ตอนที่๑๐
ราซีนหัวเราะเบาๆเมือมองคนตรงหน้าแสดงท่าทีว่าไม่ไว้ใจเขาอย่างชัดเจนพารัมขมวดคิ้วมุ่นมองมาอย่างสงสัยไม่มีท่าทีปิดบังสักนิด “ไม่พอใจอะไรขนาดนั้นล่ะยักษ์น้อย”
“ข้าชื่อพารัม” สะบัดเสียงตอบพลางมุ่ยหน้ามากกว่าเดิม เขาไม่ค่อยชอบราซีนเท่าไหร่ ดูเหมือนคนตรงหน้าจะรู้ทันไปเสียทุกอย่างแถมดูเจ้าเลห์ไม่น้อยเลยใบหน้าที่ดูจะยิ้มตลอดเวลาดูไม่น่าไว้ใจ
“ข้ารู้ พารัมสาวน้อยจากหมู่บ้านบันกุชายแดนติดกับเมืองแห่งเวทย์ ที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นยักษ์” ราซีนพูดก่อนเลิกคิ้วอย่างยียวนเมื่อพารัมมีท่าทีไม่พอใจ
“ท่านราซีนอย่ามาชวนพารัมทะเลาะอีกคนได้ไหม” ธันเตือนอย่างเหนื่อยใจ
“อ้าวธันนี่เจ้ากลายเป็นคนใจเย็นมีเหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่” ราซีนผละจากพารัมหันมามองธันอย่างเต็มตา ชายหนุ่มที่เคยเต็มไปด้วยความมุทะลุ ดูเงียบขรึมกว่าเดิมผมที่เคยตัดจนสั้นเกรียนเริ่มยาวลงมาระใบหน้าแววตาที่เคยแวววาวด้วยความถือดีตอนนี้ช่างหม่นหมอง ร่างสูงใหญ่ที่เคยเต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นดูผอมซูบลงจากครั้งสุดท้ายที่เขาเจอไม่น้อย “หรือว่าตั้งแต่โดนเธราหักอก” ราซีนจี้จุดก่อนหัวเราะราวสมใจเมื่อธันนั้นมีแสดงอาการไม่พอใจทันที “นี่ล่ะน้า แอบรักเมียเจ้านาย...อับอายไปถึงชาติหน้า”
พรึ๊บ!! ธันพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อราซีนทันที “หยุดวาจาสามหาวของเจ้าซะ!” ธันกัดฟันกรอด หากราซีนดูเหมือนไม่ใส่ใจหรือหวาดกลัวริมฝีปากบางเฉียบราวปีกนกนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มเฉือดเฉือน
“พอๆแล้วจะทะเลาะกันทำไม” กลายเป็นพารัมที่ต้องเข้ามาห้ามร่างบอบบางเข้ามาดึงธันให้ออกห่างราซีน ก่อนหันไปมองสหัสอย่างโมโหนิดๆที่ไม่คิดจะช่วยห้ามเลย เขาตัวเล็กกว่าสองคนนี้ตั้งเยอะกว่าจะแยกออกจากกันได้เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย
“ข้าอยากรู้แผนการพาตัวพารัมข้ามไปฝั่งโน้น” สหัสบอกออกมาเรียบๆ
“ก็รอให้มีงานรื่นเริงประจำสัปดาห์เหมือนที่อันราจัดประจำ วันนั้นจะพลุกพล่านไปด้วยพวกอมนุษย์ เราก็แค่พาเจ้ายักษ์น้อยข้ามไปฝั่งโน้น” ราซีนพูดง่ายๆ
“แล้วจะทำยังไงให้พารัมไม่กลายร่างเวลาอยู่ในป่าศักสิทธิ์ล่ะ” สหัสถาม
“อย่าลืมสิข้าน่ะ พรานค้าทาสนะ” ราซีนบอก “ปักษา มนุษย์ม้า หรือแม้กระทั้ง สิงห์รา ข้าก็เคยจับมาแล้ว ยาของพวกข้าน่ะ ขนาดมังกรยังกางปีกไม่ได้เมื่อโดนเข้าไป”
“หมายความว่าข้าจะต้องโดนวางยางั้นเหรอ” พารัมถามอย่างตกใจ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พารัมแบมือรับขวดแก้วขนาดเท่านิ้วโป้งมาถือไว้ภายในขวดนั้นมีน้ำมันสีอ่อนบรรจุอยู่เพียงเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่มอบมาให้อย่างไม่เข้าใจ
“ปกติข้าจะใส่ในกองไฟ เวลาใช้ดักจับพวกอมนุษย์ที่จับยากๆ มันก็จะมึนๆงงๆกลายร่างไม่ได้จะติดอยู่ในร่างมนุษย์ จนกว่าข้าจะให้ยาถอนพิษ” ราซีนบอกง่ายๆ “เจ้าแค่เปิดฝาออกสูดกลิ่นเพียงนิดเมื่อถึงเวลาเข้าเขตป่าศักสิทธิ์แค่นี้เจ้าก็จะไม่กลายร่างเป็นยักษ์แล้วล่ะ”
“แล้วมันไม่อันตรายเหรอ ข้าได้ยินมาว่ามันเหมือนสารเสพติด พวกเราอมนุษย์ที่โดนจับมาเป็นทาสหรือพวกลูกครึ่งมักโดนมอมเมาด้วยยาพวกนี้” พารัมถามอย่างกังวล
“คนละชนิดกันพารัม ยาพวกนั้นมันต้องกินเข้าไปพวกที่ใช้ส่วนมากจะเป็นพวกซ่องหรือบ่อนพนัน ถ้าแค่สูดดมเข้าไปเจ้าจะแค่มึนงง และติดอยู่ในร่างมนุษย์เท่านั้นที่พวกพรานค้าทาสนิยมใช้กันก็เพื่อจะได้จับพวกเจ้ามาขายได้ง่ายๆยังไงล่ะ” ธันอธิบายแม้ในใจจะนึกห่วงไม่น้อย
พารัมพยักหน้าน้อยๆแม้ในใจจะนึกกลัวไปหมดแต่อย่างไรเสียเขาคงถอยหลังไม่ได้แล้ว
“แล้วยาถอนพิษล่ะ” สหัสถาม
ราซีนหันไปมองสิงห์ราตรงหน้าก่อนหัวเราะ “อยู่ที่ข้าถึงเวลาข้าจะให้เจ้ายักษ์น้อยเอง”
“เอามาให้ข้า” สหัสบอกน้ำเสียงเรียบนิ่งหากท่าทางบ่งบอกว่าเริ่มไม่พอใจ
“ทำไมข้าต้องให้เจ้า”
“เพราะข้าไม่ไว้ใจเจ้า” สหัสบอกออกมาอย่างไม่ปิดบัง “อย่างไรเสียเจ้าก็คือพรานค้าทาส และข้าเชื่อว่ายักษ์คงทำเงินให้เจ้าได้ไม่น้อย ถ้าไม่เอายาถอนพิษมาให้ข้าก็ไสหัวกลับไปได้เลย” สหัสพูดอย่างไม่เกรงใจใบหน้างดงามนั้นไม่มีแววเกรงกลัวคนที่ครอบครองโซ่สายฟ้าแม้แต่น้อย
ราซีนเลิกคิ้ว ก่อนโยนถุงผ้าเล็กๆมาให้สหัส “ฉลาดนี่ ท่านแม่ทัพแต่เจ้าอาจลืมไปว่า สิงห์ราชั้นสูงแบบเจ้า ก็ราคาดีไม่น้อย”
“งั้นเจ้าก็คงลืมไปเหมือนกัน ว่าสิงห์ราแบบข้าฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆได้ในพริบตา” สหัสตอบออกไปอย่างไม่ยี่หร่ะ
“พอๆ อย่าทะเลาะกัน” เป็นพารัมอีกจนได้ที่ต้องปรามทั้งสองคน “ราซีนเมื่อไหร่ท่านจะเลิกหาเรื่องคนอื่นสักที” พารัมหันไปบ่นคนก่อเรื่องอย่างเหนื่อยใจ หากราซีนเพียงแค่หันหลังเดินจากไปก่อนหันมาบอกพารัมง่ายๆ “เจอกันพรุ่งนี้นะยักษ์น้อย”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิดข้างๆกองไฟที่ลุกโชนมีร่างของอมนุษย์ทั้งสามนั่งอยู่ หากไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาความเงียบสนิทที่ทำเอาเทมอึดอัดไม่น้อย
“ท่านพารัมไม่นอนหน่อนหรือ” เทมถามอออกไปอย่างจงใจทำลายความเงียบที่อึกอัดนี้
“ข้านอนไม่หลับ” พารัมบอก
“ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องเหนื่อยอีกเยอะ”เป็นสหัสที่เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พารัมมองผมสีเงินที่สะท้อนแสงไปนั้นอีกครั้งก่อนตัดสินใจลุกเข้าไปนอนตามคำบอกของสหัสและเทม
พารัมตบหมอนเบาๆก่อนจะเอนตัวลงนอนแล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบบางสิ่งที่วางอยู่ข้างหมอนกำไลอันน้อยที่ประดับด้วยหินหลากหลายสีดูแปลกตา โดยที่ไม่มีคนบอกพารัมรับรู้ได้ทันทีว่าคนที่นำมาวางไว้ตรงนี้คือใคร ดวงตาสองสีเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกองไฟด้านนอก ริมฝีปากบางแย้มยิ้มเบาๆก่อนจะสวมกำไลอันน้อยที่ข้อมือของตนพลางล้มตัวลงนอนอย่างน้อยคืนนี้เขาคงไม่ฝันร้ายแล้วสินะ
สายลมเย็นบางเบาที่โชยมากระทบใบหน้าเรียกรอยยิ้มเล็กๆของสิงห์ราผู้มีดวงตาสีเงินได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้หันไปมองสหัสก็รู้ว่าเจ้าของสายลมเย็นนี้กำลังมองมาที่เขา แม้อยากจะเอ่ยขอโทษแม้จะรู้สึกผิดมากแค่ไหนหากศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์นั้นกลับทำให้เขาเลือกที่จะนิ่งเฉย และหวังว่าของขวัญชิ้นนั้นจะแทนคำขอโทษของตนได้บ้างไม่มากก็น้อย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การเตรียมตัวสำหรับข้ามไปยังพาณานครดูจะเรียกความกังวลจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“ข้าจะไปรอท่านที่ชายแดนเมืองพาณา” เทมเอ่ยบอกกับพารัม “ร่างอมนุษย์ของข้าอ่อนแอและเป็นภาระ พวกเราไม่คุ้นชินกับการกลายร่างต่อหน้าผู้คนมากนัก ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนและไปรอรับท่านที่ชายแดนเมืองพาณา” เทมบอก
“แล้วเจ้าจะไปยังไงล่ะเทม” พารัมนึกเป็นห่วงแม้เขาจะรู้จักกับพรายตรงหน้าไม่กี่วัน หากก็นึกเอ็นดูไม่น้อย
“พวกพรายไปได้ทุกที่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” เทมบอกหากใบหน้าของเด็กชายนั้นดูกังวล “ยาของพวกพรานค้าทาสจะทำให้ท่านอ่อนแอ ท่านพารัมได้โปรดดูแลตัวเองด้วย”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พารัมเดินตามการจับจูงของสหัสไปเรื่อยๆ ร่างบอบบางสวมใส่เสื้อผ้าแสนธรรมดาดวงตาถูกคาดปิดด้วยผ้าสีเข้มผู้คนรอบตัวมีทั้งมนุษย์ลูกครึ่งและอมนุษย์มากมายจนพารัมแทบแยกกลิ่นไม่ออก ตอนนี้สหัสพาพารัมออกมายังงานรื่นเริงที่เมืองอันราจัดประจำทุกสัปดาห์ ทั้งสองจะแฝงตัวอยู่ในงานและเมื่อถึงเวลาดึกสงัดเมื่องานรื่นเริงสนุกถึงขีดสุดผู้คนเริ่มเมามาย ไม่มีใครสนใจใครเมื่อนั้นสหัสจะพาพารัมไปยังชายป่าศักสิทธิ์ที่ราซีนรออยู่
สหัสเลือกร้านที่อยู่ใกล้จุดนัดพบมากที่สุด สิงห์ราหนุ่มสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาสองสามอย่างหากเขาไม่แตะอาหารแม้แต่น้อย พารัมเองก็เลือกที่จะดื่มเพียงน้ำเท่านั้นเสียงดนตรีและการประลองที่ดังไปทั่วบริเวณช่างคึกคักสมเป็นงานรื่นเริง ร่างบอบบางข้างๆที่วันนี้ยังคงนิ่งเฉยกับเขาหากกำไลอันน้อยบนข้อมือบอบบางนั้นก็ทำให้สหัสวางใจได้ว่าพารัมโกรธเขาน้อยลงบ้างแล้ว
“อาหารไม่ถูกปากหรือท่าน” เสียงหวานๆที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของสหัสให้หันไปมองแล้วก็พบกับร่างอ้อนแอ้นของหญิงสาวที่สวมเสื้อผ้าแสนเชิญชวน ดวงตาสีเทาหรี่มองอย่าพิจารณา ก่อนกวาดมองร้านี่นั่งอีกครั้ง แม้จะเป็นร้านอาหารธรรมดาแต่บรรดาแขกที่มานั่งในร้านมักเป็นชายหนุ่มที่มาคนเดียว และทุกโต๊ะมักจะมีหญิงสาวของทางร้านให้บริการอย่างใกล้ชิด สหัสถอนกายใจร้านนี้คงมีบริการอย่างอื่นนอกจากอาหารสินะ เขานึกโทษตัวเองที่ไม่เลือกร้านให้ดีกว่านี้เพราะร้านแบบนี้ดูแล้วคงไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่นัก
“อร่อยดี” สหัสตอบอย่างขอไปที
“ข้ายังไม่เห็นท่านกินสักคำรู้ได้ยังไงว่าอร่อย” หญิงสาวยังคงไม่ละความพยายาม พลางพาร่างของตนลงมานั่งข้างๆสหัสอย่างออดอ้อน “ทานสักนิดสิท่าน อาหารของร้านเราอร่อยทุกอย่างเลยนะ” ประโยคที่ดูจะเน้นย้ำเสียเหลือเกินว่าอร่อย ทุกอย่างรวมทั้งตัวคนพูดด้วย
พารัมนั่งนิ่งฟังมาสักพักถึงกับเบ้ปากในคำพูดเชิญชวนนั้น ปากบางเบะออกอย่างหมั่นไส้นึกโมโหสหัสไม่น้อยที่พามานั่งที่ร้านแบบนี้
“พ่อหนุ่มน้อยคนนี้เป็นสหายท่านหรือ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างไม่ยอมลุกไปไหน มือบางหยิบของกินขึ้นป้อน สหัสอย่างถือวิสาสะไม่สนใจว่าจะเจ้าตัวปฏิเสธขนาดไหน
“ใช่” พารัมชิงบอกออกมาเอง คำตอบที่ทำเอาสหัสขมวดคิ้ว ปกติถ้าสถานการณ์แบบนี้พารัมต้องโมเมว่าเขาเป็นคนรักไปแล้ว
“ไม่ค่อยเห็นอมนุษย์เดินทางร่วมกับมนุษย์แบบนี้บ่อยนักยิ่งเป็นมนุษย์ที่ตาบอด อุ๊ยไม่ใช่สิ..มองไม่เห็นแบบนี้” น้ำเสียงนั้นช่างไร้ความจริงใจ มือเรียวเอื้อมมาแตะแขนพารัมก่อนจะเอนตัวมาใกล้ๆจนกลิ่นน้ำหอมฉุนๆลอยมาเข้าจมูก พลางซบศรีษะลงบนไหล่ของพารัมเบาๆ “ดูสิหน้าตาน่าเอ็นดู ผิวพรรณก็สวยราวหญิงสาวขนาดนี้ ถึงจะมองไม่เห็น แต่...ข้าไม่ถือนะ” เสียงกระซิบเบาๆนั้นเชิญชวนอย่างโจ่งแจ้ง
“พารัม” สหัสเรียกชื่อพารัมอย่างเตือนสติเมื่อรับรู้ได้ถึงสายลมร้อนระอุที่ผัดผ่านมาแม้แผ่วเบาราวสะกดกลั้นแต่ก็ไม่น่าไว้ใจนัก
พารัมเม้มปากแน่นมือบางกำเข้าหากันอย่างพยายามข่มอารมณ์ เขาจะไม่สร้างเรื่องอีกแล้ว พารัมคนนี้จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเพราะตนเองอีก
“ข้าอยากไปห้องน้ำ” พารัมบอกก่อนค่อยๆลุก อย่างช้าๆการถูกปิดตาทำให้เขาขยับตัวเองไม่ถนัดนัก
“เดี๋ยวข้าพาไป” สหัสบอกก่อนขยับหากหญิงสาวตรงหน้ากลับลุกขึ้นและเข้าไปพยุงพารัมเสียเอง “ข้าบริการเองท่านนั่งอยู่ตรงนี้เถอะ งานรื่นเริงมีสัปดาห์ละครั้งท่านสนุกให้พอใจเถอะ หนุ่มน้อยคนนี้ข้าดูแลให้เอง”
“ไม่ต้องข้าพาเขาไปเอง” สหัสบอกก่อนเข้าไปจับแขนอีกข้างของพารัมเอาไว้
“ไม่เป็นไร ท่านอยู่นี่ล่ะข้าให้นางพาไปได้” พารัมบอกก่อนดึงแขนออกจากการจับกุมของสหัส ยอมเดินตามการจับจูงของหญิงสาวแปลกหน้าไปห้องน้ำแต่โดยดี เขาไม่อยากเป็นภาระและก็ไม่อยากให้เป็นที่สงสัยหากจะต้องให้สหัสมาตัวติดกับเขาอยู่ตลอดเวลา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ถึงแล้ว ให้ข้าช่วยไหม” น้ำเสียงยั่วยวนพลางเบียดตัวเข้ามาหาพารัมมากขึ้น
“ไม่เป็นไร” พารัมบอกสั้นๆ ก่อนพยายามเบี่ยงตัวออกมาให้ห่าง
“ข้ารออยู่ตรงนี้เร็วๆนะหนุ่มหน้อย” เสียงหวานบอกก่อนส่งให้พารัมเข้าห้องน้ำไป
ทันทีที่มือเรียวคลำหากลอนประตูเจอและจัดการล๊อคมันจนเสร็จ พารัมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขารู้ว่าตัวเองกำลังอารมณ์ไม่ดี ร้านนี้คงจะเต็มไปด้วยผู้หญิงที่พร้อมจะให้ท่าสหัส แค่คิดความโมโหก็เริ่มก่อตัวเขาไม่ชอบอารมณ์หึงหวงแบบนี้แต่เขาก็ควบคุมมันไม่ค่อยได้นักมือเรียวค่อยๆดึงผ้าที่พันตาของตนออก พารัมเม้มปากอย่างชั่งใจมือบางล้วงเข้าไปในอกเสื้อของตนก่อนจะหยิบเอาขวดแก้วเล็กๆทีบรรจุยา ของพวกพรานค้าทาสเอาไว้ออกมา ตามแผนแล้วพารัมจะใช้ยานี้ก็ต่อเมื่อเริ่มเข้าเขตแดนของป่าศักสิทธิ์ เพราะนอกจากจะทำให้เขาติดอยู่ในร่างของมนุษย์แล้วยานี้ยังทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงอีกด้วย เสียงเฮฮาของงานรื่นเริงดังแววเข้ามาถึงในนี้ บ่งบอกว่าข้างนอกคงกำลังเต็มไปด้วยความครึกครื้นอีกไม่นานก็จะถึงเวลานัดกับราซีน แต่อยู่ดีๆประตูห้องน้ำกลับถูกเคาะเสียงดังติดๆกัน
“มีอะไร ข้ายังไม่เสร็จธุระ” พารัมตะโกนถามออกไป แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมามีเพียงเสียงเคาะประตูที่ดูจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนประตูไม้ตรงหน้าทำท่าจะหลุดออกมาให้ได้
“ข้าบอกว่ารอก่อนยังไงล่ะ” พารัมตะโกนบอกอีกครั้งก่อนจะรีบใช้ผ้าคาดตาของตนเอาไว้และเก็บขวดยาไว้ที่เดิมหากยังไม่ทันเรียบร้อย เสียงประตูที่พังเพราะแรงกระแทกนั้นก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของพารัมที่โดนชนจนล้มลงไปที่พื้นห้องน้ำอย่างแรง ขวดแก้วใบเล็กที่บรรจุยาของพวกพรานค้าทาสเอาไว้ตกลงบนพื้นแตกละเอียดพร้อมกับกลิ่นฉุนที่ลอยขึ้นมาเข้าจมูกของพารัมทันที ร่างบอบบางโดนกระชากให้ลุกขึ้น พารัมพยามกลั้นหายใจแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อตอนนี้ร่างกายของพารัมนั้นไร้เรี่ยวแรง มือเรียวพยายาสะบัดให้พ้นการจับกุมแต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเมื่อพารัมรู้สึกว่าตนเองนั้นถูกยกขึ้นพาดบ่าราวสิ่งของริมฝีปากบางพยายามจะร้องเรียกให้คนช่วยแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------
สหัสลุกขึ้นก่อนเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างเป็นกังวล ใบหน้างดงามขมวดมุ่นอย่างไม่เก็บอาการนานเกินไปแล้ว พารัมกับหญิงสาวคนนั้นหายไปด้วยกันนานเกินไป สหัสก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ตอนนี้ไม่มีใครใช้แม้แต่คนเดียว กระจกบานใหญ่ถูกติดไว้ฝั่งหนึ่ง พร้อมกับห้องน้ำที่ถูกซอยแยกเป็นสามห้องอยู่อีกฝั่งทุกอย่างดูปกติ ที่ไม่ปกติคือไม่มีคนใช้ห้องน้ำแม้แต่คนเดียวทั้งที่ทั้งร้านเต็มไปด้วยคนใช้บริการ
“พารัมเจ้าอยู่ไหน” สหัสร้องเรียกมือหนาผลักประตูห้องน้ำออกดูทีละห้อง เพื่อตามหาคนเจ้าอารมณ์ที่อยู่ดีๆก็หายไป
โครม!! เสียงบานประตูไม้หล่นลงมากองกับพื้นทันทีที่สหัสผลัก ดวงตาสีเทากวาดมองเข้าไปในห้องน้ำทันที เขาก้มลงเก็บเศษแก้วเล็กๆขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามันคือขวดยาที่ใช้สะกดพวกอมนุษย์
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พารัมเม้มปากแน่นเมื่อถูกโยนลงมาบนพื้นแข็งๆแบบไม่ใยดีสักนิด ตอนนี้เขาเหมือนคนป่วยอาการไร้เรี่ยวแรงแบบนี้มันทำให้เขาไม่สารมารถทำอะไรได้นอกจากขดตัวจากความเจ็บที่โดนกระแทกอย่างรุนแรง
“ได้มาแล้วเหรอ”
“ใช่...ผิวพรรณดีเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ถึงจะตาบอดแต่คงพอแทนกันได้”
“พวกชาวบ้านมันเริ่มระวังตัวกันมากขึ้น เด็กหนุ่มๆแบบที่นายท่านชอบก็หายากขึ้นทุกวัน พวกที่มาจากต่างเมืองก็หาดีๆไม่ค่อยได้”
“แล้วไปได้มาจากไหนล่ะ”
“ข้าได้ข่าวมาว่ามีเด็กหนุ่มรูปร่างผิวพรรณดีเดินทางมากับสิงห์รามีเรื่องกับเจ้าตัลลา พอไปถามไอ้ไมนานั่นมันก็ไม่ยอมบอกอะไร ข้านึกว่าจะเดินทางออกจากอันราไปแล้วแต่คนของข้าส่งข่าวมาว่าเห็นเดินเล่นอยู่ที่ตลาดเมื่อวันก่อนกับเด็กผู้ชายรูปร่างหน้าตาใช้ได้อีกคน เสียดายวันนี้ข้าได้ไอ้บอดนี่มาคนเดียว”
เสียงพูดคุโต้ตอบไปมาของชายหญิงคู่หนึ่งนั้นฟังดูแปลกประหลาด พารัมแกล้งทำเป็นนอนนิ่งราวหมดสติหากสมองกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆไปมา
“เด็กหนุ่มในอันรามักหายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย พวกชาวบ้านร้องเรียนเข้าไปในวังหลายครั้งกลับไม่เคยได้รับความสนใจ ตอนที่ไอ้ตันลาสนใจเจ้าข้าถึงเป็นห่วงยังไงล่ะ”
คำพูดของโซลาย้อนเข้ามาในความคิดทันที ถ้าอย่างนั้นคนที่จับเขามาก็คงไม่ใช่พวกอมนุษย์ที่คอยจะล่ายักษ์ ความลับที่เขาเป็นยักษ์ยังไม่แตก แต่กลับเป็นคนในเมืองอันราที่กำลังทำอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่รู้ ยังไม่ทันที่พารัมจะหาทางออกให้ตัวเองเขาก็โดนฉุดกระชากลากถูไปตามพื้นข้อมือถูกพันด้วยเชือกก่อนจะโดนน้ำเย็นๆราดลงมาพร้อมกับการขัดถูตามร่างกายราวถูกซักล้าง
“จะทำอะไรข้า” พารัมฝืนถามออกไปทั้งที่แทบจะไม่มีแรง พยายามดิ้นหนีแต่ก็สู้ไม่ได้
เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเตรียมพร้อมเพื่อที่จะต้องพบกับอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือผมก็ถูกตกแต่งใหม่หมด ผ้าคาดตาของเขาถูกดึงออกไป พารัมรีบหลับตาแน่นก่อนจะถูกมัดผ้าที่ดวงตาอีกครั้งด้วยผืนใหม่
“อย่าเอาน้ำหอมถูกๆมาพรมใส่ข้านะ” พารัมสะบัดเสียงใส่คนที่มาแต่งตัวให้ตนอย่างอารมณ์ไม่ดี ก่อนจะเม้มปากอย่างเหนื่อยอ่อนเป็นเพราะยาของพวกพรานค้าทาสแท้ๆที่ทำเอาเขาหมดแรงขัดขืนขนาดนี้
“ปากดีนักเดี๋ยวคืนนี้เจ้าจะรู้ว่านรกเป็นยังไงไอ้บอด” เสียงสตรีนางหนึ่งกระซิบที่ข้างหูของพารัม ก่อนผลักร่างของเขาอย่างแรง จนถลาไปข้างหน้าก่อนจะล้มลง มือเรียวแตะพื้นที่รอบตัวช้าๆก่อนสัมผัสกับความเย็นเยียบของซี่เหล็ก นี่เขาโดนจีบใส่กรงงั้นเหรอพารัมคิดในใจ
“เครื่องบูชายัญ พร้อมแล้ว” เสียงตะโกนก้องที่บ่งบอกว่าความตายเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้
#ยักษ์อ่อย มาแล้วค่าาาา ฝาก #ดวงใจรักขสะ ด้วยค่ะ