลาเพ่งมองเป้า คิ้วที่ขมวดแล้วขมวดอีก มือที่ถือกระบอกปืนไม่มีแม้แต่จะมีอาการสั่นเลยสักนิด กระสุนลูกสุดท้ายของคุณทิมยิงออกไปแล้วและแน่นอนว่าไม่ได้ตรงกลางเป้าแต่ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ
ทันทีที่เจ้าหน้าที่บอกคะแนน พอร์ชก็แค่ยิ้มก่อนจะยกปืนในมือขึ้นมาเล็งไปที่เป้าเขาก็เหลือกระสุนลูกสุดท้ายเหมือนกัน จังหวะสุดท้ายพอร์ชหันมามองคนที่ถือใบคะแนนก่อนจะหันไปโชว์ให้เพื่อนทั้งสามคนดู ท่าทางดีใจและรอยยิ้มที่เขาเองไม่เคยได้เห็นมาก่อนไม่ว่าเราจะเจอกันสักกี่ครั้งก็ตาม ดวงตากลมโตยิบหยีลงเพราะความดีใจ มันระยิบระยับเหมือนเด็กได้ของเล่นไม่มีผิด เพียงเสี้ยววินาทีพอร์ชตัดสินใจวางปืนในมือลง
“กระสุนน่าจะด้านยิงไม่ออกแล้วครับ”
ทุกคนทำหน้า งงๆ แต่เมื่อเจ้าตัวบอกแบบนั้นกรรมการเลยตัดสินให้ทิมเป็นฝ่ายชนะ แน่นอนว่าเจ้าตัวดีใจถึงขนาดกระโดดกอดเพื่อนที่อยู่ข้างๆ พออยู่กับเพื่อนก็ยิ่งเด็กลงไปอีก พอเสร็จสิ้นการแข่งขันทิมเดินมาพร้อมกับแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วแนะนำให้รู้จักกัน
“คุณชนะแล้วเรามีข้อตกลงกันหรือเปล่า คุณทิมอยากให้ทำอะไรบอกผมได้นะ”
“คิดไม่ออก เอาไว้ค่อยคิดแล้วกันครับเราคงได้เจอกันอีกนาน”
“ครับ เราเจอกันบ่อยแน่ๆ”
ทิมโบกมือลาเพราะเขาเองก็ยิงปืนจนเหนื่อยไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครเท่าไหร่ พอร์ชตั้งใจจะเดินตามไปแต่อยู่ดีๆ กระบอกปืนสองกระบอกที่กั้นเขาไว้ทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ข้างซ้ายคือคุณเบนจามิน ข้างขวาคือคุณภาคินที่เพิ่งแนะนำตัวไปเมื่อกี้ ทั้งสองคนชมว่าเขาฝีมือยิงปืนเก่งกาจไม่ได้เจอคนแบบนี้มานานแล้ว ในขณะที่พูดนี่ก็ไม่ได้เอาปืนลงจากอกเขาเลยสักนิดกลัวว่าจะลั่นออกมาพร้อมกันจริงๆ พอมองไปข้างหน้าก็เจอคุณรามิลที่ยืนกอดอกอยู่ พอคุณรามิลพยักหน้าทั้งคุณเบนและคุณคินก็เอ่ยขอตัวไปทานข้าวและผละออกไปพร้อมกระบอกปืน
“นั่นเหรอ ทิม นพจินดาแห่งวงการจิวเวลรี่เพิ่งเคยเห็นใกล้ๆ”
“รู้จักด้วยเหรอวะ”
“ดังในหมู่วงการเครื่องประดับพี่สาวกูชอบมากถึงขนาดจะจองตัวเขาไว้ให้ออกแบบแหวนแต่งงานถึงแม้มันยังไม่มีแม้แต่คนมาสู่ขอ”
“ไอ้กันต์เพื่อนกูเคยจีบ ไม่ซิเคยเต๊าะเล่นๆ บอกเจอที่ร้านอาหารแล้วชอบ หน้าตาน่ารักฉิบหายมันเพ้ออยู่สองสามวัน มันก็ไม่คิดว่าจะเขาจะอายุสามสิบ”
“แล้ว?”
“ไม่รอดเลยครับ ตายตั้งแต่โดนคุณนพจินดาเมินมันอย่างไร้ตัวตน มันบอกเหมือนคุยกับตุ๊กตาบลายธ์ ไม่หือ ไม่อือ ไม่สน ไม่มอง เข้าถึงยากโคตรๆ และอย่าหวังว่าจะผ่านด่านแก๊งลูกเพื่อนแม่ไปได้ง่ายๆ”
“แก๊งอะไรนะ”
“ก็คนที่เอากระบอกปืนจะยิงใส่มึงเมื่อกี้ไงวะไอ้พอร์ช ชื่อแก๊งเขาบอกไว้ก่อนเวลาเขาอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่อย่าได้เข้าใกล้คุณนพจินดาเกินสองเมตรไม่งั้นจะเจอแบบเมื่อกี้ และถ้ามึงจะจีบคุณนพจินดาด่านแรกที่ต้องเจอคือคุณภาคินด่านที่สองคือคุณเบนจามิน ด่านสุดท้ายคือหัวหน้าคุณรามิล”
“มีใครเคยผ่านถึงด่านไหนบ้างวะ”
“ไม่มี..ตายอยู่ที่คุณภาคินตลอด”
“โหดสัดนี่กูอยู่ในหนังมาเฟียหรือไง”
“เอ๊า! เขาก็หวงของเขามึงมองหน้าคุณนพจินดาด้วยวันๆ หนึ่งจะมีคนมาจีบเขากี่คนเป็นเพื่อนกูนี่กูจับใส่หน้ากากเลย หน้าตากรุ๊งกริ๊งๆ ”
“ศัพท์อะไรของมึงแต่เวอร์กันจังเลยวะต้องหวงขนาดนั้นเลย”
“ขนาดนั้นแหละมึงไม่คิดว่าเขาน่ารักเหรอ กูเป็นผู้ชายยังมองว่าเขาน่ารักเลยแล้วพอร์ชมึงเนี่ยฝีมือตกเหรอวะ คนที่ยิงปืนฝีมือระดับนักกีฬาทีมชาติอย่างมึงไม่น่าแพ้ได้”
พอร์ชยิ้มนิดๆ ก่อนจะยกปืนกระบอกเดิมในมือขึ้นมาแล้วเล็งไปที่เป้า
“ มึงไม่คิดว่าเขาน่ารักเหรอ กูเป็นผู้ชายยังมองว่าเขาน่ารักเลย”อยู่ดีๆ ภาพรอยยิ้มของคุณทิม
กับดวงตากลมโตยิบหยีลงก็แวบขึ้นมา
กระสุนลูกสุดท้ายที่ยิงออกไปแน่นอนว่ามันอยู่ตรงกลางเป้าไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย พอร์ชขยับไหล่ไปมาแล้ววางกระบอกปืนลง เพื่อนที่มองตาค้างเพราะเจ้าตัวบอกเองว่ากระสุนด้าน
“บางทีก็ต้องแกล้งแพ้บ้างป่ะวะชนะตลอดจะไปสนุกอะไร”TO BE CON
นี่นิยายลูกหลานมาเฟียหรือเปล่า 55555
#อัญมณีที่รัก #ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo