บทที่ 2 คำลา
ผมนั่งจัดกระเป๋าอยู่ในห้องของคุณไฟ เพราะได้บัญชาจากนายท่านว่าเราจะไปเที่ยวป่ากับเพื่อนๆ ของท่านกัน ตั้งแต่ย่าเสีย ผมก็โดนบังคับให้ขึ้นมานอนห้องข้างๆ เป็นการถาวร แถมคุณไฟยังดีกับผมมากกว่าแต่ก่อนมาก (แถม ก.ไก่ ให้อีกล้านตัวก็ยังไม่พอ) ย้อนกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ระหว่างที่นั่งจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ให้คุณไฟ พ่อเจ้าประคุณก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย (ถ้ามีผมจะลุกขึ้นรำให้ดู)
“ดิน”
“ครับ” ปากตอบไปมือก็พับเสื้อผ้าเก็บลงตามช่องไป
“อาทิตย์หน้า ไปเที่ยวป่ากัน” เสื้อผ้าในมือร่วงผล็อย
“ฮะ!! คุณไฟว่ายังไงนะ” ผมคงหูฝาดไป คุณไฟเนี่ยนะจะไปเที่ยวป่า
“ก็บอกว่าจะไปเที่ยวป่าไง ตกใจอะไรนักหนา” คุณไฟขึ้นเสียงกลับมาทันที จะตกใจก็เพราะคุณไฟจะไปป่านี่แหละครับ ขืนไปไฟก็ไหม้ป่าหมดสิ แหะๆ ยังมีอารมณ์เล่นมุกอีกนะ ผมวางเสื้อผ้า แล้วหันมามองหน้าคุณไฟอย่างจริงจัง
“คุณไฟจะไปจริงเหรอครับ”
“เออสิ มีปัญหาอะไร”
“ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ เข้าป่านี่ลำบากนะครับ ไม่ได้สบายเหมือนไปเดินห้าง”
“รู้น่า” ตอบกลับอย่างรำคาญ
“คนอื่นไปได้ ฉันก็ไปได้สิ ทีนายยังไปกับเพื่อนได้เลย” ผมถอนหายใจมันเหมือนกันที่ไหนล่ะครับ คนที่ทั้งอึด ทั้งถึก คูลๆ ง่ายๆ อย่างผมไปไหนก็ได้ แต่คนที่ไม่เคยลำบากอย่างคุณไฟนี่สิ จะไปอยู่ยังไงผมยังนึกภาพไม่ออก
“ไปแล้วงอแงกลับกลางทางไม่ได้นะครับคุณไฟ”
“ฉันไม่ใช่เด็ก” คำตอบห้วนๆ หน้าบึ้งๆ บูดสนิท ครับๆ ไม่เด็กเล้ย เฮ้อ!
ผมทั้งกล่อม ทั้งไซโคสารพัดแต่คุณไฟก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ พออ้างคุณหญิงก็บอกว่าท่านอนุญาตแล้ว เลยหมดปัญญาจะทัดทาน ดื้อจริงๆ ลูกใครวะ ผมทำได้แค่ถอนหายใจ แล้วเตรียมซื้อของ เตรียมยา จัดเสื้อผ้าเช็คความพร้อมให้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเผื่อไปทุกอย่างเพราะไม่อยากให้คุณไฟไปอาละวาดกลางป่า เดี๋ยวสัตว์ป่าจะตกใจกันไปซะหมด
พอถึงวันเดินทาง ผมค่อนข้างแปลกใจ เพราะเพื่อนๆ กลุ่มนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน พอถามคุณไฟก็บอกว่าเพิ่งรู้จักและไม่มีคำอธิบายหรือขยายความเพิ่มเติม แต่ดูเป็นผู้เป็นคนกว่ากลุ่มไฮโซที่เคยคบกันอีกครับ
ระหว่างเดินทางเข้าป่า คุณไฟอดทนได้อย่างน่าแปลกใจ ถึงหน้าจะบูดยิ่งกว่าอาหารค้างปี แต่ก็ไม่ปริปากบ่นอะไรมาสักคำจนผมรู้สึกทึ่งเป็นที่สุด อยากจะปรบมือให้แล้วชมว่าเก่งมาก แต่กลัวถูกถีบลงข้างทางซะก่อน
เพื่อนคุณไฟมีประมาณ 10 กว่าคน แต่ละคนอัธยาศัยดีและเป็นกันเองมาก ขนาดเดินทางกันยังไม่ถึงจุดหมายก็ชักจะสนิทกันรวดเร็วเหมือนรู้จักกันมาหลายปี โดยเฉพาะพี่นนท์ที่เข้ามาชวนคุยมากกว่าคนอื่น เพื่อนๆ พี่แกก็มองมาอย่างล้อเลียนจนผมรู้สึกตงิดๆ พิกล ส่วนคุณไฟก็ฮึดฮัดมองมาตาขวางอย่างกับจะแดกหัวเราสองคน แต่ก็ยังไม่ออกฤทธิ์ออกเดชอะไรอย่างที่นึกกลัว
เราเดินทางมาถึงจุดหมายในเวลาบ่ายๆ สถานที่ที่เรามาเป็นลานกว้างบนยอดเขาที่มองลงไปเห็นเมฆสีขาวลอยตัวเป็นแพสวยงามเหมือนปูพรม เห็นเพียงยอดเขาแต่ละลูกโผล่มาให้เห็นลิบๆ แต่ละคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้ คนกางเต็นท์ก็กางไป คนทำอาหารก็ทำไป พี่นนท์ไปอยู่กลุ่มทำอาหาร ก่อนไปก็มองตาละห้อยจนโดนเพื่อนตบหัวไปหลายที ผมไปช่วยกางเต็นท์ โดยมีคุณไฟคอยหยิบจับของยื่นให้อยู่ข้างๆ ไม่ห่าง ดูคุณไฟอารมณ์ดีขึ้น ผมรู้สึกดีใจที่คุณไฟรู้จักปรับตัวแบบนี้ รู้อย่างงี้ชวนเข้าป่าพร้อมมาด้วยกันก็ดีหรอก แต่คงยาก เพราะคุณหญิงคงไม่ปล่อยให้คุณไฟมาลำบากแบบนี้บ่อยๆ แน่ แค่ครั้งนี้อนุญาตให้มาผมก็รู้สึกอัศจรรย์ใจจะแย่แล้ว
พอทำหน้าที่เสร็จเราก็ผลัดกันไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมของทางอุทยาน ผมเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำใส่เป้ทั้งของตัวเองและของคุณไฟ เราสองคนเดินไปอาบน้ำพร้อมกัน พออยู่กับผมสองคนคุณไฟก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ว่าทำไมผมถึงชอบมานัก ทั้งๆ ที่มันลำบากขนาดนี้ ผมได้แต่ยิ้มรับ แล้วแยกย้ายกันเข้าห้องน้ำ
เราก่อกองไฟย่อมๆ ล้อมวงกินข้าวด้วยกัน พอกินข้าวเสร็จก็นั่งดีดกีต้าร์ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน โดยมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมาร่วมวงด้วย พี่นนท์ร้องเพลงไปมองมาที่ผมไป ฟังความหมายของเพลงนี่ชัดเลยครับ ผมไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่าพี่แกกำลังจะสื่ออะไร ไหนจะเพื่อนๆ ที่โห่แซวมาเป็นระยะ ถ้ายังไม่เข้าใจก็คงต้องไปกินหญ้าแล้วละ
แต่ผมละแปลกใจจริงๆ ว่าพี่แกมาสนใจผมได้ยังไง ผมไม่ใช่ผู้ชายอ้อนแอ้นบอบบางอะไร ถึงจะสูงไม่เท่าคุณไฟ แต่ก็สูงอยู่ในระดับมาตรฐาน สูง 175 นี่ก็ไม่ถือว่าตัวเล็กมั้ง ผิวก็ไม่ได้ขาวจัดเพราะไปช่วยลุงเชิดทำสวนบ่อยๆ กล้ามเนื้อก็พอมีตามประสาคนทำงานหนัก หน้าตาก็ออกจะธรรมดาๆ แต่เพื่อนมันเคยบอกว่าผมสีน้ำตาล และตาสีน้ำตาลอ่อนที่ได้มาจากแม่ทำให้หน้าดูอ่อนโยน น่าเข้าใกล้
ส่วนคุณไฟสูงเกือบ 190 ได้ ผมสีดำขลับ นัยน์ตาดำวาววับ ผิวขาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางที่ชอบเม้มแน่นตลอดเวลา รูปร่างดีเพราะชอบออกกำลังกาย จัดว่าเป็นคนหล่อมากๆ คนหนึ่งเลย การันตีได้จากคู่ควงหลายคนที่เปลี่ยนบ่อยจนผมจำหน้าไม่ได้ และจากสายตาสาวๆ กลุ่มอื่นๆ ที่ลอบมองและทอดสายตามาบ่อยๆ เสียแต่ชอบมองคนเหยียดๆ ท่าทางไว้ตัวเข้าถึงยาก ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ฟังเพลงไปก็ขำไป มีผู้ชายตัวควายๆ ร้องเพลงจีบ นี่กูควรอายไหม ถามใจดู ถ้าน่ารักอย่างน้องญาญ่าก็ว่าไปอย่าง ผมไม่ได้ถือสาอะไรหรอกครับ เพื่อนที่ชอบผู้ชายก็รู้จักหลายคน แต่ละคนนิสัยดี เป็นคนดี แค่รสนิยมไม่เหมือนคนอื่นเท่านั้นเอง ปล่อยให้พี่แกจีบไป ถ้าผมไม่เล่นด้วย เดี๋ยวพี่แกก็เลิกไปเอง มีแค่คุณไฟนี่แหละ ที่นั่งตาขวาง ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ข้างๆ จนผมต้องแตะแขนปรามๆ กลัวท่านอาละวาดจริงๆ ครับบอกตรงๆ
ผมเข้าใจว่าคุณไฟน่าจะหวงผม เพราะคุณไฟเป็นคนหวงของ ผมที่โตมาด้วยกันก็คงเป็นเหมือนสมบัติอย่างหนึ่งที่คุณไฟหวงก็เป็นได้
พอเริ่มดึกก็แยกย้ายกันไปนอนในเต็นท์ที่ตั้งกระจายอยู่รอบๆ ผมนอนกับคุณไฟสองคน ผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนอยู่ในเต็นท์เดียวกันก็ทำให้เต็นท์แคบไปถนัดตา อากาศหนาวๆ นี่อบอุ่นขึ้นมาเลยครับ กำลังเคลิ้มๆ จะหลับ แต่คุณไฟพลิกไปพลิกมาจนผมอดจะถามทั้งที่สะลึมสะลือไม่ได้
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณไฟ”
“นอนไม่หลับ”
“อึดอัดรึเปล่าครับ ให้ผมไปนอนที่อื่นไหม”
“ไม่” คุณไฟตอบกลับมาทันควัน เสียงดังจนผมเผลอยกมือปิดปากไว้ คุณไฟจับมือผมไว้แล้วมองตานิ่งๆ ในความมืด ผมถอนหายใจก่อนจะปล่อยมือออก
“ไปดูดาวกันไหม” ผมทำหน้าประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าคำถามนี้จะออกมาจากปากคนตรงหน้า
“ได้สิครับ” ผมตอบรับ เพราะถ้าคุณไฟนอนไม่หลับ ผมก็คงจะนอนไม่หลับไปด้วย เราสองคนจึงออกมานั่งที่หน้าเต็นท์แล้วแหงนมองดาวที่ดารดาษเต็มท้องฟ้า
“สวยนะ” เสียงของคนข้างๆ ทำให้ผมประหลาดใจได้อีกครั้ง จนต้องหันไปมองหน้ายิ้มๆ
“อะไร” เจ้าตัวคงรู้สึกว่าถูกมองจึงหันมาถามเสียงเขียว ผมหัวเราะเบาๆ
“วันนี้คุณไฟแปลกๆ”
“แปลกตรงไหน ฉันก็เป็นแบบนี้ปกติ” ผมหัวเราะขำอย่างไม่เกรงใจ
“ไม่รู้สิครับ ดูคุณไฟโรแมนติกแปลกๆ”
“พูดมาก เงียบไปเลย” พอเงียบไปสักพักคุณไฟก็ถามมาใหม่
“ไปเรียนด้วยกันไม่ได้เหรอ” ผมถอนหายใจ ตอบทั้งที่ยังแหงนมองดาว
“เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมให้ไม่ได้ครับคุณไฟ เรื่องเรียนมันคืออนาคตของผม มันเป็นสิ่งที่ผมจะต้องอยู่กับมันไปจนตลอดชีวิต ผมอยากอยู่กับสิ่งที่ผมรัก มันจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่าต้องฝืนใจ คุณไฟเข้าใจไหมครับ” คนข้างๆ เงียบไป ผมหันไปมองแล้วถามด้วยความห่วงใย
“แล้วคุณไฟล่ะครับ แน่ใจแล้วเหรอว่าจะเรียนในสายที่คุณหญิงต้องการ แน่ใจไหมครับว่าคุณไฟจะมีความสุข” คุณไฟหันมาสบตากับผม แล้วถามกลับ
“ฉันเลือกได้เหรอ” ฟังแล้วหัวใจหนักอึ้ง เพราะรู้บทสรุปของเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ถึงคุณไฟจะดื้อรั้น เอาแต่ใจขนาดไหน มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเหมือนกันที่คุณหญิงอินทิราไม่ยอมลงให้คุณไฟ เธอทำทุกวิถีทางทั้งอ้อนวอน ทั้งขู่ ทั้งบังคับจนคุณไฟต้องยอมแพ้ เรานั่งกันอยู่เงียบๆ สักพักผมก็ชวนคุณไฟเข้านอน เพราะโดนน้ำค้างนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา
พอรุ่งเช้า แต่ละคนก็แยกย้ายกันทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเดิม ผมรู้สึกเพลียเล็กน้อย เพราะเก็บสิ่งที่คุยกับคุณไฟไปคิดจนนอนไม่หลับ พอๆ กับคุณไฟที่ตื่นมาขอบตาคล้ำคู่กันเหมือนช่วงช่วงกับหลินฮุ่ย พอกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมในช่วงเช้าคือเดินไปน้ำตกและส่องนกในป่ากัน โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง ผมเตรียมของบางอย่างใส่เป้สะพายหลังไป ทั้งน้ำ มีดพก ไฟแช็ค ไฟฉาย ยาแก้ไข้ แก้แพ้ แก้ปวดท้อง ฯลฯ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนู กับเสื้อผ้าเผื่อเปลี่ยนอีกคนละชุด เผื่อนั่นเผื่อนี่จนเต็มกระเป๋าเท่าที่จะแบกไหวและไม่เป็นภาระมากนัก? (เอิ่ม...)
ระหว่างเดินป่า เราก็พยายามคุยกันเบาๆ เพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ พี่นนท์ก็เดินมาอยู่ใกล้ๆ แล้วคอยเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟังเป็นระยะ พอคุยกับคนคอเดียวกันมันก็อดจะลืมตัวไม่ได้ บางทีพอกระซิบเสียงเบาไปก็เงี่ยหูฟังจนหัวแทบจะโขกกัน คุณไฟก็กระตุกเป้จนแทบจะหงายเงิบทุกครั้ง ได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ผมโคตรมีความสุขเลยครับ รู้สึกผ่อนคลายและเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ของสังคมเมือง ผมถึงชอบหนีมาเที่ยวป่ากับเพื่อนๆ ประจำ
เราเดินไปไม่ไกลนึกก็ถึงน้ำตกแต่ละคนถอดเสื้อผ้าแล้วลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน พอเจอน้ำเย็นๆ คุณไฟก็ดูอารมณ์ดีขึ้น ยิ้มง่ายขึ้นจนสาวๆ มาล้อมหน้าล้อมหลัง ผมยืนมองขำๆ ระหว่างนั้นพี่นนท์ก็เข้ามาใกล้ๆ แล้วถามขึ้น
“น้องดิน พี่ถามจริงๆ เถอะ” ผมหันไปมองหน้าพี่นนท์แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงให้พูดต่อได้เลย
“น้องดินกับน้องไฟนี่เป็นแฟนกันเหรอ” ผมขำพรืด แล้วอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมเป็นแค่เด็กรับใช้ในบ้านของคุณไฟ พี่ดูยังไงว่าเราเป็นแฟนกัน แค่คิดก็ขนลุกแล้วเนี่ย” ผมลูบแขนประกอบคำพูดไปด้วย
“ก็ดูน้องสองคนสนิทกัน แล้วน้องไฟก็หวงน้องดินมาก” ผมยิ้มๆ แล้วหันไปมองคุณไฟที่อยู่ท่ามกลางสาวๆ
“พอดีเราโตมาด้วยกันครับ ก็เลยดูสนิทกัน คุณไฟมีแฟนแล้วครับ” หลายคนด้วย เจอแต่ละทีไม่เคยซ้ำหน้าอีกต่างหาก อันนี้คิดในใจ หันมามองพี่นนท์ก็เห็นยิ้มหน้าบาน อ่า ผมคิดผิดรึเปล่าครับที่พูดความจริงออกไป
“ว่าแต่... ผมอยากรู้ว่าคุณไฟมารู้จักกับพี่นนท์ได้ยังไงครับ เพื่อนคุณไฟทุกคนผมรู้จักดี ผมมั่นใจว่าไม่เคยเจอพี่นนท์มาก่อนแน่ๆ” ผมรีบตัดบทก่อนที่จะโดนจีบอีก
“อ๋อ นี่น้องไฟไม่ได้บอกน้องดินเหรอว่า...”
“ดิน!” พอหันไปมองก็เห็นคุณไฟมองมาตาเขียว คุณไฟว่ายมาหาผม แล้วลากขึ้นไปกินบนบก เอ๊ย! ลากขึ้นบก อดเลยครับ อดเล่นน้ำต่อ แต่ไม่เป็นไร แช่น้ำนานๆ ก็ไม่ดีต่อสุขภาพ กัดฟันพูดมากครับ บอกตรงๆ
คุณไฟกัดฟันกรอดๆ จนผมเป็นห่วงว่าฟันจะสึก แต่ก็ไม่ออกฤทธิ์เดชอะไรนอกจากจับข้อมือผมจนแน่นจนผมนิ่วหน้า ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกไป ให้คุณไฟได้ระบายอารมณ์กับผมดีกว่าให้ระเบิดกับคนอื่น
ขากลับคุณไฟจับแขนผมเดินด้วยสีหน้าบูดสนิท แผ่รังสีอำมหิตจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ คนที่อยู่ในรัศมีเงียบกริบจนแทบจะได้ยินเสียงนกร้อง นี่ถ้าปล่อยมือออก ข้อมือผมคงเป็นรอยนิ้วมือแน่นอน
พอไปถึงที่พักก็แยกย้ายกันเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ระหว่างที่คุณไฟไปเข้าห้องน้ำอยู่พี่นนท์ก็เดินมาหาผม ผมอดจะถอนหายใจไม่ได้ ยังไม่เข็ดอีกนะพี่
“คือ พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“ได้สิครับ” คงถึงเวลาต้องพูดกันอย่างจริงจังซะที
“ไปคุยกันตรงนั้นไหม” พี่นนท์เดินนำผมไปอีกฝั่งที่เงียบๆ หน่อย ผมเดินตามไปโดยที่ยังสะพายเป้ไว้ข้างหลัง เพราะขี้เกียจวาง อีกอย่างผมเก็บของใกล้จะเสร็จแล้ว จะได้รีบกลับบ้านกันซะที
“ดิน คือ พี่บอกตรงๆ เลยนะ ว่าพี่ชอบดิน ถึงจะเจอกันเวลาสั้นๆ แต่พี่ก็มั่นใจว่าชอบจนอยากจะใช้เวลาในการทำความรู้จักกับดินให้มากกว่านี้ พี่ขอโอกาสได้ไหม” พูดจบก็จ้องหน้าผมนิ่งๆ อย่างจริงจัง จนผมต้องถอนหายใจอีกรอบ
“ผมก็ขอบอกตรงๆ ว่าผมคิดกับพี่แค่พี่ชายครับ ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องปฏิเสธพี่ แต่ผมไม่อยากให้พี่มาเสียเวลากับผม ผมขอโทษด้วยนะครับ” พูดจบผมก็ก้มหัวขอโทษพี่นนท์ไป
“เฮ้อ! ถึงทำใจไว้บ้างแล้ว แต่ก็อดใจหายไม่ได้ว่ะ แต่ก็ขอบคุณที่พูดตรงๆ งั้นถ้าพี่ขอติดต่อในฐานะของพี่ชายจะได้ไหม ดินรังเกียจรึเปล่า” พี่นนท์ฝืนยิ้มให้แล้วยื่นมือมาให้ผม ผมยื่นมือไปจับแล้วเขย่า
“ได้สิครับ พี่ชาย” พี่นนท์ดึงผมมากอดโดยไม่ให้ตั้งตัวแล้วขยี้ผมหนักๆ อย่างมันเขี้ยวจนผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน
“โอ๊ย! เบาๆ สิครับ เดี๋ยวผมเสียทรงหมด” แล้วเราก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะถูกดึงออกจากอ้อมกอดพี่นนท์ แล้วพี่นนท์ก็โดนต่อยจนล้มลง
“พี่นนท์!” ผมร้องด้วยความตกใจ พอเห็นคุณไฟจะไปซ้ำ ก็รีบไปรั้งแขนคุณไฟไว้
“คุณไฟ หยุด! คุณไฟไปทำร้ายพี่เขาทำไม”
“ห่วงมันนักรึไง ชอบมันรึไง ฮะ!” คุณไฟจับไหล่ผมเขย่าจนหัวคลอน ก่อนจะผลักจนล้มลง แล้วเดินหนีไป พี่นนท์ลุกมาพยุงผมลุกขึ้น ผมรู้สึกแสบหัวเข่าเพราะตอนล้มคงไปครูดกับก้อนหินเข้า
“ไม่เป็นไรครับพี่นนท์ ผมขอตามไปดูคุณไฟก่อน ตรงนั้นมันจุดอันตรายนี่ครับ” พูดจบก็รีบตามไปโดยไม่ได้ฟังคำตอบจากพี่นนท์
“คุณไฟครับ คุณไฟหยุดก่อน ตรงนั้นมันอันตราย” ผมวิ่งไปทันแล้วดึงแขนคุณไฟไว้ คุณไฟสะบัดออกทันที
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน จะไปไหนก็ไป ถ้าห่วงมันมากจะไปหามันก็ไป”
“คุณไฟเป็นอะไรครับ” ผมถามด้วยความงงจริงๆ พักนี้คุณไฟอาการแปลกๆ จนผมตามไม่ทัน
“นายชอบมันรึเปล่า” ด้วยความมึนผมยังไม่ทันตอบคุณไฟก็จับผมเขย่าอีกรอบ
“ฉันถามว่านายชอบมันรึเปล่า! ตอบมาสิ ตอบ!!!”
“โอ๊ย! คุณไฟหยุดก่อนผมมึน ไม่ชอบครับ ผมไม่ได้ชอบพี่นนท์”
“โกหก! แล้วไปอยู่ใกล้มันทำไม ให้มันกอดทำไม จะให้ท่ามันใช่ไหม ทำไมใจง่ายอย่างนี้!”
“คุณไฟ!” ผมชักจะโมโหกับคำพูดที่พูดอะไรไม่คิด
“ทำไม ฉันพูดแทงใจดำล่ะสิ” สีหน้าคุณไฟตอนนี้กวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างที่สุด นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงได้ฟาดกันไปสักตั้งแล้ว
“คุณไฟ! พูดอะไรนึกถึงใจคนฟังบ้างสิครับ กับผมไม่เป็นไร ถ้าพูดกับคนอื่นนี่เป็นเรื่องเลยนะ คุณไฟหัดคุมอารมณ์บ้างสิ ต่อไปจะอยู่ในสังคมยังไง?”
“ทำไมฉันต้องแคร์ สังคมอะไรฉันไม่ต้องการ ฉันอยู่คนเดียวได้ นายมันก็แค่คนใช้ ไม่ต้องมาสั่งสอน คิดว่าฉันต้องง้อนายรึไง จะไปไหนก็ไป คนอย่างนายฉันไม่ต้องการ!” ผมยืนอึ้งกับคำพูดที่ได้ยิน จนคุณไฟเดินไปข้างหน้า ผมใจหายวาบ เมื่อเห็นป้ายจุดอันตรายอยู่ข้างหน้า
“คุณไฟระวัง!” ผมรีบไปคว้าแขนคุณไฟไว้ แล้วคุณไฟเผลอสะบัดแขน ผมรู้สึกวูบโหวง เมื่อเท้าเหยียบตะไคร่น้ำลื่นจนเสียหลักบวกกับเป้ที่อยู่ข้างหลังรั้งไว้ทำให้เสียการทรงตัวจนหงายหลังลงไป
“เฮ้ย!” พอได้ยินเสียงอุทานคุณไฟหันมาทันที ผมเห็นสีหน้าคุณไฟตกใจสุดขีดก่อนจะรีบเอื้อมมือมาจะคว้ามือผมไว้ ชั่วขณะที่มือจะสัมผัสกัน ผมนึกขึ้นได้ว่าถ้ารั้งไว้จะต้องตกไปทั้งคู่แน่ๆ ผมเลยกำมือไว้ เอ่ยคำลา แล้วยิ้มให้อย่างปลอบโยน ถือเป็นการทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับทุกคน ปกป้องคุณไฟไว้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปล่อยให้ร่างร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่าง แล้วหลับตายอมรับกับความตายที่กำลังจะมาเยือน
“ดิน! ม่ายยยยยยยยยยย!!!”
*******************************
บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่สายดราม่าค่า อาจจะเครียดๆ นิดหน่อยตอนปูเรื่อง (คนเขียนนี่แหละเครียด ถถถ)
ต่อไปคงไม่เครียดแล้ว... มั้งคะ แหะๆ ใครจะรู้ว่าตัวละครจะพาไปทางไหน จริงไหม (ถามใคร?)
ฝากน้องดินของเราไว้ด้วยนะคะ
แค่แวะมาอ่านบ้าง เม้นท์หน่อยก็ดีใจมากแล้วค่ะ
ขอบคุณค่า
ส่วนอันนี้น้องกีฏะลูกชายคนแรก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58101.0