ตอนที่ 7 เพื่อนรัก
ผมนอนกอดไอ้ตัวป่วนที่นอนหลับอย่างเพลีย ๆ อยู่ในอ้อมแขน รู้สึกดีใจเหลือเกินที่มันเองก็เปิดใจรับผม
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่แอบมีใจให้มันอย่างนี้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรกันแล้ว
บอกได้เลยถ้าคำตอบของมันคือ...ไม่ ผมคงแทบทนไม่ไหว
ในตอนนั้นแค่เข้าใจผิดก้อเสียใจแทบแย่...ถ้าทำได้ก็แทบอยากจะหายไปซะ
แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนอยู่ดี....แค่นี้ก็ดีแล้ว การได้อยู่ใกล้
ได้สัมผัสคนที่เรารักมันดีแค่ไหน แค่ได้มองเห็นกันและกัน ได้อยู่ด้วยกัน
แค่มันยอมรับผมก็ดีเกินพอ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาชอบผู้ชายด้วยกัน
โดยเฉพาะกับมัน เราเป็นเพื่อนกันมานาน
จนผมมองข้ามความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ของตัวเอง บางครั้งก้อเคยคิดสงสัย
ว่าเวลาไม่มีมันอยู่ทำไมถึงหงอยเหงาทำไมถึงได้คอยมองหามันอยู่อย่างนั้น
ทุกครั้งที่มันเอาแต่ใจ ผมก็ยอมมันทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่กับไอ้เป้ ไอ้ปิงปอง
ผมไม่เคยจะยอมพวกมันสักครั้ง แต่จะว่าไปพวกมันเองก็ไม่เคยจะทำอะไร
เอาแต่ใจอย่างไอ้ตัวป่วนเช่นกัน และทุก ๆ ครั้งคำตอบที่ผมได้รับก็คือ
เพราะความเคยชิน เพราะผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก
ถึงต้องคอยยอมและเอาใจมันอยู่อย่างนี้
และเพราะ............เพราะอะไรก็ช่างมันเถอะ รู้เพียงแต่ว่าผมพอใจและ
เต็มใจที่จะยอมมันก็น่าจะพอแล้ว คำถามที่มันวกวนซ้ำไปซ้ำมา แต่ค้นหาคำตอบไม่เคยเจอ
สำหรับวันนี้ทุกอย่างเคลียร์แล้ว ที่แท้ก็แค่...”รัก” .. .รักเท่านั้นเอง
(หึหึ โง่อยู่ได้ตั้งนาน กว่าจะรู้ใจตัวเองก็เกือบสายไปแล้ว
อยากขอบคุณเหตุการณ์คืนนั้น... คืนที่เหมือนทุกอย่างผิดพลาด
แต่กลับกลายเป็นว่า....มันกลายเป็นกุญแจเปิดหัวใจตัวเอง)
.
.
ผมอมยิ้มเล็ก ๆ มองไอ้ป่วนขยับตัวยุกยิกในอ้อมกอด
ปากสีแดงระเรื่อค่อย ๆ ย่นขึ้นมาเหมือนตูดเป็ด
ทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม แม้ว่าไอ้ป่วนจะตื่นแล้วแต่ก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาสักที
ผมกดจูบหวาน ๆ อย่างรักใคร่ไปที่ไอ้คนที่แกล้งทำเป็นหลับ เกี่ยวลิ้นหวานมาครอบครอง
“อือออออออออออ” ไอ้ป่วนส่งเสียงประท้วงลืมตามามองหน้าผมงอน ๆ
“มึงอ่ะ ......ตลอดอ่ะ ฮึ” มันว่าทำปากพองลม (หึหึ น่ารักชะมัด)
“ก็มึงน่ารักอ่ะ ...หึหึ” ฟอดดดดดดด ผมก้มลงไปหอมแก้มไอ้ป่วนอีกที
แล้วเงยหน้ามายิ้มกวน ๆ ยักคิ้วหล่อ ๆ ใส่มันอีกทีเผื่อมันจะหลงเสน่ห์ผม
(บ๊ะ...ว่าเข้านั่นว่าแต่กุหล่อจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย หึหึ)
“ตื่นแล้วทำไมไม่ลืมตา.....หืม” ผมว่ามองไอ้ป่วนด้วยสายตาเอ็นดู
“ก้อกุไม่ได้อกตัญญูนิ กุเลยไม่ลืมตาไง ฮ่า ๆ” มันว่า ยักคิ้วกวนๆ ตอบผม หัวเราะร่า
(อ๋อ...ตาของมันหมายถึงคุณตา แต่ตาของกุหมายถึงลูกกะตาเว้ย!!!
