สวัสดีค่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี 2017 แล้ว ถือโอกาสนี้อวยพรวันปีใหม่เลยนะคะ ขอให้คนอ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ เจอสิ่งๆคนดีๆและเรื่องราวดีๆเข้ามาตลอดปีนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ต่อไปก็มาถึงตอนที่ 18 กันแล้ว หลายคนอาจจะเคืองถึงขั้นรำคาญและโมโหพิธาน ให้โอกาสเขาหน่อยค่ะ ฮ่าๆ ให้เวลาเขาสักนิด อย่าเพิ่งตัดรอนพิธานกันเลยค่ะ เชื่อว่าหลังจากอ่านตอนนี้ไปน่าจะรู้สึกดีๆกับพิธานไม่มากก็น้อยเนอะ อิอิ
อ่อ และมีข่าวจะแจ้งให้ทราบนะคะ อาทิตย์หน้างดนิยายนะคะ ขอพักผ่อนและปั่นเรื่องเพิ่มเติมเพราะสองอาทิตย์ที่ผ่านมาแอบอู้ถึงขั้นสันหลังยาว ปั่นตอนต่อไปได้น้อยมากกก ดังนั้นขอเวลาหน่อยนะคะ เจอกันอาทิตย์นู้นเลยค่ะ ขออภัยจริงๆนะคะ และเช่นเคยหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยนะคะ สุดท้าย ท้ายสุด ขอกำลังใจให้กันนะคะ รักค่ะ ไว้เจอกันนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 18 Stay.
All you have to do is stay a minute
ทั้งหมดที่ต้องทำแค่อยู่ต่ออีกนาที
Just take your time
ใช้เวลาสักนิด
The clock is ticking, so stay
นาฬิกากำลังเดิน อยู่กับฉันเถอะ
All you have to do is wait a second
ทั้งหมดที่ต้องทำแค่อยู่ต่ออีกสักนิด
Your hands on mine
มือเธอกุมมือของฉัน
The clock is ticking, so stay
นาฬิกากำลังเดิน อยู่กับฉันนะ
พระพายถูกลากมายังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก จากที่สัมผัสอารมณ์ในตอนนี้ของพิธานนั้นไม่ได้โกรธอะไรมากนักแต่เพียงแค่ไม่สบอารมณ์ที่โดนเก้าแหย่เสียมากกว่า เมื่อขึ้นรถมาพิธานก็รีบขับออกไปจากตรงนี้ทันที
ขับไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าจะไปหยุดอยู่ที่ไหน เพราะเส้นทางนั้นไม่ได้คุ้นตาเหมือนย่านของคอนโดพิธานเสียเท่าไหร่ นั่นทำให้พระพายต้องเอ่ยปากถามขึ้นมา
“จะไปที่ไหน?”
“อยากไปไหนล่ะ?” พิธานถามกลับ
“ไม่รู้เหมือนกัน” นั่นคือคำตอบ
“ไปนั่งรถเล่นกันหน่อยเป็นไง?”
