"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 511719 ครั้ง)

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
ฟ้าน่ารักจริง คุณหมอรักฟ้ามากมากนะจ๊ะ :)))

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คุณหมอถ้าจะมีงานหนัก ไหนจะเพื่อน ไหนจะแม่ ไหนจะหลาน
แม่ให้ไปเที่ยวกับสาว อย่างนี้ถ้าฟ้ารู้จะเสียใจขนาดไหนนะ

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

หงุดหงิดใจคุณมอ อะไรเนี่ยะ ?
เราก็นึกว่ายัยน้องเนยอะไรนั่นคงไม่มีอะไร
นี่มาชมคนอื่นนอกจากคุณฟ้า มันน่านัก !
ไม่ชัดเจนเอาซะเลย ไม่แปลกที่คุณฟ้าคิดว่าไม่มั่นคง ไม่มั่นใจ
อย่าให้คุณฟ้าจับได้นะ จะได้รู้ไปเลยว่ามันยังไง
ถึงคุณหมอไม่คิดอะไร  แต่ปิดบังคุณฟ้าอย่างนี้มันไม่แฟร์เลยนะ
ทำไมไม่บอกกันเลย เคลียร์กันก่อน เฮ้อ เหนื่อยใจ

สงสารหนึ่งกับคุณอิง  อยากอ่านคู่นี้มากๆ
แอบบอก  เราจิ้นคู่หนึ่ง-อิงตั้งแต่เรื่องลมกับตินแล้ว
แต่พอเห็นคุณอิงมีแฟนเลยเสียดาย แต่พอเรื่องออกมาแบบนี้ก็ลุ้นอยู่

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
+1 ให้จ้า จุ๊บ <3

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
คุณหมองานจะเข้า
มั๊ยเนี่ยรีบๆสารภาพ
เถอะเรื่องน้องเนย
ปล่อยไว้มันไม่ดีน๊า :impress3:
 
กด+เป็ดจ้า

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ง่า.... หมอจะเป็นคนประสานสามัคคีคนใจบ้านสินะ
แบบนี้แหละที่อะไรๆ ก็เอามาลงที่หมอ

อนาคตท่าทางจะสาหัสแฮะ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เย้.....อ่านทันแล้ว เล่นซะหลายวัน

สนุกค่ะ ไม่โกรธนะคะถ้าจะบอกว่าชอบเรื่องของคุณหมอมากกว่าของลม  :really2:

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488
ตินกับลมน่ารักมาก~
แต่กว่าจะหวานกันได้นี่ดราม่าเยอะน่ะ 55.
ปากแข็งกันทั้งคู่อะตอนแรกๆ :o8:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 23 ความรักร้อนนัก


ผมวางกระบอกโทรศัพท์ลงบนแป้นหลังจากคุยกับพี่สาวเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าคืนนี้ผมกับคุณหมอคงไปค้างที่บ้านด้วยไม่ได้ บอกสาเหตุไปครับว่าเพราะอะไร พี่ฝนบ่นเสียดายที่พลาดโอกาสโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้น้องเขยทานเป็นมื้อที่สอง

ผมอายมากตอนที่พี่ฝนเรียกคุณหมอว่าน้องเขย อายพี่สาวของตัวเองไม่เท่าไหร่ แต่ต้องอายพี่เขยตัวเองด้วยสิครับ อายมากจริงๆ  ปิดร้านเสร็จกลับบ้านไปทีไร พี่ฝนก็เอาแต่ถามว่าน้องเขยของพี่เป็นยังไงบ้าง ชวนมาเที่ยวที่บ้านบ้างสิ พี่เขยก็เป็นไปด้วย ถามถึงคุณหมอบ่อยๆ เรียกคุณหมอว่าน้องเขยตามพี่สาวผมไปนะครับ

ผมดีใจนะครับที่พี่ฝนกับพี่เอกชอบคุณหมอ ทั้งสองบอกว่าคุณหมอเป็นคนดีและจริงใจ ดูได้จากการตอบทุกคำถามที่พี่ฝนกับพี่เอกถาม จำกันได้ไหมครับวันที่ผมร้องไห้จนหลับไป วันนั้นคุณหมอถูกพี่ฝนกับพี่เอกยิงคำถามใส่ไม่นับชุดเลยครับ คุณหมอตอบทุกคำถามอย่างไม่มีปิดบัง แม้กระทั้งความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเราสองคน ผมอายมากเลยตอนที่พี่ฝนเล่าให้ฟัง แต่ดีหน่อยที่คุณหมอไม่ได้เล่าในรายละเอียดมากนัก ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กล้าสู้หน้าทั้งสองคนไปอีกนานครับ ขืนรู้ว่าผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อนคงได้จับไม้เรียวขึ้นมาตีผมแน่ๆ

ส่วนเรื่องที่ผมถูกนนท์ทิ้ง พี่ฝนกับพี่เอกก็ไม่ได้โกรธอะไรนนท์ครับ นนท์ยังไปเยี่ยมพี่ฝนที่บ้านตอนที่รู้ข่าวว่าพี่ฝนท้อง พี่ฝนกับพี่เอกยังคุยกันเป็นปกติดีกับนนท์ มันอาจเป็นเพราะว่านนท์เป็นคนในครอบครัวของเราไปแล้ว แล้วอีกอย่างทั้งสองเห็นว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมากเมื่อเลิกกับนนท์ ที่คิดอย่างนี้ได้เพราะไม่เห็นผมในวันแรกที่ถูกนนท์บอกเลิกมากกว่า ถ้าเห็นคงได้โกรธนนท์บ้างเหมือนกันล่ะ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ พี่ฝนแอบกระซิบบอกกับผมว่า พี่ฝนกับพี่เอกคุยกันบ่อยๆ ถึงเรื่องผมกับนนท์ที่ไปด้วยกันไม่รอดหรอก สักวันต้องเลิกกัน เพราะความสัมพันธ์ของผมกับนนท์ที่ทั้งสองเห็น มันดูเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากหรือเป็นพี่น้องกันเสียมากกว่าจะเป็นแฟนที่รักกัน

ทำไมใครๆ ถึงบอกว่าผมกับนนท์ไม่ได้รักกัน ใครๆ ที่ว่านี้ไม่ใช่แค่นนท์ พี่ฝน พี่เอกเท่านั้นนะครับ เพื่อนสนิทของผมอีกสองคนก็บอกอย่างนี้ในวันที่ผมถูกนนท์บอกเลิก วันนั้นผมโทรไปฟ้องทั้งสองคนว่าถูกนนท์ทิ้ง เชื่อไหมครับว่าไม่มีใครตกใจเลย มีแต่บอกผมว่าดีแล้วที่เลิกกัน เพราะผมกับนนท์ไม่ได้รักกันจริงหรอก เลิกกันไปน่ะดีแล้ว จะได้เปิดโอกาสให้ตัวเองเจอคนที่ใช่ซะที มาตอนนี้ผมชักจะคล้อยตามนิดๆ แล้ว ระหว่างผมกับนนท์ เราเคยรักกันจริงหรือเปล่า ผมหมายถึงรักแบบคนรักนะครับ นับตั้งแต่วันที่ถูกบอกเลิกจนถึงวันนี้ นนท์ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตของผมเหมือนเดิม ไม่ได้หลบหนีหายไปไหน หนำซ้ำยังโผล่หน้ามาให้ผมเห็นบ่อยกว่าเดิมด้วย สาเหตุที่มาบ่อยก็ไม่ใช่เพราะผมหรอกแต่เป็นเพราะแดน แต่เชื่อไหม ผมแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างตอนที่คบกันกับเลิกคบกันเลย

ผมกับนนท์ เรายังเป็นเหมือนเดิม มีเปลี่ยนไปนิดหน่อยตรงที่ผมต้องทิ้งระยะห่างจากนนท์มากขึ้นอีกนิดนึงตอนที่คุณหมออยู่ด้วย ผมไม่อยากให้คุณหมอคิดมาก เกิดผมกับนนท์ถึงเนื้อถึงตัวกันบ่อยๆ เหมือนตอนที่คบกัน แล้วคุณหมอมาเห็นเข้าจะคิดมากแล้วเป็นเรื่องไปเสียเปล่าๆ

หรือว่า...ผมกับนนท์ เราไม่ได้รักกันจริงๆ

หรือว่า...ผมกับนนท์ เราสนิทกันมาก เลยทึกทักว่ามันเป็นความรัก

ไม่อยากคิดอะไรให้ปวดหัว คิดไปก็ไม่ได้คำตอบอะไร ระหว่างผมกับนนท์ มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ผมมีปัจจุบันอยู่กับคุณหมอ ผมควรจะคิดแต่เรื่องของคุณหมอ จริงไหมครับ

เพราะผมคิดถึงแต่เรื่องคุณหมอไงครับ พอคุณหมอเดินมาบอกว่า วันนี้ไปค้างที่บ้านพี่ฝนไม่ได้แล้ว เนื่องจากต้องดูแลหลานแล้วจะกลับไปนอนที่คอนโดของผมด้วย ดูคุณหมอจะเป็นห่วงหลานชายมาก แต่ก็แอบเห็นครับว่าทำตาละห้อยตอนที่เดินมาบอกผม ใช่ว่าคุณหมออยากจะกอดผมคนเดียวซะที่ไหน ผมก็เหมือนกัน ยอมรับตรงๆ เลยว่าคิดถึงอ้อมกอดของคุณหมอจะแย่อยู่แล้ว อยากเห็นคุณหมอเป็นคนสุดท้ายก่อนนอน แล้วก็อยากเห็นหน้าคุณหมอเป็นคนแรกเมื่อตื่นด้วย อยากได้ยินเสียงคุณหมอแทนเสียนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ อยากได้มอร์นิ่งคิสหวานๆ อยากเดินไปซื้อข้าวเช้าด้วยกัน อยากเดินหรือไม่ก็นั่งรถมาทำงานด้วยกัน ความอยากที่เกิดจากสิ่งที่ขาดหายไปนานกว่ายี่สิบวัน

แล้วใช่จะมีคุณหมอคนเดียวซะเมื่อไหร่ที่นับวันเวลาที่เราไม่ได้กอดกัน ผมก็ด้วย 26 คืนแล้วที่นอนหลับไปโดยไร้อ้อมกอดอุ่นๆ ของคุณหมอ ถึงแม้คืนนี้อาจจะไม่ได้นอนกอดกัน แต่ผมกับคุณหมอก็ได้มีเวลาร่วมกันมากขึ้นกว่า 26 คืนที่ผ่านมา ใช่ไหมล่ะครับ...

“พี่ฟ้า”

ยีนเกาะขอบเคาน์เตอร์เรียกผม เสียงไม่ดังมาก ผมมองเลยยีนไปด้านหลัง ดาวกับตามกำลังเก็บโต๊ะ ร้านเชิญครับปิดแล้วครับ แต่ที่ดาวกับตามยังไม่กลับเป็นเพราะมีนัดไปทานข้าวกับหมอพฤกษ์ ผมรู้เพราะตามบอกว่าจะขออยู่จนร้านปิด รอเวลาคุณหมอออกเวร ตอนแรกแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าตามไปสนิทสนมกับหมอพฤกษ์ตอนไหน ทำไมผมไม่รู้ ที่แท้พ่อของตามก็รู้จักกับหมอพฤกษ์นี่เอง 

“เดี๋ยวพี่ตามไป ขอเคลียร์บัญชีก่อน” ผมบอกยีน เข้าใจว่ายีนออกมาตามผมไปเข้าไปทำขนมในครัว

“ยีนไม่ได้มาตามพี่ฟ้าไปช่วยทำเค้กหรอกค่ะ แต่ยีนมีเรื่องอยากบอกพี่ฟ้า” สีหน้าจริงจังยีนจริงจังมาก มองไปรอบตัว กลัวเหมือนมีใครจะเข้ามาได้ยิน

“มีอะไร?” ผมสงสัย เลิกสนใจงานที่ทำมาสนใจยีนแทน ปกติยีนไม่ค่อยมีโหมดจริงจังแบบนี้กับผมเท่าไหร่

“คือ...อืม ยังไงดีอ่ะ ยีนไม่รู้จะพูดยังไงดี” ยีนอ้ำอึ้ง คิ้วบางวาดสีเข้มขมวดเข้าหากัน

“มีอะไรก็พูดมา” ผมเร่ง เพราะยีนเงียบไป ไม่ยอมพูดอะไรสักที เจ้าตัวถึงยอมตัดสินใจพูดออกมา

“คืองี้นะคะพี่ฟ้า เพื่อนคุณหมอที่ตามมาตอนหลังอีกสองคนน่ะค่ะ แล้วคนที่ตัวเล็กๆ คนนั้น”

“คุณลม” ผมบอกยีน

“ใช่ค่ะ คุณลมคนนั้นล่ะค่ะ ถ้ายีนจำไม่ผิดนะคะ คนที่คลินิกเคยบอกว่าเป็นแฟนคุณหมอ”

“....”

