23
หลี่คุนรู้สึกเหมือนโดนดูถูก สายตาของผู้ฝึกยุทธ์อย่างเขาย่อมเฉียบคมกว่าคนทั่วไป ใบหน้าของจางอี้หลงแม้จะหล่อเหลาเยาว์วัยไร้ริ้วรอยแต่มีบางจุดไม่เป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ผลของขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิที่เขาส่งไปให้ด้วยความห่วงใยเลย
“ขึ้ผึ้งที่ผมส่งไปให้ทุกเดือน พี่ไม่ได้ใช้มันเลยเหรอครับ”
จางอี้หลงทำหน้าไม่ถูก เขาอุตส่าห์เอาใบหน้าที่ฟื้นฟูมาอย่างดีให้คนตรงหน้าดูถึงเมืองไทย หวังจะล้างคำพูดที่ว่าตัวเองหน้าแก่กว่าวัย ทำไมกลับโดนโกรธเสียได้
ที่จริงหลังจากที่จางอี้หลงได้รับขี้ผึ้งกระปุกแรกก็ได้ทดลองใช้อยู่หลายวันและเห็นผลว่าผิวหน้าดีขึ้นจนไม่น่าเชื่อ เขากังวลว่าสินค้าตัวนี้ของหลี่คุนอาจจะผสมสารออกฤทธิ์ต้องห้ามบางอย่าง จึงเอาขี้ผึ้งที่เหลือส่งไปยังห้องปฏิบัติการของบริษัทในเครือให้ตรวจสอบดู หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาจะได้รีบเตือนให้หลี่คุนหยุดขายก่อนที่จะเกิดอันตรายกับผู้ใช้จนเป็นเรื่องใหญ่โต โชคดีที่ไม่พบสารอันตรายใดๆ แต่การที่ห้องแล็บไม่สามารถวิเคราะห์สูตรการผลิตที่แน่ชัดออกมาได้ทั้งๆ ที่มีเครื่องมือทันสมัยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศทำให้ชายหนุ่มแปลกใจเป็นอย่างมาก แม้จะทำการทดสอบจนใช้ตัวอย่างไปจนหมดก็ทราบเพียงคร่าวๆ ว่ามีส่วนประกอบหลักเป็นพืชสมุนไพรจำนวนหนึ่งเท่านั้น
จนเมื่อได้รับขี้ผึ้งกระปุกที่สอง จางอี้หลงจึงตัดสินใจส่งไปที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ภายนอกที่เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรโดยเฉพาะ ไม่คาดว่าสถาบันแห่งนี้ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จในการถอดสูตรขี้ผึ้งของหลี่คุน นักวิจัยสามารถระบุชื่อสมุนไพรออกมาได้แปดชนิดด้วยการวิเคราะห์สารประกอบธรรมชาติที่ซับซ้อนออกมาเทียบกับฐานข้อมูล แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถหาสัดส่วนที่สมดุลของสมุนไพรแต่ละตัวได้ ตัวอย่างเลียนแบบที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้มีประสิทธิภาพไม่ถึงหนึ่งในสี่ของของจริง นี่เป็นเรื่องที่นักวิจัยขบคิดเท่าใดก็ยังไม่เข้าใจ
ในระหว่างนั้นจางอี้หลงก็เข้าไปฟื้นฟูสภาพผิวที่คลินิกที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง เขาเสียความมั่นใจเรื่องหน้าตาของตัวเองไปไม่น้อยจนต้องทำเรื่องที่แต่ก่อนไม่เคยคิดสนใจจะทำ งานหนักที่ทำมาตลอดตั้งแต่ตอนวัยรุ่นประกอบกับการพักผ่อนที่ไม่ค่อยเพียงพอเริ่มส่งผลต่อใบหน้าจริงๆ หลี่คุนอายุน้อยกว่าเขาถึงหกเจ็ดปีแถมยังผิวพรรณดีดูอ่อนกว่าวัยอย่างไม่น่าเชื่อทำให้ความแตกต่างระหว่างกันมีมากเกินไป แม้ว่าขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิจะดูว่าให้ผลดีแต่ยาทาภายนอกเช่นนี้คงต้องใช้เวลาเป็นปีๆ จางอี้หลงทั้งใจร้อนทั้งเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์และการแพทย์ปัจจุบันมากกว่า เขาเลือกคอร์สราคาสูงตามที่แพทย์แนะนำว่าช่วยลดริ้วรอยและทำให้หน้าใส มีทั้งฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม ฟิลเลอร์ เมโสแฟต และอีกหลายอย่างที่จำไม่ได้ รู้แต่ว่าต้องไปนอนเจ็บตัวอยู่หลายครั้งกว่าจะครบคอร์ส เขาเกลียดเข็มพวกนั้นจริงๆ
จางอี้หลงไม่ใช่คนที่ใส่ใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองเท่าใดนัก แต่ในเมื่อหลี่คุนหล่อเหลาไร้ที่ติเช่นนี้เขาก็ควรทำตัวให้คู่ควรเสียหน่อย เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็น แต่เขายอมเจ็บตัวและเสียเวลาจนสามารถลบช่องว่างระหว่างวัยได้ขนาดนี้ ทำไมคนตรงหน้าคำชมสักนิดยังไม่มีแล้วยังดูไม่พอใจอีก ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างจนไม่อยากตอบอะไรออกไป
“มาให้ผมดูหน่อย พี่ก้มลงอีกนิดได้ไหมครับ”
หลี่คุนพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบลงกว่าเดิมและเจ้อไปด้วยความสนใจ จางอี้หลงสูงกว่าเขาพอประมาณ หลี่คุนจึงเอื้อมมือไปประคองใบหน้าของอีกฝ่ายให้ก้มลงต่ำเพื่อจะสังเกตให้ชัดเจน ปราณอำนาจที่แผ่ออกมาในระยะประชิดทำให้เขาต้องโคจรพลังช้าๆ ทั่วร่างเพื่อไม่ให้ถูกกดดันและดึงดูดจนเสียสมาธิ หลี่คุนเคลื่อนปราณไปที่ปลายนิ้วก่อนจะลูบไล้เบาๆ ไปทั่วหน้าของจางอี้หลงเพื่อตรวจสอบความผิดปกติที่เห็นในตอนแรก
จางอี้หลงเกร็งตัวเล็กน้อย เขาไม่เคยมีโอกาสมองหน้าอีกฝ่ายใกล้ๆ อย่างนี้มาก่อน ใบหน้างดงามทว่าหล่อเหลาดูจริงจังกับดวงตาเรียวยาวส่องประกายสงสัยใคร่รู้นั้นดูดึงดูดจนเขาเผลอเอนหน้าเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“พอแล้วครับ ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้”
หลี่คุนร้องขึ้นมาก่อนจะถอยหลังออกในทันที ปราณอำนาจกลิ่นอายบุรุษและพลังหยางที่แผ่ออกมาในระยะประชิดสร้างความกดดันจนเขาต้องผละออกทั้งๆ ที่โคจรพลังต้านไว้แล้ว พลังหยางงั้นหรือ? ก่อนหน้านี้เขามัวแต่สนใจใบหน้าของจางอี้หลงจนไม่ได้สังเกตว่าบุรุษผู้นี้มีมีพลังหยางที่เข้มข้นรุนแรงจนน่าตกตะลึงขนาดไหน จากสัมผัสเมื่อครู่เขารู้สึกราวกับพลังหยางของอีกฝ่ายพยายามทะลุทะลวงเข้าสู่ร่างกายเขาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดช่องลมปราณของเคล็ดวิชาบุปผาเร้นวารีไว้ แต่ก่อนเขาไม่ชอบปราณอำนาจของอีกฝ่ายเลยไม่เคยได้ใกล้ชิดเกินความจำเป็นจนพลาดเรื่องนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
“ตกลงหน้าพี่เป็นยังไงครับ มันดูไม่ดีเหรอ พี่ว่าพี่ไม่ได้ดูแก่ก่อนวัยอย่างที่น้องคุนบอกแล้วนะ”
จางอี้หลงที่ได้สติแล้วเช่นกันถามคำถามที่คาใจออกมา
“มันก็ใช่ครับ แต่สิ่งที่พี่ทำมันเกินไป ร่างกายนี้ล้วนเป็นสิ่งที่บิดามารดาให้มา เราควรจะต้องทะนุถนอมให้ดี พี่ไปทำอะไรมากันแน่ ตรงหน้าผากกับหางตาเหมือนถูกพิษจนกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตเล็กน้อย ตรงร่องแก้มมีสิ่งแปลกปลอมแทรกอยู่ใต้ผิว ถ้าพี่ตั้งใจทำมันเพื่อจะได้ดูหนุ่ม ผมว่ามันน่าจะได้ผลแค่ชั่วคราวเท่านั้น แล้วก็อาจมีผลเสียอย่างอื่นผมยังไม่แน่ใจ ถ้าทำตอนอายุมากๆ ก็พอเข้าใจได้ แต่พี่ยังหนุ่มยังแน่นมันมีวิธีอื่นที่เหมาะสมกว่านะครับ”
หลี่คุนใช้ลมปราณตรวจสอบจนเข้าใจขึ้นมาบ้าง นี่มันคล้ายคลึงกับโอสถพรรคมารที่ใช้ในการแปลงโฉมอยู่ไม่น้อย เมื่อดูใกล้ๆ ยิ่งเห็นความไม่เป็นธรรมชาติได้ชัด เสียดายใบหน้าหล่อเหลาคมสันนี้ยิ่งนัก
จางอี้หลงก็ตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาเหมือนกัน แต่เมื่อคิดอีกทีการที่ใบหน้าเขาดีขึ้นขนาดนี้ภายในเวลาไม่นาน เด็กฉลาดอย่างหลี่คุนต้องเดาได้ว่าเขาไปฉีดโบท็อกซ์เติมฟิลเลอร์อะไรพวกนี้มาอยู่แล้ว โบท็อกซ์เองก็พัฒนามาจากสารพิษ สิ่งที่พูดมาก็ไม่ผิด
“พี่ก็แค่ไปทำคอร์สฟื้นฟูผิวหน้ามาครับ แต่ถ้าน้องคุนไม่ชอบ ทีหลังพี่จะได้ไม่ไปอีก เห็นหมอว่าไม่เกินปีมันก็ค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิมแล้ว”
จางอี้หลงตอบ นึกดีใจที่ต่อไปไม่ต้องเสียเวลาไปนอนเจ็บตัวให้หมอจิ้มหน้าอีกแล้ว ลาแล้วลาลับนะไอเข็มบ้า เขาไม่ใช่ดาราไม่จำเป็นต้องหล่อขนาดนั้นก็ได้
“ช้าเกินไปครับ ของแบบนี้ทิ้งไว้ในร่างกายนานๆ ไม่น่าดี พี่มาไทยเที่ยวนี้พอมีเวลาไหมครับ ผมสามารถขับพิษออกมาให้พี่ได้นะครับถ้าพี่ไว้ใจ แต่ต้องไปทำที่คอนโดผมนะเพราะต้องใช้ยากับเครื่องมือบางอย่าง”
“ไปครับไป เที่ยวนี้พี่มาเมืองไทยก็จะมาพักยาวๆ นี่แหละ ทำงานมากเกินไปก็ไม่ดีนะ เดี๋ยวหน้าแก่ไปกว่านี้”
“งั้นไปเลยไหมครับ คนมารุมอะไรกันตรงนี้ตั้งมากมาย”
หลี่คุนบ่นเมื่อมองไปรอบๆ แล้วพบคนกลุ่มใหญ่จ้องมองมาที่พวกเขาทั้งคู่คล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ ก็แค่คนสองคนยืนคุยจับหน้าจับตากันนิดหน่อยไม่รู้จะมองทำไม เขายิ่งไม่อยากเป็นเป้าสายตาจึงรีบจับมืออีกฝ่ายพาเดินออกไปตรงจุดที่คนขับรถรออยู่ จางอี้หลงสะดุ้งเล็กน้อยอีกมือคว้ากระเป๋าเดินทางใบย่อมลากตามไปทันที ในใจนึกว่าในโชคร้ายยังมีโชคดี ถึงจะไม่ได้รับคำชมให้สมกับความพยายาม แต่ก็ได้บุกไปถึงคอนโดน้องคุนเลยนะ ยิ่งตื่นเต้นพลังหยางเข้มข้นก็ทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ หลี่คุนถึงได้เปลี่ยนมาจับมือแบบประสานนิ้วแถมยังผ่อนฝีเท้ารอจนทั้งคู่ตัวเกือบติดกัน จางอี้หลงใจสั่นเล็กน้อยกับความใกล้ชิดนี้ นี่คนข้างๆ เริ่มเปิดใจแล้วใช่ไหมถึงได้มาสัมผัสแนบแน่นไม่มีทีท่าห่างเหินเหมือนเดิม
.... ต่อตรงนี้....
เมื่อเห็นคอนโดขนาดกลางที่หลี่คุนพักจางอี้หลงก็รู้สึกว่าไม่เลวเลยแม้จะไม่หรูหราอะไร ระบบความปลอดภัยนับว่าใช้ได้ ผู้คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป การดูแลของส่วนกลางก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี พอเข้าไปในห้องก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เจือกลิ่นสมุนไพรจางๆ ชวนให้นึกถึงผู้เป็นเจ้าของ พื้นที่ในห้องไม่ใหญ่มากในขณะที่ข้าวของดูออกจะเยอะไปเสียหน่อย แต่พอหลี่คุนเปิดประตูด้านข้างก็พบว่ามันทะลุไปที่คอนโดอีกห้องหนึ่งที่ใหญ่กว่าห้องนี้มาก
“ของรกหน่อยนะครับ ผมเพิ่งโอนคอนโดห้องติดกันและทำประตูเชื่อมเสร็จ ยังไม่ได้แบ่งของจากห้องนี้ไป พี่อี้หลงเอาเครื่องดื่มอะไรครับ น้ำเย็น น้ำอัดลม หรือน้ำชาก็มี”
“ชาก็ได้ครับ”
หลี่คุนกุลีกุจอไปทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี จางอี้หลงนับว่าเป็นแขกคนแรกที่มาเยือนถ้าไม่นับตินและเพื่อนของซูเอ๋อร์ที่สนิทกัน ไม่นานชาร้อนกาหนึ่งก็ถูกยกมาวางพร้อมกับจอกชาใบเล็กสองใบ
“ขออภัยที่ไม่มีชาดีมาต้อนรับ ต้องขายหน้าพี่แล้ว”
หลี่คุนพูดออกตัวขณะที่รินชาส่งให้กับแขกอย่างเป็นพิธีรีตองด้วยท่วงท่าราวกับคุณชายตระกูลสูง จางอี้หลงรับจอกชามาจิบอย่างประหลาดใจ ใบชาคุณภาพไม่เลวเลยถูกชงอย่างบรรจงรินลงในจอกชาเนื้อดี นับเป็นความพิถีพิถันแบบดั้งเดิมของจีนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอจากเด็กหนุ่มอายุยี่สิบเศษเช่นนี้ ดูเป็นคนจีนชั้นสูงยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทีแรกยังคิดว่าอีกฝ่ายจะเอาชาบรรจุขวดแช่เย็นแบบที่วัยรุ่นดื่มกันมาให้
“นี่ก็ดีมากแล้ว ไม่รู้ว่าน้องคุนชอบดื่มชา ไว้วันหลังพี่จะเอาชาดีๆ จากเมืองจีนมาฝาก”
การที่ได้รู้จักความชอบเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่ตัวเองสนใจมันรู้สึกดีจริงๆ
“ได้ยินว่าชาดีจริงๆ เดี๋ยวนี้ราคาสูงมาก พี่ไม่ต้องลำบากหรอกครับ งั้นถ้าหายเหนื่อยแล้ว ผมจะตรวจดูใบหน้าพี่ให้ละเอียดแล้วเริ่มรักษาเลยนะครับ พี่จะได้ไม่เสียเวลามาก”
ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มกระบวนการรักษา ซูกัสในชุดนักเรียนมัธยมกางเกงน้ำเงินก็เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างร่าเริง
“พี่คุน ผมกลับมาแล้ว อ้าว มีแขก พี่ เอ่อ พี่อี้หลงใช่เปล่าครับ ผมซูกัสเอง ที่เคยเจอกันตอนหลังละครไง”
เด็กหนุ่มยกมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงที่เจอในห้องพี่ชายอย่างนอบน้อมแล้วส่งยิ้มหวานจนตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว จางอี้หลงเห็นแล้วก็อดรู้สึกดีด้วยไม่ได้ คนพี่หล่อเหลาแฝงความสูงส่งน่าค้นหา คนน้องน่ารักเปิดเผยจริงใจ ช่างเป็นคู่พี่น้องที่ชวนให้ใจละลายเสียจริงๆ
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิ หรือจะอาบน้ำเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่ต้องขับพิษให้พี่อี้หลงใช้เวลาซักพัก ถ้าหิวก็หาอะไรกินไปก่อนนะ”
“ขับพิษแบบเดียวกับที่พี่ทำให้ผมตอนนั้นใช่ไหม เดี๋ยวผมอยู่ช่วยด้วย งั้นผมไปเตรียมชุดฝังเข็มมาให้เลยนะครับ”
ซูกัสวิ่งหายไปอีกห้องหนึ่งขณะที่จางอี้หลงกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก
“ฝังเข็ม!!!?”
“ใช่ครับ เดี๋ยวผมจะฝังเข็มบนหน้าพี่ ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงผมไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ แต่เรื่องฝังเข็มนี่ หมอภีมที่เป็นผู้ถือหุ้นอีกคนของฉางอันโอสถรับประกันให้ได้เลย พี่ไปนอนตรงโซฟาเลยครับ เดี๋ยวซูเอ๋อร์เอาเข็มมาแล้วจะได้เริ่มฝังเลย”
“ต้องฝังเยอะไหมครับน้องคุน” เสียงสั่นเล็กน้อย
“แค่สิบห้าสิบหกเล่มก็น่าจะพอครับ เดี๋ยวผมดูอีกที”
พอซูกัสเอาเข็มที่ฆ่าเชื้อเสร็จแล้วมาให้ จางอี้หลงก็ต้องขึ้นไปนอนให้หลี่คุนเอาเข็มฝังลงไปบนหน้าที่ละเล่มๆ อย่างตัวเกร็งไม่กล้ากะดุกกะดิก ในใจคร่ำครวญว่าอยู่ดีไม่ว่าดี ไปให้หมอที่เมืองจีนเอาเข็มฉีดโน่นฉีดนี้เข้าใบหน้าไม่รู้กี่รอบเพื่อน้องคุน กลับต้องมาโดนน้องคุนฝังเข็มสิบกว่าเล่มเพื่อแก้สิ่งที่ทำไป
หลังจากฝังเข็มจนครบทุกตำแหน่งหลี่คุนก็บอกให้จางอี้หลงนอนนิ่งๆ เพื่อให้เข็มค่อยๆ ขับสิ่งแปลกปลอมออกมา จากนั้นก็ขอตัวไปทำงานโดยให้น้องชายคอยเฝ้าดูอาการไว้ เด็กช่างพูดอย่างซูกัสมีหรือจะเฝ้าเฉยๆ เขาสรรหาเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้ฟังได้ไม่หยุดถึงอีกฝ่ายจะต้องทำหน้านิ่งตอบอะไรกลับไม่ได้ก็ตาม
“พี่อี้หลงเกิดที่เมืองจีนเหรอครับ ทำไมพูดไทยชัดจัง แล้วมารู้จักพี่คุนได้ยังไง พี่รู้เปล่าว่าพี่เป็นคนแรกเลยนะนอกจากเพื่อนสนิทของพี่คุนกับเพื่อนผมที่พี่คุนให้เข้ามาที่ห้อง สงสัยเพราะพี่คุนชอบกู่ฉินที่พี่ให้มาก เล่นเกือบทุกวันเลย เห็นว่าแพงมากเลยใช่เปล่าครับ ผมชอบตอนที่พี่เป่าขลุ่ยคู่กับกู่ฉินของพี่คุนจังเลย พี่คุนบอกว่าเพิ่งเคยได้ยินพี่อี้หลงเล่นวันนั้นเป็นครั้งแรก ผมบอกเพื่อนก็ไม่มีใครเชื่อนะครับ เข้าคู่กันอย่างนั้นแล้วบอกว่าไม่เคยซ้อมด้วยกันจะเทพเกินไปแล้ว”
คนฟังได้ยินแล้วต้องเกร็งหน้าแทบแย่ อยากจะยิ้มก็ยิ้มไม่ได้ ได้แต่นอนฟังต่อไป
“พี่ได้กลิ่นยาไหมครับ นี่พี่คุนกำลังฝึกเคี่ยวยาอยู่ในห้องอักษร ไม่รู้ทำไมพี่เค้าถึงเรียกว่าห้องอักษร ในห้องนั้นก็ไม่เห็นมีหนังสืออะไรเท่าไหร่ เหมือนเป็นห้องทำงานมากกว่า พี่คุนเขาชอบใช้พู่กันจดงานเป็นภาษาจีนอะไรไม่รู้ผมอ่านไม่ออก แล้วก็มีพวกขวดใส่สมุนไพรกับเตาไฟฟ้าเล็กๆ ไว้ฝึกเคี่ยวยาด้วย พอเสร็จแต่ละทีดูเหนื่อยจนหมดแรง แต่ถ้าทำขายจริงๆ อย่างขี้ผึ้งโอสถ พี่คุนจะไปทำที่เคาเตอร์ครัวครับ เพราะต้องใช้หม้อใบใหญ่ กวนกันเมื่อยมือเลย ยังดีที่ทำแค่เดือนละครั้ง เสร็จแล้วก็เกณฑ์ผมกับเพื่อนมาช่วยกันแบ่งใส่กระปุก ผนึกครั่ง แล้วก็แพ็คใส่กล่องส่งให้บริษัทขนส่ง แต่ค่าจ้างดีครับ ไม่บ่น ฮ่าๆ”
ถ้าไม่ถูกเข็มปักหน้าอยู่จางอี้หลงคงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจไปแล้ว ไม่คิดว่าขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิที่สร้างความลำบากให้นักวิจัยชั้นแนวหน้าของจีนจนแทบเผาตำราทิ้ง จะเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนที่กวนเองบรรจุเองง่ายๆ เหมือนครีมเถื่อน การค้าของฉางอันโอสถที่พวกเขาคุยกันมักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการตลาด หลี่คุนไม่เคยพูดถึงการผลิตจนเขาคิดว่าเป็นการสั่งทำหรือไม่ก็รับมาจากโรงงานยาอื่น ไม่รู้ได้สูตรมาอย่างไรแน่
ซูกัสเล่าเรื่องของหลี่คุนออกมาไม่หยุดแต่คนฟังก็ยังฟังอย่างตั้งใจไม่มีเบื่อ เด็กหนุ่มนึกในใจว่าพี่ชายคนนี้เป็นผู้ฟังที่ดีเสียจริงๆ เขาเล่าต่อไปได้สักพักหลี่คุนก็เปิดประตูห้องอักษรเดินออกมาด้วยท่าทางหมดแรง หลี่คุนเข้ามาตรวจสอบสภาพใบหน้าของจางอี้หลงแล้วก็บอกว่ายังต้องทิ้งไว้อีกพักใหญ่
“พี่อี้หลง ผมขอลองจับหน้าท้องพี่หน่อยได้ไหม”
อาการเด็ดแอร์จากคำขอของหลี่คุนเกิดขึ้นในฉับพลัน อะไร? ยังไง? ทำไม? จางอี้หลงอยากรู้สาเหตุอย่างที่สุดแต่จนใจที่ยังขยับปากไม่ได้ ไม่รู้ว่าการจับหน้าท้องเกี่ยวอะไรกับการรักษาหน้า โชคดีที่เด็กช่างพูดอย่างซูกัสถามแทนให้ พร้อมทั้งเดาคำตอบให้เสร็จสรรพ
“เอ๋า แล้วจะไปจับของพี่เขาทำไมครับ อ๋อ ผมรู้แล้ว พี่คุนอยากรู้ว่าพี่อี้หลงมีซิกส์แพคหรือเปล่าใช่ไหมครับ ถ้ามีจะได้ถามเคล็ดลับ ผมบอกพี่แล้วว่าเอาแต่รำมวยจีนบนดาดฟ้าน่ะกล้ามไม่ขึ้นหรอก ต้องเข้ายิม ผมก็อยากมีมั่ง ไอกันดั้มก็ชวนไปอยู่ แต่พี่แฮ็คส์บอกว่าไม่ต้องไป งั้นพี่คุนก็เปิดดูเลยสิครับ พี่อี้หลงไม่ว่าอะไรหรอก ใช่ไหมครับพี่”
จางอี้หลงฟังเด็กหนุ่มที่พูดเองเออเองแล้วก็กลุ้มใจ เขาจะโต้แย้งอะไรได้ในเมื่อถูกเข็มปักหน้าแบบนี้ ว่าแต่ให้น้องคุนจับซิกส์แพคตัวเองนี่มันจะดีจริงๆ เหรอ ถึงจะมั่นใจที่เทรนเนอร์ชมอยู่ก็เถอะ
จางอี้หลงลังเลแต่หลี่คุนกลับรวบรัดชัดเจนยิ่งนัก เขาเลิกชายเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นทันทีจนเห็นกล้ามหน้าท้องหกลูกคมชัดที่มีไรขนเรียงตัวสวยไล่ลงจากสะดือหายไปในขอบกางเกงก่อนจะเอามือลูบไล้ไปมาอย่างช้าๆ ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าค่อยๆ สดชื่นขึ้น หลี่คุนไม่รีบร้อน เขาวนมือไปเรื่อยๆ พร้อมกับค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงที่ละนิดๆ จนแทบดูไม่ออก ขณะเดียวกันก็เอ่ยปากถามในสิ่งที่ดูไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา
“ซูเอ๋อร์ โทรศัพท์ใหม่ของน้อง ที่บอกว่าเติมไฟได้เร็วๆ เขาเรียกว่าฟังก์ชันอะไรนะ”
“อ๋อ เค้าเรียกควิกชาร์จ สะดวกมากเลยนะ เสียบแป๊บเดียวก็เต็มแล้ว”
“อืม สะดวกจริงๆ ด้วย”
จางอี้หลงฟังอย่างไม่เข้าใจ ทำไมไม่ถามว่าซิกส์แพ็คที่เขาภูมิใจนี้ต้องทำยังไงถึงได้มา เขาจะได้เล่าให้ฟังว่าต้องลำบากอดทนฝึกซ้อมมีวินัยในตัวเองขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ มือขาวๆ เรียวๆ ที่ลูบหน้าท้องเขาอยู่นี่มันให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน ตอนนี้นอกจากจะต้องเกร็งใบหน้าไม่ให้ขยับแล้วยังต้องบังคับส่วนล่างไม่ให้ขยายด้วย โชคดีที่เขาไม่ต้องทรมานอยู่นาน หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวใบหน้าของหลี่คุนก็เจือสีแดงระเรื่อดูเปล่งปลั่งสดใสเต็มที่ เขาเอามือออกท่ามกลางความโล่งใจปนเสียดายของอีกฝ่าย แล้วบอกว่าจะกลับไปทำงานอีกรอบให้ซูกัสอยู่เป็นเพื่อนจางอี้หลงต่อ
ตอนที่จางอี้หลงส่องกระจกหลังจากที่หลี่คุนถอนเข็มออกจนหมดเขายังไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าใบหน้าของเขาแทบจะกลับไปเหมือนเดิมก่อนเข้าคอร์สฟื้นฟูยกกระชับผิวหน้าได้จริงๆ ฝีมือการฝังเข็มของหลี่คุนจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว แต่คิดอีกทีชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดแทบหลั่งน้ำตาให้กับใบหน้าวัยสามสิบกว่าของตัวเอง ความเจ็บตัวการเสียเวลาและเงินหลายหมื่นหยวนที่ใช้ไปหายวับไปในพริบตา
“พี่อี้หลงอย่าใจร้อนครับ ค่อยๆ ทาขี้ผึ้งที่ผมให้ไปทุกวัน ไม่น่าเกินสามเดือนก็หล่อกว่าเดิมแล้ว วันนี้เสร็จแล้วครับ พี่จะกลับหรือยัง ผมว่าเราออกไปหาอะไรทานกันแล้วพี่ค่อยออกไปดีไหมครับ พี่พักโรงแรมไหน อยู่ไกลหรือเปล่า”
หลี่คุนที่แอบดูดซับพลังหยางของอีกฝ่ายไปแล้วเป็นรอบที่สี่มองจางอี้หลงอย่างอาลัยอาวรณ์ พี่อี้หลงนี่ดีจริงๆ นะ เหมือนฟังก์ชันควิกชาร์จในโทรศัพท์ซูเอ๋อร์เลย แค่ลูบท้องแป๊บเดียวก็เติมกำลังภายในบุปผาวารีขั้นที่หนึ่งของเขาได้เต็มปรี่แล้ว แค่ไม่กี่ชั่วโมงวันนี้เขาก็ทดลองฝึกฝนการหลอมยาระดับปฐพีไปได้หลายรอบ พอได้ฝึกต่อเนื่องแบบนี้ก็ก้าวหน้ากว่าตอนที่ต้องเว้นช่วงเป็นวันมาก
“พี่ยังไม่ได้จองไว้เลยครับ ไม่รู้ว่าโรงแรมแถวนี้แพงเปล่า”
“อ้าว แล้วทุกทีพี่พักที่ไหนครับ”
“ถ้าพี่มาทำงาน บริษัทเขาจะเตรียมให้ครับ แต่เที่ยวนี้พี่มาพักผ่อนเลยต้องหาเอง ลืมไปเลย ไม่รู้โรงแรมจะเต็มหมดยัง” ต้องได้ผลสิ น้องคุนเป็นคนมีน้ำใจ
“งั้นคืนนี้พี่พักห้องผมไปก่อนไหมครับ อาจจะไม่สะดวกเหมือนอยู่โรงแรม แต่ก็มีห้องนอนว่างตรงที่เพิ่งทำใหม่” อยู่ซักคืนเถอะพี่อี้หลง หลอมยานี่มันเปลืองลมปราณจริงๆ
“แหม พี่เกรงใจจังเลย น้องคุนเปิดเป็นเกสต์เฮาส์ให้เฉพาะพี่ได้ไหมครับ พี่ขอนอนหลายคืนหน่อย จะได้ประหยัดเงิน” จริงๆ นอนห้องเดียวกับน้องคุนเลยก็ได้นะ จะได้ยิ่งประหยัดแอร์
“พี่จะอยู่หลายๆ คืนจริงเหรอครับ อย่าหลอกผมนะ อยู่นานๆ เลยครับพี่อี้หลง ไม่คิดเงิน แต่ขอดูหน้าท้องพี่อีกเรื่อยๆ นะครับ” ขอให้พี่อี้หลงอยู่เป็นเดือนเลยได้ไหม ใช้งานดีที่สุดแล้วคนนี้
“พี่น้องกัน ซิกส์แพคพี่ก็เหมือนของน้องคุนอยู่แล้ว งั้นพี่ไม่เกรงใจล่ะ ขอนอนกับน้องคุนยาวๆ เลยนะ” แค่วันแรกก็โดนน้องคุนลูบซิกส์แพคแล้ว วันต่อๆ ไปจะขนาดไหนนี่
“นั่นสิครับ พี่น้องกัน ไม่มีอะไรต้องเกรงใจ”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะดังประสานกันอย่างสมใจในเป้าหมายแอบแฝงด้วยกันทั้งคู่
##############