{{ Just U,Not US }} เมื่อผมเป็นผู้จัดการดารา -(ตัวอย่าง)ตอนพิเศษ:เกมเศรษฐี P.25
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{ Just U,Not US }} เมื่อผมเป็นผู้จัดการดารา -(ตัวอย่าง)ตอนพิเศษ:เกมเศรษฐี P.25  (อ่าน 144125 ครั้ง)

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2018 10:14:09 โดย มาจะกล่าวบทไป »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 26 : ปฐมนิเทศ


กว่าจะอธิบายให้พี่จิคนดีเข้าใจเล่นเอาเหงื่อตก

เพราะพี่ชายผมขยันพูดแทรกตลอดเลย! แต่พี่จิเป็นคนเข้าใจง่าย และรักน้อง ฉะนั้นเมื่อถามย้ำว่าผมแน่ใจนะ มั่นใจนะ แล้วผมพยักหน้ารับ จากคัดค้านสุดกำลังก็ยิ้มยอมรับเหมือนไม่เคยตั้งป้อม

คนอะไรอารมณ์เปลี่ยนไวยิ่งกว่าสี่จี

ครอบครัวทองคำดียอมรับแล้ว ส่วนครอบครัวชาญชัยไม่ต้องห่วง เพราะแม่ของเขาเข้าใจว่าผมลูกชายเธอคบกันอยู่นาน วันนั้นเลยถ่ายรูปคู่ส่งไปให้ พร้อมข้อความว่า ‘วันนี้ก็ยังรักกันดี’

เลี่ยนสุดๆ

แต่แม่นิฌานส่งสติกเกอร์รับรู้มาด้วยละ!

เอาจริงๆ แล้วผมอยากจะนัดเจอเธอ อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง แต่โดนนิฌานห้าม บอกว่าตอนนี้ยังไม่สะดวก เอาให้ถ่ายเช็กเมทจบก่อนค่อยว่ากัน เพราะเห็นทุกอย่างเป็นไปได้สวยขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจู่ๆ จะนึกอุตริขึ้นมารึเปล่า

ช่างเป็นคนมองแม่ในแง่ร้ายเหลือเกิน

แต่ผมก็พยักหน้าเออออตามเขา ตอนนี้เช็กเมทสำคัญที่สุด! เพราะเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว!

ขณะเดียวกัน...ชีวิตในฐานะนักศึกษาเฟรชชี่ของผมก็กำลังจะเริ่มต้น!

“เจ เสร็จรึยังลูก”

“เสร็จแล้วครับ!” ผมตอบแม้จะไม่วายหันไปส่องกระจกดูเงาสะท้อนตัวเองในชุดนักศึกษา ตอนนี้นายเจตรินกลับมาสวมต่างหู เสยผมเท่ๆ ถอดแว่น ทำให้ดูเกเรหน้าร้ายไม่เบา บวกกับพลาสเตอร์แปะมุมปากที่ยังเป็นรอยแตกช้ำ เชื่อสิว่าจะไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยแน่นอน!

สร้างภาพลักษณ์น่ายำเกรงตั้งแต่วันแรกพบ ดีกว่าเป็นเด็กเนิร์ดให้โดนแกล้ง ผมพยักหน้าพอใจกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตู

“เข้ากับเจมากเลยลูก” นางจรวยมองผมในชุดนักศึกษาน้ำตาปริ่ม

“ดูโตขึ้นมากเลยนะ” นายฉัตรชัยเอ่ยเสียงขรึม มองลูกชายคนเล็กอย่างภูมิใจ

พวกเราสามคนส่งสายตาปลื้มปริ่มไปมา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขสงบ จนกระทั่ง...

“พ่อ แม่ ไอ้น้อง! รถมาแล้ว!!!”

พี่จิวิ่งขึ้นบันไดเสียงดังตึงตัง

“จิ อย่าวิ่งสิลูก มันอันตราย!”

“ขอโทษครับแม่” ผู้ชายตัวสูงโปร่งผิวเข้มคล้ำหน้าคมคายก้มหน้างุดๆ เมื่อถูกนางจรวยขึ้นเสียงใส่ ก่อนจะกลายเป็นฉีกยิ้มเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าประตู “ไอ้น้อง หล่อขึ้นจมเลย หล่อเหมือนพี่ชายเอ็งตอนเข้ามหาลัยไม่มีผิด ตอนนั้นนะ พี่ฝากวีรกรรมสะดุดล้มที่หน้าบันไดตอนเดินขึ้นห้องประชุมด้วย ล้มเดียว คนจำได้ยันเรียนจบ เจอยากลองมั้ย เป็นการสร้างความประทับใจแรกพบที่ดีนะ!”

“เหอๆ ไม่เอาอ่ะพี่จิ” ผมตอบพี่ชาย ก่อนจะเดินลงชั้นล่างซึ่งมีรถคันหรูจอดรอ

มาถึงตรงนี้ก็ขอพื้นที่อธิบายสักหน่อย

อะแฮ่ม! วันนี้คือวันปฐมนิเทศของผม นายเจตริน ทองคำดีครับ!

พ่อ แม่ พี่จิ ตื่นเต้นมาก ถึงขนาดยอมหยุดงาน แถมพี่ชายยังไปอ้อนเสี่ย ขอรถกับคนขับอย่างเบิ้มช่วยพาครอบครัวไปส่งผมที่มหาลัยด้วย ทุกคนตื่นเต้นดีใจ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าแค่งานปฐมนิเทศยังขนาดนี้ ถ้าเกิดเป็นงานรับปริญญา...จะขนาดไหน

แต่ถึงจะดูวุ่นวายไปสักนิด คนเยอะไปสักหน่อย ก็อุ่นใจดี

“เจโทรบอกนิฌานยังลูก” นางจรวยเอ่ยทักเมื่อพวกเราเริ่มออกเดินทาง ความจริงแล้วสัญญาของผมยังไม่หมด แต่ผมขอลากิจชั่วคราวเพราะมีพิธีสำคัญ นิฌานเองก็เข้าใจ เขาอยากเป็นหนึ่งในกลุ่มคนมาส่งผมด้วยซ้ำ แต่ทำไม่ได้เพราะติดถ่ายเช็กเมท

“เขาเข้ากองอยู่ ผมเลยส่งข้อความไปแทนครับ” ผมบอก ไม่เห็นว่าเรื่องเวลาเป็นปัญหา ผมเข้าใจเขา นิฌานก็เข้าใจผม จะมีก็แต่ครอบครัวทองคำดีเนี่ยแหละที่กลัวว่าหลังหมดสัญญา ผมไปเรียนตามปกติ ส่วนนิฌานทำงานแทบทุกวี่ทุกวัน จะกลายเป็นความสัมพันธ์จืดจาง จนกระตุ้นให้ผมอย่าปล่อยผ่าน มีอะไรก็ให้โทรหานิฌานไว้ก่อน

คนในครอบครัวดูจะลุ้นยิ่งกว่าพวกเราสองคนซะอีก!

มหาลัยของผมค่อนข้างไกลจากบ้านทองคำดี เลยใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะถึงที่หมาย วันนี้เป็นกรณีพิเศษ มีคนมารับส่งถึงที่ แต่ตอนเปิดเรียนคงจะต้องนั่งรถมอเตอร์ไซค์ต่อรถไฟฟ้า เดินอีกสักนิดก็ไม่นับเป็นปัญหา

ใช่ ไอ้การเดินทางน่ะไม่เป็นปัญหา เพราะคิดคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วชวนเหงื่อตกกว่าเยอะ! รถไฟฟ้าราคาขึ้นทุกปี ไป-กลับร้อยกว่าบาท ถ้าเป็นไปได้ผมอยากขึ้นรถเมล์มากกว่า เสียดายที่ไม่มีสายไหนต่อตรงจากแถวบ้านเลย ต้องลงคันนี้ต่อคันนู้น ลงคันนู้นต่อคันโน้น กะเวลาเดินทางยากมาก เคยอ่านกระทู้พันทิปมั้ยครับ รอรถเมล์สามชั่วโมงจนร้องไห้น่ะ นั่นเรื่องจริงนะ!

โชคดี ที่เงินจากค่าจ้างผู้จัดการมีเหลือเฟือ นึกแล้วก็ยิ้มดีใจ คิดถูกจริงๆ ที่รับงานนี้ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้ง...แฟน

อะแฮ่ม! กลับเข้าเรื่องก่อนดีกว่า เพราะพอถึงมหาลัย ผมก็เริ่มจะเขินๆ ขึ้นมา ดูแต่ละคนสิ มีผู้ปกครองมาส่งก็แค่หนึ่งถึงสองคน บางคนมาคนเดียวอย่างมาดมั่น พอหันมองตัวเอง...รู้สึกคล้ายเด็กยังไม่โต

แต่จะหักใจบอกให้พ่อกับแม่กลับก่อนก็ทำไม่ลง ผมหันมายิ้มให้ครอบครัวเป็นเชิงไม่คิดมาก ยังไงซะความรู้สึกของคนใกล้ชิดก็สำคัญที่สุด!

“ผมขึ้นห้องประชุมก่อนนะครับ” ผมหันมาไหว้ผู้ให้กำเนิดทั้งสอง

“พยายามหาเพื่อนเข้านะเจ” พ่อกำชับ

“ใช่ๆ อย่าเอาแต่นั่งหน้าบึ้ง ทำตาขวางใส่คนอื่นนะลูก” แม่ส่งเสริม

“หรือถ้าโดนหาเรื่องก็ไม่ต้องกลัว โยนอันธพาลพวกนั้นมาเจอพี่ได้เลยนะไอ้น้องเอ๊ย!” พี่จิตบท้าย

เฮ้ๆ พวกเขายังเห็นผมอยู่ในวัยต่อต้านอีกเหรอ ผมค้อนตาประหลับประเหลือกใส่ ไม่หือไม่อือแล้วรีบเดินเข้าห้องประชุมพร้อมนักศึกษาคนอื่นๆ

พิธีปฐมเทศ ถึงจะฟังดูยิ่งใหญ่ แต่ความจริงแล้วเป็นการแนะนำสถาบัน แนะนำการเรียนการสอนและกิจกรรมอื่นๆ ตอนแรกก็ฮึกเหิมตื่นเต้นอยู่หรอก แต่พอผ่านไปหนึ่งชั่วโมง...ก็เริ่มมีคนสัปหงก

ผมเองก็หาวไปหลายรอบ เลยตัดสินใจมองซ้ายมองขวา ผูกมิตรคนใกล้ตัวไม่ให้ครอบครัวทองคำดีหยามว่าไร้มนุษยสัมพันธ์

“ไง” ผมทักคนใส่แว่นกลมกรอบดำที่นั่งติดด้านขวา การแต่งตัวเนี้ยบเป๊ะจนมั่นใจได้ว่าเป็นคนดีแน่นอน เผลอๆ จะดีจนโดนล้อว่าติ๋มบ่อยๆ ด้วยซ้ำ “เราชื่อเจนะ นายชื่อไร”

“ระ...เราชื่อติ๋ม ยินดีที่ได้รู้จัก”

ชื่อติ๋มจริงด้วยเฮ้ย!

ผมอึ้ง ยิ่งทำให้คนข้างตัวประหม่าจนหงอ เผยหน้าเศร้า สงสัยจะโดนล้อชื่อมาแต่เด็ก แถมยังพูดตะกุกตะกักเหมือนติดอ่าง ตัดสินใจแล้ว ผมจะเป็นเพื่อนกับหมอนี่แหละ ไม่มีพิษภัย ไม่คิดร้าย ไม่แว้งกัดแน่นอน!

ฉันเลือกนาย ติ๋ม!

“แลกไลน์กันมั้ย” เสียก็แต่หน้าช้ำๆ ของผมชวนหาเรื่องไม่เบา ติ๋มเลยกลัวตัวสั่น น้ำตาจะไหลกับการคุกคามครั้งนี้

“ดะ...ได้”

ผมถอนหายใจ ทำไมเหมือนไปบังคับขู่เข็ญเลยล่ะเนี่ย เห็นเขากลัวขนาดนั้นเลยไม่กล้าชวนคุยต่อ นั่งมองรอบๆ พลางสำรวจนักศึกษาแต่ละคนแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าแฟนผมเนี่ยหน้าตาดีที่หนึ่งเลยจริงๆ!

แหงล่ะ นิฌานเป็นดารานี่หว่า!

อาการแบบนี้เรียกว่าเห่อแฟนใช่มั้ยนะ ผมนึกขำตัวเอง จนหลุดหัวเราะแล้วส่ายหน้าเบาๆ

พลันติ๋มมองผมด้วยสายตาเปลี่ยนไป

ไหนๆ ก็หลุดยิ้มแล้วเลยหันไปยิ้มให้เขา หวังสานสัมพันธ์เพื่อนสนิท

ปรากฏติ๋มก้มงุดๆ ผวากว่าเดิม...เฮ้ ไม่ได้จะโปรยเสน่ห์ใส่ จะกลัวทำไม!

“เรามีแฟนแล้วน่า” ผมรีบบอกติ๋ม ตบไหล่เขาเบาๆ “เป็นเพื่อนกันนะ”

“นะ...นายอยากเป็นเพื่อนกับเราเหรอ”

“อืม!”

แล้วผมก็ตกเพื่อนได้หนึ่งคน

หลังจบพิธีปฐมนิเทศ เด็กทุนถูกเรียกไปรายงานตัวเพื่อฟังข้อแนะนำเพิ่มเติม อย่างเกรดที่ต้องรักษาไว้ และการทำงานรายชั่วโมงให้ทางมหาลัยเป็นการแลกเปลี่ยน

ติ๋มเองก็เป็นเด็กทุนด้วย บุญพาวาสนาส่งจริงๆ!

“ติ๋ม รีบกลับมั้ย”

“มะ...ไม่รีบ มีอะไรเหรอ”  ติ๋มสะดุ้ง เหมือนกลัวถูกฉุดไปไถเงิน

“ไปด้วยกันแป๊บนึงดิ” พูดจบ พวกเราที่รายงานตัวกับทางมหาลัยเสร็จแล้วก็รายงานตัวกับบ้านทองคำดีอีกต่อ ผมยืดอกพอใจมากเมื่อพาติ๋มมาเจอพ่อ แม่ และพี่จิ เพราะทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเลือกได้ดี!

“ติ๋มกลับไงเหรอลูก” นางจรวยปฏิบัติการนับญาติทันควัน แต่ละคนเองก็เริ่มรุมให้ติ๋มเป็นไข่แดงตรงกลาง

อย่าขยับ! ครอบครัวทองคำดีล้อมไว้หมดแล้ว!

“นั่งรถกลับด้วยกันมั้ย”

“ติ๋มกินอะไรมารึยัง”

“ฝากดูแลเจด้วยนะติ๋ม”

ติ๋มผู้หวาดกลัวตัวสั่น เมื่อเจอรัศมีอบอุ่นอ่อนโยนของครอบครัวทองคำดีกล่อมเกลาระยะประชิดก็เลิกกลัวผม จากพูดตะกุกตะกักก็เริ่มพูดคล่องขึ้น สรุปแล้วเขาจะติดอ่างเฉพาะเวลาตกใจหรือประหม่าสินะ ผมจะจำไว้

“แล้วเจอกันวันเปิดเรียนนะ!” ผมโบกมือลาเพื่อนใหม่ที่ขอตัวเพราะมีคนมารอรับ จากนั้นพวกเราก็ขึ้นรถ แวะกินข้าว ก่อนจะกลับบ้าน

ถึงห้องปุ๊บผมก็รีบถอดเสื้อนักศึกษา เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตและเสื้อคลุมสีสุภาพ ปัดทรงผมให้ดูเรียบร้อย ถอดต่างหู หยิบแว่นมาสวม คว้าป้ายพนักงานใส่กระเป๋า จากนั้นก็วิ่งลงบันได ขึ้นรถที่พี่จิกับเบิ้มรออยู่

วันนี้ผมขอลาครึ่งวัน ยังต้องไปทำงานอยู่นะ!

เมื่อถึงบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์เราสองพี่น้องก็แยกย้าย พี่จิขึ้นไปหาเสี่ยชั้นบนสุด ส่วนผมไปชั้นสี่อันเป็นสตูดิโอถ่ายทำเช็กเมท

“อ้าว น้องเจ มาแล้วเหรอ”

“สวัสดีครับ ขอโทษที่วันนี้มาช้านะครับ” ผมยกมือไหว้ทีมงานในกอง หันไปเห็นนิฌานกำลังเข้าฉาก สวมบทบาทพี่ชายมิสเตอร์เอสที่กำลังระดมสมองกับพวกพระเอกว่าจะจัดการกับหัวหน้าตำรวจอย่างไรดี

“ไม่ ฉันจะไม่ใช้เธอเป็นเหยื่อล่อเด็ดขาด!”

แผนการแรกอันชั่วร้าย คือให้พระเอกจับลูกสาวของหัวหน้าตำรวจเป็นตัวประกัน

หลายคนพากันถกเถียง แต่พระเอกยื่นคำขาด โมจัง ซึ่งแสดงเป็นอดีตคู่ขาก็โดนเดธแฟลกปักไปแล้ว พระเอกเลยไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นต้องมาซวยไปด้วย และสุดท้าย...ก็มาลงที่แผนการซึ่งทุกคนเห็นชอบ

“ถ้าอย่างงั้น...ก็คงต้องใช้ตัวนายเองล่อแล้วล่ะ!”

ธนัทเอ่ยปิดฉาก ผู้กำกับขานเสียงดัง

“คัต!”

เหล่านักแสดงได้พักกองชั่วคราวเพื่อให้ทีมงานจัดฉากใหม่เตรียมถ่ายต่อ ตอนแรกนิฌานทำหน้ากังวล แต่พอเห็นผมถือน้ำรอ ก็รีบปรี่เข้าหาแทบอดใจไม่ไหว

“พิธีปฐมนิเทศเป็นยังไงบ้างครับน้องเจ”

นึกว่ากังวลเรื่องการแสดง แต่ห่วงผมหรอกเรอะ!

“ก็ดีครับ ผมมีเพื่อนใหม่ด้วย ชื่อติ๋ม” ผมพูดพลางเปิดรูปถ่ายของติ๋มให้ดู นิฌานพยักหน้าหงึกหงัก ให้สามผ่านเหมือนครอบครัวทองคำดี

“เลือกได้เยี่ยมมาก! ดูปลอดภัย ไม่ตีท้ายครัวคนอื่นแน่นอน!”

“เหอๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ กับท่าทางเกินจริงของนิฌาน

“อ้าว น้องเจไปงานปฐมนิเทศมาหรอกเหรอ” พลันธนัทแทรกกลางวง พร้อมด้วยอัครเดชและพายที่ร่วมก๊วนด้วย “เอ๊ะ ถ้าจำไม่ผิดสัญญาน้องเจจะหมดแล้วนี่ แย่จัง ระหว่างพี่ฌานกับน้องเจ ผมยังอยากเห็นหน้าน้องเจในกองมากกว่าดารารุ่นเดอะอย่างพี่ฌานอีก”

“ปากร้ายนะเรา” นิฌานแสร้งแยกเขี้ยวทำเสียงดุ

“ครับ อาทิตย์หน้าก็หมดสัญญาแล้ว” ผมมองเมินคนรักได้เป็นธรรมชาติสุดๆ พวกเราไม่ค่อยแตะเนื้อต้องตัวประเจิดประเจ้อในกองมากนัก หนักสุดก็แค่กอดคอ โอบไหล่ ไม่เคยจับมือ นั่งชิด โอบเอว หรือยื่นหน้าใกล้กันเกินเหตุ

“กองนี้คงขาดสีสันแย่” ทีมงานที่ผ่านมาได้ยินพอดีพลอยมารวมกลุ่มด้วย “หาเด็กอายุสิบแปด ใสๆ น่ารักอย่างน้องเจยากมากเลย ความกระชุ่มกระชวย พลังงานอันบริสุทธิ์...”

“คุกคาม คุกคามแล้ว!” นิฌานยืนขวางหน้าผม เล่นใหญ่จนเรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากคนอื่นๆ ผู้กำกับเองก็มาคุยด้วย พอรู้ว่าใกล้จะแยกจากก็เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน ถ้าไม่ติดว่าคิวถ่ายกระชั้นชิดคงเลี้ยงส่งเป็นการเป็นงานกว่านี้ สุดท้ายเลยจบที่...สั่งพิซซ่ามาฉลอง

“เย้!” ธนัทดีใจ สลายตัวไปท่องบทราวบรรลุจุดประสงค์การก่อกวน ส่วนอัครเดชกับนิฌานมองหน้ากันยิ้มเจื่อน

เพราะสองพระเอกชื่อดังประจำช่องต่างต้องดูแลรูปร่างตัวเองให้ดี!

ผมล่ะแสนสงสาร ดึงเขาให้ก้มหน้าลงเพื่อกระซิบว่า ”ถ้าพี่นิฌานจะแอบกินพิซซ่าสักชิ้น ไขมันคงไม่รู้ตัวหรอก ผมไม่บอก พี่ไม่บอก ไขมันก็ไม่รู้”

“นั่นสิเนอะ แค่ชิ้นเดียวเอง ค่อยไปออกกำลังกายทีหลังก็ได้” มองสายตาวับๆ วาวๆ ของนิฌาน ผมก็เผลอคิดไกลจนถึง...เอ่อ...กิจกรรมใต้ร่มผ้า “คิดอะไรเนี่ยน้องเจ พี่หมายถึงออกกำลังกายปกติไม่ใช่อย่างอื่นสักหน่อย!”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ สมองมันลามกเอง!”

“แสดงว่าต้องแอบคิดๆ บ้างแหละ ไม่งั้นสมองจะสั่งงานไวขนาดนี้ได้ยังไง” นิฌานพูดยิ้มๆ “โอ๋ๆ ไม่แกล้งแล้วครับ พี่พูดเล่นเนอะ ไหน น้องเจส่งรูปชุดนักศึกษาให้แม่พี่หรือยัง”

เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน เด็กวัยรุ่นที่ศึกษาเรื่องสิบแปดบวกแต่ไร้ประสบการณ์อย่างผมก็รีบรับไม้ต่อทันที

“ยังเลยครับ ปกติผมส่งแต่รูปพี่ฌานไม่ก็รูปคู่ ไม่เคยส่งรูปเดี่ยวตัวเองให้เลย” ก็ผมไม่ใช่ลูกชายของเธอ จู่ๆ ส่งรูปตัวเองไปอวดว่าใส่ชุดนักศึกษา ใกล้จะเปิดเทอมแล้วนะ ไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอ

“ลองบอกสิ” นิฌานคะยั้นคะยอ “เผื่อจะตอบอะไรกลับมา”

มองท่าทางกระตือรือร้นนั้นแล้วขัดไม่ได้เลยจริงๆ บางทีนิฌานคงอยากคุยกับแม่ตัวเอง แต่ไม่รู้จะพูดอะไรเลยใช้ผมเป็นสื่อกลาง คิดไปคิดมา...ที่แม่เขาเริ่มโต้ตอบกับผมอาจจะคิดคล้ายๆ กันก็ได้

อยากคุย แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง อ้างเรื่องงานก็ไม่ได้ เรื่องตัวเองก็ไม่ดี ทิฐิสูงลิ่ว อคติค้ำคอ งั้น...ใช้สะพานเชื่อม!

แหม ใช้คุ้มกันเลยนะสองแม่ลูกปากหนักคู่นี้

ผมยิ้มๆ อย่างไม่คิดมาก ก่อนจะกดส่งรูปนักศึกษาในวันนี้ให้แม่ของเขา

ปรากฏเธอตอบกลับไวมากจนตกใจเลย!

- เปิดเทอมเมื่อไหร่คะ –

ผมพิมพ์ตอบ เธอส่งสติกเกอร์โอเค ก่อนจะส่งท้ายด้วยข้อความอวยพร

- ตั้งใจเรียนนะคะ –

ผมอ่านแล้วก็เงยมองนิฌานที่ชะโงกหน้าดูตั้งแต่ต้นจนจบด้วยความงุนงง ถึงจะรู้ว่าหน้าที่สะพานเชื่อมประสบความสำเร็จ แต่นี่ก็ออกจะชวนมึนอยู่นะว่าสำเร็จจริงหรือเธอเข้าใจผิดว่าใครเป็นลูกชายกันแน่

“แม่พี่บอกให้ผมตั้งใจเรียนด้วยอ่ะ”

“ดีแล้วครับ ขนาดกับพี่แม่ยังไม่เคยบอกให้ตั้งใจเรียนเลย มีแต่ให้ตั้งใจทำงานดีๆ ห้ามป่วยห้ามลาห้ามตาย” นิฌานเอ่ยทั้งรอยยิ้มบางกึ่งรำพึงรำพัน เขาดีใจกับความคืบหน้านี้ แต่บางทีก็อดจะเปรียบเทียบขึ้นมาไม่ได้

มามุกสลดอย่างนี้ ก็มีแต่ต้อง...

“ตั้งใจทำงานดีๆ นะครับพี่ฌาน”

ให้กำลังใจแทนแม่เขาล่ะนะ!

เฮ้อ เอาใจคนแม่แล้วก็เอาใจคนลูกต่อ นายเจตรินช่างประเสริฐเหลือเกิน

“ขอบคุณครับน้องเจ” นิฌานลูบหัวผมสามทีอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะเดินไปดูฉาก เตรียมซ้อมบทกับนักแสดงคนอื่น

ผมก้มมองโทรศัพท์ตัวเอง อ่านคำอวยพรให้ตั้งใจเรียนนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเค้นสมองว่าควรทำยังไงให้คนปากหนักสองคนหันหน้าคุยกันดีๆ บ้างนะ

ความสัมพันธ์ของผมกับนิฌานก็คืบหน้าแล้ว สายใยแม่ลูกก็ได้เวลาต้องเดินหน้าบ้างแล้วล่ะ ฮุยเลฮุย!

---------

วันนี้มาเบาๆ กับน้องเจที่ใกล้จะได้เปิดเทอมกันแล้วค่ะ

ไม่เจอน้องเจในกองก็ใจหาย แต่คนที่แทบขาดใจคงเป็นนิฌาน สำหรับเช็กเมทตอนจบไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่เห็นตอนถ่ายทำ แต่เดี๋ยวได้ดูพร้อมกับน้องเจบนหน้าจอแน่นอน!!

#น้องเจที่น่าลัก

Twitter : MajaYnaja
เพจนักเขียนที่อยากเห็นน้องเจชุดนักศึกษาบ้างจังน้า

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5

ออฟไลน์ sz4music

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องเจน่าลัก น้องเจน่าลัก น้องเจน่าลัก

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
พอน้องเจใส่ชุดนักศึกษาพี่ฌานดูเป็นตาแก่ไปเลย 55555

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ถ้าพี่ฌานเห็นน้องเจใส่ชุดนักศึกษา จะเป็นยังงัยน้า.  :hao3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อยากรู้จักน้องติ๋มให้มากกว่านี้  :hao3:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ความหลงน้องเจยังคงเส้นคงวามากกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 27 : มาตรการสะพานเชื่อม


เพราะใกล้จะหมดสัญญาแล้ว ช่วงนี้ผมเลยถ่ายรูปนิฌานเยอะเป็นเท่าตัว

จากเดิมส่งให้แม่ของเขาวันละสามถึงสี่รูป กลายเป็นรายงานแทบทุกชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มงานยันเลิกงาน ถ้าวันไหนต้องนอนค้าง ก็ถึงขนาดแอบย่องไปถ่ายเขาตอนซ้อมบทในห้องน้ำ ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ เผื่อว่ามารดาเคารพรักจะแอบเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ แม้ไม่เห็นหน้าก็สัมผัสกันได้ผ่านรูปถ่าย!

ตอนแรกเกรงว่าจะโดนรำคาญอยู่เหมือนกัน แต่แม่นิฌานไม่ตอบอะไร อ่านแล้วก็เงียบ มีโต้ตอบบ้างเวลาผมชวนคุยเรื่องตัวเอง

ฮึ่ม ปากแข็ง ปากหนักแบบนี้ต้องใช้ไม้เด็ด!

“พี่ฌาน ถ่ายวีดีโอกันเถอะ!”

เมื่อรูปถ่ายไม่เพียงพอ ก็ต้องใช้ภาพเคลื่อนไหวเป็นสื่อกลาง!

เสียดายที่นิฌานเข้าใจผิด คิดว่าผมจะถ่ายวีดีโอส่งท้ายก่อนจะหมดสัญญาในวันพรุ่งนี้ ถึงได้รีบวิ่งมาด้วยความไวเสียงมานั่งจุ้มปุ๊กข้างๆ เตรียมนวยเนียแสดงความหวานเก็บไว้ดูย้อมใจเวลาต้องห่างกัน

“เก็บมือไปเลยพี่ฌาน ผมจะส่งคลิปนี้ให้แม่พี่นะ” ผมตีมือเขาที่มาถึงก็รวบเอวไปกอด นิฌานทำหน้างอออดอ้อนเป็นเชิงไม่เห็นด้วย

“จะส่งให้แม่พี่ทำไมล่ะครับ เกิดส่งต่อให้นักข่าวนี่ซวยเลยนะ”

“สัญญาผมหมดวันพรุ่งนี้แล้ว จะไม่ได้เป็นผู้จัดการให้พี่แล้ว กลัวอะไรล่ะครับ” ผมเอ่ยเสียงเรียบขณะตั้งกล้องโทรศัพท์เตรียมถ่าย “อีกอย่างผมตั้งใจจะถ่ายแบบบอกเล่าคุยเล่นกัน ไม่ได้ให้เราจี๋จ๋าโชว์คุณแม่สักหน่อย”

“ฮั่นแน่ น้องเจไม่ไว้ใจแม่พี่เหมือนกันล่ะสิเลยไม่ให้พี่จับไม่ให้พี่ทัช”

“ผมไม่กลัวแม่พี่ปล่อยคลิป แต่กลัวคนอื่นต่างหาก” ผมหันไปทำหน้าเพลียใส่นิฌานที่พยายามหาข้ออ้างไม่ให้ถ่ายวีดีโอ “อย่างช่างซ่อมโทรศัพท์ ไม่ก็เพื่อนสนิทคุณแม่ที่เปิดเจอโดยไม่ตั้งใจ ฉะนั้นพี่ฌานต้องทำตัวดีๆ เป็นเด็กดีที่ต่อให้คลิปหลุดก็สร้างชื่อเสียงให้พี่ได้ ไม่ใช่เรื่องฉาวนะครับ”

เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจในการเป็นสะพานเชื่อมของผมแล้ว แฟนคนดีก็ทำหน้างอนปากยื่นนิดๆ อย่างเสแสร้งเกินจริง

“พี่ฌานงอนอะไรอ่ะ ผมทำเพื่อพี่นะ” ผมจิ้มปากยื่นๆ ของเขาอย่างนึกสนุก

“ก็พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่น้องเจจะเป็นผู้จัดการแล้ว หลังจากนี้ไม่รู้จะหาเวลามาเจอกันตอนไหน แทนที่จะอยู่ด้วยกันสองคน เก็บเกี่ยวความหวานให้มากๆ น้องเจกลับคิดถึงแม่พี่มากกว่าพี่อีก” เรียกร้องความสนใจสำเร็จ คนตัวโตก็ยิ่งทำปากยื่น ขมุบขมิบต่อว่าผม “น้องเจใจร้าย”

