ตอนพิเศษ 1
“ชู่/ชู่”ใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองคนที่เกาะเกี่ยวกิ่งไม้ไว้แน่นอาศัยความหนาของใบไม้บดบังกายตน
“คุณชายขอรับ คุณชายขอรับ” เสียงพี่เลี้ยงทั้งสองคนเรียกหาสองคุณชายน้อยฝาแฝดที่เพียงละสายตาเพียงครู่ก็หนีไปซ่อนเสียแล้วเพราะเป็นห่วงเจ้านายตัวน้อยทั้งสองจึงได้เกณฑ์บ่าวมาช่วยหาอีกแรง
“คิก ๆ หาไม่เจอหรอก”
“อี้หลิงเจ้าพูดเบาๆ” เมื่อแฝดพี่กระซิบบอกแฝดน้องก็ปิดปากเงียบพร้อมกับพยักหน้า สายตากลมสี่คู่นั้นพราวระยับด้วยความสนุกสนานที่สามารถแกล้งพี่เลี้ยงตนได้ ตอนนี้ภายในสนามเต็มไปด้วยบ่าวที่ร้องเรียกหาพวกเขาทั้งสองคน เรียกได้ว่าบ่าวทั้งจวนถูกตามมาค้นหาคุณชายทั้งสอง ด้วยความร้อนใจของพี่เลี้ยง จนกระทั่งพระชายาที่ทิ้งงานที่ครัวออกมาดูความวุ่นวายที่หน้าเรือนพักเมื่อได้ฟังพี่เลี้ยงรายงานก็ต้องถอนหายใจ สองแสบนี่เล่นซนอีกแล้ว อวี้หลิงโบกมือให้บ่าวไปทำหน้าที่ของตนเหลือเพียงอวี้หลิงและพี่เลี้ยงในสวน อวี้หลิงกวาดสายตามองรอบๆ
“สนุกมากหรือไม่เสี่ยวชิง เสี่ยวหลิง” สองร่างตุ้ยนุ้ยสะดุ้งเสียจนใบไม้ไหว
“ท่านแม่/ท่านแม่”
“ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมถึงซนแบบนี้” เมื่อได้ยินดังนั้นสองแสบก็รีบปีนลงจากต้นไม้ทันทีพี่เลี้ยงสองคนรีบถลาไปรับคุณชายที่อาจหาญปีนต้นไม้แม้จะไม่สูงมากแต่ก็ทำให้ใจบ่าวทั้งสองหล่นไปที่ตาตุ่ม เมื่อลงจากต้นไม้ได้ทั้งอี้ชิงและอี้หลิงรีบปัดเสื้อผ้าแล้วไปยืนสงบเสงี่ยม โดยไม่รู้เลยว่าบนตัวนั้นเต็มไปด้วยเศษไม้ใบไม้เต็มไปหมด
“ทำไมพวกเจ้าถึงซนกันนักหากปีนขึ้นแล้วตกลงมาเจ็บตัวจะทำเยี่ยงไร”
“ลูกขอโทษขอรับ/ลูกขอโทษขอรับ” อวี้หลิงมองดูบุตรชายทั้งสอง
“แม่จะให้เจ้างดขนมสามมื้อและอาหารฝีมือแม่อีกสามมื้อ”
“ไม่นะขอรับ/ไม่นะขอรับ” เพราะรสมือมารดานั้นไม่มีผู้ใดเทียบเคียงโดนงดขนมแล้วยังต้องโดนงดอาหารฝีมือท่านแม่อีก อี้ชิง อี้หลิงจะไม่ทน
“ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ใกล้ได้เวลาไปเรียนกับท่านตาแล้วไปเตรียมตัวเถิด” สองแสบนี้ท่านพ่อขอเป็นผู้สั่งสอนวิชาการให้เองส่วนพี่ใหญ่นอกจากการดูแลโม่อิงแล้วก็อยากจะเอาเสี่ยวชิงและเสี่ยวหลิงไปฝึกยุทธ์ด้วย โดยเฉพาะเสี่ยวหลิงนั้นจะฝึกให้หนักๆเลย นอกจะหวงน้องแล้วยังจะหวงหลานช่วยบิดาของเสี่ยวหลิงอีก ผมชักจะสงสารว่าที่ลูกเขยในอนาคตแล้วล่ะครับว่าจะผ่านด่านทั้งสองคนมาได้ไหม ดังนั้นนอกจากการเรียนกับท่านตาในช่วงสายแล้วช่วงบ่ายก็จะเรียนวิชายุทธ์จากพี่ใหญ่หากแต่ก็เรียนอย่างละ 1 ชั่วยามเท่านั้น ( 2 ชั่วโมง) หลังจากนั้นสองแสบสามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเด็กทั่วไป ตอนนี้สองแสบ 4 ขวบจะ 5 ขวบแล้วครับ ซึ่งก็ทั้งซนทั้งแสบ
“ท่านแม่ ข้าอยู่ทำครัวกับท่านแม่ได้หรือไม่” เสี่ยวหลิงเดินมากอดขาเงยหน้ามองอย่างออกอ้อนเล่นเอาผมต้องท่องสะกดจิตตัวเองให้แข็งใจไว้ เพราะถ้าหากผมยังตามใจแล้วล่ะก็คงไม่มีใครห้ามปรามสองแสบนี้ได้อีกแล้ว
“ไว้เสี่ยวหลิงกลับมาจากเรียนก่อนนะ แม่จะสอนทำขนม” แม้จะไม่เต็มใจแต่แฝดน้องก็ยอมพยักหน้าตัดใจไปเรียนกับท่านตาที่จวนไป๋
“พี่ชิง ข้าไม่อยากไปเรียน” เมื่อนั่งรถม้ายังไม่ทันพ้นกำแพงจวนน้องชายก็บ่นขึ้นเสียแล้ว
“เสี่ยวหลิงไว้พี่จะพาเจ้าไปเที่ยวตลาด”
“จริงนะขอรับ”
“ชู่ เจ้าเบาเสียงหน่อย พี่จะพาเจ้าแอบออกไป” สองพี่น้องกระซิบกระซาบวางแผนกันอย่างสนุกสนาน เมื่อถึงจวนไป๋ก็รีบวิ่งไปร่ำเรียนกับท่านตา
“พวกเจ้าสองคนฉลาดยิ่งตาภูมิใจกับพวกเจ้านัก จะอยู่เป็นเพื่อนกับตาหรือกลับจวน”
“กลับจวนขอรับ” เป็นแฝดพี่ที่ตอบเนื่องจากแฝดน้องนั้นขนมยังเต็มแก้มสองข้าง
“งั้นอย่าไปดื้อไปซนที่ไหนล่ะ”
“หลานกลับแล้วนะขอรับท่านตา” อี้ชิงประสานมือคำนับท่านตาพร้อมน้องชายแล้วเดินออกจากห้องหนังสือโดยมีพี่เลี้ยงติดตามระหว่างทางเดินนั้นจู่ๆ แฝดน้องก็ยกมือขึ้นกุมท้อง
“โอ๊ย”
“คุณชายน้อยเป็นอะไรขอรับ”
“ปวดท้องพี่ๆรอที่นะ ข้าจะไปทำธุระ”เมื่อบอกเสร็จก็หมุนกายวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักแฝดพี่ก็บอกว่าจะไปตามดูน้องชาย ทิ้งให้พี่เลี้ยงยืนรอที่หน้าประตูจวน
“พี่ชิงเราจะหนีไปเยี่ยงไร” เจ้าของแก้มยุ้ยถามพี่ชายที่ยืนแอบอยู่ข้าง ๆ กัน
“มาเถอะพี่จะพาเจ้าไป” อี้ชิงจูงมือน้องชาเดินลัดเลาะไปที่หลังครัวเจอเดินเลียบกำแพงจวนก่อนที่จะเจอรูที่กำแพง
รูหมาลอดนั่นเอง
“นี่เราต้องมุดรูนี่ไปจริงๆหรือขอรับ”
“น่าเราจะทำการใหญ่เราต้องไม่เลือกวิธีการ” อี้หลิงอยากจะเถียงพี่ชายนักว่าการหนีเที่ยวนี่เป็นการใหญ่ด้วยหรือ แต่กำลังที่จะเอ่ยพี่ชายก็มุดออกไปเสียแล้ว
“เสี่ยวหลิงเร็ว ๆ”
“เฮ้อ ขอรับ ๆ” เสี่ยวหลิงรีบมุดออกไปนอกจวนทันที เมื่อลุกขึ้นยืนพี่ชิงก็เข้ามาปัดฝุ่นออกให้ สองพี่น้องจูงมือค่อยๆแอบจนกระทั่งถึงตลาด