ผมรู้สึกว่าใจมันตกวูบ ทันทีที่ยีนพูดจบ ตัวมันเหมือนชาวาบไปหมด สมองกำลังคิด คิดตามสิ่งที่ยีนบอก สมองผมคิดไปเร็วมาก คิดไปไกลถึงทะเล นึกไปถึงค่ำนั้น ตอนคุณหมอขอร้องให้ผมแกล้งเป็นแฟน โดยไม่ยอมบอกเหตุผลว่าทำไปทำไม 

“พี่ฟ้า”

ยีนเอื้อมมือมาแตะตัวผม

“ไม่เป็นอะไรนะคะพี่ฟ้า ยีนก็ไม่อยากเล่าให้พี่ฟ้าฟังหรอกค่ะ แต่ยีนคิดว่าพี่ฟ้าควรจะรู้ ถ้าคุณหมอยังไม่ได้บอกพี่ฟ้า”

คุณหมอไม่ได้บอกผมจริงๆ มันเป็นความลับใช่ไหมคุณหมอถึงไม่เคยบอกผม หรือว่าเพราะผมไม่เคยถามเอง ถ้าเป็นเพราะเหตุผลข้อหลัง มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่น่าฟังนัก

“ไม่เป็นไร ดีแล้วล่ะที่เล่า ไม่เล่า พี่ก็ไม่รู้”

นั่นสินะ ถ้ายีนไม่เอามาบอก ผมก็คงไม่มีวันรู้เรื่องนี้ จนกว่าคุณหมอจะเปิดปากเล่าให้ผมฟังเอง ซึ่ง...มันอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้

“อย่าว่ายีนจุ้นเลยนะคะพี่ฟ้า ยีนอยากให้พี่ฟ้าระวังถ่านไฟเก่าเอาไว้บ้างค่ะ เกิดลุกขึ้นมา คนที่เสียใจจะเป็นเรา” ยีนว่า ผมไม่ได้คล้อยตาม แค่คิดตาม แต่คุณลมก็มีคุณตินแล้ว ท่าทางดูรักกันมาก ถ่ายไฟเก่ามันคงไม่คุขึ้นมาหรอกมั้ง

ผมยังจำเช้าวันที่เดินไปดูพระอาทิตย์ที่ทะเลจันทร์ได้ เช้ามืดวันนั้นผมอยากหลบหน้าคุณหมอเพราะรำคาญที่คุณหมอตื้อจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมไม่ต้องการ ผมหลบหน้าคุณหมอด้วยการเดินออกจากห้องพัก เดินไปตามแนวหาดเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น ผมนั่งบนตอไม้ที่ใช้เป็นเก้าอี้ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มดอกรักทะเล ถ้าไม่สังเกตให้ดีคนที่เดินผ่านไปมาก็จะไม่เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ ผมนั่งรอดูพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า แสงแรงเริ่มปรากฏตัวพร้อมกับคู่รักคู่หนึ่งที่เดินเท้าเปล่าทอดน่องมาตามแนวหาด มือของทั้งสองกอบกุมกันอยู่ เขาสองคนหยุดเดินในรัศมีการมองเห็นของผมพอดี ก่อนจะหันมามองหน้ากัน แล้วคนตัวสูงกว่าก็ก้มหน้าลงมาจูบปากคนตัวเล็กกว่า ผมไม่ตั้งใจแอบดูเลยแต่ก็เห็นเต็มตา รู้สึกผิดเลยจะลุกเดินหนี พอดีคุณลมหันมาเจอผมซะก่อน ผมไม่รู้ว่าเจ้าตัวอายจนน่าแดงเถือกแค่ไหน เพราะยืนอยู่ห่างกันพอสมควร แต่ว่ามือที่ฟาดลงบนตัวของคุณตินก็แรงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายร้องเสียงดังอยู่เหมือนกัน

เมื่อตอนบ่ายวันนี้อีกเช่นกันที่ผมเห็นว่าทั้งคู่รักกันมาก ทั้งที่พวกเขาสองคนไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการนั่งอยู่ข้างกัน คุยเรื่องของคุณอิงกับคุณหนึ่ง (ผมเดาเอาเองครับว่าต้องคุยเรื่องของคุณอิงกับคุณหนึ่ง) แต่มือที่แตะต้องกันเป็นบ้างครั้งบางคราว เวลาที่เขาหันมามองหน้ากัน ช่วยกันพูดช่วยกันคุยกับอีกฝ่าย มันดูเหมือนเป็นคนๆ เดียวกันที่ไม่มีวันจะแยกจากกันไปแล้วล่ะครับ

เขาสองคนคงไม่อยากแยกจากกันแล้วมั้งครับ...

เหมือนที่ผมก็ไม่อยากจะแยกจากคุณหมอเลย ผมรักคุณหมอเสียแล้ว รักที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จนผมนึกกลัวว่าวันหนึ่งผมจะไม่มีคุณหมอให้ได้รักอีก จะว่าผมเป็นคนคิดมากก็ได้นะครับ บทเรียนจากนนท์ทำให้ผมไม่มั่นใจกับความสุขที่แตะต้องอยู่ในตอนนี้เลย

ผมเชื่อใจคุณหมอนะครับ ว่าคุณหมอรักผมเหมือนที่ผมรักคุณหมอ เพียงแต่...ผมไม่ไว้ใจความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในทุกวินาทีที่มันเดินไปข้างหน้า ผมมีความสุขที่ได้รักคุณหมอแต่ลึกๆ แล้ว ผมเต็มไปด้วยความหวั่นไหว ผมไม่อยากเป็นคนถูกทิ้งเลย

....ไม่มีใครอยากถูกทิ้งใช่ไหมครับ? 

.
.
.
.
.
.

“น้องพี หิวหรือยังครับ”

หลานชายคุณหมอเปิดประตูออกมาจากห้องพักของผมที่อยู่ในครัว ขณะที่ผมกำลังอยู่หน้าเตาค้นส่วนผสมที่ใช้ทำเค้กหน้านิ่ม ผมเหลือบมองนาฬิกาแขวนข้างผนัง อีกสองนาทีจะสามทุ่มแล้ว หลานคุณหมอหลับไปนานมาก ตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ตอนเย็นผมก็ไม่ได้เข้าไปปลุกให้มาทานข้าวด้วยกันเพราะเกรงใจ อยากให้นอนพักเยอะๆ ไม่รู้ว่าตอนเข้าไปนอนแอบร้องไห้อีกหรือเปล่า เพราะหน้าตาที่ผมเห็นตอนนี้บวมมาก ตายังแดงๆ อยู่เลย

“หิวครับ” น้องพีบอกผม ทำหน้าหงอยๆ มองซ้ายมองขวาเหมือนทำตัวไม่ถูก เมื่อตื่นมาไม่เจออาตัวเอง

“รอก่อนนะคะ พี่ยีนกำลังอุ่นข้าวให้อยู่” ยีนว่า หลังจากเอาจานข้าวผัดที่สั่งจากร้านคนกันเอง ร้านขายอาหารเล็กๆ ในหมู่บ้านของพ่อแม่แดน ใส่ไมโคเวฟเพื่ออุ่น

คุณหมอบอกว่าหลานชายไม่ชอบทานเผ็ด เรียกว่าทานเผ็ดไม่ได้เลย ยิ่งกว่าคุณหมออีกครับ คุณหมอน่ะทานเผ็ดไม่ค่อยจะได้แต่ก็พอจะทานได้บ้างนิดหน่อย แต่น้องพีนี่ทานอะไรเผ็ดๆ ไม่ได้เลยสักอย่าง อาหารที่ทานส่วนมากเลยมีไม่กี่อย่าง อาทิ ข้าวผัด แกงจืด ไข่เจียว ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ ข้าวต้มอะไรประมาณนี้ครับ ผมเลยสั่งข้าวผัดแยกต่างหากมาให้ทาน

“ฟ้า”

นนท์เดินหน้ายุ่งเข้ามา มีแดนเดินตามหลังมาหน้าตาเหมือนโกรธใครมาสิบชาติ ใครที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็นนท์นั่นแหละ ไม่รู้มีเรื่องอะไรกันอีก เมื่อกี้เห็นว่าแดนออกไปคุยโทรศัพท์ด้วยไม่ใช่หรือไง ไหงถึงโผล่เป็นตัวมาได้

“อะไร” ผมถาม มือเทแป้งข้าวโพดที่ผสมกับนมข้นจืดตามลงไปในหม้อแล้วค้นไปเรื่อยๆ  ไม่ได้สนใจมากนัก สองคนนี่ชอบทำเรื่องให้ผมปวดหัวบ่อยมาก ทำตัวเหมือนเด็กที่เอาเรื่องเกเรของอีกฝ่ายมาฟ้องผมได้ทุกวัน

“คืนนี้ไปนอนด้วยนะ” นนท์ว่า ผมก็ไม่สนใจเช่นกัน สนใจเนยสดที่หั่นเป็นชิ้นในถ้วยใกล้มือมากกว่า ผมเทมันลงไปในหม้อเป็นส่วนผสมสุดท้าย แล้วตั้งหน้าค้นมันต่อไปเรื่อยๆ ผมชินกับการที่นนท์บอกว่าจะไปนอนกับผมทุกครั้งที่อยากทำให้แดนหึง ผมว่าแทนที่จะทำให้แดนหึงกลับทำให้แดนเกลียดมากกว่า

“ฟ้า” พอเห็นว่าผมไม่สนใจนนท์ก็เดิมหามาผมแล้วยึดมือผมเอาไว้

“จะจับทำไมล่ะเนี้ย เห็นไหมกำลังทำอะไรอยู่ ปล่อยเลยนะนนท์” ผมดุกลายๆ ดึงมือออกแล้วค้นต่อ

“อาฟ้าครับ ผมไปทานข้างนอกนะครับ” น้องพีถือจานข้าวอยู่ข้างยีน บอกผมเสียงเบา

“ครับ” ผมหันไปตอบน้องพี นนท์มองตาม คงเพิ่งเห็น

“ใครอ่ะฟ้า?” นนท์หันมาถาม หลังจากน้องพีเดินถือจานพ้นประตูออกไป พลางดึงเก้าอี้ใกล้มือมานั่ง จุดที่นั่งก็ตรงข้ามกับแดนที่ยืนหน้างอทำคุ๊กกี้อยู่ กลัวใจครับว่ามันจะออกมาอร่อยไหม ก็คนทำอารมณ์บูดขนาดนั้น

“หลานคุณหมอ ชื่อน้องพี” ผมบอก มือเปิดเตาแก๊ส ก่อนจะยกหม้อลง ยังค้นส่วนผสมที่ใช้ทำหน้าเค้กอยู่ครับ หยุดค้นไม่ได้ไม่อย่างนั้นมันจะเซทตัวเป็นลิ่ม เวลาราดแล้วจะไม่สวย

“ถึงกับเอาเอาหลานมาฝากให้เลี้ยงเลยหรือฟ้า”

“อืม” ผมพยักหน้าแกนๆ ไป ไม่มีอารมณ์คุยด้วย

“อะไรเนี้ยฟ้า ทำไมต้องทำหน้ารำคาญนนท์ด้วย....ทั้งพี่ทั้งน้อง” ประโยคหลังนนท์พูดเบามากแทบไม่ได้ยิน แต่คนหูดีอย่างผมกับแดนได้ยินครับ ผมไม่ว่าอะไร ชินกับนิสัยนนท์ แต่คนที่ไม่ชอบคือแดน

“ก็คนมันรำคาญไง รู้ตัวก็ออกไป อยู่ทำให้รกหูรกตาคนอื่น” เสียงเนี้ยแทบจะเรียกได้ว่าตะโกนไล่เลยครับ ก่อนจะยกถาดคุ๊กกี้เข้าไปอบในเตา เดินกลับมาถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วแควนไว้ที่ราวข้างผนัง

