#TWENTY-NINE
{Learning}
การเรียนรู้
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... อยากร้องไห้ให้น้ำตาเป็นสายเลือด แล้วตีลังกาสามล้านตลบในอากาศ ถ้าทำได้
ในหัวตอนนี้มันมีแต่คำว่า
นี่เขาทำอะไรลงไปวะเนี่ย…
โอ๊ย ไม่นะ ด้วยความขาดสติผสมความหึงขั้นรุนแรงทำให้ตัวเองกล้าทำอะไรบ้าบิ่นอย่างการทักแชทใครที่ไหนก็ไม่รู้ไปถามว่าเป็นอะไรกับเดือน และความพีคมันอยู่ที่ว่า เขารู้สึกพราวด์มากตอนไปแผ่อำนาจใส่ แต่สุดท้ายถูกเขาตอกหน้าหงายกลับมาว่าคือพี่สาวน้องมัน
ขอร้องไห้ให้น้ำตาท่วมโลก
จะบอกกับเดือนยังไง
ต้องกล้ำกลืนฝืนทนไว้ อย่าให้พี่น้องทะเลาะกันเพราะเขาเลย
ถ้าพี่สาวน้องไม่ยอมรับในตัวเขาต้องเกิดเหตุการณ์ที่เดือนผิดใจกับพี่สาวเพราะเลือกเขา ไม่นะ ครอบครัวแตกแยก สาเหตุเพราะเคียงกาย ฮือออออออ เขายังฝันถึงครอบครัวในอุดมคติที่มีความอบอุ่น ยังไม่อยากเจอครอบครัวที่เย็นชาห่างเหินนะ
เอาความจริงแมะ?
เครียดจนมโน ความจริงคือเครียดเพราะกลัวเดือนด่าที่ไปทำอะไรไร้ความสุภาพกับพี่สาวเขาขนาดนั้น เพราะถ้าต้องเลือกจริงๆ ไม่วายน้องมันคงต้องเลือกครอบครัว แถมเขาจะเข้าหน้าพี่สาวมันติดได้ยังไงตอนนี้กำลังคิดหนักพอดู
แต่เวลามันก็ไม่พอให้คิด เมื่อใครบางคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ และคนข้างๆเขาก็ตะโกนเรียกเต็มเสียงว่า
“พี่วันเพ็ญ”
อึก
ทำไมกูไม่สังเกตความเชื่อมโยงระหว่างชื่อเล้ยยยยย น้องชื่อเดือน พี่ชื่อวันเพ็ญ ครอบครัวพระจันทร์แบบสุดๆ
หญิงสาวผมบ๊อบมาพร้อมกับลุคเปรี้ยวจี๊ด ผ้าคลุมสีดำที่คลุมไหล่อยู่ปลิวสะบัดตามแรงเดินแต่ละก้าวที่มั่นคง และเต็มไปด้วยความมั่นใจของเธอ ใบหน้าเชิดรั้นแต่ไม่ได้ดูก้าวร้าวเหลียวมองรอบกาย
“บรรยากาศเมืองไทย คิดถึงมากกกกกกก”
และสิ่งที่ทำให้เขาอึ้งอีกรอบคือสำเนียงภาษาไทยของเธอ ที่ยังคงชัดเจนไม่แปร่งหู อย่างคนทั่วไปที่ไปเรียนเมืองนอกเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ถึงกับประหลาดใจเพราะหลายๆคนที่เขารู้จักก็ยังคงสำเนียงของภาษาได้เมื่อกลับมาเมืองไทย ยกตัวอย่างไอ้เคียงคู่พี่ชายที่ไม่น่าเคารพของเขาเป็นต้น
“โตขึ้นมากเลยนะ สูงกว่าพี่อีก”
เธอทักน้องชายตามประสาคนไม่อยู่นาน
“คนเรามันต้องมีการพัฒนา”
ผัวะ เท่านั้นล่ะ ฝ่ามืออรหันต์ของสาวเจ้าพุ่งเข้าหัวเดือนเต็มๆ
“กวนตีน”
“ง่ะ”
คุณเคยเห็นหมาเวลามันทำท่าหงอยตอนถูกดุมั้ย นั่นล่ะอิน้องเดือนของเขาในตอนนี้ เชื่องมาก เชื่องที่สุด ดูเป็นพี่สาวที่คุมน้องอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ขอคารวะ
“แล้วนี่ใคร”
เธอหันมาเห็นเขาที่พยายามทำตัวลีบเหลือสองนิ้วข้างหลังเดือน กูนี่รีบดึงแขนเสื้อน้องมันทันที
“นี่พี่เคียงกายครับ ส่วนพี่เคียงกายนี่พี่วันเพ็ญพี่สาวผมครับ”
เดือนแนะนำตัวเขากับพี่สาวตัวเอง พร้อมแนะนำพี่สาวตัวเองให้เขารู้จัก
เขาพยักหน้ายิ้มๆทักทายเธอตามมารยาท และอุ่นใจที่เธอส่งยิ้มกลับมาพอเป็นพิธีเหมือนกัน ทำไมไม่เป็นอย่างในหัวคิดเลยว้า การมาเจอพี่สาวแฟนที่เป็นแบบนี้ทำให้สัญชาตญาณตัวเองรู้ตัวทันทีว่า ไม่ควรบอกถึงความสัมพันธ์ใดๆให้เจ้าหล่อนทราบเด็ดขาด
“พี่เคียงกาย กำลังคบหาดูใจกันครับ”
ฉึก
ยิ้มแห้งเลยกู
เมื่อคนที่เขาไม่คิดว่าจะบอกเรื่องอะไรพวกนี้กลับโพล่งขึ้นมาหน้าตาเฉย
ทำให้รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรของพี่วันเพ็ญเมื่อครู่ กลับกลายเปลี่ยนแปลงเป็นอะไรสักอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูก
“เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
เขาคิดว่าควรพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ประโยคนี้แน่ๆ แต่มันก็คิดไม่ออกจริงๆ จึงต้องบอกเธอไปด้วยประโยคสิ้นคิดเพื่อทำลายความเงียบ
ความเงียบที่ช่างเหมือนก่อนกลั้นใจและพายุใหญ่ที่ใกล้เข้ามา
“จ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
เธอยิ้ม ยิ้มในแบบที่ควรเป็น
แล้ว ยิ้มยังไงกัน?
ถ้าเอาตามความคิดเขานะ เขาว่าเธอกำลังแสยะยิ้ม เปล่าเถอะ ไม่ได้อคติ เพราะเพิ่งเจอกัน
เขาว่าพี่วันเพ็ญไม่ชอบเขา…
จากประสบการณ์ตำราภาคทฤษฎีของเขาในหัวบอกว่าเขากำลังถูกกีดกันให้ห่างจากเดือนโดยตัวการไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือพี่วันเพ็ญผู้ทำตัวเป็นพี่สาวที่แสนดี พาน้องไปนั่นไปนี่เหตุผลเพราะไปเมืองนอกนาน กลับมาก็อยากจะมีเวลาดูน้องบ้างอะไรบ้าง
เขาเองก็ไม่อยากคิดแบบนั้น แต่มันส่อไปในทางนี้จริงๆ
วันจันทร์
“พี่เคียง ว่างป่ะ ไปดูหนังกัน เรื่องนี้เพิ่งเข้า ซับนะ”
เขาที่กำลังจะอ้าปากตอบตกลงจำต้องหุบฉับ เมื่อ…
“เดือนนนนนนนนนน ไปดูหนังกัน เรื่องนี้เพิ่งเข้า สนุกมาก”
“สนุกมากแปลว่าพี่ดูแล้วป่ะ ไม่เอาอ่ะ เกลียดคนขี้สปอยล์”
“น่า ไปนะ”
“งั้นชวนพี่เคียงไปด้วยนะครับ”
เขาก็อยากจะไปด้วยอยู่หรอกนะถ้าไม่ติดว่าพี่วันเพ็ญแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆอยู่ตอนนี้
“เอาเล้ย เหมือนจู่ๆงานก็เข้าอ่ะ นี่ต้องไปดูชมรม โทษทีนะ”
วันอังคาร
“พี่ ชาเขียวหลังมออร่อยมาก วันนั้นเพื่อนผมชวนไปกิน วันนี้ไปป่ะ อยากกินอีก”
เขาเงยหน้าจากสมุดเลคเชอร์วิชาภาษาสเปนกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
“เดือนนนนนนนนนนนน เพื่อนพี่เปิดร้านอาหารแถวหลังมอ วันนี้มันนัดไปเจิม ไปกับพี่หน่อยนะ”
เอี๊ยดดดดดดด
ไหน เสียงรถใครเบรก เสียงในหัวกูนี่แหละ ถูกเบรกเอี๊ยดเพราะพี่วันเพ็ญอีกแล้วครับท่าน
วันพุธ
“พี่เคียง ที่อควาเรียมแถวนี้มีนกเพนกวินที่พี่ชอบด้วยนะ”
มึงไม่ต้องมาหลอกล่อ เพราะกูแพ้ลูกอ้อนมึงอยู่แล้ว
แต่…
“เดือนนนนนนนน เย็นนี้เราไป…”
จากที่เมื่อก่อนเขายังรักษามารยาท แต่วันนี้เขาเดินหนีออกมา ใครจะว่ายังไง หรือพี่วันเพ็ญจะมองยังไงก็ช่าง ก็เขาไม่ให้น้องเขา แล้วเราจะไปดันทุรังเอาทำไม
เปล่า ยังไม่ตัดใจ แค่ถอยออกมาตั้งหลักเท่านั้นล่ะ
วันพฤหัสบดี
“พี่เคียง วันนี้ไปห้องนะ บูบู้บ่นคิดถึง”
คิดถึงกูก็บอก อย่าเอาหมามาอ้าง งื้อ ทำไมไอ้เดือนมันน่ารักขึ้นทุกวัน
แต่…
“ชู่วววววววววว เบาๆนะมึง”
เขากลัวพี่วันเพ็ญมาได้ยิน คนอะไรตามน้องไปได้ทุกที่แม้แต่ในมหา’ลัย
เดือนถึงกับหลุดขำท่าทีของเขา
“พี่วันเพ็ญไปบ้านแม่ครับ วันนี้ทางสะดวก”
มันก้มลงกระซิบข้างหู ทำเอาเดียมไปทั้งตัว นี่เราทั้งคู่ตอนนี้ดูเหมือนชู้กันมากกว่าจะเป็นคนกำลังดูใจเสียอีก เขาคิดแบบนั้นจริงๆนะ ก็ดูทำแต่ละอย่างดิ ปวดหัว
แต่ยังไงก็เถอะ วันนี้ทางสะดวกอย่างเดือนว่าจริงๆ
ใครจะว่าความรักเขาโคตรวัยรุ่นเด็กเอ๊าะๆก็เหอะ คนรักกัน ขอตัวติดกันแค่ตอนเย็นบ้างไม่ได้หรือไง
มีผัวหล่อขนาดนี้ เอ๊ย คนคบหาหล่อขนาดนี้ ไม่อยากตัวติดได้ไงใจมันเรียกร้อง
“ไปเถอะครับ บูบู้คิดถึง”
“มึงหรือบูบู้” หยอดวันละนิดจิตแจ่มใส
“ทั้งสองครับ”
ตู้มมมมมมมมมม แต่ทำพี่คิดไปไกลใครจะรับผิดชอบ งื้อ เขินนนนนนน
“บูบู้ลูกพ่อ”
เขาอ้าแขนรับบูบู้เต็มอ้อมกอด มันตัวใหญ่ขึ้นจนต้องเซถอยหลังเพราะเริ่มรับแรงกระแทกไม่ไหว ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นด้วยนะ ไม่เจอกันนาน เพราะเดือนเอามันไปฝากไว้ที่บ้านใหญ่ หรือก็คือบ้านพ่อกับแม่ของเดือน
“หืม ลูกแม่หรือเปล่า”
“ตลกละ กูผู้ชายแมนๆเตะบอลครับ จะให้เรียกแม่กระดากปากตาย”
“แล้วทำไมผู้ชายแมนๆถึงชอบผู้ชายที่แมนกว่าล่ะ”
ไปไม่ถูกเลยกู เดินหนีมาเล่นกับบูบู้ที่โซฟาแม่ง
“ห้องดูสะอาดขึ้นนะ”
หลังจากกวาดสายตาเกือบสามวินาที “ก็ พี่วันเพ็ญมาเก็บกวาดให้”
“อือ พี่มึงนี่โคตรหวงมึงอ่ะ”
เขาพูดตามที่คิด มือก็หยิบคุกกี้ที่มันเอาใส่จานมาเสิร์ฟ เดือนอมยิ้ม ไม่ถือโทษเขาที่อแบนินทาพี่ตัวเอง
“ก็นิดหน่อย”
“…”
“มีน้องชายหล่อขนาดนี้ เป็นใครก็หวง”
โอเค กูยอม เพราะหล่อจริง
แต่เกลียดความหลงตัวเองได้มั้ย ใครตอบที
“ยอม”
“ยอมให้กด”
“ถุย”
เขาผลักหน้าหล่อๆที่โน้มเข้ามาหาตัว แล้วยิ้มเขิน มึง คือภูมิต้านทานกูก็ใช่จะแข็งแกร่ง อย่ามาเล่นอะไรที่ทำร้ายหัวใจให้จั๊กจี้แบบนี้
ครืด ครืด
“แป๊บนะพี่”
เดือนออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกระเบียง
“ไหนดูซิ ทำไมตัวโตจังเลยอ่า”
บูบู้แลบลิ้นเลียมือเขาที่ขยุ้มกลุ่มขนนุ่มบนตัวมัน ฮื่อออออ ทำไมเป็นน้องหมาที่น่ารักแบบนี้ ไม่อยากตัดขนมันเลยเอาจริงๆ เดือนบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาตัดขนบูบู้ น้องบอกว่าเพื่อเสริมสร้างสุขภาพขนที่ดีเขาเลยต้องจำใจยอม
มันครางหงิงเมื่อเขาลูบขนบนหลัง เจ้าตัวนอนหมอบใหญ่เลยสงสัยชอบ
“เวลาอาบน้ำกับพ่อเดือนห้ามแอบดูจุดจุดจุดของพ่อเดือนนะรู้มั้ย พ่อเคียงกายหวง”
“…”
“ซิกแพ็กด้วย ห้ามจับ”
“…”
“ทางที่ดีต้องให้พ่อเดือนสวมเสื้อตลอดเวลา”
“…”
“โอเคมั้ย”
บูบู้ยกมือที่มีแต่ขนขึ้นแตะมือเขาที่ยื่นไปแบตรงหน้ามัน
“อ้อ อีกอย่าง ห้ามให้ผู้หญิงคนไหนมาอาบให้นะรู้มั้ย” เพราะนั่นหมายถึงแม่ใหม่ของแก
เหมือนมันจะรู้คำเขา บูบู้ครางหงิงอีกรอบอย่างรำคาญที่ย้ำนักย้ำหนากับมัน
โดยที่เขาเอาแต่สนใจหมา หารู้ตัวไม่ว่าพ่อหมาที่ออกไปรับโทรศัพท์กลับมาได้สักพักใหญ่แล้ว
“งับ บูบู้จะทำตามพ่อเคียงกายสอนงับ”
เสียงกวนตีนแบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้แล้วนอกจากไอ้เดือน
“ตลก”
เขาทำเฉไฉ อย่ามาจ้องมองได้ป่ะ อายคำพูดตัวเองชะมัดเลย ทำเด็กมันได้ใจไม่รู้ตัว
“เดี๋ยวออกไปส่งไอ้วงรีแป๊บนะ เล่นหมารอไปก่อน”
“กูไม่ใช่เด็ก”
เขาแจกฟัคให้มัน ก่อนเดือนจะหัวเราะแล้วเดินหนีไป
สุดท้ายทั้งห้องก็เหลือเพียงเขา และบูบู้ที่นอนเอาหัวเกยตักเขาอย่างสบายอารมณ์
แอ๊ด
เสียงประตูเปิดอีกรอบ
“ลืมของเหรอ” เขามั่นใจมากว่าเจ้าของห้องจะกลับมาเพราะลืมของ แต่พอหันไปมอง
“เดือนไม่อยู่เหรอ”
พี่วันเพ็ญ
อึก
“สวัสดีครับ”
เด็กไทยมารยาทดีไว้ก่อน ใจดีสู้เสือโบราณว่า
“เดือนล่ะ”
“ออกไปข้างนอกครับ”
เธอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินเข้ามาหาเขา มีใครเพิ่มแอร์ห้องนี้หรือเปล่าเนี่ย ทำไมจู่ๆถึงร้อนอบอ้าวแบบนี้ แถมบรรยากาศมาคุแบบเย็นยะเยือก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เอ้ะ หรือเขากำลังจะไม่สบาย
“บูบู้ อ้าปากทำไม หิวเหรอ เฮ้อ หิวก็ไม่บอก”
เอาหมาเป็นตัวช่วยแล้วกัน หิวไม่หิวก็ย้ายก้นเราสองคนไปห้องครัวก่อนแล้วกันนะลูกพ่อ
“เดี๋ยวสิ”
กึก ชะงักกึกเลยเรา
“นั่งคุยกันก่อน”
เขาจำต้องถอยกลับมาปักหลักอยู่ตรงโซฟาตัวเดิม พี่วันเพ็ญหย่อนก้นนั่งลงข้างๆเขา ส่วนบูบู้ก็ต้องย้ายตัวมันไปนอนข้างล่างอย่างช่วยไม่ได้
“ดูหมาจะติดเคียงกายเนอะ”
“อ่อ เดือนเคยฝากผมเลี้ยงน่ะครับ”
“เหรอ แปลว่าสนิทกันมากเลยนะ เดือนถึงฝากของๆตัวเองเอาไว้ ปกติเดือนไม่ใช่คนที่เที่ยวฝากอะไรไว้ให้ใครก็ได้รับผิดชอบ ยิ่งเป็นของในความรับผิดชอบของตัวเองด้วยแล้ว”
เขาได้แต่พยักหน้ารับฟัง
“แล้วนี่ คบกันมากี่เดือนแล้ว”
“ฮะ”
“…”
“อ๋อ รวมวันนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดีครับ”
เขาเริ่มนับมาตั้งแต่วันที่เราปรับความเข้าใจกัน ส่วนก่อนหน้านั้นที่มันคลุมเครือไปมาขอไม่พูดถึงแล้วกัน แต่ดูเหมือนว่าคำพูดเขาจะไปสะกิดต่อมอะไรบางอย่างของพี่วันเพ็ญเข้า เพราะพี่แกเล่นเบิกตากว้าง ขมวดคิ้วเป็นปม ทำไมเหรอ เขาพูดอะไรผิดตรงไหนยังไงกัน
“กับระยะเวลาแค่นี้ มั่นใจได้ยังไงว่าความรู้สึกของเดือนคือชอบเรา”
“ไม่ครับ”
“…”
“ไม่มั่นใจเลย ออกจะประหม่าด้วยซ้ำ”
“…”
“เดือนไม่เคยบอกรักผม บอกชอบ หรืออะไรก็ตามที่เป็นรูปธรรมมากกว่าคำว่าตอนนี้เรากำลังคบกัน แต่ไม่รู้สิ คงเป็นโชคดีในโชคร้ายมั้งครับ ที่ผมเป็นคนแปลก ผมไม่ได้มองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตาเพียงอย่างเดียว หากเราใช้ตามอง เราจะเห็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม แต่สำหรับเรื่องนี้ ผมพยายามใช้หัวใจมอง ใช้ใจคิด เพื่อให้เห็นนามธรรมที่ซ่อนอยู่ บางทีความรักก็ไม่ได้มาในรูปแบบของการบอกรักที่เป็นรูปธรรม แต่หลายๆครั้ง เราปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า ความรู้สึกมักนำหน้าการกระทำไปหนึ่งก้าวเสมอ”
คำพูดมากมายเปล่งออกมาจากปากเขา อึ้งมากที่ว่าตัวเองเอาคำพูดยืดยาวนี้มาจากไหน แต่ก็รู้สึกโล่งใจแปลกๆที่ได้พูดมันออกมา
“เราคงจะลืมนึกไปหรือเปล่าเคียงกาย ว่าทั้งความรู้สึก และการกระทำ สุดท้ายมันก็เปลี่ยนได้ด้วยอารมณ์คน”
“…”
“บางที ถ้ายังไม่เป็นรูปธรรม เรามั่นใจจริงๆเหรอว่าน้องของพี่จะชอบเราจริงๆ”
เขาอยากจะเถียงใจแทบขาด แต่สายตาที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อนของพี่วันเพ็ญกลับสะกดคำพูดของเขาไว้ที่ปลายลิ้น
“ถ้าไม่แน่นอนก็อย่าฝืนเลยดีกว่า”
เขาคิดว่าพี่วันเพ็ญไม่ชอบเขา
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังยืนยันความคิดเดิม
แต่เหมือนมีบางอย่าง ที่มันมากกว่านั้น มากกว่าในน้ำเสียงนิ่งๆที่พยายามทำให้ไม่สั่นไหวของพี่วันเพ็ญ
หลังจากที่ห้องวันนั้นเขาก็ไม่ได้เจอพี่วันเพ็ญอีกเลย เธอไม่ได้โผล่มาขัดขวางหรือกีดกันเขากับเดือน ซึ่งเขาคงจะคิดไปเองทั้งนั้น จริงๆแล้วเธออาจจะแค่อยากใช้เวลาอยู่กับน้องช่วงที่กลับจากเมืองนอกอย่างความคิดในด้านบวกของเขาว่า เขามันอคติไปเอง แต่คำพูดที่เธอพูดในวันนั้นยังวนเวียนในหัวเขา
รู้สึกตึงเครียดทุกครั้งที่ยังคิดถึง ฮ่าๆ
เอาเถอะ ชีวิตต้องก้าวต่อไป ถือว่าวันนี้อย่างน้อยก็มีเรื่องโชคดีอย่างการที่รถเขาเสีย แล้วเดือนมารับไปเรียน อื้อออออออ ห้ามอิจฉา มีผัวรวยก็แบบนี้ นี่ใคร เคียงเดือนคนอวดผัวสองพันสิบแปด หาได้ไม่ดีเท่าอย่ามาอวด ฮ่าๆ
“เดี๋ยวเย็นแวะมารับนะ”
“อือ ขอบคุณนะ”
เขายิ้มให้เดือน ไง แจกความสดใสยามเช้าอ่ะเข้าใจป่ะ ให้กำลังใจผัว ผัวจะไปเรียน
แล้วกูไม่ไปเรียน ???
“เดี๋ยวทักไลน์อีกที”
เขาพยักหน้าตอบรับ แล้วลงจากรถ
“ขับรถดีๆ ห้ามเถลไถล”
เขาเตือนมันเหมือนเด็กๆ เจ้าของรถพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ
แล้วรถคันหรูก็สตาร์ทออกไป
“อิจฉาคนมีผัวเนาะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาเชียว”
เดินเข้าคณะปุ๊บ เสียงนกเสียงกาก็มาปั๊บ อิคุณนายตัวนำประเด็นมาก่อนใครเพื่อน เขาเดินเข้าไปทรุดนั่งแล้วเหวี่ยงกระเป๋าแบบรุนแรงใส่คุณนาย
“อินี่ จะเอาแต่เช้าใช่มะ” ในกลุ่มดูครึกครื้นทันทีที่เพื่อนจะตีกัน
“ขอพักยกนะ มีสอบเช้านี้มึงอ่านมาหรือยัง” เขาดึงหนังสือเล่มหนาที่เขียนว่าวัฒนธรรมท้องถิ่นในแดนสเปนออกมา
แค่เห็นความหนาแล้วก็อยากวางลงทันที แต่เมื่อคืนก็กล้ำกลืนฝืนอ่านได้นิดหน่อยล่ะ พอมีความร็ประดับหัวบ้าง เพราะเขาก็พอตั้งใจเรียนในห้องฟังอาจารย์ก็ลักจำคำแกมาบ้างอยู่แล้ว จริงๆก็ยืมหนังสือมาอ่านพอเป็นพิธี โอ๊ย อยากตบคนอวยตัวเองไม่ไหวแล้ว
“เก็บไว้ตรงนั้นเลย แค่เห็นก็อยากอ้วกไม่ไหวแล้ว”
คุณนายเอามือปัดป่ายไปมาเมื่อเห็นหนังสือเล่มโตที่เขาเอามาวางไว้บนโต๊ะ
“แล้วนี่รถมึงยังไง แอ๊บเสียนะคะ กี่วันถึงจะได้เนี่ย ช่วงนี้งดเที่ยวว่างั้น”
คุณนายถามเขา “อือ ยังไงก็เที่ยวไม่ได้อยู่แล้ว งานชมรมเชียร์อีกตรึม คณะอื่นเขาจะจิกเราอยู่แล้วที่ไม่เข้าไปทำงานอ่ะ”
เพราะวันนี้พี่กุ๊ดจี่ก็ทักแชทเขามายิกๆ ตามจิกยิ่งกว่าแฟนตัวจริง
“ช่วงนี้ติดรถเดือนว่างั้น หืมมมม มันมีจุดประสงค์อ่ะ เกลียดอิเคียง”
“มึงก็ไปอิจฉามัน เมื่อวานมึงก็ใช่ย่อยใครมาส่งคณะค้า อ้ะๆ อย่ามาโกหก เมื่อวานกูเห็นแว้บๆนึกว่าไอ้เก่ง ที่ไหนได้ แอบกั๊กใครไว้ไม่บอกเพื่อนว่ะ”
คุณนายตีไหล่คุณส้มไปทีโทษฐานทำมันเขินหน้าแดง มีคนเขินหน้าแดงหนึ่งอัตราตอนนี้ครับท่าน
“ว่าก็ว่าเถอะ ตกลงแล้วน้องเดือนนี่จะเอายังไงกับเพื่อนกูว้า แค่คบหาดูใจ แล้วเมื่อไหร่ถึงจะขอเป็นแฟน”
คุณแย้เปรยขึ้นมา
“เฮ้ย อิแย้ มึงนี่นั่งเล่นโซเชียลอย่างเดียวไม่เป็นเหรอคะ ดูอิเคียงหน้าเสียแล้วนะ”
ทุกคนหันมามองเขา
“บ้าป่ะ ไม่มีอะไร หน้ากูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ ช่วงนี้เครียดนิดหน่อย”
เขาบอกปัดเพื่อนๆ ให้ทุกคนสบายใจ
แต่ในหัวตัวเองกลับมีความคิดอะไรต่อมิอะไรไม่รู้พุ่งชนกันไปมา
ทำไมทุกคนต้องเอาแต่ถามหาความชัดเจนด้วยนะ ที่เขาหน้าเสียไปอย่างนั้น หรือลึกๆแล้วอาจจะเป็นตัวก็ได้เขา ที่ต้องการความชัดเจนเสียเอง
เสียงนาฬิกาดิจิตอลที่ดังขึ้นตามเวลาปลุก บอกให้รู้ว่าถึงเวลาเข้าสู่สนามสอบแล้ว
พวกเราแยกย้ายกันไป โดยที่ความรู้สึกของเขาเองยังติดค้างในใจอยู่แบบนั้น กระทั่งจนหมดเวลาสอบ
Hiran ตกลงยังไงอ่ะ
เลิกกี่โมง กูเลิกแล้วเนี่ย
เขาต้องเป็นฝ่ายทักเดือนไปเพราะเจ้าตัวไม่ยอมแชทมาหาสักที จนเขาเลิกคลาสและไม่มีวิชาเรียนแล้ว
รอเกือบสิบนาที เจ้าของช่องแชทจึงค่อยตอบมาว่า
ชื่อ นามสกุล
โทษทีพี่ ผมเรียนอยู่เพิ่งเลิก
แต่เพื่อนผมรถเสียพอดีอ่ะ พี่รอก่อนได้มั้ย ไปส่งเพื่อนแป๊บเดียว
Hiran ได้ๆ ให้รอไหน
ไปส่งพื่อนก่อนค่อยมารับกูก็ได้
มันควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ยังไงเขาก็รอได้ หรือจริงๆแล้วเขาแค่แกล้งเป็นคนดีกันแน่
ชื่อ นามสกุล
ตรงม้านั่งหน้าคณะเศรษฐศาสตร์ก็ได้
เดี๋ยวมารับนะครับ
Hiran ทราบ
พอมาถึงคณะเศรษฐศาสตร์ซึ่งใกล้กับบริหาร แต่นักศึกษาคณะบริหารมักมาที่นี่เหตุเพราะมีที่นั่งคุย แถมสาวอีค่อนสวยอันดับหนึ่งไม่เป็นสองรองใครเลยทีเดียว
การมาที่นี่ทำให้เขาได้พบบุคคลไม่คาดคิด
“พี่วันเพ็ญ สวัสดีครับ”
จะเดินหนีไม่ทักก็กระไรอยู่ แถมเขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเธอ แค่มีความรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่คุยด้วยเท่านั้นเอง
แต่ในเมื่อในด้านครอบครัวไม่ได้เป็นอย่างหวังไว้ เขาก็ทำได้แค่ยอมรับมัน และปรับตัว เอาจริงๆถ้าในอนาคตเขากับเดือนเป็นแฟนกัน ยังไงก็หนีพี่สาวแฟนไม่พ้นอยู่ดี สู้เผชิญหน้าตอนนี้แล้วผลลัพธ์จะเป็นไงค่อยว่ากันไปแล้วกัน
“เคียงกาย”
เธอพูดชื่อเขาออกมา แอบสังเกตว่าเธอเองก็ตกใจไม่น้อยที่เจอเขาที่นี่
“จะไปไหนเหรอ” เธอถาม
“ผมมารอเดือนครับ”
เขายิ้มตอบ พยายามแจกรอยยิ้มให้สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อีกนานมั้ยกว่าเดือนจะมา”
“นานอยู่ครับ”
“งั้นเหรอ งั้นเคียงกายอยู่คุยกับพี่ก่อนสิ”
เป็นประโยคที่เขาอยากจะปฏิเสธเหลือเกิน แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตกลง ใครจะกล้าขัดพี่สาวแฟนล่ะจริงมั้ย ผิดๆ ใครจะกล้าขัดพี่สาวแฟนในอนาคตล่ะจริงมั้ย
“ยังรู้สึกไม่ดีกับคำพูดพี่อยู่เหรอ”
เป็นพี่วันเพ็ญที่เอ่ยปากพูดขึ้นก่อน
“นั่นสินะ ถ้าเคียงกายจะคิดว่าพี่อคติกับเราก็คงไม่แปลก” พี่วันเพ็ญยักไหล่ไม่ยี่หระ เขาเลยต้องยกไม้ยกมือปฏิเสธยกใหญ่
“แต่พี่ไม่อยากเห็นความไม่ชัดเจนของน้องพี่ ต้องทำร้ายใครอีกแล้ว”
“…”
“เคียงกายรู้มั้ย ว่าแฟนเก่าคนก่อนเดือนก็ทำแบบนี้ ตามหึงเค้าไปทั่ว ตามหวงเค้าไม่เว้นวัน แต่ก็ไม่เคยบอกรักหรือทำอะไรที่มันแน่นอนเลยสักอย่าง พี่ต้องคอยให้คำปรึกษาทุกครั้งตลอดเวลาที่ทั้งคู่คบกัน พี่สงสารผู้หญิงคนนั้นมาก เธอให้ความรู้สึกน้องพี่เต็มร้อย แต่สิ่งที่น้องพี่ทำกลับทำให้เธอเคลือบแคลงใจ เธอไม่แน่ใจในตัวเดือน และสุดท้ายก็เลิกรากันไป”
“…”
“พี่บอกไปแล้วว่าสงสารผู้หญิงคนนั้นจับใจ แต่ความจริงคนที่น่าสงสารและน่าเห็นใจที่สุดก็คือน้องของพี่ เดือนที่ทำตัวไม่ชัดเจน แต่ให้ใจเขาไปเต็มร้อยตั้งนานแล้ว เพียงแต่เธอคนนั้นกลับมองหาสิ่งที่ชัดเจนในความไม่ชัดเจน แล้วสุดท้ายมันก็จะไม่พบอะไรเลย”
“…”
จริงๆแล้วพี่วันเพ็ญรักเดือนมากๆ นั่นเป็นหนึ่งข้อสำคัญที่เขาเพิ่งรับรู้ในตอนนี้
“ไม่เป็นไรครับพี่วันเพ็ญ”
“…”
“ผมไม่ใช่พวกที่จะค้นหาคำตอบของคำถามด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
ใช่
พอแล้วกับการคิดเองเออเอง เขาเรียนรู้จากหลายๆสิ่งที่เราเคยผ่านมาด้วยกัน ว่าสิ่งที่ไม่ชัดเจน ทำให้ตัวเขามั่นใจขึ้นมาได้ด้วยการถามเดือนตรงๆ
อย่างเช่นตอนนี้ ที่มันเดินเคียงคู่มากับใครคนหนึ่ง
มีน ดาวมอ
“ไปส่งเพื่อนมา แล้วเจอมีนรถเสียกลางทางเลยแวะรับ”
แต่ขณะเดียวกัน
เมื่ออีกคนเรียนรู้ที่จะถาม
อีกคนก็เรียนรู้ที่จะตอบเช่นกัน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขากับเดือนยังได้เรียนรู้กฎเกณฑ์ข้อที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คนรักกันประสบความสำเร็จ คือไม่ใช่การเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน แต่เป็นการเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
อย่างน้อยเขากับเดือนก็ทำให้พี่วันเพ็ญมั่นใจได้เปราะหนึ่งว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเดือน
ขณะเดียวกัน มือหนาที่ยื่นส่งมาให้เขาจับแล้วออกแรงดึงให้ลุกจากม้านั่ง ก็กำลังบอกเป็นนัยว่า มันเองก็จะไม่มีวันทิ้งเขาเช่นเดียวกัน
*TBC.....................................................
หายไปนานมาวันนี้เหลืออีกตอนก็จะจบแล้วน้า
ขอบคุณทุกๆการติดตามจากคนอ่านทุกคน