12-…ก็พี่ไม่ได้เขิน ผมแค่บังเอิญเห็นพี่ยิ้มเอง
"ปวดหัวโว้ยยย" ผมยืนแหกปากอยู่หน้าบังกะโลทันทีที่เดินออกมาพบกับแสงแรกของเช้าวันใหม่และยังไม่มีใครตื่น ...ส่วนพวกที่ยังไม่นอนนั้นก็ยังกองกันอยู่ตรงหน้าหาดอยู่เลยครับ
"ตื่นเช้าจังพี่" ไอ้เจ น้องรหัสสุดที่รักของผมที่เดินผ่านมาพอดีทักขึ้นพร้อมกับส่งขวดน้ำเปล่าที่หอบมาเต็มสองมือมาให้
"ก็ปกติของกู ยังไม่ได้นอนสินะมึงอ่ะ" ผมว่าก่อนจะยกมือขึ้นให้กำลังใจมัน ทริปนี้ปีที่หนักที่สุดก็หนีไม่พ้นพวกปีสามที่เป็นคนจัดนี่แหละครับ ในขณะที่คนอื่นเมากันหัวราน้ำ ปีสามต้องคอยควบคุมสถานการณ์ เหล้าห้ามแตะ ไหนจะต้องคอยกันคนไม่ให้วิ่งลงทะเล ไหนจะต้องคอยตามล้างตามเช็ดเศษซากอารยธรรมของพวกพี่ๆ น้องๆ อีก พวกผมในฐานะที่จัดมาเมื่อปีที่แล้วนี่รู้ซึ้งถึงใจกันไปเลยทีเดียว
"ขอบคุณมากพี่ ข้าวเช้ามีตอนเจ็ดโมงนะครับ" มันว่าก่อนจะเดินเอาน้ำไปแจกจ่ายให้คนอื่นๆ ต่อ ผมเลยตัดสินใจเดินกลับเข้าไปอาบน้ำในบังกะโลเพื่อจะได้ออกไปหาอะไรกิน
"เมาฉิบหายอ่ะมึงอ่ะ" ไอ้ทีทักขึ้นทั้งที่ยังไม่ลืมตาตื่นขึ้นมามองโลก
"เออดิ พวกพี่แชมป์แมร่งเล่นไม่ปล่อยเลยว่ะ สงสัยเครียดงานจัด" ผมพูดติดตลกพลางนึกถึงพี่ๆ ที่ชอบชวนผมไปสังสรรค์บ่อยๆ ตั้งแต่ตอนที่ผมเข้าปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ แม้พวกพี่เขาจะยุ่งกับงานมากแค่ไหนก็ตาม
"อาบน้ำเสร็จแล้วปลุกกูด้วย โคตรหิวเลยว่ะ" ไอ้ทีว่าก่อนจะเอาหัวมุดกลับเข้าไปในผ้าห่ม ผมได้แต่สายหัวอย่างระอาก่อนจะเดินหากระเป๋าเสื้อผ้าที่คงมีใครสักคนหยิบมาวางไว้ให้เหมือนทุกที
"อยู่ไหนวะ" ผมเดินไปที่กองกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อนๆ ที่กองรวมกันไว้ใกล้ๆ ประตูแต่กลับไม่มีของผม ผมเลยเริ่มขุดคุ้ยจนกลับมาตรงฟูกที่นอนเมื่อคืนก่อนจะเหลือบไปเห็นกระเป๋าใบคุ้นตาวางอยู่ข้างๆ หมอนพร้อมกับเสื้อผ้าและของใช้ที่ถูกเอาออกมาจัดวางแยกประเภทไว้อย่างเรียบร้อยเลยไปอีกหน่อยก็เป็นกองของใช้เช่นกันแต่มันไม่ใช่ของผมเนี่ยสิ
"หืม?" ผมหันไปมองทั่วห้อง ไอ้ปูนอยู่บนเตียง ไอ้ที ไอ้โฟม ไอ้คีย์กองกันอยู่บนฟูกถัดไป แล้วไอ้นี่ใครวะ? ผมเริ่มสงสัยก่อนจะค่อยๆ แง้มผ้าห่มออกดู …ไอ้เชี่ยปืนน! มันนี่เองที่บังอาจมายุ่งกับกางเกงในผม
"ผมง่วงงง" ไอ้เด็กที่ถูกผมดึงผ้าห่มจนแสงแยงตาพูดออกมาพร้อมทำหน้ายุ่งๆ ก่อนจะมุดกลับเข้าผ้าห่มไป
"ไอ้เด็กขี้เซาเอ้ยย" ผมว่าก่อนจะแกล้งเอาหมอนกับผ้าห่มของผมถมตัวมันไว้แล้วเดินออกมาอย่างสะใจเมื่อได้ยินเสียงโวยวายดังลอดออกมา
"เอาข้าวน้อยๆ ขอน้ำเยอะๆ นะครับ" ผมบอกพี่แม่ครัวที่ทำหน้าที่ตักข้าวต้มไก่ให้แล้วเดินตรงไปทางริมหาด
"พี่กันย์" ไอ้เจตะโกนเรียกผมที่กำลังจะเดินไปหาที่นั่งชิลๆ ริมทะเลจนต้องเดินย้อนขึ้นมาใหม่แล้วนั่งแหมะลงตรงโต๊ะไม้ข้างมัน
"นี่น้องปีหนึ่งสายเราพี่ ชื่อการันต์" ไอ้เจว่าก่อนจะแนะนำเด็กผู้ชายปีหนึ่งที่นั่งหัวโด่อยู่กลางดงปีสามที่เหลือให้ผมรู้จัก
"หวัดดีครับพี่" ไอ้เด็กที่ชื่อการันต์ว่าก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ผม
"แล้วน้องทิงเกอร์เบลล์ของกูมาป่ะ" ผมถามถึงน้องเบลล์ น้องสายปีสองที่เป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในสายที่เหลืออยู่ตอนนี้
"มาครับพี่ เห็นวิ่งดุ๊กดิ๊กอยู่กับเพื่อนเมื่อคืน" ไอ้การันต์ว่าพลางล้อเลียนพี่รหัสที่หุ่นออกจะเป็นก้อนกลมๆ สมคำ ‘ดุ๊กดิ๊ก’
"ก็ไปว่ามัน" ผมว่ามันขำๆ ก่อนจะลงมือจัดการข้าวต้มตรงหน้า
"อ้าว หวัดดีครับพี่" เสียงทักทายของไอ้พวกเด็กๆ ที่นั่งอยู่ทำให้ผมต้องหันไปมองก็เห็นพวกเพื่อนๆ ผมที่เหลือกำลังเดินตามมาสมทบพอดี
"นั่งนี่ดิ" ผมว่าก่อนจะเขยิบไปนั่งริมเก้าอีกเพื่อให้มีที่นั่งพอสำหรับคนมาใหม่
"มึงนี่น่าอิจฉาเนอะ ตื่นปุ๊บหายปั๊บ" ปูนว่าก่อนจะทำหน้ายู่ใส่ผมแล้วกระดกเครื่องดื่มแก้แฮงค์ในมือเข้าปาก
"อ่อนว่ะ แค่กินต้องกินด้วย" ผมแซวกลับก่อนจะจิ้มๆ ขวดเปล่าที่อยู่ในมือมัน
"เออดิ ใครจะไปเหมือนมึงวะ เมาเหมือนหมาแต่ยังมีคนตามมาดูแลอย่างดี"
"ฮิ้ววว..วว" เสียงแซวจากไอ้ปูนทำเอาคนทั้งกลุ่มถึงกับส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
"ใครวะ" ผมถามันอย่างงงๆ
"จะใครล่ะครับผม ก็น้องปีหนึ่งคณะผมไง"
"ฮิ้ววว..วว" เสียงลูกคู่จากไอ้คีย์เรียกเสียงแซวขึ้นมาได้อีกหน
"ใช่คนที่ผมเจอเมื่อวานเปล่าพี่" ไอ้เจถามขึ้นพลางทำหน้านึกถึงใครสักคน
"ก็มันมีของมันอยู่คนเดียวนั่นแหละ ใช่เปล่าวะ" ไอ้ทีพูดขึ้นจนตอนนี้คนทั้งเริ่มหันมาถามกันแล้วว่า ...ใครวะ ใครวะ
"ไอ้น้องคนที่พี่กินเพียวแทนมันอ่านะ" ไอ้ขิง เด็กปีสามประจำรถปีศาจเมื่อคืนพูดขึ้นจนเรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมองได้เป็นตาเดียว
"โคตรลงทุนอ่ะพี่" ไอ้เจว่าก่อนจะหันมามองหน้าผมอย่างอึ้งๆ
"แด่ไอ้กันย์ผู้ไม่นิมยมกินเพียว" ไอโฟมพูดขึ้นบ้างพลางยกแก้มน้ำเปล่าขึ้นมาประหนึ่งไว้อาลัยแล้วชนกับทุกคนรอบวง
"ถึงไม่ชอบกิน แต่ก็ไม่ใช่กินไม่ได้เปล่าวะ" ผมพูดขึ้นอย่างเซ็งๆ ก่อนจะคว้าแก้วน้ำในมือมันมากินเอง
"แล้วแบบน้องกูนี่ ปากบอกไม่ชอบๆ แล้วสุดท้าย...มึงอยากจะลองกินบ้างเปล่าวะ"
"ฮิ้ววว..วว" ...ประสาทกูจะกิน ไอ้พวกนี้นิ
