ตอนที่ 3
“เดี๋ยวนันกลับก่อนนะภาม อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”นันที่อยู่เป็นเพื่อนผมในช็อปไม้เป็นคนสุดท้ายถาม นี่มันก็เย็นมากแล้ว แต่ผมยังขัดไม้ที่จะต้องใช้ทำงานไม่เสร็จ เห็นนันมานั่งเป็นเพื่อนทั้งๆ ที่ของตัวเองเสร็จไปตั้งนานแล้วก็เกรงใจเลยต้องไล่ให้กลับไปก่อน
“อยู่ได้สินัน นี่มันคณะเรานะ อยู่มาจนเกือบปีแล้ว ลุงช็อปก็อยู่ มีอะไรทำไม่เป็นเดี๋ยวเขาก็มาช่วยภามเองแหละ”
“อือๆ งั้นนันไปก่อนนะ ถึงหอแล้วโทรมาบอกด้วย”นันสั่งเหมือนที่ทำบ่อยๆ วันไหนที่ต้องกลับหอมืดๆ หรือเย็นมากผมจะต้องโทรไปรายงานนันทุกครั้งที่ถึงหอ นึกแล้วก็เหมือนมีพ่ออีกคนหนึ่ง ไม่รู้จะห่วงผมไปไหน
“คร้าบๆ คุณพ่อ”ผมล้อเลียน นันหันมาเก็กหน้าโหดชี้หน้าคาดโทษผมก่อนที่จะหยิบกระเป๋าแบบของตัวเองแล้วเดินกลับหอ ปล่อยผมให้จัดการงานของตัวเองต่อไป
ผ่านมาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงงานของผมก็เสร็จ ผมเก็บชิ้นไม้ที่ขัดเป็นรูปทรงต่างๆ อย่างที่ต้องการเรียบร้อยแล้วใส่ถุงพลาสติกที่เตรียมมาแล้วหยิบกระเป๋าแบบเดินออกมาสู่ถนนเล็กๆ หน้าช็อป เย็นๆ อย่างนี้บรรยากาศที่คณะดีมากๆ ผมไหว้พระพรหมกับตึกทรงไทยที่ตั้งอยู่สองฟากฝั่งของถนนกะว่าจะไปซื้อน้ำในโรงอาหารดื่มก่อนกลับหอ จะได้สดชื่นขึ้นหน่อย
“อ้าว...ไอ้โมเดลห่วย”เสียงคุ้นหูทำให้ผมที่สะพายกระเป๋าแบบหนักแสนหนักหันหน้ากลับไปมอง อีกแล้ว...นึกว่าจะไม่ต้องเจอะต้องเจอกันแล้วเสียอีก นายวิดวะหันไปคุยอะไรสักอย่างกับผู้ชายอีกสองสามคนแล้วพวกนั้นก็วิ่งนำหน้าไปก่อน ส่วนเขาวิ่งถอยหลังกลับมาหาผม วันนี้เขาอยู่ในชุดนักกีฬารักบี้ดูเท่ไปอีกแบบ
“คุณคนเถื่อน”ผมทักเขาตอบเหมือนๆ กับที่เขาทักผม
“อย่ามากวนตีนๆ”นายวิดวะเริ่มจะพาล ตัวเองเริ่มก่อนแท้ๆ
“คุณควรสำรวมให้มากกว่านี้ ที่ตรงนี้เด็กถาปัดให้ความเคารพมาก”ผมบอกเขาดีๆ มองเลยไปที่ตึกทรงไทยที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหลังของเขา
“ไม่รู้ไม่เห็น คณะใครคณะมันสิ”เขาลอยหน้าลอยตาตอบ
“นั่นสิ แล้วเด็กวิดวะอย่างคุณมาร่อนอะไรอยู่ในถาปัดหล่ะ”เข้าทางผมผมเลยย้อนเข้าให้
“ก็มาวิ่งอยู่ทุกวัน ไม่เคยเห็นเลยเรอะ”
“แล้วผมจะมัวไปนั่งสังเกตคุณอยู่ทำไมหล่ะ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วผมไปก่อนนะ กระเป๋าแบบมันหนักมาก”ผมบอกแล้วหันตัวเดินกลับ
“เดี๋ยวๆ”นายวิดวะวิ่งมาดักหน้าผมแล้วดึงมือข้างที่ว่างออกไปแล้วยัดแบงค์ร้อยให้
“อะไรครับ?”ผมถามเขางงๆ อยู่ดีๆ เอาเงินมาให้เฉยเลย
“อยากกินกาแฟเย็น ไปซื้อให้หน่อย”เขาพยักเพยิดไปที่ร้านกาแฟที่ติดอยู่กับโรงอาหาร อะไรเนี่ย มารู้ได้ยังไงว่ามีร้านกาแฟอยู่ตรงนี้ ผมกำลังจะปฏิเสธและคืนเงินให้เขาไปแต่ดันถูกขัดขึ้นมาก่อน
“หยุดเลยๆ กูรู้ว่ามึงจะทำอะไร บอกให้ซื้อก็ไปซื้อเลย เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าขัดใจผู้ใหญ่”
“ใหญ่ตายหล่ะ”ผมประชดเข้าให้แล้วเดินไปซื้อกาแฟให้อย่างจำยอม นายนั่นก็เดินตามมานั่งรอที่ชิงช้าไม้ใต้ต้นไทรหน้าร้าน
“ก็ใหญ่กว่ามึงแล้วกัน”เสียงลอยๆ เหมือนไม่เจาะจงใครลอยมาจากคนที่นั่งอยู่บนชิงช้า ยังจะกวนได้อีกนะไอ้นี่หนิ
ไม่นานกาแฟปั่นใส่วิปครีมก็เสร็จ ผมเดินถือมาเสิร์ฟให้คุณชายนี่ถึงมือ แต่มันยังไม่วายบ่นกระปอดกระแปด
“ใครบอกให้ใส่วิปครีมวะเนี่ย กูกินซะที่ไหนหล่ะ”มันใช้ช้อนเขี่ยๆ วิปครีมที่ราดบนหน้ากาแฟแล้วหันมาหาเรื่องผม
“ก็ใครจะไปรู้ ปกติผมชอบกินแบบนี้”
“แล้วมึงกับกูนี่คนๆ เดียวกันรึไงไอ้สาด”
“ทีหลังก็บอกมาให้ละเอียดๆ สิ”ผมชักเริ่มโมโหแล้ว
“ตกลงกูผิดใช่ไหมเนี่ย”มันยังไม่ลดละ
“กับแค่กาแฟแก้วเดียวคุณยังมีปัญหากับมันได้เลยนะ”
“ก็กูไม่กินวิปครีมไอ้สาดดดดด”มันลากเสียงยาวกลัวแพ้ผมหล่ะมั้ง
“งั้นก็เอามานี่”ผมฉวยแก้วกาแฟจากมือเขาแล้วเปิดฝาออก ใช้หลอดตักวิปครีมเข้าปากตัวเองจนหมด เสร็จแล้วก็ปิดฝาเหมือนเดิมแล้วยัดคืนให้เขา
“เอ้าเอาไป”ผมกระแทกแก้วใส่มือนายวิดวะเรื่องมากที่ทำหน้าเหวอๆ กับการกระทำของผมแล้วคว้ากระเป๋าแบบขึ้นสะพายไหล่เดินหนีออกมาโดยไม่รอให้เขาตั้งตัวทัน ไม่กินก็กินให้เอง จะได้ไม่ต้องเรื่องมาก เฮอะ
“ภามเป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”พี่ป้องรีบวิ่งเข้ามาจับหน้าจับแขนผมเมื่อผมเข้าไปในช็อปรถในเช้าวันจันทร์ถัดมา
“อะไรครับพี่?”ผมงงๆ กับการกระทำของพี่ป้อง
“ก็วันนั้นที่ไอ้ยอร์ชมันลากเราออกไปน่ะ พี่ตกใจกันแทบแย่ มันบอกมันไม่ได้ทำอะไรภามแต่พี่อยากถามภามให้แน่ใจ”
“เขาก็ไม่ได้ทำอะไรภามนี่ครับ”
“เหรอ...งั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่วันนั้นเราหายไปไหนกับมันตั้งนานสองนาน”พี่ป้องถามด้วยความสงสัย
“เขาพาภามไปกินข้าวครับ เห็นบอกว่าหิว”
“เฮ้ย! พาเราไปกินข้าวเนี่ยนะ ก็ไหนตอนแรกจะพาไปชกไง”พี่ป้องถามหน้าเหวอๆ ออกอาการงงเมื่อได้รับคำตอบจากผม
“เขาบอกว่าไม่อยากรังแกเด็ก”ผมตอบ
“แปลกดี ปกติไอ้ยอร์ชมันเป็นคนพูดจริงทำจริง พูดอะไรไว้มันต้องทำให้ได้อย่างที่พูด แต่นี่พูดแล้วกลับไม่ทำแฮะ”
“หรือพี่อยากให้เขาชกผมจริงๆ?”ผมชักไม่แน่ใจในความคิดของพี่ป้อง ก็เล่นพูดออกมาซะอย่างนั้น
“เปล่าๆ โทษที พี่ว่าก็ดีแล้วแหละที่มันไม่ทำอะไรภาม ไอ้ยอร์ชมันบทจะขวางโลกก็ขวางเขาไปซะหมด เห็นอะไรน่าจะดีก็จะต้องเข้าไปขัดขอแค่ชนะเป็นพอ แต่ถ้าหากลองคบลองดูนิสัยมันดีๆ ละก็จะรู้ว่ามันเป็นคนดีต่างจากบุคลิกภายนอกที่แสดงออกกันคนละด้านเลย”
“คนอย่างนั้นเนี่ยนะดี”ผมเปรยลอยๆ แต่พี่ป้องได้แต่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
“พี่ป้อง...”ผมเรียกเมื่อนึกได้ว่ามีบางอย่างที่สงสัย และคิดว่าคนที่จะตอบได้ก็คือพี่ป้องนี่แหละ
“ว่าไง?”
“คือ...คือภามอยากรู้ว่าเพื่อนพี่คนนี้เค้ามีความหลังอะไรกับถาปัดหรือเปล่า คือ...”ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี
“ภามหมายถึงที่มันชอบด่าคณะภามอย่างโน้นอย่างนี้อะนะ?”พี่ป้องพูดได้ตรงใจผมเป๊ะเลย แต่ผมไม่รู้จะพูดมันออกไปยังไงก็เท่านั้น
“นั่นแหละพี่”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่น้องคนรองสุดที่รักของไอ้ยอร์ชมันเคยโดนหนุ่มถาปัดทิ้งน่ะ ไอ้คนเป็นพี่เลยร้อนรนไปตามประสา”พี่ป้องว่าแล้วหัวเราะแบบไม่คิดอะไร
จริงจัง
“คนอย่างนี้มีน้องกับเขาเป็นด้วยหรอพี่”ผมถามขำๆ นึกภาพสาวสวยแต่มีหน้าตาคล้ายนายยอร์ชคนนี้แล้วตลกดีพิลึก
“อ้าว! แล้วกัน ยอร์ชมันก็คนนะภาม ฮ่าๆๆๆๆ”พี่ป้องหัวเราะ
“ไอ้ตัวต้นเรื่องหัวแก้วหัวแหวนของพี่ชายมันก็เรียนอยู่ที่เดียวกับเรานี่ไง อยู่คณะไอทีแน่ะ แต่มันโตกว่าภามสักสองปีเห็นจะได้ ตอนนี้ก็ปีสามแล้ว”พี่ป้องยังอธิบายต่อ
“ถ้าภามอยู่กับมันไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจที่พี่พูดเองแหละ มันคงเอ็นดูที่ภามอายุพอๆ กับน้องคนเล็กมันน่ะถึงไม่ทำอะไรเรา ตอนนี้น้องคนเล็กมันเรียนไฮสคูลอยู่ที่อังกฤษเพราะตาของยอร์ชเขาเหงาอยากมีหลานมาอยู่ใกล้ๆ บ้าง คนเป็นพี่เคยอยู่ด้วยกันกับน้องก็คงเหงาเป็นธรรมดา”
“ผมคงไม่มีโอกาสได้อยู่กับเขาไปนานกว่านี้แล้วหละครับ ยังไงก็หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีก จะได้หมดเรื่องหมดราวกันไป”ผมบอกตัดบทแล้วขอตัวเดินเข้าไปหาอ๋องที่กำลังนั่งขัดโฟมทำบอดี้รถอยู่ด้านใน
“ไงภาม วันนี้มาช้าจัง”อ๋องทัก เขาเป็นเพื่อนของผมที่อยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย หลังจากจบมัธยมเราก็สอบได้ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่อยู่ต่างคณะ อ๋องสอบติดคณะวิศวะภาคพาวเวอร์หรือก็คือเป็นรุ่นน้องของพี่ป้องนั่นเอง อ๋องก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำให้ผมมองเด็กคณะเพื่อนบ้านดีขึ้นบ้าง ด้วยความที่รู้จักกันมาค่อนข้างนานเลยรู้นิสัยกันเป็นอย่างดี
“มาได้สักพักแล้วหล่ะ แต่ภามคุยกับพี่ป้องอยู่ ขอกระดาษทรายแผ่นนึงสิ เดี๋ยวภามช่วยขัด”ผมยื่นมือออกไปรับกระดาษทรายสีดำที่อ๋องส่งให้แล้วเริ่มลงมือขัดโฟมตามแบบที่ร่างไว้
“วันนี้พี่รหัสเราจะมาชวนไปกินข้าว ภามไปกับเรานะ พี่เขาใจดีมากเลย บอกว่าถ้ามีเพื่อนก็ชวนเพื่อนไปด้วยกันได้”อ๋องขัดโฟมไปก็หันมาชวนผมคุย
“เราว่าไม่ดีหรอก อยู่ก็อยู่กันคนละคณะ เกรงใจพี่เขาเปล่าๆ” ผมปฏิเสธไปตรงๆ เพราะเห็นว่ามันไม่เหมาะสม ถึงพี่ของอ๋องจะชวนก็เถอะ แต่เขาอาจจะชวนตามมารยาทก็ได้
“ไปเถอะนะภาม เราไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเลย มีแต่เพื่อนพี่เขาทั้งนั้น อีกอย่างเราเกร็งๆ ด้วยเพราะพี่รหัสคนนี้เป็นพี่ปีสี่แน่ะ ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันดีเลย”อ๋องอ้อนทำตาละห้อย
“เอาไว้ภามคิดดูอีกทีนะ”ผมหันไปบอกแล้วกลับมาจัดการขัดโฟมต่อเงียบๆ ไม่ได้คุยอะไรกันอีก อ๋องเห็นผมเงียบก็ตั้งใจทำงานบ้าง ปล่อยให้ผมตัดสินใจว่าจะไปดีหรือไม่
ทำงานกันไปจนถึงเวลาหนึ่งทุ่มทุกคนในช็อปก็เริ่มเก็บของเตรียมตัวกลับหอเพราะวันนี้ไม่มีงานอะไรที่ต้องทำแล้ว ผมกำลังเก็บอุปกรณ์เข้าที่อ๋องก็ขอตัวออกไปรับพี่รหัสหน้าช็อปก่อนแล้วให้ผมเดินตามออกไปทีหลัง หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เดินสะพายกระเป๋าเป้ออกมาที่หน้าช็อป เห็นอ๋องกำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายตัวสูงๆ คนหนึ่งที่ยืนหันหลังให้ผม ข้างๆ นั่นดูเหมือนจะเป็นพี่ป้อง
“นั่นไงพี่ เพื่อนผมมาแล้วครับ”อ๋องบอกผู้ชายที่ผมมองเห็นหน้าไม่ถนัดเมื่อมองเห็นผมเดินออกมา ผมสาวเท้าไปยังจุดหมายทันทีที่เห็นอ๋องเรียก
“ภามๆ มานี่”
“นี่ไงพี่รหัสเรา ชื่อพี่ยอร์ช พี่ยอร์ชครับนี่ภามเพื่อนอ๋องเอง อยู่ถาปัด”อ๋องแนะนำเมื่อเขาหันหน้ามาให้ผมเห็นได้ชัดๆ นายยอร์ชเจ้าเก่าเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นผม แต่ผมนี่สิยืนทำหน้าซังกะตายไปเรียบร้อยแล้ว
to be continue
เอ้ะ!! มันค้างอ้ะป่าวหว่า คงไม่ค้างหรอกเนอะ 555
_________________________________________________
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่นะคะ ดีใจจริงๆที่มีคนมารอเยอะขนาดนี้
แล้วก็ขอบคุณ n2 ที่แนะนำค่ะ คราวนี้ใส่หน้าให้แล้วนะ ^ ^
แล้วก็สำหรับคนที่ให้มาต่อยาวๆ ก็จะพยายามทำให้นะ แต่คงยาวมากไม่ได้
เดี๋ยวมันจะหมดสต้อกซะก่อน 5555