HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก [Story by ARPO]
บทที่ 1
HEAVY WEIGHT: 1 KG.
“เฮ้ย ไอ้พะยูนวิ่งให้ไวหน่อยสิวะ”
อยากรู้จริงๆใครเป็นคนบรรจุวิชาพละศึกษาเข้ามาในระบบการเรียนการสอนของประเทศไทยด้วยว่ะ ผมพาร่างพร้อมไขมันส่วนเกินในร่างที่ดูจะมีมากเกินความจำเป็นวิ่งเยาะๆต่อไป
คือถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์แม่งเสือกไม่อยู่ ไปทำธุระ สั่งให้พวกผมรอบสนามไปก่อน คือผมเกลียดการวิ่ง แต่เห็นอ้วนๆ เอ๊ยยย หุ่นน่ากอดแบบนี้ ผมก็มีทักษะด้านกีฬาพอสมควรนะครับ
อะไรนะ?? ซูโม่หรอ? ไม่ใช่สิพี่
ผมชอบเล่นวอลเลย์บอลนะ ถึงจะไม่เทพแบบนักกีฬาทีมชาติ แต่ผมก็อันเดอร์ลูกแบบไม่อายใครนะ เสิร์ฟก็ไปวัดไปวาได้อยู่ ตบก็ยังใช้ได้ เพียงแต่อาจจะวิ่งช้าบ้าง ลูกไหนรับได้ก็รับ ลูกไหนวิ่งไม่ทันก็ปล่อยลงเป็นแต้มของอีกฝั่งไป
“โอยยยย เหนื่อยชิบหาย” ผมหอบแฮ่ก ไอ้ปองกุล เพื่อนรักโยนน้ำขวดมาให้ พอเอามาดื่มก็อยากจะแหวะ
“ทำไมมึงซื้อน้ำยี่ห้อนี้มาอีกแล้ววะ มันรสชาติแปลกๆ”
“ไอ้ห่านี่ น้ำเปล่ามึงมีรสชาติด้วยหรอวะ แดกๆเข้าไปเถอะ”
เอ้าไอ้นี่ ไม่รู้อะไร น้ำเปล่าแต่ละยี่ห้อก็มีรสชาติในตัว ผมรู้ ผมสัมผัส (ถึงรสชาติ) ได้
“เอาไปเลยไป” จะทรุดตัวลงนั่งลงกับพื้น
“เฮ้ย เพิ่งวิ่งมาเหนื่อยๆ นั่งๆ เดี๋ยวตูดใหญ่หรอกมึง” ทฤษฏีไหนของมึงวะไอ้ปองกุล มึงคิดว่ากูยังต้องกลัวตูดกูใหญ่อีกหรอวะ
แค่นี้เวลาขึ้นรถเมล์ผมก็แทบกินพื้นที่เบาะสองคนเต็มพื้นที่หมดแล้ว ไม่ต้องใหญ่ไปกว่านี้หรอก
“ช่างแม่ง กูไม่สน” กำลังหย่อนตูดนั่งก็โดนขัดอีก
“วิ่งมาเหนื่อยๆห้ามนั่ง” เสียงเข้มๆดังขึ้นมา สำเนียงภาษาไทยที่แปร่งเล็กน้อยของอีกฝ่ายถึงจะไม่ต้องหันไปมองผมก็รู้ว่าใคร
ผมรีบหันไปมองต้นเสียงแล้วบ่นอุบ
“บุ้ยยย ทำไมอะฟาโรห์ก็กูเหนื่อยอะ” ผมหันไปเบ้ปากใส่คนมาใหม่ แต่ไม่เข้าใจคือทำไมไอ้ปองกุลต้องกรอกตามองบนผมขนาดนั้น ยังมีสาวๆในคณะถึงต้องมองผมด้วยสายตาเหมือนจะทิ่มแทงได้ตลอดเวลา แต่พอมองไปที่คนที่ยืนหน้าเข้มข้างหล้งผมแล้วต้องทำหน้าเคลิ้มเหมือนเจอพี่บอยด้วยครับ
“ลุกขึ้นมายืน ห้ามนั่ง”