“ก็ได้”
พิธานต้องการอย่างนั้นพระพายก็ได้แต่ทำตาม พิธานขับรถออกมาเรื่อยๆจนในที่สุดก็มาหยุดตรงถนนเส้นหนึ่งซึ่งใกล้กับสนามบิน เท่าที่พระพายเห็นน่าจะเป็นจุดชมเครื่องบินขึ้นลงซึ่งเคยได้ยินผ่านๆ ไม่คิดว่าจะอยู่ใกล้และบรรยากาศดีขนาดนี้
แสงไฟสีเหลืองนวลส่องแสงสว่าง และความกว้างของรันเวย์สนามบินที่ดูยาวไกลเมื่อได้ทอดมอง พิธานจอดรถและกดปุ่มเปิดหลังคารถออกกลายเป็นรถเปิดประทุนในทันที ลมเย็นๆพัดเอื่อยๆไม่ได้แรงมากนักแต่ก็พอรู้สึกถึงความเย็นนั้นได้
พระพายเองก็ไม่อาจจะเข้าใจว่าพิธานพามาที่นี่ทำไม เพราะโดยปกติแล้วพิธานจะต้องพาไปที่ห้องเพื่อทำเรื่องอย่างว่าเสียมากกว่า แต่ครั้งนี้กลับแปลกไปไม่ได้พาไปยังคอนโดแต่กลับพามานั่งรถเล่นอยู่อย่างนี้
ทั้งสองนั่งเงียบๆมองดูเครื่องบินที่กำลังวิ่งอยู่บนรันเวย์จากนั้นก็เหินขึ้นฟ้าอย่างสวยงาม พิธานจดจ้องภาพนั้นอย่างเงียบๆโดยที่พระพายไม่อาจจะรู้ได้ว่าตอนนี้พิธานกำลังคิดอะไรอยู่ ใบหน้านิ่งๆราวกับกำลังขบคิดเรื่องอะไรสักอย่าง
“นายยังไม่มีแฟนใช่ไหม?” จู่ๆพิธานถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คิดอะไรถึงถามแบบนี้” พระพายถามกลับ
“แค่อยากรู้”
“ไม่มีหรอก” พระพายตอบไปเช่นนั้น
“แล้วตอนนี้กำลังชอบใครอยู่รึเปล่า?”
คำถามที่พิธานถามนั้นทำเอาพระพายเงียบกริบ จะให้บอกไปได้อย่างไรว่าตอนนี้กำลังแอบชอบคนที่ถามคำถามนี้อยู่ เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่บอกไปเด็ดขาด ความเงียบที่พระพายกำลังเป็นอยู่นั้นทำให้พิธานที่มองไปยังรันเวย์หันกลับมามองพระพายทันที
“เงียบไปแบบนี้แปลว่ามีสินะ” สายตาของพิธานดูนิ่งจนพระพายเผลอจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น
“ใช่รึเปล่า?” พิธานถามย้ำ ทำให้พระพายรีบหันหน้าหนีทันที
“ก็....มี” พระพายตอบเบาๆ พิธานที่ได้ยินคำตอบจึงดึงพระพายให้กลับมามองตน
“ไม่ใช่เก้าเพื่อนนายใช่ไหม?” พิธานถาม
“จะบ้ารึไง นั่นเพื่อน ไม่ได้คิดแบบนั้นกันสักหน่อย” พระพายส่ายหน้าพรืด
“แล้วเป็นใคร...เผื่อฉันอาจจะรู้จัก?” พิธานถามอีก พระพายนิ่งเงียบไปอีกครั้งก่อนตอบ
“ไม่หรอก คุณไม่รู้จัก” พระพายตอบได้เท่านี้
“เป็นผู้ชายแบบไหนกันที่นายชอบ” พิธานเอ่ยขึ้นราวกับถามตัวเอง
“เดี๋ยวนะ ทำไมคิดว่าต้องเป็นผู้ชายล่ะ?” พระพายถามพิธานอย่างเอาเรื่อง
“นายคิดว่าอย่างนายจะชอบผู้หญิงเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก
“ผมชอบผู้หญิง คุณคิดผิดแล้ว” พระพายเถียงกลับ พิธานมองทะลุปรุโปร่งเกินไปแล้ว
“หลอกตัวเองก็ได้เหรอ นายน่ะไม่มีทางไปชอบผู้หญิงได้แล้วล่ะ”
“มะ..ไม่ได้หลอก ผมชอบผู้หญิงจริงๆ” พระพายว่า
“ถ้าฉันทำอะไรนายตอนนี้ แล้วนายเคลิ้มตามแปลว่าที่นายบอกว่าชอบผู้หญิงคือเรื่องโกหก”
พูดจบพิธานดึงพระพายให้เข้าไปใกล้ๆ แน่นอนว่าพระพายพยายามดิ้นไม่ยินยอมให้ทำอะไรได้ง่ายๆขนาดนั้น แต่เมื่อสบสายตาที่จ้องมองมาพระพายกลับหยุดนิ่งทุกอย่างราวกับถูกสั่งให้หยุดต่อต้านด้วยสายตา พิธานค่อยๆโน้มตัวลงจูบริมฝีปากของพระพาย แค่เพียงเบาๆก่อนที่จะเลื่อนลงมายังลำคอพรมจูบอย่างแผ่วเบา นั่นทำเอาพระพายใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะมันช่างนุ่มนวลราวกับการแสดงความรักของคนที่เป็นคนรักกันก็ไม่ผิด นิ้วมือของพิธานลูบไล้ฝ่ามือของพระพาย ลงน้ำหนักบีบช้าๆ ลมหายใจอุ่นๆนั้นรดลงที่ซอกคอ พระพายได้แต่แหงนหน้าขึ้นเพื่อให้พิธานทำได้ถนัด แน่นอนว่าหากใครมาเห็นก็รู้ได้ในทันทีว่าท่าทีของพระพายนั้นเคลิบเคลิ้มและยินยอมรับต่อการกระทำของพิธาน
“เคลิ้มล่ะสิ” พิธานกระซิบเบาๆ พระพายได้สติทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“นิดเดียวหรอก” พระพายพูดแก้เก้อ โดยที่ได้ยินพิธานหัวเราะเบาๆ
“ยอมรับได้รึยังว่าไม่มีทางที่นายจะไปชอบผู้หญิงได้แล้ว”
“เรื่องแค่นี้มันตัดสินกันไม่ได้หรอก” พระพายยังคงไม่ยอมแพ้
“ต้องให้ฉันทำกับนายตรงนี้เลยไหม นายถึงจะยอมรับ”
“มะ..ไม่ทำ” พระพายร้องห้ามทันที พิธานยิ่งขยับเข้าไปใกล้ๆมากขึ้น
“ไงคนเก่ง ทำไมยอมเสียล่ะ” พิธานแกล้งถามพลางส่งสายตาวิบวับให้
“นี่มันบนรถนะ” พระพายพูดพลางหันซ้ายหันขวา
“จำเป็นต้องสนด้วยรึไง” ท่าทีเช่นนั้นทำเอาพระพายหวั่นใจ ต่อให้เป็นคนชอบเรื่องแบบนั้นแต่ก็ต้องดูสถานที่และกาลเทศะด้วย
“อยากไปห้องฉันก็ไม่บอก”
“นี่...เลิกล้อเล่นแบบนี้ได้แล้ว” พระพายร้องขึ้นมาอย่างเหลืออด ทำให้พิธานวางมือทันที
“แกล้งหน่อยก็ไม่ได้” พิธานว่าเช่นนั้นก่อนที่จะเอนตัวพิงเบาะที่นั่ง
“คืนนั้นที่ไปอาบอบนวด....ได้ทำอะไรไปบ้าง?” พิธานถาม
“มาถามอะไรป่านนี้?” พระพายถามกลับ ว่าทำไมถึงมาถามทั้งที่เรื่องมันผ่านมาหลายวันแล้ว
“ก็เพิ่งนึกขึ้นได้” พิธานว่า พระพายเหล่มองคนถามที่รอฟังคำตอบอยู่
“คิดว่าทำอะไรบ้างล่ะ อยู่กับผู้หญิงสองต่อสองน่ะ?” พระพายย้อน
“ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะทำ แต่ถ้าเป็นนายฉันคิดว่าไม่”
