ธรณีครวญ
ตอนที่ 14
โลกแห่งความจริงของหม่อน
คิดต่างเรื่องราวที่ผ่านนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งในอีกมุมมองที่อยากจะสะท้อนและเกิดขึ้นในชีวิตของเด็กหนุ่ม ทุกอย่าง
ที่เล่ากล่าวมาเสร็จสัพนั้น มันจบลงแล้ว ท่ามกลางความฝันที่อยากลองคิดฝันเมื่อคืน บนเตียงนอนสุดแสนจะอ่อนนุ่มและน่า
สัมผัสกลับปรากฏร่างของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องแห่งนี้กำลังนอนคลุกอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา แสงตะวันที่โผล่พ้นบนขอบ
ฟ้านั้นสาดส่องเข้าที่กระจกหน้าต่าง ทำให้หนึ่งชีวิตค่อยๆตื่นจากการหลับใหล
“หม่อนตื่นได้แล้วลูก!” เสียงร้องตะโกนดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง ค่อยๆรู้สึกตัวตื่นจากห้วงแห่งการพักผ่อน
อะไรกันนี่
เช้าแล้วอย่างนั้นหรอ?
“อืมมมมมมมมม อือออออออ” เด็กหนุ่มในวัย 23 ปีกับความงัวเงียหลังตื่นนอนนั้นไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว
ใช่แล้วความเป็นจริงก็คือผมอายุ 23 ปี ผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อเดชและแม่พร เจ้าของโรงแรมขนาดใหญ่กลาง
กรุง แต่ดูเหมือนตอนนี้เรื่องราวที่ผมอุตส่าห์มโนแต่งขึ้นในความฝันนั้น ผมคงต้องหยุดเอาไว้ก่อน เพราะในฝันฉากสุดท้ายคือผม
ตายไปแล้วนะสิ แย่ยังเลยที่ต้องตื่นมารับรู้ความจริง ที่คุณจะพูดไม่ออกเลยทีเดียว อย่าเพิ่งมองว่าผมเป็นพวกบ้าคิดไม่ปกติล่ะ
แต่มันอดคิดมุมมองชีวิตอีกด้านไม่ไหวนี่นา หากชีวิตของผมไมได้เศร้าโศกเลย แต่ความจริงผมมีความสุขมาก สุขจนล้นเกินจริง
ต่างหาก ไม่เชื่อก็ลองดู
“หม่อน ตื่นเถอะลูกพ่อ! เดี๋ยวไม่ทันไปทำงานพอดี”
รอยจูบจากริมฝีปากหนาประทับลงที่หน้าผากผมแบบนี้ทุกเช้า จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณพ่อเดชของผมเองล่ะครับ
“คุณพ่อ! หม่อนขออีก 2 นาทีไม่ได้หรอครับ”
“ไมได้ครับ เพราะพี่หมอนพมานั่งรออยู่ด้านล่างแล้ว เดี๋ยวสายเข้างานพี่เขานะ พี่นพต้องรีบไปโรงพยาบาลดูแลคนไข้อีกรู้ไหม?”
“ก็ให้พี่หมอไปทำงานก่อนเลยสิครับ” ผมไมได้ต้องการจะสื่อความไม่มีเยื่อใยนะ แต่ผมไม่มีความเป็นส่วนตัวของผมต่างหาก
อยากรู้ก็ตามไปดูเลย
“ได้ไงล่ะวันนี้วันศุกร์เป็นเวรของพี่หมอนพที่มารับเรานะ”
“วันศุกร์อีกแล้วหรอครับ”
“ไม่เอาน่าคนดี พี่นพจะรอนานแล้วนะลูกไปอาบน้ำเร็วเข้า”
“ก็ได้ครับ” ร่างบางลุกจากเตียงด้วยความขี้เกียจ ไม่มีหรอกนะหม่อนคนเดิมที่อยู่ในฝัน มีแต่หม่อนในชีวิตจริงนี้ต่างหาก ผมออก
จะดื้อรั้นไม่ยอมใครเท่าไหร่ เพราะเป็นลูกคนเดียวไงล่ะ
คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ แต่ชีวิตผมเหมือนจะน่ารักกิ๊กก๊อกดีจริงใช่ไหมล่ะ จะมีใครเข้าใจผมบ้างว่าการมีแฟน ไม่สิต้อง
เรียกว่า สามี ถึงจะถูก มาทีเดียวเลย 5 คนมันช่างเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน ทั้งเหนื่อยใจและเหนื่อยกับเรื่องบนเตียงสัปดาห์หนึ่ง
ผมจะมีเวลาพักประตูหลังได้ 2 วัน นอกนั้นที่เหลือก็แทบเลี่ยงไมได้ที่บ่นไม่ใช่ไม่รักพวกเขานะ แต่เพราะมีสามีเยอะแบบนี้ไงผม
ถึงได้ล้าตัวอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียวล่ะ
วันจันทร์เป็นพี่บอร์นลูกชายพันตำรวจเอกกับคุณหญิงผู้แสนดีไม่เห็นร้ายเหมือนที่ผมฝันเอาไว้ก่อนหน้าแม้แต่น้อย
ทั้งคุณพ่อคุณแม่พี่บอร์นรักและเอ็นดูผมมาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ส่วนรายนั้นนะจองวันจันทร์ของผมตลอดชีวิตเลยก็
ว่าได้ พอถึงวันนี้เข้าหน่อย ผมนี่ขยับไปไหนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
วันอังคารนะหรอไม่ได้แตกต่างเลยจากวันจันทร์ ต้องเอาใจคนคนนี้ให้ดีทุกอย่าง ก็แน่ล่ะถ้าดูแลน้อยกว่าสามีทั้ง 4
คนผมนั่นแหละโดนหนักแน่ โดนอะไรนะหรอไม่ต้องเดายากหรอก เรื่องบนเตียงไงล่ะ พ่อเลี้ยงกรผู้ซาดิส ได้ยินชื่อนี้ผมแทบจะ
หาใจติดขัด ไม่ได้ดีอะไรเลยในฝันของผม ออกจากหึงหวงเกินเหตุด้วยซ้ำ
ส่วนวันพุธหรอพี่นนท์ไง หนุ่มที่แต่งตัวเนียบตลอดเพราะที่บ้านรวยมากมาย ไม่ได้ร้ายหรือเป็นคนไม่ดีเหมือนในฝัน
ที่ผมแอบสร้างคาแรกเตอร์ให้ บางทีผมก็คิดนะว่าทำไมถึงได้มาชอบเขาทั้งๆที่เป็นผู้ชายร่างบาง ผิวขาว ปากชมพู ทายาท
โรงแรมกลางเมืองแค่นี้เอง? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
วันพฤหัสบดีนี่สิ ดีมาหน่อยพี่ชัยมีความอ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกันก็เอาแต่ออดอ้อนอยากมีลูก จนได้แม่อุ้มครรภ์
จนได้ ก็คลอดออกมาจากการใช้อสุจิของผมกับพี่ชัยผสมกันนั่นแหละ แล้วตั้งชื่อว่า เปียงยาง น่ารักดีไหมล่ะ ผมเองแหละที่คิด
ริเริ่มชื่อนี้ ตอนนี้ก็คงจะหลับปุ๋ยอยู่ห้องของแม่ผมนั่นแหละ วัยกำลังซุกซนเลยทีเดียว
เป็นไงล่ะห้าวันมหัศจรรย์แห่งรักของผม มีใครอยากจะมาเป็นผมบ้างไหม ขอมือหน่อย ผมอยากจะลาออกจากชีวิต
ตัวเองชั่วคราว นี่แหละเป็นสาเหตุให้ผมอยากจินตนาการคนรักแต่ละคนให้ดูตรงข้ามไปเลยและเป้นไปได้ให้หายๆไปจากชีวิต
ของผมได้ยิ่งดี (ประชดนะ) แต่ก็แค่ชั่ววินาทีเดียวแหละที่คิดแบบนี้ มันเบื่ออ่ะ แต่ไม่ใช่ไม่รักนะ แต่ผมคนเดียวต้องเอาใจทั้ง 5
คนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ มีที่ไหนกันให้คนร่างบาง ตัวเล็กแบบผมเอาใจดูแล แทนที่จะเป็นห้าสิงห์หนุ่มที่ดูแมนกว่า เข้มแข็งกว่า
คอยดูแลผมจะดีกว่าล่ะไม่ว่า เฮ้อออ คิดมาแล้วก็ต้องถอนหายใจแรงๆ
แต่ไม่หรอก เชื่อไหมล่ะ สุดหล่อทั้งห้ามีความหล่อเป็นอาวุธเลือกคู่ได้ตามใจ แต่พวกเขากลับเลือกและมีผมคนเดียว
สงสัยละสิว่าเสือห้าตัว เอ้ย ห้าคนอยู่ร่วมถ้ำเดียวกันได้อย่างไร จริงๆก็ไม่ได้หรอกครับ ไม่ถูกกันอย่างหนักและอย่างแรง ผมถึง
ได้แบ่งวันแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนไม่อย่างนั้นนะ เฮ้อ ไม่อยากคิด!
คุณพ่อเดชและคุณแม่พรก็ช่างใจดี ใจกว้าง เป็นพ่อแม่มหัศจรรย์แห่งโลกยุคใหม่ ผู้ทันสมัย พูดไปก็เหมือนรักผม แต่ดู
สิตั้งแต่ได้สามีมา 5 คนแล้ว ตอนนี้ผมเหมือนถูกทิ้งก็มิปาน ดูเกรงใจและรักลูกเขยทั้งห้ามากกว่าลูกแท้ๆของตัวเองอีก ยิ่ง
เปียงยางแล้วไปกันใหญ่เลย ทั้งโอ๋ทั้งรัก แย่แล้วนี่ผมกำลังอิจฉาลูกตัวเองหรอ? ไม่สิๆ สลัดความคิดเดี๋ยวนี้หม่อน!
“สวัสดีครับพี่หมอ” ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว พร้อมทำงาน ผมต้องไปที่โรงแรมกลางเมือง แต่จริงๆผมไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่เพราะ
เพิ่งจะจบจากต่างประเทศมาหมาดๆทางด้านนี้ ผมเลยถูกทั้งพ่อแม่และบรรดาสามีทั้งหลายขู่เข็นให้ไปเรียนรู้งานให้ได้ ถ้าฝึก
คล่องเมื่อไหร่ งานใหม่จะมาทันที
นั่นคือไปทำหน้าที่เป็นพ่อเลี้ยงอีกคนที่บ้านไร่ปากช่องคู่กับพ่อเลี้ยงกรเป็นเวลาสองเดือน โอ้แม่เจ้า แล้วอย่างนี้ผมก็
ต้องถูก กด ขี่ ข่ม ขย่ม บนเตียงร่มเป็นเวลาสองเดือนเลยหรอ สะเทือนใจจัง
“หม่อนแต่งตัวแบบนี้แล้วน่ารักจังเลยครับ”
นั่นไงประโยคแรกที่ชื่นชมสำหรับเช้าวันศุกร์ พร้อมประกายในแววตาระยิบระยับทีเดียว
“ลูกตื่นยังหม่อน?”
แหนะทักทายกันยังไม่ถึง 2 ประโยคถามหาไอ้ตัวเล็กซะแล้ว คืองี้ครับถึงผมจะมีลูกกับพี่ชัยเป็นคนแรก แต่บรรดาสามีที่น่ารัก
ชอบคิดว่าเป็นลูกตัวเองทั้งนั้น เพราะอะไรนะหรอ เพราะว่า 25% ของพันธุกรรมในตัวเปียงยางนั้นคือของผมเอง แค่หนึ่งส่วนสี่
เท่านั้นนะ แต่พวกเขากลับเหมารวมว่าเป็นลูกผมกับพวกเขาไปเสียแล้ว
“ก็ยังไม่ตื่นครับ ไปเถอะพี่หมอ! เดี๋ยวสาย”
“คุณพ่อหม่อน คุณพ่อนพ จะไปแล้วหรอครับ ลืมอะไรรึเปล่า?”
นั่นไงๆ เสียงแจ้วๆลงมาจากบันไดอย่างเร็ว มีใครว่ากันนะว่าเด็กวัยเพียง 4 ขวบ 5 ขวบนี้นอกจากความน่ารักมีมีให้เห็น
อยู่แล้วแต่แฝงไปด้วยความรู้ทันและเก่งเกินกว่าเพื่อนวัยเดียวในโรงเรียนจะรู้ทันกันเสียอีก เหมือนใครกันนะเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้
อ้อนึกออกแล้ว…พ่อเลี้ยงกรไง เดี๋ยวเปียงยางไม่มีพันธุกรรมของพ่อเลี้ยงกรนี่นา นี่สงสัยจะอยู่ใกล้พ่อเลี้ยงกรมากเกินไปเสียแล้ว
ล่ะสิ
“ครับๆ มาให้พ่อนพหอมแก้มหน่อยเร็วเข้า”
“ฟอดดดด ชื่นใจจังเลย” หมอนพทำน้ำเสียงร่าเริงและดีใจมากทีเดียว
“พ่อหม่อน ทำไมไม่หอมแก้มน้องเปียงเลยครับ” ตัวเล็กทวงเอาหน้าตาเฉยพร้อมกับยืนกอดอกอย่างไม่พอใจ ให้ผมด้วย ได้
แบบนี้ตลอดสิลูกพ่อ!
“ฟอดดดดดด อย่าดื้อนะคนเก่ง ไปโรงเรียนแล้วเดี๋ยวตอนเย็นพ่อกับพ่อนพจะไปรับนะครับ” ผมบอกลูก
“คร้าบบบบบบ ตั้งใจฝึกงานนะพ่อหม่อน”
“เปียงยางลูกกก พ่อไมได้อยู่ในช่วงฝึกงานครับ พ่อไปทำงานต่างหาก”
“ก็เหมือนกันแหละ ถ้าฝึกไม่ดี เปียงจะโทรไปหาพ่อกรที่ปากช่องแล้วให้พ่อกรทำโทษด้วย”
โถ่เอ้ยลูกรักจะทรยศพ่อไปถึงไหนกัน คิดมาแล้วปวดหัวจริงๆ นี่มีความรักให้กับพ่อหม่อนบ้างไหมเนี่ย!
“ไปแล้วนะตัวเล็ก ไว้พ่อนพไม่เหนื่อยและพร้อมเมื่อไหร่จะอ้อนพ่อหม่อนมีลูกอีกซักคนเป็นน้องของเปียงนะครับ”
“บ้าหรอพี่นพ ไม่เอาแล้ว คนเดียวก็ปวดหัวแล้วเนี่ย”
“พ่อหม่อน เปียงอยากมีน้องครับบบ”
นั่น! เป็นเรื่องเข้าแล้ว เออๆ ยังไงผมก็ไม่ได้ตั้งครรภ์เองหรอก ก็แค่ลูกแต่ละคนมีพันธุกรรมของเขา 25% เหมือนเดิมเท่านั้น
เองล่ะน่า
ทุกอย่างก็วนกันไปแบบนี้ จนกระทั่งเย็นวันเสาร์ทุกสัปดาห์ เป็นธรรมเนียมของบ้านผมเลยก็ว่าได้ อาหารมื้อเย็นชุดใหญ่ถูก
จัดขึ้น ทุกคนจะได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้านของผม โต๊ะยาวขนาดใหญ่ถูกพ่อเดชนั่งหัวโต๊ะ ขนาบ
ข้างด้านซ้ายเป็นแม่พร พี่บอร์น พี่นพ และพี่นนท์ ส่วนขนาบข้างด้านขวาคือผมกับเปียงยาง พ่อเลี้ยงกร และเถ้าแก่ชัย
มีวันนี้วันเดียวล่ะนะที่มาเจอกันแล้วบ้านไม่แตก เพราะเกรงใจพ่อเดชกับแม่พรกันทุกคนล่ะนะ ผมว่าผมก็ชอบนะบรรยากาศ
แบบนี้ อีกอย่างวันเสาร์อาทิตย์แบบนี้ผมก็อิสระด้วย ไม่ต้องคอยเจาะแจะกับสามีคนไหนคนหนึ่งในป่วนหัวใจ
แต่มองไปรอบๆโต๊ะสิ เหมือนครอบครัวใหญ่นั่งทานข้าว แต่ถ้าหากคุณเป็นผม คุณจะต้องทึ่งกับความสามารถของเรือน
ร่างและใบหน้าของผมที่ดึงดูดห้าสิงห์สุดหล่อจากทั่วทุกสารทิศให้มาเป็นลูกเขยของบ้านหลังนี้ได้ ให้ตายสิโรบิ้น!
“หม่อน ช่วงนี้มีใครเข้ามาคุยหรือสนใจหม่อนเพิ่มไหมลูก”
พรึบ!
ทันทีที่พ่อเดชเอ่ยถามกลางโต๊ะทานข้าว ห้าสิงห์หันขวับมาอย่างรวดเร็วมีทั้งมองแล้วหึง มองแล้วหวง มองแล้วงอน มองแล้ว
กำลังเศร้าใจ มองแล้วน้อยใจไปตามๆกัน โถ่พ่อครับถามอะไรออกมาผมแย่แล้วแน่ๆ แม้แต่ลูกชายสุดน่ารักของผมที่นั่งอยู่
ระหว่างขานั้นก็หันขวับเงยหน้ามองผมด้วยสายตาค้อนๆด้วยเช่นกัน
“มะ…ไม่ครับ ไม่มีเลยครับพ่อ ไม่อยากมีด้วย เท่านี้ก็….ก็พอแล้วเนอะ” ผมตัดสินใจบอกพ่อไป พร้อมๆกับหันไปยิ้มเจื่อนๆให้
บรรดาสามี และแววตาเหล่านั้นหลายคู่ก็กลับคืนสู่สภาพปกติ บางทีมีสามีเยอะนี่ก็น่ากลัวเหมือนกันเนอะ
“พ่อเดชครับ ผมอยากจะให้พ่อเดชออกความเห็นหน่อยครับ เปียงยางไม่มีน้องเลย ผมว่าจะอาสาปั้มลูกคนที่สองคุณพ่อจะว่ายัง
ไงครับ” พี่หมอนพไม่นะไม่ พูดออกมาจนได้ให้ได้อย่างนี้สิ นึกว่าพูดเล่นเสียอีก
“เฮ้ยไอ้หมอ ถ้าจะปั้ม ก็ทำทั้งหมดนี่เลย เหลือไว้แต่เถ้าแก่ชัยแล้วกัน เพราะเถ้าแก่มีลูกกับหม่อนแล้ว” พ่อเลี้ยงกรพูดจาโผงางอ
อกมาเลย
“เอาล่ะๆใจเย็นๆ พ่อว่าก็ดี อยากได้หลานเพิ่ม เอาเป็นว่าคราวนี้มีหลานทีเดียว 4 คนไปเลยดีไหม”
“พ่อครับ ผมต้องเสียน้ำ ถึง 4 ครั้งเลยนะ”
“ไม่หรอกหม่อน น้ำเดียวก็พอ แล้วเดี๋ยวพี่จะปรึกษากับเพื่อนๆพี่ให้คัดเลือกเอาตัวที่แข็งแรงที่สุด 4 ตัวมาผสมกับของพวกพี่ที่
เหลือแล้วกัน” หมอนพพยายามอธิบาย แต่ละคนดูหน้าตาตื่นเต้นอยากจะเป็นพ่อมือใหม่กันทั้งนั้น ผมจะว่าอะไรได้ล่ะ โอเคเอาก็
เอา
“เรื่องรีดน้ำปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง รับรองว่าผ่านมือฉันไป หม่อนต้องให้อสุจิที่แข็งแรงที่สุดแน่นอน”
พ่อเลี้ยงกรบอกพร้อมกับเอามือมาดอบกอดที่ไหล่ผม พลางทำแววตาเจ้าเล่ห์สุดๆ ให้ตายสิ
“ฮ่าๆ แม่ได้ยินไหมเราจะมีหลานกันถึง 5 คนเลยนะ คราวนี้พ่อขอลูกสาวสองคน และลูกชายอีก 2 คนแล้วกัน ส่วนใครอยากจะ
ได้ลูกชายหรือลูกสาวแบ่งกันดีๆ นี่คือโจทย์การบ้านของพวกลูกเขยนะ เรื่องนี้นพจัดการได้ไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“ไม่มีปัญหาครับคุณพ่อ เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ก้าวหน้ามาก คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ”
“ส่วนค่าใช้จ่ายครั้งนี้ผมจะออกให้หมดเลยครับเรื่องเงินทองปล่อยให้ผมทำดีกว่า” พี่นนท์พูดน้อยแต่พอพูดทีเหมือนจะแฝงว่าตัว
เขาเองก็แน่นอนไม่แพ้คนอื่นๆตลอดเวลา
**
สุดท้ายวันเวลาผ่านไปนานถึง 5 ปี บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยสมาชิกใหม่เพิ่มมาถึง 4 คนเปียงยางไม่มีทางเหงากลับมาจาก
โรงเรียนพี่ชายคนโตอย่างเขาก็มาดูแลน้องๆช่วยตากับยายเลยทีเดียว อยากรู้ไหมล่ะว่าลูกชายลูกสาวทั้ง 4 คนของผมชื่ออะไร
กันบ้าง
คนแรกเลยเป็นลูกสาว ลูกของผมกับพี่บอร์น หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู วัยห้าขวบชื่อว่าน้อง เปียโน
คนที่สองเป็นลูกชายตามจุดประสงค์ไม่ยอมท่าเดียวของพ่อเลี้ยงกร อยากได้ลูกชายไปสืบสานบ้านไร่ต่อในอนาคต ทีแรก
จะให้ลูกชายชื่อ ชนะศึก โห พ่อเลี้ยงตั้งชื่อให้คนกลัวไปไหม แต่พอผมเอ่ยปากบอกว่าถ้าอยากได้แบบแมนๆและศัตรูพ่ายแพ้
ผมขอเสนอ เก้าทัพ ไม่มีกว่าหรือ? สุดท้ายกลับกลายเป็นที่พอใจของพ่อเลี้ยงมาก ขอบคุณผมยกใหญ่ว่าเป็นชื่อเรียกที่เพราะ
และถูกใจเขามาก สรุปคือ เก้าทัพ
คนที่สามเป็นลูกสาว เรียบร้อย ขี้อาย เหมือนคุณพ่อนนท์ และเป็นหน้าที่ของผมอีกเพราะพี่นนท์ไม่ยอมตั้งชื่อเพราะอยากให้
ผมผู้เป็นสุดดวงใจของพี่นนท์ตั้งให้มากกว่า ผมก็ตั้งให้ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู ขอตั้งว่า ไออุ่น ก็แล้วกัน
คนสุดท้ายลูกชายสมใจของพี่หมอนพ รายนั้นบอกจะตั้งชื่อให้ลูกเอง ผมก็รอฟังชื่อนั้นนะ น้องเขาชื่อ คิมหันต์ แปลว่า
ฤดูร้อนร้อนแรงดีจริง แต่ก็น่ารักดีนะ
นี่คือชีวิตจริงของผม ที่ไม่ได้เศร้าโศกเหมือนกับที่อยากลองจินตนาการฝันชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง ชีวิตของผมมันสบายและ
มีความสุขมาก แต่ไม่ว่าจะในโลกความฝันจินตนาการหรือโลกแห่งความจริง ผมก็ยังเคารพและเทิดทูนพระแม่ธรณีเช่นเดิม พระ
แม่ผู้อุ้มชูชีวิตของเหล่าผู้คนให้มีที่อยู่ ที่กิน แก่มนุษย์ทั้งหลาย ถึงชีวิตจริงผมนั้นจะไมได้ทำให้พระแม่ธรณีต้องร่ำไห้สงสาร
เหมือนในความคิดจินตนาการของผม แต่พระแม่ธรณีก็ยังคงช่วยเหลือจุนเจือและโอบอ้อมอารีแก่เหล่าชีวิตสรรพสิ่งบนโลกนี้ต่อ
ไปไม่มีวันจบสิ้น
ขอบคุณชีวิตที่ทำให้ผมได้เกิดมามันวิเศษณ์ล้ำค่าที่สุดเลยทีเดียว ขอจบเรื่องเล่ามุมมองชีวิตอีกด้านในความฝันและความ
จริงบนโลกใบนี้ของผมไปพร้อมกับเพลงอกธรณี เพลงที่ซึ้งกินใจผมที่สุดเท่าที่ผมได้ยินมาเลยทีเดียว สุดท้ายนี้ต้องกล่าวคำ
ว่า…
ขอบคุณจริงๆที่สละเวลาอ่านเรื่องราวของผม
จากใจน้อยๆดวงนี้ที่ยังคงดำเนินต่อไปในโลกแห่งความจริง
หม่อนขอบคุณครับ
…เธออาจเป็นฟ้าล่องลอยคอยลิขิต กำหนดชะตาชีวิตของผู้คน
เมฆดำจ้องทำร้ายคงสะใจฟ้าเบื้องบน ไม่เคยปลอบโยนมีแต่ซ้ำเติม
…ผ่านร้อนหนาวกี่คราวก็ยังเหมือนเดิม ใจมันร่ำร้องหาความอบอุ่น
ไม่เคยได้จากฟ้าไม่มีเมตตาเจือจุน อาจเป็นเพราะฟ้าว่าไม่มีหัวใจ
…ก็คนเดินดินเสียใจต้องมีร้องไห้ พลั้งเผลอทำผิดไปใครตัดสิน
จะเก็บน้ำตาไว้ไปร้องไห้กับพื้นดิน แม่ธรณีได้ยินคงเข้าใจ
…อ้อมอกแม่นี้ยังคอยซับน้ำตา ให้ไหลพรั่งพรูออกมา ให้ความเศร้าจางหายไป
อกแม่นี้แม่ธรณีที่ยิ่งใหญ่ รองรับความทุกข์ไว้ ให้น้ำตาเหือดหายในพื้นดิน
อวสาน
แฮร่ๆๆๆๆๆ ตามพลอตเรื่องเป๊ะ! ขอบคุณที่ติดตามครับ นี่ไม่ยืดไม่ยาวอะไรเลยทั้งนั้น เอามาแต่เนื้อๆ น้ำไม่เอา เดี๋ยวจะ
ยาวกว่านี้ อิอิ บ้ายบายครับผม