"อะไรของพวกมึง โว๊ะ! แล้วนี่น้องมึงหายหัวไปไหน" ผมถามมันขึ้นมาเพราะเพิ่งสังเกตได้ว่าอีกคนที่เป็นคู่กรณีไม่อยู่แถวนี้
"อ่ะแหน่ะ อยากเจออ่ะดิ ปล่อยให้น้องกูได้นอนบ้างเห๊อะ เล่นทำมันไม่ได้นอนทั้งคืนอ่ะมึงอ่ะ"
"เฮ้ยๆ เล่าพี่ เรื่องนี้ต้องเล่า" ไอ้เจที่เสียงดังกว่าเพื่อนตะโกนขึ้นอย่างคึกคัก ไม่เว้นแม้แต่น้องใหม่ของสายรหัสอย่างไอ้การันต์ด้วย
"ก็เปล่า ก็ไอ้กันย์เมาเละขนาดนั้น น้องคนดีของกูก็ต้องอยู่ดูแลเปล่าวะ" ไอ้คีย์ว่าก่อนจะหน้าแบบคนถือไพ่เหนือกว่าสุดๆ …อย่าให้ถึงทีกูบ้างแล้วกัน!
"ยังไงพี่ ยังไง" ไอ้การันต์ตบมุขต่อ ...ยังไม่หยุดนะพวกมึง
"ก็แค่...พยุงกันลงจากรถ พาไปส่งถึงเตียง พี่บ่นปวดหัวน้องก็เดือดร้อนหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ พี่จะอ้วกก็พาไปส่งถึงฝาชักโครก..." ไอ้คีย์ที่ตอนแรกมัวแต่เล่นตัวทำเป็นไม่เล่าๆ สุดท้ายก็คายออกมาซะยาวจนผมยังต้องหันไปมองอย่างสงสัย
"ขนาดพี่ทำธุระน้องยังจับไม่ปล่อยเลยครับผม" ไอ้ทีเสริมต่อก่อนจะหันไปแทคมือกับไอ้คีย์ก่อนจะหัวเราะชอบใจ
“จับอะไรพี่!” ไอ้พวกปีสามตะโกนขึ้นมาพร้อมกันจนผมยังสะดุ้งไปด้วยเลยเนี่ย
“ก็..จับพี่กันย์ยังไงล่ะคร้าบบ”
“เขาเรียก ‘พยุง’ ไอ้สัด!” ผมว่าก่อนจะเอามือผลักหัวมันอย่างหมั่นไส้
"โธ่! พี่ผม โดนเด็กเกษตรสอยไปซะละ" ไอ้เจว่าก่อนจะแกล้งบีบน้ำตาแล้วไอ้เพื่อนทั้งฝูงของมันก็เข้ามาปลอบ …มึงเล่นใหญ่กันไปป่ะ
"มึงก็พูดไปเรื่อย" ผมพูดดักขึ้นมาก่อนที่มันจะใส่สีตีไข่ไปไกลกว่านี้
"เอ้าจริง! ที่พูดๆ อยู่เนี่ยเรื่องจริงนะครับผม" มันย้ำจนผมได้แต่เหล่ตามองมันก่อนจะพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
"ถึงกับพูดไม่ออกเลยเพื่อนกู" ไอ้ปูนว่าก่อนจะส่ายหัวอย่างระอาจนผมได้แต่คิดตามอย่างสงสัย ...ทำไมนึกไม่ออกวะ ถึงแม้จะคุ้นๆ อยู่บ้างก็เถอะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
"ตื่นได้แล้วโว้ยยย" ผมแกล้งเคาะบานประตูที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะยืนกอดออกพิงกำแพงมองคนที่ตอนนี้เพิ่งสลึมสลือลืมตาขึ้นมามองผมได้
"เป็นไงบ้างพี่" คำถามแรกที่มันถามขึ้นมาทำเอาผมนี่ต้องเค้นความทรงจำออกมาอย่างหนัก ...นี่ผมเมาขนาดต้องให้ไอ้เด็กคออ่อนนี่มาเป็นห่วงเลยหรอวะ
"ปกติ คิดด้วยว่ากำลังพูดอยู่กับใคร" ผมเลิกสนใจกับความทรงจำที่ว่างเปล่าก่อนจะยักไหล่ให้มันอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
"ก็ดีแล้วครับ" มันว่าก่อนจะเลื้อยตัวลงไปซุกผ้าห่มใหม่
"ไอ้ตีห้า มึงตื่นได้ละ คนอื่นเขาไปทำอะไรกันถึงไหนแล้ว" ผมว่าก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงบนเตียงแล้วเอาเท้าเขี่ยๆ มันที่ยังนอนอยู่บนฟูกบนพื้น ‘ไอ้ตีห้า’ คือคำเรียกติดปากมาจากที่พักหลังๆ ผมเริ่มตื่นมาทันเสียงนาฬิกาปลุกมันบ่อยขึ้น และพบว่าเวลาที่มันตั้งปลุกคือ ’05.00’ ...จะตื่นเช้าขนาดนั้นไปทำซากอะไร กูจะนอน
"วันนี้ผมขอเป็นไอ้บ่ายโมงครึ่งได้มั้ยครับ" คนที่ตอนนี้ได้แปลงร่างเป็นเด็กเกเรไปแล้วพูดขึ้นก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปง
จริงๆ ไอ้เด็กนี่โคตรอนามัย มันสามารถตื่นมาตอนตีห้าได้ด้วยความสดชื่น แต่นั่นหมายความว่ามันต้องได้นอนพอดีครบแปดชั่วโมงไม่ขาดไม่เกิน พูดง่ายๆ คือต้องเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม แต่ได้ข่าวเมื่อวานมันนอนหลังเวลาตื่นปกติมันเสียอีก เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ครบแปดชั่วโมงก็ต้อง... ผมคิดพลางยกนิ้วขึ้นมานับ
…นี่คือมันกะจะนอนให้ถึงบ่ายโมงครึ่งตามที่มันว่าเลยใช่มั้ยครับเนี่ย!
"ช้าหมดอดกินข้าวกูไม่รู้ด้วยนะ" ผมบอกกับมันก่อนจะเรียกสายตาปริบๆ ให้โผล่พ้นชายผ้าห่มออกมาได้ เรื่องสำคัญของมันรองจากเรื่องนอน ก็เรื่องกินนี่แหละครับ 'ข้าวสามมื้อ ตอน 7 โมง เที่ยงตรงและ 6 โมงเย็น'
"หิวครับ"
"รีบๆ ลุกขึ้นแล้วไปกินดิ" ผมว่าก่อนจะยื่นแขนที่สวมนาฬิกาไปให้มันดูเวลาที่ตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้ว
"ผมง่วง" …บทจะงอแงนี่ก็เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เนอะคนเรา
"แต่มึงกำลังจะอดข้าวมื้อที่สอง" ผมว่าก่อนจะยักคิ้วให้มันอย่างจงใจกวนประสาท
"ขอข้าวให้ผมหน่อย" มันพยายามคะยั้นคะยอผมด้วยการพยักหน้าถี่ๆ เหมือนลูกหมาที่ต้องการอาหาร ...น่ารักตายล่ะ
"เรื่องอะไร อยากกินก็ลุกดิวะ" ผมว่าก่อนที่มันจะคลานออกมาจากผ้าห่มแล้วเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
"เป็นไร" ผมถามก่อนจะฉกซองพลาสติกในมือมันมาดู 'ยาลดกรด เคลือบแผลในกระเพาะอาหาร'
"อย่ามาสำออย" ผมบอกมันก่อนจะโยนถุงลงข้างๆ มันแล้วเดินออกไป จนคนที่นอนอยู่ได้แต่ทำหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ก่อนจะลุกขึ้นบิดซ้ายทีขวาทีเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ
"อ่ะ" ผมเดินกลับมาอีกครั้งก่อนจะวางจานข้าวที่โปะด้วยไข่เจียวและถ้วยแกงจืดลงที่ปลายฟูกของมันจนคนที่กำลังเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำชะงักแล้วหันมามองหน้าผมสลับกับจานอาหาร
"กูไม่ตามใจมึงบ่อยๆ หรอกนะ" ผมว่าก่อนจะรีบๆ เดินออกมา …ก็แค่กลัวคนแถวนี้โรคกระเพาะจะกำเริบเท่านั้นแหละครับ เพราะถ้าเกิดมันไม่สบายขึ้นมาใครล่ะที่จะซวย ก็ผมนี่ไง!
“ขอบคุณนะครับพี่” เสียงที่ตะโกนไล่หลังออกมาทำเอาคนแถวนั้นหันมามองผมกันเป็นแถบจนผมเริ่มทำหน้าไม่ถูกจึงได้แต่เร่งฝีเท้าเพื่อเดินกลับไปหาพวกเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ริมชายหาด
“เป็นบ้าอะไร ทำไมยิ้มคนเดียว” คำพูดไอ้ทีทำเอาผมหันไปมองมันอย่างงๆ ก่อนจะเพิ่งสังเกตตัวเอง
“เปล่า”
“เปล่าอะไร ก็กูเห็นอยู่เนี่ย” ไอ้ทีพูดอย่างจริงจังก่อนจะเดินมากอดคอผมไว้
“ไม่มีอะไร ก็..เวลามึงเดินสวนกับคนน่ารักๆ มึงก็ต้องยิ้มเปล่าวะ” ผมแถไปเรื่อยโดยไม่คิดอะไร
“ก็จริงของมึง ยิ่งคนที่น่ารักมากๆ ยิ่งห้ามไม่ให้ยิ้มนี่…โคตรยากเลยเนอะ” มันว่าก่อนจะเหล่มองผมอย่างสงสัยก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม
“คนที่น่ารักมากๆ งั้นเหรอ” ผมคิดตามมันก่อนจะหันไปเจอใครบางคนที่เพิ่งเดินตามออกมา …ก็ไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง หน้าตี๋ซะขนาดนั้นอ่ะ
[Bpuen's]
กว่าผมจะอาบน้ำ แต่งตัวและกินข้าวที่พี่กันย์ในมาดพ่อพระใจดีเอามาให้ผมเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมงซึ่งเหมือนทุกคนจะพร้อมใจกันอยู่บริเวณชายหาดเรียบร้อยแล้ว
“พี่ๆ ตั้งฐานด้วยครับ ส่วนน้องปีหนึ่งมาทางนี้เลย” เสียงที่คาดว่าน่าจะเป็นพวกพี่ปีสามดังขึ้นก่อนเหล่านักศึกษาที่กองๆ กันอยู่จะแยกย้ายออกไปอยู่เป็นกลุ่มๆ ตามบริเวณ ริมชายหาด ส่วนปีหนึ่งซึ่งเดาได้จากป้ายชื่อที่แขวนเอาไว้กำลังยืนเข้าแถวตอนแบ่งออกเป็นห้าแถว เท่ากับจำนวนฐานของพี่ๆ ชั้นปีแก่กว่าทั้งสี่และพี่ที่จบไปแล้วอีกหนึ่ง
“ปีหนึ่งรึเปล่าครับ ทางนี้เลยๆ” พี่ปีสามคนหนึ่งหันมามองก่อนจะกวักมือเรียกผม
“ผมหรอครับ” ผมยกมือชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างงงๆ ...ก็ปีหนึ่งแหละ แค่ไม่ใช่เด็กคณะนี้เท่านั้นเอง ผมมองมือที่ยังกวักเรียกผมอย่างงงๆ ก่อนจะมองไปเจอเข้ากับพี่กันย์ที่มองมาทางผมพอดี วันนี้พี่เขาใส่เสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ๊ตสีขาวอีกตัว(คาดว่าถ้าใส่สีดำเหมือนปกติคงจะทนความร้อนของแดดประเทศไทยไม่ไหว) กางเกงขาสั้นสีเหลือง แล้วไม่ใช่เหลืองธรรมดานะครับ …เหลืองมัสตาร์ด(ตามที่พี่กันย์พูดกรอกหูผมอยู่บ่อยๆ) รองเท้าแตะคีบสีน้ำเงินและแว่นกันแดดทรงกลมสีดำ