“ผมก็เป็นผู้ชายนะ อย่าลืมสิ” เหมือนถูกพิธานปรามาสอย่างบอกไม่ถูก
“แต่ผู้ชายที่ฉันสอนให้เสพติดรสชาติแบบนั้นไปแล้ว ไม่มีทางจะถอยกลับไปได้หรอก” พิธานว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปหาพระพาย เป็นสีหน้าที่มั่นใจและนั่นทำพระพายร้อนรนพอควร
“คิดเองเออเอง ใครจะไปติดใจกันล่ะ” ยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งเข้าตัวเองไปเรื่อยๆ
“ปากแข็งเหรอ แต่ตอนจูบทำไมมันนิ่มล่ะ?” พิธานว่าก่อนที่จะก้มลงจูบพระพาย
คราวนี้ไม่ใช่แค่แตะริมฝีปากแบบธรรมดาแต่เป็นจูบที่ชวนทำเอาพระพายหวิวในอก ลิ้นของพิธานค่อยๆรุกคืบเข้ามาในปาก พระพายหลับตาลงทำตามเสียงหัวใจที่ต้องการการสัมผัสจากคนตรงหน้า อยากให้แนบชิดอยากรับรู้ถึงลมหายใจที่กำลังรดรินอยู่ในขณะนี้
จูบกันเพียงได้ครู่หนึ่งพิธานก็ปรับเบาะของพระพายให้เอนลงพร้อมกับจูบที่รุนแรงขึ้น พระพายรู้ดีว่าตอนนี้เวลานี้มันไม่เหมาะสมที่จะทำเรื่องเหล่านี้ แต่ความรู้สึกกลับไหลไปไกลจนยากที่จะห้ามแล้ว ตอนนี้ต้องการแค่ให้พิธานทำอะไรมากกว่านี้เพียงเท่านั้น
พิธานที่รุกจูบหนักกลับเลือกที่จะหยุดลง นั่นเอาพระพายลืมตาขึ้นอย่างงุนงงที่จู่ๆอีกฝ่ายหยุดอย่างกะทันหัน พิธานปรับเบาะให้ตั้งตรงขึ้นก่อนที่จะสบตามองพระพายที่นั่งตัวตรงอย่างรู้สึกเก้อกระดาก
“อยากทำต่ออยู่หรอก แต่พรุ่งนี้นายต้องทำงาน เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”
พิธานว่าเช่นนั้นทำเอาพระพายยิ้มในใจเมื่อได้ยิน อย่างน้อยเจ้าตัวก็รู้ว่าสิ่งไหนควรและไม่ควร เกือบคิดไปแล้วว่าพิธานจะเป็นคนที่ยับยั้งชั่งใจไม่ได้แต่พระพายกลับคิดผิดเสียได้ มีแต่ตัวพระพายเองที่ทำท่าจะห้ามตัวเองไม่อยู่ เมื่อโดนพิธานรุกไล้มากขึ้นเรื่อยๆ
พระพายเองก็เลือกที่พิงเบาะที่นั่งของตนเองเช่นกัน มองไปยังข้างฝั่งรันเวย์ที่ตอนนี้มีเครื่องบินทำท่าจะขึ้นบินอีกลำ แต่พิธานนั้นไม่ได้มองไปที่เครื่องบินเลย แต่กลับมองมาที่พระพายแทน
“นายเคยคิดจะตกหลุมรักฉันรึเปล่า?”
พระพายละสายตาหันมามองพิธานที่นั่งอยู่ คำถามที่ไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่ถึงถามออกมาได้ คำถามนั้นจะลองใจหรือต้องการคำตอบจริงๆหรือไม่ ทำให้พระพายเงียบอย่างใช้ความคิดหนัก
“ตอบยากเหรอ?” พิธานถามอีก
“ไม่ยากหรอก แค่ไม่เข้าใจว่าจะถามทำไม?” พระพายว่า
“ก็แค่อยากรู้”
“ถ้าบอกว่าไม่ล่ะ?” พระพายถาม พลางจ้องมองดวงตาคู่นั้นที่สบมองมา
“ไม่เคยคิดหรือไม่มีทางจะคิด?”
“......”
พระพายเงียบไป พิธานเองก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนที่จะหันไปมองเครื่องบินที่กำลังเหินขึ้นฟ้าขึ้นไปอย่างสวยงาม มือของพิธานเลื่อนมากุมมือของพระพายไว้ ความอุ่นจางๆจากฝ่ามือนั้นสื่อถึงอะไรพระพายก็ไม่อาจจะรู้สึกได้ รู้แค่ว่าอยากหยุดเวลาตรงนี้ไว้นานๆ อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกสักหน่อย อยากให้นาฬิกาหยุดเดินสักนิด ขอให้ได้นั่งกันอยู่อย่างนี้เพื่อซึมซับเอาบรรยากาศที่พระพายเองก็ไม่อาจจะอธิบายว่ามันคืออะไร แต่สิ่งเดียวที่รับรู้ได้จากเสียงหัวใจของตนเองคือรู้สึกดีจนอยากจะหยุดเวลาไว้
นิ้วของพิธานเกลี่ยไปมาหลังมือของพระพายเบาๆ ทั้งสองไม่ได้มองหน้าสบตากัน ต่างคนต่างมองไปยังทิศทางอื่น ต่างคนต่างจมดิ่งกับความรู้สึกของตนเองโดยที่ไม่อาจจะพูดออกไปได้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนคิดอย่างไร
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ รู้แค่เพียงว่าอากาศเริ่มหนาวขึ้นกว่าตอนที่มาถึง พิธานมองนาฬิกาบนหน้าปัดรถ พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว
“พรุ่งนี้นายต้องไปทำงานใช่ไหม?” พิธานถามขึ้น
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นกลับเถอะ”
พิธานปล่อยมือที่จากพระพายก่อนที่จะปิดหลังคารถและขับออกไปจากตรงนี้ รถราน้อยลงพอสมควรทำให้พิธานขับรถได้เร็วขึ้น พิธานขับรถมาถึงที่พักของพระพายโดยที่พระพายได้แต่งงว่าพิธานรู้ได้อย่างไรว่าเขาพักอยู่ที่นี่
“รู้ได้ไง?” พระพายถามขึ้นทันทีที่รถจอดลง ซึ่งเป็นหน้าห้องพักของพระพายพอดิบพอดี
“คิดว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่รู้จะดีกว่า” พิธานว่า
“นี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม?” พระพายหันไปถามพิธานอย่างตั้งใจ
“เรื่อง?”
“คุณรู้ทุกเรื่องได้ยังไง ผมไปไหนกับใครแล้วเรื่องที่พักผมอีก” พระพายถาม
“ทำไมต้องอยากรู้ด้วย”
“ก็ถ้าคนส่งคนมาตามผม นั่นมันก็เกินไปและไม่น่าจะใช่”
“นั่นมันวิธีของไค ฉันไม่ชอบพึ่งคนอื่นแบบนั้น” พิธานว่า
“แล้ววิธีไหนล่ะ?”
“ต้องบอกด้วยเหรอ?” พิธานเลิกคิ้วถาม
“ต้องสิ นี่คุณกำลังคุกคามผมอยู่นะ” พระพายแหวใส่ทันที
“จนป่านนี้แล้วเกินกว่าคำว่าคุกคามแล้วล่ะ” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ นั่นแปลว่าไม่ยอมบอกแน่นอนว่าใช้วิธีไหนในการติดตามพระพาย
“จะไม่ยอมบอกจริงๆสินะ” พระพายถอนหายใจอย่างจำยอม
“ไม่บอก เพราะเดี๋ยวนายจะรู้ตัว”
“เอาที่คุณสบายใจเถอะ ถ้าอย่างนั้นผมไปแล้ว”
“เดี๋ยว....”
พิธานดึงพระพายที่ทำท่าจะลงจากรถไว้ก่อน ก่อนที่จะดึงพระพายเข้ามาจูบอีกครั้ง พระพายเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมวันนี้พิธานถึงชอบจูบเขาบ่อยเหลือเกิน จูบหลายต่อหลายครั้งจนเริ่มคิดว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่แน่นอนว่าพระพายไม่อาจจะได้รับคำตอบนั้นกลับมา พิธานจูบพระพายอยู่นาน จนตัวพระพายต้องบีบต้นแขนเชิงบอกให้หยุด
“ขอเข้าไปในห้องได้ไหม?” พิธานผละออกมาพลางเอ่ยถาม สายตาเป็นประกายเช่นนั้นทำให้พระพายรู้ดีว่าตอนนี้พิธานเองก็ต้องการเหมือนกัน
“แต่นี่ดึกแล้วนะ อีกอย่างพรุ่งนี้ผมต้องทำงาน” พระพายอ้อมแอ้มตอบ ใจหนึ่งก็อยากทำเพราะรู้สึกค้างตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ใจหนึ่งก็กลัวร่างกายจะไม่ไหวเพราะรู้ความต้องการที่มากมายของพิธานดีว่าจะไม่จบง่ายๆ
“แค่นิดเดียว เชื่อสิ” พิธานว่าพลางบีบมือพระพายเบาๆ พระพายเริ่มทำท่าจะใจอ่อน รู้สึกเกลียดตัวเองที่พ่ายแพ้ต้องคำพูด
ร้องขอของพิธานเหลือเกิน
“ถ้าคุณโกหก ครั้งต่อไปผมจะไม่ไปหาคุณ” พระพายรู้ดีว่าการต่อรองนั้นไม่อาจจะได้ผลกับพิธานผู้ซึ่งเอาตัวเองเป็นใหญ่อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ไม่อยากจะยินยอมอย่างง่ายดายต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันเสียหน่อย
“จะจบให้เร็วที่สุด” พิธานบอกเช่นนั้น พระพายมองหน้าพิธานอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า
พิธานเลื่อนรถมาจอดตรงบริเวณที่จอดรถก่อนที่จะเดินตามพระพายที่หิ้วอาหารเหลือจากร้านอาหารมาไปยังห้องพัก นี่เป็นครั้งแรกที่พิธานมาที่นี่และนี่เป็นครั้งแรกที่พระพายพาคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนมา แน่นอนว่าลุงที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบเอ่ยถามทันที
“พาเพื่อนมาเหรอ?”
“อ่อ ครับ” พระพายตอบไปเช่นนั้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปยังห้องพัก
ห้องพักของพระพายอยู่แค่ชั้นสอง พิธานเดินตามพร้อมมองรอบๆอย่างสนใจจนมาหยุดอยู่ที่ห้องสุดท้าย พระพายไขกุญแจเข้าไปเปิดไฟอย่างคนคุ้นทางแม้ว่าห้องจะมืดก็ตาม เมื่อไฟสว่างก็มองรอบๆห้องเห็น เป็นห้องที่น่าอยู่และดูพอดิบพอดีเข้ากับเจ้าของห้อง พิธานปรายตามองพิธานที่กำลังถอดรองเท้าและเดินไปยังเตียงนอน
“ห้องน่ารักดี” พิธานพูดพลางมองรอบๆห้องอีกครั้ง
“เทียบกับห้องคุณไม่ได้หรอก” พระพายนำอาหารทั้งหมดเข้าตู้เย็นและเทน้ำลงแก้วยื่นให้พิธาน พิธานรับมาก่อนที่จะดื่มเข้าไปจนหมด
พระพายเดินไปเก็บแก้วและเมื่อหันกลับมาพบว่าพิธานกำลังตบที่ที่นั่งข้างๆราวกับจะให้พระพายนั่งลง พระพายเดินไปนั่งตามความต้องการนั้น
เมื่อนั่งลงแล้วพิธานก็เริ่มจูบอย่างไม่รีรอ เพราะเชื่อว่าพิธานเองก็รู้สึกถึงความค้างคาจากเมื่อครู่นี้ พระพายจึงยอมรับจูบแต่โดยดีเพราะเวลาที่ตอนนี้เริ่มเดินไปข้างหน้าแล้ว พิธานเอนตัวลงบนเตียงและดึงให้พระพายนอนทับ
“ใช้ปากก็พอ” พิธานบอกเช่นนั้นก่อนที่จะจูบกันอีกครั้ง เสียงดูดดึงริมฝีปากดังขึ้นเบาก่อนที่พิธานจะผละออก
“หันหน้าไปที่ปลายเท้าฉันและหันหลังมา” พิธานสั่ง
“จะทำอะไร?” พระพายขมวดคิ้ว
“ก็ช่วยกันทำไง ถอดกางเกงด้วย” พิธานว่าเช่นนั้นพระพายจึงต้องลุกขึ้นแล้วทำตามที่พิธานสั่ง
พระพายกลับด้านหันมาไปทางเท้าของพิธาน ซึ่งใบหน้าของพระพายตอนนี้หยุดอยู่ตรงระหว่างขาของพิธานพอดี เมื่อเห็นถึงขั้นนี้ก็รู้ว่าสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คืออะไร
“รู้ใช่ไหมว่าต้องจัดการยังไง?”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร พระพายจึงปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของพิธานและงัดเอาส่วนนั้นออกมา ความรู้สึกนั้นไม่ต่างจากครั้งที่แล้วมากนักคือขนาดที่เห็นกี่ครั้งก็ยังไม่ชินกับกลิ่นความเป็นชายที่ทำเอารู้สึกใจแกว่ง ด้านพิธานนั้นเริ่มใช้ปากครอบครองส่วนนั้นของพระพายแล้ว ความรู้สึกอุ่นวาบตรงส่วนนั้นทันที พระพายจึงรีบก้มลงกระทำไม่ต่างจากที่พิธานทำให้ตน
ท่วงท่าที่ทั้งสองกำลังทำอยู่ หากใครมาเห็นเข้าคงจะรู้สึกวางตัวไม่ถูกเพราะช่างดูเร่าร้อนและลามกจนเกินกว่าจะทนมองได้นานนัก ศีรษะของพิธานที่ยกขึ้นตรงระหว่างขาของพระพายที่คุกเข่าคร่อมอยู่บนหน้าพร้อมๆกับที่หันศีรษะไปทางระหว่างขาของพิธานและใช้ริมฝีปากดุนดันอย่างเป็นจังหวะ มีบางครั้งที่ละออกแล้วแลบเลียถุงบอลนั้นด้วยปลายลิ้น ทั้งๆที่พระพายเคยทำแค่ครั้งเดียวแต่กลับจดจำและทำได้คล่องพอสมควร ทำเอาพิธานเริ่มใจสั่นเพราะพระพายที่เริ่มจะเก่งขึ้น
แต่ไม่ใช่แค่พระพายที่พิธานใจสั่นเท่านั้น พิธานเองก็ควบคุมทุกอย่างด้วยปลายลิ้นจนพระพายได้แต่ส่ายสะโพกไปมาเพราะความเสียวซ่าน ทั้งสองราวกลับต่างคนต่างรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้อีกฝ่ายอดรนทนไม่ไหวและต้องปลดปล่อยออก แม้จะนอนกันไม่กี่ครั้งแต่กลับรู้จุดอ่อนไหวของอีกฝ่ายได้อย่างดีเยี่ยม
“อื้อ....”
พระพายร้องขึ้นเมื่อพิธานเร่งจังหวะเร็วขึ้น พระพายจึงเอาความเสียวซ่านทั้งหมดไปลงกับส่วนกลางของพิธานที่คับแน่นเต็มปาก พระพายผงกหัวขึ้นลงอย่างรวดเร็วใช้มืออีกข้างค้ำไว้ข้างขาพิธานส่วนอีกข้างก็รูดรั้งส่วนโคนเพราะลำพังแค่ปากนั้นไม่สามารถครอบครองของพิธานได้หมด
ผ่านไปไม่นานมากนักพิธานก็ให้พระพายลุกขึ้นและตัวพิธานเองก็ลุกขึ้นเช่นกันและเลือกที่จะหันหน้าเข้าหากันพิธานยกขาให้พระพายชันเข่าและอ้าขากว้างๆ ก่อนที่จะใช้มือจับส่วนนั้นของพระพายและเร่งจังหวะมือให้เร็วขึ้น พระพายเองก็รู้งานว่าต้องทำเช่นกัน สายตาของพระพายเงยสบมองพิธาน สายตานั้นสบมองกันก่อนที่จะมีแรงดึงดูดให้ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มพร้อมกับมือที่ขยับอยู่ตลอดจากนั้นพิธานก็รวบแกนกลางของทั้งตนและพระพายมารูดรั้งพร้อมกัน การเสียดสีกับอีกฝ่ายนั้นรู้สึกจะวาบหวิวกว่าใช้มือให้กันเสียอีก
จวนเจียนมาถึงใกล้แตะสุดของความต้องการ พระพายปลดปล่อยออกมาใส่มือพิธานพอๆกับที่พิธานเองก็ปลดปล่อยออกมาเยอะเช่นกัน พระพายกระตุกกายเล็กๆ สายตาหวานเชื่อมทอดมองพิธานอย่างไม่ตั้งใจ
“อย่ายั่วกันสิ เดี๋ยวก็ไม่ได้จบแค่นี้หรอก”
พิธานว่าพลางใช้จมูกถูตรงหน้าผากของพระพายก่อนที่จะจูบเบาๆ ทั้งๆที่ทำเรื่องลามกไปเสร็จหมาดๆแต่พระพายกลับรู้สึกร้อนรุ่มเมื่อถูกพิธานจูบหน้าผาก ใจสั่นหวิววูบไหวไปทั้งกาย
ทั้งสองเอื้อมกระดาษชำระมาเช็ดทำความสะอาด ก่อนที่จะจัดการใส่เสื้อผ้าให้เข้าที่ พระพายมองนาฬิกาซึ่งตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว ถึงเวลาที่พิธานต้องกลับไปยังคอนโดของตัวเอง
“ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไม่ไหวหรอก” พิธานที่เดินออกมาถึงหน้าประตูหันกลับไปมองพระพายที่เดินตามไป
“ไม่ให้ไปส่งข้างล่างเหรอ?”
“ไม่ต้องหรอก ปิดประตูได้แล้ว”
“ก็ได้” พระพายว่าก่อนที่ปิดประตูแต่ไม่วายก็ยังจะแง้มประตูมองพิธานที่เดินออกไปแล้ว แต่พิธานกลับหันหลังกลับมาดูเช่นกัน
“เดี๋ยวถึงแล้วจะไลน์บอก” พิธานบอก นั่นทำให้พระพายอมยิ้มออกมา
“ขับรถดีๆนะ” พระพายพูดเท่านั้นก่อนที่จะรีบปิดประตูและวิ่งเข้าไปอาบน้ำ
อาบน้ำไปคิดถึงคำพูดของพิธานไป ไม่อยากคิดไปเองเลยจริงๆว่าตอนนี้ความรู้สึกมันเริ่มลึกซึ้งขึ้น ท่าทีของพิธาน คำพูดต่างๆที่ยิ่งฟังก็ยิ่งคิดไปไกล จะผิดมากไหมหากพระพายจะคิดเข้าข้างตัวเองเช่นนี้
อายน้ำด้วยความรวดเร็วและรีบมานอนรอบนเตียง จดจ่อกับโทรศัพท์มือถือเพื่อรอข้อความที่พิธานจะส่งมา พระพายจ้องอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปครึ่งชั่วโมงเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
“ถึงแล้ว ไปนอนได้แล้ว” นั่นคือข้อความของพิธานที่ราวกับรู้ว่าพระพายยังไม่ยอมนอน
“อืม” พระพายตอบไปสั้นๆก่อนจะลุกไปปิดไฟ เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ใต้หมอน นอนอมยิ้มอยู่อย่างนั้นจนหลับไป...
Lyrics: Stay by Zedd, Alessia Cara
++++++++++++++++++++++++++++