อย่ามากวนกุบ่อยนะนัย เดี๋ยวกุจัดเต็ม…จะหาว่าไม่เตือน กร๊ากกกกกกกก อยากทำ)
“เออ!!.. ว่าแต่ไอ้คนกตัญญูนี่ หิวข้าวรึยังคร๊าบบบบบ”ผมว่า พลางส่ายหน้าขำ ๆ
กับมุขโบราณของมัน ที่ตอนนี้ไอ้ตัวดียังขำจนตัวงอภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุด
“หิวดิ....หิวมากกกกกกก ก็กุโดนไอ้คนต่างด้าวชาวอิงลิชแดกจนหมดแรงข้าวต้ม
ขนาดนี้ไม่หิวยังไงไหววะ ชิส์” มันว่า หันมามองผมค้อน ๆ ก่อนจะสะบัดหน้างอน ๆ หนีแต่พองาม
(ห่า ...มึงไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย เอ่อ...ว่าแต่ทำไมน่ารักว่ะ หึหึ)
“ป่ะ ...อาบน้ำกัน”ผมว่า ลุกขึ้นพยายามดึงอีกฝ่ายให้ลุกตาม
“อือออออ ไม่เอามึงอาบก่อนเดี๋ยวกุค่อยอาบต่อ” ไอ้ป่วนต่อรอง
“ไม่เอา...อาบด้วยกันนะ...นะ” ผมพูดน้ำเสียงออดอ้อนสุด ๆ
“มะเหงกนิ!! กุอาบกับมึง...อาบไม่เสร็จกันพอดี” มันว่าโวยวาย ทำท่าหงุดหงิดนิดหน่อย
“เสร็จดิ...ไมไม่เสร็จอ่ะ ยังไงกุทำมึงเสร็จชัวร์ ไม่เชื่อลองดิ ”ผมว่า ทำเสียงแหบพร่าแทบจะกระซิบ
พร้อมส่งสายตาแพรวพราวส่งไปที่มัน มองตั้งแต่หัวจรดเท้ากัดปากตัวเองเล็ก ๆ แค่พอเซ็กซี่
อยากขย้ำไอ้คนข้างหน้าแทบขาดใจ
“แหวะ...ไอ้โรคจิต มึงไปเลย. ห่านี่...หื่นตลอด กุไม่ได้กินข้าวกันพอดี” มันว่า
ทำหน้าแดงซ่าน รีบดึงผ้าห่มมาปิดบังหน้าอกขาวๆ ของตัวเอง ที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ค
สีม่วงแดง เป็นหย่อม ๆ ฝีมือผม ก่อนจะเขวี้ยงหมอนใบโตใส่ผม ไล่ให้ไปอาบน้ำซะที
ผมค่อย ๆ ถอดบอกเซอร์ ทิ้งลงตระกล้าผ้า (ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่บอกเซอร์อย่างเดียว
และมันเองก็คงไม่ต่างจากผม) ไอ้ป่วนนิ่งเงียบเผลอไล้สายตามองตัวผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
สายตาที่วูบไหวของมันมาหยุดลงตรงที่เอกน้อยของผม ที่ตอนนี้กำลังอวบได้ที่กึ่งหลับกึ่งตื่น
มันถึงกับดวงตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้างไว้ อยู่อย่างนั้น ตะลึงกับสิ่งที่เห็น
(ที่จริงได้สัมผัสแล้วเหอะ ดังคำโบราณที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หึหึ ค้างเลยสิมึง)
“อะแฮ้ม!! …” ผมยืนนิ่งให้ไอ้ตัวป่วนสำรวจสักพักเห็นว่ามันค้างนานไปเลยกระแอม
ให้เจ้าตัวตื่นจากภวังค์ มันสะดุ้งนิด ๆ เสตาเลี่ยงไปทางอื่นเหรอหรา
ใบหน้าที่แดงกล่ำหงิกเป็นมะเหงก ก่อนจะพึมพำเบา ๆ (แต่กุได้ยิน)
“ห่า...มิน่าทำไมกุเจ็บ สัด” มันว่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างอาฆาตแค้น
ผมได้แต่อมยิ้มขำ ๆ มองดูอากัปกิริยาของมัน
“รีบไปอาบน้ำเลยมึง กุหิวข้าว” ไอ้ป่วนโวยวายต่อ
ดึงผ้าห่มคลุมหัวซ่อนตัวจากสายตาผม (หึหึ อายละสิมึง)
ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ยิ้มแก้มปริหยิบผ้าเช็ดตัวจะเข้าห้องน้ำ
“คร๊าบ...ว่าแต่มึงจะไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอนัย” ผมหันไปยั่วไอ้ตัวป่วนอีกที
อยากแกล้งมันขึ้นมาตะหงิด ๆ หึหึ มันดึงผ้าห่มลงมาเล็กน้อยแค่พอโผล่พ้นตา
ส่งสายตาเย็นชามาที่ผม ผมยักคิ้วตอบกวน ๆ
“ตุ๊บ........โอ๊ย.” มาแล้วครับ หมอนทั้งใบให้เธอคนเดียว มันหยิบหมอนอีกใบขว้างมาเต็ม ๆ หน้าผม
(โอยได้ข่าวว่าเมื่อก่อนมึงจะปาแมว ยังโดนไก่ตาย ตอนนี้เสือกจะมาปาแม่นซะงั้น เวรแท้ ๆ กุ)
แค่หมอนปาอ่ะไม่เจ็บหรอกครับ ที่เจ็บเพราะหัวผมไปกระแทกโดนขอบตู้เสื้อผ้า
ผมลูบหัวป้อย ๆ หันไปยิ้มเจื่อน ๆให้มันอย่างยอมแพ้ แม้มันจะยังส่งสายตาเย็นชามาที่ผม
“ไปอาบแล้วครับ ...แฮ่ ๆ” ผมเลยตัดสินใจชิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะโดนฝ่ามือหรือฝ่าเท้ามัน
ไม่ช้าไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จ ...มองเห็นไอ้ตัวป่วนหลับปุ๋ยอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง
“นัย...กุอาบเสร็จแล้ว ตื่นเร็ว” ผมบอก กระชากผ้าห่มแรง ๆ จนลงมากองที่พื้น
“อืม...” มันว่า ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตาเล็กน้อย มองไปรอบๆ อย่างงงๆ เกาหัวแกรก ๆ
ก่อนจะลุกเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมจัดเตียงให้เข้าที่ ก่อนจะกลับมาแต่งตัวเสริมหล่อ ตามปกติ
แล้วออกมารอไอ้ป่วนที่ห้องดูทีวี สักพักไอ้ป่วนก็ออกมาจากห้องนอน
มันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“ไปกินไหนดีอ่ะ กุหิวแล้ว เอาแบบใกล้ อร่อย ๆ อ่ะ ถูก ๆ ก็ดีนะกุชอบ”
มันร่ายยาวเสร็จสรรพ ดีและถูก (มึงจะเอาให้คุ้มเลยใช่มั้ยนัย)
“มึงอยากกินอาหารอะไรอ่ะ จะได้พาไปให้ถูกใจ” ผมถาม
ไอ้ป่วนหันมาหาผม ยกคิ้วสูง นิ่งคิดแป๊บนึง ก่อนจะบรรยายอาหารที่อยากกิน
“มึงว่าหน้าหล่อ ๆ อย่างกุจะอยากกินอะไรได้วะ นอกเสียจากข้าวเหนียว
ส้มตำปูปลาร้า ไก่พันอ้อย ลาบ และซุปหน่อไม้” มันยกตัวอย่าง
ลืมบอกไปไอ้นี่มันเป็นแฟนคลับอาหารอีสานคับ แต่เสือกกินเผ็ดไม่ได้
เห็นมันเคยบอกไว้ว่า “เผื่อกุจะหล่อเหมือน ณเดช” ที่ผมกลัวว่ามันจะกลายเป็น “ส่งเดช” หึหึ
(แต่กุว่ามึงไม่ต้องหล่อมากหรอกแค่น่ารัก ๆ แบบนี้ กุก็แทบใจละลายแล้วเหอะ เหอๆ)
“เออ งั้นไปเลยสบายใจไก่ย่างเอกมัย อร่อย ถูก ใกล้ ตามคอนเซ็ปที่มึงต้องการ”
ผมเลือกสถานที่ตามบรรยาย ลักษณะอาหารที่มันอยากจะกิน ก็เป็นที่ถูกใจไอ้ป่วน
“ดี ๆ” มันยิ้มกว้าง เอามือลูบหัวผมเบา ๆ เหมือนให้รางวัลหมา หึหึ
เราสองคนขับรถออกจากคอนโดไม่นานก็ถึงร้านอาหารที่ว่า ร้านนี้เค้าแบ่งเป็น 3 โซน
โซนแรกเป็นห้องแอร์ โซนที่สองเป็นที่นั่งสำหรับทานไปคุยกันไป ส่วนใครชอบไปจะฟังเพลง
ก็มีโซนที่จะมีนักร้องมาร้องประจำทุกวันศุกร์ตอนเย็น ๆ เท่าที่ผมเคยมา
แต่ไม่รู้วันอื่นมาร้องด้วยรึเปล่า มันเลือกโซนที่สอง เน้นกินอย่างเดียว
มาถึงเด็กเสิร์ฟก็มารอเตรียมพร้อมบริการเป็นอย่างดี มันดูเมนูสักพักก่อนจะสั่งอาหาร
“น้องครับ พี่เอา ไก่ย่างครึ่งตัว ส้มตำปูปลาร้าไม่ต้องเผ็ดมากนะครับ
ลาบหมู ตับหวาน แหนมซี่โครงหมู ต้มยำกุ้งยอดมะพร้าวอ่อน แล้วก็....
แกงเลียง ข้าว 2 ครับ เอ้อ...มึงเอาไรป่ะ” ไอ้ป่วนสั่งเสร็จ มังยังมีน้ำใจถามผม
(เออ ได้ข่าวมึงสั่งเยอะขนาดนั้นแล้วจะให้กุสั่งอะไรได้อีกมิทราบ ^^’)
“ไม่อ่ะ...แค่ที่มึงสั่งก็กินไม่หมดสองคนแล้วอ่ะ” ไม่รู้มันหิวมาจากไหนครับ หึหึ
“เหรอ...หึหึ กุลืมตัว หิวมากไปหน่อยอ่ะ เพราะมึงแหล่ะ” มันว่ายิ้ม ๆ หลังสั่งอาหารอย่างลืมตัว
ผ่านไปสักพักอาหารก็ค่อยทยอยมาเสิร์ฟ ผมกับไอ้ป่วนก็สวาปามอย่างเอาเป็นเอาตาย
เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลยสักคน
เลยรวบยอดมาเป็นมื้อเช้า+เที่ยงแทนครับ จัดไปเต็มคราบ ไอ้ป่วนมันเก่งจริง ๆ
เลือกอาหารแต่ละอย่างแซ่บ ๆ ทั้งนั้น (หรือว่าหิวว่ะ ) เมื่อจัดการอาหารมื้อหลักเสร็จ
ไอ้ป่วนก็ทำหน้าที่ของมันทันที
“น้อง ๆ .... น้องครับ”มันกวักมือเรียกหยอย ๆ (คงถึงเวลาเช็คบิลแล้วสินะ)
เด็กเสิร์ฟก็รีบกระวีกระวาดวิ่งมาหาทันที มาถึงก็ยืนยิ้มแป้นแล้นมาให้
“ครับพี่” มันว่า พลางยืนอย่างสุภาพรอคำสั่ง
ส่วนผมก็ก้มลงกำลังจะล้วงหยิบกระเป๋าตังค์ที่อยู่ในเป้ .... แต่ก็ต้องชะงัก กึกก
“ขอเมนูหน่อยครับ” ไอ้ป่วนว่า ผมเงยหน้ามองมันทันทีเลิกคิ้วเป็นคำถาม
(มึงยังไม่อิ่มอีกเหรอว่ะเนี่ย...ไม่ทราบที่haveไปเมื่อกี้เอาไปเก็บไว้ในซอกหลืบตรงไหนของกระเพาะวะ)
“ก็กุยังไม่ได้กินของหวานเลยอ่ะ กุอยากกินอ่ะ นะนะ เลี้ยงกุหน่อย” มันทำหน้างอนิด ๆ
“เออ ... ลืมไป ๆ มากุสั่งด้วย มึงกินไรอ่ะ สั่งเผื่อกุเลยนะนัย”ผมบอก ไอ้ป่วนยิ้มหวาน
ที่ผมตามใจมันเรียกว่ายิ้มจนตาปิด เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ชะมัด
อยากหอมแก้มมันแรงให้แก้มช้ำเลยทีเดียว หึหึ ติดตรงที่ว่าที่นี่มันที่สาธารณะหรอกนะครับ
“เอาบัวลอยเผือกไข่หวาน เพิ่มไข่หวาน 2 ลูกได้มั้ยอ่ะ ”มันว่า
“ได้ครับ”
“งั้นเอามา 2 ที่ครับ มึงเอาไข่สองฟองป่ะ” มันหันมาถาม ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ครับเพิ่มไข่หวาน ที่เดียวครับ” มันว่า เด็กเสิร์ฟรับคำพร้อมทวนorder
จากนั้นมันก็ยื่นเมนูกลับไปให้เด็กเสิร์ฟ ระหว่างรอเราก็คุยหยอกล้อกันไปเรื่อย ๆ
หนักไปทางด้านที่ผมพยายามแทะโลมมัน แหะ ๆ ก็ถ้าคุณมาเห็นมันตอนนี้
อดใจไหวก็แปลกแล้วครับ ยิ่งอากาศร้อนทานอาหารที่ร้อนและเผ็ด
ไอ้คนตรงหน้าที่ผิวขาวราวกับโอโม่ ก็ยิ่งแสดงอากาศตัวแดงปากแดง ที่ปากไม่ใช่แค่แดงระเรื่อ
แต่ยังเห่อขึ้นมาเพราะความเผ็ดร้อนของอาหารอีสาน มองเผิน ๆ ก็เหมือนมันโดนจูบจนปากเจ่อ
ผมจ้องมองริมฝีปากอิ่ม สีระเรื่อนั่นจนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ อยากจะกดจูบไอ้คนตรงหน้า
บดขยี้ริมฝีปากระเรื่อนั้นให้บวมเป่งยิ่งกว่านี้ อยากชิมแม้กระทั่งลิ้นหวานที่มันใช้เลียรอบ
ริมฝีปากเพื่อบรรเทาความเผ็ด โดยที่ไอ้ป่วนไม่รู้ตัว แล้วผมก็ต้องหลุบตาลงต่ำเมื่อ
เด็กเสิร์ฟยกของหวานมาวางตรงหน้า ไอ้ป่วนยิ้มแป้น (ช่างดีใจง่ายซะเหลือเกินนะ..ไอ้เด็กน้อย)
ผมแอบอมยิ้มกับท่าทางน่ารัก ๆ ของมัน ทั้งผมและมันจัดการขนมหวานตรงหน้า
ทั้งที่มันอร่อยมาก แต่ผมกลับรู้สึกว่าไอ้ตัวป่วนของผม...อร่อยกว่าเยอะ
“น้อง....น้องครับ” ไอ้นัยครับมันเรียกเด็กเสิร์ฟ อีกครั้งและครั้งนี้แน่นอนต้องเป็นการเช็คบิล
ผมก้มเตรียมจะหยิบกระเป๋าตังค์ แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้ง
“เอาบัวลอยเผือกไข่หวานพิเศษอีก 2 ครับ เอากลับบ้านนะครับ
เช็คบิลเลยนะครับน้อง” มันหันไปสั่ง
ก่อนจะหันมามองหน้าผม ที่ตอนนี้มองมันอึ้ง ๆ คือไม่เคยเห็นมันกินเยอะขนาดนี้มาก่อน
(ปกติเห็นมันกินเหมือนแมวดม ไหงวันนี้กลายเป็นสิงโตทะเลไปซะแล้วว่ะ)
“น๊า..นะ กุขอสั่งแค่นี้แหล่ะ ก็มันอร่อยอ่ะมึง เดี๋ยวกลับห้องกุแบ่งมึงด้วยก็ได้” มันว่า
ทำน้ำเสียงออดอ้อน ยื่นมือมาบีบมือผมอย่างเว้าวอน
“นะนะ เอก..นะครับ” มันอ้อนต่อ (ไอ้ข่าวว่ามึงสั่งน้องเค้าจนเสร็จแล้วจะขอกุทำไมวะเนี่ย)
“อืมได้ดิ” ผมตอบ อมยิ้มนิด ๆ กับท่าทางออดอ้อนของมันที่ทำให้ผมต้องยอมทุกทีสิน่า
ไอ้นัยยิ้มปากกว้างส่งมาให้ผม แล้วเด็กเสิร์ฟคนเดิมก็ส่งขนมหวานที่สั่งมาให้พร้อมบิล
ค่าอาหารทั้งหมด ผมจ่ายตังค์ค่าอาหาร+ทิป อีกเล็กน้อยให้เด็กเสิร์ฟ กำลังเดินกลับไปที่รถ
“ครืดด ครืดดด “ โทรศัพท์ไอ้นัยก็ดังขึ้น มันหยิบมาดูชื่อก่อนจะกดรับ
“ว่าไงมึง ไหนจะกลับมาอาทิตย์หน้าไง ทำไมกลับเร็ว” ผมหันไปมองนิด ๆ แค่อยากรู้ว่ามันคุยกับใคร
“กุอยู่เอกมัย กับไอ้เอก ...อืม มากินข้าวกัน ...แล้วมึงอยู่ไหน” ใครวะ
ผมแอบฟังมันต่อแต่ทำท่าเหมือนไม่สนใจ ในใจเต้นตึกตัก ท่าทางจะสนิทมาก
“ทำไมไม่ให้น้องปางสุดที่รักมึงไปรับหล่ะ หึหึ” อ้อ ...ถึงบางอ้อแล้วครับไอ้ปิงปองชัวร์
“เหรอ อืม ...ได้ ๆ เดี๋ยวพวกกุไปรับ อือ ประมาณ 30 นาที เออๆ เจอกัน” ไอ้ป่วนวาง
“ไอ้ปิงปองมันกลับมาแล้วเหรอ ทำไมเร็วอ่ะ”
“อ้อ พอดีทางผู้จัดเค้าขอเลื่อนการแข่งขัน แมชของมันมารวมกัน เลยเสร็จเร็ว
เดี๋ยวมึงขับรถไปรับมันที่สุวรรณภูมิด้วยนะ” ไอ้ป่วนออกคำสั่ง
“อ้าวแล้วน้องปางอ่ะไมไม่ไปรับมัน” ผมถามด้วยความสงสัย
“น้องปางไม่สบายว่ะ ไอ้เป้ดูแลอยู่ วันนี้มันเลยรีบกลับไทยเร็ว ๆ จะได้ไปหาน้องเค้า
มันอยากให้ปางพักผ่อนอ่ะ” ไอ้ป่วนตอบ
“เออ พูดถึงปางมึงว่าน้องเค้าแปลก ๆ มั้ยช่วงนี้” ผมเปิดประเด็น
“แปลกไงว่ะ”
“กุรู้สึกว่าช่วงหลัง ๆ เวลาไอ้ปิงปองไม่อยู่น้องปางจะไม่สบายทุกครั้ง แถมไอ้เป้ต้องไปดูแลด้วย
ที่สำคัญสายตาที่ปางมองไอ้เป้ กุรู้สึกว่ามันแปลก ๆ มันเหมือนมีอะไรมากกว่าที่เราเห็น
ถึงสายตาไอ้เป้จะเฉยๆ ก็เถอะ แล้วเวลาไปไหน ก็เหมือนปางอ้อนให้ไอ้เป้ไปด้วยตลอด
ทั้งที่เวลาไอ้ปิงปองกลับมากุไม่เห็นว่าน้องเค้าจะอยากไปไหนเลยสักที
กุว่ามันแปลกอ่ะ มึงรู้สึกเหมือนกุรึเปล่า” ผมว่าไปตามที่ผมเห็น
“อืม......กุก็นึกว่ากุคิดมากไปเองคนเดียวซะอีก กุว่าน้องปางแปลกไปจริงๆ
ความจริงวันก่อนกุเดินที่CTW จอน้องปางอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่ดี ๆ
พอน้องเค้าเห็นไอ้เป้เดินกำลังขึ้นบันไดเลื่อนเท่านั้นหล่ะ เห็นปางหัน
มาลาเพื่อนกลับทันทีเลย บอกว่ามีธุระด่วนรีบกลับ แต่กุเห็นว่าน้องเค้า
วิ่งตามไอ้เป้ไป พอไปถึงก็กอดแขนไอ้เป้ทันทีอ่ะ” มันเล่า
พวกผมมองหน้ากันครุ่นคิดว่าควรจะบอกไอ้ปิงปองดีหรือเปล่า แล้วพวกเรา
ก็ไม่รู้ว่าไอ้เป้กับน้องปางมีอะไรกันจริงมั้ย เลยตัดสินใจเงียบเพื่อสังเกตุการณ์
ต่อไปค้นหาความจริงก่อน ....ว่าควรจะทำไงดี จากนั้นพวกเราก็เงียบกันมาตลอดทาง
ผมขับตรงไปยังสุวรรณภูมิ วันนี้โชคดีโคตร ๆ ขับรถแค่ 25 นาทีก็ถึงรถไม่ติดเลย
(เยี่ยมมาก ขอให้เป็นอย่างนี้ทุกวันนะครับพี่น้อง วันเสาร์วันอาทิตย์กรุณาอยู่ให้ติดบ้าน)
ได้ข่าวว่าตอนนี้มึงก็ขับรถอยู่นอกบ้าเช่นกันนะ ....เชี่ยเอก หึหึ
ผมขับตรงไปยังลานจอดรถ จากนั้นก็เดินไปยังที่รอรับผู้โดยสารขาเข้า
เห็นไอ้ปิงปองนั่งรอ อย่างสบายอารมณ์ มีกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ๆ ใบหนึ่ง
เสียบหูฟังเพลงรออย่างสบายอารมณ์ พอผมกำลังจะเรียก มันก็หันมาทางนี้พอดี
(เหมือนมีเซ็นต์ว่ะปิงปอง.... หรือมึงจะเลี้ยงกุมารทองว่ะ ผมแอบคิด)
ไอ้ป่วนโบกมือสะบัดไปมา เพื่อเรียกไอ้ปิงปอง ไอ้ปิงปองก็ยื่นขึ้นลากกระเป๋าตรงมาที่ผมกับไอ้นัย
“ไงมึง...ชนะมั้ยวะทริปนี้” ผมเอ่ยถามขณะกำลังขับรถกลับไปส่งมันที่คอนโด
“ได้แค่ที่สองว่ะ ... คราวนี้กุสมาธิไม่ดีอะ กังวลเรื่องปางเกินไป” มันตอบ
ผมกับไอ้นับแอบสบตากันแต่ไม่พูดอะไรออกมา
“แล้วแม่มึงไม่ไปด้วยเหรอวะคราวนี้ ทุกทีก็เห็นไปด้วยกันนี่นา” ไอ้นัยถามขึ้นบ้าง
“อืม แม่กุไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน ๆ ว่ะ เห็นบอกว่านานๆ จะรวมตัวกันได้สักที” มันตอบ
“กุนอนก่อนนะง่วงว่ะ เมื่อเช้ารีบขึ้นเครื่องน่ะ ไม่ค่อยได้นอนเลย”
“เออ... นอนเถอะ เดี๋ยวถึงแล้วกุปลุก” จากนั้นเสียงสนทนาก็หายเงียบไปเลย
เพราะพวกผมอยากให้มันได้พักผ่อน ท่าทางจะเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน
ขากลับนี่ไม่ได้โชคดีเหมือนขามา รถติดมาก 3 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถึงคอนโดไอ้ปิงปอง
แต่ก็เกือบแล้วครับ ไอ้ป่วนชิ่งหลับไปอีกราย เหลือเพียงผมที่ต่อสู้กับรถติดอยู่ลำพัง
แต่ก็ไม่เป็นไร เสียงเพลงที่คลอเบา ๆ ในรถ บวกกลับไอ้ป่วนหน้าหวานที่หลับอยู่ใกล้
ทำให้หายเซ็งไปได้เยอะครับ ขณะที่รถติดไฟแดงสุดท้ายก่อนจะถึงคอนโดไอ้ปิงปอง
ผมก็ก้มแอบไปหอมแก้มไอ้ป่วนเบา ๆ ดีที่รถติดฟิล์มหนาทำให้คนข้างนอกมองไม่เห็น หึหึ
...
ไฟเขียวผมขับเลี้ยวเข้าซอยประมาณ 5 นาที รถผมก็เข้าจอดที่ใต้คอนโดไอ้ปิงปองเป็นที่เรียบร้อย
“นัย..นัย ตื่น” ผมเขย่าตัวไอ้ป่วนที่ตอนนี้ทำหน้างัวเงียสุด ๆ มันมองหน้าผม
เป็นคำถามว่าปลุกทำไม
“กุรู้สึกไม่ค่อยดีวะ เดี๋ยวเราขึ้นไปเป็นเพื่อนไอ้ปิงปองดีกว่า” ผมกระซิบเบา ๆ
มันพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย
“ปิงปอง ...ปิงปอง ถึงแล้ว” ไอ้ปิงปองค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ยังตัวลุกขึ้น สั่นศีรษะไล่ความง่วง
ก่อนจะเดินลงรถมา
“ขอบใจนะ” มันหันมาบอกผม
“เดี๋ยวกุไปด้วย อยากเข้าห้องน้ำว่ะ” ผมว่า ใช้แผนนี้แหล่ะ ไม่รู้บอกยังไงว่าอยากไปเป็นเพื่อนมัน
“กุด้วยอ่ะ ปวดฉี่” ไอ้ป่วนว่า หน้ามุ่ย
(นี่มึงปวดจริงหรือแกล้งวะนัย ถ้าแกล้งเหมือนกุ บอกได้คำเดียวเหมือนมาก
คงต้องมอบโล่ให้มันงานนี้แหล่ะครับ ในฐานะนักแสดงดีเด่น ดูดิมีกุมเป้าด้วยเว่ย)
“อืม ป่ะไปกัน” ไอ้ปิงปองว่า ท่าทางจะสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนอน
มาตลอด 3 ชั่วโมง มันเดินนำพวกผมไปที่ลิฟท์กดชั้นที่มันอยู่
แล้วลิฟท์ก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่พาพวกเราไปยังจุดหมาย ทั้งที่ไม่มีอะไรแต่ผมกลับ
รู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีอะไรมากระซิบบอกว่าวันนี้ มันต้องมีปัญหา
ผมมองหน้าไอ้ปิงปองอยู่ครู่หนึ่งก่อน พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ให้ตื่นตูม
-----------------------------------------------------------------