เด็กน้อยฝาแฝดสวมอาภรณ์ชั้นดีบรรดาแม่ค้าพ่อค้าในตลาดก็รู้ทันทีว่าเป็นบุตรผู้ใด เมื่อมองด้านหลังก็เห็นว่ามิมีผู้ติดตามก็ได้แต่สายหน้าคงจะแอบหนีออกจากจวนมรเที่ยวเล่นอีกแล้วล่ะสิ
“นี่ ๆ เจ้าว่าคราวนี้คุณชายทั้งสองจะได้เที่ยวนานเท่าใด” เจ้าของแผงผักถามแผงผลไม้
“ข้าให้เลยไม่เกิน 2 เค่อ”
“คุณชายน้อยก็ซนเสียจริง” แม้พ่อค้าจะพูดแบบนั้นแต่สายตาก็เอื้อเอ็นดูประหนึ่งบุตรหลานตน
“ท่านลุง ๆ ข้าเอาถังหูลู่สองไม้”
“ขอรับคุณชายน้อย” อิ้ชิงหยิบเงินในถุงส่งให้กับพ่อค้ารับถังหูลู่ส่งให้น้องชายแล้วจูงมือกันเที่ยวเล่น บ่อยครั้งที่สองพี่น้องแห่งจวนอ๋องแอบหนีมาเที่ยวตลาดจนเป็นภาพที่คุ้นตาของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดภายหลังถึงขั้นเดิมพันว่าสองพี่น้องนั้นจะหนีออกมาได้นานเท่าใดกัน
ตุ๊บ
“โอ๊ย”
“เสี่ยวหลิง!!” อี้ชิงร้องเรียกน้องชายอย่างตกใจเมื่อน้องชายที่กำลังวิ่งไปร้านขนมเจ้าประจำถูกชนล้ม
“อึก.........ฮือออออออออ....พี่ชิง..ข้าเจ็บ” อี้ชิงมองมือนุ่มของน้องชายที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด
“พี่จะพาเจ้ากลับจวน อย่าร้องสิ”
“ข้าขอโทษด้วย เป็นอะไรมากหรือไม่”บุคคลที่ถูกชนหากแต่ไม่ล้มเข้ามาถามไถ่อย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเจ้าซาลาเปาน้อยร้องไห้เสียจนหน้าแดงตาซ้ำ
“อือ..จะกลับหลิงจะกลับหาท่านแม่”
“ได้ๆ พี่จะพาเจ้ากลับ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ด้วยตัวที่ไม่ต่างกันเท่าใดนักจะให้น้องขี่หลังก็ไม่ไหว เด็กที่โตกว่านั้นนั่งลงข้างๆ ล้วงหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันที่มือเล็ก
“เด็กน้อยอย่าร้องพี่จะพาเจ้ากลับ” เด็กโตกว่าเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยนหันไปบอกพี่ชายของเด็กซาลาเปานี่ให้พยุงขึ้นหลัง
พรึบ
“คุณชายเกิดอะไรขึ้นขอรับ” จือที่พึ่งตามหาเจ้านายน้อยทั้งสองคนเจอก็ต้องเหงื่อตกเมื่อเห็นว่าคุณชายน้อยนั้นบาทเจ็บ
“พี่จือ เสี่ยวหลิงบาดเจ็บ”อี้ชิงรีบบอกแก่องครักษ์ตน จือคิดจะเข้าไปอุ้มคุณชายน้อยก็ต้องชะงักเมื่อผู้ที่แบกคุณชายน้อยอยู่ตวัดสายตามองช่างเป็นเด็กที่แปลกเสียจริง
“นำทางไป” ผู้ที่แบกคุณชายน้อยบอกจือจึงทำได้เพียงเดินนำเด็กผู้นี้ไปยังรถม้า โดยมีคุณชายใหญ่คอยปลอบน้องชายอยู่ข้างๆ เมื่อถึงรถม้าคุณชายน้อยที่ร้องไห้จนเพลียหลับอยู่หลังคุณชายผู้นี้ก็มิยอมปล่อยมือ
“ข้าจะไปส่ง” ได้ยินเช่นนี้ทั้งสามจึงขึ้นรถม้าเพื่อกลับจวนส่วนจือนั้นก็พุ่งกลับจวนเพื่อที่จะแจ้งข่าวแก่นายตน เมื่อถึงจวนก็มีพ่อบ้านและฉู่กงกงคอยท่าอยู่หน้าประตูจวน อี้ชิงก้าวลงมาพร้อมกับพี่ชายตัวโตที่แบกน้องชายเดินนำเข้าจวน
“เสี่ยวชิง เสี่ยวหลิง” อวี้หลิงเมื่อเห็นร่างบุตรชายก็รีบวิ่งออกมาดูทันที และใจก็ตกไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเห็นบุตรชายคนเล็กนั้นหลับอยู่บนหลังเด็กน้อยผู้หนึ่ง
“พี่จะอุ้มลูกเอง” เว่ยชินที่รีบตามมาเดินเข้าไปอุ้มบุตรชายพาไปยังเรือนของตนที่มีท่านหมอรออยู่แล้วตามด้วยเสี่ยวชิงที่วิ่งตามบิดาไป ทิ้งเด็กชายผู้แบกก้อนซาลาเปามาตลอดทางยืนยิ่งอยู่กลางห้องโถง
“ขอบคุณมากที่มาส่งบุตรชายของน้า เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“เซียวหยุนขอรับ” แม้จะไม่คุ้นกับแซ่นี้แต่อวี้หลิงก็ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อสังเกตเด็กน้อยผู้นี้แล้วก็ต้องแปลกใจอายุอานามคงจะไม่เกิน 10 หนาวหากแต่กิริยาท่าทางนั้นเกินวัยยิ่ง “ไปดูน้องกับน้าไหม” อวี้หลิงเอ่ยถามเมื่อเห็นเซียวหยุนมองทิศทางที่เสี่ยวหลิงถูกอุ้มไป
“ขอรับ” อวี้หลิงเดินพาเซียวหยุนไปจนถึงเรือนนอน ภายในห้องตอนนี้เหลือเพียงเว่ยชินและเสี่ยวชิง
“ลูกเป็นเยี่ยงไรท่านพี่”
“แผลไม่ได้เจ็บมากตอนนี้ยังหลับอยู่” อวี้หลิงเดินไปนั่งลงข้างๆลูบแก้มนิ่มของบุตรชายคนเล็ก มือเล็กถูกพันผ้าใหม่ เซียวหยุนมองสำรวจว่าเด็กน้อยมิเป็นอันใดแล้วก็เตรียมที่จะเอ่ยลา
“ท่านน้าขอรับ ข้าขอตัวขอรับ”
“ขอบคุณเจ้ามากเซียวหยุน”
“มิเป็นไรขอรับ ข้าลาก่อน” เซียวหยุนคำนับอย่างสง่างาม ผมยิ้มรับส่วนพี่เว่ยนั้นเพียงพยักหน้าให้ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าที่ทำหน้าเคร่งขรึมขนาดนี้เพราะหวงบุตรชาย อยากจะบอกกับร่างสูงเสียเหลือเกินว่า บุตรชายท่านอายุเพียง 4 หนาวเท่านั้น เอาเถิดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบิดาคอยหวงไป ส่วนผมได้เวลาที่จะต้องจัดการกับแฝดคนพี่แล้ว
“อี้ชิงคุกเข่าเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ” น้อยครั้งที่ผมจะสั่งให้ทั้งสองคนคุกเข่า ปกติจะแสบจะซนแค่ไหนก็จะมีเพียงงดขนมและอาหารฝีมือตนแต่คราวนี้สองแสบเล่นซนกันเกินไปแล้วแถมยังเจ็บตัวกลับมาอีก
“รู้หรือไม่ ต่อให้พวกเจ้าซนแค่ไหนแม่ก็มิเคยตีเจ้า แต่คราวนี้น้องเจ้าเจ็บตัวกลับมา เจ้าแอบหนีจากจวนท่านตารู้รึไม่ท่านตาเป็นห่วงเจ้ามาแค่ไหน” ปกติแล้วทั้งสองคนจะชอบแอบหนีตอนที่กำลังจะขึ้นรถม้าซึ่งพี่เลี้ยงจะรู้ดีแต่คราวนี้ถึงขั้นมุดรูหมาลอดข้างกำแพงจวนนี่ถือว่าเกินไปแล้ว
“ลูกรู้ขอรับ”
“แม่จะลงโทษเจ้าทั้งสองคน ห้ามออกจากจวน 7 วัน ขนมและอาหารที่แม่ทำและคัดลายมือ” มองเสี่ยวชิงที่ได้ยินบทลงโทษก็ยิ่งทำ หน้าหงอย หากมีหูมีหางคงตกลู่ไปหมดแล้ว
“ขอรับท่านแม่”
“พักผ่อนกับน้องเสียเถอะ” เมื่อเห็นว่าผมอ่อนลงเสี่ยวชิงก็ขยับเข้ามากอดขาเอียงแก้มซบลงกับตัก
“ข้าขอโทษท่านแม่ขอรับ ท่านพ่อด้วย” พี่เว่ยส่ายหน้าให้กับอาการสำนึกผิดของบุตรชาย เชื่อเถิดพี่เว่ยนั้นไม่เคยโกรธทั้งสองคนได้นานสักที
“ซนได้แต่อย่าทำให้ใครเดือดร้อนและเจ็บตัวเจ้าเข้าใจแม่ใช่หรือไม่”
“ข้าเข้าใจขอรับ”
“แม่จะไปช่วยงานพ่อเจ้าแล้วพักกับน้องเถอะ” อี้ชิงรับคำปีนขึ้นเตียงเอนกายนอนข้างๆน้องชายอย่างระมัดระวัง พี่เว่ยลุกขึ้นมาจูงมือผมออกจากห้องเพื่อไปยังห้องหนังสือ
“เจ้าคิ้วผูกกันหมดแล้ว”
“พี่เว่ย..สองแสบซนจริงๆ” พี่เว่ยไม่พูดอะไรเพียงหัวเราะเบาๆ เมื่อถึงห้องหนังสือพี่เว่ยและผมต่างแยกย้ายกันนั่งทำงาน หากแต่นั่งได้ไม่นานผมก็รู้สึกถึงสายตาของพี่เว่ยที่มองมาผมเลยเงยหน้าจากการแปลเอกสารของชาวโฝหลางจี
“ท่านพี่มีอะไรรึ”
“พี่อยากได้บุตรสาว”
แกร๊ก
พู่กันในมือร่วงหล่นเมื่อบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีพูดออกมาหน้าตาย เมื่อคิดถึงวิธีที่จะได้ลูกสาวมานั้นจริงอยู่ที่ผมกับพี่เว่ยจะมีลูกด้วยกันแล้วแต่ช่วงระยะเวลาสี่ปีนั้นผมทานยาระงับไว้เพราะอยากจะเลี้ยงดูลูกชายทั้งคนแม้ช่วงเวลากลางคืนบางครั้งพี่เว่ยก็จะเคี่ยวกรำผมเสียจนอีกวันต้องนอนพักทั้งวัน
“งือ พี่เว่ยท่านพูดอะไรกัน” ผมยกมือขึ้นปิดหน้าเพราะความเขินอายแม้จะลูกสองแล้วก็ตามเถอะ
“พี่คิดจะปรึกษาเจ้าหลายวันแล้ว”
“งือออ พี่เว่ยคนบ้า” รอยยิ้มที่มีดาเมจทำลายสติผมทุกครั้งตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วครับ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะพอแล้วไม่คุยเรื่องนี้กันแล้ว
“หึ พี่ขอเถอะนะ”
“เรื่องนี้ข้าเลือกให้ท่านพี่ได้หรืออย่างไร”
“เช่นนั้นก็จนกว่าจะได้บุตรสาว” จากที่ฟุบหน้าผมนี่รีบเงยหน้าขึ้นทันที
“ท่านเห็นข้าเป็นแม่หมูหรืออย่างไร” เมื่อเห็นว่าผมโมโหพี่เว่ยก็ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ รั้งให้ผมเอนตัวไปซบไหล่กว้างที่ยังคงอบอุ่นเหมือนวันวาน ผมเอนกายพิงอย่างสบายโดยมีมือพี่เว่ยคอยลูบหัว เกลียดจริง ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่พี่เว่ยยิ่งรู้วิธีที่จะจัดการเวลาผมโมโหหรืองอนได้ดีจริงๆ
“ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น เจ้าไม่คิดเหรอว่าหากมีบุตรสาวจะดีเพียงใด”
“ขนาดเสี่ยวหลิงท่านพี่ยังหวง ข้าไม่อยากคิดว่าหากมีบุตรสาวแล้วจะขนาดไหน” แค่เสี่ยวหลิงพี่เว่ยก็แทบจะไว้หนวดเกณฑ์องครักษ์เงามาเฝ้าแล้ว หากมีลูกสาวคงไม่ได้ก้าวออกนอกจวนแน่ๆ
“โถ่ พี่มิได้หวงถึงเพียงนั้น” ได้แต่ส่ายหน้ากับการไม่รับความจริง หากแต่เมื่อคิดว่าหากมีน้องสาวสองแสบคงไม่พ้นที่จะเป็นเหมือนบิดา อ่า คิดถึงบรรดาญาติๆแล้วลูกสาวในอนาคตคงไม่มีทางได้ออกเรือนเป็นแน่
“งั้นก็รอเถิด หากเป็นบุตรสาวแล้วท่านหวงข้าจะเป็นผู้หาบุตรเขยให้ลูกเอง” เมื่อผมพูดจบพี่เว่ยก็ออกอาการทันที คงจะคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“เจ้ายอมแล้วใช่หรือไม่”
“อือ หากท่านพี่ต้องข้าคงไม่ห้าม” เพราะสองแสบก็โตพอแล้ว อีกอย่างการมีเด็กเล็กๆในจวนก็คงดี
“เช่นนั้นก็กลับเรือนเถิด”พูดจบพี่เว่ยก็อุ้มผมขึ้นทันทีจนผมต้องร้องลั่นด้วยความตกใจรีบยกแขนกอดคอคนตัวสูงไว้แน่น
“เหวอ ดะ....เดี๋ยวสิท่านพี่”
“ไปเถอะ........พี่อยากได้ลูกสาวแล้ว” พี่เว่ยอุ้มผมเดินกลับเรือนอย่างรวดเร็วไม่ฟังแม้กระทั่งเสียงคัดค้าน เมื่อถึงเรือนพี่เว่ยก็สั่งฉู่กงกงว่าห้ามใครรบกวน เมื่อปิดประตูแน่นหนาพี่เว่ยก็ลงมือรังแกผมทันทีไม่น่าเลย ไม่น่าอนุญาตเลย
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย
******************************
คิดถึงกันไหม 555 เรากำลังปั่นตอนพิเศษอยู่
ข่าวดีคือ..........เราได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ลาเวนเดอร์จ้าาาาาา
เป็นก้าวเล็กๆของเราจะมีทั้งหนังสือและอีบุ๊คนะคะ ยังไงก็ฝากสนับสนุนด้วยนะคะ //โค้ง
สปอยตอนพิเศษในเล่ม
1 ตอนพิเศษพี่ใหญ่และโม่อิง
3.ฮันนีมูลฉบับอวี้หลิง
4.งานรวมญาติครั้งยิ่งใหญ่
5.หากเป็นหนึ่งไม่ได้มายังโลกนี้
ฝากติดตามด้วยนะคะ
ตอนพิเศษที่เหลือเจอกันได้ในเล่มและอีบุ๊คนะคะ
ฝากสนับสนุนด้วยนะคะ