[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 99288 ครั้ง)

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมือนถูกบีบหัวใจ แน่นไปหมด

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณจู

ขอให้คุณร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส การงานก้าวหน้า เขียนนิยายได้อย่างลื่นไหล มีเงินมีทองตลอดปีค่ะ

---------------------------------------------------
ตอนนี้ทำเอาเราใจหายมากเลย ใคร ๆ ก็รู้เรื่องนี้กันมากมายแล้ว จอห์นกับกอร์ดอนจะทำอย่างไร ฮือออออออ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรปีใหม่ค่า ขอให้มิตรรักนักอ่านประสบกับสิ่งดีตลอดปี63นี้เช่นกันค่า

----------------------------

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่48 เรื่องร้าย

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้าไปพบพ่อของเขาในห้องเขียนจดหมาย ระหว่างที่คนรับใช้กำลังลำเลียงหีบเสื้อผ้าขึ้นรถม้า เมื่อเห็นลูกชายเข้ามา ลอร์ดบาธก็ชี้ให้เขานั่งลง

   “จะถึงเวลาไปแล้ว พ่อยังจะเขียนจดหมายหาใครอีกหรือครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามอย่างอารมณ์ดี ผู้เป็นพ่อมองเขาแล้วสั่นศีรษะ

   “ธุระปะปังไม่จบไม่สิ้นน่ะ เมื่อคืนแม่แกไม่ค่อยสบาย พ่ออยากให้แกคอยดูแลตอนอยู่บนเรือ”

   “โอ... งั้นหรือครับ แม่เป็นอะไรครับ”

   “ปวดหัว” ผู้เป็นพ่อว่า “คงจะกังวลเรื่องการเดินทางนั่นแหละ”

   “อืม... ผมเข้าใจล่ะ พ่อไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลแม่อย่างดีแน่ คราวนี้มีทั้งจอร์จทั้งแคทเธอรีนไปด้วย ผมรับรองว่าแม่ต้องลืมเรื่องที่กังวลใจทันทีหลังจากขึ้นเรือ”

   ลอร์ดบาธยิ้มออกมา “ได้ยินแบบนั้นพ่อก็วางใจ แล้วนี่เตรียมของเสร็จแล้วหรือ”

   “กำลังขนขึ้นรถอยู่โน่นแน่ะครับ” อีกฝ่ายตอบ “ปีนี้แมกซ์จะไปกับพวกเราด้วย เขาหมั้นแล้วพ่อรู้หรือยัง”

   “หืม อย่างนั้นหรือ”

   “ใช่ เขาจะพาคู่หมั้นไปด้วย เธอเป็นสาวสวยมาก”

   “ปีนี้ท่าทางจะครึกครื้นนะ ทั้งจอร์จทั้งแมกซ์ก็ดูจะมีคู่กันไปหมดแล้ว หวังว่าแกจะมีข่าวดีในเร็ววันล่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเหิดๆ “ผมไม่อยากถูกกดดันเรื่องนั้นหรอกครับ แต่คิดว่าแคทเธอรีนน่าจะช่วยผมได้ตอนอยู่บนเรือ”

   “ก็ดี ไปดูแม่เถอะ เดี๋ยวพ่อเขียนจดหมายเสร็จแล้วจะตามออกไป”

   “ครับ”

-------------------------------------------

   กอร์ดอนย้ายไปพักที่เวมบลีในอีกวันรุ่งขึ้น พร้อมกับเดวิดและแม่ของเขารวมถึงบิสโม่ด้วย ช่างตัดเสื้อตัดสินใจไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่เขาจะต้องปรึกษากับลอร์ดโทรว์บริดจ์แค่สองคน แต่ตอนนี้ฝ่ายนั้นกำลังเดินทางออกไปเที่ยวพักผ่อน กอร์ดอนไม่อยากให้การเที่ยวนั้นกร่อยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เขาแน่ใจว่าลอร์ดและเลดี้บาธไม่น่าจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะอย่างนั้นเขาเองก็จะไม่พูดถึงเช่นกัน กอร์ดอนวางแผนว่าเขาจะเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องที่มาพักอยู่ที่เวมบลีให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ่านแทน เพราะถ้าไม่ส่งอะไรไปเลย ฝ่ายนั้นก็จะเป็นห่วงเอาได้

   และกอร์ดอนก็ค้นพบว่าเขามีเรื่องเกี่ยวกับเวมบลีให้เขียนเล่ามากมาย ผู้คนแถบนั้นดูตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าเจ้าของใหม่จะมาพักอยู่ในช่วงฤดูหนาว เขาต้องจ้างคนเพิ่มเพื่อดูแลเรื่องในบ้าน เพราะหลังนี้กว้างกว่าหลังเก่าที่นีสเด้นมาก โชคดีที่ได้เซอร์จอร์จ กับเลดี้ชาร์ล็อต คาเมร่อนมาช่วยจัดการ หลังทั้งคู่รู้จากเดวิดว่ากอร์ดอนเพิ่งได้บ้านใหม่

   “ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้พวกคุณช่วยไว้ ผมคงต้องยืนงงในบ้านตัวเองแน่” กอร์ดอนพูดระหว่างนั่งผิงไฟอยู่หน้าเตาผิงใหญ่ในห้องนั่งเล่น เลดี้ชาร์ล็อตรินชาลงในถ้วย เบามันเบาๆ แล้วจึงพูด

   “ไม่เป็นไรหรอกจ้า ที่จริงแล้วเธอควรจะบอกพวกเราก่อนด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องดีมากเลยนะ เธอได้บ้านหลังใหม่ที่สวยมาก ตาเฒ่ากอร์ดอนมีเพื่อนดีทีเดียว”

   กอร์ดอนยิ้ม “แล้วนี่เซอร์จอร์จไปไหนหรือครับ”

   “เอ... คงจะอยู่ในห้องหนังสือล่ะมั้ง ฉันมัวแต่ยุ่งกับครัวเลยไม่ได้ตามไปดูด้วยสิ เออ นี่ มีเปียโนอยู่หลังหนึ่งด้วยนะ เธอเห็นแล้วใช่ไหม”

   “อ้อ ครับ แต่ผมเล่นไม่เป็นหรอก”

   “น่าเสียดาย เราไปดื่มชาที่นั่นดีกว่า ฉันจะเล่นให้เธอฟังเอง เธอน่าจะหาผู้หญิงที่ร้องเพลงกับเล่นเปียโนได้มาเป็นภรรยานะ เธอจะคู่ควรกับบ้านหลังนี้มาก”

   กอร์ดอนหัวเราะ “ไว้ผมจะลองหาดูครับ”

   เดวิดกับบิสโม่ดูสนุกกับการสำรวจที่ทางภายในบ้าน กอร์ดอนดีใจที่เด็กหนุ่มเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเพื่อนรักได้สำเร็จ ทำให้ทั้งคู่มีเวลามาสนุกด้วยกัน ปีนี้คงเป็นฤดูหนาวที่ไม่เลว แม้ว่าจะมีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นก็ตาม

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาถึงอิตาลีในอีกสามวันหลังจากนั้น อากาศหน้าหนาวและภูมิทัศน์ในอิตาลีไม่เลวทีเดียว ลอร์ดหนุ่มสนุกกับการท่องเที่ยวและไม่ลืมที่จะเขียนเล่าลงไปในโปสการ์ดที่เขาซื้อจากทุกที่ที่แวะส่งไปให้กับคนรักที่อังกฤษ เลดี้บาธดูมีความสุขกับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ เธอไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเลย ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเองก็ได้แวะเยี่ยมเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน ขณะที่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตและแอนนาเบล เฮเก้นต์เข้ากันได้ดีจนลอร์ดจอร์จ เฟลตันชักระแวงว่าอาจถูกพวกเธอสองคนขุดคุ้ยเรื่องเก่า ร้อนถึงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องคอยปลอบให้เพื่อนเลิกสันหลังหวะเสียที

   “ผมเพิ่งรู้ว่าอิตาลีเป็นที่ที่เหมาะกับการมาพักตากอากาศในฤดูหนาวมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เขาและเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนออกมาเดินเล่นในช่วงเช้า

   “โดยเฉพาะเวนิส ที่นี่สวยมากจริงๆ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้ม “จริงค่ะ ถ้าฉันมีคนรัก ฉันคงอยากให้เขาพามาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน”

   “ผมเสียใจเรื่องมิสเตอร์ดอว์สันด้วยนะ เขาไม่ได้ติดต่อมาอีกเลยใช่ไหม”

   “อ้อ... ฉันยังไม่ได้เล่าให้คุณฟังสินะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดอย่างนึกได้ “หลังจากวันนั้นที่สะพานทาวเวอร์ ฉันได้รับจดหมายขอโทษจากเขาค่ะ เขาบอกฉันว่าเขาไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวงฉัน แต่เขาไม่อาจกลับมาสู้หน้าฉันได้อีกแล้ว เพราะเขาละอายกับสิ่งที่เคยทำลงไป”

   “.....”

   “ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า แต่มันทำให้ฉันรู้สึกโล่งขึ้นมาก อย่างน้อยๆ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดนหลอก มันยากมากจริงๆ ที่จะให้อภัยคนที่หลอกลวงเราเรื่องความรักได้ ฉันเลยเขียนจดหมายไปขอบคุณเขา และบอกว่าไม่ต้องติดต่อกลับมาอีก เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว”

   “งั้นผมคงต้องแสดงความยินดีกับคุณสินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่อย่ากังวลไปเลย คุณน่ะเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่นานต้องได้พบผู้ชายดีๆ แน่”

   อีกฝ่ายถอนหายใจ “ฉันคงเข็ดกับเรื่องรักๆ ไปสักพักล่ะค่ะ ระหว่างนี้ขออยู่เป็นเพื่อนท่านตาจะดีกว่า”

   “งั้น... ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้ บอกแล้วกัน ผมยินดีช่วยเต็มที่”

   “ที่จริงคุณก็กำลังช่วยฉันอยู่โดยไม่รู้ตัวนะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ตอนนี้ทุกคนลือกันว่าคุณกำลังคบหากับฉันอยู่ นั่นทำให้ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้ามาวอแวฉันเลย คุณช่วยเรื่องนี้ได้เยอะเลยค่ะ แม้ว่าฉันจะเจอสายตาจิกกัดจากบรรดาสาวๆ ในงานเลี้ยงก็เถอะ”

   “อืม... เป็นเรื่องที่ผมขำไม่ออกเลยแฮะ มันต้องน่าอึดอัดมากแน่”

   “ก็นิดหนึ่งค่ะ แต่ฉันแอบสะใจมากกว่า เพราะพวกเธอไม่รู้แน่ว่าหัวใจคุณน่ะมีคนครองอยู่แล้ว และไม่มีวันที่ผู้หญิงคนไหนจะได้มันไปทั้งนั้น”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “รู้สึกตั้งแต่ไปที่สะพานทาวเวอร์นี่ คุณดูร้ายกาจขึ้นมาเยอะเลยนะ”

   “ที่จริงแล้วฉันเป็นคนร้ายกาจนะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “แค่ไม่ค่อยแสดงออกเท่านั้นเอง ผู้หญิงบางทีก็ต้องแสร้งทำเป็นมารยาไม่รู้เรื่องบ้าง พวกเราน่ะถูกคาดหวังให้เป็นและไม่เป็นในอะไรหลายๆ อย่างนะคะ”

   “อืม... เป็นผู้หญิงก็ลำบากเหมือนกันแฮะ คุณทำให้ผมนึกถึงอเล็กซานดร้าเลย”

   “โอ... ฉันชอบเธอมากค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “เธอกล้าทำในสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนไม่กล้า และเธอดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนด้วย ฉันอยากจะเป็นได้อย่างเธอสักครึ่งหนึ่ง ที่สำคัญคือเธอเป็นคนตรงไปตรงมามาก ถ้าได้เป็นเพื่อนกับเธอก็ไม่ต้องระแวงว่าจะถูกแทงข้างหลังเลย”

   “อันนี้ผมเห็นด้วยกับคุณนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เธอเป็นคนที่คิดอะไรก็แสดงออกมาอย่างนั้นจริงๆ”

   “ฉันเขียนโปสการ์ดไปให้เธอด้วยค่ะ เราสัญญาว่าจะแลกโปสการ์ดฤดูหนาวกัน ตอนกลับถึงบ้าน โปสการ์ดของเธอคงกองอยู่เต็มหน้าประตูแน่ๆ”

   “คุณเองก็อย่าให้แพ้เธอล่ะ เมื่อวานผมเห็นร้านขายโปสการ์ดอยู่ตรงหัวมุมถนนโน่น”

   “ฉันเดาว่าคุณซื้อและเขียนส่งไปให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กแล้ว”

   “แน่นอน คุณรู้ได้ไง”

   “โธ่... คุณเล่นแวะร้านโปสการ์ดทุกร้านที่เราผ่าน และยืนเขียนแล้วส่งตรงนั้นเลย ใครไม่รู้ฉันรู้นะคะว่าคุณส่งถึงใคร จริงสิคะ พูดถึงเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก มีเรื่องนึงที่ทำให้ฉันรู้สึกเป็นกังวลค่ะ”

   “เรื่องอะไรหรือ”

   “จำวันที่เราไปกินข้าวด้วยกันได้ไหมคะ วันที่คุณพาฉันไปที่สะพานเทาวเวอร์น่ะค่ะ”

   “จำได้สิ มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ”

   “ฉันพูดว่า เห็นผู้ชายคนหนึ่งแอบตามเรามาตั้งแต่ออกจากร้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก แต่พอพวกคุณหันไปดูเขาก็หายไปแล้ว”

   “อ้อ ผมนึกออกล่ะ คุณกังวลว่าตัวเองตาฝาดหรือเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นหรือ”

   “ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันเพิ่งมาคิดได้ตอนที่อเล็กซานดร้ามาเล่าให้ฟัง ว่าเธอให้คนไปสืบเรื่องของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เลยถามเธอไปว่าเธอให้สืบจนถึงเมื่อไหร่ เธอบอกว่าก่อนจะถึงวันแข่งรักบี้ ถ้าเธอพูดจริง ผู้ชายที่ฉันเห็นวันนั้นก็ไม่ใช่คนที่เธอส่งมาสืบเรื่องของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก”

   “คุณกังวลว่าเขาติดตามคุณงั้นสิ ผมจะให้แมกซ์ดูเรื่องนี้ให้แล้วกัน”

   “ไม่ใช่ค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรีบปฏิเสธ “ฉันแค่กังวลว่าเขาอาจจะตามสืบเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยู่ และถ้าไม่ใช่คนที่อเล็กซานดร้าไหว้วานมา ก็ต้องเป็นคนของคนอื่น ที่ฉันกังวลคือตรงนี้ล่ะค่ะ”

   “คุณกังวลมากไปเองน่า คนที่วุ่นวายเรื่องนี้ได้ขนาดนี้ก็มีแต่อเล็กซานดร้าเท่านั้นแหละ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนิ่งไปพัก ก่อนจะยอมพยักหน้า “ก็คงจะจริงค่ะ ฉันอาจจะกังวลไปเอง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ อุตส่าห์มาเที่ยวด้วยกันทั้งที คุณยังต้องมากังวลเรื่องผมอีก แบบนี้กอร์ดอนจะต้องว่าผมแน่”

   อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้ “จริงของคุณค่ะ เราไปเดินหาร้านขายโปสการ์ดกันดีกว่า คุณจะได้เขียนถึงมิสเตอร์โอเดนเบิร์กอีก ฉันเองก็จะเขียนถึงเขาด้วยค่ะ”

   กอร์ดอนได้รับโปสการ์ดของลอร์ดโทรว์บริดจ์แผ่นแรกช่วงก่อนคริสต์มาส เขาอ่านและสอดเก็บมันเอาไว้ในสมุดบันทึก รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกัน

   “ฮั่นแน่ ทำหน้าแบบนั้น คุณได้โปสการ์ดจากลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช่ไหมล่ะครับ” เดวิดที่เดินเอาชาเข้ามาให้ทักอย่างรู้ทัน กอร์ดอนรีบพูดกลบเกลื่อนความเขินทันที

   “มีของคนอื่นด้วยนะ ฉันกำลังทยอยอ่านอยู่”

   “งั้นก็ขอให้มีความสุขนะครับ คืนนี้คุณจะไปสวดมนต์ที่โบสถ์รึเปล่า”

   “ไปสิ ถ้าหิมะไม่ตกหนักมากนะ” กอร์ดอนว่า เดวิดพูดต่อ

   “งั้นผมจะไปบอกแม่ให้เตรียมตัว แต่ถ้าตกหนักเราจะอยู่บ้านใช่ไหมครับ”

   “อืม... แต่ฉันคิดว่าเราควรจะไป มันเป็นปีแรกที่เรามาพักที่นี่ ถ้าไม่ไปก็ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย”

   “ครับ ตามใจคุณเลย ผมรอวันที่คุณจะพาเราไปเยี่ยมลอร์ดฟาริงดอนอยู่นะครับ บิสโม่บอกว่าอยากเล่นสเก็ตช์แล้ว”

   กอร์ดอนหัวเราะ “หลังคริสต์มาสแล้วกัน วันที่หิมะไม่ตกมาก เราจะนั่งรถม้าไปกัน ฉันจะเขียนจดหมายไปบอกเขาก่อน”

   “ขอบคุณครับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมจะไปบอกบิสโม่ ว้าว นี่เป็นฤดูหนาวที่ยอดไปเลย”

   กอร์ดอนรอจนเดวิดเดินออกไป เขาจึงเทชาใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นมาจิบ ก่อนจะหยิบจดหมายอีกฉบับขึ้นมาอ่าน จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

   “จะออกไปไหนหรือครับ” เดวิดตะโกนถามเจ้านายของเขา หลังเห็นอีกฝ่ายรีบร้อนออกไปที่ประตูทั้งที่ยังสวมเสื้อโค้ทกันหิมะไม่เข้าที่เข้าทางดี กอร์ดอนตอบเขาโดยไม่ได้หันมามอง

   “ฉันจะออกไปธุระสักหน่อย อาจจะกลับค่ำๆ ยังไงก็ช่วยเตรียมมื้อเย็นเผื่อไว้ด้วยนะ”

   “ได้ครับ คุณอย่าลืมเอาตะเกียงไปด้วยนะครับ ข้างนอกมืดมาก”

   “ขอบใจ” พูดจบเขาก็คว้าตะเกียงที่แขวนอยู่ใกล้ประตู แล้วเดินออกไป

---------------------------------------

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้รับจดหมายฉบับแรกของกอร์ดอน ในสัปดาห์ที่สองที่เขาพักอยู่ที่เวนิส เนื้อความในจดหมายเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดในเวมบลี ไม่มีส่วนไหนเกินเลยไปกว่าจดหมายจากเพื่อนถึงเพื่อนเลย แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรักในทุกตัวอักษรที่ฝ่ายนั้นบรรจงเขียน เขาเอาจดหมายนั้นให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอ่าน เพราะกอร์ดอนเขียนถึงเธอและดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดด้วย เธอเลยขอให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอามันไปให้ท่านดยุกอ่าน กลายเป็นว่าจดหมายฉบับเดียว อ่านกันสามคน ท่านดยุกดูอิ่มอกอิ่มใจที่ได้รู้ว่ากอร์ดอนได้ใช้บ้านที่มอบให้ในช่วงฤดูหนาว และมีความสุขกับมัน เขาเปรยว่าถ้ากลับไปทันจะแวะไปเยี่ยมอีกฝ่ายที่บ้าน พวกเขาฉลองคริสต์มาสและปีใหม่กันที่เวนิส ทุกคนมีความสุข แม้แต่อากาศก็ยังเป็นใจ ทุกอย่างดูดีจนไม่น่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นได้ กระทั่งทั้งหมดเดินทางกลับไปยังอังกฤษ

   ฤดูหนาวที่อังกฤษยังไม่สิ้นสุด แม้จะไม่มีพายุหิมะ แต่อุณหภูมิยังคงติดลบ และถนนหนทางในลอนดอนก็เต็มไปด้วยคราบฝุ่นจากถ่านหินที่ปะปนกับหิมะซึ่งถูกกวาดไปกองอยู่ที่ริมถนน เพื่อรอการตักใส่รถ

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ได้สามวันแล้ว เขาแปลกใจที่ไม่ได้จดหมายจากกอร์ดอนอีก รวมถึงไม่มีอะไรส่งมาที่บ้านด้วย อาจเป็นไปได้ว่าไปรษณีย์ส่งช้าเพราะอุบัติเหตุระหว่างการขนส่ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เสมออย่างที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า ลอร์ดหนุ่มจึงตัดสินใจไปเยี่ยมคนรักที่ร้าน แต่ก็ปรากฏว่าร้านปิด เขาคิดว่าฝ่ายนั้นอาจจะยังอยู่ที่เวมบลี เลยเขียนจดหมายไปบอกเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่าเขาจะแวะไปในวันรุ่งขึ้น เพื่อชวนทั้งคู่ไปเยี่ยมกอร์ดอนที่เวมบลี

   “จอห์น วันนี้แกจะออกไปไหนอีก” ลอร์ดบาธทักลูกชายในระหว่างมื้อเช้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงตอบพ่อของเขา

   “ผมจะไปหาแคทเธอรีนที่บ้านของท่านดยุกครับ”

   “อ้อ... อย่างนั้นหรือ เอาดอกไม้ไปฝากเธอสักช่อสิ ผู้หญิงน่ะชอบดอกไม้เสมอแหละ”

   “งั้นผมคงต้องรีบไปหน่อย เพราะเขียนจดหมายไปนัดไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

   “จะไปไหนกันล่ะ”

   “เวมบลีครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมว่าจะชวนท่านดยุกไปด้วย”

   “ดี” พ่อของเขาพยักหน้า “ดูท่าทางกลับจากไปเที่ยวครั้งนี้ นอกจากแกจะสนิทกับแคทเธอรีนแล้ว ยังดูจะสนิทกับท่านดยุกมากขึ้นด้วยนะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “ทั้งหมดเพราะกอร์ดอนหรอกครับ”

   “หืม”

   “ไม่มีอะไรครับ” อีกฝ่ายรีบตอบ “ผมต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวจะสาย ไปก่อนนะครับพ่อ ฝากบอกแม่ด้วยนะครับว่าผมอาจจะกลับค่ำๆ หรือเย็นๆ”

   “จะอยู่กินมื้อเย็นที่บ้านของท่านดยุกก็ได้” พ่อของเขาตะโกนไล่หลัง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์แวะซื้อดอกไม้ ช่อหนึ่งเป็นดอกทิวลิป อีกช่อเป็นดอกกุหลาบ แน่นอนว่าทั้งสองช่อราคาแพงลิบลิ่ว เพราะเป็นดอกไม้ที่มาจากเรือนกระจก หลังฤดูหนาวแบบนี้ราคาดอกไม้ยังแพงกว่าเนื้อเสียอีก เขานั่งรถม้าที่มีโอลิเวอร์เป็นคนขับไปที่คฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “อรุณสวัสดิ์แคท” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักทายเพื่อนของเขา แล้วยื่นช่อดอกทิวลิปให้ “ของฝากคุณ”

   “ว้าว สวยมากเลยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันจะให้คนเอาไปปักแจกัน นี่คุณคงซื้อมาเผื่อฉันเพราะแวะซื้อดอกไม้ให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กสินะคะ” เธอพูดอย่างรู้ทัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ

   “ผมอธิบายไม่ได้เลยว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นขนาดไหน ผมไม่ได้พบเขามาเป็นเดือน แล้วก็ไม่เคยเห็นบ้านหลังนั้นด้วย เขาจะอยู่สบายที่นั่นใช่ไหม”

   “แน่นอนค่ะ ฉันยืนยันว่ามันเป็นบ้านที่สวยและน่าอยู่มาก” อีกฝ่ายตอบ ก่อนจะพูดต่อ “แต่คุณต้องเก็บอาการหน่อยนะคะ เพราะท่านตาจะไปด้วย”

   “ได้ ผมจะพยายาม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ทั้งคู่คุยกันอยู่อีกพัก จนกระทั่งดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดแต่งตัวเสร็จ จึงพากันนั่งรถม้าไปที่เวมบลี

   ที่ดินฝืนนั้นเป็นที่สวยอย่างที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่าไว้ แม้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จินตนาการถึงผืนดินเขียวขจีในช่วงฤดูร้อนได้ทันทีที่เห็น และบ้านหลังนั้นก็งามอย่างที่คิดไว้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงจากรถม้า เขาให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน และดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดรออยู่ที่รถก่อน ระหว่างที่ตัวเองเดินไปกดออดที่หน้าประตู เดวิดเปิดประตูออกมาต้อนรับ พอเห็นหน้าเขา เด็กหนุ่มก็ละล่ำละลักพูดขึ้นทันที

   “โอ้ ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งคุณมา พวกเราไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว”

   “เกิดอะไรขึ้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามเด็กหนุ่ม “ค่อยๆ พูดได้ไหม ฉันฟังไม่ทัน”

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กหายไปครับ”

   “อะไรนะ”

   “เขาหายตัวไปตั้งแต่ก่อนวันคริสต์มาส พวกเราช่วยกันตามหาเขาทุกวัน แต่ไม่มีวี่แววเลย ผมกลัวว่า...”

   คำพูดของเด็กหนุ่มหายเข้าไปในคอ ขณะที่น้ำตาเอ่อมาแทนที่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้อนใจแต่ก็ไม่อาจทิ้งอีกสองให้รอที่รถได้

   “ฉันพาแขกมาด้วย ต้องไปบอกพวกเขาก่อน เธอตั้งสติดีๆ ไว้ เราจะไปคุยเรื่องนี้กันต่อในบ้าน”

   เดวิดพยักหน้าหงึกๆ แล้ววิ่งเข้าบ้านไป ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับมาที่รถ

   “มีเรื่องอะไรหรือคะ ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้น” เลดี้แคทเธอรีนถามขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอ แล้วมองท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย ผมเห็นว่าเราคงต้องเลื่อนการมาเยี่ยมออกไป”

   “เกิดอะไรขึ้น” ท่านดยุกถามออกมาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขา

   “ผมเองก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่ดูเหมือนกอร์ดอนจะหายตัวไปตั้งแต่ก่อนคริสต์มาส”

   “ว่าไงนะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเซไปหน่อยหนึ่ง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรีบประคองไว้

   “ท่านตาคะ ทำใจดีๆ ไว้ค่ะ” เธอหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยสีหน้าที่ตกใจไม่แพ้กัน ฝ่ายนั้นจึงพูดต่อ

   “ผมต้องสอบถามคนในบ้านถึงรายละเอียดเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น... ผมอยากให้ท่านกลับไปก่อนครับ”

   “ไม่ ฉันจะไม่กลับไปที่บ้านจนกว่าจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ท่านดยุกพูดเสียงเด็ดขาด “ฉันจะอยู่ด้วย ไม่ต้องคิดจะห้ามหรือสั่งฉันทั้งนั้น เพราะเธอไม่มีสิทธิ์”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้แต่พยักหน้ารับ “งั้นเชิญท่านครับ”

   เขาประคองท่านดยุกเข้าไปภายในตัวบ้าน โดยมีเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินข้าง

   “บ้านหลังนี้มีชื่อว่ากรีนไปป์ ฉันเคยมาที่นี่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัยก่อน ผู้คนในแถบนี้อัธยาศัยดีมาก” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเล่าหลังจากนั่งลงบนโซฟาภายในห้องรับแขก ลอร์ดโทรว์บริดจ์กวาดตามองไปรอบๆ ไฟในเตาผิงยังคงลุกโชนอยู่ ด้านบนเป็นหินอ่อน ประดับลายปูนปั้น ผนังติดวอลเปเปอร์สีเขียว มีรูปวาดสีน้ำมันประดับอยู่ เครื่องเรือนแม้ไม่ได้หรูหราอย่างในคฤหาสน์ แต่ก็ถูกออกแบบและจัดทำมาอย่างพิถีพิถัน ถึงไม่ใช่ห้องรับแขกที่โอ่อ่ากว้างขวาง แต่ก็ดูดีมีรสนิยม

   มิสซิสเมอร์สันยกชามาเสิร์ฟ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงบอกให้เธอนั่งลงพร้อมกับเดวิด ก่อนจะแนะนำคนที่มาด้วยให้รู้จัก

   “นี่ท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ส่วนนี้เลดี้แคทเธอรีน หลานสาวของเขา”

   “โอ... อรุณสวัสดิ์ค่ะ ดิฉันเคยได้ยินเรื่องของท่านจากมิสเตอร์โอเดนเบิร์กบ่อยๆ” พูดจบมิสซิสชิมเมอร์ก็ร้องไห้ออกมา “ขอโทษนะคะ พอคิดถึงเขา ฉันก็...”

   “ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบ แล้วหันไปหาเดวิด “ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่แรกเลยนะ”

   “คืออย่างนี้ครับ” เดวิดสูดหายใจ พยายามตั้งสติ “ผมจำได้ว่าวันนั้นมิสเตอร์โอเดนเบิร์กกำลังนั่งอ่านจดหมายอยู่ ผมยังขึ้นไปถามเขาอยู่เลยว่าเขาจะไปโบสถ์ไหมเพราะมันเป็นคืนคริสต์มาสอีฟ เขายืนยันว่าถ้าหิมะไม่ตกหนักก็จะไป หลังจากนั้นผมก็ลงมาข้างล่าง สักพักเขาก็ลงมา ท่าทางรีบร้อนมาก บอกว่าจะออกไปธุระข้างนอก แล้วก็ออกไปเลย”

   “เขาไม่ได้บอกหรือว่าออกไปธุระเรื่องอะไร”

   “ไม่ได้พูดเลยครับ” เดวิดว่า “เขาแค่บอกว่าเขาอาจจะกลับค่ำหน่อย ให้เตรียมมือเย็นเอาไว้เผื่อ แต่พวกเรารอจนเกือบเที่ยงคืน ก็ไม่เห็นเขากลับมา กระทั่งวันรุ่งขึ้น เขาก็ไม่กลับมา...” เสียงของเดวิดหายไป เขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “เหมือนว่าเขาหายตัวไปเลย”

   มิสซิสชิมเมอร์สะอื้นฮั่ก “ดิฉันกับลูกไม่คุ้นกับละแวกนี้เลยออกไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน มีคนขับรถม้าคนหนึ่งบอกว่าขับรถไปส่งเขาที่ถนนใหญ่ เขาไม่ได้บอกว่าไปไหน แค่ให้แวะส่งริมทาง คนขับเล่าให้ดิฉันฟังว่าเขาถามมิสเตอร์โอเดนเบิร์กแล้วว่าจะให้รอเป็นเพื่อนไหม แต่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กปฏิเสธค่ะ บอกว่าเดี๋ยวจะมีคนมารับเขาอีกที”

   “นอกจากนี้แล้วมีใครเห็นอะไรอีกไหม”

   ทั้งสองคนสั่นศีรษะ เดวิดเล่าต่อ “วันนั้นหิมะตกครับ อากาศค่อนข้างครึ้ม ผมยังบอกให้เขาเอาตะเกียงติดตัวไปด้วย”

   “เธอบอกให้เขาเอาตะเกียงติดไปด้วยหรือ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถามขึ้นมา เดวิดพยักหน้า

   “อาจจะฟังดูแปลกนะครับ แต่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กชอบเตือนผมบ่อยๆ ให้เอาตะเกียงติดไปด้วยเวลาออกไปข้างนอกตอนครึ้มๆ หรือใกล้ค่ำ ผมเคยชินเลยบอกเขาไป เพราะวันนั้นท้องฟ้าครึ้มมากจริงๆ”

   “แล้วเขาเอามันไปด้วยไหม”

   “ครับ เขาหยิบมันไปด้วย”

   “มีใครเจอตะเกียงนั่นรึยัง”

   “ไม่มีเลยครับ” เดวิดว่า “เราไม่ได้สนใจจะหาตะเกียง เรากำลังตกใจที่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กหายไป”

   คำพูดของเดวิดออกจะเสียมารยาทต่อท่านดยุกอยู่บ้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงติง “เดวิด ท่านดยุกเองก็เป็นห่วงกอร์ดอนมากเหมือนกันนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดโบกมือ “ฉันเข้าใจความรู้สึกเจ้าหนูนี่ โทษทีที่ฉันเอาแต่ถามถึงเรื่องตะเกียง แต่มันค่อนข้างสำคัญในความคิดฉัน”

   เดวิดมองท่านดยุกด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อย ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามต่อ “แล้วพวกเธอได้แจ้งตำรวจไหม”

   “เราแจ้งตำรวจประจำท้องที่แล้วครับ พวกเขาช่วยกันออกค้นหา แต่ไม่เจออะไรเลย”

   “แล้วจดหมายล่ะ ลองค้นดูหรือยัง บางทีต้นเหตุที่ทำให้เขาออกไปอย่างรีบร้อนอาจจะมาจากจดหมายพวกนั้นก็ได้”

   “โอ้ นั่นล่ะค่ะ” มิสซิสชิมเมอร์โพล่งออกมา “ตำรวจขอดูจดหมายกับบันทึกของเขา ฉันเลยเปิดห้องให้ แต่... โอ้ พระเจ้า มันถูกรื้อค่ะ มีใครบางคนเข้ามาในช่วงที่พวกเรากำลังวุ่นวาย แล้วค้นห้องของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ตำรวจไม่เจอบันทึก แล้วก็ไม่เจอจดหมายที่น่าจะเกี่ยวข้องด้วยค่ะ”

   “ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง ขณะที่ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดขึ้น

   “แล้วหลังจากนั้นล่ะ มีจดหมายอะไรส่งมาอีกไหม จดหมายข่มขู่หรือเรียกค่าไถ่น่ะ”

   เดวิดสั่นศีรษะ “ตำรวจก็บอกเราให้คอยดูจดหมายเอาไว้เหมือนกันครับ แต่ไม่มีอย่างที่ว่าเลย”

   “งั้นฉันคงต้องให้สก็อตแลนยาร์ดรับช่วงเรื่องนี้ต่อแล้วล่ะ” ท่านดยุกพูดพลางถอนหายใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาด้วยสายตาเป็นกังวล

   “ท่านดยุกหมายความว่า...”

   “นี่ไม่ใช่การลักพาตัวธรรมดา พวกนั้นกำจัดหลักฐานทิ้ง มีบางอย่างในบันทึกที่พวกมันไม่อยากให้ใครรู้” ท่านดยุกหยุดไปอึดใจ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น “รีบไปกันเถอะ เราต้องให้สก็อตแลนยาร์ดจัดการเรื่องนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนและคนรับใช้รีบเข้ามาช่วยพยุงเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปหามิสซิสชิมเมอร์และเดวิด

   “ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อหาตัวเขา ระหว่างนี้พวกเธอช่วยอยู่ที่นี่ เผื่อว่าเขาอาจจะกลับมา” เขาหยิบธนบัตรปึกหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “นี่ไว้เผื่อฉุกเฉิน ถ้ามีอะไรที่ฉันต้องรู้เพิ่มให้โทรเลขมาบอกได้เลย เธอมีที่อยู่ฉันใช่ไหม”

   “ผมไม่ได้จดไว้ มันอยู่ในสมุดบันทึกของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเดินไปจดที่อยู่ให้ “เอาล่ะ จำไว้นะ มีอะไรให้รีบโทรเลขไปบอกฉันทันที”

   “ครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับไปขึ้นรถม้า เดวิดมองจนมันลับหายไปจากสายตา ในมือกำที่อยู่ของลอร์ดหนุ่มไว้แน่น

-----------------------------------

   “ท่านตาคะ หนูขอถามอะไรได้ไหมคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นระหว่างที่ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปที่สก็อตแลนยาร์ด ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า

   “ว่ามาสิ”

   “ทำไมท่านตาถึงถามถึงเรื่องตะเกียงล่ะคะ หนูแน่ใจว่าท่านตาคงไม่ได้ถามเพราะมันเป็นของแพงหรือมีค่าแน่ๆ”

   “อ้อ... เรื่องนั้น” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดส่งเสียงในคอ “ตะเกียงนั่นเป็นของที่ฉันสั่งทำพิเศษ เพื่อให้พ่อหนุ่มกอร์ดอนโดยเฉพาะ มีอยู่ในบ้านหลังนั้นสี่ดวง ทุกดวงทำจากทองเหลือง โถครอบเป็นแก้วอย่างดี ไส้ตะเกียงเป็นฝ้ายคุณภาพ มันส่องแสงสว่างและจุดติดได้ง่าย แม้ลมแรงก็ไม่ดับ บนตะเกียงแต่ละดวงหล่อเป็นอักษรตัวย่อชื่อปู่กับย่าของเขา”

   “....”

   “ฉันหวังให้ดวงวิญญาณของกอร์ดอนและอลิซาเบธคอยนำแสงสว่างให้เขายามค่ำคืน นั่นเป็นตะเกียงที่ไม่มีขายทั่วไป และไม่ใช่ของราคาถูก ไม่ว่าใครที่พาตัวเขาไปไม่ได้ทิ้งมันเอาไว้ แปลว่าต้องเอาติดไปด้วย”

   “หมายความว่าถ้าเราหาตะเกียงนั่นพบ เราก็จะรู้ว่าใครพาตัวเขาไปสินะคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า ก่อนจะถอนใจอีก “ใช่ แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น คนร้ายวางแผนมาอย่างดีและน่าจะมีมากกว่าหนึ่ง ตากังวลว่า...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก “ผมจะไปคุยกับแมกซ์ บางทีเขาอาจจะช่วยได้”

   “ฉันไม่คิดว่าเขาจะช่วยอะไรได้มากนักหรอก ถ้าเรื่องมันเป็นแบบที่ฉันคิดจริงๆ”

   “.....”

   “เราคงต้องพึ่งสก็อตแลนด์ยาร์ด ต้องให้เขาสืบให้รู้ว่าพ่อหนุ่มกอร์ดอนเข้าไปพัวพันกับอะไรกันแน่”

--------------------------------------

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ผู้บัญชาการสก็อตแลนด์ยาร์ดมารับเรื่องด้วยตัวเอง เขารับปากกับท่านดยุกว่าจะเร่งสืบหาความจริงในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด สองวันต่อมา เขานั่งรถมาขอเข้าพบดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดที่คฤหาสน์

   “อรุณสวัสดิ์ครับท่านดยุก ขออภัยที่ผมมาเยี่ยมตั้งแต่เช้า”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดนั่งลงตรงข้ามผู้บัญชาการ “ได้เรื่องแล้วหรือ”

   “ไม่เชิงครับ ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นประเด็นละเอียดอ่อน อย่างที่ท่านบอก เราไปตรวจบ้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กที่เวมบลี และสอบถามคนที่นั่นอย่างละเอียด บุรุษไปรษณีย์ยืนยันว่าวันนั้นเขาไปส่งจดหมายที่บ้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กจริง และมีจดหมายทั้งหมดสี่ฉบับ ซึ่งตรงกับที่เราตรวจพบ แต่เด็กรับใช้ให้การว่าวันนั้นมีจดหมายมาห้าฉบับ ดังนั้นเป็นไปได้มากว่าคนร้ายจะแอบหย่อนเอาไว้ในช่วงดึก ซึ่งทุกคนนอนหลับกันหมด จึงไม่มีพยานรู้เห็น ส่วนคนขับรถม้าให้การว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กสั่งให้เขาไปส่งที่ริมถนนใหญ่ ใกล้กับต้นเอมล์ โดยบอกว่าเดี๋ยวจะมีรถม้ามารับไปอีกที ตอนนั้นหิมะตกหนา คนขับรถม้าเลยอาสาจะรอเป็นเพื่อน แต่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กปฏิเสธ ด้วยความสงสัยเขาจึงแกล้งขับออกไปแล้วย้อนกลับมาอีกครั้ง จึงได้เห็นว่ามีรถม้าคันใหญ่มารับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กไป เขามองไม่เห็นคนในรถ แต่สังเกตเห็นว่ารถม้าคันนั้นสร้างอย่างประณีต ไม่ใช่รถม้ารับจ้างทั่วไป มิสเตอร์โอเดนเบิร์กยื่นบางอย่างให้คนขับรถม้า แล้วเปิดประตูขึ้นไป จากนั้นรถม้าคันนั้นก็แล่นออกไปอย่างเร็ว”

   เขาหยุดเว้นระยะครู่หนึ่ง “เราจึงสรุปว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กได้รับจดหมายจากคนที่เขารู้จัก และขึ้นรถม้าไปอย่างเต็มใจ ไม่ใช่ถูกบังคับ จากปากคำคนขับรถม้า รถม้าที่เขาเห็นเทียมด้วยม้าสี่ตัว เป็นรถม้าขนาดใหญ่ ตัวรถสีดำสนิท เขายืนยันว่าไม่เคยพบเห็นรถม้าคันนั้นมาก่อน และแน่ใจว่าไม่ใช่รถม้ารับจ้างทั่วไป คนขับขับฝ่าหิมะมาเพื่อรับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กโดยเฉพาะ เราจึงให้คนสเก็ตช์รูปรถม้าออกมา”

   เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากแฟ้ม ยื่นให้ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “นี่เป็นภาพรถม้าที่เราได้ ผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีใช้ทั่วไป”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองรูปสเก็ตช์ ก่อนจะยื่นคืนให้ผู้บัญชาการ “มันเป็นรถม้าคันใหญ่ที่แทบไม่มีอะไรโดดเด่นเลย แต่อย่างที่เธอว่า เทียมม้าสี่ตัว คงต้องแล่นมาจากที่ไกลพอสมควร ฉันไม่คิดว่าจะเห็นรถม้าแบบนี้ได้ตามคฤหาสน์ทั่วไปหรอก”

   “จริงๆ แล้วมีที่หนึ่งที่ผมค่อนข้างแน่ใจว่ามีรถม้าแบบนี้ แต่อย่างที่ผมเรียน มันค่อนข้างเป็นประเด็นละเอียดอ่อน”

   “ว่ามาสิ”

   “ผมคิดว่ารถม้าแบบนี้น่าจะมาจากคฤหาสน์ของลอร์ดสวินดัน มันเป็นรถม้าที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานลับ ทั้งรูปแบบการทำงานของคนร้าย พวกเขากลับมาเพื่อเอาสมุดบันทึก ไม่ใช่แค่ที่เวมบลี แม้แต่อพาร์ตเม้นต์ของเขาที่ถนนบรอมพ์ตันก็ถูกค้น สิ่งที่หายไปคือสมุดบันทึกทั้งหมด ผมเกรงว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กอาจมีความสัมพันธ์บางอย่างกับใครบางคนที่มีชื่อเสียง เป็นความสัมพันธ์ลับ และมีใครบางคนอยากจะกำจัดหลักฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์นั่น รวมถึงมิสเตอร์โอเดนเบิร์กด้วย”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดขมวดคิ้ว ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจพูดต่อ “ปกติแล้วเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีแบบนี้ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติอย่างที่ท่านทราบ แต่เพราะท่านเป็นคนแจ้งความ ผมจึงต้องขอความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการขั้นต่อไป”

   “คงไม่ถึงขั้นบุกค้นคฤหาสน์ของลอร์ดสวินดันหรอกนะ”

   “โอ... ไม่หรอกครับ หลักฐานเท่านี้เราขอหมายค้นไม่ได้ด้วยซ้ำ และนั่นเป็นเรื่องผิดมารยาทร้ายแรง เท่าที่เราค้นมาได้ บุคคลชั้นสูงที่มีชื่อเสียงที่ใกล้ชิดกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กมากที่สุดในตอนนี้คือลอร์ดโทรว์บริดจ์ครับ นี่เป็นเพียงการสันนิษฐาน บางทีลอร์ดโทรว์บริดจ์อาจให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กทำเรื่องบางที่เป็นความลับ มิสเตอร์โอเดนเบิร์กอาจใช้เรื่องนั้นเพื่อแบล็กเมล์เขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงต้องกำจัดหลักฐานทั้งหมดที่มี รวมถึงตัวมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเองด้วย”

   “.....”

   “ผมทราบครับว่ามันเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรง แต่ถ้าท่านต้องการให้เราสืบเรื่องนี้ต่อ คงต้องเริ่มที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ ถ้าเขาไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็อาจจะรู้อะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์”

   “เขาไม่อยู่ในฐานะที่จะเข้าไปให้การที่สก็อตแลนด์ยาร์ด” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “มันจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง แม้จะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานก็เถอะ”

   “ต้องการให้หยุดการสอบสวนเรื่องนี้หรือเปล่าครับ”

   “ไม่ๆ ฉันต้องการรู้ชะตากรรมของพ่อหนุ่มกอร์ดอน” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “ฉันจะนัดเขามาคุยที่นี่ วันอังคารช่วงบ่าย ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ เธอส่งคนมาที่นี่เพื่อสอบปากคำเขาได้ แต่ขอให้เป็นคนที่ไว้ใจได้”

   “วันอังคารช่วงบ่ายหรือครับ” ผู้บัญชาการหยิบสมุดนัดหมายขึ้นมาเปิดดู “ผมจะมาสอบปากคำเขาด้วยตัวเอง สักชั่วโมงน่าจะทัน ประมาณบ่ายหนึ่งถึงบ่ายสอง”

   “ตกลงตามนี้” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “ส่วนเรื่องลอร์ดสวินดัน ก็ให้เป็นไปตามธรรมเนียม”

   “ครับ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินเข้ามาในห้องหลังจากผู้บัญชาการตำรวจออกไปแล้ว เธอนั่งลงข้างๆ ท่านดยุก แล้วถามขึ้น

   “ได้ความว่าไงบ้างคะ พวกเขาพบมิสเตอร์โอเดนเบิร์กหรือเปล่า”

   “ยังหรอก ตาเกรงว่าเรื่องนี้จะใหญ่กว่าที่พวกเราคิดไว้” เขาหันไปหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “ตาอยากให้หลานเขียนจดหมายเชิญจอห์นมาดื่มชาที่นี่ในวันอังคาร ช่วงบ่ายโมง บอกเขาว่ามีเรื่องสำคัญ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “ท่านตาบอกหนูได้ไหมคะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ท่านผู้บัญชาการบอกอะไรหรือคะ”

   “แคทเธอรีน ตาสัญญาว่าจะเล่าให้หลานฟังว่ามันเป็นเรื่องอะไร ทันทีที่ตาแน่ใจแล้วว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้สิ่งที่หลานต้องทำคือเขียนจดหมายถึงจอห์น ให้แน่ใจว่าเขาสามารถมาที่นี่ได้”

-------------------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาตามเวลานัดหมาย ในสภาพที่บ่งบอกว่าเขาคงแทบไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนที่เดินออกไปต้อนรับทักเขาด้วยความเป็นห่วง

   “โอ้... จอห์น คุณได้กินอะไรบ้างรึเปล่า”

   “ผมดื่มวิสกี้ไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณมีเรื่องสำคัญอะไรจะบอกผมหรือ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสั่นศีรษะ “ไม่หรอกค่ะ ไม่ใช่ฉัน ท่านตาต่างหาก จอห์น... ผู้บัญชาการสก็อตแลนด์ยาร์ดต้องการสอบปากคำคุณค่ะ เขาคิดว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตอนนี้เขาอยู่ในห้องรับรองกับท่านตา... ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่ได้บอกคุณในจดหมาย ท่านตาไม่อยากให้คุณทราบก่อนน่ะค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปอึดใจ “ผมเข้าใจ ไม่เป็นไร พวกเขาคงเจอบันทึกของกอร์ดอนแล้ว”

   “เปล่าค่ะ ดูเหมือนบันทึกจะหายไป” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันไม่ทราบรายละเอียดนัก บางทีคุณอาจจะถามเรื่องนี้กับท่านผู้บัญชาการได้”

   “ถ้าเขาไม่ชิงถามผมก่อนน่ะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด ก่อนจะหัวเราะ “ก็ดี ผมเองก็อยากจะให้เรื่องนี้เปิดเผยสักที ผมเหนื่อยมากแล้วที่ต้องปิดบังเอาไว้”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนบีบมือเขาเบาๆ “ทำใจดีๆ ไว้นะคะจอห์น มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นคนดี เขาจะต้องปลอดภัยค่ะ พระเจ้าจะต้องคุ้มครองเขา”

   “ขอบใจนะ” เขาบีบมืออีกฝ่ายกลับเบาๆ ก่อนจะผละออกไป

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดและผู้บัญชาการตำรวจนั่งรออยู่แล้วอย่างที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม แล้วพูดขึ้น

   “สวัสดีครับท่านดยุก สวัสดีท่านผู้บัญชาการ มีเรื่องอะไรคืบหน้าบ้างรึเปล่า”

   “ยังไม่มีครับ” ผู้บัญชาการตำรวจตอบ “แต่ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามคุณ”

   “ว่ามาเลย”

   “เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก มีเรื่องอะไรซับซ้อนมากกว่าการคบหากันตามปกติรึเปล่าครับ”

   “หมายความว่าไง”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเป็นฝ่ายพูดขึ้น “จูเลียสสงสัยว่าเธออาจจะให้กอร์ดอนทำเรื่องบางอย่างที่เป็นความลับ และกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของเธอ ถ้าเขาเปิดเผยมันออกมา”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “คิดว่าเขาพยายามแบล็กเมล์ผมอยู่หรือครับ ไม่มีทางครับ ผมบอกได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ซื่อตรงและกล้าหาญ ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่”

   “ถ้าเขาไม่ได้แบล็กเมล์คุณ แล้วคุณพอจะให้รายละเอียดได้รึเปล่าครับว่าช่วงก่อนหน้านี้เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

   “ผมไม่ได้บอกว่าเขาไม่ได้แบล็กเมล์ผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมบอกว่าคนอย่างเขาไม่มีทางแบล็กเมล์ใครเด็ดขาด และผมแน่ใจว่าเขาไม่เคยมีปัญหากับใครเลย”

   “เราทราบว่าหลายเดือนก่อนเขามีปัญหากับแมคคาธีในย่านเสื่อมโทรม คุณทราบเรื่องนี้ไหมครับ”

   “นิดหน่อย รู้สึกเขาจะไปหาแมคคาธีเพื่อใช้หนี้ให้ลูกน้อง”

   “งั้นหรือครับ ที่ผมสืบทราบมาคือเขาไปที่นั่นพร้อมเพื่อนสุภาพบุรุษกลุ่มหนึ่ง และเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น คุณคิดว่าเป็นไปได้หรือเปล่า ที่เพื่อนสุภาพบุรุษผู้ไม่อยากเปิดเผยตัวของเขา ไม่อยากให้คนทั่วไปรู้เรื่องนี้ เลยจัดการปิดปากเขาเสีย”

   อีกฝ่ายยักไหล่ “ผมบอกคุณแล้วไงว่าเขาไม่มีทางแบล็กเมล์ใครเด็ดขาด และเรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร... เอาล่ะ ผมไม่ปฏิเสธแล้วกัน ผมเป็นคนสั่งให้เขาพาไปที่นั่นเอง”

   ผู้บัญชาการตำรวจพยักหน้า “คุณยอมรับสินะครับ แล้วคุณไปที่นั่นด้วยจุดประสงค์อะไรครับ”

   “ชกมวย” ลอร์ดหนุ่มตอบ “ผมต้องขึ้นชกกับแมดเนอร์ ผมอยากหาคู่ซ้อม”

   “ทำไมคุณถึงไม่หาคู่ซ้อมในสนามมวย แต่กลับไปหาในที่แบบนั้นแทน”

   “เพราะมันเป็นการชกที่จริงจังมากน่ะสิ ผมรู้ว่าการชกกับแมดเนอร์ไม่ใช่แค่การซ้อมกำปั้นธรรมดา เขาเป็นนักมวยอาชีพ ผมไม่มีประสบการณ์ขึ้นเวทีมาก่อน การชกกับคู่ซ้อมมันไม่พอหรอก ผมต้องการการต่อสู้จริงๆ และผับของแมคคาธีเผอิญตอบโจทย์ผมได้ก็แค่นั้น”

   “คุณเลยไปอยู่ที่นั่น คงน่าตกใจมากถ้าสาธารณะชนรู้ว่าคุณเคยขึ้นชกในผับใต้ดิน”

   “ก็ใช่ มันคงน่าตกใจสำหรับพ่อแม่ผมน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่อย่างที่ผมพูด มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร และกอร์ดอนก็ไม่เคยพยายามแบล็กเมล์ผมเรื่องนี้ เขาไม่ทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้นหรอก”

   “มันไม่ใช่แค่การชกมวยใต้ดินธรรมดาใช่ไหมครับ ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นจะเกิดเหตุการณ์ชุนละมุนขึ้น แมคคาธีสูญเงินไปเกือบหมด น่าแปลกใจมากถ้าเขาไม่คิดแก้แค้น”

   “ถ้าคุณสงสัยแมคคาธี ทำไมไม่ไปถามเขาตรงๆ ล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้อน อีกฝ่ายพูดต่อ

   “เพราะแมคคาธีปฏิเสธ และยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับบรรดาสุภาพบุรุษที่ไปในวันนั้นด้วย ผมคิดว่าเขาถูกข่มขู่โดยคนที่มีอำนาจมาก”

   “คุณคิดว่าเป็นผมสินะ ก็ได้ ผมยอมรับ ผมขู่เขาเอง ผมไม่อยากให้กอร์ดอนต้องเดือดร้อนก็แค่นั้น”

   “ผมอยากทราบชื่อเพื่อนๆ ของคุณในวันนั้น พอจะให้รายละเอียดได้ไหมครับ”

   “พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”

   “แปลว่าคุณปฏิเสธที่จะให้รายชื่อ”

   “อืม...”

   “จอห์น” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดขึ้น “ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดจากคนที่พ่อหนุ่มกอร์ดอนรู้จัก มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเธอระบุชื่อคนที่ไปด้วยวันนั้น”

   “เพื่อนๆ ของผมไม่มีทางทำแบบนี้แน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกมา “พวกคุณกำลังมองหาผิดที่ พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรเลย แค่เรื่องที่บาร์นั่นไม่มีใครลงทุนทำขนาดนี้หรอก”

   “แน่ใจหรือครับ ถ้าสาธารณะชนรู้เข้า พวกเขาจะเสียชื่อเสียงมาก กระทั่งชื่อคุณเองก็ไม่ยอมจะพูดถึง คุณเองก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรง”

   “ให้ตาย ผมแค่ไม่อยากให้เพื่อนๆ ต้องมามีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าผมให้รายชื่อ คุณก็จะไปถามเขาต่อ ซึ่งมันไร้สาระและเสียเวลามาก”

   “ใจเย็นๆ ครับ เราแค่ต้องการจำกัดวงผู้ต้องสงสัย ผมแน่ใจว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม”

   “ทำไมถึงแน่ใจนัก”

   “เพราะวิธีการทำงานของคนร้าย พวกนั้นกำจัดบันทึกของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กทั้งหมด ทั้งที่เวมบลี และที่อพาร์ตเม้นต์ของเขา แสดงว่าเขาอาจจะบันทึกเรื่องบางอย่างที่สำคัญมาก และเป็นเรื่องส่วนตัวลงไปในบันทึกพวกนั้น คนร้ายเป็นมืออาชีพที่เชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้มาก ใครก็ตามที่จ้างพวกเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดา ลูกค้าของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กส่วนมากเป็นคนมีชื่อเสียง และคนที่สนิทกับเขาที่สุดในช่วงก่อนที่เขาจะหายตัวไปก็คือคุณ ดังนั้น ถ้าคุณต้องการให้เขากลับมา ก็กรุณาให้รายละเอียดสิ่งที่คุณรู้กับเราเถอะครับ ไม่อย่างนั้นมิสเตอร์โอเดนเบิร์กคงไม่ได้กลับมาจริงๆ”

   “บันทึกของเขางั้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้น “เขาจะเขียนอะไรลงในนั้นนอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวัน...”

   ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะครางออกมา “โอ้ พระเจ้า...”

   “คุณนึกอะไรได้งั้นหรือครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจแรง ก่อนจะซบหน้าลงบนฝ่ามือ “ให้ตาย...”

   “จอห์น” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเรียกชื่อเขา “ถ้าเธอนึกอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ก็พูดออกมาเถอะ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เราต้องการให้เธอช่วยนะ”

   “มีเรื่องเดียวสำหรับเขาที่มันเป็นความลับมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาในที่สุด “เป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางบอกใครเด็ดขาด”

   “แต่คุณทราบ”

   ลอร์ดหนุ่มผงกศีรษะ ผู้บัญชาการตำรวจถามต่อ “กรุณาบอกได้ไหมครับว่าเรื่องอะไร”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สูดหายใจลึก ก่อนจะถอนมันออกมา เขาทำอย่างนั้นซ้ำสองสามครั้ง แล้วตัดสินใจพูด

   “เขาเป็นคนรักของผม พวกเราเป็นคู่รักกัน”

   “โอ้ พระเจ้า” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดอุทานออกมา ก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบ ผู้บัญชาการตำรวจชะงักมือที่กำลังจดบันทึกอยู่ ในที่สุด เขาก็ทวนคำพูดนั้น

   “คุณบอกว่า... เป็นคู่รักหรือครับ”

   “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาเป็นคนรักของผม พวกเราคบหากันโดยไม่เปิดเผย นี่คือความลับเรื่องเดียวที่เขามี”

   ผู้บัญชาการตำรวจพยักหน้า “นี่เป็นเรื่องร้ายแรงมากนะครับ”

   “ใช่... มันถึงเป็นความลับ” ลอร์ดหนุ่มตอบ “ถ้าจะมีเรื่องลับอะไรที่เขาเขียนลงไปในบันทึก ก็คงเป็นเรื่องนี้”

   “นอกจากพวกคุณแล้ว มีใครอีกไหมครับที่ทราบเรื่องนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไป “มีคนอีกประมาณครึ่งโหลล่ะมั้ง... แต่ผมไม่เชื่อว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

   “เป็นคนจำนวนไม่น้อยนะครับสำหรับเรื่องร้ายแรงแบบนี้” ผู้บัญชาการตำรวจว่า “ดูท่ามันคงไม่ใช่ความลับเท่าไหร่”

   “พวกนั้นเป็นคนใกล้ชิดของผมกับเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา “ไม่มีปัญญาจ้างมืออาชีพอย่างที่คุณว่าไว้หรอก”

   “คนใกล้ชิด... เป็นไปได้ไหมครับว่ามีใครสักคนในบรรดานั้น เอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น... คนที่เป็นห่วงชื่อเสียงของคุณ”

   “หมายความว่าไง”

   ผู้บัญชาการตำรวจหันไปมองดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ก่อนจะหันกลับมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้ง “จากประสบการณ์ของผม ถ้าคุณไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ก็ต้องเป็นคนที่ต้องการรักษาชื่อเสียงของคุณเอาไว้ เรื่องระหว่างคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ร้ายแรงพอที่จะทำให้เขาหายไปได้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ ขบริมฝีปากด้วยความกระวนกระวาย “ผมไม่เข้าใจ... ผมแน่ใจว่าเราปิดเรื่องนี้ได้สนิท”

   “จากพ่อแม่คุณหรือครับ”

   “โอ้... พอที” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดออกมา “นี่เลวร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้มาก เลวร้ายมาก”

   เขาหันไปหาผู้บัญชาการตำรวจ “ไม่มีการจดบันทึกเรื่องนี้ เธอรู้ใช่ไหม”

   “ครับ”

   “ก่อนหน้านี้ก็ด้วย”

   “ครับ...”

   “เอาบันทึกที่เธอจดมาให้ฉัน เราต้องทำลายมันทิ้ง”

   ผู้บัญชาการตำรวจยื่นสมุดบันทึกให้ท่านดยุกอย่างลังเล “เฉพาะส่วนที่กระผมจดไปสักครู่ได้ไหมครับ มีประมาณสามหน้า”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพลิกหน้ากระดาษพวกนั้น ก่อนจะฉีกมันออก แล้วส่งเล่มคืนให้ จากนั้นเขาก็เดินไปที่เตาผิง โยนกระดาษลงไป มองดูพวกมันมอดไหม้ไปท่ามกลางเปลวเพลิง

   “ลูเซียส” เขาเรียกชื่อผู้บัญชาการตำรวจ “ให้ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งเรื่องในห้องนี้ รวมถึงเรื่องการหายไปของพ่อหนุ่มกอร์ดอนด้วย ฉันขอให้ยกเลิกการสืบสวน และทำลายเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเสีย”

   “รับทราบครับ”

   “เธอกลับไปได้แล้ว ให้แน่ใจว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก ไม่อย่างนั้นตำแหน่งผู้บัญชาการ...”

   “รับทราบครับ ผมจะจัดการให้อย่างที่ท่านสั่ง”

   “ดี”

   “ขอตัวก่อนครับ”

   รอจนผู้บัญชาการตำรวจปิดประตู ท่านดยุกจึงเดินกลับไปนั่งบนโซฟา

   “อะไรดลใจเธอให้พูดแบบนั้น... บอกฉันสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก “มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ และผมเหนื่อยเต็มทีแล้วที่ต้องปิดบังมันเอาไว้”

   อีกฝ่ายตบโต๊ะเสียงดังปึง “ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิงเธอกัน ทำไมถึงได้ทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้ลงไป แค่ผู้หญิงมันยังโลดโผนไม่พอสำหรับเธอหรือไง ทำไมถึงต้องเป็นเขา”

   “ผมไม่ได้ทำเรื่องร้ายกาจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แย้ง “พวกเราแค่รักกัน และมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผู้หญิงเลย”

   “เธอกล้าพูดว่านั่นคือความรักหรือ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตวาด “เธอทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย แค่เพราะอยากจะเล่นสนุก เธอมันร้ายกาจยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้ เลวร้าย เลวร้ายมาก ทำไมกอร์ดอนต้องเจอปิศาจร้ายกาจแบบเธอ ทำไมถึงต้องเป็นเขา”

   “เพราะผมรักเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่ง สีหน้าเหมือนพร้อมจะร้องไห้ “ไม่เกี่ยวว่าเขาจะเป็นหญิงหรือชาย ผมรักเขา เรารักกัน มันคือความรัก พวกเราไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันทางร่างกายเลย ท่านไม่เข้าใจหรือ ผมรักเขาเท่าชีวิต และผมใกล้จะเป็นบ้าอยู่แล้วที่เขาหายไป จะด่าจะว่าผมยังไงก็ช่าง แต่ได้โปรด... ได้โปรดบอกผมว่าท่านรู้อะไรเกี่ยวกับการหายไปของเขาบ้าง ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตาย ผมต้องการพบเขา”

   “ฉันไม่ต้องการฟังคำพูดสกปรกของเธออีก” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตวาด “กลับบ้านไปเสีย กลับไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอ กลับไปหาชื่อเสียงของเธอ ที่นี่ไม่ต้อนรับเธออีกแล้ว”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกพรวดขึ้น กำมือแน่น... ดวงตาแดงก่ำ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินปึงๆ ออกจากห้องไป ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดทิ้งตัวลงบนพนัก ยกมือขึ้นลูบหน้า

   “โอ้ พระเจ้า... โอ้... อลิซาเบธ โปรดคุ้มครองเขาด้วย”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเข้ามาหลังจากนั้นสักพัก เธอนั่งลงข้างท่านดยุก และถามด้วยความกังวล

   “ท่านตาคะ... เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ทำไมถึงไล่จอห์นไปแบบนั้นล่ะคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจับมือของหลานสาวเอาไว้ มือของเขาสั่นเทา “ตามองเขาผิดไป เขากลายเป็นปิศาจไปแล้ว เขาจะไม่ได้รับการต้อนรับจากที่นี่อีก”

   “หนูไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดสั่นศีรษะ “มีโอกาสน้อยเหลือเกินที่พ่อหนุ่มกอร์ดอนจะมีชีวิตอยู่ โอ... ตาจะต้องรีบไป ก่อนที่มันจะสายเกินไป”

   ท่านดยุกพยุงตัวลุกขึ้น แล้วเรียกคนรับใช้เข้ามาสั่งความ

   “หลานอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างหลานกับจอห์น ตาอยากให้มันสิ้นสุดลง เขาไม่ควรค่ากับหลานเลย”

   “หนูไม่เข้าใจ กรุณาบอกหนูทีเถอะค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   “ตาจะกลับมาอธิบายทีหลัง” อีกฝ่ายพูดก่อนจะเดินออกไป เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ประสานมือกัน อ้อนวอนต่อพระเจ้า

   นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

------------------------------------

(จบตอน)

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อย่าจบลงเเบบโศกนาฏกรรมเลยนะ
* silverspoon ก้มลงกราบคนเขียนแบบเบญจางคประดิษฐ์

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
กอร์ดอนขอให้ปลอดภัยนะ ตอนนี้อ่านไปแล้วบีบคั้นหัวใจอย่างมากเลย
 :mew6:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ภาวนาให้กอร์ดอนปลอดภัย

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แน่นอกจริงๆ งสารกอร์ดอนเหลือเกิน

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่49 เสียใจ

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาถึงบ้านก็ตรงไปยังห้องนอน ปิดประตูแล้วรินวิสกี้ใส่แก้วดื่มจนหมด แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่แม่ของเขาจะเปิดเข้ามา

   “จอห์น... แม่เอาพายเนื้อที่ลูกชอบมาให้ กินเสียหน่อยสิจ้ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นลูบหน้า “แม่กรุณาออกไปก่อนเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้าใครเลยตอนนี้”

   เลดี้บาธมองลูกชายด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ยอมพยักหน้า “ก็ได้จ้ะ แม่ไปก่อนนะ อย่าลืมกินพายนะจ๊ะ”

   เธอวางมันไว้บนโต๊ะ รวมกับถาดอาหารอื่นที่ไม่มีแววถูกแตะต้อง ก่อนจะออกจากห้องไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระแทกศีรษะเข้ากับพนักเก้าอี้ รินวิสกี้ให้ตัวเองอีกแก้ว

   เลดี้บาธออกจากห้องของลูกชายก็ตรงไปยังห้องเขียนจดหมาย เธอเปิดประตูเข้าไปแล้วพูดขึ้น

   “โอ... เฮนรีคะ จอห์นดูแย่ลงกว่าเดิมอีกค่ะ”

   “เกิดอะไรขึ้นล่ะ” ลอร์ดบาธที่นั่งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือถาม “เขาเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ท่านดยุกไม่ใช่หรือ แคทเธอรีนบอกข่าวร้ายกับเขาหรือไง”

   “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เขาไม่ยอมพูดอะไร ไม่ยอมกินอะไรเลยด้วยนอกจากเหล้า คุณคะ... ฉันไม่อยากเห็นลูกในสภาพนี้เลย ตั้งแต่รู้ว่าโอเดนเบิร์กหายไป ก็เหมือนเราเสียเขาไปด้วย”

   “ไม่เอาน่า มาเรีย” ลอร์ดบาธปลอบ “จอห์นอาจจะกำลังช็อก เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา”

   เลดี้บาธมีสีหน้าอึดอัด “ฉันไม่สบายใจเลยค่ะ โอเดนเบิร์กหายตัวไปแบบนี้... คุณไม่รู้จริงๆ หรือคะว่าเขาหายไปไหน”

   “คุณพูดอย่างกับผมอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของเขางั้นแหละ”

   “โอ... ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” เลดี้บาธยกมือขึ้นปิดหน้า “ฉันแค่คิดว่าถ้าเราเรียกพวกเขามาคุยก่อน จอห์นอาจจะไม่เป็นแบบนี้”

   ลอร์ดบาธถอนหายใจ “รออีกสักวันสองวันเถอะนะ ถ้าเขาแย่ลงอีก เราอาจจะต้องคุยกัน”

---------------------------------

   คฤหาสน์สามเส้าเป็นคฤหาสน์ที่ต่อเติมมาจากปราสาทเก่า ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเทมส์ในแถบเวสต์เอ็นด์ของลอนดอน เนื่องจากอยู่ภายในเขตเมืองซึ่งเต็มไปด้วยโรงงานถ่านหิน จึงทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูอึมครึม ประตูรั้วเหล็กหนาถูกเปิดออก ต้อนรับการมาของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด เสียงข้อต่อเหล็กเบียดกันดังเสียดหู ริมถนนที่มุ่งตรงไปสู่ตัวคฤหาสน์ถูกล้อมด้วยพุ่มไม้ตัดแต่งสูงเหนือศีรษะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสวนวงกตอันเลื่องชื่อ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดลงจากรถม้าพร้อมกับคนสนิทอีกสองคน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาเยือนที่นี่ แต่ทุกครั้งเขาภาวนาให้มันเป็นครั้งสุดท้าย

   มาร์ควิสแห่งสวินดันไม่ได้ลงมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง หากเป็นคนอื่นนี่เป็นการเสียมารยาท แต่ไม่ใช่กับเจ้าของคฤหาสน์สามเส้าหลังนี้

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดกับคนสนิทก้าวผ่านประตูเหล็กหนาหนักเข้าไปภายในตัวคฤหาสน์ ทันทีที่ประตูปิดลง บรรยากาศโดยรอบยิ่งดูมืดสลัวกว่าเดิม แม้ว่าบนเพดานห้องโถงจะมีโคมไฟระย้าดวงใหญ่แขวนอยู่ เสาต้นใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเรียงกันอยู่ และรูปเหมือนของผู้ปกครองคฤหาสน์ในแต่ละรุ่นที่ดูราวกับกำลังจับจ้องทุกอิริยาบถ รวมถึงบรรดารูปปั้นอมนุษย์และชุดเกราะของอัศวินที่ตั้งอยู่ตลอดสองข้างทาง สร้างรสชาติที่ไม่น่าอภิรมย์ให้กับผู้มาเยือนเอาเสียเลย

   ทว่ากลับมีชนชั้นสูงมากมายดั้นด้นมาที่คฤหาสน์แห่งนี้ เมื่อพวกเขาอยู่ในจุดที่ไม่อาจหาทางออกด้วยตัวเองได้

   หลังเดินผ่านทางเดินที่ชวนขนลุก ยังต้องขึ้นบันไดโค้งอีกระยะหนึ่ง จึงจะมองเห็นประตูไม้สีดำอีกบาน นั่นคือห้องที่ใช้สำหรับรับรองแขก

   ประตูไม้หนาหนักค่อยเปิดอ้าออก มาควิสแห่งสวินดันนั่งอยู่ด้านใน เบื้องหลังเขาคือรูปวาดขนาดมหึมาของตัวเอง รวมถึงบรรพบุรุษในรุ่นก่อน รายล้อมไปด้วยชั้นหนังสือเก่าคร่ำคร่า และรูปั้นกากอยยักษ์ที่ประดับอยู่บนเสา ที่ด้านหน้า โต๊ะไม้ตัวเขื่องวางขวางอยู่ระหว่างเขาและแขกผู้มาเยือน หน้าโต๊ะตัวนั้น มีเก้าอี้ไม้พนักสูงวางอยู่หนึ่งตัว แค่ตัวเดียวเท่านั้น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้เด็ดขาด หากมองในแนวตรง พนักของเก้าอี้ตัวนี้จะบังร่างของมาร์ควิสแห่งสวินดันพอดี ราวกับว่านี่ไม่ใช่การพบกันกับมนุษย์ แต่เป็นการพบกับเหล่าดวงวิญญาณของผู้ปกครองคฤหาสน์ที่อยู่ในภาพด้านหลังต่างหาก

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ ลอร์ดสวินดันเอ่ยทักขึ้น

   “สวัสดีครับท่านดยุก มีอะไรให้ผมรับใช้หรือ”

   น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เช่นเดียวกันกับใบหน้าของเขา ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองหน้าเขา ก่อนจะถอนหายใจ

   “นานแล้วนะที่เราไม่ได้คุยกันเลย”

   “ครับ... นานมากจริงๆ”

   “แมกซ์กับคู่หมั้นเขาเป็นไงบ้าง ได้ยินว่าเธอไม่เห็นด้วยกับการหมั้นของเขาหรือ”

   ลอร์ดสวินดันเงียบไปอึดใจ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจึงพูดต่อ “ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงที่ดีและใจเด็ด เป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับที่นี่แล้ว”

   “ผมคิดว่าแมกซ์คงไม่อยากจะอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่ รวมถึงคู่หมั้นของเขาด้วย”

   “เหมือนเธอในอดีตงั้นสิ...แต่อย่าลืมล่ะว่ายังไงเขาก็เป็นคนตระกูลเมอร์เรย์ การหาผู้หญิงที่เหมาะสมน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกนะ”

   ลอร์ดสวินดันถอนหายใจยาว “ผมคงหาเวลาไปคุยเรื่องนี้กับท่านเป็นการส่วนตัวได้ ถ้านั่นเป็นจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้...”

   “ที่จริงไม่ใช่เรื่องนี้หรอก” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “ฉันมาเพราะเรื่องของกอร์ดอน... กอร์ดอน วิลเลี่ยม โอเดนเบิร์ก”

   ดวงตาสีเทาอ่อนของลอร์ดสวินดันหดลงเล็กน้อย แค่แว้บเดียว เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา

   “มีอะไรหรือครับ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจ้องเขา “สก็อตแลนด์ยาร์ดได้ไปตรวจที่เกิดเหตุรวมถึงสอบถามคนในละแวกนั้นมาแล้ว ฉันรู้ว่านี่เป็นฝีมือของเธอ”

   “....”

   “ฉันเป็นคนแนะนำร้านของเขาให้เธอ เธอเองก็ชอบเสื้อที่เขาตัดให้ และเขาเองก็มีกำหนดจะต้องตัดชุดแต่งงานให้แมกซ์ ฉันหวังว่าเธอคงไม่ถึงขั้นทำให้เขาหายไปจากโลกจริงๆ หรอก ใช่ไหม”

   “.....”

   “วิกเตอร์ ฉันรู้ว่านี่เป็นการก้าวก่ายหน้าที่ แต่พ่อหนุ่มกอร์ดอนเป็นหลานเพื่อนสนิทของฉัน ฉันอยากให้เธอปล่อยเขา หรืออย่างน้อยก็บอกฉันว่าชะตากรรมเขาเป็นอย่างไร ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ฉันอยากให้เขาปลอดภัยและมีความสุขดี”

   ความเงียบที่น่าอึดอัดลอยอวลอยู่ในอากาศ ราวกับห้วงเวลาไหลไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดลอร์ดสวินดันก็พูดออกมา

   “ผมรับรองกับท่านได้ว่าตอนนี้เขาปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ที่ดี”

   “อย่างนั้นหรือ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดด้วยความดีใจ “ให้ฉันพบเขาได้ไหม”

   “เห็นทีจะไม่ได้หรอกครับ สถานการณ์ของเขาไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ ผมไม่แน่ใจว่าเราจะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน”

   หัวใจของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดหล่นวูบ เขารีบพูดขึ้น “ให้ฉันจัดการเรื่องนี้เถอะ ฉันจะพาเขาไปอยู่ในที่ที่จอห์นไม่มีวันได้พบเขาอีก”

   “.....”

   “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา ได้โปรด วิกเตอร์ เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน ให้ฉันจัดการเรื่องพ่อหนุ่มกอร์ดอนเถอะ”

   “ไม่ได้หรอกครับ” ลอร์ดสวินดันปฏิเสธทันที “ถึงแม้เราจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่นี่เป็นภาระรับผิดชอบของผม ตราบใดที่สัญญายังไม่เสร็จสิ้น หรือถูกยกเลิก ผมไม่อาจส่งมอบ หรือเปิดเผยที่อยู่ รวมถึงรับรองชะตากรรมของเขาได้”

   “แม้ว่าฉันจะขอร้องงั้นหรือ”

   “ครับ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดหลับตา “ก็ได้ ฉันเข้าใจเธอ แค่ได้ยินว่าเขายังมีชีวิตอยู่ฉันก็พอใจแล้ว

   ลอร์ดสวินดันมองคู่สนทนา “ผมขอให้ท่านเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นผมไม่อาจรับรองความปลอดภัยของเขาได้อีก”

   “ตกลง” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น เดินออกไปจากห้องโดยปราศจากคำร่ำลา

----------------------------------

(มีต่อ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาที่คฤหาสน์เดลในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น เลดี้บาธมีสีหน้าดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นหน้าเขา

   “โอ้... แมกซ์ ดีใจจังที่เธอแวะมา”

   “อรุณสวัสดิ์ครับท่านหญิง ผมเห็นรถม้าออกไปเมื่อตะกี้”

   “อ๋อ เฮนรีน่ะ” เลดี้บาธว่า “จอห์นคงดีใจที่เธอมาเยี่ยม”

   “เขาเป็นไงบ้างครับ”

   อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจ ก่อนจะพูดตอบ “ดูแย่มาก โอ... แมกซ์ เขาไม่เคยดูแย่ขนาดนี้เลย ได้โปรด ช่วยทำอะไรสักอย่างเถอะ เขาไม่ยอมกินอะไรเลยมาสี่วันแล้ว ฉันกลัวเหลือเกิน”

   “อย่างนั้นหรือครับ... ผมคงต้องไปพบเขาหน่อย”

   “เขาอยู่ในห้อง ฉันจะให้คนไปเรียกเขา”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ เขาคงไม่ยอมออกมา ผมไปหาเขาที่ห้องเลยดีกว่า”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นอนอยู่บนเตียง เขางัวเงียตื่นขึ้นมาตอนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินไปเปิดม่านหน้าต่าง

   “ให้ตาย ใครกัน แมกซ์หรือ”

   “ฉันเอง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อนรัก “กลิ่นนายเหมือนไปนอนแช่อยู่ในถังวิสกี้มา”

   “ช่างฉันเถอะ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กวาดตามองไปรอบๆ “จอห์นนี่ นายจะโทรเลขไปหาฉันทำไม ในเมื่อนายไม่อยู่ในสภาพพร้อมรับมืออะไรแบบนี้”

   “....”

   “กอร์ดอนจะต้องเสียใจแน่ ถ้าเขาได้เห็นนายในสภาพนี้ ยิ่งถ้าเขาตายไปแล้วเห็นนายจากบนสวรรค์ เขาคงทุกข์ในมากทีเดียว”

   “แมกซ์ ฉันอยากรู้ว่ากอร์ดอนเป็นยังไง เขายังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว”

   “เพื่ออะไร เพื่อให้นายตีโพยตีพายทำร้ายตัวเองแบบนี้หรือ ถ้านายรู้ว่าตัวเองจะทำใจไม่ได้แบบนี้ ทำไมนายถึงดึงดันเรื่องนี้แต่แรก นายทำให้กอร์ดอนมีความหวัง ฉันแน่ใจว่าเขาต้องสู้สุดชีวิตเพื่อสิ่งที่นายบอกเขาว่ามันคือความรัก ในขณะที่นายเอาแต่ดื่มเหล้าไปวันๆ แบบนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกพรวดขึ้นมา คว้าคอเสื้อลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไว้ “นายจะไปรู้อะไร”

   “ถ้าคิดว่าฉันไม่รู้แล้วนายโทรเลขหาฉันทำไม”

   “....”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดึงมือของเพื่อนออก “ตั้งสติหน่อยจอห์นนี่ นายเคยเป็นคนเข้มแข็งกว่านี้ ไม่ว่ากอร์ดอนจะเป็นหรือตาย เขาก็ต้องการให้นายมีชีวิตอยู่”

   “เพื่ออะไร”

   “เพื่อนายเอง เพราะเขารักนายที่สุด ถ้าสลับกันนายเองก็ต้องอยากให้เขามีชีวิตอยู่เหมือนกัน”

   “....”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตบไหล่เพื่อนรัก “นายต้องทำตัวให้สมกับที่เขามอบชีวิตให้นายนะ”

   น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ หยดลงบนหลังมือ ความเงียบงันเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายพูด

   “ถูกของนาย ฉันมันบ้าเองที่เอาแต่ตีโพยตีพาย ฉันต้องอยู่เพื่อเขา ฉันต้องไม่ทำให้เขาผิดหวังที่รักและเชื่อฉัน”

   “ดี เพราะงั้นนายควรจะกินอะไรเสียหน่อย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไถลตัวลงจากเตียง เดินไปเปิดดูถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ

   “ฉันแน่ใจว่ามีที่มันอุ่นกว่านี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง “รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เราจะลงไปกินมื้อเช้ากัน”

   เลดี้บาธดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นลอร์ดลูกชายลงมาจากห้องในสภาพแต่งตัวสะอาดสะอ้าน เธอรีบเดินเข้าไปหาเขาทันที

   “โอ จอห์น แม่ดีใจจังที่ลูกลงมา แม่สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้ให้ลูกแล้ว”

   “ขอบคุณครับแม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมจะกินมื้อเช้ากับแมกซ์ แล้วเราจะไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องหนังสือ”

   “ตกลงจ้ะ แม่จะไม่รบกวนพวกลูก” เธอพยักหน้า แล้วเดินจากไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองตามแล้วพูดขึ้น

   “นายทำให้เธอเป็นห่วงมากนะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากคุยกับแม่ จนกว่าจะได้ยินเรื่องจากนายก่อน”

   “งั้นนายควรจะกินให้อิ่ม ฉันจะได้แน่ใจว่านายพร้อมจะรับมือกับเรื่องที่ฉันจะบอก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กินมื้อเช้าในปริมาณมากกว่าปกติเล็กน้อย จากนั้นทั้งคู่ก็ไปคุยกันต่อในห้องหนังสือ

   “เอาล่ะ แมกซ์ นายมีเรื่องอะไรจะบอกฉัน”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หลังดูว่าประตูล็อกเรียบร้อยดีแล้ว

   “เมื่อวานดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดไปหาพ่อฉัน เดาสิว่าเป็นเรื่องอะไร”

   “กอร์ดอน... แต่ฉันแน่ใจว่าพ่อนายคงไม่ได้บอกนายแน่ๆ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “แน่นอนเขาไม่ได้บอก แต่เขาอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ตอนฉันถาม”

   “ปกติเขาก็ไม่เคยอารมณ์ดีอยู่แล้ว”

   “แต่กอร์ดอนเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของเขา เขาคงไม่มีทางอยู่เฉยแน่ถ้าไม่ใช่เป็นคนทำเสียเอง ฉันแน่ใจว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนอย่างที่นายสงสัย และดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดก็น่าจะรู้เหมือนกัน”

   “เขารู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เมื่อวานเขาเพิ่งเชิญฉันไปสอบปากคำที่บ้านเขา”

   “สอบปากคำเลยหรือ มีตำรวจอยู่ที่นั่นหรือไง”

   “ผู้บัญชาการสก็อตแลนด์ยาร์ด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “เขาต้อนจนฉันต้องเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์กับกอร์ดอน ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดโกรธมาก”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือขึ้นลูบหน้า “ให้ตาย หวังว่าที่เขาไปหาพ่อฉันเมื่อวานคงไม่ใช่เพราะอยากจะให้จัดการนายหรอกนะ”

   “ไม่น่าใช่นะ ถึงเขาจะโกรธมากจนไล่ฉันออกมา แต่คงไม่ได้ไปหาพ่อนายเพื่อให้มาจัดการฉันแน่ ฉันว่าเขาไปเพราะแน่ใจว่าพ่อนายเป็นคนทำเรื่องนี้ โดยการไหว้วานของใครบางคนที่ใกล้ตัวฉันมาก”

   “ใคร... อย่าบอกนะว่า...”

   “พ่อกับแม่ฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ต่อให้ “ถึงฉันไม่อยากจะเชื่อ แต่ดูเหมือนพวกเขาอาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

   “ได้ไง พ่อแม่นายน่ะนะ พวกเขารู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “ฉันไม่รู้เลย” อีกฝ่ายตอบ “ฉันไม่รู้จริงๆ แมกซ์ พวกเขาไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ถ้าเป็นฝีมือของพ่อนายจริง ก็มีแต่พวกเขานี่แหละที่เป็นต้นเรื่อง”

   “อาจเป็นฝีมือของอเล็กซานดร้าก็ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เธออาจจะแอบบอกพ่อแม่นาย หรือไม่ก็บอกพ่อของเธอ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ถึงอเล็กซานดร้าจะเคยทำเรื่องร้ายกาจกับกอร์ดอน แต่เธอมาบอกเรื่องนี้กับฉันเอง ด้วยนิสัยของเธอต้องไม่ทำแบบนี้แน่ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น”

   “แล้วแคทเธอรีนล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เธอพลาดหวังจากคนรัก บางทีเธออาจจะเปลี่ยนใจอยากจะให้นายเป็นมากกว่าเพื่อน... เธออาจจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่นายเพื่อกำจัดกอร์ดอนให้พ้นทาง”

   “แต่เธอเคยชวนกอร์ดอนไปกินมื้อเย็นกับฉัน เธอพูดว่าอยากเห็นเรามีความสุข”

   “โธ่ ความคิดของผู้หญิงเคยเดาได้ที่ไหน ถ้าเป็นจอร์จต้องพูดแบบนี้แน่ นายน่ะเป็นที่หมายตาของผู้หญิงทั้งลอนดอน เผลอๆ จะทั้งอังกฤษ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าพวกเธอคนใดคนหนึ่งหรือาจจะทั้งคู่เป็นคนบอกพ่อแม่นาย”

   “ช่างเรื่องนั้นเถอะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท “สรุปแล้วดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดไปหาพ่อนายทำไม”

   “คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องกอร์ดอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่นายก็รู้ ถ้าพ่อฉันเป็นคนทำ ไม่มีใครสั่งให้เขาหยุดหรือยกเลิกได้”

   “เว้นเสียแต่คนที่ไหว้วานเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ต่อ “ฉันจะต้องไปคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ฉัน ถ้าเป็นพวกเขาจริง ฉันจะขอให้พวกเขายุติมัน อย่างน้อยๆ กอร์ดอนก็ไม่ควรต้องรับผิดชอบเรื่องนี้คนเดียว”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “งั้นฉันจะไปสืบดูว่าเขาเก็บตัวกอร์ดอนไว้ที่ไหน ฉันไม่คิดว่าเขาจะลงมือจัดการกับกอร์ดอนในทันที อย่างน้อยกอร์ดอนก็เป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของเขา และยังเป็นคนที่สนิทกับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ดูเหมือนพ่อฉันเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านดยุกอยู่”

   “ขอให้เป็นอย่างที่นายว่า ไปดูว่าพี่ชายนายรู้เรื่องนี้ด้วยไหม”

   “ได้ แต่ไมกี้ค่อนข้างหัวเสียเรื่องนี้อยู่นะ”

   “ฉันอยากแน่ใจว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องจริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แกล้งไม่รู้เรื่องน่ะบทของถนัดของเขาเลย”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “นายจะคุยกับพ่อแม่ของนายเมื่อไหร่ อยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม”

   “ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าสามารถรับมือเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองแล้ว ขอบใจมากนะแมกซ์ ขอบใจที่ช่วยเตือนสติฉัน”

   “นี่เป็นเรื่องที่เพื่อนจะต้องทำให้เพื่อนอยู่แล้ว ถ้าจอร์จอยู่ด้วยก็ต้องพูดแบบนี้เหมือนกัน” อีกฝ่ายว่า ก่อนจะยกมือตบไหล่เพื่อนอีกครั้ง “นายไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้นะจอห์นนี่ อย่าลืมว่ายังมีพวกเราที่พร้อมจะช่วยนายอยู่”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ความตื้นตันเอ่อล้นขึ้นมาในสองตาของเขา

---------------------------

   ลอร์ดบาธก้าวเข้าไปภายในห้องหนังสือภายในคฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาในห้องนี้ มาร์ควิสแห่งบาธสงสัยเหลือเกินว่าท่านดยุกมีเรื่องลับอะไรจะคุยกับเขา อาจจะเป็นเรื่องการประชุมสภาที่เพิ่งผ่านไป แต่ก็ดูเหมือนไม่น่าจะมีวาระสำคัญหรือลับขนาดจะต้องเรียกเขามาคุยถึงที่

   ทว่านี่ต้องเป็นเรื่องลับแน่นอน เพราะมีแต่เรื่องลับเท่านั้นที่จะคุยกันในห้องหนังสือที่ปิดมิดชิดและเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี

   “นั่งก่อนสิ เฮนรี่” ดยุกแห่งอ๊อกฟอร์ดที่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือเชื้อเชิญให้เขานั่งลง มาร์ควิสแห่งบาธจึงลากเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามเขา

   “สวัสดีครับท่าน มีเรื่องอะไรหรือครับ”

   เปลวไฟในเตาผิงใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงามลุกโชนให้ความอบอุ่นกับห้อง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองเขาอึดใจ

   “มาเรียเป็นอย่างไรบ้าง”

   “เธอสบายดีครับ”

   “อืม... แล้วเธอล่ะ”

   “ผมสบายดีครับ แม้เราจะมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อยเกี่ยวกับจอห์น”

   “อ้อ... ฉันว่าคงไม่ใช่เรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยล่ะมั้ง”

   น้ำเสียงของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดทำให้ลอร์ดบาธรู้สึกอึดอัด “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ เกี่ยวกับวาระประชุม...”

   “เปล่า ไม่มีอะไรเกี่ยวกับวาระประชุมหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “ฉันเรียกเธอมาที่นี่เพราะอยากจะถามเรื่องบางอย่าง”

   “ครับ...”

   “พ่อหนุ่มโอเดนเบิร์กเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของฉัน เธอรู้ใช่ไหม และเขายังเป็นหลานเพื่อนคนสำคัญของฉันอีกด้วย”

   “เรื่องนั้นผมทราบครับ ตอนรู้ข่าวว่าเขาหายตัวไป ผมเองก็รู้สึกตกใจมากเช่นกัน”

   “อ้อ... ไม่ใช่ว่าเธออยากให้เขาหายไปอย่างนั้นหรือ”

   “โอ... ท่านล้อเล่นแรงเกินไปแล้วครับ ผมจะอยากให้เขาหายตัวไปทำไมกัน”

   “เพราะเธอรู้ว่าเขาจะนำเรื่องเสื่อมเสียมาสู่ลูกชายเธอน่ะสิ”

   “....”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถอนหายใจเสียงหนัก “ตอนนี้ฉันให้สก็อตแลนด์ยาร์ดยุติการสืบสวนเรื่องการหายตัวไปของเขาแล้ว เพราะฉันฉุกคิดได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่ใกล้ตัวฉัน และคนที่ทำเรื่องนี้ก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในระดับที่สก็อตแลนด์ยาร์ดจะจัดการได้ด้วย”

   “ท่านหมายความว่าไงกันครับ”

   “เผื่อว่าเธอจะยังไม่รู้ จอห์นกับพ่อหนุ่มโอเดนเบิร์กลักลอบมีความสัมพันธ์ที่นอกเหนือธรรมดา เรื่องนี้เขารับสารภาพกับฉันเองเมื่อวานนี้ โดยนิสัยของทั้งคู่แล้ว ฉันแน่ใจว่าจอห์นเป็นฝ่ายเริ่มต้นความสัมพันธ์นี้ก่อน เขาเป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจ ก่อนหน้านี้ฉันคงพอมองข้ามนิสัยพวกนี้ไปได้ อย่างน้อยเขาก็เป็นสุภาพบุรุษที่น่านับถือ แต่นี่มันเกินไปมาก เฮนรี่ ลูกชายของเธอทำเรื่องร้ายกาจอย่างที่ฉันไม่อาจให้อภัยได้ ทำไมพวกเธอถึงปล่อยให้เขาทำเรื่องแบบนี้”

   “โอ... ได้โปรดเถอะครับ” ลอร์ดบาธคราง “ผมไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย จนกระทั่ง...”

   “กระทั่งอะไร”

   “กระทั่งมาเรียมาบอกผมว่าเธอไปคุยเรื่องนี้กับโอเดนเบิร์ก เธอสงสัยว่าเขาอาจจะส่งเสริมจอห์นให้ทำเรื่องผิดศีลธรรม เลยให้คนไปสืบ ปรากฏว่าเรื่องมันแย่กว่านั้นมาก ดูเหมือนเขาเองจะเป็นต้นเหตุ มาเรียได้ขอให้เขาถอนตัวไปเสีย ท่านก็ทราบว่านี่เป็นความผิดร้ายแรงมาก แต่ว่าเขายืนกรานปฏิเสธ เธอจึงมาบอกผม... ท่านจะให้ผมทำอย่างไร จะให้ผมยอมปล่อยให้ช่างตัดเสื้อคนเดียวมาทำลายชีวิตลูกชายผมงั้นหรือ”

   “เธอเลยไปหาวิกเตอร์ ไหว้วานให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้...”

   “ผมคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดี อย่างน้อยเขาก็จะไม่เสียชื่อเสียงจากการถูกดำเนินคดีเรื่องนี้”

   “ให้ตาย” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตบโต๊ะเสียงดังปึง “พ่อหนุ่มกอร์ดอนขู่จะแบล็กเมล์พวกเธอหรือ เขาข่มขู่พวกเธอเรื่องนี้หรือไง”

   “....”

   “ตอบฉันมาสิ”

   ลอร์ดบาธมีสีหน้ายุ่งยากใจ “ไม่ครับ เขาไม่เคยพูด เขาไม่เคยแสดงออกเรื่องนี้เลย”

   “แล้วทำไมพวกเธอถึงไม่จัดการลูกชายตัวดีของเธอแทนที่จะกำจัดเขา นี่มันเลวร้ายมาก เฮนรี่ เลวร้าย เลวร้ายที่สุด ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าพ่อหนุ่มกอร์ดอนเป็นหลานเพื่อนสนิทฉัน แต่เธอก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้ เธอคิดว่าฉันจะไม่รู้เรื่องนี้หรือ คิดว่าฉันจะทำเป็นมองผ่านไปหรือไง”

   “ท่านครับ แบบนี้ไม่ถูกนะครับ ถึงเขาจะเป็นหลานชายเพื่อนสนิทของท่าน แต่ก็เป็นแค่คนสามัญ ทำไมท่านถึงต้องปกป้องเขาขนาดนี้”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองหน้าลอร์ดบาธ ก่อนจะพูดช้าๆ “เพราะถึงแม้ฉันจะเป็นชนชั้นสูง แต่ฉันมีหัวใจแบบคนสามัญธรรมดาน่ะสิ”

   “....”

   “กลับไปจัดการกับลูกชายตัวดีของเธอเสีย เฮนรี่ ฉันอยากเชื่อว่าเธอจะกลับไปทำเรื่องนี้ให้มันถูกต้อง”

   ลอร์ดบาธอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาโค้งตัวลาดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ก่อนจะเดินออกไป

-----------------------------------

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   เลดี้บาธเตรียมจะบอกข่าวดีกับลอร์ดสามี ว่าลูกชายคนเดียวของพวกเขายอมกินอาหารมื้อแรกในรอบสี่วันแล้ว แต่พอเห็นสีหน้าของเขา เธอก็มีอันต้องหน้าเสีย

   “คุณคะ เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”

   ลอร์ดบาธกระแทกส้นลงกับพื้นพรม เขาเอาแต่เดินวนไปวนมาไม่ยอมพูดจา จนเธอต้องเดินเข้าไปใกล้

   “เฮนรี่ คุณเป็นอะไรไปคะ”

   ลอร์ดบาธหยุดเดิน เขาหันไปมองภรรยาเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธออยู่ที่นั่น ก่อนจะครางออกมา “มาเรีย นี่มันเลวร้ายมาก”

   “โอ... ที่รัก คุณนั่งลงก่อนเถอะค่ะ ฉันจะไปรินบรั่นดีมาให้”

   แม้อากาศด้านนอกจะติดลบ แต่ด้วยเปลวไฟจากเตาผิงใหญ่ ย่อมทำให้ภายในห้องอุ่นสบาย ทว่าสีหน้าของมาร์ควิสแห่งบาธกลับซีดเผือด เขารับบรันดีจากภรรยามาดื่มด้วยมืออันสั่นเทา ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ เลดี้บาธยืนรออย่างอดทน ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันอันน่าอึดอัด ท้ายที่สุดลอร์ดสามีของเธอก็พูดออกมา

   “ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะเลวร้ายแบบนี้”

   “....”

   “ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดรู้เรื่องระหว่างจอห์นกับโอเดนเบิร์กแล้ว จอห์นยอมรับกับเขาเมื่อวาน ให้ตาย เขาโทษว่าเป็นความผิดของลูกเรา เรื่องโอเดนเบิร์ก”

   “อะ... อะไรกันคะ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้น”

   ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ “ผมเคยได้ยินมาว่าโอเดนเบิร์กเป็นหลายของผู้หญิงที่เกือบจะกลายเป็นภรรยาของท่านดยุกเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเด็กคนนั้นมากกว่าลูกชายของเรา เขาโกรธเรื่องนี้มาก”

   “โธ่... ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ จอห์นอาจจะผิดก็จริง แต่โอเดนเบิร์กก็มีความผิดด้วยเหมือนกัน แล้วการที่เขาหายตัวไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย”

   “โอ้... นั่นแหละมาเรีย สิ่งที่ผมไม่ได้บอกคุณ” ลอร์ดบาธขบกรามด้วยความปวดร้าวใจ “ผมเองที่เป็นคนสั่งให้จัดการกับโอเดนเบิร์ก”

   “อะไรนะคะ”

   “ผมรู้ว่าจอห์นจะไม่ยอมเรื่องนี้ ถ้าเขารู้ เขาไม่ใช่คนที่จะถูกบังคับได้ และผมไม่อยากให้ลูกต้องเสียผู้เสียคน ในเมื่อโอเดนเบิร์กไม่ยอมถอย ก็ต้องทำให้เขาหายไป ผมคิดว่ามันดีต่อทั้งชื่อเสียงของเขาและจอห์น อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร”

   เลดี้บาธตะลึงงัน เธอผงะถอยหลังไป “คุณอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือคะ”

   ลอร์ดบาธพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “เรื่องทุกอย่างควรจะเรียบร้อย แต่ไม่นึกเลยว่าดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจะไม่ยอมเลิกราเรื่องนี้ เขาตราหน้าผมกับลูกว่าเป็นคนร้ายกาจ ทั้งที่ผมทำเรื่องที่สมควรทำแท้ๆ”

   “โอ้... เฮนรี่” ภรรยาของเขาร้องขึ้น “ฉันเสียใจเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างจอห์นกับโอเดนเบิร์กก็จริง แต่ฉันไม่ได้อยากให้เขาตาย... เขาไม่เคยข่มขู่ หรือทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับพวกเราเลย นี่ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง... ไม่ใช่เรื่องถูกต้องเลย”

   เลดี้บาธถอยหลังไปจนชนกับตู้หนังสือ ลอร์ดบาธรีบลุกขึ้นไปประคองเธอ แต่ถูกปัดมือออก เขาครางออกมา

   “ได้โปรด มาเรีย อย่าทำกับผมแบบนี้ ตอนนี้ผมมีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น”

   เลดี้บาธน้ำตาไหล “โอ... เฮนรี่ จะให้ฉันทำอย่างไร เหมือนฉันไม่เคยรู้จักกับคุณมาก่อนเลย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะเป็นฆาตกร”

   “ผมไม่ได้ฆ่าใคร”

   “แต่โอเดนเบิร์ก...”

   “ผมไม่เคยสั่งให้ฆ่าเขา” ลอร์ดบาธว่า “ผมขอให้เขาออกไปให้พ้นทางเท่านั้น ให้เขาหายตัวไปสักพัก หรือย้ายไปอยู่ที่อื่น”

   “คุณ... ขอเขาหรือคะ”

   “เปล่า ผมขอให้คนที่สามารถทำเรื่องนี้ได้จัดการให้” ลอร์ดบาธว่า “เชื่อผมเถอะมาเรีย ผมไม่เคยสั่งฆ่าใคร”

   “งั้น... งั้นก็แสดงว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่”

   ลอร์ดบาธพยักหน้า ภรรยาของเขาพูดขึ้น “เราต้องพาเขากลับมา แล้วอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ท่านดยุกฟัง ฉันเชื่อว่าเขาจะยอมฟังเราค่ะ”

   “ไม่ง่ายแบบนั้นหรอก” ลอร์ดบาธว่า “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน อีกอย่าง ถ้าเขากลับมาแล้ว เรื่องจอห์นจะทำยังไง ลูกเราไม่มีทางยอมแน่”

   เลดี้บาธสูดหายใจลึก “ฉันคิดว่านี่ถึงเวลาที่เราควรจะคุยเรื่องนี้กับลูกแล้วล่ะค่ะ”

--------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามาในห้อง ไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใดที่เห็นพ่อกับแม่ของเขานั่งรออยู่ ลอร์ดบาธสั่งให้เขานั่งลง

   “ได้ยินว่าแกยอมกินอะไรบ้างแล้ว”

   “ครับ ผมเห็นแล้วว่าอดไปก็ไม่ช่วยอะไร”

   ลอร์ดบาธถอนหายใจ “ก็ดีที่แกคิดได้ เมื่อวานแกคุยอะไรกับท่านดยุก”

   อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะฝืดฝืน “เขาเล่าให้พ่อฟังแล้วสินะครับ ผมรู้ว่าพ่อเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ของเขา”

   “คิดว่านี่เป็นเรื่องตลกหรือไง”

   “ไม่เลยครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด พลางจ้องหน้าพ่อของเขา “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแต่แรก”

   “งั้นทำไมแกถึงยังดึงดัน ทำไมถึงไม่ยอมจบมัน บอกพ่อซิ ผู้หญิงมีอะไรไม่ดี พวกเธอมีอะไรแย่จนแกต้องหันไปสนใจผู้ชาย”

   “ผมไม่เคยสนใจผู้ชาย”

   “แต่โอเดนเบิร์กเป็นผู้ชาย หรือแกจะบอกว่าเขาเป็นผู้หญิง”

   “ครับ เขาเป็นผู้ชาย แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย ผมรักเขาเพราะว่าเขาคือเขา ไม่เกี่ยวว่าเขาคือผู้ชายหรือผู้หญิง”

   “โอ้... จอห์น แต่นี่มันผิดมาก ลูกก็รู้นี่จ๊ะ ว่าโอเดนเบิร์กเป็นผู้ชาย”

   “ผมรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่... มันไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ผมไม่รักเขานี่ครับ”

   “จอห์น นี่แกรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” ลอร์ดบาธตวาด อีกฝ่ายพยักหน้า

   “ผมรู้ตัวครับ และนี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกพ่อกับแม่มานานแล้ว ผมรักกอร์ดอนตั้งแต่วันแรกที่เจอเขา และยิ่งนานวันผมยิ่งแน่ใจว่านี่คือความรัก ไม่ใช่แค่ความใคร่ที่ผิดปกติ ผมไม่เคยปรารถนาผู้ชาย จนถึงตอนนี้ก็ไม่ แค่เขาเท่านั้น ผมอาจจะนอนกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่คนที่ผมรักได้มีแค่เขาคนเดียว”

   “แกไม่ต้องพูดจาแก้ตัว” ลอร์ดบาธว่า “โอเดนเบิร์กเป็นผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้ที่แกจะชอบเขาโดยที่ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน”

   “มันเป็นไปแล้วครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมกล้าสาบานว่าผมไม่เคยสนใจผู้ชายด้วยกันอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นคนไหน บอกตรงๆ ว่าผมค่อนข้างรู้สึกอนาถใจกับพวกเขาด้วยซ้ำ”

   “ลูกแน่ใจนะจ๊ะว่าไม่ได้สับสน” เลดี้บาธว่า “แม่รู้ว่าโอเดนเบิร์กเป็นคนสวย บางทีความสวยนั้นอาจจะทำให้ลูกหวั่นไหว”

   “โอ... ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ชอบเขาแค่เพราะหน้าตา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตอนแรกอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ยิ่งรู้จักกัน ผมยิ่งรู้สึกว่าเขาคือคนที่คู่ควรกับความรักของผม เขาเป็นคนจิตใจดีงาม ถ่อมตัว ไม่ทะเยอทะยาน และกล้าหาญ เขาคอยแนะนำและเป็นกำลังใจให้ผมในเรื่องต่างๆ ผมไม่เคยมีความสุขที่ได้อยู่กับใครเท่าเขามาก่อน แม้ว่าเราจะมีช่วงเวลาส่วนตัวด้วยกันน้อยมากก็ตาม เพราะเขากลัวว่าจะทำให้ผมเสื่อมเสีย”

   เกิดความเงียบงันขึ้นภายในห้อง เสียงฟืนในเตาผิงดังปะทุในเปลวไฟอันร้อนระอุ เลดี้บาธยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาที่ไหลออกมา ขณะที่ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ

   “แกไม่คิดว่าสิ่งที่ทำลงไปผิดเลยงั้นสิ”

   “ไม่ครับ ผมไม่เสียใจเรื่องนี้เลย แต่ผมเสียใจที่เป็นสาเหตุทำให้เขาหายไป”

   น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสีเขียวคู่สวยของเขา “ผมเฝ้าคิดอยู่ตลอด ถ้าผมกล้าหาญกว่านี้ ถ้าผมพูดเรื่องนี้กับพ่อกับแม่แต่แรก ถ้าผมอยู่ที่นี่กับเขาในช่วงฤดูหนาว เขาคงจะไม่หายไป... ถ้าจะต้องมีใครสักคนถูกตราหน้าในเรื่องนี้ คนคนนั้นก็ควรจะเป็นผม ผมเป็นฝ่ายเริ่ม ผมคือคนที่ดึงดันจะยื้อเรื่องนี้จนถึงที่สุด คนที่ควรจะถูกประณามควรเป็นผม คนที่ควรจะหายไปควรเป็นผม”

   เลดี้บาธสั่นศีรษะ น้ำตาไหลพราก ขณะที่ลอร์ดบาธลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ “จอห์น... พ่อแน่ใจว่าไม่เคยเลี้ยงแกให้เป็นคนแบบนี้ ทำไมแกถึงยอมทิ้งชีวิตทั้งหมดแค่เพราะผู้ชายคนเดียว”

   “เพราะผมรักเขา”

   เสียงฝ่ามือปะทะกับใบหน้าดังลั่นไปทั้งห้อง เลดี้บาธรีบวิ่งเข้ามาดึงมือลอร์ดสามี

   “ปล่อยผม มาเรีย ผมอยากจะรู้นักว่าผีร้ายตัวไหนมันสิงสู่อยู่ในใจของลูกเรา”

   เขาดึงแขนออกจากมือภรรยา ขณะที่ลอร์ดลูกชายเงยหน้าขึ้นมา “มันไม่ใช่ผีร้าย มันคือความรัก ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่ยอมเข้าใจ...”

   ใบหน้าของลอร์ดหนุ่มถูกตบจนหันไปอีกครั้ง เขารู้สึกถึงรสชาติเฝื่อนของเลือดในปาก เลดี้บาธวิ่งเข้ามาประคองลูกชาย

   “จอห์น... โอ... จอห์น” เธอเรียกลูกเสียงเครือ แตะใบหน้าของเขาด้วยมืออันสั่นเทา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับมือแม่ของเขาบีบเบาๆ

   “ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ถ้าพ่อเชื่อว่ามันคือผีร้าย ผมจะพิสูจน์ให้รู้ว่ามันไม่ใช่”

   เลดี้บาธสั่นศีรษะ พยายามบอกลูกชายไม่ให้พูดอะไรอีก แต่ไม่ได้ผล เขาหันไปหาผู้เป็นพ่ออีกครั้ง

   “ผมกับเขารักกัน”

   แก้มของลอร์ดหนุ่มกลายเป็นปื้นแดง เลือดซึมออกจากมุมปาก จากแรงตบในครั้งที่สาม ทว่า เขายังคงพูดอีก

   “ต่อให้พ่อตบผมอีกกี่ครั้ง ก็เปลี่ยนแปลงความจริงนี้ไม่ได้ ผมรักเขา”

   คราวนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกหูอื้อ ตาพร่าไปชั่วขณะ เสียงกรีดร้องของเลดี้บาธเหมือนดังมาจากที่แสนไกล

   “จะต้องให้ผมตายอยู่ตรงนี้หรือไง พ่อถึงจะเชื่อว่ามันคือความรักจริงๆ”

   เลดี้บาธถลันเข้ามากอดลูกชายของเธอเอาไว้ “พอเถอะค่ะ ถ้าคุณจะตบลูกอีกล่ะก็ ได้โปรดตบฉันแทนเถอะ ฉันผิดเองที่เลี้ยงเขาไม่ดี”

   ลอร์ดบาธลดมือที่เงื้ออยู่ลง ขบริมฝีปากด้วยความรวดร้าว “นี่คือสิ่งที่แกต้องการสินะ... สาแก่ใจแล้วหรือยังที่ทำให้พ่อกับแม่เสียใจได้ขนาดนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขาสูดหายใจลึก พยายามกลั้นความพลุ่งพล่านเอาไว้ พูดขึ้นทั้งที่มีเลือดอยู่เต็มปาก

   “ผมขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวัง แต่ผมไม่อาจทนปิดบังเรื่องนี้ได้ต่อไปอีกแล้วจริงๆ มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าคนครึ่งลอนดอนจะก้มหัวให้ แต่ผมกลับต้องปิดบังเรื่องคนรักเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ ผมจะมีอำนาจไปเพื่ออะไร ถ้าแม้แต่คนที่รักก็ไม่อาจปกป้องเอาไว้ได้ ผมจะมีชีวิตแบบนี้ไปเพื่ออะไร ถ้าแม้แต่การรักใครสักคนก็เป็นเรื่องผิด”

   เลดี้บาธสะอื้อฮั่ก ขณะที่ลอร์ดบาธพูดขึ้น “แกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกนี้นะจอห์น จะไม่มีใครยอมรับเรื่องนี้ พวกเขาจะประณามแก พวกเขาจะสาปแช่งแก แกคิดว่าจะทนกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือ”

   “ต่อให้ถูกคนทั้งลอนดอนประณาม ต่อให้ถูกคนทั้งโลกสาปแช่ง สำหรับผมแล้วมันก็ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับการที่รู้ว่าคนที่ผมรักที่สุดสองคนจะไม่มีวันยอมรับ เพราะอย่างนี้ กอร์ดอนถึงขอร้องให้ผมอดทน เขารู้ว่าเมื่อพ่อกับแม่รู้ผมจะต้องเสียใจ และนั่นเท่ากับเขาเสียผมไป”

   “....”

   “แต่ตอนนี้ผมเสียเขาไปแล้ว ไม่มีแม้โอกาสจะได้ร่ำลา ถ้าผมรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ผมคงบอกพ่อกับแม่แต่แรก ถึงจะผมจะถูกเกลียด แต่คงไม่เสียเขาไป”

   “ไม่จ้ะ... อย่าพูดแบบนั้นเลยลูกรัก” เลดี้บาธบอกลูกชายทั้งน้ำตา “พ่อกับแม่ไม่มีวันเกลียดลูก... ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร พ่อกับแม่ก็ยังรักลูกเสมอ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หลับตา ขณะที่ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามา

   “มาเรีย... คุณเป็นผู้หญิงที่ดี เป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดี คุณต้องไม่ตำหนิตัวเองที่มันเกิดเรื่องแบบนี้”

   “แต่...”

   ลอร์ดบาธหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอ ก่อนจะหันไปมองลูกชาย

   “จำไว้นะจอห์น... ไม่ว่าต่อไปแกจะทำอะไร หรือจะกลายเป็นอะไร ให้รู้ว่าพ่อกับแม่รักแกที่สุด และจะอยู่ข้างแกเสมอ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์น้ำตาไหล ในที่สุดเขาก็ร้องไห้ออกมา ลอร์ดบาธดึงเขาเข้ามากอดไว้

   “แกเป็นลูกของพ่อกับแม่นะจอห์น ต่อให้แกไม่ใช่คนดีที่สุดบนโลกนี้ แต่ก็เป็นคนดีที่สุดของพ่อกับแม่ รู้ไหม”

   เสียงปะทุของฟืนในเตาผิง ดังแทรกเสียงสะอื้นไห้ แม้จะใบหน้าจะนองไปด้วยน้ำตา แต่หัวใจของลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

--------------------------

(จบตอน)

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนที่รักเราที่สุดคือพ่อกับแม่
เขาก็หวังดี
แต่ก็สงสารกอร์ดอน
เอาเขากลับมาเถอะนะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
จะไม่มีหักมุมแล้วใช่ไหม?

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โอย...อ่านไปน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เข้าใจความรักของพ่อแม่ และเข้าใจในตัวจอห์น
เป็นอะไรที่ไรท์เขียนแล้ว ทำให้เราร้องให้ตามโดยไม่รู้ตัว
 :mew6: :mew6: :mew6:
ขอบคุณกับเรื่องดีๆ ที่มีมาให้อ่าน
ขอบคุณ
 :pig4: :pig4: :pig4:

** ตอนนี้ถ้ากด+ ซ้ำๆ ได้คงกดให้อย่างลืมตัว

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๓  Happy New Year  2020  ค่ะไรท์

โอย...อ่านไปน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เข้าใจความรักของพ่อแม่ และเข้าใจในตัวจอห์น
เป็นอะไรที่ไรท์เขียนแล้ว ทำให้เราร้องให้ตามโดยไม่รู้ตัว
 :mew6: :mew6: :mew6:
ขอบคุณกับเรื่องดีๆ ที่มีมาให้อ่าน** ตอนนี้ถ้ากด+ ซ้ำๆ ได้คงกดให้อย่างลืมตัว

.......... เหมือนกันเลย........  อ่านไปร้องไห้ไป   :hao5: :sad4: :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฮือออ อ่านแล้วซึ้งไปด้วยเลยค่ะ มันหลายอารมณ์มากๆ ตอนนี้คือพ่อกับแม่จอห์นไม่ได้รังเกียจจอห์นแล้ว เพราะรักจอห์นมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจและอนุญาตเรื่องกอร์ดอนหรือเปล่า ตอนนี้กอร์ดอนเป็นยังไงก็ไม่รู้ ห่วงทางกอร์ดอนมาก ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ถึงจะต้องแอบๆรักกัน
แต่คนในครอบครัวรับได้
มันก็ไม่เจ็บปวดแล้ว
อัพถี่จนตกใจ
แต่ชอบมากค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่50 ลอร์ดสวินดัน

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รู้ว่ากอร์ดอนอาจจะยังมีชีวิตอยู่ และพ่อของเขาไม่ใช่คนใจดำอำมหิตเสียทีเดียว ทว่าการไปเยือนคฤหาสน์สามเส้าในครั้งที่สองของลอร์ดบาธ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์นัก และข่าวที่เขาได้กลับมาก็ไม่ใช่ข่าวดี

   “ลอร์ดสวินดันรับรองว่าโอเดนเบิร์กมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี” ลอร์ดบาธบอกภรรยาและลูกชาย “แต่เขาไม่สามารถทำให้โอเดนเบิร์กกลับมาในเร็วๆ นี้ได้”

   “เขาบอกพ่อรึเปล่าครับว่าส่งกอร์ดอนไปไหน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามอย่างร้อนใจ ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ เลดี้บาธจึงพูดขึ้น

   “ใจเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะลูก ยังไงเสียเขาก็ยืนยันว่าโอเดนเบิร์กปลอดภัยดี บางทีเขาอาจจะอยู่ต่างเมือง หรือต่างประเทศ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยในการพาเขากลับมา”

   ลอร์ดบาธพยักหน้า “คงเป็นอย่างนั้น เขาไม่จำเป็นต้องโกหกถ้าโอเดนเบิร์กไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แกก็รอหน่อยเถอะจอห์น อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามล่ะ พ่อว่าดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดคงไม่พอใจนักหรอกถ้ารู้ว่าแกไปยุ่งเรื่องนี้อีก”

   “ครับ ผมจะจำไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เดี๋ยวผมจะออกไปฟันดาบที่สโมสรเสียหน่อย ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว”

   “โอ้... ดีเลยจ้ะ” เลดี้บาธว่า “ลูกจะได้ออกไปเจอเพื่อนๆ บ้าง”

   “ผมกับคุณก็น่าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อยไหม ตอนที่ที่แอลฮามบรามีแสดงดนตรีของโมซาร์ตอยู่”

   เลดี้บาธยิ้ม “น่ารักอะไรอย่างนี้คะเฮนรี่ งั้นฉันขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”

   พอเลดี้บาธคล้อยหลังออกไป ลอร์ดบาธก็หันมาพูดกับลูกชาย “จอห์น ถึงพ่อจะบอกว่าอยู่ข้างแกเสมอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะภูมิใจนักหรอกนะที่แกมีคนรักเป็นผู้ชาย”

   อีกฝ่ายพยักหน้า “ไว้กอร์ดอนกลับมาเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกทีครับ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจ แต่เขาไม่ใช่คนเลวร้าย”

   “พ่อรู้” อีกฝ่ายว่า “เพราะงั้นตอนนี้แกช่วยอยู่เฉยๆ ไปก่อน อย่าทำให้อะไรมันวุ่นวายไปมากกว่านี้ล่ะ”

   “พูดอย่างกับว่าผมจะทำอะไรได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ผมไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะครับ คิดว่าวันนี้น่าจะอยู่ยาว”

   ลอร์ดบาธถอนหายใจ ก่อนจะยกมือไล่ลูกชายออกไป

-----------------------------------

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่ที่สโมสรแล้ว พอเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาก็รีบเดินมาทักทาย

   “ไง จอห์นนี่ ดีใจที่เห็นนายมานะ”

   “ฉันต้องมาเพื่อยืดเส้นยืดสายอยู่แล้ว”

   ลอร์ดเชลบีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “เจอเพื่อนของนายแล้วหรือไง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองเขาทันที ฝ่ายนั้นจึงพูดต่อ “ได้ยินว่าเพื่อนช่างตัดเสื้อคนสำคัญของนายหายตัวไป ฉันเป็นห่วงนะ”

   “นายไม่ต้องมาประชดฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นเสียง ร้อนถึงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องรีบห้าม

   “ไม่เอาน่า จอห์นนี่ แพททริกเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ นะ”

   ลอร์ดเชลบีกระแอมขึ้นครั้งหนึ่ง “อเล็กซานดร้าเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว เรื่องเพื่อนช่างตัดเสื้อของนาย”

   “ว่าไงนะ”

   “นายเคยเจอเขาตอนเด็กๆ ที่คฤหาสน์ของท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ปู่ของเขาสนิทกับท่านดยุกใช่ไหมล่ะ ดูเหมือนเขาจะเคยช่วยนายไว้จากเรื่องบางอย่างที่น่าขายหน้า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนายถึงได้สนิทสนมกับเขานัก พอนายได้เจอเขาอีกครั้ง”

   “....”

   ลอร์ดเชลบีเดินมาตบไหล่เขา “นายเองก็มีช่วงที่อ่อนแอเหมือนกันนะเนี่ย ฉันเข้าใจหรอกว่ามันน่าอายถ้าจะให้ใครรู้ว่าผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างเขาเคยช่วยกู้หน้านายไว้น่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากค้าง ก่อนจะหัวเราะ “ฉันไม่น่าเล่าเรื่องนี้ให้อเล็กซานดร้าฟังเลย นายเองรู้แล้วก็เหยียบไว้ล่ะ”

   ลอร์ดเชลบียักไหล่ “ฉันแน่ใจว่าคนอื่นๆ จะต้องหัวเราะถ้าได้รู้เรื่องนี้ แต่เอาเถอะ ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษที่ชอบเอาเรื่องลับของคนอื่นไปไขในที่แจ้ง แค่นายเลิกยุ่งกับอเล็กซานดร้าก็พอ”

   “ขู่ฉันหรือ แต่เอาเถอะ ฉันกับอเล็กซานดร้าคุยกันแล้วว่าพวกเราจะเป็นแค่พี่น้อง เพราะงั้นนะ แพททริก ในฐานะพี่ชาย นายควรจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่เหมาะสมกับน้องสาวจอมแก่นของฉัน”

   ลอร์ดเชลบีส่งเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก ก่อนจะเดินจากไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงลากเขาไปคุยที่ระเบียง

   “จอห์นนี่ นายเล่าให้อเล็กซานดร้าฟังแบบนั้นหรือ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบตอบ “เปล่า ฉันไม่ได้เล่า เธอคงแต่งเรื่องเพื่อไม่ให้แพททริกสงสัย เขาเป็นคนสั่งให้คนไปสืบเรื่องของกอร์ดอน”

   “อ้อ” อีกฝ่ายพยักหน้า “งั้นก็แสดงว่าเธอเป็นผู้หญิงที่รอบคอบและไว้ใจได้อยู่นะ”

   “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่ไมครอฟต์ไม่อยู่หรือ”

   “อ้อ... ไม่หรอก พักนี้เขาไม่ได้มาที่นี่เท่าไหร่ เห็นว่าติดธุระ”

   “ธุระเรื่องของพ่อนายรึเปล่า นายแน่ใจนะว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของกอร์ดอน”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “เขาบอกฉันว่าลองไปคุยเรื่องนี้กับพ่อแล้ว แต่พ่อไม่ยอมบอกรายละเอียดอะไร อย่างน้อยๆ ไมกี้ก็ยืนยันว่ากอร์ดอนน่าจะปลอดภัยดี เขาโทษด้วยนะว่านายเป็นต้นเหตุ”

   “ถ้าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ ก็ดีไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันกลัวแต่ว่าเขาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองน่ะสิ เพราะตำรวจสันนิษฐานว่ากอร์ดอนได้รับจดหมายจากคนรู้จัก ฉันนึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นใครไปได้อีกนอกจากพี่ชายของนาย”

   “เอาน่า จอห์นนี่ ฉันจะลองดูเรื่องนี้ให้อีกทีแล้วกัน วันศุกร์นี้ไมกี้ชวนฉันไปที่คฤหาสน์ของท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด”

   “หืม พวกนายจะไปที่นั่นทำไม”

   “เรื่องแอนน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “พ่อค้านหัวชนฝาว่าไม่ต้องการให้ฉันแต่งงาน ที่จริงไมกี้กับฉันจัดงานกันเองก็ได้ แต่มันคงไม่ดีสำหรับแอน เธอไม่น่าจะสบายใจนักถ้ารู้ว่าพ่อฉันไม่ยินดีต้อนรับเธอ”

   “เลยจะไปให้ท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดช่วยพูดให้งั้นหรือ”

   “ไม่เชิง เขาเคยรู้เรื่องพ่อฉันสมัยก่อน บางทีอาจจะมีเรื่องบางอย่างในอดีตที่ฉันกับไมกี้จะเอาไปงัดกับพ่อเรื่องนี้ได้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “ขอให้นายโชคดีก็แล้วกัน เรื่องพ่อนายนี่ฉันไม่มีอะไรจะแนะนำเลยจริงๆ”

   “ไม่เป็นไรหรอกจอห์นนี่ มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของฉัน แต่ก็ขอบใจนะที่นายเป็นห่วง ฉันคิดว่าพวกเราจะทำเรื่องนี้ให้ลุล่วงไปได้ สุดท้ายพ่อก็มักจะฟังไมกี้เสมอนั่นแหละ”

   “ขอให้เป็นอย่างที่นายว่าแล้วกัน”

----------------------------------------

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกำลังเล่นเปียโนอยู่ ตอนที่ดยุกแห่งอ็อกฟอร์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง เขาจึงนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ รอจนหลานสาวเล่นเพลงจนจบ

   “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านตา ขอโทษด้วยนะคะ หนูไม่ได้ยินเสียงท่านตาเดินเข้ามาเลย”

   “เพลงเพราะมาก บาคใช่ไหม”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “ท่านตามีอะไรรึเปล่าคะ”

   “บ่ายนี้ลอร์ดฟาริงดอนจะมาเยี่ยมเรา”

   “เอ๋”

   “ไมครอฟต์ เมอร์เรย์ พี่ชายของแมกซ์น่ะ”

   “อ๋อ... หนูจำเขาได้แล้วค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “คนที่หน้าเหมือนแมกซ์แต่นิสัยแย่คนนั้น”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดยิ้ม “ทำไมล่ะ แค่เขาบอกเรื่องไม่ดีของมิสเตอร์เบนจามิน หลานถึงกับว่าเขานิสัยไม่ดีเลยหรือ”

   “หนูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่เป็นวิธีที่เขาพูดต่างหาก จริงๆ นะคะท่านตา หนูไม่เคยเจอใครไร้มารยาทขนาดนั้นเลย”

   “น่าแปลกนะ เท่าที่ตาได้ยิน เขาเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีพอสมควรเลยล่ะ”

   “ท่านตาเคยเจอเขารึเปล่าคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเปลี่ยนเรื่อง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า

   “นานแล้ว ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กอยู่เลย ลอร์ดสวินดันเคยพาเขามาที่นี่กับน้องชาย บอกตรงๆ ว่าแยกพวกเขาออกยากมาก”

   “หนูเห็นล่ะค่ะ พวกเขาสองคนหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่แมกซ์น่ะนิสัยดีกว่าเขาเยอะ”

   “เอาเถอะ เขาจะมาเยี่ยมเราบ่ายนี้ ตาล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไรกันแน่”

   “เขาอาจจะอยากมาเยี่ยมเฉยๆ ก็ได้นะคะ”

   “ถ้าเป็นแมกซ์ตาอาจจะคิดแบบนั้นนะ แต่กับไมครอฟต์ ตาคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่จะไปเยี่ยมใครเพราะคิดถึงหรอก”

   “อย่างนั้นท่านตาก็รู้จักเขาพอสมควรสินะคะ น่าจะเห็นด้วยกับหนูว่าเขานิสัยไม่ดี”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดยิ้มหัวพลางสั่นศีรษะ “เขาไม่ใช่คนนิสัยแย่... แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตาอยากให้หลานคบหาหรอก”

   “โอ... หนูไม่มีวันไปคบหากับเขาหรอกค่ะ คนพรรค์นั้น แค่คิดว่าเขาจะมาเยี่ยมบ่ายนี้หนูยังไม่อยากออกไปเจอหน้าเขาเลย”

   “ถ้าหลานทำแบบนั้น มันจะเสียมารยาทอยู่นะ อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงลอร์ดฟาริงดอน ที่ต่อไปจะขึ้นนั่งตำแหน่งมาร์ควิสแห่งสวินดัน รู้จักกับเขาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย”

   “หนูสงสัยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลุกจากเปียโนมานั่งข้างท่านตาของเธอ “มาร์ควิสแห่งสวินดันเป็นใครกันคะ”

   “ทำไมถึงอยากรู้ล่ะ”

   “ก็เขาเป็นพ่อของแมกซ์ อีกอย่างวันก่อนหลังจากที่ไล่จอห์นออกไปแล้ว ท่านตาก็รีบร้อนออกไปหาเขา หนูว่าคนที่ทำให้ท่านตาออกไปหาได้ต้องมีอะไรพิเศษแน่”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดนิ่งไปพัก ก่อนจะถอนหายใจ “ก็ใช่ เขาค่อนข้างพิเศษ”

   “แล้ว... ท่านตาจะไม่บอกหนูหน่อยหรือคะ ลูกชายคนโตของเขากำลังจะมาเยี่ยมเรานะคะ หนูน่าจะได้รู้สักนิดเพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับมือกับเขา”

“อืม... จริงๆ เขาก็ไม่ใช่คนที่น่าพูดถึงเท่าไหร่” ท่านดยุกว่า    “แต่ถ้าเป็นก่อนหน้าที่เขาจะต้องรับตำแหน่งมาร์ควิสแห่งสวินดันล่ะก็ วิกเตอร์เป็นคนที่น่าคบหาอยู่นะ”

   “....”

   “ตายังไม่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหม บ้านเมอร์เรย์น่ะมักมีลูกแฝด วิกเตอร์เองก็เหมือนกัน เขามีพี่ชายฝาแฝดอยู่คนหนึ่ง ชื่อกิลเบิร์ต” ท่านดยุกเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “สมัยเด็กๆ พวกเขาหนีออกจากบ้านมาที่นี่บ่อย เลยสนิทกันกับน้าของหลาน”

   “โอ... อย่างนั้นหรือคะ หนูไม่ทราบมาก่อนเลย”

   “นั่นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว ตาคิดว่าตอนนี้พวกเขาคงแทบไม่ได้เจอกันอีก”

   “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ทำไมพวกเขาต้องหนีออกจากบ้าน แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงกลายเป็นลอร์ดสวินดันแทนที่จะเป็นพี่ชายเขาล่ะคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถอนหายใจ “เพราะตระกูลของเขาต้องสาป”

   “เอ๋”

   “ที่จริงพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว มาร์ควิสแห่งสวินดันน่ะเป็นตำแหน่งพิเศษ ไม่มีสมาชิกในตระกูลของเขาคนไหนเคยเป็นสมาชิกสภา แต่หากมีวาระประชุมสำคัญและเป็นความลับ พวกเขาจะอยู่ในการประชุมเสมอ เหมือนกับไม้กวาด พวกเขามีหน้าที่เก็บกวาดสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือสิ่งที่เป็นปัญหาออกไป ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่มีปัญหาที่แก้ไม่ตก ก็มักจะไปให้พวกเขาช่วย แน่นอนว่านี่คือภาระรับผิดชอบในตระกูลของเขา มันค่อนข้างหนักอยู่สำหรับเด็กอายุไม่กี่ขวบที่ต้องถูกเคี่ยวเข็ญอย่างหนักเพื่อที่จะโตขึ้นมาทำงานนี้”

   “.....”

   “ตอนนั้นตาไปที่คฤหาสน์ของมาร์ควิสแห่งสวินดันกับตาทวดของหลาน ไม่รู้เลยว่าขากลับพวกเขาแอบขึ้นมาด้วย”

   “....”

   “เป็นเรื่องน่าตกใจมากตอนที่เรารู้ว่าพวกเขาขึ้นมาโดยแอบอยู่ตรงที่วางสัมภาระด้านหลัง มันมืดแล้วเลยไม่มีใครทันได้สังเกต ตอนนั้นทั้งคู่อายุสักสิบเอ็ดสิบสองขวบเองล่ะมั้ง”

   “ยังเด็กอยู่เลยนะคะ พวกเขาต้องซนมากแน่ๆ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเงียบไปอึดใจ “คืนนั้นฝนตกหนักมาก พวกเขาเลยต้องพักอยู่ที่นี่ เช้าวันรุ่งขึ้นหลังมื้อเช้า ตาไปส่งพวกเขา น้าของหลานขอตามไปด้วย พวกเขากลายเป็นเพื่อนกันตอนนั้นแหละ หลังจากนั้นวิกเตอร์ก็แอบหนีมาที่นี่บ่อยๆ”

   “เขาแอบขึ้นรถมาอีกหรือคะ”

   “เปล่า บางทีเขาก็เดินมา บางทีเขาก็ขโมยม้ามา”

   “โอ...”

   “อย่างที่ตาบอก มาร์ควิสแห่งสวินดันเป็นตำแหน่งพิเศษ พวกเขาต้องถูกเตรียมเพื่อให้พร้อมสำหรับภาระในอนาคต วิกเตอร์ไม่เคยเล่าหรอกว่าเขาโดนอะไรมาบ้าง แต่ร่องรอยตามตัวและสิ่งที่เขาทำก็พอจะทำให้เราเข้าใจได้”

   “แล้วพี่ชายของเขาล่ะคะ”

   “บางครั้งพวกเขาก็มาด้วยกัน แต่วิกเตอร์มักมาบ่อยกว่า ดูเหมือนกิลเบิร์ตจะเป็นฝ่ายยอมถูกจับเพื่อให้เขาหนีได้”

   “....”

   “ตาทวดของหลานไม่อยากให้พวกเขามา แต่ตาคอยให้ที่ซ่อนพวกเขา เรื่องนี้ทำให้มาร์ควิสแห่งสวินดันมาหาพวกเราบ่อยๆ แต่เขาไม่มีหลักฐานเลยต้องกระฟัดกระเฟียดกลับไปทุกที”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้ม “หนูรู้ว่าท่านตาเป็นคนใจดีค่ะ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถอนหายใจ “ตอนนั้นวิกเตอร์แต่งงานแล้ว ภรรยาของเขากำลังตั้งท้องอยู่ ส่วนกิลเบิร์ตรับตำแหน่งมาร์ควิสแห่งสวินดัน พวกเขาสองคนนั่งรถกลับมาจากการประชุมลับ และถูกลอบทำร้ายระหว่างทาง วิกเตอร์รอดมาได้ แต่กิลเบิร์ตไม่ ในงานศพ วิกเตอร์บอกตาว่ากิลเบิร์ตตายเพราะช่วยเขา คนที่ตายควรจะเป็นเขามากกว่า หลังจากวันนั้น พวกเราก็ไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัวอีกเลยจนถึงตอนนี้”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนั่งนิ่งด้วยความสะเทือนใจ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดต่อ “เรื่องลอร์ดสวินดันน่ะเป็นความลับที่รู้กันในหมู่ของคนที่จะได้รับสืบทอดตำแหน่งต่อเท่านั้น หลานเองก็ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครล่ะ”

   “ค่ะ หนูจะจำไว้”

(มีต่อ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ลอร์ดฟาริงดอนมาถึงราวบ่ายหนึ่ง การที่เขามาพร้อมกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สร้างความประหลาดใจให้กับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “มาด้วยกันสองพี่น้องหรือ... ฉันคิดว่าไมครอฟต์จะมาคนเดียวเสียอีก”

   “สวัสดีครับท่านดยุก ท่านก็รู้ว่าพวกเราไม่เคยมาที่นี่คนเดียว” ลอร์ดฟาริงดอนทักตอบ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลงข้างๆ พี่ชายเขา

   “สวัสดีครับท่านดยุก สวัสดีแคทเธอรีน หวังว่าผมกับพี่ชายคงไม่เสียมารยาท”

   “ไม่หรอกค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันดีใจเสียอีกที่คุณมาด้วย”

   คนรับใช้ยกชาเข้ามาเสิร์ฟ ขณะที่ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดขึ้นต่อ “แล้วลมอะไรพัดมาถึงนี่ล่ะ”

   “ผมพาน้องชายมาเพื่อเชิญท่านไปเป็นแขกอย่างเป็นทางการในงานแต่งงานของเขา แมกซ์คงบอกแล้วใช่ไหมครับว่าเขาหมั้นแล้ว กับมิสแอนนาเบล เฮเก้นต์ พวกเขามีกำหนดแต่งงานในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ผมว่าอากาศช่วงนั้นกำลังดี ถ้าฝนไม่ตกนะ”

   “อ้อ เดือนพฤษภาคมหรือ วันที่เท่าไหร่ล่ะ”

   “วันที่ยี่สิบสามครับ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “มันตรงกับวันศุกร์ ผมหวังว่าท่านจะกรุณาให้เกียรติ”

   “แน่นอน” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า “ฉันจะจดเอาไว้ในสมุดนัดหมาย มิสเฮเก้นต์น่ะเป็นผู้หญิงที่น่าอัศจรรย์ทีเดียว”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มเขินๆ “ผมโชคดีมากที่เธอยอมตกลงแต่งงานด้วย”

   “แล้วพ่อของพวกเธอว่าไงกับเรื่องนี้ ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก”

   “พ่อไม่เคยพอใจอะไรหรอกครับ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่เรื่องนี้เขาทำอะไรไม่ได้ เพราะแมกซ์โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะแต่งงานกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา”

   “แล้วหลังจากแต่งงานล่ะ พวกเธอจะไปอยู่ที่ไหน” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดหันไปถามลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นเหลือบมองพี่ชายแล้วจึงตอบ

   “ผมจะย้ายไปอยู่คฤหาสน์ของไมกี้ ส่วนเขาจะมาอยู่ที่คฤหาสน์สามเส้าแทนผม”

   “พ่อของพวกเธอรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง”

   “ยังไม่รู้หรอกครับ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมไม่อยากให้เขาพาลใส่แมกซ์ ใครๆ ก็รู้ว่าที่นั่นไม่เคยน่าอยู่ แม้แต่ตัวเขาเองก็น่าจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน”

   “พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนแทรกขึ้นมา “ยังไงที่นั่นก็เป็นที่ที่พวกคุณเติบโตมา”

   “แมกซ์น่ะใช่ แต่ผมเปล่า” ลอร์ดฟาริงดอนตอบ “พ่อส่งผมไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่พวกเราอายุได้สี่ขวบ ใช่ไหมแมกซ์”

   “อืม แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องเล่าให้แคทเธอรีนฟังนะ เธอคงไม่อยากรู้หรอก”

   “ค่ะ ฉันทราบว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว”

   “นายทำกร่อยเลยแมกซ์” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ยังไงพวกเราก็มาที่นี่เพราะเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว”

   พูดจบเขาก็หันไปหาดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด “พ่อไม่เคยอนุญาตให้พวกเรามาที่นี่ตามลำพังเลย นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมกับแมกซ์ได้มาคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”

   “มีอะไรอยากบอกมากกว่าเรื่องงานแต่งงานหรือไง”

   “ครับ อันที่จริงเป็นเรื่องอยากถามมากกว่า ผมกับแมกซ์อยากรู้ว่าแม่ของพวกเราเป็นผู้หญิงแบบไหน และเธอตายยังไง”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจ้องหน้าลอร์ดฟาริงดอน ขณะที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นมาเบาๆ “งั้น... หนูขอตัวก่อนนะคะ”

   เธอลุกขึ้นย่อตัวให้ชายหนุ่มทั้งสอง แล้วเดินออกจากห้องไป ลอร์ดฟาริงดอนหันไปมองเธอ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

   “ท่านมีหลานสาวที่ทั้งสวยทั้งฉลาดนะครับ น่าเสียดายที่เธอต้องไปติดแหงกอยู่กับจอห์นแบบนั้น”

   “เรื่องนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดขึ้น “ทำไมจู่ๆ พวกเธอถึงอยากจะรู้เรื่องแม่ขึ้นมา”

   สองพี่น้องหันมองหน้ากัน ลอร์ดฟาริงดอนเป็นฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง “เพราะพ่อไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้พวกเราฟังเลย ผมกับแมกซ์ลงความเห็นว่าเขาเป็นปิศาจไร้หัวใจ และแม่คือผู้หญิงโชคร้ายที่มีหน้าที่คลอดพวกเราออกมา แต่นั่นก็ฟังดูไม่ยุติธรรมสำหรับเขาสักเท่าไหร่ เผอิญผมนึกได้ว่าท่านเคยรู้จักกับพ่อผมมาก่อน เลยคิดว่าท่านน่าจะรู้รายละเอียด”

   “เธอจะเอาเรื่องนี้ไปงัดกับพ่อเธอเรื่องการแต่งงานของแมกซ์สินะ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดอย่างรู้ทัน ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่

   “นั่นอาจจะเป็นพลพลอยได้ ท่านไม่คิดหรือครับว่านี่เป็นเรื่องที่พวกเราควรรู้”

   “เรื่องบางเรื่องถ้ารู้แล้วมันทำให้ชีวิตยากขึ้นก็อย่ารู้จะดีกว่า”

   “ผมไม่คิดหรอกนะครับว่าชีวิตของผมกับแมกซ์จะยากไปกว่านี้ได้อีก นายล่ะ ว่าไง”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมองพี่ชายของเขา ก่อนจะพูดกับท่านดยุก “กรุณาเถอะครับ เราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดกับพ่อ เราแค่อยากรู้ว่าแม่ของพวกเราเป็นคนยังไง และเธอต้องเจอชะตากรรมแบบไหน เพื่อที่ว่าผมจะไม่ทำมันซ้ำรอยอีก”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองหน้าทั้งสองคนอยู่ครู่ใหญ่ๆ สุดท้ายก็ถอนใจเฮือก “เอาล่ะ ถ้าเธอพูดแบบนั้น ฉันก็คงจะเล่าเรื่องนี้ให้พวกเธอฟังได้ รู้ใช่ไหมว่าพวกเธอเคยมีลุงที่ชื่อกิลเบิร์ต”

   “ครับ เราเคยอ่านสาแหรกตระกูล” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน “รู้สึกว่าพวกเขาสองคนจะถูกลอบฆ่า แต่พ่อรอดมาได้”

   “พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน พวกเธอรู้เรื่องนี้รึเปล่า”

   ทั้งสองคนมีท่าทีประหลาดใจ “จริงหรือครับ เขาไม่เคยบอกพวกเรามาก่อน มิน่าล่ะ ผมถึงไม่เคยเห็นรูปของลุงกิลเบิร์ตเลย บางทีมันอาจจะปนๆ อยู่กับรูปพ่อ เหมือนที่รูปนายปนๆ อยู่กับรูปฉันก็ได้” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย

   “จริงๆ แล้วพ่อแทบจะไม่เคยบอกอะไรพวกเราเลย ถ้าไม่เห็นเฟอร์นิเจอร์กับรูปวาดของแม่ ผมอาจจะคิดว่าพวกเราเป็นเด็กที่เขาเผอิญเก็บได้”

   “ไม่ก็ขโมยใครมา” ลอร์ดฟาริงดอนเสริมให้ “แต่แย่หน่อยตรงที่ฉันกับนายดันหน้าคล้ายพ่อไม่มีผิด ประเด็นนั้นเลยต้องตกไป”

   “เขาเป็นพ่อของพวกเธอจริงๆ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดย้ำ “แต่ฉันเข้าใจที่เขาไม่เคยเล่าเรื่องอดีตให้พวกเธอฟัง การตายของกิลเบิร์ตเป็นเรื่องที่ทำให้เขาสะเทือนใจมาก”

   “ผมคิดว่าเขาทิ้งพี่ชายไว้แล้วหนีออกมาเสียอีก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดสวนทันที

   “ไปเอาความคิดเหลวไหลนั่นมาจากไหน”

   “ผมได้ยินคนพูดกัน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “คนที่รอดควรจะเป็นลุงกิลเบิร์ต ไม่ใช่เขา”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถอนใจ “พ่อเธอเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

   “....”

   “แต่กิลเบิร์ตสั่งให้เขาหนี... เพราะตอนนั้นภรรยาของเขาตั้งท้องอยู่ ซึ่งก็คือพวกเธอสองคน สถานการณ์ในวันนั้นฉันได้ยินมาว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะรอดออกไปได้ทั้งสองคน ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งอยู่ที่นั่น กิลเบิร์ตไม่อยากให้หลานของเขากำพร้าพ่อ เขาเลยสั่งให้พ่อของพวกเธอหนีไปเสีย”

   ลอร์ดฟาริงดอนจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งนิ่ง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจึงเล่าต่อ

   “พ่อของพวกเธอไม่เคยภูมิใจที่เขารอดมาได้ แต่เขาต้องมีชีวิตอยู่ ไม่อย่างนั้นการสละชีวิตของกิลเบิร์ตก็จะสูญเปล่า พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันมากไม่ต่างอะไรกับพวกเธอตอนนี้เลย”

   “แล้วแม่ล่ะครับ” ลอร์ดฟาริงดอนแทรกขึ้นมา “พวกเขาพบกันได้อย่างไร”

   “พวกเขาเจอกันในงานเลี้ยง ฟาบิอาน่าเป็นเป้าหมายที่วิกเตอร์ต้องกำจัดทิ้ง แต่เขาหลงรักเธอทันทีที่เห็น คงไม่ต้องเดาว่าปู่ของพวกเธอโกรธเรื่องนี้แค่ไหน ถึงงั้นสุดท้ายพวกเขาก็ยังได้แต่งงานกัน เพราะกิลเบิร์ตสนับสนุน”

   “บ้าชะมัด” ลอร์ดฟาริงดอนพึมพำ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น

   “แม่รักพ่อรึเปล่าครับ... พวกเขารักกัน หรือพ่อเป็นฝ่ายบังคับให้เธอแต่งงาน”

   “ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าทั้งสองคนรักกันมาก แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและอ่อนหวาน เธอแทบพูดอังกฤษไม่ได้ พ่อเธอเลยเป็นฝ่ายพูดฝรั่งเศสเสียเอง เขายังลงทุนข้ามเรือไปฝรั่งเศสเพื่อเลือกเฟอร์นิเจอร์มาไว้ในเรือนหอ ฉันไม่รู้ว่าของพวกนั้นยังอยู่ที่บ้านนั้นรึเปล่า เพราะหลังจากที่เสียกิลเบิร์ตไปได้ไม่นาน เขาก็เสียเธอไปหลังการคลอดลูก เดาว่านั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเย็นชากับทุกคนรวมถึงพวกเธอด้วย”

   “เฟอร์นิเจอร์พวกนั้นอยู่ที่ห้องผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผมเคยคิดว่านั่นเป็นที่ที่พ่อขังแม่เอาไว้ แต่ฟังจากที่ท่านเล่า ดูเหมือนที่นั่นน่าจะเป็นเรือนหอของทั้งสองคนมากกว่า นายว่าไง”

   เขาหันไปหาลอร์ดฟาริงดอน ฝ่ายนั้นมีสีหน้าหงุดหงิด “ไม่รู้สิ จะบอกว่าพ่อใจยักษ์ของเราเคยเป็นคนมีหัวใจมาก่อนงั้นหรือ... ให้ตาย ฉันไม่อยากจะเชื่อ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองดูทั้งสองคน แล้วพูดต่อ “ได้ยินแมกซ์เล่าว่าพ่อเธอรักเธอมากกว่าเขา ฉันเห็นว่าคงจริง เพราะเธอดูคล้ายกับกิลเบิร์ตมาก บางทีที่เขาคัดค้านเรื่องการแต่งงานของแมกซ์ เพราะกลัวว่าเรื่องมันจะซ้ำรอยอีก”

   “ไม่มีทาง” ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นมา “พวกเราไม่มีทางไปไหนพร้อมกันเพื่อให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกหรอก”

   “แต่ตอนนี้พวกเธอมาด้วยกันนะ ฉันพูดไม่ผิดใช่ไหม”

   “....”

   “เข้าใจเหตุผลที่เขาแยกพวกเธอออกจากกันแล้วหรือยัง”

   ลอร์ดฟาริงดอนล้วงนาฬิกาพกออกมาดู แล้วพูดขึ้น “นี่ก็บ่ายแก่แล้ว พวกผมคงต้องขอตัวกลับ”

   “ไม่มีเรื่องอะไรอยากจะรู้อีกหรือ ว่าไง แมกซ์”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ผมเองก็เห็นด้วยกับไมกี้ว่าเราควรกลับได้แล้ว”

   “อ้อ... งั้นก็ขอให้โชคดี ฉันไม่ออกไปส่งนะ”

   “ไม่เป็นไรครับ” ทั้งสองคนกล่าวคำร่ำลาแล้วเดินออกไปขึ้นรถม้าซึ่งจอดรออยู่ด้านนอก ทันทีที่ประตูปิดลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ถามขึ้น

   “ไมกี้ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบที่พ่อเราเคยเจอ นายจะทำไง จะทำแบบลุงรึเปล่า”

   “ถามโง่ๆ” ลอร์ดฟาริงดอนเอ็ดน้องชาย “ฉันไม่มีทางใจดำปล่อยให้นายรอดไปคนเดียวแล้วเอาแต่โทษตัวเองทีหลังหรอก มันต้องมีวิธีที่เราสองคนจะรอดไปได้ด้วยกันสิ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม “ใช่... ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้นายตาย ถ้าเราจะรอด เราก็ต้องรอดออกไปด้วยกัน”

   ลอร์ดฟาริงดอนยกมือขยี้ศีรษะน้องชาย “นายไม่ต้องเอาเรื่องในอดีตที่มันไม่มีทางเกิดขึ้นกับเรามาคิดให้เสียเวลาหรอก เอาสมองไปคิดเรื่องงานแต่งของนายจะดีกว่า”

   “ก็จริงของนาย... แต่ไมกี้ ถ้าเราสองคนต้องทำแบบลุงกิลเบิร์ต ไม่ว่าคนที่รอดจะเป็นใคร ฉันไม่อยากให้นายโทษตัวเอง”

   “นั่นควรจะเป็นคำพูดของฉัน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ให้ตาย แมกซ์ ฉันไม่ได้พานายมานี่เพื่อให้นายเอาเรื่องพรรค์นี้กลับไปคิดนะ”

   “ฉันรู้ นายดีกับฉันเสมอ”

   “แน่นอน ก็นายเป็นน้องชายฉันนี่นา”

   “นายแน่ใจจริงๆ หรือว่าจะไปอยู่ที่นั่นแทนฉัน”

   “นายก็ได้ยินแล้วนี่ ส่วนที่นายอยู่เคยเป็นห้องหอของแม่เชียวนะ ฉันอาจจะมีความสุขก็ได้”

   “นั่นสินะ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันเองก็ชักรู้สึกชอบที่นั่นขึ้นมาแล้ว”

   “....”

   “บางทีพวกเราอาจจะอยู่ที่นั่นด้วยกันได้ นายกับฉัน ครอบครัวของพวกเรา บางทีเราอาจจะเปลี่ยนมันเป็นบ้านได้จริงๆ”

   ลอร์ดฟาริงดอนมองน้องชายของเขา ก่อนจะยิ้ม “นั่นสินะ ฉันจะเอากลับไปคิดดูก็แล้วกัน”

----------------------------------

(จบตอน)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จากตอนที่แล้ว อ่านแล้วน้ำตาไหล มาอ่านตอนนี้ ทำให้รู้ว่า
แต่ละครอบครัวก็มีเรื่องความลับเหมือนกัน ไม่ใช่แค่รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ อิอิ
ซึ่งแต่ละเรื่อง ก็มีส่วนมาเกี่ยวโยงเข้าด้วยกัน ก็ไม่แน่ว่าคุณย่าของกอร์ดอน
ก็อาจจะเป็นหนึ่งในผู้สูงศักดิ์ของตระกูลได ตระกูลหนึ่ง
*** พอรู้ว่าไรท์จะมาอัพเร็วๆ ในแต่ละตอน ตื่นเช้าก็เข้ามาเปิดคอมฯ ดูก่อนใคร
อ่านในมือถือไม่สะใจ ไม่ทันใจวัยรุ่นอย่างเราเลยนะ
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
มาแล้วววว
โล่งใจแล้ว
รอแค่กอร์ดอน
กลับมา

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ค่อยหายใจโล่งหน่อยตอนนี้

ออฟไลน์ 5577

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมือนพักดูโฆษณา 1 ตอน แล้วจะกลับไปลุ้นชีวิตกอร์ดอน

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชีวิตแต่ละคนในเรื่องนี้เติบโตกันมาแบบไม่ง่ายเลยกว่าผ่านอะไรมาได้ เรื่องครอบครัวแม็กซ์จริงๆคือเป็นปัญหาใหญ่มากๆ ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีกต่อไป แล้วตอนนี้ห่วงชีวิตกอร์ดอนมากๆเลยค่ะ เป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหนยังไงก็ไม่รู้ ฮือออ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด