สวัสดีค่า มาต่อตอนที่ 20 แล้วนะคะ ไม่รู้จะพูดอะไร ฮ่าๆ เอาเป็นว่าไปอ่านล่ะกันเนอะ ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย ณ ตรงนี้เลยค่ะ อ่านแล้วให้กำลังใจกันด้วยนะคะ รักทุกคน รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 20 In my room.
Stuck in a limbo
งุนงงไปหมดแล้ว
Half hypnotized
ราวกับกึ่งโดนสะกดจิต
Each time I let you stay the night, stay the night
ทุกครั้งที่ผมยอมให้คุณมานอนด้วยในสักคืน
Up in the morning
เช้าขึ้นมา
Tangled in sheets
ก็นัวเนียกันในผ้าห่ม
We play the moment on repeat
และเราทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ยามสายของวันอาทิตย์มาเยือน ในขณะที่คนทั้งสองกำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นหรือลืมตาแต่อย่างใด ยังคงหลับใหลอย่างไม่อยากตื่นขึ้นมา แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือร้องขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่ของใครแต่เป็นของพระพายนั่นเอง
พระพายลุกขึ้นอย่างงัวเงียคลำหาโทรศัพท์มือถือทั้งที่ตายังปิด คว้ามันมาพลางหรี่ตาข้างเดียวมองว่าเป็นใครกันที่โทรมา พบว่าเป็นเก้านั่นเอง
“ฮัลโหล...” เสียงแหบๆงัวเงียของพระพายพูดขึ้น
“นี่มึงยังไม่ตื่นเหรอพาย”
“เพิ่งจะเช้าเองนะ” พระพายว่า
“เช้าบ้านมึงสิพาย นี่สิบโมงแล้ว” พระพายที่ได้ยินว่าสิบโมงจึงเริ่มลืมตาขึ้นมา
“อ้าวเหรอ แต่นี่วันหยุดนะมึง” พระพายว่า
“ก็เลยจะชวนมึงเที่ยวนี่แหละ”
“ไปไหน?” พระพายถาม ตอนนี้มีความรู้สึกขยุกขยิกอยู่ข้างๆ ลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อคืนพิธานมานอนด้วย ดูเหมือนพิธานจะเริ่มรู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงพระพายคุยกับเก้า
“กูจะถามอยู่นี่ไง ว่าจะไปไหนดี”
“เดี๋ยวกูค่อยโทรกลับไปนะ ขอเข้าห้องน้ำก่อน” พระพายบอก
“เออ อย่าช้านะมึง” เก้าบอกเท่านั้นก่อนจะวางไป
พระพายหันไปมองพิธานที่นอนหันหลังให้ สงสัยยังคงไม่อยากตื่นตอนนี้จึงลุกขึ้นไปห้องน้ำทำธุระนิดหน่อยจากนั้นก็เดินกลับมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนอย่างคนง่วงที่อยากสิงเตียงต่อแต่ก็คงไม่ได้เพราะมีนัดจะไปกับเก้า
พิธานลืมตามองพระพายที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ มือนั้นเอื้อมไปดึงโทรศัพท์มือถือของพระพายที่กำลังตกใจที่จู่ๆพิธานก็ดึงมันออกไป
“เดี๋ยว” พระพายร้องออกมา พิธานสอดโทรศัพท์มือถือไว้ใต้หมอนตัวเองก่อนที่จะดึงพระพายเข้ามากอดไว้
“จะทำอะไรเนี่ยะ” พระพายร้องถามเมื่อพิธานซุกใบหน้าลงหน้าอกของพระพาย
“จะไปไหน?” พิธานถามทั้งที่ยังกอดพระพายไว้อยู่
“ไปเที่ยว” พระพายตอบเช่นนั้น
“กับเก้าอีกแล้วเหรอ?”
“ก็มีเพื่อนอยู่เท่านี้” พระพายตอบ
“โทรกลับบอกว่าไม่ไป” พิธานว่า
“อะไรของคุณ ผมนัดกับเก้าแล้วนะ”
“บอกไปว่าไม่ว่างแล้ว”
“ผมว่างเหอะ” พระพายไม่ยอม
“ตอนนี้ไม่ว่างแล้ว เพราะนายต้องอยู่กับฉัน”
“นี่..เอาแต่ใจตัวเองไปแล้ว” พระพายร้องขึ้นพลางดันพิธานออก
“รู้อยู่แล้วยังจะพูดอีก” พิธานพูด
“ตื่นแล้วลุกได้แล้ว” พระพายว่า
“อยากนอน” พิธานว่าและแน่นอนว่าไม่ยอมปล่อยพระพายให้ลุกขึ้นเช่นกัน
“จะนอนอยู่อย่างนี้ทั้งวันไม่ได้นะ”
“ทำได้สิ” พิธานพูด ก่อนที่จะดันตัวเองให้อยู่ในระดับเดียวกับพระพายก่อนที่จะสบมองตานั้น จากที่พระพายพูดมากกลายเป็นเงียบโดยทันควัน
“ไม่พูดต่อล่ะ?” พิธานถาม
“ไม่” พระพายว่า
พิธานจ้องมองเข้าไป ลึกลงไปนัยน์ตาของพระพายก่อนที่จะประกบริมฝีปากลงอย่างนุ่มนวล แน่นอนว่าพระพายที่ตกใจกับการจู่โจมที่แสนจะอ่อนโยนนั้นก็เริ่มหลับตาลงรับจูบนั้นอย่างยินยอม เป็นจูบที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว
พิธานไม่ได้รุกล้ำเข้าไปมากกว่านี้ เพียงแค่ดูดดึงกลีบปากเบาๆราวกับหยอกล้อ เป็นการตื่นรับวันใหม่ที่ทำใจหวิวไปทั้งอก อาจจะเพราะเป็นความรู้สึกของพระพายที่เริ่มมีมากขึ้นทำให้ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นความสุขแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
จูบนั้นดำเนินไปเรื่อยๆราวกับไม่อยากจะหยุดอยู่แค่นั้น มือของพิธานลูบไล้แผ่นหลังของพระพายเบาๆก่อนที่จะดันพระพายเข้าหาตนให้มากกว่าเดิม เป็นจูบที่ลึกซึ้งเต็มไปด้วยบรรยากาศอะไรสักอย่างโดยที่พระพายไม่อาจจะอธิบายได้ มันดูฟุ้งๆเหมือนในวิดีโอเพลงรักที่พระพายเคยเห็นในทีวี
แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของพระพายดังขึ้นมาอีก พิธานจึงยอมหยุดและมองพระพายตาขวางคงหงุดหงิดที่มีคนโทรมาขัดจังหวะ พระพายที่เคลิ้มถึงกับชะงักและรีบล้วงโทรศัพท์ที่อยู่ใต้หมอนมารับทันที
“ไหนบอกจะโทรกลับไง ทำไมนานจังวะ” เก้านั่นเองเป็นคนที่โทรมา
“เอ่อ..จะบอกว่า กูไม่ว่างแล้วว่ะ” พระพายพูด โดยที่มีสายตาของพิธานกำลังกดดันอยู่
“อ้าว ทำไมวะ?” เก้าร้องถาม
“คือ...มีนัดแล้ว” พระพายตอบ
“เดี๋ยวนะ ไอ้พิธานนัดมึงเหรอ?”
“คือว่า...” พระพายไม่รู้จะสรรหาเหตุผลใดมาบอกเก้าดี
“อ้ำอึ้งอย่างนี้แปลว่ากูทายถูกสินะ”
“อืม” พระพายได้แต่ตอบสั้นๆ โดยที่พิธานจ้องมองราวกับอยากรู้ว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกัน
“เอาเถอะๆ ระหว่างมีโอกาสมึงก็คว้าสิ่งที่อยากได้ไปก่อนล่ะกัน” เก้าพูดอย่างเข้าใจ
“ขอโทษนะมึง”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนแค่นั้นเอง” เก้าหัวเราะร่วน ฟังแล้วเหมือนโดนว่ากระแทกไม่มีผิด
“เดี๋ยวกูไถ่โทษรอบหน้านะ” พระพายบอก
“เออๆ ไว้คุยกัน”
เก้าวางสายไปแล้ว และนั่นทำให้พิธานแสดงสีหน้าที่ดูจะพอใจมากที่พระพายพูดเช่นนั้นกับเก้าไป ดูเหมือนพิธานยังผูกใจเจ็บกับเก้ามาตั้งแต่วันนั้น พระพายเองก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้สองคนนี่พูดคุยกันดีๆได้ คงต้องลองสักวันถ้าหากมีวันนั้นจริงๆ
“นี่ผมต้องบอกปัดเพื่อนเพื่อคุณหรือเนี่ย” พระพายบ่นออก
“ถ้าไม่ทำสิจะเจอดี” พิธานว่า
“แล้วให้ผมบอกเก้าไปแบบนั้น เพื่อให้ผมมานอนอยู่กับคุณแบบนี้เหรอ?”
“เดี๋ยวจะพาไปข้างนอก” พิธานว่า
“ไปไหน?”
“ไม่บอก”
“ถ้าไม่บอกผมก็ไม่ไป” พระพายพูด
“มีสิทธิ์ต่อต้านรึไง” พิธานว่า พลางขึ้นคร่อมพระพายสบสายตามองคนที่อยู่ใต้ร่างด้วยแววตาบางอย่าง
“นี่..พอได้แล้ว”
พระพายพูดพลางเบือนหน้าหนี เวลาพิธานมองด้วยสายตาเช่นนี้จะรู้สึกอายขึ้นมาดื้อๆทุกครั้งไป ทั้งๆที่เห็นอะไรต่อมิอะไรกันมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่ชอบสายตาที่เหมือนจะมองทะลุเช่นนี้ทุกครั้งไป
“หลบหน้าทำไม?” พิธานโน้มหน้าลงกระซิบถามพระพาย
“ปะ..เปล่าสักหน่อย”
“รู้ตัวไหม...เวลานายปากแข็งนี่น่ารักกว่าเดิมนะ” พิธานพูด นั่นทำให้พระพายถึงกับหันหน้ามามองพิธาน
“น่ารักอะไร ผมเป็นผู้ชาย” พระพายเถียง ทั้งที่ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนและมันคงต้องแดงก่ำอย่างแน่นอน
“นี่ไง หน้าแดงไปหมดแล้ว” พิธานพูด
“ผมจะไปอาบน้ำ” พระพายว่าและพยายามดันพิธานออก
“ไม่แกล้งแล้ว ไปอาบเถอะ เดี๋ยวฉันลงไปเอาเสื้อผ้าที่รถก่อน” พิธานหยุดแกล้งและลุกขึ้นทันที
“คุณพาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเหรอ?” พระพายถาม ทั้งที่เมื่อคืนยังขอเสื้อฟุตบอลจากเขาอยู่เลย
“มานอนค้างบ้านนายแล้วจะมาตัวเปล่าได้ไง” พิธานพูดก่อนที่จะเดินไปหยิบกางเกงที่พระพายตากไว้เมื่อคืนแล้วนำมาสวมใส่ด้วยความรวดเร็ว
“นี่แปลว่า...ตั้งใจ...” พระพายพูดไม่ทันจบพิธานก็หันกลับมา
“คิดว่ามาแบบไม่ตั้งใจรึไง นายนี่คิดอะไรตลกนะ” พิธานว่าก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้พระพายใช้ความคิดอยู่เดียวอย่างหนักหน่วง
เพราะคิดว่าเมื่อคืนที่พิธานมานั้นไม่ใช่เป็นความตั้งใจ คงแค่แวะมาเพราะไม่รู้จะไปที่ไหน แต่พอได้ยินเช่นนั้นจากปากพิธาน หัวใจก็ลิงโลดอย่างเบิกบาน นึกภาพตัวเองกระโดดโลดเต้นไว้ในหัวเพียงเพราะรู้ว่าพิธานตั้งใจจะมาค้างที่นี่ รอยยิ้มนิดๆประกายขึ้นก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว
พระพายเข้าห้องน้ำอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว เมื่อออกมาพบว่าพิธานกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ คงกำลังนั่งรอเข้าห้องน้ำอย่างแน่นอน
“จะอาบเลยไหม?”
พระพายที่เดินออกมาพร้อมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเอ่ยถาม พิธานหยุดทุกอย่างและเดินเข้าห้องน้ำต่อ พระพายจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนให้ พอหันมาอีกทีพิธานกลับยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
“นี่ผ้าเช็ดตัว” พระพายว่า พิธานรับมันก่อนที่จะก้มลงมองช่วงเอวของพระพายที่มีผ้าเช็ดตัวมัดรอบเอวอยู่ก่อนที่จะใช้มือกระตุกดึงมันเบาๆราวกับจะหวังให้มันหลุด
“นี่ ทำอะไร” พระพายร้องพลางจับผ้าเช็ดตัวไว้แน่น
“จะอายอะไร เห็นมาตั้งเยอะแล้ว”
“ไปอาบน้ำเลย” พระพายรีบเบี่ยงตัวออก ดูท่าจะไม่ปลอดภัยหากขืนพิธานยังจ้องจะดึงผ้าเช็ดตัวอยู่อย่างนี้
เสียงหัวเราะแผ่วๆดังขึ้นก่อนที่จะหายไปในห้องน้ำ พระพายจึงใช้เวลานี้ในการแต่งตัวให้เสร็จและทำเวลาอย่างรวดเร็วเพราะหากชักช้าคงเจอพิธานแกล้งอีกแน่
พิธานออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เตรียมมา ยิ่งเห็นเสื้อผ้าพวกนั้นยิ่งทำให้พระพายนึกไปถึงเรื่องที่พิธานมาเมื่อคืน ยังคงแอบอมยิ้มอย่างคนที่กำลังมีความสุขแม้จะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม
“เสื้อผ้าพวกนี้เดี๋ยวผมจะซักแล้วส่งกลับให้” พระพายว่าเมื่อเห็นเสื้อผ้าชุดเก่าของพิธานเมื่อคืน
“เก็บไว้นี่แหละ วันหลังจะได้ไว้เปลี่ยน” พิธานบอกเช่นนั้น พระพายนิ่งไป...แปลว่าพิธานจะมาที่นี่ จะมาที่ห้องเขาอีก เพียงแค่คิดพระพายก็แทบจะตัวลอยล่องออกไปนอกห้องแล้ว
“เป็นอะไร ไปกันได้แล้ว” พิธานเรียกพระพายที่ยืนนิ่งราวกับสติหลุดหาย
“อ่อ ไปสิ”
ทั้งสองเดินออกมาจากห้อง สภาพอากาศวันนี้ดูครึ้มอาจจะเพราะเมื่อคืนฝนตกเลยส่งผลต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้วพิธานขับรถพาพระพายออกจากคอนโดและมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่อาจทราบได้และพระพายเองก็ไม่ได้ถาม ได้แต่นั่งฟังเพลงที่พิธานเปิดอย่างเพลินๆ
นั่งไปเรื่อยๆจนตอนนี้มาหยุดรถอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารคล้ายกับเรือนกระจก พร้อมต้นไม้สีเขียวประปรายดูสบายตาอย่างบอกไม่ถูก พระพายเดินลงมาพร้อมกับพิธานที่เดินลงมาจากรถและเดินตรงเข้าไปยังร้านอาหารแห่งนั้น
พระพายมองไปรอบๆรู้สึกเป็นร้านอาหารที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยบรรยากาศสบายๆ พิธานเดินนำเข้าไปในร้าน สิ่งแรกที่เห็นคือลูกค้านั่งกันพอสมควร มีพนักงานเดินไปเดินมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และมีหนึ่งคนที่เข้ามาทักทายทั้งสองคน
“คุณพิธาน สวัสดีครับ” พนักงานคนนั้นยกมือไหว้พิธานอย่างนอบน้อม พระพายที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่ทำตัวนิ่งๆไว้ ที่นี่คงเป็นร้านประจำของพิธาน พนักงานจึงจำชื่อและออกมาต้อนรับถึงตรงนี้
พิธานพยักหน้ารับอย่างมีมาด ซึ่งเหมือนครั้งแรกที่พระพายเจอพิธานก็ไม่ผิดนัก ดูเย็นชานิ่งเฉยและดูวางตัว ทั้งสองคนเดินเข้าไปยังโต๊ะที่มีสัดส่วนคล้ายห้องดูเป็นส่วนตัว การตกแต่งของที่นี่นั้นทำเอาพระพายมองไม่หยุดไม่หย่อนเพราะมันสวยและดูลงตัวอย่างที่สุด ทั้งสองคนนั่งลงพร้อมกับมีเมนูมาวางไว้ให้
พิธานนั้นไม่ได้สนเมนูแต่อย่างใด แต่กลับมองไปซ้ายขวาราวกับกำลังมองหาใครอยู่ พระพายที่เห็นท่านั้นก็อดจะสงสัยไม่ได้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป ใบหน้านั้นก้มลงอ่านเมนูตรงหน้า รูปภาพอาหารนั้นน่ากินเหลือเกินแต่เพราะความเคลือบแคลงที่เกิดขึ้นในใจที่เห็นพิธานเหมือนกำลังรอคอยใครอยู่...หรือจะไม่ได้นัดเขามาแค่คนเดียว
“สั่งอาหารไปก่อน เดี๋ยวมา” พิธานพูดแค่นั้น ก่อนที่จะเดินออกไป
พระพายที่ไม่ได้ทันได้พยักหน้าหรืออะไรพิธานก็ลุกขึ้นไปแล้ว ทิ้งให้พระพายนั่งอยู่คนเดียว แน่นอนว่าท่าทีของพิธานนั้นทำเอาพระพายอยากรู้ว่าพิธานเป็นอะไร แต่ก็อาจจะไม่มีอะไรมากอย่างที่พระพายคิดก็ได้
และเพียงไม่นานนัก พิธานก็กลับมา พร้อมกับพนักงานเข้ามารับรายการอาหาร พิธานสั่งอาหารโดยที่ไม่ต้องดูเมนู นั่นยิ่งทำให้พระพายมั่นใจได้ว่าร้านนี้คงเป็นร้านประจำของพิธานแน่นอน
“ทำไมสั่งน้อย?” พิธานหันมาถามพระพายที่สั่งอาหารไปอย่างสองอย่างทำนั้น
“คุณสั่งไปเยอะแล้ว” พระพายพูด พิธานก็พยักหน้าส่งๆทั้งที่สายตายังคงมองไปทั่วราวกับมองหาใครสักคน
“คุณนัดใครไว้รึเปล่า?” ในที่สุดพระพายก็เอ่ยถามจนได้
“ใช่” พิธานบอกเท่านั้น และแน่นอนว่าพระพายไม่กล้าจะถามว่านัดใครมา
กระทั่งอาหารมาก็แล้ว คนที่พิธานนัดก็ยังไม่มา พิธานจึงนั่งทานอาหารโดยไม่ได้สนใจจะรอเหมือนอย่างตอนแรก พระพายเองก็รู้สึกหิวไม่น้อยจึงตั้งหน้าตั้งตาทานโดยไม่คิดจะสนอีกแล้วว่าพิธานนัดใครไว้
“อาหารทางร้านอร่อยไหมคะ?” เสียงหวานๆดังขึ้น พระพายเงยหน้ามองคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่เดินเข้ามาทักทาย
เธอเป็นสาวสวย สวยชนิดเรียกได้ว่าน่าจะเป็นดาราของช่องไหนสักช่องหนึ่ง รูปร่างสูงกว่าผู้หญิงทั่วไป ใบหน้าหวานพร้อมมีลักยิ้มบุ๋มตรงแก้ม ผิวขาวสะพรั่งจนพระพายเองยังรู้สึกประหม่าในความสวยนั้น
“มาแล้วเหรอ รอยู่ตั้งนาน” พิธานพูดขึ้น เธอนั่งข้างๆพิธานพร้อมกับคล้องแขนแล้วซบลงบนต้นแขนของพิธานอย่างออดอ้อน พระพายใจแกว่งทันทีที่เห็นเช่นนั้น ผู้หญิงคนนี้เธอเป็นอะไรกับพิธานกัน
“รอนิดรอหน่อยจะเป็นไรไป” เธอพูดพลางยิ้มหวาน
“แล้วทำไมมาช้า?” พิธานถามพลางเหล่มมองเธอคนนั้น โดยที่ไม่สนใจพระพายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลย
“ก็จัดการงานนิดหน่อย” เธอตอบ และจากนั้นก็เบนสายตามามองพระพายที่กำลังทานข้าวอย่างเงียบๆ
“นี่ใครเหรอ?” เธอถามพร้อมรอยยิ้ม
“พระพาย...” พิธานพูดแค่นั้น สายตาของเธอจดจ้องมองพระพายอย่างสนอกสนใจ
“สะ..สวัสดีครับ” พระพายเอยทักพร้อมยิ้มน้อยๆ
“เพลงขวัญค่ะ” เธอบอกเช่นนั้น ก่อนที่จะเรียกพนักงานมา
“ไปเอาน้ำดื่มมาให้ฉันที” เธอสั่งพนักงาน พนักงานพยักหน้ารับและเดินออกไป
“อาหารอร่อยไหม?” เพลงขวัญถามพระพาย
“อร่อยครับ” พระพายตอบ พิธานนั้นไม่ได้สนใจอะไรยังคงนั่งทานต่อไป
“เมนูนี้ทำขึ้นเพราะเป็นของโปรดของพิธาน” เพลงขวัญบอก
“ครับ” พระพายพูดเท่านั้น จากนั้นเพลงขวัญก็หันไปพูดกับพิธานถึงเรื่องราวที่พระพายไม่อาจจะเข้าใจได้ เป็นเรื่องราวที่ทั้งสองคนรู้กันเท่านั้น
พระพายยิ่งรู้สึกว่ายิ่งทานไปยิ่งฝืนกลืนได้ลำบาก ท่าทางของทั้งสองดูสนิทสนมกันจนพระพายรู้สึกว่าตัวเองมานั่งอยู่ผิดที่ผิดทางเสียจริง มันช่างบาดตาบาดใจจนอยากจะลุกขึ้นและออกไปจากตรงนี้เสีย เพลงขวัญคนนี้เธออยู่ในฐานะอะไร เป็นคนรักหรือหนึ่งในคู่ขาอย่างเช่นที่พระพายกำลังเป็น และพาลคิดไปถึงเรื่องที่พิธานเคยทำทั้งหลายทั้งแหล่บนเตียง ผู้หญิงคนนี้ได้รับสิ่งนั้นเหมือนกันหรือไม่หรือแตกต่างเพราะเป็นคนพิเศษเลยได้รับการทนุถนอมมากกว่า ยิ่งคิดยิ่งไปไกลและยิ่งฟุ้งซ่านมากขึ้นเรื่อยๆ
“นี่พิธาน ไม่คิดจะพูดกับพระพายหน่อยเหรอ?” เพลงขวัญที่เหมือนจะนึกขึ้นได้ถึงตัวตนของพระพายที่นั่งโด่อยู่
“จะให้พูดอะไร ก็พูดกันเยอะอยู่แล้ว” พิธานบอก
“พิธานน่ะเหรอพูดเยอะ เป็นไปได้ยังไง?” เพลงขวัญพูดราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่เชื่อก็ถาม” พิธานพยักเพยิดหน้ามาทางพระพาย
“ก็ประมาณนั้นครับ” ไม่มั่นใจว่าที่ผ่านมานั้นพิธานพูดเยอะอย่างที่เจ้าตัวยืนยันหรือไม่แต่สำหรับพระพาย พิธานเหมือนจะค่อยๆเปิดกว้างขึ้นกว่าตอนแรกมาก
“บอกมาตรงๆได้ไหม...ทั้งสองคนเป็นอะไรกัน?”
คำถามของเพลงขวัญที่จู่ๆก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูนิ่งจนรู้สึกว่าน่ากลัว ทำเอาพระพายรู้สึกกลัว เหมือนกำลังถูกคุกคามอย่างบอกไม่ถูก พิธานเงยหน้ามองพระพายที่เหมือนจะรอคำตอบทั้งที่จริงๆคนที่จะต้องตอบคำถามนี้ด้วยกันคือตัวของพิธานด้วย
“เอ่อคือ...” พระพายอ้ำอึ้งและคิดหนักว่าจะตอบอย่างไรดี
“ตอบยากเหรอ...แค่อยากจะรู้ เพราะตอนนี้พิธานเขามีคนของเขาอยู่แล้วตรงนี้ ไม่อยากให้คนอื่นมาแทรกกลาง”
คำพูดนั้นเป็นดั่งเศษแก้วที่แตกและกระเด็นเข้ามาในอก ฟังแล้วทิ่มแทงอย่างไรชอบกล ทั้งที่พยายามคิดเสมอว่าพิธานอาจจะมีคนอื่นอยู่แล้วแต่พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บ คำพูดเช่นนั้นแปลว่าเพลงขวัญรู้ดีว่าพิธานมีรสนิยมอย่างไรและตัวจริงก็คือตัวจริงอยู่วันยังค่ำ เรื่องนั้นคือเรื่องที่พระพายต้องยอมรับความจริง...ว่าพิธานมีคนของตัวเองอยู่แล้ว...
*Lyrics : Toothbrush By DNCE
++++++++++++++++++++++++