ผมเบิกตากว้าง อึ้งไปครู่ใหญ่ถึงจะเพิ่งเข้าใจว่าเขากำลังเลียนแบบผมอยู่

“ทำไมพี่ฌานพูดคำว่า ‘ใจร้าย’ แล้วไม่เห็นน่ารักเลยล่ะ” ผมเอียงคอ “ไหนพูดใหม่สิครับ ขอน่ารักๆ นะ”

“น้องเจใจร้าย” นิฌานเอ่ยอย่างว่าง่าย เอียงคอตาม แถมขยิบตาใส่ ไหนกันคนขี้งอน หลุดยิ้มแล้วไม่ใช่หรือ “น้องเจใจร้าย น้องเจใจร้าย น่ารักหรือยังครับ”

“น่ารักก็ได้ครับ” ผมพยักหน้ารับขอไปที ก่อนจะปล่อยไม้ตายด้วยการหอมแก้มเขาดังฟอด มันเขี้ยวชะมัดเวลาคนตัวโตแสร้งทำเล่นอย่างนี้ “งั้นถ่ายวีดีโอกันได้แล้วเนอะ”

“น้องเจ...” นิฌานเอ่ยเสียงระโหย ลูบแก้มตัวเองแล้วรีบชี้ที่ริมฝีปาก “จูบผิดที่รึเปล่าครับ มาจูบใหม่เร็ว”

“ถ่ายวีดีโอก่อนครับพี่ฌาน” ผมเดินไปตั้งกล้องใหม่อีกครั้ง ไม่ยอมให้เขาปฏิเสธ ซึ่ง...นิฌานก็ไม่คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว ในเมื่อหลังคบกัน คนที่เป็นฝ่ายช่วงชิงริมฝีปากก่อนคือเขาตลอด ผมไม่เคยเริ่มจูบก่อนเลย

ไอ้เขินน่ะก็ใช่ แต่หลังจากจูบกันหลายครั้งเข้าก็เริ่มชิน

สาเหตุจริงๆ ที่ผมไม่กล้าเริ่มน่ะเพราะ...เฮ้อ! ผมจูบไม่เป็น!!

อย่าลืมสิว่าผมเคยคิดเรื่องความรักที่ไหนกัน แฟนเอย คนรักเอย นู้น กองไว้ข้างๆ นู้น แล้วจู่ๆ จับพลัดจับพลูมาคบกับนิฌานปลาไหลมือปลาหมึก สุดแสนจะช่ำชองคนนี้ ผมจะกล้าจูบเขาก่อนได้ยังไง

“รีบถ่ายเร็วน้องเจ จะได้เสร็จไวๆ!” พอมีข้อแลกเปลี่ยน คนทำปากยื่นหน้างอก็ยิ้มกว้างทันควัน ผมมองคนรักอย่างละเหี่ยใจ ก่อนจะรีบปรับอารมณ์ ตั้งกล้องกดถ่ายแล้วเดินไปนั่งข้างนิฌานด้วยรอยยิ้มสุภาพพร้อมยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณแม่ พรุ่งนี้สัญญาผู้จัดการผมจะหมดแล้ว คงไม่มีเวลาถ่ายรูปนิฌานส่งให้เหมือนเก่า ผมกลัวคุณแม่จะเหงา ก็เลยถ่ายเป็นคลิปมาแทน เผื่อเวลาไหนที่คิดถึงกัน จะได้เปิดคลิปนี้ดู มีทั้งภาพทั้งเสียง ดีกว่ารูปถ่ายใช่มั้ยล่ะครับ” ผมพูดเองเออเองคนเดียว ก่อนจะใช้ศอกสะกิดนิฌาน ผลคือ...เขานั่งกอดอกหันข้าง ยอมถ่ายด้วยแต่ไม่คิดหันมองกล้อง

ทำตัวไม่ถูกล่ะสิเนี่ย

ผมมองคนรักอย่างเข้าใจ ไม่ได้กะให้เขายิ้มร่าพูดกับแม่ตัวเองตั้งแต่ครั้งแรก เลยทำตามแผนที่วางไว้ สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายใจ ให้นิฌานคลายความเครียดขึง

“วันนี้พวกเราไปเข้ากองเช็กเมทกันด้วย อีกไม่กี่ตอนเช็กเมทก็จะจบแล้ว ผมเสียใจมากๆ เสียใจมากๆๆๆ เลยครับ เพราะเรื่องมาถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วแท้ๆ เหลืออีกแค่ไม่กี่อาทิตย์จะฉายจบ แต่ผม...ผมกลับอดดูตอนถ่ายทำฉากสำคัญซะงั้นเลย!”

พูดถึงเรื่องนี้ อินเนอร์ก็เริ่มมา

“ความจริงไม่ได้เข้ากองก็ดีอย่างนะครับ ตรงที่ไม่รู้สปอย มาลุ้นเอาผ่านหน้าจอไปเลย แต่...พอได้เข้ากองบ่อยๆ ผมก็เสพติดสปอยไปแล้วอ่ะ! ฉากที่ต้องถ่ายวันพรุ่งนี้ก็สนุกมาก พอคิดว่าต้องมาค้างเติ่งคนเดียว รู้ล่วงหน้าก่อนคนอื่นอยู่คนเดียว คุยกับใครก็ไม่ได้ แถมยังคาใจกับตอนจบอีก ผมก็...เสียใจมากๆ เลยครับ!”

พลันคนที่นั่งกอดอกหันข้าง แต่เอนหลังพิงไหล่กันตัวสั่นกึกๆ ผมหันไปมองนิฌาน เจอภาพคนตัวโตกำลังกลั้นหัวเราะอยู่พอดี

“พี่ฌานจะหัวเราะก็หัวเราะออกมาเถอะ!” ผมศอกใส่คนข้างตัว หวังให้เขามีส่วนร่วม แต่นิฌานยังใจแข็ง ไม่พูดไม่จาไม่โต้ตอบ “คุณแม่อย่าไปสนใจเขาเลย ฟังผมเล่าดีกว่า เพราะวันนี้...ผมเจอความลับอย่างหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาก!”

การคุยคนเดียวจะว่าน่าอายก็น่าอาย แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว นายเจตรินถอยกลับไม่ได้!

“พี่ฌานชอบบังคับให้ผมกินผัก แต่เขาเองก็ไม่ชอบกินผักเหมือนกัน!” พูดจบก็หัวเราะสะใจ “วันนี้ที่กองมีมะระยัดไส้ สร้างเสริมสุขภาพให้นักแสดง แต่พี่ฌานควักแต่ไส้มากินไม่ใยดีมะระเลย พี่ฌานเองก็ไม่กินผัก กลัวขมเหมือนผมนั่นแหละ!”

พลันคนที่นั่งเงียบมาตลอดขยุกขยิกเหมือนอยากประท้วง

“ในเมื่อพี่ฌานยังเขี่ยมะระได้ แล้วทำไมผมจะเขี่ยผักบ้างไม่ได้ คุณแม่ว่าจริงมั้ยครับ”

“แต่น้องเจจะเอาสารพัดผักกับมะระมาเทียบกันไม่ได้นะ” 

และแล้วนายนิฌาน ชาญชัย ก็ทนคันปากไม่ไหว!

“ผมเขี่ยผัก พี่ฌานเขี่ยมะระ มันก็คือเขี่ยเหมือนกันนั่นแหละ”

“ถึงจะเขี่ยเหมือนกัน แต่พี่เขี่ยน้อยกว่าน้องเจนะ ของพี่น่ะแค่มะระ แต่น้องเจคะน้าก็ไม่กิน บวบก็ไม่กิน ขึ้นฉ่าย ใบกะเพรา ขิง ตะไคร้ หอมแดง หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศก็ไม่กิน!”

“ผมกินมะเขือเทศนะ” ผมทักท้วง

“ซอสมะเขือเทศไม่นับนะครับน้องเจ” นิฌานหรี่ตามองอย่างจับผิด

“งั้นเอาแบบนี้มั้ย ถ้าพรุ่งนี้พี่ฌานยอมกินมะระ ผมจะยอมกินผักหนึ่งอย่าง”

“ท้าดวลกันเหรอน้องเจ เหมือนพี่จะเสียเปรียบยังไงชอบกล”

“เสียเปรียบตรงไหน พี่ฌานยอมกินมะระหนึ่งครั้ง ผมจะยอมกินผักหนึ่งอย่าง พี่ฌานก็หัดกินมะระหลายๆ ครั้งสิ ผมจะได้กินผักหลายๆ อย่างไง”

ทุ่มเทกว่านายเจตรินมีบ้างมั้ย ผมถึงขนาดยอมเอาผักเป็นประกันเลยนะ!

“น้องเจ...ทุ่มทุนสร้างจริงๆ นะเนี่ย” มีหรือนิฌานจะไม่รู้จุดประสงค์ เขามองผมอย่างยอมรับนับถือกับการวัดใจครั้งนี้ แต่ไม่รู้ทำไม...ดวงตาเขาประกายวาวๆ ชอบกล

“แล้วพี่ฌานจะตกลงมั้ยล่ะครับ”

“มาถึงขั้นนี้แล้ว...ก็ต้องตกลงสิครับ” นิฌานถอนหายใจเฮือกอย่างจำใจ ขยับตัวหันหน้าหากล้องอย่างอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

“พี่ฌานตกลงแล้ว งั้นคุณแม่เป็นพยานในการท้าดวลครั้งนี้ของผมกับพี่ฌานด้วยนะครับ!” ทุกอย่างลงตัวตามแผน เมื่อมีเรื่องสุขภาพค้ำคอ ต่อให้ทิฐิแค่ไหนนิฌานก็อยากให้ผมกินผักมากกว่าอยู่ดี...

“งั้นเริ่มพรุ่งนี้เช้าเลยมั้ย หน้าปากซอยมีร้านตามสั่ง ทำแกงจืดมะระอร่อยมาก”

“เดี๋ยว พี่รู้ได้ไงว่าอร่อยมาก”

“ก็พี่เคยกินนี่ครับ” พลันคนที่เพิ่งทำหน้าเจื่อนเหมือนพลาดท่ายิ้มกริ่ม

...ผมสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล

“พี่ฌานไม่ได้เกลียดมะระเหรอ”

“ถ้ามีร้านทำอร่อยพี่ก็กิน แต่ในกองวันนี้ดันขมไปหน่อย แถมยังฝาดลิ้น พี่เลยเขี่ยทิ้ง ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้แต่ไม่อยากกิน น้องเจเข้าใจผิดไปเองทั้งนั้น”

“แล้วทำไมพี่ฌานไม่บอกผมก่อนล่ะ!” หมดกันนายเจตริน นึกว่าวางกับดักล่อเขาให้พูดกับกล้องสำเร็จ กลายเป็นตกหลุมเองซะงั้น

“ก็น้องเจกำลังสนุกนี่ พี่เลยสนอง” นิฌานหัวเราะร่า “อย่าคืนคำนะ แม่พี่ก็เป็นพยานแล้ว จะคืนคำไม่ได้นะครับน้องเจ”

มิน่าล่ะถึงจงใจหันหน้าตรงเผชิญกล้อง ที่แท้กะย้ำคำไม่ให้ผมบิดพลิ้วนี่เอง!

“คุณแม่ครับ พี่ฌานหลอกผมอ่ะ ท้าดวลเมื่อกี้เป็นโมฆะนะครับ”

“ไม่ได้ น้องเจเป็นคนยื่นข้อเสนอเองนะ พี่อุตส่าห์จำใจรับปาก ไม่ได้อยากตกลงเลยจริงๆ นะ”

“พี่ฌานแกล้งผมอ่ะ พี่ฌานใจร้าย!”

“ว่าพี่ใจร้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกครับน้องเจ ใช่มั้ยครับ คุณแม่”

นิฌานชะงักกึก เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรออกมา

พลันคนยิ้มแป้นแล้นสะใจที่ไล่ต้อนผมสำเร็จกลายเป็นเก้อกระดากทำตัวไม่ถูก นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่นิฌานเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงระรื่นยิ้มทั้งตาทั้งปากขนาดนี้

ด้วยกลัวว่าจะเสียบรรยากาศ ผมเลยรีบตามน้ำ เลิกโมโหโวยวายแต่หันไปพูดใส่กล้องแทน

“งั้นคุณแม่ตัดสินแล้วกัน ว่าจะเข้าข้างผม หรือจะเข้าข้างพี่ฌาน”

“คุณแม่ก็ต้องเข้าข้างน้องเจอยู่แล้ว” นิฌานหลบตาพลางพึมพำเสียงเบา

“โธ่ มีเด็กขี้ใจน้อยอยู่ตรงนี้คนหนึ่งนี่นา” ผมจิ้มแก้มคนที่หันหน้าหนี “ตัวโตขนาดนี้ยังทำตัวเป็นเด็กอีกเหรอครับ ไหนเด็กชายนิฌานอายุเท่าไหร่เอ่ย”

“แปดขวบ”

ในใจผมลอบสะท้านเฮือก แปดขวบ...คือช่วงเวลาที่เริ่มเข้าวงการ และตอนที่ความรักในครอบครัวของเขา...เริ่มจะพังทลายสวนกับความสำเร็จด้านการงาน

“เด็กชายนิฌานอยากให้คุณแม่เข้าข้างหรือเปล่าครับ”

นิฌานนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับโดยไม่หันไปมองกล้อง

“ถ้างั้นคุณแม่คงต้องเอาใจลูกชายสักหน่อยแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง ผม...จะยอมกินผักก็ได้” พอนึกถึงผักเขียวๆ ผมก็เผลอทำหน้าพะอืดพะอมวูบหนึ่ง ก่อนจะรีบกล้ำกลืน ยกมือไหว้เป็นการส่งท้าย “ราตรีสวัสดิ์นะครับคุณแม่”

ทุกอย่างจบลงด้วยดีเกินคาด อย่างน้อยผลตอบรับก็ดีมากกว่าที่คิดไว้มากโข ผมเดินไปปิดกล้อง โหลดคลิปส่งให้แม่นิฌานทันที ก่อนจะเดินมานั่งยองๆ ใช้สองมือยันใต้คางตัวเองขณะยื่นหน้าหาคนที่นิ่งเงียบทำอะไรไม่ถูก คล้ายยังสับสนลังเลอยู่ในใจ

“ไม่ยากใช่มั้ยล่ะครับ” ผมถามเขา ส่งยิ้มให้กำลังใจหนึ่งที “การคุยกับคุณแม่น่ะไม่ได้ยากอย่างที่พี่คิดใช่มั้ย ดูสิ บทจะพูดก็พูดได้นี่นา ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ แถมยังอ้อนขอความรักอีกต่างหาก ตอนอยู่กับผม พี่ฌานบอกรักตั้งหลายครั้ง สารภาพอย่างตรงไปตรงมา แต่กับคุณแม่ คงไม่เคยพูดความในใจ แสดงความน้อยอกน้อยใจเลยล่ะสิ”

“กับน้องเจน่ะพูดแล้วได้รับกลับเป็นเท่าตัว แต่กับแม่น่ะ...” นิฌานถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นคำตอบ “แม่เคยมองพี่เป็นลูกชายที่ไหน”

“เราถึงต้องพยายามปรับทัศนคติไงครับ!” ผมกำหมัดฮึดสู้ “เมื่อก่อนพี่ฌานทำงานอย่างเดียว ก้มหน้าก้มตารับคำสั่ง พอถึงตอนปฏิวัติขึ้นมาก็ตัดฉับๆ ไม่คิดสานต่อ เลยไม่เคยได้คุยกันดีๆ สักครั้ง คุณแม่เองก็ไม่ทันสังเกต ว่าพี่ฌานตอนยิ้มน่ะดูดีแค่ไหน เธอเห็นแต่ตอนพี่ทำงานจริงจัง ว่าง่าย ไม่ก็ดื้อด้าน ไม่รู้เลยว่าบทจะรั่วก็รั่วกระจุยกระจาย”

ผมพูดพลางเปิดโทรศัพท์ให้ดูรูปนับร้อยของเขาที่ส่งผ่านไลน์

“ดูสิ มีแต่รูปตลกๆ ของพี่ฌานทั้งนั้นเลย” ผมยิ้ม “ผมเดาว่าต่อหน้าแม่ พี่คงไม่เคยหัวเราะให้เธอเห็นเลยใช่มั้ย”

นิฌานพยักหน้ารับ เริ่มสลดลงอีกครั้ง

“แม่พี่เองก็คงไม่เคยหัวเราะให้พี่เห็นเหมือนกัน”

พลันเขาชะงัก ก่อนจะ...ค่อยๆ พยักหน้าลง

“พี่ฌานบอกว่าแม่ไม่เข้าใจพี่ มองในคนละมุม แต่บางที...พี่ฌานก็คงไม่เคยเข้าใจคุณแม่เหมือนกัน และไม่คิดจะเข้าใจด้วย ถึงได้ใช้วิธีหักดิบ ตัดสัมพันธ์ซะเลย” ผมอธิบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เว้นจังหวะการพูด ไม่ให้บีบคั้นเกินไปนัก “ผมไม่ได้โทษพี่ฌานนะครับ แต่อยากให้ลองลดทิฐิลงสักนิด ก็พี่กับแม่น่ะหัวแข็ง ปากแข็งยิ่งกว่าอะไร พอขัดกันปุ๊บก็เอาแต่โจมตีอีกฝ่าย มองในแง่ร้าย โบ้ยความผิดให้อีกคนที่ไม่ได้ดั่งใจ จนเรื่องราวบานปลายมาถึงขนาดนี้”

พูดจบ ก็เหล่มองคนรักเป็นระยะ

“เพราะแตกหักกันมานาน เลยยิ่งเข้าหน้ากันไม่ติด แต่...การคุยกันอีกครั้งก็ไม่ได้ยากเกินไปใช่มั้ยครับ อย่างน้อยพูดผ่านกล้อง ไม่ต้องเจอหน้าคุณแม่ ไม่ต้องรับรู้ว่าจะโดนตอกกลับให้เจ็บปวดใจยังไง พี่ก็ทำได้ดีนะ” ผมขยับเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด “ผมว่าแม่พี่ต้องยอมใจอ่อนบ้างล่ะ”

นิฌานแค่นยิ้มไม่ค่อยเชื่อถือนัก แต่ผมยังใจเย็น พยายามประนีประนอม

“ผมว่าความจริงแล้ว...ทั้งพี่ทั้งแม่ต่างก็อยากแก้ไขความสัมพันธ์ให้มันดีขึ้น  แต่มันถึงจุดที่ไม่รู้จะหันหน้าเข้าหากันยังไง ต่างคนต่างไม่อยากเป็นฝ่ายผิด ยึดความคิดตัวเอง ถึงได้ยิ่งดึงดันไปคนละทาง” 

พูดไม่ทันขาดคำ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะรีบหันหน้าจอให้นิฌานอ่าน

- รับปากแล้วอย่าคืนคำพี่เขานะลูก -

“ดูสิ คุณแม่เข้าข้างพี่จริงๆ ด้วยล่ะ”

“แม่อยากให้น้องเจกินผักต่างหาก” นิฌานยังคงงึมงำไม่ยอมรับ แต่ผมเห็นหรอก ว่าเขาใจชื้นขึ้นเยอะ แต่ยังไม่กล้าเชื่อเพราะกลัวผิดหวัง

ไม่เป็นไร เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา

“ไหน เด็กชายนิฌาน ชาญชัยแปดขวบ พร้อมจะรับรางวัลมั้ยครับ” ผมหลอกล่อด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พลันคนที่นั่งเซื่องซึมกลายเป็นจอมหน้าด้านหน้าทน รีบรวบเอวผมไปกอด พร้อมเงยหน้าทำปากจู๋ในทันที

“จูบพี่เร็ว จูบพี่เร็ว”

“กระตือรือร้นไปแล้ว!” ผมทั้งฉุนทั้งขัน ยังแอบเคืองหน่อยๆ นะที่เขาหลอกเรื่องเกลียดมะระกันจนเข้าใจผิดไปไกลโข แต่เอาเถอะ วันนี้ความสัมพันธ์ตระกูลชาญชัยพัฒนาขึ้นมาก ในฐานะสะพานเชื่อมอย่างผมก็ดีใจด้วย

“โอ๊ย!”

แต่ก็อดเอาคืนไม่ได้จริงๆ ผมเลยจูบ ไม่สิ ขบลิ้นอีกฝ่ายแบบไม่เบา

“ชอบแบบเจ็บปวดเหรอครับน้องเจ” คาดไม่ถึง คนเจ็บจนน้ำตาเล็ดไม่ยอมปล่อยมือจากเอวผม แถมยังรั้งเข้าหา บังคับให้โน้มหน้าจูบใหม่อีกครั้ง

“อืม...พี่ฌาน”

เทียบกับจูบอนุบาลของผมแล้วทาบกันไม่ติดเลยสักนิด ถึงจะเจ็บลิ้น แต่นิฌานก็ยังกระเหี้ยนกระหือรือ ดุนลิ้นกับริมฝีปากผมให้เปิดช่องได้คืบคลาน แทรกแซงเข้ามาพัวพันชุลมุนกลายเป็นสงครามย่อมๆ ผมครางในลำคอ หายใจกระชั้นแทบหมดลม ให้ตายเถอะ เรื่องนี้มิอาจทัดเทียมคนเก่งกล้าเลยจริงๆ จนสุดท้ายก็หน้าแดงใจสั่น เป็นฝ่ายยันมือกับอกเขาให้ผละออก

“วันนี้นอนกับพี่นะครับ” นิฌานเอ่ยหลังผมเริ่มปรับลมหายใจให้เป็นปกติ สองมือยังเกาะเอวไม่ห่างสมฉายามือปลาหมึก เหนียวหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้าง “พี่ไม่ทำอะไรน้องเจหรอก แต่น้องเจใกล้จะไม่ได้เป็นผู้จัดการแล้ว ขอพี่ชาร์ตแบต กอดน้องเจให้เต็มอิ่มนะครับ”

หลังจากเป็นแฟนกัน แม้จะมาค้างคืนบ้าง แต่ผมก็นอนโซฟาเหมือนเดิมด้วยกลัวว่าคนทำงานหนักจะหมกมุ่นเรื่องใต้ร่มผ้าจนสมาธิหลุด...

“แค่กอดอย่างเดียวนะ”

นิฌาน ชาญชัยขึ้นชื่อเรื่องมุดโปงขนาดไหน ผมที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องจึงไม่ค่อยกล้าเสี่ยงนัก ก็บางครั้งบางทีแค่กอดกันตรงโซฟา ไอ้ส่วนกลางลำตัวของเขาก็ปูดโปนทักทายกันซะงั้น เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ ผงะถอยแทบไม่ทัน

เพิ่งคบกันไม่ถึงเดือน ยังไม่พร้อมเสียตัวโว้ย!

“ถึงไอ้ส่วนนั้นจะไม่รักดี แต่พี่ควบคุมตัวเองได้ครับน้องเจ แค่กอดจริงๆ”

ผมหรี่ตามองนิฌานอย่างจับผิด เห็นเขาทำหน้าซื่อตาใส ก็ถอนหายใจเฮือก

“ก็ได้ครับ”

สิ่งที่เชื่อมั่นเสมอมา คือนิฌานไม่มีวันทำให้ผมเสียใจ

แต่ที่ไม่ค่อยจะเชื่อน่ะคือตัวเองต่างหาก! ผมน่ะเป็นวัยรุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ไอ้เรื่องเคารพธงชาติทุกเช้าก็เรื่องปกติมั้ย! เกิดมึนๆ เผลอเอาของตัวเองไปชนของเขาก่อนจะทำยังไง ต้องหยั่งใจไว้นะเจตริน!!






....ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดอะไรอยู่

ยังครับ ผมยังปลอดภัยดี เมื่อคืนก็นอนกอดกันสงบเสงี่ยมดีครับ แม้ตื่นเช้าจะเคารพธงชาติอย่างที่คิดไว้ไม่ผิดก็เถอะ แต่นิฌานทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ...ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติจริงๆ นั่นแหละ ผมที่ตอนแรกแอบเขินๆ เลยพลอยหน้าหนามากขึ้น ไม่พูดเรื่องไม่เหมาะไม่ควรปล่อยให้สงบลงไปเอง เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องกล้ำกลืนเผชิญหน้า

นั่นคือ...แกงจืดต้มมะระ!

นิฌานไม่ยอมให้ผมบิดพลิ้ว ตั้งกล้องถ่ายเป็นหลักฐานส่งให้แม่ด้วยตัวเองเลยทีเดียว เห็นเขาเริ่มเข้าใจและพยายามจะเป็นฝ่ายเข้าหามากกว่าหลบเลี่ยงอย่างเคย ผมก็จำใจต้องกินทั้งน้ำตา

แต่ไม่น่าเชื่อครับ มะระร้านนี้อร่อยสมคำล่ำลือ! ไม่ค่อยขม แถมยังต้มจนเปื่อย กินแล้วเคี้ยวงุบๆ เหมือนกำลังกินฟักมากกว่ามะระ การท้าดวลครั้งนี้เลยราบรื่น ไม่มีใครบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

มาลุ้นเหงื่อตกเอาตอนส่งคลิปรายงานผลให้แม่ของเขานั่นแหละ เพราะผมเป็นฝ่ายถูกกระทำ โดนนิฌานแกล้งหยอก แถมแม่ของเขาไม่เข้าข้าง หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมส่งคลิปเด็ดขาด นิฌานจึงนั่งทำหน้าเคร่งถือโทรศัพท์ คานิ้วเหนือปุ่มกดส่ง

“แค่จิ้มลงไปเองครับพี่ฌาน” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมคนที่ต่อสู้กับจิตใจตัวเองจนเส้นเลือดสมองปูด “แค่จิ้มลงไปเบาๆ นะพี่ฌาน ไม่ได้ยากเลย สู้ๆ”

แล้วนิฌานก็สูดหายเข้าลึก หลับตาข้างหนึ่งจิ้มจึกสำเร็จ

ผมปรบมืออย่างชื่นชมในความกล้าทลายกำแพงครั้งแรกของเขา

“รู้สึกยังไงบ้างครับ”

“ก็...โล่งๆ ดีมั้ง” นิฌานตอบอย่างงุนงง เพราะไอ้ทิฐิที่ถือไว้นับปี เมื่อลองวางลงแล้วกดปุ่มจิ้มส่งแค่ครั้งเดียว กลับง่ายดายเหลือเชื่อ

แต่สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร

ผมกับเขานั่งเคียงกันในห้อง รอผลลัพธ์อย่างใจจดใจจ่อ

ไม่นาน แม่นิฌานก็ส่งสติกเกอร์ยกนิ้วโป้งชมเชยตอบกลับมา

นิฌานถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองสติกเกอร์นั้นจนมั่นใจว่าไม่ถูกต่อว่าหรือได้รับคำพูดจาทำร้ายกันเหมือนในอดีตก็หลุดยิ้ม

“ขอบคุณนะครับน้องเจ”

“ยินดีเสมอครับ”

ผมยิ้มรับคนที่ยื่นหน้ามาจุ๊บเบาๆ บนริมฝีปาก ก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายรีบเก็บของออกจากห้อง เพราะว่า...

วันนี้เป็นการเข้ากองเช็กเมทครั้งสุดท้ายของผมแล้ว!

---------------

ลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟค่ะ

สัญญาณของคู่แม่ลูกตระกูลชาญชัยเริ่มดีขึ้น เพราะสองคนนี้เหมือนเป็นทางขนาน ต่างมองโทษกันไปมา ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด แล้วก็ระทดระท้อใจทำร้ายกันเอง จนหาทางเข้าหน้ากันดีๆ ไม่ได้แล้ว ด้วยเหตุนี้...จึงต้องมีสะพานเชื่อมอย่างน้องเจนี่เอง!

#น้องเจที่น่าลัก

เพจนักเขียนที่อยากมีน้องเจมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน


Twitter : @ MajaYnaja

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
น้องเจนี่กาวใจที่แท้ทรูจริงๆ รอวันแม่ลูกเขาคืนดีกันนะ น้องเจต้องยิ้มแก้มแตกแน่ๆ

ปล.น้องติ๋มเป็นใครมาจากไหน แต่ไม่คิดว่าน้องจะโผล่มาเล่นๆแค่ฉากสองฉากแน่ๆ
ปล.2 อยากเห็นน้องเจมาดแบดบอยในชุดนักศึกษาเมื่อเช้าจัง

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น้องเจเป็นกาวใจของพี่ฌาณกับคุณแม่  :กอด1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
น้องเจทำดีมากค่ะ โอยยยย ปกติก็รักอยู่แล้ว ยิ่งรักน้องมากขึ้นไปอีก  :-[

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ติ๋มมมมมมมมมม ... ???
ไม่เคยรักใครเท่าติ๋ม ...

มีความหมิ่นเหม่ว่า ติ๋มจะมีบทบาทในภายภาคหน้า :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กำลังคิดว่าติ๋มจะเป็นชายชุดดำคนนั้นอ่ะป่าวน่ะ  :confuse:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 28 : จุดจบ จุดเริ่มต้น


อย่างที่เคยเกริ่นไป ว่าวันนี้เป็นการเข้ากองวันสุดท้ายของผม แต่ผมลืมขยายความอีกนิด ว่าฉากที่ถ่ายทำเป็นหนึ่งในฉากที่ผมรอคอยมากที่สุด!

ฉากเฉลยพี่ชายมิสเตอร์เอสว่าแท้จริงแล้วเป็นหัวหน้าองค์กร (สักที!)

ส่วนแผนที่จะใช้หลอกหัวหน้าตำรวจมานั้น...ก็คือการให้ลูกสาวของเขาไปบอกพ่อว่าพระเอกตายแล้ว!

ติดเชื้อจนตายด้วยแผลถูกยิงสีข้าง!

เอ่อ ผมรู้น่าว่ามันดูแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่สำหรับหัวหน้าตำรวจ แค่รู้ว่าพระเอกตายแล้วก็ไม่สนหรอกว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร ยิ่งลูกสาววิ่งไปร้องห่มร้องไห้ ขอความช่วยเหลือ ก็รีบทำทีเป็นปลอบลูก

ครับ แก๊งพระเอกไม่เคยบอกเธอเลยว่าศัตรูของพวกเขาคือพ่อของเธอเอง เพราะการติดต่อกับหัวหน้าตำรวจอย่างราบรื่น ก็มีแต่ให้ลูกสาวสุดรักสุดหวงวิ่งไปเองเท่านั้น

ลูกสาวผู้ไม่รู้ว่าพ่อทำความผิด เธอเอาตัวพระเอกมาซ่อนเพียงเพราะไม่อยากถูกต่อว่าด้วยกลัวจะถูกกีดกัน

และนักแสดงหัวหน้าตำรวจ ก็คือ...อดีตหัวหน้าองค์กรก่อนที่นิฌานจะมาสวมบทแทน!

วันนี้เขาเข้ากองมาทั้งแขนใส่เฝือกด้วยสปิริตเปี่ยมล้น!

คนเขียนบทแก้ว่าทางหัวหน้าตำรวจประสบอุบัติเหตุจากตอนที่ไปไล่ล่าสมาชิกคนที่ถูกฆ่าตายบนเกาะ จึงสมเหตุสมผลว่าทำไมตัวร้ายใส่เฝือกเข้าฉาก

ถึงอย่างนั้นก็มีคนติดตามมาด้วย เพราะกลัวว่าพระเอกจะตายไม่จริง แม้ไอ้การร้องไห้ใจจะขาดของลูกสาวจะสมจริงมากก็ตาม

ซึ่งสงสัยน่ะดีแล้ว ในเมื่อนี่เป็นแผน และเมื่อเป็นแผน...หัวหน้าตำรวจก็ติดกับ!

ทันทีที่ลองเปิดถุงเก็บศพสำรวจพระเอกซึ่งแสร้งนอนนิ่งแต่ถือปืนรอ พระเอกก็ยิงสวนขึ้นมาหนึ่งนัด ด้วยระยะที่กระชั้นชิดเกินไป หัวหน้าตำรวจจึงบาดเจ็บ ข้างศีรษะถากเป็นรอยแผลยาวน่าสยดสยองจนตาลืมไม่ขึ้นข้างหนึ่ง เหล่าลูกน้องขยับตัวทันที แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตัวหัวหน้าถูกพระเอกถือปืนจ่อกลางหน้าผากเป็นตัวประกัน

“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้!”

เมื่อรู้ว่าโดนหลอก หญิงสาวก็ตะโกนอย่างเจ็บปวดที่ลวงพ่อตัวเองมาโดนคนที่รักฆ่า พระเอกมองเธออย่างขอโทษ พอดีกับพายที่ย่องไปสับท้ายทอยให้เธอสลบ ก่อนจะลากออกไปหลบมุม ป้องกันโดนลูกหลง

หัวหน้าตำรวจเมื่อเห็นว่าลูกสาวปลอดภัยดีก็โล่งอก ก่อนจะหันมาประจันหน้ากับพระเอก ซึ่งมองสบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตาแฝงความโกรธแค้นชิงชัง

“ขอบคุณ ที่ไม่ลากลูกสาวฉันมายุ่งด้วย”

“เพราะเธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้...เธอไม่ใช่คนที่ทำให้มิสเตอร์เอสต้องตาย!” พระเอกเอ่ยพลางให้ธนัท พาย และนิฌานปลดอาวุธลูกน้องของหัวหน้าตำรวจและฆ่าทิ้งซะ เพราะถ้าไม่กำจัดให้หมดในวันนี้ จะต้องมีการตามล่ากันต่อแน่นอน

หัวหน้าตำรวจกระตุกเปลือกตาเมื่อได้ยินเสียงลูกน้องค่อยๆ ล้มลงทีละคน

“ฉันไม่เกี่ยวข้องกับการตายของมิสเตอร์เอส”

“โกหก!” พระเอกเกรี้ยวกราด “แกเป็นคนขององค์กร!”

“ใช่ ฉันเป็นคนขององค์กร แต่ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของมิสเตอร์เอส...ฉันตั้งใจจะทรยศองค์กรนั้นด้วยซ้ำ! ตั้งใจให้การบุกครั้งนั้นสร้างชื่อ! ชุบตัวออกมารับยศตำแหน่งอย่างภาคภูมิ!”

“น่าหัวร่อ ชุบตัวอะไรกัน แกเป็นคนตามล่าพวกเราไม่ใช่รึไง”

“ฉันสั่งแค่ให้ลูกน้องคอยขัดขวางไม่ให้ตามจับคนขององค์กรเพราะไม่อยากถูกเปิดโปงเท่านั้น และออกคำสั่งให้ฆ่าปิดปากคนคนนั้น แต่ไม่เคยให้ใครไปทำร้ายพวกนายสักครั้งเดียว”

“ฉันถูกตำรวจยิง!” พระเอกชี้ไปที่แผลเป็นตรงสีข้าง

“เรื่องนั้น...”

“หุบปาก” พระเอกซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นจากการถูกทรยศหักหลังของคนที่ให้ความร่วมมือกันดีตั้งแต่ซีซันหนึ่ง แถมยังต้องสูญเสียทั้งเพื่อนคนสำคัญและโมนา ทำลายความเชื่อใจของผู้หญิงแสนดีที่ช่วยดูแลยามบาดเจ็บสาหัส ถือปืนจ่อให้อีกฝ่ายเลิกพูดเสียที “ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง แล้วทำไมเมื่อได้ยินว่าฉันตาย ถึงรีบมากันล่ะ ไม่ใช่ว่าดีใจหรอกหรือ”

ครั้งนี้หัวหน้าตำรวจเถียงไม่ออก เพราะการที่พระเอกตายไป นับเป็นเรื่องดีกับตัวเองจริงๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเปิดโปงเอาภายหลัง การตามล่าหาสมาชิกองค์กรคนอื่นๆ ก็ปลอดภัยต่อตำแหน่งมากขึ้น

“เช็กเมท”

ความเงียบไม่ต่างกับการยอมรับนั้น แม้จะเป็นในคนละความหมายที่แก๊งพระเอกเข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นอัครเดชก็ลั่นไกปลิดชีพหัวหน้าตำรวจหวังจบเรื่องราวเสียที

ตั้งแต่ต้นจนจบ นิฌานมองแผนยืมมือฆ่าที่ประสบความสำเร็จด้วยรอยยิ้มบางแต้มบนมุมปาก ผิดกับคนอื่นๆ ที่แม้จะกำจัดตัวการสำคัญได้ แต่สีหน้ากลับแฝงความเสียใจที่เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดแตกหัก

นิฌานซ่อนใบหน้านั้นได้แนบเนียน เขารอ...จนเมื่อร่างของคนทรยศองค์กรค่อยๆ ล้มลง มือกุมอกที่ถูกยิงจนเลือดทะลัก ลมหายใจใกล้ปลิดปลิว ก็เดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะก้มกระซิบข้างหู

“หลังบุกองค์กร คิดว่าจะลอยตัวหนีออกไปได้ง่ายๆ งั้นหรือ” นิฌานเหยียดยิ้ม ก้มหน้าจนไม่มีใครสังเกต “ช่างเป็นสหายที่โง่เขลาอะไรอย่างนี้ จำไว้ซะ ไม่มีจุดจบที่ดีสำหรับคนทรยศ”

หัวหน้าตำรวจซึ่งสภาพร่อแร่ใกล้ตายพลันเบิกตากว้าง พลังเสี้ยวสุดท้ายเผยใบหน้าเจ็บแค้นขณะมองนิฌานซึ่งปลอมแปลงตัวเองแต่ไม่คิดเปลี่ยนเสียงอย่างตื่นตะลึง อดีตสมาชิกองค์กร ย่อมจดจำหัวหน้าตัวเองได้

แต่นิฌานไม่คิดให้อีกฝ่ายทักท้วง เมื่อเห็นร่างนั้นเริ่มดิ้นและอ้าปากพร้อมเปิดโปง ก็ลั่นไกจ่อหน้าผาก เป็นการจบชีวิตคนทรยศด้วยมือตัวเอง

“นายพูดอะไร ทำไมหมอนั่นถึงดูตกใจขนาดนั้น” ธนัทถามสงสัยกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของหัวหน้าตำรวจที่จากใกล้ตายเป็นคลุ้มคลั่ง

“ฉันบอกว่าตัวเองเป็นพี่ชายมิสเตอร์เอส” นิฌานเอ่ยอย่างไร้พิรุธ “หมอนั่นเป็นคนฆ่าเองกับมือ เห็นคนตายแล้วฟื้นคืนชีพ ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงขนาดนั้น”

เป็นประโยคที่น่าเชื่อถือ ธนัทจึงไม่ติดใจสงสัย หันไปตบบ่าพระเอกซึ่งหลังจากฆ่าศัตรูคู่แค้นสำเร็จก็นิ่งงัน เหมือนว่าการลั่นไกออกไปนั้น ไม่ได้ช่วยให้ความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียสหายดีขึ้นสักนิด

แต่ถึงอย่างนั้น การกำจัดคนชั่วไปหนึ่งคน ก็สามารถปกป้องชีวิตคนบริสุทธิ์ในภายภาคหน้าอีกนับไม่ถ้วน พระเอกพยายามปลอบใจตัวเอง ขณะที่พายหยิบโทรศัพท์ของหัวหน้าตำรวจแฮกหาข้อมูล

“หมอนี่ใช่หัวหน้าองค์กรจริงๆ น่ะเหรอ” ธนัทพึมพำ อย่าว่าแต่พระเอกที่เคว้ง ตัวเขาเองก็ยังทำตัวไม่ถูกเมื่อเป้าหมายถูกกำจัดขึ้นมาจริงๆ

“หัวหน้าองค์กรที่แฝงตัวเป็นหัวหน้าตำรวจ ไม่เคยถูกสืบค้น ไม่มีประวัติทำผิดมาก่อน เป็นการปลอมตัวที่สมบูรณ์แบบที่สุดไม่ใช่หรือ” นิฌานเอ่ย ขณะหันมองพายที่ส่ายหน้าเบาๆ เมื่อไม่สามารถขุดหลักฐานกล่าวหาที่มีน้ำหนักพอได้

“ตัวหัวหน้าตายอย่างนี้สมาชิกที่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องรอรับคำสั่ง อาจจะหนีไปต่างประเทศแล้วละมั้ง” ธนัทเอ่ย “แล้วคุณพี่จะทำยังไงต่อล่ะ จะรวมกลุ่มกับพวกเราตามจับคนอื่นต่อ หรือแยกย้ายกันเลยมั้ย”

“นั่นสินะ...” นิฌานหันไปหาพระเอก นิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ชวนใจหาย “ฉันอยากไปเยี่ยมหลุมศพน้องชาย”

โดยเฉพาะกับแฟนพันธุ์แท้เช็กเมทอย่างผม

“ฉันอยากไปเยี่ยมหลุมศพมิสเตอร์เอส”

“คัต!”

ผมแทบหยุดหายใจกับฉากหลากอารมณ์ตรงหน้า ไม่อยากจะคิดถึงวันออกอากาศ...ฉากที่นิฌานก้มกระซิบบอกนั้น ไม่ต่างกับการเปิดเผยตัวตนครั้งแรกต่อหน้าคนดูทั้งประเทศ!

ผู้กำกับก็ช่างเก่งกาจ นับตั้งแต่นิฌานเอ่ยประโยคนั้น มุมกล้องที่ถ่ายเขาก็เจาะจงเล่นแสงเงามากขึ้น เผยมุมมืดของใบหน้ายามลอบยิ้มหยันและแววตาประกายชั่วร้าย ซึ่งแก๊งของพวกพระเอกไม่ทันสังเกต

“พี่เล่นดีมั้ยครับน้องเจ”

ถามแฟนพันธุ์แท้อย่างผม บอกได้เลยว่าฉากเมื่อครู่เล่นเอาอยากจะกระโดดต่อยหน้าเขา ต่อให้คบกันแล้วความรู้สึกนั้นก็ไม่ลดลงสักนิด

อยากต่อย อยากต่อย อยากต่อย!

“น้องเจทำร้ายพี่ลงเหรอครับ” เพราะอ่านโทรจิตได้ นิฌานเลยกุมแก้มป้องกันตัวเองอย่างหวาดหวั่น “หลังจากนี้จะไม่เห็นน้องเจในกองเช็กเมทแล้ว ใจหายเหมือนกันนะ”

“พี่อย่าพูดสิ คนที่เศร้าที่สุดน่ะผมต่างหาก” พูดแล้วจะร้องไห้ เป็นคนขอร้องให้นิฌานรับเล่นเองแท้ๆ แต่กลับติดภารกิจด้านการเรียน จนอดติดตามจนถึงฉากสุดท้ายที่เฝ้ารอ “ซีซันนี้เป็นซีซันจบของเช็กเมทแท้ๆ เลย”

“วันฉายฉากจบพี่จะไม่รับงาน นั่งดูกับน้องเจดีมั้ยครับ”

“แต่วันนั้นผมนัดกับครอบครัวแล้ว หรือพี่ฌานจะมาดูที่บ้านผมมั้ย” ผมเอ่ยอย่างลังเลใจ ทั้งซีซันหนึ่งและสอง ครอบครัวทองคำดีจะนั่งดูเช็กเมทด้วยกันเสมอ

“แต่พี่อยากเช็กเมทน้องเจนี่นา”

“อะไรนะครับ” ผมถามเขาตาเขียว ถึงจะไม่ค่อยมีคนรู้ความสัมพันธ์ของเรา แต่ไอ้คำกำกวมมันสมควรพูดในกองมั้ยฮะ

เช็กมงเช็กเมทอะไรกัน ฝันไปเถอะ!

“ไม่มีอะไรหรอกครับ” นิฌานแสร้งหันหน้าหนี แก้มซับสีแดงจาง เฮ้ คนที่เล่นมุกใต้ร่มผ้า แถมยังหน้าหนาอย่างเขา ไม่ควรจะเป็นฝ่ายเขินมั้ย

ผมมองนิฌานแล้วเหมือนเห็นนางฟ้าและซาตานในใจเขากำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง ใจหนึ่งอยากถนอม อีกใจอยากเผด็จศึก ก็ตบไหล่คนที่เพิ่งบอกว่าควบคุมตัวเองได้ แต่พอใกล้จะจากกันกลับเผยความหงอยเหงาเศร้าซึมเหมือนอยากให้เวลาเดินช้าอีกสักนิด

แล้วผมจะทนไหวเหรอ

“ตกลงครับ”

สุดท้ายก็ตอบตกลงไปจนได้ ผมถอนหายใจเฮือก เรื่องป้องกันตัวเองนั้นไหวอยู่ แต่ที่ทนไม่ได้คือกลัวคนที่เห็นผมเป็นแสงนำทางชีวิตสลดเมื่อไม่ได้เจอกันต่างหาก เพราะนับจากนี้...คงหาเวลาเป็นส่วนตัวยากขึ้นแล้ว

ต้องแบ่งเวลาระหว่างครอบครัวกับคนรักให้ดี

สำหรับคนที่เพิ่งมีแฟนอย่างผม บอกเลยว่าไม่ค่อยชินเลยสิน่า!






แล้ววันเปิดเทอมของผมก็มาถึง

(( น้องเจตื่นหรือยัง ))

“ตื่น...แล้วครับ”

ข้อตกลงแรกหลังแยกย้ายใช้ชีวิตของตัวเอง คือการโทรหากันทุกวันตอนเจ็ดโมงเช้าและห้าทุ่ม ที่ต้องเจ็ดโมงเช้า เพราะเป็นเวลาตื่นนอนของผมพอดี นิฌานเสนอตัวเป็นนาฬิกาปลุก อยากให้ผมได้ยินเสียงเขาคนแรกของวัน

ส่วนที่ต้องห้าทุ่ม ก็เพราะเป็นเวลาที่ผมและเขาน่าจะกลับถึงบ้านแล้ว พวกเราพยายามนัดคุยกันในเวลาส่วนตัว จะได้ไม่กระทบกับการงานและการเรียน พ่วงถือโอกาสราตรีสวัสดิ์ด้วยเลย

(( ลืมตาเดินสิครับน้องเจ ))

นิฌานโทรเป็นวีดีโอคอล เลยเห็นภาพผมเดินสะลึมสะลือเข้าห้องน้ำ

“อืมๆ...ไม่ลืม...ไม่สะดุด หาว...” ผมพูดไม่เป็นคำ หลังล้างหน้าแปรงฟันจัดการตัวเองเรียบร้อย ก็เดินสวมเสื้อนักศึกษาทำหน้ายุ่งออกมา เห็นนิฌานกำลังขับรถฮัมเพลงสบายใจเฉิบ จากมุมมอง เขาน่าจะตั้งโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าปัดรถละมั้ง

“พี่ฌานจะถึงกองรึยัง” ผมถามเขาอย่างเป็นห่วง เพราะถ้าจำไม่ผิด วันนี้เขาต้องเข้ากองเช็กเมทตอนเจ็ดโมงครึ่ง

(( อ้าว ตื่นเต็มตาแล้วเหรอครับน้องเจ )) นิฌานหันมายิ้มให้ เขาใส่หูฟัง ไม่ได้ตะโกนคุยอย่างผมที่เปิดลำโพงเดินไปเดินมารอบห้อง (( อรุณสวัสดิ์ครับ ))

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

แปลกดีเหมือนกันแฮะ ปกติต้องเจอหน้าเขาทุกวัน เปลี่ยนเป็นคุยกันผ่านหน้าจออย่างนี้ก็ให้อารมณ์หวานซึ้งซาบซ่านหัวใจในอีกแง่หนึ่ง

(( พี่ใกล้ถึงแล้ว กินข้าวเช้าแล้วด้วย น้องเจล่ะ ))

“แม่ผมทำข้าวต้มกระดูกหมู ใส่กระเทียมเจียว เห็ดหอม และก็กุ้งแห้งด้วย”

(( น่ากินจัง ))

“ผมจะกินเผื่อพี่ฌานเองนะ”

(( ถึงมหาลัยแล้วอย่าลืมส่งข้อความบอกพี่ด้วยล่ะ ))

“พี่ฌานเองก็ตั้งใจทำงานนะ สู้ๆ”

พลันนิฌานถอนหายใจเฮือก เหลือบมองผมอย่างคิดถึงสุดหัวใจ

“ให้น้อยๆ หน่อยพี่ฌาน นี่เพิ่งวันแรกเองนะ” เห็นแล้วอดเหวขึ้นมาไม่ได้จริงๆ สายตาเขาจะชวนเลี่ยนเกินไปหน่อยมั้ย ผมถึงกับขนลุกเฮือกๆ เลย

(( แม้ตัวจะไม่อยู่ แต่น้องเจจะสถิตในใจพี่เสมอ )) พลันนิฌานทำหน้าบรรลุ (( คบเด็กต้องทำใจ แต่กินเด็กแล้วเป็นอมตะนับว่าคุ้ม ))

“กินอะไรล่ะ พี่ยังไม่ได้กินสักหน่อย!”

(( พี่แค่เปรียบเปรย น้องเจอย่าลามกสิ ))

“ฮึ่ม วางแล้วนะครับ”

ทำไมคนรักคล้ายกำลังนับเวลาถอยหลัง รอเวลาล่าเหยื่อเลยนะ คุยเรื่องนี้ทีไรแม้คิดว่าเขายังไม่กล้าทำอะไรแต่ขนคอลุกชันทุกที ผมส่ายหน้าให้กับการกระเซ้าแซวของนิฌาน ก่อนจะสะพายเป้เดินลงไปทานข้าวเช้า เสริมสร้างพลังงานเตรียมผจญกับการจราจรของประเทศไทย

เปิดเทอมวันแรก...กับชีวิตที่เปลี่ยนจากผู้จัดการเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง

เอาใจช่วยผมด้วยนะครับ!

 -----------------

 ชื่อตอนจุดจบ จุดเริ่มต้น สื่อถึงทั้งเรื่องเช็กเมทและชีวิตน้องเจค่ะ

ในเช็กเมทคือกำจัดตัวร้ายได้แล้วเหมือนจะจบ แต่ความจริงคือเป็นเหมือนเพิ่งเริ่มต้นในการเอาคืนของหัวหน้าองค์กรที่ได้เวลาหันมาตลบหลังพวกพระเอกแล้ว ส่วนน้องเจก็คือจบกับหน้าที่ผู้จัดการ มาสู่ชีวิตธรรมดาของนักศึกษา

เปลี่ยนฟีลกันสักนิด ตอนนี้สั้นไปหน่อยเพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ไว้ตอนหน้ามาดูน้องเจเข้ามหาลัยกันนะคะ!

 #น้องเจที่น่าลัก

เพจนักเขียนที่ลุ้นระทึกทั้งเช็กเมทและน้องเจ

@MajaYnaja

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น้องเจ น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอเจอน้องติ๋ม  :mew4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เมื่อไหร่จะเผด็จศึก 555

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
พี่ฌานหางโผล่แล้วววว

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
.... รอเจอติ๋มมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่ฌานได้ลงแดงก่อนแน่ๆ น้องเจจบงานผู้จัดการมาเป็นนักศึกษาเฟรชชี่แล้ว

แล้วติ๋มติ๋มจะมาสั่นคลอนความสัมพันธ์หรือเปล่าน้า   :hao4:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
รอพี่ฌานเช็กเมทน้อง  :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด