12
ภาพตรงหน้าทำให้เขาเหมือนจะหน้ามืด แต่ไม่ใช่เพราะจะเป็นลม ความรู้สึกคุกรุ่นใกล้ปะทุ เขาทรุดตัวลง จ้องมองรอยแผลมากมายบนร่างกายบอบช้ำของเจ เลือดยังเกรอะกรังบนใบหน้าซีดเซียวนั้น เขายื่นมือไปแตะเบาๆ ร่างนั้นเย็นเฉียบ
“ใครทำ” เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน
พวกที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่มีใครตอบ คนเดียวที่ก้าวขึ้นมาคือ ป้อ ลูกน้องคนสนิท
“ไม่ทราบครับ!”
คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจ เขาลุกพรวด กำหมัดต่อยหน้าป้อเต็มแรง หน้ามันหัน ตัวเซเกือบล้มทั้งที่มันตัวใหญ่กว่าเขา เลือดไหลซึมออกจากมุมปาก
“พวกมึงอยู่กันตั้งหลายคน ไม่เห็นว่ามันทะเลาะกับใคร หรือมีใครมาพามันไปเลยรึไงวะ!”
“ขอโทษครับ” ทุกคนตอบแทบจะพร้อมกัน
“เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัว หาตัวมันมาให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ กูจะกระทืบพวกมึงเรียงตัว!” เทวินออกคำสั่งเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินกระแทกเท้าหนักๆ ออกจากหลังร้านไป
เขาเคยสั่งพวกมันแล้ว ว่าห้ามทำใครถึงตายในที่ของเขา ห้ามคนนอกเข้ามาทำร้ายคนของเขา ให้ช่วยกันดูแลให้ดี ทั้งที่ย้ำทุกครั้ง ทุกวัน แต่ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจนได้
“พี่วิน! เจอตัวแล้ว” ป้อโผล่พรวดเข้ามาในห้องทำงานของเขาเหมือนเคย ก่อนจะสะดุ้งด้วยความตกใจ เพราะมันเพิ่งเคยเห็นเวลาที่เขาโกรธจัด
กับปืนที่อยู่ในมือ
***
เทวินกลับมาที่บ้านของปู่ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ และคนแรกที่เขาอยากเจอคือ...
แม่
ประตูเปิดผลัวะ เขาเดินโซเซเข้าไปหาแม่ ซึ่งนอนหลับไปแล้ว ร่างสูงทิ้งตัวลงฟุบหน้ากับแขนของแม่ที่อยู่ในผ้าห่มผืนหนา
น้ำตา...ไม่ได้ไหลมาหลายปีแล้ว
จนตอนนี้ ไม่รู้แล้วว่าการร้องไห้ต้องทำยังไง
เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้สึกถึงมืออุ่นๆ บนศีรษะ
“วินเหรอลูก”
แขนของแม่ยังมีรอยแผลของการถูกผูกรัดจางๆ
มันเจ็บในอก
เจ็บใจ
“ครับ” เขาเอ่ยเสียงเครือ เศร้า แต่มันร้องไห้ไม่ออก
เหงา แต่บอกใครไม่ได้
“ทำไมมาดึกจัง มีอะไรหรือเปล่า” แม่ลูบหัวของเขาแผ่วเบา แม่ทำทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง เพื่อเขา
แล้วเขาทำอะไรได้บ้าง
“ผมแค่คิดถึงแม่”
แม่คลี่ยิ้ม เขาคลานขึ้นไปบนเตียง นอนคดตัวอยู่ข้างๆ แม่ ให้แม่กอดไว้เหมือนตอนเป็นเด็ก
“ผม...ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย” เสียงของเขาคล้ายเสียงลมที่พัดผ่านมาแล้วก็จางหายไปในความมืด แม่กอดเขาแน่นขึ้นอีก
ด้วยความรักอันบริสุทธ์
“แม่รู้”
...
เวลาตีงู มันต้องตีให้ตาย เรื่องแค่นี้ใครๆ ก็รู้
“มันยังไม่ตาย ทุบเข้าไป ทุบเข้าไป!” เสียงเพื่อนร่วมชั้นสมัยประถมคอยเชียร์จากหน้าต่างห้องเรียนชั้น 2 สนุกกับการที่เขาต้องมาตีงูที่โผล่มาในกรงไก่ที่เลี้ยงไว้
เขายืดแขนจนสุด เหวี่ยงไม้ลงสุดแรงเกิด ทุบๆๆๆๆ
ทุบจนมันแน่นิ่ง
มันตายแล้ว
“ตายแล้วๆ เฮ” เสียงเฮดังกระหึ่ม เขาปาดเช็ดเหงื่อ เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เพื่อนที่โห่ร้องดีใจ
พวกเขาช่วยชีวิตแม่ไก่ไว้ได้แล้ว
...
ปัง!
เขาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงปืน เหงื่อกาฬไหลพลั่กราวกับไปวิ่งมาราธอนมา แต่พอมองไปรอบๆ ก็เห็นแค่ห้องนอนสีขาวที่มีแสงแดดส่องรำไร
“ตื่นแล้วเหรอวิน”
แม่เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับน้องชายตัวน้อย ที่ตอนนี้อายุ 3 ขวบ จะ 4 ขวบแล้ว เข้าเรียนอนุบาล 1 กลางปีนี้ได้พอดี เจ้าตัวเล็กมองหน้าเขาเหมือนคนแปลกหน้า เพราะเขาแทบไม่ได้มาที่บ้านนี้เลยในช่วงหลังๆ แต่พอแม่เรียกชื่อของเขา ริชก็เหมือนจะจำได้
“วิง” ด้วยความที่ยังพูดไม่ชัด เจ้าหนูเลยเรียกเขาผิดไปนิดหน่อย วินหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นมือออกไปหาน้อง ริชวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าหาอ้อมกอดของพี่ชาย ให้เทวินได้อุ้มเล่น
“ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะไอ้หมูน้อย” เขาบี้จมูกกับแก้มนุ่มนิ่มของน้อง พอเห็นเขายิ้มได้ แม่ก็ยิ้มตาม
พวกเขาควรจะได้มีความสุขอย่างนี้ทุกวัน
“แล้วต้องไปทำงานต่อหรือเปล่า วันนี้วันอาทิตย์นี่” แม่ถามพลางนั่งลงข้างๆ เขา จับมือของเขาที่ยังสั่นนิดๆ ไว้
“ไว้กลับไปตอนค่ำๆ แล้วกันครับ ผมอยากอยู่กับแม่กับน้องก่อน”
วันนั้นทั้งวัน เขาอยู่เล่นกับริช ทั้งวาดรูประบายสีด้วยกัน สอนให้ริชอ่าน ABC นับเลข ร้องเพลงด้วยกัน ในห้องนอนของแม่ จนเย็นย่ำ เขาถึงได้ยอมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง
ตอนที่เขากำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า จู่ๆ ประตูก็เปิดเข้ามา ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าใครที่จะเข้ามาในเวลาแบบนี้
“ทำไมมาไม่เห็นบอกป๋าเลย”
เขาพ่นลมหายใจ “ผมแค่มาหาแม่กับน้อง เดี๋ยวจะกลับแล้วครับ”
มันเข้ามากอดเขา เอาหน้ามาแนบกับไหล่ เขารีบติดกระดุมเสื้อเชิ้ตพลางเอามือสางแล้วขยี้ผมลวกๆ ก่อนจะหมุนตัวไปหามัน
“ไว้วันหลังผมค่อยมาหาป๋านะครับ ปล่อยผมก่อน ผมต้องไปจัดการเรื่องที่พัทยา”
มันคลี่ยิ้ม “2 ศพนั่นน่ะเหรอ จะจัดการศพไหนก่อนล่ะวิน”
“ทั้งสอง” เขาตอบเสียงแข็ง นิ่วหน้าเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด มันหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ แล้วกระซิบข้างหูด้วยเสียงอันเยียบเย็นจนน่าขนลุก
“อย่าให้เหลือซากล่ะ ที่รัก”
***
เขาขับรถสีขาวคันโปรดที่ใช้มาตั้งแต่สมัยมัธยมออกจากบ้านหลังนั้น ปู่บอกจะซื้อรถให้ใหม่หลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เอา ไม่อยากได้อะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ขอแค่ชีวิตแม่ก็พอ
ระหว่างทาง เขาขับผ่านบ้านรั้วสีเขียวอ่อน ทาวเฮ้าส์ 3 ชั้นขนาดไม่กว้างขวางมากมายนัก แต่ดูน่าอบอุ่น บนชั้น 3 เป็นห้องนอนของคนที่เขารัก
เขาจอดรถ และจ้องมองไปยังหน้าต่างบานนั้น
19.42 น. ปริมคงยังไม่นอน อาจจะกำลังอ่านหนังสือ เตรียมไปเรียนในวันพรุ่งนี้ หรือไม่ก็อาบน้ำ อาจจะเล่นเกมอยู่ก็ได้
เขามองดูมือของตัวเอง มันหายสั่นแล้ว ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
มือข้างขวาที่ถือวัตถุสีเงินนั่นไว้แล้วเหนี่ยวไกออกไปอย่างไม่ต้องคิด
ไม่มีอะไรต้องคิด
แค่เลือดที่ต้องล้างด้วยเลือด ถ้าไม่ฆ่ามันให้ตาย ตัวเขาก็จะเป็นอันตรายในภายหลัง
เหมือนกับเวลาที่ต้องตีงู
ก็แค่นั้นเอง
ใครที่กล้าทำร้ายคนของเขา มันต้องวอดวาย
ก็แค่นั้นเอง
ง่ายๆ
ไม่เห็นต้องคิดมากเลย
เขาเผลอกำมือทุบลงไปบนพวงมาลัย เสียงแตรดัง และหน้าต่างชั้น 3 ก็เปิดออก เขาสะดุ้ง เงยหน้ามอง พอเห็นปริมชะโงกหน้ามอง ก็รีบออกรถทันที
ปริมจำรถของเขาได้แม่นยำ เพราะมันไม่ใช่รถที่คนทั่วไปจะขับกัน มันโดดเด่น แม้ไม่ต้องมองเลขทะเบียนก็รู้
“วิน! วิน!” ร่างเล็กตะโกนแหวกผ่านอากาศ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้อง ลงบันไดมาแล้วเปิดประตูออกไป
แต่รถของเขาไปไกลมากแล้ว
ไกลเกินกว่าจะย้อนกลับมา
***
เพราะเป็นเด็กที่อยู่ในซ่อง เพราะไม่มีพ่อแม่ เลยไม่อาจจัดงานศพให้อย่างคนทั่วไปได้
ทำได้แค่จัดพิธีเล็กๆ ให้ที่หลังผับ กับรูปถ่ายขาวดำในกรอบเรียบง่าย และดอกไม้เพียงช่อเดียวของเขา มีแค่นี้จริงๆ ที่จะทำให้เจเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนอีกศพก็เผานั่งยางในป่าไป
เจเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย มันไม่เคยดื้อกับเขาเลย สั่งอะไรก็ทำ ขยันทำงาน ไม่เคยปริปากบ่น ไม่ว่างานหนักแค่ไหน โดนพวกไอ้แก่ตัณหากลับทำรุนแรงแค่ไหน มันก็ทน
แต่ตอนนี้ ไม่ต้องทนอีกต่อไปแล้ว
คนที่มีเรื่องกับมันเป็นลูกน้องของพ่อเลี้ยงสักคนในพัทยา ไม่ใช่เสี่ยน้อยพ่อเลี้ยงของเขา เป็นคนอื่นที่ถูกเรียกแบบนั้น เขาไม่สนหรอกว่ามันเป็นลูกน้องใคร แต่มันฆ่าเด็กของเขา
และเขาต้องจัดการให้สิ้นซาก
ต่อให้มีเรื่องข้ามเขตกันก็ไม่สน เพราะอิทธิพลของจักราอภิวัฒน์ในตอนนี้ขยายกว้างในพัทยาแล้ว แม้แต่ตำรวจก็ไม่กล้าทำอะไรเขา และเทวินไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นในชลบุรี ทุกคนต่างก็รู้ดี แม้แต่มหาวิทยาลัยเองก็ยังไม่กล้าไล่เขาออก เพราะนอกจากจะเป็นมาเฟียคุมพัทยาเกือบทั้งหมดแล้ว เขายังเป็นนักเรียนระดับท๊อปคลาส ว่าที่เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง คณะรัฐศาสตร์ ในเร็วๆ นี้
แม้ว่าที่บ้านหลังนั้น เขาจะยังต้องยอมก้มหัวให้ปู่กับเสี่ยน้อยก็ตาม
ลูกน้องของปู่ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเขา แต่ลูกน้องของเสี่ยน้อย ตอนนี้เป็นคนของเขาเกือบหมดแล้ว เพราะพวกมันต่างเห็นว่าเขาบริหารงานได้ดีกว่า แข็งกร้าวกว่า รายได้จากทางพัทยามีมากกว่าบ่อนกับซ่องของเสี่ยน้อยที่กรุงเทพฯ รวมกันเสียอีก
เขาค่อยๆ สั่งสมกำลังคน ค่อยๆ สร้างความไว้ใจ ความผูกพัน และสิ่งที่เขาทำให้ลูกน้องทั้งรัก เคารพและหวาดกลัว คือ ความเด็ดขาด
คนในทะเลาะกันเอง เขาก็จัดการทั้งคู่เท่าเทียม ส่วนมากแค่สั่งสอนเบาๆ ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสหรือถึงตาย แต่ถ้าเป็นคนนอกที่มาหาเรื่องหรือทำร้ายคนของเขา เทวินก็ลุยแหลก ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม อย่างครั้งนี้ คนของไอ้พ่อเลี้ยงอะไรนั่น มาทำคนของเขาตาย เขาก็บุกไปยิงมันคาที่ ทีเดียวจบ
ตอนลงมือ เขาไม่เคยมีความลังเลแม้แต่น้อย
แม้สุดท้ายแล้ว ข้างในตัวเขาก็ยังคงเป็นเทวินคนเดิม เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อยากมีชีวิตอย่างคนทั่วไป มีครอบครัวที่อบอุ่น
ทุกครั้งที่เขาก้มมองมือของตัวเอง มันเหมือนเห็นเลือดมากมายที่ไม่ใช่ของตัวเขากำลังไหลริน ล้นทะลักออกมา
มันเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งเนื้อตัว...
สกปรกเกินกว่าที่จะซักออก
ผ้าผืนนี้
ไม่หลงเหลือสีขาวอีกต่อไปแล้ว
***
คนแต่งได้สละชีพไปแล้ว กับตอนนี้
ขอบคุณคอมเม้นท์ทุกคนเลยจ้า
คุณเกรย์วิเคราะห์โดนใจอีกแว้วววว จับมือๆ รอดูต่อไปง้าบ
ปล.พรุ่งนี้ไม่อยู่บ้าน คงไม่ได้มาอัพรัวๆ แหง่วๆ ว่างจากงานเมื่อไหร่จะรีบมาต่อนะ นี่พยายามเข็นมารัวๆ เพราะเด๋ยวมีงานค้าง ต้องส่งจันทร์นี้ อาจจะไม่ได้มาต่อนาน อ่านวนกันไปก่อน แต่ตอนล่าสุดน่าจะไม่ค่อยอยากอ่านวน 55
รักคนอ่านน้า จุ๊บๆ
เรื่องอื่นต่อหลังงานประจำเราจบละกันน้า