ไอ้ฟาโรห์ หรือ ชื่อยาวเป็นหางว่าวของมันว่า ชะรีฟ โอสมาน โมฮัมเหม็ด เบดาเฮดิน ลูกครึ่งไทย-อียิปต์ หน้าคมเข้มแบบขาวอาหรับขนานแท้ จนมองไม่ออกว่ามันมีเชื้อไทยตรงไหนเหมือนกัน ใบหน้าคมคางไม่เรียวเหมือนสไตล์พิมพ์นิยมเกาหลีกลับเหลี่ยมได้รูปสวยดูแข็งแรงบึกบึนสมชายชาตรี รับกับทรงผมอันเดอร์คัตทันสมัย คิ้วเข้มเป็นแพหนา พาดเหนือนัยน์ตาคมเฉี่ยวเหมือนเหยี่ยวทะเลทรายแต่ลูกตาสำน้ำตาลใสจนดูเชื่อม แพขนตาเวลากระพริบงอนสวยพอดี (บางทีอยากกร้อนทิ้งแม่ง หมั่นไส้) จมูกโด่งสันของมันบางทีก็กลัวว่ามันจะไปแทงคนอื่น (ทรงจมูกมันอะ แทงใจกูสุดๆ) ริมฝีปากหนากระจับได้รูปสวยรับกับเคราอ่อนๆที่ขึ้นเร็วตามแบบของชาวอาหรับ
เห็นไหม? ที่บอกมาคือไอ้คนที่ย้ายตัวเองมายืนหน้าผมแทน
“หิวอะ”
“ยังกินไม่ได้เพิ่งออกกำลังกายมา เขาห้ามกินเลย” มันดีดหน้าผากเหม่งๆของผม “เข้าใจไหมหนูอ้วน”
ไอ้เสรดเป็ด กูชื่อหนูพุก ถ้ามึงจะเรียกแบบนี้มึงเรียกกูหมูเลยก็ได้ เขาจะได้ไม่สับสนว่าสรุปคือ
ม หมูอ้วนหรือ น หนูอ้วน
“แล้วเรียนเสร็จแล้วหรือไง?” ผมกับมันเรียนคนละคณะ ผมเรียนศิลปศาสตร์ ส่วนมันเรียนเศษรฐศาสตร์
ในมหาลัยผมก็มีคนดังอยู่ อาทิ เช่น…
นาฏย ปีสาม...นายหัวน้อยแห่งคณะประมง
เอ็ดมันด์ ปีสาม...ลูกครึ่งเมืองผู้ดี
เตเต ปีสาม...สุภาพบุรุษผู้อ่อนโยน
อิชระ ปีหนึ่ง...เดือนมหาลัย
แพน ปีสอง ไฮโซคณะอินเตอร์
หรือจะเป็น ไอ้คนที่ยืนตรงหน้า
ชะรีฟ ปีสอง ฟาโรห์แห่งเศด-ศาสตร์อินเตอร์
เอาตามความจริงแล้วมันไม่ได้ชื่อฟาโรห์แต่อย่างใด มันชื่อชะรีฟ คือชื่อที่ทุกคนเรียกมันนะครับ ฟาโฟรห์เป็นชื่อที่ผมตั้งให้มันเองตอนเข้ามาใหม่ๆ ทีนี้ก็เลยกลายมาเป็นฉายามันไปเลย
แต่มันไม่ยอมให้คนอื่นเรียกมันว่าฟาโรห์นะครับ มันบอกสงวนสิทธิ์ (คือตอนเจอมันครั้งแรกมันบอกแบบนี้ ผมยังงงเลยว่ามึงหน้าแขกขนาดนี้เสือกพูดไทยได้ไง) ให้ผมที่เป็นเพื่อนคนแรกของมันในมหาลัยเรียกมันเท่านั้น
คือความจริงตอนนั้นอินเนอร์มันแรงอะครับ ผมชอบพวกแนวอียิปต์โบราณอยู่แล้ว
ใจจริงผมอยากเรียนคณะโบราณคดีมาก แต่ที่บ้านไม่ให้เรียนครับ คนหัวโบราณนะครับ บอกจบไปไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
...นั่นสิอุดมการณ์แดกไม่ได้ครับ…
คณะนี้ถ้าไม่ชอบจริงๆ จนก็ไม่ค่อยมาเรียนหรอกครับ ทีนี้พอมันบอกเป็นลูกครึ่งอียิปต์ผมเลยแบบ โอ้เทพราห์ พระเจ้า เพื่อนคนแรกเป็นอียิปต์อะ เท่ชิบหาย ด้วยความเพ้อส่วนตัวเลยตั้งชื่อให้มันเองเสร็จสรรพ
กูไม่ตั้งให้ชื่อสฟิงซ์ก็ดีเท่าไรล่ะ
ตอนแรกมันขมวดคิ้วไม่ชอบใจใหญ่แต่ผมอาศัยความหน้าทนของชั้นไขมันบนหนังหน้าตัวเองเรียกมันต่อไปจนมันเบื่อเอือมระอาไปเอง
“ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?” มาแล้วครับ สาวๆแห่งศิลป์สาด คณะที่ประชากรเยอะกว่าผู้ชายจนสงสารผู้หญิงครับ อดอยากปากแห้งไม่เจอหนุ่มๆ5555
“อ่า...ครับ” พ่อหนุ่มอาหรับก็ไม่มีปฏิเสธนะ
ผมพาร่างอวบๆ (อย่างมึงยังอยู่ในเกณฑ์นี้อีกหรือ?) หลบฉากออกมาจากรัศมีกล้อง ปล่อยให้พ่อยอดชายนายอะลาดินแชะรูปกับบรรดาแฟนคลับไป ยิ่งตอนนี้อาจารย์ไม่เข้าทำให้ยิ่งมากันใหญ่
“เฮ้ยย อาจารย์บอกยกคลาสเว้ย กลับมาไม่ทัน” เสียงเพื่อนชายในคณะตะโกน พวกผมนี่แทบปาขวดน้ำทิ้งไปเต้นกาโว้กลางสนาม “แต่ให้ทำรายงานมาส่งแทน”
คนอื่นแม่งโหไม่ดีใจ แต่สำหรับกูนี่แทบพราก ดีใจสุดติ่งยิ่งกว่าแดกของฟรี
“แม่งเอ๋ยยย ลำบากกูอีก” ไอ้ปองกุลบ่นไปเถอะครับ แต่หนูพุกคนนี้ยิ้มร่า
“งั้นกลับเลยมึง ไม่มีเรียนแล้ววันนี้” แต่เสียเวลานอนชิบหาย แหกขี้ตามาเรียนวิชาเดียว ปั๊ดโธ่เว้ย
“นอนทั้งวันอะ” ไอ้ซีดปองกุล เดี๋ยวพี่พุกโดดทับเลยนี่
“กูจะกลับไปอ่านนิยาย” ผมไม่คุนะเว้ยบอกก่อน แค่ชอบอ่านนิยาย อ่านการ์ตูน ดูเมะ แต่ย้ำว่ากูไม่คุ เข้าใจตรงกันนะทุกคน
“ไม่ได้!” พ่อมาอีกแล้วครับ
กูไม่มีพ่อเป็นแขกเว้ยไอ้ฟาโรห์ พ่อกูลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเลนู่น
“ทำไมอ่าาาาา” ผมเริ่มหงิดมันแล้วนะ
“อ่านหนังสือยัง มีสอบย่อยประวัติศาสตร์ไม่ใช่หรือ?”
เชรี่ย มันรู้ได้ไงวะ กูอุตส่าห์เงียบๆ อย่าบอกนะว่าจริงๆแล้วมันเรียนคณะเดียวกัน สู่รู้ไปหมด ต้องมีคนบอกมันแน่ๆ และมีแค่คนเดียว
ผมหันขวับไปมองไอ้ซีดแห้ง มันทำตาล่อกแล่ก
“อะไร?” มาทำไขสือ มึงอะตัวดี มีอะไรก็บอกเขาหมดอะ ถามสิมันติดสินบนมึงเท่าไร ตั๋วบินฟรีอียิฟต์ตลอดชาติหรือว่าทริปขี่อูฐทะเลทรายซาฮาร่าวะ
“มึงอะตัวดีไอ้แห้ง” ชี้หน้ามันเลย
“ไม่ต้องไปโทษคนอื่น ตัวเองเอาแต่ขี้เกียจ” โดนพ่อด่ารอบสอง ตาคมเหมือนเหยี่ยวทะเลทรายของมัน ถ้าเป็นสาวๆคง
ละลายกองไปกับพื้น แต่มันไม่ได้ผลกับหนูพุกคนนี้ (เอ่อ..จริงๆก็มี แต่แม่งเอ๊ยยยย ทำใจแข็งอยู่)
“ฟาโรห์จ๋า ไม่ดุน้าาาา อารมณ์ไม่ดีหรอ ไปๆๆกินข้าวเนอะ ไม่โมโหหิวนะ” เห็นมันเริ่มกอดอกเป็นสัญญาณเตือนภัยแล้วว่ามันจะทนผมได้อีกไม่นาน
ผมยิ้มแผล่ใส่มัน ตาคมหวานสไตล์แขกของมันยังมองผมดุๆจนห่อไหล่ ยกมือเกาเหนียงอย่างเก้อๆ
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป” พ่อยอดชายนายอาหรับโยนกระเป๋าสัมภาระผมมา ต้องทำตามครับไม่งั้นโดนมันด่าทางสายตาแน่นอนครับ
คนอื่นๆเริ่มทยอยแยกย้ายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า บางคนก็กลับบ้านกลับหอทั้งอย่างนั้น ความจริงหนูพุกคนนี้ก็อยากทำแบบนั้นนะครับแต่ว่าไอ้ฟาโรห์มันยืนกำกับอยู่
พออาบน้ำอะไรเสร็จออกมา ไอ้ปองกุลเพื่อนแห้งแม่งก็หนีผมกลับหอไปแล้ว เหลือแค่พ่อยอดชายที่นั่งอยู่ม้านั่งในโรงยิมพร้อมกับกองของสัมภาระเกะกะของผม
“เดี๋ยวแวะไปชมรมแป๊ปนึง” ไอ้ฟาโรห์โยนกระเป๋าเป้ผมมาให้ถือเอง มันเดินดุ่มๆไปทางห้องชมรม
ชมรมที่ไอ้ชะรีฟพูดถึงคือชมรมคาราเต้ ศิลปะการต่อสู้ของญี่่ปุ่นที่ไอ้ชะรีฟเข้าร่วม มันเล่นมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว เป็นปีสองคนเดียวที่ได้ติดทีมชาติของชมรม
แต่ประเด็นหลักมันไม่ใช่แค่นั้น คือถ้ามันจะซ้อมของมันไปคนเดียวมันก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหนูพุกคนนี้ แต่แม่งมันไม่ใช่ไง
อะไรคือการที่แม่งมันลากผมไปซ้อมกับชมรมมันทุกครั้งที่มันเข้าชมรม แม่งช่วยดูตัวกูหน่อย ยกขาไม่ค่อยขึ้น ไอ้เชรี่ย
“ไปทำไม?” ทุกวันนี้แม่งหลอนตลอดเวลาครับ กลัวมันพาไปซ้อมตลอด
“เอาของไปให้พี่เก่งน่ะ” มันหมายถึงรุ่นพี่ในชมรมมัน
“เออๆ” ผมดึงคอเสื้อยืดให้ห่างจากคอ อากาศร้อนจนอยากให้ไขมันละลายไปด้วย เอาให้ผอมเลยฮือออออออ
ไปถึงห้องคุณชายก็ไขกุญแจเข้าไปเพราะเคาะแล้วไม่มีใครเปิดแถมล็อค ข้างในไม่มีคนอยู่เลย ชะรีฟเลยหยิบพวกผ้าพันข้อทั้งหลายและยานวดเอาไว้พร้อมแปะกระดาษเขียนถึงพี่เก่ง เสร็จแล้วมันก็ล็อคห้องชมรมเหมือนเดิม
“ไอ้โรห์~” บางครั้งไอ้ฟาโรห์ก็ชื่อโรห์เฉยได้เหมือนกันถ้าผมขี้เกียจ
“อะไร?” ตาคมหวานของมันเหล่มา
“หิวแล้วอะ” คือกระเพาะครากแล้วเนี่ย
“เออ ไปๆ” มันส่ายหัว “อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ชาบูบุฟเฟ่ห์ ปิ้งย่าง และพิซซ่าหนึ่งแถมหนึ่ง” ไอ้แขก! งั้นมึงให้กูกลับบ้านไปนอนแดกสลัดผักเถอะ ถ้าจะดักคอขนาดนี้
“อ๋อยยย ถ้าอย่างนั้นกลับไปกินผัดผักหน้าหอเถอะ”
ผมเห็นมันแอบยิ้ม
“ไปเถอะหนูอ้วน” กูยอมให้มึงเรียกหมูอ้วนเลยถ้ามึงพากูไปกินชาบู
“พี่ครับ ขอหมูอีกสองนะครับ” ผมสั่งพี่พนักงาน มือก็คีบเนื้อหมูแผ่นบางๆลงไปจุ่มในหม้อต้ม ปากก็เคี้ยวหนุบหนับ อร่อยเหาะ ไอ้ฟาโรห์ก็ค่อยๆคีบเครื่องลงหม้อ อ้อ...ไอ้ฟาโรห์มันเป็นลูกครึ่งอียิปต์แต่มันบอกว่าบ้านมันนับถือคริสต์เพราะงั้นผมเลยไม่ต้องแยกหม้อกับมัน
“สองถาดนั้นสุดท้ายนะพุก กินเยอะเกินไปจะอืดท้อง”
เห็นแก่ที่มันตามใจพามากินและท้องก็เริ่มจะรับไม่ไหวแล้ว “ก็ได้”
“กินเยอะขึ้นหรือเปล่า ตอนนี้ได้ชั่งน้ำหนักหรือเปล่า”
“อืม” ก็มีชั่งนะ ไอ้ฟาโรห์มันอุตส่าห์ซื้อเครื่องชั่งมาให้
“เท่าไร?”
ไม่บอกได้ไหม? แต่เห็นทีจะไม่ได้เพราะว่าตามันทิ่มแทงอีกแล้ว “แปดห้า” คือแปดห้ามาหลายเดือนแล้ว ฮ่าๆ
“เอาความจริง” เพื่อนฉลาดไปอะไรไป เชื่อหน่อยเถอะว่าหนูพุกหนักแปดห้าจริงๆ
“ก็...” อึกอัก เลยชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วแทน ไม่อยากพูดอะ มันแสลงใจ
“ขึ้นมาสามโล?” มันก็กลายเป็นแปดเก้าไง
ผมเลยได้แต่พยักหน้า กลัวว่ามันจะต้องลากเขาไปเข้าชมรมคาราเต้ของมันแน่เลย
ไอ้ฟาโรห์มันเงียบไปสักพักหนึ่ง แล้วมันก็พูดประโยคหนึ่งออกมา
“งดบุฟเฟ่ห์ งดของมันของทอดและน้ำอัดลม” เฮ้ย!...เดี๋ยวๆ คุณชายครับหนูพุกว่าเราตกลงกันได้นะ “แล้วก็...เข้าชมรมกับฉันทุกครั้งด้วย!”
ไอ้เชรี่ยแขกก!
กูไม่ไปเว้ยยยยย!
แม่ง เลิกคบมันเป็นเพื่อนเดี๋ยวนี้เลย!
“ย๊าก!” เสียงร้องเปล่งพลังของชมรมคาราเต้ ในขณะที่กู…
“เอี้ยๆๆๆ” ร้องแบบนี้
“เฮ้ยไอ้พุกมึงร้องดีหน่อยๆ ทำเอากูสะดุ้ง” เสียงพี่เก่งตะโกนบอก ขณะที่พี่เขาถือแผ่นนวมให้ผมรัวหมัดเพื่อวอร์มอัพ
ก็แม่ง! ชีวิตมันเชี่ย!
สุดท้ายก็โดนไอ้แขกลากมาชมรมมันจนได้
วันนี้ชมรมมาซ้อมพิเศษตามตารางของพวกนักกีฬาทีมชาติครับ แต่ไอ้ฟาโรห์มันก็ขออนุญาติรุ่นพี่ให้ผมเข้ามาด้วย และตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มซ้อมอย่างจริงจังพี่ๆเขาเลยมามะรุมมะตุ้มผมก่อน
คือไม่ใช่ไรหรอก! พวกแม่งชอบแกล้งผม ให้หนูพุกชกบ้างล่ะ แตะสูงบ้างล่ะ
คือผมก็เข้าใจนะว่าหวังดีอยากให้ผมลดน้ำหนักและแข็งแรงแต่แม่งขากูสั้นเท่าหลักกิโลเมตรจะไปแตะหน้ามึงได้ไง แต่ต้นขาไอ้โรห์ผมก็ยกไม่ขึ้นละ
“โอ๊ย เหนื่อยๆ” ผมบ่นรัวๆ
“อย่าขี้เกียจหนูอ้วน ลุกขึ้นมา” มาแล้วพ่อมา
“ไม่อาวแล้ว ฮือ” ปล่อยกูไป มึงนะนอกจากจะลากกูมาแล้ว มันยังทำอย่างที่มันพูดจริงๆคือห้ามผมกินของทอด ของมัน บุฟเฟ่ห์
เช้าวันนี้ยังน้ำตาตกในเพราะมันให้ผมกินแค่โจ๊กกับนมจืด ทุกทีกูต้องแถมหมูปิ้งสี่ไม้กับไส้กรอกบิ๊กไบท์อีกสองสิ แม่งโดนงดหมด อดแดก แม่งเอ๊ยยยย
ผมเริ่มงอแง คือด้วยความที่น้ำหนักตัวเยอะ (เขาไม่เรียกว่าอ้วนกันนะครับ) รวมถึงไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ผมเลยเหนื่อยและล้ากว่าคนอื่น
“โอเค มาหาโรห์มา” เริ่มพูดเพราะกับหนูพุกคนนี้ เวลาถ้ามันเริ่มเห็นผมงอแงหรืองอนหงุดหงิด มันจะเริ่มใช้เสียงสอง คือเสียงใจดี หลอกล่อ แทนตัวเองว่า ‘โรห์’
ถามว่ากูติดกับไหม?
เหอะ!
จะเหลือหรอ ห่านเอ๊ยยยย!
“งื้อ พุกเหนื่อยแล้ว” เมื่อเพื่อนเสียงสองเราก็ต้องเสียงสามจะได้ชนะแม่ง
“ขออีก15นาที ครบแล้วจะปล่อยไปพัก”
“15นะ ห้ามเกิน” ผมถามเพื่อความมั่นใจ
ใบหน้าคมพยักหน้าก่อนมันจะขอแผ่นนวมจากพี่เก่งมาใส่เอง
“เดี๋ยวโรห์เป็นคู่ซ้อมให้”
เออดี! จะซัดให้หน้าหล่อกว่าเดิมเลยคอยดู!
+++++++++++++++++100%++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่า หนูพุกตอนใหม่ก็มาอย่างไวเลยค่าาาาา เป็นไงบ้างใครพอจะเริ่มจำหนูพุกได้บ้าง
ถ้าใครนึกไม่ออกให้ย้อนกลับไปอ่าน รักตามสั่ง บทที่ 23 นะจ้าาา มีหนูพุกแน่นอนนนนนน
เรื่องรักหนักมากจะไม่มีการแปลงลูกหมูขี้เหร่ให้เป็นหงส์ พนูพุกมันอ้วนลงพุงยังไงก็อย่างนั้น เพราะงั้นจะค่อนข้างไม่เหมือนเรื่องอื่นๆที่ตัวเอกอ้วนหรือสิวเขราะจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้หล่อน่ารัก
บอกเลยพลอตนั้นไม่มีอยู่ในเรื่อง รักหนักมาก เพราะงั้นถ้าใครหวังให้หนูพุกมันผอมคิดว่าไม่มีค่า ต้องขออภัยถ้าทำให้ใครผิดหวัง
เราค่อนข้างเริ่มเห็นพลอตที่ตัวเอกทำให้ตัวเองดูดีขึ้นให้พระเอกมารัก แต่เราอยากลองเขียนในมุมมองที่ว่าให้เขารักที่เราเป็นเรา (จะหาว่าโลกสวยก็ได้นะ แต่อยากลองเขียนอะไรแบบนี้ดู)
แต่เราคิดว่ามันก็มีเรื่องแบบนี้ให้เห็นนะค่ะ ที่แบบคนสวยมีแฟนไม่หล่อ คนหล่อมีแฟนไม่ได้สวย เลยอยากลองสะท้อนชีวิตมนุษย์จริงๆออกมาเหมือนกัน เพราะงั้นเรื่องนี้จะคล้ายพี่นาฏยที่ว่า คนเขียนยังคงยึดหลักเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง สามารถเห็นได้จริงในชีวิตประจำวัน สามารถสัมผัสได้จริง)
แล้วก็ขอไม่ดราม่าเรื่องว่าถ้าอ้วนแล้วโลกเยอะไรงี้นะค่ะ เรื่องนี้เราเข้าใจดีแต่ว่าบางทีคนผอมก็โรครุมเร้าเยอะแยะ (คืออันนี้เราเห็นมาจากพวกตามคอมเม้นเฟสบุ้คที่ชอบมีคนดราม่าว่าคนอ้วนโรคเยอะ เราเข้าใจเรื่องนี้ดี) แต่อย่างนี้ที่ตั้งใจ เรื่อง รักหนักมาก ไม่ใช่เรื่องนิยายลดน้ำหนักหนูพุกให้หลายเป็นหงส์
หนูพุกมันก็เกรียนเป็นแค่หนูพุกนั่นแหละค่ะ
คนเขียนขอทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านตรงนี้ เพราะงั้นหากทำให้ท่านใดไม่ชอบเรื่องแบบนี้ ชอบแบบพระเอกนายเอกเพอเฟค เราคิดว่าเรื่องนี้ไม่สามารถตอบโจทย์ท่านได้ค่ะ ขออภัยจริงๆ
ขอบคุณทุกการติดตามค่า
เยิฟฟฟฟฟฟ