"มาเลยครับ ให้ไวๆ เห็นมั้ยเพื่อนๆ รออยู่เนี่ย" พี่ปีสามอีกคนหนึ่งเร่งแต่ไม่ได้ดูสีหน้าไอ้พวกปีหนึ่งที่กำลังทำหน้างงประหนึ่งว่า ...ใครเพื่อนมัน ผมหันไปมองพี่กันย์ที่กำลังเกาท้ายทอยอย่างใช้ความคิดก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้ผมเดินไปรวมกับพวกปีหนึ่ง'ถาปัตย์ ...ทำไมผมต้องมารับน้องรอบสองเนี่ยครับ
"ไอ้การันต์" เสียงพี่กันย์ตะโกนขึ้นมาเรียกเด็กผู้ชายปีหนึ่งที่ตัวสูงๆ คนหนึ่งให้หันไปมองก่อนพี่กันย์จะพูดแบบไม่ออกเสียงแล้วชี้มาที่ผม 'น้องกู ดูมันด้วย' ตอนแรกผมก็เห็นคนที่ชื่อการันต์ทำหน้างงๆ ก่อนพี่คีย์จะตะโกนตามมา
"น้องไอ้กันย์ ดูมัน 'ดีๆ' ด้วย" เท่านั้นแหละครับ ไม่ใช่แค่คนที่ชื่อการันต์ แต่ทั้งพี่ขิง พี่เจรวมถึงพี่ปีสามคนอื่นๆ ต่างหันมามองผมเป็นตาเดียวก่อนจะร้อง 'อ๋อออ' ขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ...เอ่อ ผมจะปลอดภัยใช่มั้ยครับ ทำไมเย็นๆ สันหลังชอบกล
“ผ่านคร้าบบ ไปฐานต่อไปได้” เสียงพวกพี่ปีสามดังขึ้นก่อนจะดึงเอาถังแป้งที่ตอนแรกก็ป้ายหน้าพวกผมอยู่ดีๆ แล้วไม่รู้เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาตอนไหนเลยจัดการราดลงบนหัวพวกผมจนเปียกไปหมดกลับไป แล้วอัญเชิญพวกผมไปยังฐานต่อไปโดยไม่คิดจะล้างออกให้สักนิด
“ตัวหอมไปเลยกู” ไอ้การันต์พูดอย่างขำๆ ก่อนจะอ้าแขนออกให้ผมดูตัวที่ตอนนี้ขาวไปด้วยแป้งตั้งแต่หัวจรดเท้า
“จะได้ไม่ต้องอาบน้ำไง” ผมว่าก่อนจะลูบหน้าตัวเองให้พอยังลืมตาได้บ้าง แล้วเดินตามเพื่อนที่เหลือเพื่อเข้าฐานต่อไป
"สวัสดีครับปีหนึ่ง นี่คือฐานปีสี่นะ เอ้า แนะนำตัวกันหน่อยเร็ว" ฐานต่อมาที่พวกกลุ่มที่ผมอาศัยอยู่ต้องมาเจอก็คือฐานของปีสี่ ซึ่งผมเห็นคนที่เพิ่งเมาไม่ได้สติเมื่อคืนเริ่มตั้งวงกับเพื่อนๆ อีกแล้วครับ
"ไอ้กันย์ ของมึงเอาเป๊บซี่หรือโซดาวะ" ผมได้ยินเสียงพี่ทีถามก่อนที่พี่กันย์จะชี้ไปยังขวดโซดาก่อนจะรับมาเปิดฝาให้โดยใช้โซดาอีกขวดหนึ่งอย่างชำนาญ
"สวัสดีครับ ผมชื่อการันต์ เป็นน้องพี่กันย์ครับ" เสียงของการันต์ที่เอ่ยแนะนำตัวพร้อมบอกชื่อพี่สายชั้นปีที่สี่ดังแทรกขึ้นมาทำให้ผมหันกลับไปสนใจกับกิจกรรมตรงหน้าอีกครั้ง
"น้องไอ้กันย์ว่ะ สายนี้เขามีดีจริงๆ เว้ย" พี่ปูนพูดขึ้นก่อนจะเรียกเสียงแซวจากพี่ผู้หญิงที่เหลือตามมา
"น้องผมครับ น้องผม" พี่กันย์ว่าก่อนจะเดินเข้ามากอดคอน้องสายอย่างอารมณ์ดี
"เอาเปล่า" พี่ปีสี่อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะชูแก้วเหล้าขึ้นถาม
"อย่าเพิ่งเถ๊อะ ปล่อยน้องกูใสๆ ไปก่อน" พี่กันย์ว่าก่อนจะหันมาพยักหน้ากับน้องตัวเองอย่างหาแนวร่วมแล้วเดินกลับไปนั่งที่
"โอเค คนต่อไปครับ" พี่ปีสี่คนที่นำกิจกรรมฐานนี้ถามก่อนจะเลื่อนมือมายังผม
"เอ่อ.. ผมชื่อปืนครับ เป็นน้องของ..." ผมเอ่ยแนะนำตัวก่อนมองไปยังคนที่จ้องมองมายังผมเหมือนกัน
"ลืมชื่อพี่รึไง เดี๋ยวมีซ่อมๆ" พี่คนเดิมว่าก่อนจะแซวกันอย่างไม่จริงจังนัก ส่วนพี่กันย์ก็ยกยิ้มมุมปากอย่างขำๆ
"เอ่อ..เป็นน้องของ..พี่กันย์ครับ"
"ทำไมไอ้กันย์มีน้องสองคนวะ" พี่ปีสี่คนที่ถามหันมามองพี่กันย์อย่างงงๆ พี่กันย์ไม่ได้ตอบอะไรแต่หันมามองหน้าผมก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นอีกครั้ง ...สนุกอยู่คนเดียวอ่ะ
"มันไม่ใช่น้องคณะมึงหรอก น้องคณะกูเนี่ย" พี่คีย์พูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนยังทำหน้างงไม่หาย
"อ้าว แล้วทำไมบอกว่าเป็นน้องไอ้กันย์วะ" พี่คีย์ลุกขึ้นก่อนจะเดินมาเข้ามาตบไหล่พี่คนนำกิจกรรมอย่างเห็นใจก่อนจะช่วยให้กระจ่างอีกที
"ก็คนหนึ่งอ่ะ น้องคณะไง”
“อ่าฮะ แล้วอีกคนอ่ะ?”
“ก็ ‘น้องรัก’ ของพี่ยังไงล่ะคร้าบบ"
"ฮิ้ววว..วว" เสียงฮิ้วที่ดังขึ้นจากทั้งปีหนึ่งและปีสี่ทำเอาผมถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก …ถ้าผมยิ้มออกมาจะโดนพี่กันย์ด่ามั้ยครับ
"แหน่ะ อย่ายิ้มดิมึง อย่ายิ้มดิ หวายยย" พี่ทีที่ตะโกนแซวมาจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมองคนโดนแซวที่พยายามดึงหน้าดุแล้วหันไปด่าเพื่อน
“อะไรของพวกมึง” พี่กันย์ว่า แล้วหันไปชี้หน้าคาดโทษเพื่อนที่ได้แต่มองไปที่เจ้าตัวอย่างล้อๆ
“อยากยิ้มก็ยิ้มเถอะ เจอคนน่ารักก็ต้องยิ้มเปล่าวะ”
"กูไม่ได้ยิ้มโว้ยย" พี่กันย์ว่าก่อนจะงัดเอาแว่นดำที่ถอดออกไปแล้วขึ้นมาใส่อีกครั้งแล้วก่อนจะหันหน้าหนีทำคิ้วยุ่งๆ มองไปที่ทะเลแทน
'ไม่ยิ้มก็ไม่ยิ้มครับพี่ ผมว่าจะถามพี่แต่ก็ลืมทุกที เอ..พี่ใช้ยาสีฟันยี่ห้ออะไรนะครับพี่กันย์'