“บอสครับ ผมกลับก่อนนะครับ เบื่อหน้าคน”

ผมยังไม่ทันตอบว่าอะไร แดนก็สาวเท้าเดินออกไป อย่างเคยครับ นนท์รีบตามไปทันที แล้วเสียงเอะอะโวยวายก็ดังลั่นร้าน ไม่ต้องตามไปดูก็เดาเหตุการณ์ออกครับ เห็นจนชินตา เคยช่วยห้ามในช่วงแรกๆ แต่พักหลังนี้ไม่ยุ่งด้วยแล้ว นนท์คงทั้งฉุดทั้งลากให้แดนไปกับตัวเอง สงสารก็แต่หลานคุณหมอที่ต้องมาเห็นอะไรทำนองนี้ จะเข้าใจไหมเนี้ยว่าทำไมผู้ชายสองคนถึงยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่อย่างนั้น

แต่จะว่าไปหลานคุณหมอก็โตแล้ว เรื่องความรักในรูปแบบนี้คงไม่แปลกเกินไปสำหรับเขา เหลือแค่ว่าจะรังเกียจหรือเปล่าเท่านั้น ผมรู้นะครับ คุณหมอยังไม่ได้บอกเรื่องที่กำลังคบกับผมให้ทางบ้านรู้ ไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงเรื่องที่บ้านให้ผมฟังด้วย

ยอมรับว่าผมหวังให้คุณหมอแนะนำผมให้น้องพีรู้จักในฐานะคนรัก ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน ถึงแม้คุณหมอจะไม่แนะนำผมว่าผมเป็นเพื่อน แต่การที่คุณหมอไม่พูดอะไรเลยตอนที่หลานชายตัวเองทำหน้างงปนสงสัยว่า เขาจะเข้าไปนอนในห้องพักหลังร้านได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นเพียงลูกค้า แต่นั่นแหละน้องพีก็ไม่ได้ถามออกมา อาตัวเองบอกให้เข้าไปนอน น้องพีก็เข้าไปนอนอย่างว่าง่าย

ทำไมผมต้องคิดมากเพราะเรื่องแค่นี้ด้วย... ผมน่าจะปล่อยความหวั่นใจและความไม่มั่นใจเล็กๆ ให้มันปลิวหายวับไปกับลมที่พัดผ่าน มันอาจจะเร็วเกินไปก็ได้ ผมไม่ควรเร่งรัดคุณหมอมากเกินไป คุณหมออาจต้องการเวลาในการศึกษาดูใจผมมากกว่านี้ มั่นใจเมื่อไหร่คุณหมอคงพาผมไปรู้จักกับครอบครัวของคุณหมอเองแหละ

สักวันนะ...ผมหวังว่าอย่างนั้น

ความรักครั้งใหม่ของผม ทำไมมันทำให้ผมเป็นกังวลได้มากมายถึงเพียงนี้นะ หรือว่าจุดเริ่มต้นความรักของผมครั้งนี้ มันเริ่มแบบผิดรูปแบบไปหน่อย เฮ้อออ...คิดแล้วปวดหัวจังครับ

.
.
.
.
.
.
.

เสียงเอะอะด้านนอกดังเข้ามาในครัว ผมซึ่งกำลังเก็บอุปกรณ์ทำขนมเข้าตู้ต้องรีบวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่เห็นคือผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่กำลังดึงมือเล็กๆ ของหลานคุณหมอให้ลุกจากเก้าอี้ มือเล็กนั้นเกาะทั้งเก้าอี้และโต๊ะไว้แน่น ฝืนตัวเองไว้สุดกำลัง

“คุณจะทำอะไรหลานผม!!” ผมตะโกนถาม ตรงเข้าไปดึงเอาตัวหลานคุณหมอมาไว้ด้านหลัง ใจเต้นโครมคามเพราะกลัวครับ ตอนนี้ทั้งร้านไม่เหลือใครแล้ว ยีนก็เพิ่งกลับไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว

“ไม่ต้องกลัวนะครับน้องพี” ผมพูดปลอบหลานคุณหมอ ใจเริ่มชื้นขึ้น เพราะผู้ชายตัวสูงใหญ่คนนี้สวมสุดสูท แต่งตัวภูมิฐาน ดูไม่น่าจะใช่โจรผู้ร้าย แต่ก็ไม่น่าไว้ใจ หน้าตาเขาดูโกรธๆ ยืนเอามือล้วงกระเป๋า ยักคิ้วสูงเหมือนจะถามว่าผมมาเกี่ยวอะไรด้วย

แต่เอ๊ะ...ทำไมผู้ชายคนนี้หน้าเหมือนคุณหมอจัง หรือว่า...

“จำได้ว่าผมไม่เคยมีน้องชายหน้าตาอย่างนี้”

“เอ่อ...คุณเป็นพ่อของ...” ผมพูดไม่ทันจบก็ถูกพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน

“ครับ ผมเป็นพ่อของพี”

“ขอโทษครับ ผมนึกว่า....” ไม่กล้าบอกครับว่าแวบแรกที่เห็นเขา ผมนึกว่าเป็นโจร

“กลับบ้านกับคุณยะได้หรือยัง?” พ่อน้องพีดูไม่ได้สนใจอะไรผมมากครับ เขาสนใจลูกชายตัวเองที่ยืนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังผม มือน้องพียึดชายเสื้อเชิ๊ตผมไว้แน่นจนผมรู้สึกได้ ด้วยเพราะกระดุมเม็ดแรกมันติดอยู่ที่คอผมไปแล้ว

“คุณยะอนุญาตให้ผมนอนกับอานุแล้วนะครับ”

“แต่ตอนนี้คุณยะเปลี่ยนใจ”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ ไปเอากระเป๋ามาแล้วกลับบ้านกับคุณยะ อย่าให้คุณยะต้องทำแบบที่เคยทำ”

“ไม่ครับ..ฮึก..ฮึก พีไม่กลับ ฮึก พีไม่กลับ” ร้องไห้ตัวโยนเลยครับหลานคุณหมอ ผมไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างพ่อลูกคู่นี้ ไม่ได้ถามคุณหมอด้วย

“พี่ยะ!!” คิดถึงคุณหมอ คุณหมอก็โผล่มาทันทีครับ ตรงดิ่งมาคว้าตัวหลานชายไปกอดปลอบ หน้าคุณหมอดูโกรธมาก

“จะตะโกนทำไมวะ แล้วนั่น จะโอ๋กันไปถึงไหน โอ๋กันอย่างนี้ไง ฉันถึงแตะต้องอะไรไม่ได้” พี่ชายคุณหมอทำหน้าหงุดหงิด คุณหมอกับพี่ชายหน้าคล้ายกันมาก ผิดกันนิดหน่อยตรงที่พี่ชายคุณหมอจะหน้าเข้มกว่าคุณหมออยู่มาก ส่วนรูปร่างเนี้ยใกล้เคียงกันเลยครับ

“รับปากแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะให้พีนอนกับผม” คุณหมอว่าน้ำเสียงไม่พอใจ มือก็ยังกอดหลานชายตัวไว้อยู่ครับ ส่วนน้องพีไม่ต้องพูดถึงร้องไห้ตัวโยนไปแล้ว

“รับได้ก็เลิกได้เว้ย” พี่ชายคุณหมอพูดแบบพาลๆ แต่น้ำเสียงฟังดูเย็นลงกว่าเดิมมาก ไม่รู้เป็นเพราะไม่อยากทะเลาะกับคุณหมอ หรือเพราะเป็นห่วงลูกชายตัวเองที่ยืนร้องไห้ไม่ยอมหยุด ถึงได้ยอมพยายามข่มอารมณ์เอาไว้

“เอาพีมาให้ฉัน” พี่ชายคุณหมอว่า คุณหมอดันตัวน้องพีออกแล้วส่งให้

“โตแล้วไม่ร้องนะครับคุณดีของคุณยะ”

พี่ชายคุณหมอกอดตัวน้องพี โยกไปมา เหมือนที่คุณหมอชอบทำกับผม

“นายไปเอากระเป๋าของพีมาให้หน่อย ฉันจะพาพีกลับบ้าน”

ผมหันไปมองคุณหมอ กะจะถามว่าจะให้ผมไปเอากระเป๋าน้องพีให้ไหม แต่คุณหมอส่ายหน้าก่อนที่ผมจะถามด้วยซ้ำ แล้วหันไปบอกพี่ชายตัวเองว่า

“ให้พี่ตัดสินใจว่าจะนอนกับใคร”

.
.
.
.
.
.
.
.


Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
“คุณหมอ”

“ครับ”

“คุณยะกับน้องพีอยู่ข้างนอกครับ” ผมดุเสียงเบาเอากับคนที่นอนอยู่ด้วยกัน พลางดันหน้าที่ซุกไซ้ตรงแถวหน้าอก ดึงมือที่ลูบอยู่แถวขอบกางเกงออกให้ห่างตัว ก่อนเข้านอนก็พูดกันรู้เรื่องแล้วแท้ๆ นะคุณหมอนี่

“ผมคิดถึงคุณฟ้าจะแย่อยู่แล้วนะครับ” คุณหมอว่า ถึงจะปิดไฟแล้วแต่ผมก็เห็นหน้างอๆ ของคุณหมดได้ครับ

“ผมก็คิดถึงคุณหมอนะครับ แต่มันไม่เหมาะ” ผมบอก ใครจะกล้าให้ความร่วมมือด้วยล่ะ ในเมื่อมีคนอื่นนอนอยู่ข้างนอก เกิดมีเสียงลอดออกไป ตอนเช้าสู้หน้าไม่ได้พอดี

คุณหมอทิ้งตัวลงนอนก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ปากหนากดจูบที่หน้าผากของผม แช่อยู่นานครับกว่าจะปล่อย

“27 คืนจนได้” พูดแล้วมีถอนหายใจครับ ผมเนี้ยอดยิ้มไม่ได้ คุณหมอเป็นคนที่ดูแต่ภายนอกไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ใกล้ชิดจนกลายเป็นคนเดียวกันอย่างทุกวันนี้ ผมก็คงคิดว่าคุณหมอเป็นหมอหมาที่สุภาพ สุขม น่านับถือ คงไม่มีวันรู้เด็ดขาดว่าข้างในน่ะหื่นมาก

“26 คืนต่างหาก คืนนี้ก็ได้นอนกอดผมแล้วนี่ครับ” ผมแกล้งท้วง ทั้งที่รู้นะครับว่า 27 คืนน่ะ มันหมายถึง 27 คืนที่เราสองคนไม่มีอะไรกัน คิดแล้วก็เขิน ใช่ว่าคุณหมอคนเดียวเมื่อไหร่ที่ “อยากรัก” ผมก็ “อยากถูกรัก” เหมือนกันนะ อายจังแต่มันก็เป็นเรื่องของธรรมชาตินี่น่า คนรักกันก็อยากจะ “รัก” กันอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา

“ครับ 26 คืนที่ไม่ได้กอด แต่มันเป็น 27 คืนที่ผมไม่ได้เข้าไปในตัวคุณฟ้า” คุณหมอว่าเสียงเบาอยู่ใกล้หูของผม พร้อมกับรั้งตัวผมเข้าไป ก่อนที่มือใหญ่จะสัมผัสเข้ากับสะโพกด้านหลังของผม เคล้นเบาๆ แล้วเพิ่มแรงมากขึ้น

“ไม่เอาคุณหมอ” ผมดึงมือดื้อด้านนั้นออก เอามันไปวางคืนให้กับเจ้าของที่ตีหน้ายุ่งเพราะชักชวนผมไม่สำเร็จ

“ใจร้าย”

“เกรงใจพี่ชายคุณหมอ แล้วก็น้องพีด้วย” ผมบอกคำเดิมที่บอกไปก่อนหน้านี้

“นี่ผมอดกอดคุณฟ้าเพราะพี่ชายตัวเองใช่ไหมเนี้ย” คุณหมอบ่นพึมพำ แล้วหลับตาลง

ย้อนไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน ตอนที่คุณหมอถามหลานชายตัวเองว่าจะนอนกับใคร น้องพียืนยันคำเดิมครับว่าจะนอนกับคุณหมอ ผมนึกว่าเรื่องจะจบแค่นั้น ที่ไหนได้กลายเป็นว่าคุณยะพี่ชายของคุณหมอขอตามมานอนด้วย คุณหมอไม่ยอมแต่ฝ่ายพี่ชายดื้อจะตามมาให้ได้ แล้วก็ตามมาจนได้ครับ เรื่องเลยกลายเป็นอย่างที่รู้กัน สองพ่อลูกนอนอยู่ข้างนอก ผมไม่ใช่เจ้าของบ้านที่ใช้ไม่ได้นะครับ ตอนแรกผมจะยกห้องนี้ให้คุณยะกับน้องพีนอนด้วยกัน แต่ฝ่ายนั้นปฏิเสธเพราะเกรงใจ 

ผมไม่รู้ว่าพี่ชายคุณหมอจะสงสัยไหมว่าทำไมเสื้อผ้าของน้องชายเขาถึงมีอยู่ในตู้เสื้อผ้าของผมเยอะแยะ เมื่อคุณหมอหยิบเสื้อผ้าของตัวเองให้พี่ชายใส ข้าวของเครื่องใช้ในห้องหายชิ้นก็บ่งบอกว่ามันเป็นของคุณหมอ ร่วมถึงในห้องน้ำทั้งสองห้องนั้นด้วย แล้วทำไมน้องชายเขาถึงเข้านอกออกในคอนโดนี้ได้ง่ายๆ ทั้งที่เขาน่าจะรู้นะครับว่าผมกับคุณหมอไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้ และที่สำคัญเขาไม่ถามอะไรผมกับคุณหมอเลยสักคำว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน เขาพูดคุยกับผมเหมือนคนเคยรู้จักแล้วอย่างนั่นเลยครับ

เขาไม่ถาม ไม่ได้ทำหน้าสงสัยอะไรเลยด้วยซ้ำตอนที่คุณหมอเดินตามผมเข้ามานอนในห้องด้วยกัน หรือว่าคุณหมอบอกเรื่องนี้กับพี่ชายคุณหมอไปแล้ว ดีใจครับ ดีใจจริงๆ ถ้าสิ่งที่ผมคิดเป็นความจริง อย่างน้อยๆ เรื่องของผมก็ไม่เป็นความลับมากไปนัก

“คุณหมอ” ผมสะกิดตรงกล้ามหน้าท้องของคุณหมอ ผ่านเสื้อที่คุณหมอสวม ความดีใจทำให้ผมมีความสุข จนอยากทำให้คุณหมอมีความสุขไปด้วยกัน บางทีถ้าผมกลั้นเสียงตัวเองไว้ในตอนที่เรากำลังมีความสุขกัน มันอาจจะไม่ดังมากจนลอดออกไปให้คนข้างนอกได้ยินก็ได้มั้งนะครับ

“ครับ” คุณหมอลืมตาขึ้นมามองผม ทำหน้าสงสัยนิดหน่อยว่าผมเรียกทำไม

“คือ....” ผมจะพูดยังไงดีล่ะ เขินตัวเองนะที่จะต้องเอ่ยปากชวนคุณหมอมา ‘ทำรัก’ กัน

“คืออะไรครับ” คุณหมอถาม ปากหนาจุ๊บลงมาที่ปากของผมเบาๆ อยู่สองสามที ไม่ได้ล้วงล้ำเข้ามาข้างในคงกลัวจะห้ามตัวเองไม่ได้ จะมาห้ามตัวเองทำไมตอนนี้ก็ไม่รู้ ถ้ารุกเข้ามานะ ผมจะได้มีข้ออ้างให้กลายเป็นเรื่องเลยตามเลย จะไม่ห้ามไม่ขัดขืนเหมือนก่อนหน้านี้หรอก

“ทำกันไหมครับ” ผมทำใจกล้าหน้าด้านถาม อายตัวเองมาก แต่ก็ไม่ยอมหลบสายตาแวววับของคุณหมอที่เห็นได้ชัดเจนในความมืด

“ครับ”

คุณหมอยิ้มกว้างทำให้ความอายของผมลดลงแทบจะกลายเป็นศูนย์ ผมรั้งต้นคอหนาเข้ามาใกล้ มอบสัมผัสจากปากของตัวเองสู่กลีบปากหนา เริ่มต้นรุกไล่เข้าไปเบื้องหลังปากนั้น เชิญชวนอย่างที่เคยทำมาบ้างแล้วในหลายๆ ครั้ง  แล้วร่างกายที่หนากว่าผมก็ขยับขึ้นมาคล่อมทับผมเอาไว้ ขณะที่ปากของเราสองคนยังไม่ทำหน้าที่อย่างหนักหน่วง

‘อ๊ะ....’

‘...อ่าา’

เสียงนั้นที่ผมได้ยิน ไม่ใช่เสียงของตัวเองและไม่ใช่เสียงของคุณหมอ เราสองคนยังไม่ได้เดินทางไปถึงตรงจุดนั้น มันดังแผ่วเบาลอดเข้ามาให้ผมกับคุณหมอได้ยิน ถึงไม่ชัดนักแต่เราสองคนก็ได้ยิน

ผมกับคุณหมอเราผละออกจากกันอย่างช้าๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง ต่างคนต่างนิ่ง ผมแทบไม่กล้าขยับตัว กลัวจะเกิดเสียงที่ดังรบกวนเสียงด้านนอกที่ลอดเข้ามา ผมไม่กล้าสงสัยว่ามันเป็นเสียงที่เกิดจากอะไร ในเมื่อผมพอจะรู้ว่ามันเป็นเสียงที่เกิดจาก...

...เกิดจากสิ่งที่ผมกับคุณหมอกำลังจะทำร่วมกัน

เสียงมันลอดเข้ามาจากข้างนอก ข้างนอกที่มีพี่ชายและหลานชายของคุณหมอ มีแค่คนสองคนอยู่ตรงนั้น ผมไม่อยากจะคิด แต่ห้ามความคิดของตัวเองไว้ไม่ได้

“คุณหมอ” ผมแตะเข้าที่แขนคุณหมอ เมื่อเสียงนั้นเงียบหายไป เสียงที่เบามากแต่เราสองคนก็ตั้งใจฟังจนแน่ใจว่ามันคือเสียงอะไร

“อย่าเพิ่งออกไปเลยครับ” ผมเปลี่ยนจากแตะแขนคุณหมอเป็นรั้งแขนแข็งแกร่งนั้นเอาไว้ เพราะคุณหมอทำท่าจะลุกออกจากเตียงไป

“รออีกนิดนะครับ เผื่อว่า....” ผมไม่ได้พูดต่อนะครับว่าต้องเผื่อเวลาไว้ด้วยสาเหตุใด ถ้ามันเป็นความจริง ยังไงมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้วครับ คิดเป็นอื่นไม่ได้เลย ออกไปตอนนี้อาจจะไม่เหมาะสม สภาพของคนสองคนคงยังไม่พร้อม

ผมเอื้อมมือไปกดสวิซไฟ แสงจากโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงสว่างขึ้น ฉายให้เห็นความกังวลใจบนใบหน้าของคุณหมอ คุณหมอนั่งเงียบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา ผมรู้ว่าคุณหมอคงอึ้งกับเสียงที่ได้ยิน ความคิดของคุณหมอคงวิ่งวุ่นวายกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ด้านนอก

ผมยื่นมือไปกุมมือคุณหมอเอาไว้ ไม่รู้จะพูดหรือถามอะไรเหมือนกัน กลัวจะไปกระทบจิตใจของคุณหมอ ความสัมผัสลึกซึ้งระหว่างผู้ชายด้วยกันเอง ไม่ใช่เรื่องผิดแผกหรือผิดปกติอะไรในความคิดของผม เพราะความรักเป็นเรื่องของหัวใจของคนสองคน ไม่ใช่ตัวหนังสือที่กำหนดว่าชายต้องคู่กับหญิงเพียงเท่านั้น แต่ที่ผมเป็นห่วงคุณหมอคือเรื่องที่คนสองคนข้างนอกอยู่ในฐานะพ่อกับลูก มันไม่สมควรเกิดขึ้นเลยใช่ไหมครับ

“ผมไม่เป็นไรครับ” คุณหมอหันมายิ้มฝืดๆ ให้ผม มือที่ผมกุมไว้เลื่อนขึ้นมากุมมือผมแทน

คุณหมอลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ หลังจากเวลาผ่านไปนานแล้วแต่ไม่รู้ว่านานกี่นาที ผมไม่ได้ดูเวลาแต่น่าจะสิบกว่านาทีได้แล้ว

ไฟหน้าจอสีเหลี่ยมในมือคุณหมอสว่างขึ้น ก่อนที่คุณหมอจะยกมันขึ้นแนบใบหู

“พอจะคุยกับผมได้ไหม” คุณหมอพูดกับคนที่คุณหมอโทรหา ไม่ต้องบอกใช่ไหมครับว่าคนๆ นั้นคือใคร

.
.
.
.
.
.

ผมเดินกลับมาที่เตียงหลังจากกดปิดสวิซไฟข้างพนัง ห้องไม่ได้มืดมากเพราะยังมีแสงนวลตาจากโครมไฟบนโต๊ะข้างเตียงนอน ผมทิ้งตัวลงนอนข้างใครอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่คุณหมอ

ครับ...คนนั้นคือน้องพีหลานชายคุณหมอ

คุณหมออุ้มน้องพีที่สะอื้นไห้เอากับอกคนเป็นอาเข้ามาในห้องหลังจากที่เปิดประตูออกไปได้ไม่ถึงถึงนาที ตอนนี้น้องพีหลับไปแล้ว ผมสงสารนะครับ สงสารมาก ตัวเล็กๆ แสนเปราะบางเหมือนจะแตกให้ได้ตอนที่คุณหมออุ้มมาวางไว้ที่เตียง แกร้องไห้กอดคุณหมอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย คุณหมอต้องนั่งกอดและปลอบอยู่นานกว่าจะหยุดร้องไห้ ไม่เชิงหยุดร้องหรอกครับ น่าจะร้องจนหมดแรงแล้วหลับคาอกของคุณหมอมากกว่า

ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง ทั้งคุณหมอกับคุณยะพากันออกไปคุยกันที่ไหนไม่รู้ แต่น่าจะเป็นด้านล่างของคอนโดมั้งครับ ตีหนึ่งเกือบตีสองแล้วด้วยครับตอนนี้ คงไม่ออกไปไหนไกล

มองแผ่นหลังเล็กๆ ตรงหน้าแล้วก็สงสาร มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะครับ พ่อกับลูกกับความสัมพันธ์ที่ผิดรูปแบบ แล้วเรื่องต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป ไม่กล้าคิดเลยครับ

.
.
.
.
.
.
.

“โอยยยย....”

เจ็บสะโพกแล้วก็ตื่นเต็มตาเลยครับตอนนี้ ผมนอนตกเตียงครับ ไม่บ่อยที่ผมจะนอนตกเตียง ปีหนึ่งเกิดขึ้นครั้งหรือสองครั้งเอง เพราะคนที่นอนด้วยจะเป็นคนตกเองซะมากกว่า แต่เช้าวันนี้กลับเป็นผม แน่ล่ะเพราะผมไม่ได้นอนอยู่ตรงกลางเตียง แล้วก็ไม่ได้มีคุณหมอคอยกอดเอาไว้ให้อาการนอนดิ้นลดความรุนแรงลง เมื่อคืนผมขยับมานอนขอบเตียง ไม่กล้านอนใกล้หลานคุณหมอมาก กลัวจะนอนดิ้นแล้วถีบน้องพีตกเตียง  เลยกลายเป็นว่าผมนอนตกเตียงเสียเอง

“ตื่นแล้วเหรอครับน้องพี” ผมถามตอนที่ยัดตัวลุกขึ้นยืน กะจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งเพราะเหลือบดูนาฬิกาแล้วเพิ่งจะหกโมงเช้าเอง นอนต่อได้อีกชั่วโมงเลย ลุกขึ้นมาเจอน้องพีที่นอนตะแคงหน้ามองมาทางผม

“ครับ” น้องพีตอบเสียงเบามากแทบไม่ได้ยิน ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง คอเสื้อกว้างที่ตกลงมาถึงหัวไหล่เล็กๆ ทำให้เห็นผิวเนื้อที่เป็นจ้ำสีเข้มตัดผิวขาวจัด ผมเป็นคนขาวนะครับแต่เทียบกับหลานคุณหมอแล้ว ผมสู้ไม่ได้เลย

“....” น้องพีคงรู้ตัวว่าผมมองรอยที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมา เจ้าตัวถึงได้ค่อยๆ ดึงคอเสื้อให้ชิดคอ ก้มหน้าหนีสายตาของผม รู้สึกผิดจังครับ ไม่น่าเผลอมองรอยพวกนั้นเลย มันคงไปกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องที่ทำให้เกิดรอยนั้น

“อาฟ้าครับ” จู่ๆ น้องพีก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม หลังจากที่ก้มหน้านิ่งนั่งเงียบไปสักพัก

“ครับ” ผมทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิบนเตียง ตั้งใจฟังว่าน้องพีจะพูดอะไร เพราะสีหน้าของเจ้าตัวดูเหมือนจะมีเรื่องอยากถามผม

“อาฟ้า...เป็นแฟนอานุหรอครับ”

คำถามนี้ผมควรจะตอบว่าไงดีล่ะ

...ใช่ครับ...

...ไม่ใช่ครับ...

ถ้าผมตอบ คำตอบของผมจะมีผลกระทบต่อคุณหมอไหม

“น้องพีหิวข้าวหรือยังครับ ถ้าหิวอาจะลงไปซื้อให้” ผมเลือกถามแทนที่จะตอบ ไม่ใช่อยากจะปิดบังอะไรหรอกนะครับ ผมอยากบอกให้ทุกคนรู้ด้วยซ้ำไปว่าผมกับคุณหมอคบกันในฐานะอะไร ผมไม่อายที่จะบอกใครต่อใครว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่กรณีของน้องพีที่ถามผมมา ผมไม่กล้าตอบ กลัวน้องพีเอาไปบอกทางบ้านของคุณหมอ แล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หากคุณหมอต้องการปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แม้ว่าผมจะมั่นใจนิดๆ ว่าพี่ชายคุณหมอน่าจะรู้เรื่องของผมกับคุณหมอบางแล้วก็ตาม

ผมลืมคุณหมอไปเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับเข้ามานอนในห้อง หรือว่าจะนอนกับพี่ชายตัวเองข้างนอก

“ผมยังไม่หิวครับ” น้องพีตอบผม ก่อนจะก้มหน้า หัวคิ้วที่ผมเห็นมันกำลังชนกัน มือเล็กประสานกันแน่นวางบนตัก คล้ายกำลังคิดอะไรอยู่

“อาฟ้า...”

เป็นอีกครั้งที่น้องพีเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดในสิ่งที่ผมไม่ได้ถาม

“ผมกับคุณยะ...”

ผมกำลังรอฟัง รอฟังสิ่งที่เจ้าของกระบอกตารื้นน้ำใสๆ กำลังจะพูดออกมา

“...ผมไม่ใช่...”

มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาที่ทะลักออกมา พยายามกลั้นเสียงสะอื้นลงคอ เพื่อจะพูดในสิ่งที่อยากบอกกับผม

“...ผมไม่ใช่ลูกของคุณยะ...ฮึก...ฮึก...”

ไม่ใช่ลูก...

น้องพีไม่ใช่ลูกของพี่ชายคุณหมอ...

ผมควรจะหมดห่วงหรือควรจะยังเป็นห่วงคนแสนเปราะบางคนนี้อยู่ครับ

.
.
.
.
.
.
.
.

ผมกำลังวางสตรอเบอร์รี่ลูกพอดีคำสีสดน่ากัดบนซีสเค้กที่แต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อมือใหญ่คุ้นเคยสอดเข้ามาโอบรอบเอวผม ก่อนแก้มจะสัมผัสถึงรอยจูบ

“อะ..โอยยย” เสียงครางเบาๆ จากคุณหมอ ตอนที่ผมหันหน้าไปชนเข้ากับมุมปากที่เป็นรอยช้ำสีม่วงอมเขียวอมแดง

“ขะ...ขอโทษครับคุณหมอ” รู้สึกผิดที่ทำให้คุณหมอเจ็บ

“ไม่เป็นไรครับ” คุณหมอว่า ลดมือที่จับมุมปากตัวเองลง แล้วเอามากอดผมเหมือนเดิมอีกครั้ง

เมื่อคืนคุณหมอกับพี่ชายไม่ได้กลับมานอนที่คอนโด คุณหมอบอกว่าขับรถออกไปคุยกันที่คลินิกจนถึงเช้า แต่กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็ชกกันไปหลายหมัด รอยช้ำตรงมุมปากด้านซ้ายของคุณหมอถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับรอยช้ำบนหน้าของพี่ชายคุณหมอ แล้วหลายหมัดที่ว่าคงเป็นหมัดของคุณหมอมากกว่า

“อย่างนี้ก็จูบกันไม่ได้แล้วสิครับ” ผมพูดแหย่ คุณหมอนี่ตาวาวเลยครับ ผมนึกว่าจะทำหน้าผิดหวังเสียอีก

“ทนได้ครับ” คุณหมอว่า ผมยังไม่เข้าใจ มองมือคุณหมอที่หยิบลูกสตรอเบอร์รี่ขึ้นมาใส่ปาก เคี้ยวและกลืนลงคอ แล้วจึงค่อยๆ เข้าใจเมื่อลิ้นร้อนกำลังทำงานอยู่ในปากผม

“อืมม.....” จูบรสสตรอเบอร์รี่หวานมากครับ หวานจนไม่อยากให้คุณหมอหยุด

จูบกับคุณหมอทีไร ผมรู้สึกมีความสุขมากครับ

“เห็นไหมครับว่าจูบได้” คุณหมอยิ้มแล้วบอก น้ำเสียงมีความสุข มีความสุขเหมือนผมนั่นแหละ

“เห็นครับ” ผมยิ้มตอบ ไม่ได้หลบตาแวววับอะไรของคุณหมอหรอกครับ ชินแล้ว ไม่เขินแล้วด้วย มีความสุขด้วยซ้ำที่ได้มองสบตากับคุณหมอ สายตาหวานๆ ที่มีให้ผม ทำให้ผมมีความสุขมากจนลืมความกังวลในทุกๆ อย่าง

“แต่เสียดาย จูบได้ กอดได้ แต่มากกว่านี้ไม่ได้”

ท่าทางจะเสียดายจริงครับ หน้าตานี้เศร้าเลย เหตุมันเป็นเพราะเรื่องของพี่ชายกับหลานชายของคุณหมอนั่นล่ะครับ คุณหมออยากให้พี่ชายไปเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย ไม่อยากให้เข้าใกล้น้องพีในช่วงนี้ เพราะน้องพีก็ยังเด็ก คุณหมอเลยปกป้องหลานชายด้วยการเอามาอยู่ใกล้ๆ ตัวเอง หมายถึงว่าทุกคืนน้องพีจะต้องนอนกับคุณหมอ เพราะคุณหมอไม่ไว้ใจพี่ชายตัวเองแล้ว กลัวจะทำอะไรน้องพีในทำนองนั้นอีก ครั้นจะพากันมานอนที่คอนโดผมก็ไม่สะดวกนัก คุณหมอเลยเลือกจะกลับไปนอนที่บ้านสักพัก พอจัดการทุกอย่างให้ลงตัวได้เลยจะกลับมาอยู่กับผมเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

“เป็นลูกผู้ชายต้องอดทนครับ”

นั่นสิครับ เป็นลูกผู้ชายต้องอดทน รวมถึงผมด้วยครับ ผมก็ต้องอดทน ทนที่จะไม่มีอ้อมกอดอุ่นๆ ให้ซุกในเวลาค่ำคืน ผมอยากทิ้งตัวและทิ้งหัวใจลงสู่อ้อมกอดอุ่นๆ นั้นตลอดไปเลยด้วยซ้ำ แต่คนเราไม่สามารถได้ในทุกสิ่งที่ต้องการครับ ผมต้องเสียสละมันไปบ้าง

“พี่หมอคะ คุณลมมาหาค่ะ” ยีนชะโงกหน้าเข้ามาบอก ก่อนจะถอยออกไป

ถ้าผมยังไม่รู้เรื่องของคุณหมอกับคุณลม ผมคงไม่รู้สึกอะไรอย่างที่เป็นในตอนนี้ มันรู้สึกหวั่นไหว แล้วก็หวงขึ้นมาทีละนิด
อยากจะดึงแขนคุณหมอที่กำลังเดินพ้นกรอบประตูออกไปเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้ไปหาถ่านไฟเก่า แต่ผมทำได้เพียงแค่คิด
 เมื่อแผ่นหลังของคุณหมอหายลับไปจากกรอบประตูหลายนาทีแล้ว

>>>>> Happy Na Ka <<<<<

เย้ๆๆๆๆๆ อบขนมรัก...เชิญครับ มาให้ชิมแล้วนะคะ รับชิม รับชม รับอ่านไปด้วยกันเลย
ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องรัก...เชิญครับ นะคะ ^______________^
ปล. ฝากเรื่องสั้นของคนแต่งไว้อีกเรื่องนะคะ
เรื่องนี้เลย มึงมันคนถูกทิ้ง http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31899.0
เรื่องสั้นที่เอาไว้เขียนสลับกับเรื่องยาว เป็นการพักสมองไปในตัวด้วย
เขียนสลับกัน สมองจะได้ไม่จมอยู่กับเรื่องเดียว อิอิ

บับบาย...
สีเหลืองอ่อน // aeaw


 

 

 

 

 
 


ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านจบกระโดดถีบคุณยะ
อิบร้าาาาาาาาาาาาาาา ทำกับน้องพีได้ยังไง

ขอเป็นแม่ยกน้องพีนะคะนาทีนี้ปกป้องน้องสุดพลัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
คุณฟ้าอย่าไปเชื่อนังน้องยีนมันมากนะคะ

แล้วจะเกิดเรื่องไหมเนี่ย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อ่านตอนแรกแล้วพาเครียดเลย ถึงว่าพ่อจะหวงลูกอะไรขนาดนั้น
แล้วก็โล่งใจ คุณยะกินเด็ก

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
ว่าแล้วเชียว ว่าทำไมไม่เรียกว่าพ่อ แต่เรียกคุณยะเนี่ย

ปล. สรุปเรื่องนี้เราอยากรู้รายละเอียดหลายคู่มากเลย ทั้งนนท์แดน และคุณยะน้องพี

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
สงสารน้องพี

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
อีกคู่นี่...แรงได้อีก....เหอะๆๆ

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488
 :z13:
รอตอนใหม่ๆ จ้า

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
 :เฮ้อ:  สงสารน้องพี  :sad4:

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4

poppyk

  • บุคคลทั่วไป
เห้ยย!!เอาจริงๆเลยนะ ชอบคู่ยะพีอ่ะ ชอบๆแนวนี้ ขอตอนพิเศษยะพีบ้างงงงงง~  5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
คู่ที่คาดไม่ถึง^0^

บวกเป็ด

ทะเลหัวใจ

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกก ตามอ่านมาหลายวัน(ต้องค่อยๆอ่านค่ะเพราะงานเยอะ อิอิ)

ในที่สุดก็ทัน แอบสารภาพนิดนึงว่าอ่านคุณตินคุณลมได้ไม่กี่ตอนแล้วก็หยุดอ่านไปเพราะลืมเซฟลิ้งค์ค่ะ ฮาาาา :z6:

มาอ่านอีกทีเลยข้ามมาอ่านคู่ที่สองค่ะ อร้ายยยยย คุณหมอกะคุณฟ้า น่าฮักแต๊ๆเจ้า

หวานมากมายแล้วคุณฟ้าก็ใจดีสมแล้วที่คุณหมอจะหลง จนมาถึงตอนที่แล้วอ่ะค่ะที่น้องพีโผล่มา

เราก็เริ่มได้กลิ่น(???)555 คือเราจิ้นไปก่อนว่าคุณยะกับน้องพีต้องมีซัมติงไม่ใช่พ่อลูกกันแน่ๆแล้วพอมาตอนนี้แบบว่ากรี๊ดมากกกก

ชอบคู่นี้ จะเอาๆๆๆๆๆๆ อย่าลืมเอามาฝากบ้างนะคะ

คุณคนเขียนแต่งเก่งมากเลย ภาษาก็สวย อ่านเพลินมากมายค่ะ ยังไงก็สู้ๆนะคะ เค้าจะรออัพน๊าาา


ปล นิดนึงคือถ้าเราอยากจะแนะนำอะไรนิดหน่อยได้ไหมอ่ะค่ะ อย่าโกรธเค้าน๊าาาา คือว่าสรรพนามตอนที่คุณหมอกับคุณอิงคุยกันอ่ะค่ะ บางทีก็ฉันบางทีก็แกบางทีก็นาย อืม เราว่าเพื่อนผู้ชายคุยกันมันน่าจะกู มึง กร้ากกกก ไม่ใช่แระ คุณหมออกจะผู้ดี

คือมันน่าจะระดับเดียวกันอ่ะค่ะ แกก็แก นายก็นาย แต่ว่าก็อย่าคิดมากนะคะเราก็เพ้อไปเรื่อย ยังไงเราก็อ่านอยู่ดีแหละ อิอิ :-[

เป็นกำลังใจให้จ้าาาาา

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกก ตามอ่านมาหลายวัน(ต้องค่อยๆอ่านค่ะเพราะงานเยอะ อิอิ)

ในที่สุดก็ทัน แอบสารภาพนิดนึงว่าอ่านคุณตินคุณลมได้ไม่กี่ตอนแล้วก็หยุดอ่านไปเพราะลืมเซฟลิ้งค์ค่ะ ฮาาาา :z6:

มาอ่านอีกทีเลยข้ามมาอ่านคู่ที่สองค่ะ อร้ายยยยย คุณหมอกะคุณฟ้า น่าฮักแต๊ๆเจ้า

หวานมากมายแล้วคุณฟ้าก็ใจดีสมแล้วที่คุณหมอจะหลง จนมาถึงตอนที่แล้วอ่ะค่ะที่น้องพีโผล่มา

เราก็เริ่มได้กลิ่น(???)555 คือเราจิ้นไปก่อนว่าคุณยะกับน้องพีต้องมีซัมติงไม่ใช่พ่อลูกกันแน่ๆแล้วพอมาตอนนี้แบบว่ากรี๊ดมากกกก

ชอบคู่นี้ จะเอาๆๆๆๆๆๆ อย่าลืมเอามาฝากบ้างนะคะ

คุณคนเขียนแต่งเก่งมากเลย ภาษาก็สวย อ่านเพลินมากมายค่ะ ยังไงก็สู้ๆนะคะ เค้าจะรออัพน๊าาา


ปล นิดนึงคือถ้าเราอยากจะแนะนำอะไรนิดหน่อยได้ไหมอ่ะค่ะ อย่าโกรธเค้าน๊าาาา คือว่าสรรพนามตอนที่คุณหมอกับคุณอิงคุยกันอ่ะค่ะ บางทีก็ฉันบางทีก็แกบางทีก็นาย อืม เราว่าเพื่อนผู้ชายคุยกันมันน่าจะกู มึง กร้ากกกก ไม่ใช่แระ คุณหมออกจะผู้ดี

คือมันน่าจะระดับเดียวกันอ่ะค่ะ แกก็แก นายก็นาย แต่ว่าก็อย่าคิดมากนะคะเราก็เพ้อไปเรื่อย ยังไงเราก็อ่านอยู่ดีแหละ อิอิ :-[

เป็นกำลังใจให้จ้าาาาา

รีบกระโดดออกมา แทบไม่ทัน ที่เห็น คนแต่งในดวงใจมาเม้นท์   (ไม่ใช่คนแต่งแต่ก็กรี๊ด ทะเลหัวใจออกนอกหน้านอกตา 555)
 บวก 1 ให้ไปเลย  อ้อ ทุกๆคนด้วยนะค่ะที่มาเม้นท์ตอนนี้

ออฟไลน์ mahmeow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
คุณหมอกับคุณฟ้าน่ารัก...คู่นี้น่ารักจังคะ..

ถ้าฟ้าดึงคุณหมอไว้ไม่ให้ไป...คุณหมอต้องดีใจตัวลอยแน่ๆ..55+

น้องพีก็น่ารัก...ชอบตอนเค้าเรียกว่าอาฟ้า...ทั้งน่ารักทั้งน่าสงสารเลย..

เชียร์คู่น้องพีกับคุณยะ..แต่อยากให้น้องโตเร็วๆเน้อ...^ ^

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
คุณยะเป็นโชตะค่อน  :m30:


ถ้ารู้ความจริง คุณหญิงแม่คงเป็นลมแล้วเป็นลมอีก  :laugh3:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
สงสารน้องพีจัง

คุณฟ้าคิดมากทำไม ดูตินสิ หวงลมขนาดนั้น 55

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ยำใหญ่ใส่สารพัดจริง ๆ กี่คู่แล้วนี่
แต่ละคู่กว่าจะลงเอยกันได้ ต้องซดน้ำตาต่างข้าว
สงสารน้องพี ยังเด็กอยู่เลย
ชอบตอนวาเลนไทน์ น้องลมน่ารักที่สุด


ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
สงสารน้องพี และสงสารฟ้าด้วย

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 24 จริงๆ หรือ?


“สนใจหรอครับพี่หมอ”

ผมแอบสะดุ้งตอนที่น้องลมยื่นหน้าจากด้านหลังมาถาม เมื่อครู่เจ้าตัวยังยืนเลือกต่างหูเป็นของขวัญวันเกิดให้น้องแพทอยู่อีกด้านหนึ่ง ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ด้านหลังผมตอนไหน มีถุงเล็กๆ ถืออยู่ในมือ คาดว่าคงซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“น่ารักดีนะครับ เหมาะกับคุณฟ้าดี” น้องลมคงเห็นว่าผมมองไปที่สร้อยเส้นเล็กคล้อยจี้รูปหัวใจฝังเพชรเม็ดเล็กสามเม็ดในตู้โชว์ ทั้งตัวสร้อยและตัวจี้เป็นทองชมพู ตามคำบอกของพนักงานสาวของร้านเมื่อหลายนาทีก่อน 

“น่ารักครับแต่พี่หมอไม่รู้ว่าคุณฟ้าจะชอบหรือเปล่า” เพราะดูแล้วมันเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แล้วคุณฟ้าไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กเหมือนน้องลม สูงเกือบจะเท่าผมด้วยซ้ำ แต่เพราะผอมเลยทำให้ดูตัวเล็กกว่าผมมาก แต่ยังไงผมก็เกรงว่าจะไม่เข้ากับคุณฟ้า

“ลมว่าต้องชอบแน่ๆ ออกจะน่ารัก  ผมขอดูเส้นนี้หน่อยครับ” น้องลมว่า พลางหันไปบอกพนักงานให้หยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผมให้เธอหยิบมาให้ดูรอบหนึ่งแล้ว

“น่ารักออก เนื้อเป็นทองสีชมพูด้วย”

น้องลมพูดถูกครับ มันน่ารักมาก ครั้งแรกที่เห็นก็นึกถึงคุณฟ้าขึ้นมาทันที

“มันเป็นสร้อยผู้หญิง พี่หมอกลัวจะไม่เหมาะกับคุณฟ้า” ผมบอกน้องลมไปตามความจริง น้องลมทำหน้ายุ่งนิดหน่อย บอกให้รู้ว่าไม่ชอบความคิดของผมมากนัก

“ความรักยังไม่จำกัดเพศเลยครับ แล้วมานับประสาอะไรกับสร้อย” น้องลมว่า แล้วยืนสร้อยที่คล้อยจี้หัวใจมาให้ผม

“พี่หมอใส่ให้ลมหน่อย ลมเป็นหนูทดลองให้จะได้รู้ไงว่าเหมาะหรือเปล่า” ว่าแล้วน้องลมก็หมุนตัวกลับเพื่อให้ผมสวมสร้อยให้ ผมทำตามคำบอก ติดตะขอเสร็จ น้องลมก็หันหลังกลับมาให้ดู แหวกคอเสื้อให้ลึกขึ้นอีกนิด (น้องลมใส่เสื้อเชิ๊ต) ให้ผมเห็นตัวจี้ที่อยู่บนหน้าอกด้านบนชัดขึ้น

“เป็นไงบ้างครับ ดูดีใช่ไหมล่ะ” น้องลมถาม คำตอบคือใช่ครับ พอมันมาอยู่บนคอน้องลม ดูน่ารักมาก แต่ผมกลับคิดไปถึงอีกคนหนึ่ง ถ้าเป็นคุณฟ้าน่าจะน่ารักกว่านี้อีกหลายเท่า

“ครับ”

“งั้นเอาเส้นนี้ครับ” น้องลมหันไปบอกพนักงานของร้านที่ยืนยิ้มอยู่หลังเคาน์เตอร์ โดยไม่ถามความเห็นผมเลยว่าจะซื้อหรือเปล่า แต่ถึงไม่ถามผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อ

“เห็นไหมล่ะพี่หมอ หนีงานมาเป็นเพื่อนลมไม่เสียเปล่าเลย ได้สร้อยแทนใจไปฝากคุณฟ้าด้วย”

จริงครับ ไม่เสียเปล่าเลยที่ทนลูกตื้อของน้องลมไม่ไหว จนต้องฝากเวรไว้กับพี่กานต์ มาเป็นเพื่อนน้องลมเลือกรถคันที่โชว์รูมเป็นของขวัญวันเกิดให้คนรัก แล้วเลยมาถึงของขวัญวันเกิดให้เพื่อนรักอย่างน้องแพท ที่ตอนนี้ไปดูแลบริษัทลูกที่เยอรมันได้สามเดือนแล้ว

.

.

ผมส่งน้องลมที่บริษัทเลยเพราะกลัวไปรับน้องเนยที่สนามบินไม่ทัน น้องลมไม่ว่าอะไร เรื่องของเรื่องคือตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะให้ผมขับรถมาส่งที่บริษัท ไม่อยากย้อนกลับไปเอารถของตัวเองที่คลินิก บอกว่าค่อยให้มาตินขับรถพามาเอาตอนเลิกงาน ผมต้องรีบแนะนำว่าให้คนขับรถมาเอารถเองดีกว่า อย่าให้ตินมาเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องขึ้นมาอีก เจ้าตัวคงลืมคิดไปว่าคนรักขี้หึงมาก ขืนรู้ว่ามาหาผม มีหวังทะเลาะกันแน่ๆ เรื่องนี้น้องลมเชื่อ แต่อีกเรื่องที่ผมห้ามกลับไม่เชื่อ เรื่องซื้อรถให้เป็นของขวัญวันเกิดนั่นแหละ ผมบอกว่าอย่าซื้อเลย ซื้ออะไรที่มันเป็นตัวเงินที่น้อยกว่านี้ดีกว่า รู้ๆ อยู่ว่าตินเป็นคนยังไง เคยมีตัวอย่างมาแล้วเมื่อคราวเรื่องเปิดบริษัท

“ครับคุณแม่”

ผมรับโทรศัพท์ของคุณหญิงแม่ตอนก้าวขึ้นบันไดเลื่อนพอดี สวนกับคนขับรถของคุณหญิงวลัยที่เข็นกระเป๋าลงบันไดมา คุณหญิงแม่โทรหาผมครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ ครั้งแรกโทรมาตามเพราะคิดว่าผมจะเบี้ยว ครั้งที่สองโทรมาเพราะไม่เห็นผมมาถึงสักที ส่วนตัวท่านกับคุณหญิงวลัยมาถึงนานแล้ว ครั้งที่สามเมื่อประมาณสิบนาทีที่ผ่าน โทรตามเพราะน้องเนยลงจากเครื่องมาแล้ว และผมก็ยังมาไม่ถึงสักที รถติดมาก ผมถึงมาช้า

(ถึงหรือยังคะตาหนู คุณแม่ คุณหญิงวลัยกับน้องเนยรอนานแล้วนะคะ)

“ครับๆ ผมถึงแล้วครับ คุณแม่อยู่ตรงไหนครับ” ผมเดินตรงไปที่ประตูทางออก คนที่สถานบินเยอะมาก กวาดตามองหาไปรอบๆ บริเวณนั้น

(คุณแม่อยู่ตรง....อุ้ย คุณแม่เห็นตาหนูแล้ว เดินตรงมาค่ะ ตาหนูเห็นคุณแม่หรือยังคะ)

เห็นชัดเลยครับ ทั้งคุณหญิงแม่ คุณหญิงวลัย ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นผม น้องเนยกระโดดโหยงๆ โบกมือเรียกผมสุดฤทธิ์ ไม่ได้อายสายตาคนบริเวณนั้นสักนิด น้องเนยเป็นอีกคนที่โตแต่ตัว แต่นิสัยไม่แทบจะเหมือนเด็กห้าขวบไม่ปาน

“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับคุณหญิงป้า” คุณหญิงวลัยท่านเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของคุณหญิงแม่ ผมเลยเรียกท่านว่าคุณหญิงป้า

“เรียกคุณแม่ดีกว่านะลูก” คุณหญิงวลัยว่า คุณหญิงแม่ของผมพลอยเห็นดีไปด้วยครับ

“ใช่ๆ ตาหนู เรียกคุณแม่อย่างที่คุณหญิงวลัยว่านะคะ น้องเนยก็ด้วยนะคะลูก เรียกคุณน้าว่าแม่นะคะ”

“ค่ะ คุณแม่” น้องเนยตอบตกลงเสียงใสแจ๋ว ก่อนจะกระโดดมาเกาะแขนผมอย่างที่ชอบทำตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เจอกันมาหลายปีมาก แต่น้อยเนยก็ยังทำตัวเป็นน้องสาวตัวน้อยๆ ไม่เปลี่ยน

“พี่นุคะ เนยหิวม๊ากมาก ชวนคุณแม่แล้ว คุณแม่บอกให้รอพี่นุก่อน เนี้ยหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว พี่นุพาเนยไปทานข้าวหน่อยนะคะ” น้องเนยเริ่มอ้อน ทำตาปริบๆ ใส่ผม น่ารักอย่างนี้ ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ที่เจ้าตัวบอกผมว่าไม่มีใครมาจีบ

“แล้วเราอยากกินอะไรคะ”

ตั้งแต่เด็กแล้วที่ผมพูดกับน้องเนยด้วยคำว่า ‘คะ’ ‘ค่ะ’ มาเจอกันตอนโตน้องเนยก็ยังชอบให้ผมพูด ‘คะ’ ‘ค่ะ’อยู่เหมือนเดิม บอกผมว่าฟังแล้วเพราะดี ชอบมากด้วยเพราะทำให้เธอดูเป็นเด็กตัวเล็กๆ ของพี่ชายอย่างผม

“อาหารญี่ปุ่นค่ะ”

“ไม่เบื่อหรือไงคะ เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นนะเรา” ผมถาม น้องเนยส่ายหน้า ยิ้มตาหยีมาให้

“ไม่เบื่อค่ะ ของชอบ ว่าแต่ไปเถอะคะ หิวแล้ว” น้องเนยว่า ทำหน้าตาหิววะเต็มประดา

“พาน้องไปทานเถอะตานุ คุณแม่เห็นน้องบ่นมาตั้งแต่ลากกระเป๋าออกมาแล้ว” เมื่อคุณหญิงแม่พูดออกแบบนี้ แปลได้ง่ายๆ ว่าให้ผมพาน้องเนยไปทานข้าวกันแค่สองคน ส่วนตัวเองกับคุณหญิงวลัยไม่มีทางไปด้วยแน่นอน ไม่ต้องถามให้เสียเวลา

.

.

.

เกือบห้าทุ่มที่ผมขับรถมาจอดอยู่หน้าคลินิก หลังจากส่งน้องเนยถึงบ้านและเลยไปรับหลานชายที่คอนโดของเพื่อนเจ้าตัว ไฟในร้านเชิญครับยังเปิดอยู่ สร้อยเส้นน่ารักที่ซื้อมาฝากเจ้าของร้านเชิญครับอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ผมอยากเห็นตอนที่สร้อยจี้รูปหัวใจห้อยอยู่บนคอของคุณฟ้าเร็วๆ แล้วครับ

“อาจะแวะไปหาอาฟ้า พีจะไปด้วยกันไหม จะได้เลือกขนมไปฝากน้องๆ ด้วย” ผมถาม พีส่ายหน้าอย่างรวดเร็วแทบไม่เสียเวลาคิดเลย

“ไม่ดีกว่าครับอานุ” ไม่รู้เพราะอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหรือเปล่า ทำให้หลานชายของผมปฏิเสธ ทั้งที่เจ้าตัวชอบทานขนมเค้กไม่ต่างจากผม เรื่องของกินนี่ พีจะเหมือนผมมาก คือไม่กินเผ็ด ไม่กินขนมขบเคี้ยวทั่วไปด้วย แต่ชอบของหวาน โดยเฉพาะเค้ก

“งั้นเราไปรออาในที่คลินิกนะ”

“ครับ”

.

.

.

 ผมกดกริ่งที่ประตูหน้าร้าน ไม่นานเด็กตามก็วิ่งมาเปิดประตู

“ยังไม่กลับอีกเหรอเรา” ผมถาม ปกติตามกลับตอนหกโมงเย็นตลอด

“พี่นนท์ให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ยีนครับ”

ให้ตามอยู่เป็นเพื่อนยีน แสดงว่าตอนนี้ในร้านมีกันอยู่สองคน แล้วแทนที่คำสั่งจะเป็นของคุณฟ้า แต่ทำไมตามถึงบอกว่าคุณนนท์สั่ง ผมแปลกใจ 

“แล้วพี่ฟ้าล่ะ อยู่ไหม” ผมถามให้แน่ใจว่าคุณฟ้าไม่อยู่ที่ร้านอย่างที่ผมคิดจริงๆ 

“ออกไปตั้งแต่บ่ายแล้วครับ”

“พี่ฟ้าไม่สบายหรือเปล่า” ผมถามอีก คิดเป็นอื่นไม่ได้ เพราะคงไม่มีเรื่องอะไรที่จะดึงเอาตัวคุณฟ้าออกจากร้านตั้งแต่บ่ายได้ นอกจากความเจ็บป่วยทางร่างกาย

“เปล่าครับ ตอนบ่ายที่ออกไปกับพี่นนท์ ตามก็ไม่เห็นพี่ฟ้าจะเป็นอะไร ตอนค่ำพี่นนท์โทรมาก็ไม่เห็นบอกอะไรนอกจากบอกให้ตามอยู่เป็นเพื่อนพี่ยีนที่นี่ก่อน”

ออกไปกับคุณนนท์...?

.

.

.

ยี่สิบกว่าสายที่ผมโทรหาคุณฟ้า มีสัญญาณว่าโทรติดแต่เจ้าของโทรศัพท์ไม่ยอมรับสาย อยากโทรหาคุณนนท์แต่ติดที่ไม่มีเบอร์ ถ้ารู้ว่าคุณฟ้าไม่ได้อยู่ที่คอนโด ผมคงจะขอเบอร์คุณนนท์จากยีนตอนอยู่ที่ร้านไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าคุณฟ้าไปอยู่ไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์ โทรไปบ้านพี่สาวคุณฟ้าก็บอกว่าไม่ได้อยู่ที่นั่น

เรื่องห่วงไม่เท่าไหร่แล้วตอนนี้ แต่ผมหงุดหงิดใจมากกว่า คุณฟ้าไปกับคุณนนท์ ไม่กลับคอนโด ไม่ได้อยู่ที่บ้านพี่สาว โทรหาไม่ยอมรับ

ถ่านไฟเก่ามันจะลุกได้เหรอ ในเมื่อผมมั่นใจว่าคุณฟ้ารักผม ผมถอนหายใจยาว ไม่อยากนึกอะไรไปไกลกว่านี้

“พีอยู่ไหน” ผมมองหน้าเจ้าของคำถาม ดูสภาพที่คนที่เดินขึ้นมาบนเรือนผมน่าจะเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน เพราะไม่มีกลิ่นเหล้าติดตัวมาเลย กลับมาซะเกือบตีหนึ่ง   

“นอนแล้ว” ผมบอก โดยส่วนตัวผมเป็นคนพูดน้อย แต่พี่ชายผมเป็นคนชอบพูดสั้น

“อยู่ห้องไหน”

ที่พี่ชายผมถามอย่างนี้เพราะเรือนของผม หรือเรียกง่ายๆ ว่าบ้านของผมเป็นบ้านเรือนไทยแยกเป็นหลังอยู่คนเดียวต่างหาก เหมือนเรือนของพี่ยะกับยัยภาที่ต่างมีบ้านเรือนไทยกันคนละหลัง โครงสร้างทุกอย่างเหมือนกัน แค่อยู่กันคนละบริเวณ โดยที่มีเรือนใหญ่ของคุณพ่อกับคุณหญิงแม่เป็นจุดศูนย์กลาง

“ผมบอกแล้วไงว่าไปเคลียร์เรื่องเด็กๆ ของพี่ให้เรียบร้อยก่อน ส่วนพีก็รอให้โตกว่านี้ได้ไหมพี่ยะ ให้เข้ามหาลัยก่อนก็ได้ แต่ตอนนี้ผมขอเถอะ พียังเด็กเกินไป” ผมพูดติดจะขอร้องไปในตัวด้วย

ถึงอะไรมันจะเกินเลยมาเกือบจะปีแล้ว โดยที่ผม รวมถึงคนในบ้านไม่มีใครรู้เลยสักคน แต่เมื่อผมรู้แล้วก็ไม่ควรให้เกิดเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก พียังเด็กไปจริงๆ แล้วที่สำคัญ ถ้าวันหนึ่งแม่ของพีกลับมาขอลูกคืน ผมก็ไม่รู้ว่าจะสู้หน้าแม่ของพียังไง

“ขอเห็นหน้าหน่อยเดียวไม่ได้หรือไง” พี่ยะว่า น้ำเสียงฟังได้ชัดว่าหงุดหงิดกับเรื่องที่ผมพูดขอ นิสัยแบบนี้แหละพี่ชายผม อารมณ์ร้อน ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย อะไรก็ต้องได้ดังใจ นิสัยเหมือนลูกคนเล็ก ตรงข้ามกับยัยภา รายนั่นนิสัยเหมือนพี่คนโตมาก

“พี่ยะรับปากผมแล้วนะ อย่าลืมสิครับ”

ผมรู้ว่าพี่ยะไม่ได้ลืมเรื่องที่รับปากกับผมไว้หรอก ที่รับปากว่าจะไม่มาหาพีตอนกลางคืน ตอนกลางวันถึงเจอกันก็จะไม่เข้าใกล้แบบถึงเนื้อถึงตัวอะไรมากนัก แลกกับการที่ผมจะปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ พีเรียนจบมัธยมเมื่อไหร่ถึงจะคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไง จะเก็บเป็นความลับต่อไปหรือบอกให้ทุกคนรู้กันเสียที

ความลับเรื่องนี้ ไม่ใช่ความต้องการของพี่ยะแต่เป็นของพี ที่ไม่อยากให้คนในบ้านรู้ เด็กน่ะครับ กลัวว่าจะถูกเกลียดจากทุกคน ยิ่งตัวเองไม่ใช่หลานแท้ๆ ของบ้านนี้ด้วย

“เออๆ จำได้น่า งั้นก็ฝากดูแลด้วย พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องพาหลบหน้านะจะมาหา” ถึงจะอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด แต่พี่ยะก็เป็นคนพูดรู้เรื่องอยู่พอสมควร ยกเว้นตอนที่ไม่ยอมรู้เรื่อง ถึงจะอาละวาดเอาให้ได้ดังใจตัวเอง

“พี่ยะ...” ผมลุกขึ้นเดินไปหาพี่ชายที่กำลังก้าวลงบันได อีกฝ่ายเหมือนรู้ว่าผมจะพูดอะไร ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน สีหน้าและน้ำเสียงจริงจังมาก

“ฉันรู้ว่านายจะถามอะไร ฉันบอกนายไว้ตรงนี้เลยว่า ฉันรักพี ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน ไปล่ะ อยู่นานแล้วฉันอาจจะตบะแตกได้” ว่าแล้วพี่ยะก็รีบลงเรือนไป

ผมเดินกลับมานั่งที่เดิม ยอมรับว่าตกใจกับเรื่องนี้มาก โกรธพี่ชายตัวเองมาก โกรธที่ทำเรื่องแบบนี้กับเด็กที่เลี้ยงเป็นลูกมาตั้งแต่เกิด บวกกับที่เป็นห่วงสภาพจิตใจของหลานด้วย เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันหนักหนาเกินไป ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน แต่ผู้ชายคนนั้นมีฐานะเป็นพ่อ ไม่รู้ว่าผมจะพูดว่าโชคดีได้หรือเปล่า ตอนที่เกินเลยกันไปนั้น พี่ยะบอกว่าพีรู้ตัวแล้วว่าไม่ใช่ลูกของพี่ยะ ผมจึงโล่งอกไปเปราะหนึ่ง

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้ทั้งวันผมทำงานไม่รู้เรื่องเลย ต้องให้หมอคนอื่นทำงานแทน ส่วนผมก็มานั่งดูเอกสารอยู่ในห้อง เพราะติดต่อคุณฟ้าไม่ได้มาสองวันแล้ว คุณฟ้าไม่มาทำงาน คอนโดก็ไม่กลับ  โทรหาไม่รู้กี่รอบก็ไม่ยอมรับ ผมขอเบอร์คุณนนท์จากยีน ยีนบอกให้ไม่ได้เพราะคุณนนท์สั่งเอาไว้ ครั้งขอให้ช่วยโทรหาให้ก็ปฏิเสธอีกตามเคย ผมสังหรณ์ใจว่ามันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ระหว่างผมกับคุณฟ้า เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่รู้ตัว แต่มันเป็นเรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อครั้งสุดท้ายที่เจอหน้ากัน ทุกอย่างยังเป็นปกติ

มันเกิดอะไรขึ้น?

มันร้ายแรงจนคุณฟ้าหลบหน้าผมเลยหรือไง?

พยายามคิดแต่มันก็คิดไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทำไมคุณฟ้าต้องหลบหน้าผม ผมเคยไปคอนโดของคุณนนท์มาครั้งหนึ่ง ตอนที่ไปตามหาแดนกับคุณฟ้า หรือว่าผมควรจะไปดักรอคุณนนท์ที่นั่นดี

สร้อยที่ซื้อมายังอยู่กระเป๋าเสื้อ ผมพกติดมาตลอด หวังว่าจะให้มันกับคุณฟ้าตั้งแต่วันแรก จนวันนี้ก็ยังไม่มีโอกาสสวมมันให้กับคุณฟ้า รู้สึกกลัวและหวั่นใจว่าอาจจะไม่มีวันได้ให้มันกับคุณฟ้า

“กลับแล้วหรอพี่นุ” เบียร์ที่เปิดประตูออกมาจากห้องตรวจเอ่ยทัก ผมได้แต่พยักหน้าให้ บอกลาคุณหมอคนอื่นๆ ก่อนจะเปิดประตู้ออกมา ท้องฟ้าข้างนอกมืดแล้ว ผมมองไปทางร้านเชิญครับตามความเคยชิด ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งผลักประตูเข้าไปในร้าน ผู้ชายคนที่ผมไม่ได้เจอมาถึงสองวัน ผู้ชายคนที่ผมคิดเขาทุกนาที อยากเจอ อยากคุย อยากเห็นหน้า อยากถามให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา มีอะไรที่ผมทำผิดไปแล้วทำให้เขาโกรธจนต้องหลบหน้าผม

คุณฟ้า

เท้าผมก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว แทบจะเรียกว่าวิ่งเลยด้วยซ้ำ ผลักประตูเข้าไปในร้านก็ไม่เห็นคุณฟ้าแล้ว คิดว่าน่าจะอยู่หลังร้าน พอผมจะเดินตามเข้าไปข้างใน ยีนที่เพิ่งเดินออกมากลับยืนขวางผมเอาไว้

“เข้าไม่ได้ค่ะคุณหมอ” ยีนพูดแบบนี้ ผมไม่ตกใจเท่าไหร่เพราะพอจะรู้สถานภาพของตัวเองได้ลางๆ เข้าใจความรู้สึกของพี่ยะตอนที่ผมห้ามไม่ให้เข้าใกล้พีขึ้นมาทันที

“บอกพี่ฟ้าได้ไหมว่าหมอขอคุยด้วย” ผมขอร้องให้ยีนช่วย แต่จะให้ดื้อด้านเข้าไปให้ได้ มันไม่ควรแล้วมันไม่ใช่นิสัยของผม

“คุณหมอไปนั่งก่อนนะคะ ยีนจะไปถามพี่ฟ้าให้” ยีนว่า แล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน ผมหายใจโล่งไปเปราะหนึ่งที่ไม่โดนกีดกั้นจนเกินไป ดีที่ยีนไม่โกรธผมไปด้วย ความผิดของผมคืออะไร ผมยังไม่รู้เลย

ผมไม่ได้ไปนั่งตามที่ยีนบอก ยังยืนอยู่ที่เดิม สักพักคุณฟ้าก็เดินตามหลังยีนออกมา ยีนเดินเลี่ยงไปอีกทาง ผมตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอกันมาสองวัน หน้ากับปากซีดมาก ส่วนตาก็บวม อาการของคนป่วยกับคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“คุยข้างนอกนะครับ” คุณฟ้าบอก เสียงเบามาก ก่อนจะเดินนำผมออกไปข้างนอกร้าน มียีนเดินตามออกมาด้วย เอายามาจุดไล่ยุงให้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน

ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไร ขณะที่คุณฟ้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม เราสองคนนั่งเงียบอยู่นาน ผมพยายามคิดว่าอะไรทำให้คุณฟ้าโกรธ สภาพคุณฟ้าเหมือนคนที่ร้องไห้หนักมาตลอดทั้งคืน สภาพแย่กว่าตอนเช้าวันนั้นที่ผมเจอแล้วชวนไปเที่ยวทะเลด้วยกันซะอีก

“คุณฟ้า”

“คุณหมอ”

เราพูดขึ้นมาพร้อมกัน ผมมองตาช้ำๆ ที่เริ่มคลอน้ำตา

“คุณหมอพูดก่อนเถอะครับ” คุณฟ้าว่า เสียงสั่นนิดๆ

“ถ้าผมทำอะไรผิดแล้วทำให้คุณฟ้าโกรธ ผมขอโทษ แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมทำอะไรผิดไปตรงไหน คุณฟ้าช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับ” คำพูดของผมทำให้น้ำตาคุณฟ้าไหล เจ้าตัวยกมือขึ้นมาเช็ด สูดหายใจเข้าลึก พร้อมกับพูดคำที่ทำเอาผมเหมือนคนตกจากที่สูง คุณฟ้าไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับพูดในสิ่งที่ผมไม่คิดมาก่อน

“ เราเลิกกันเถอะครับ”

ผมได้ยินชัด แม้คำพูดที่บอกจะแผ่วเบาเหลือเกิน

“ทำไมครับ” เสียงผมก็เบาไม่แพ้กัน

ความผิดที่ผมไม่รู้ มันเป็นความผิดที่ร้ายแรงขนาดไหนกัน ถึงทำให้คุณฟ้าขอเลิกกับผม ร่องรอยความเสียใจบนใบหน้านั้น ฟ้องให้ผมรู้ว่าความผิดของผมมันหนักหนาจนคุณฟ้าไม่สามารถให้อภัยได้

“....” คุณฟ้าเงียบ ก้มหน้าน้ำตาไหล ตัวเริ่มสั่นเพราะพยามกลั้นไม่ให้หลุดเสียงสะอื้น

“.....” ผมทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านั่งมองคุณฟ้าร้องไห้เงียบๆ ไม่กล้าดึงตัวสั่นเทาเข้ามากอดแม้แต่น้อย มีคำพูดมากมายที่ผมนึกอยากจะพูดเพื่อให้คุณฟ้าหยุดร้อง ความสงสัยมากมายประเดประดังอยู่ในหัว สุดท้ายผมก็ทำได้เพียงแค่นั่งมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคุณฟ้า

ลูกค้าของร้านเชิญครับที่เดินเข้าออกร้าน ต่างพากันมองมาที่ผมกับคุณฟ้า คล้ายกับภาพฉายซ้ำวันที่คุณฟ้าถูกคุณนนท์บอกเลิก

“คุณฟ้า”

“คุณหมอ”

เราพูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง จากที่นั่งเงียบกันมา นานจนน้ำตาคุณฟ้าหยุดไหล

“ผมขอพูดก่อนนะครับ” ผมรีบบอกคุณฟ้า ยังไม่อยากให้คุณฟ้าพูดในสิ่งที่คิด ผมกลัวว่าถ้าคุณฟ้าพูดออกมา ผมจะไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

“ไม่เลิกได้ไหมครับ” ผมถาม คำถามที่บอกถึงความต้องการของผมเอง

“ไม่ได้ครับ” เสียงคุณฟ้ายังคงสั่น แต่แววตาที่ผมเห็น มันเด็ดเดี่ยวมาก รู้สึกกลัวใจของคุณฟ้ามาก

“ทำไมครับ”

“ไม่เลิกวันนี้ วันหน้าก็ต้องเลิก เลิกเสียตอนนี้จะได้ไม่ต้องเจ็บกันไปมากกว่านี้”

.

.

.

ผมนั่งเล่นกับเจ้ากระปุก กระป๋อง กระแป๋ม อยู่ใต้ถุนเรือนเนื่องจากนอนไม่หลับ พวกมันเป็นลูกของเจ้าปีปี๋ที่ตายไปเพราะวิ่งออกไปนอกรั้วบ้านแล้วโดนรถชน

แล้วเจ้าสามตัวก็กระดิกหาง เห่าทักทายคนที่กำลังเดินตรงมาที่ผม แต่ไม่ได้มาหาผม เพราะพอโผล่หน้ามาให้เห็นก็ถามหาพีทันที โดยไม่ทักทายผมสักคำ 

“พีล่ะ” ผมมองขึ้นไปบนเรือน บอกทางสายตาโดยไม่ต้องพูดออกมา

“ฉันขึ้นไปได้?” เพราะเป็นพี่น้องกันเลยไม่ต้องพูดอะไรมาก พี่ยะเลยเข้าใจ ถึงถามอย่างนี้ ผมพยักหน้าตอบ

“ขอบใจว่ะน้องรัก”

“อย่ารักแกหลานผมล่ะกัน” ผมกำชับ

“แต่นอนกอดได้ใช่ป่ะ งั้นฉันนอนค้างที่นี่กับพีเลยนะ” พี่ยะถาม แต่ไม่รอเอาคำตอบ รีบวิ่งขึ้นเรือนไป ผมมองตาม ไม่ถึงเสี้ยวนาทีก็ได้ยินเสียงเคาะประตูโครมคราม สักพักจึงเงียบไป

ที่ผมยอมให้พี่ยะเจอพีได้ เพราะเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยากเจอหน้าคนที่ตัวเองรัก อยากอยู่ใกล้ อยากกอด แต่ไม่ได้กอดว่ามันทรมานแค่ไหน รู้ซึ้งก็ตอนที่คุณฟ้าหายหน้าไปสองวัน สองวันที่ทำเอาอยู่ไม่สุข แล้วตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเชื่อว่า ผมกับคุณฟ้า...

เราเลิกกันแล้ว...

จริงๆ เหรอ?


ความรู้สึกที่เจ็บอยู่ตรงมุมปาก มันอาจจะช่วยยืนยันความจริงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าผมกับคุณฟ้าเลิกกันแล้วจริงๆ

คุณนนท์ทำอย่างที่เคยขู่ผมเอาไว้ เมื่อไหร่ที่ทำให้คุณฟ้าร้องไห้ เขาจะไม่เอาผมไว้  ผมอาจจะโดนหลายหมัดกว่านี้ ถ้าคุณฟ้าไม่ห้ามคุณนนท์เอาไว้เสียก่อน

>>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<<

คนเขียนขอคุย :: หายไปสิบวันแน่ะ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
แต่วันนี้ก็กลับมาแล้วนะคะ ตอนนี้สั้นไปนิด แต่มันสั้นตามสถานการณ์ค่ะ T^T
แต่ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่าน้า แต่มันก็ต้องมีเรื่องเล็กๆ เกิดขึ้นบางนิดหน่อยอ่ะเนอะ ไม่ว่ากันนะคะ
ยืนยันว่าน้ำตาไม่ท่วมจอแน่ๆๆ รับปากค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์แล้วทุกคำแนะนำจากหลายๆ คนนะคะ
คนเขียนจะเอาไปปรับปรุงและแก้ไขค่ะ ^____^
ว่าแล้วก็ขอตัวไปปั่นเรื่องสั้นต่อนะคะ

บับบาย
สีเหลืองอ่อน // aeaw


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด