Meow 7
“ไอ้มิว นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
เจ้าของชื่อยกมือปิดปากหาวหวอด เงยมองเพื่อนชายคนสนิทที่กำลังยืนกอดอกอยู่ข้างเตียง เพราะต่างคนต่างมีกุญแจห้องสำรองของกันและกันจึงไม่จำเป็นต้องแปลกใจอะไรนักถ้าหากใครคนหนึ่งจะสามารถเข้าออกคอนโดของใครอีกคนหนึ่งได้ตามใจนึก
“อย่าทำตัวเป็นผัวได้ปะ”
“ไม่เล่น”
มิวนิคย่นจมูกเมื่อมุกที่ยิงไปถูกตบทิ้งอย่างไม่ใยดี เขายืดตัวขึ้นพิงแผ่นหลังกับหัวเตียง ตบตรงที่ว่างใกล้ตักเบาๆ เชื้อเชิญให้คนอารมณ์ไม่ดีทิ้งตัวลงมานั่งด้วยกัน
พอเริ่มจับจุดการใช้ชีวิตได้ ในเย็นวันเสาร์ที่แม็กซ์เวลกลับบ้าน แมวขาวมณีตัวน้อยก็จะตั้งหน้าตั้งตารอคอยเวลาที่คำสาปจะหยุดพักการทำงานชั่วคราว นอนห้องคนอื่นมาทั้งอาทิตย์แล้ว...ขอกลับไปนอนห้องตัวเองบ้างหน่อยก็แล้วกัน
“กูไม่ได้อยากวุ่นวายเรื่องที่มึงไม่ค่อยมาเรียนช่วงนี้หรอก แต่นี่ถึงกับดรอปเลยหรอ มันเกิดอะไรขึ้นวะมิว อย่างน้อยก็ช่วยบอกกูในฐานะเพื่อนหน่อยได้มั้ย”
สายตาของสายหมอกจริงจังเกินกว่าจะเล่นมุกกลับไปอีกรอบ ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า...หลังจากตื่นขึ้นมาตอนเช้าในร่างมนุษย์ มิวนิคก็บึ่งไปยังคณะเพื่อทำการดรอปเรียนหนึ่งเทอมทันที
เป็นความคิดที่ไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วทั้งอาทิตย์ เขาไม่สามารถบาลานซ์ชีวิตของมิวนิคกับชีวิตของมิวมิวไปพร้อมๆ กันได้ ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ไม่สิ...เขาถูกบังคับให้เลือกทางใดทางหนึ่งต่างหาก เพราะถ้าไม่สร้างเหตุผลให้มิวนิคหายตัวไป ชีวิตฝั่งนั้นก็จะเกิดความวุ่นวายตามมาในอนาคต
“.....”
“มิว…โตแล้วนะ เป็นอะไรก็บอก...”
“โดนคำสาป” พูดสวนคนที่ตั้งท่าจะเอ็ดอีกรอบ “โดนสาปให้กลายเป็นแมว...ยกเว้นแค่วันนี้ที่กูจะได้เจอมึง”
ถ้าเป็นสายหมอกก็ไม่จำเป็นต้องกลัวจะถูกทรยศ มิวนิคเชื่ออย่างนั้น...เชื่ออย่างนั้นมาตลอดแม้ว่าความลับนี้จะทำให้เขาถูกมองเป็นตัวประหลาด แต่เขาไม่อยากปิดบังสายหมอก บางทีอาจเพราะโกหกไปก็ถูกคาดคั้นให้พูดความจริงในท้ายที่สุดอยู่ดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...บอกความจริงไปเลยก็แล้วกัน
“ไอ้มิว มันไม่ใช่เรื่องที่จะมา...”
ดวงตาแน่วแน่ที่กำลังจ้องมองมาทำเอาชายหนุ่มหยุดชะงัก สายหมอกคิดว่ามิวนิคไม่น่าจะพูดความจริง ทว่าสายตาแบบนั้นเป็นก็ไม่ใช่สายตาของคนโกหก คนที่คบกันมาเกือบสิบปีรู้ดี แต่คำสาปเนี่ยนะ...นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่เทพนิยายหรือละครหลังข่าว คำสาปมันจะไปมีได้ยังไงกัน
“มิว กูขอร้อง…”
“จำแมวตัวสีขาวตาสีฟ้าที่อยู่ในห้องกูเมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้มั้ย?”
“ก็...” สายหมอกคิดตาม เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาหามิวนิคไม่พบหลังจากโทรตามอยู่เป็นสิบๆ รอบ “อย่าบอกนะว่า…”
“อือ กูคือแมวตัวนั้น”
“ไม่มีทาง!”
“กูวิ่งชนมึง จะให้มึงอุ้ม” ทาบฝ่ามือลงบนหลังมือคนที่กำลังทำหน้าเลิ่กลัก “แต่มึงก็กรี๊ดเป็นแต๋วแตกวิ่งหนีออกจากห้องกูไป”
“ไอ้มิว...”
“ในห้องนั้นมีแค่มึงกับกู และถึงแม้คนอื่นจะเห็นมึงกรี๊ด เขาก็คงไม่มีทางรู้ดีเทลขนาดว่าแมวที่วิ่งเข้าหามึงเป็นแมวขนสีขาวตาสีฟ้า ถูกไหม?”
สายหมอกหลุบสายตามองต่ำครุ่นคิด มิวนิคดึงร่างที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยเข้ามาโอบไว้หลวมๆ วางปลายคางไว้บนลาดไหล่เพื่อนชาย พักสายตาและสมาธิไปยังไรผมสีดำ นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้กอดกัน...
“เดี๋ยวหกทุ่มกูก็กลายเป็นแมวแล้ว…”
“มึงนี่นะ”
สายหมอกจนปัญญากับเพื่อนรัก ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเชื่อ เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้มันยากที่เกินกว่าจะฟังขึ้นไม่ใช่หรอ แต่มิวนิคไม่ใช่คนโกหก ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าจริงก็คือจริง เว้นเสียแต่กำลังแกล้งอะไรบางอย่างก็จะเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง หากไม่ใช่ครั้งนี้
มิวนิคแทบไม่ได้เข้าใกล้คำว่าแกล้งเลย
อีกอย่างวันนั้นตอนที่เขาวิ่งออกมาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีเพื่อนบ้านในคอนโดอยู่โดยรอบซักคน หากมีก็คงไม่มีใครรู้ว่าในห้องมิวนิคมีแมวตัวสีขาวตาสีฟ้าอย่างที่อีกฝ่ายบอก เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เพื่อนเขาโดนคำสาปจริงๆ น่ะหรอ
“หมอก...” มิวนิคทำเสียงอู้อี้
“...มึงโอเครใช่มั้ย”
“เชื่อแล้วหรอ”
ถามทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างไม่มองหน้ากัน ติดอยู่ในอ้อมกอดเบาบางของกันและกัน หากขอพรได้หนึ่งข้อก็คงขอให้คืนนี้ยืดเวลาออกไปอีก อย่างน้อยก็ได้กอดไอ้เพื่อนรักนานขึ้น
“ตอบมาเถอะ”
“อื้อ...คนที่เลี้ยงกูเขาดูแลกูดีมาก”
“ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างมึงจะยอมตกเป็นสัตว์เลี้ยงของคนอื่น” สายหมอกแค่นหัวเราะ
“กูเป็นทุกอย่างเลย ทุกอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้เป็น...” ประโยคสุดท้ายฟังดูเศร้าสร้อย
“เหงารึเปล่า”
คำพูดของสายหมอกทำเอาแมวน้อยที่ติดอยู่ในร่างเด็กหนุ่มหลุดยิ้ม เหงาอย่างนั้นหรอ...จะว่ายังไงดีล่ะ ‘เคย’ เหงาล่ะมั้ง เคยเหงาแบบสุดๆ เหงาถึงขนาดไม่อยากตื่นขึ้นมาพบกับความเหงาในวันรุ่งขึ้น เหงาถึงขนาดอยากให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน มันเคยเป็นแบบนั้นจริงๆ
ยกเว้นตอนนี้ที่ความรู้สึกเลวร้ายลดลงไปเยอะ อาจเพราะมีแอนโธนี่ที่คอยชวนคุย ชิโน่กับชิลลี่ที่คอยพาออกไปเที่ยว แล้วก็...แม็กซ์เวล ที่คอยอุ้มขึ้นมากอด บางทีก็วางลงบนตัก บางทีก็เกาคางลูบหัว หรือบางทีก็...
จูบ
“ไม่เลย... เป็นแมวอ่ะสบายม๊ากมาก ไม่ต้องเรียนด้วย”
“หึ จะยอมเชื่อว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งละกันครับ”
อ้อมกอดถูกเปลี่ยนมาเป็นการนอนเกยกันโง่ๆ อยู่บนเตียง หรือเรียกให้ถูกก็คือเขากำลังเกยสายหมอก ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกภาพแมวน้ำสองตัวกำลังนอนทับกันอยู่บนชายฝั่ง เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เด็ก
อีกหน่อยก็คงเป็นเมียมันแล้ว
“ต้องกลับไปใช่มั้ย?”
“อื้ม”
คำถามและคำตอบถูกรับส่งกันผ่านบรรยากาศห้องอันว่างเปล่า ดวงตาสองคู่จ้องมองเพดานสีครีมอ่อนคล้ายกับกำลังรอการเคลื่อนไหวของเข็มนาฬิกา รายการยามดึกจากโทรทัศน์ถูกเปิดคลอไม่ให้บทสนทนาเงียบเชียบจนเกินไป
“อย่าไปดื้อกับเขาล่ะ เดี๋ยวโดนตีขึ้นมาจะยุ่ง”
“พูดมาขนาดนี้ก็คือเชื่อแล้วใช่มั้ย?” หันไปยิ้ม
“ก็ถ้าหกทุ่มไม่มีคนกลายเป็นแมว เดี๋ยวจะมีคนกลายเป็นเมียแทน”
“เถื่อนจัง ขอเป็นเลยได้ไหม” กระแซะเข้าไปใกล้หยอกล้อ
แต่เพราะสงสัยจะใกล้เกินไปจึงโดนถีบออกมาจนเกือบแทบตกเตียง มิวนิคย่นหน้าผากงอนนิดๆ ก่อนจะกลิ้งเกลือกกลับไปนอนยังจุดๆ เดิมเหมือนไม่เข็ดหลาบ
“ถ้าไม่ไหวก็มาหากู”
“ฮ่าฮ่า”
“หัวเราะอะไร” คนถูกหัวเราะขมวดคิ้วหันมอง
“กูเป็นแมวไงหมอก” เขกหน้าผากเพื่อนชาย “ถ้ากูมาหาก็ต้องมาในร่างแมว มึงอยากตายหรอ?”
“เออว่ะ...ลืมซะสนิท” สายหมอกยกแขนเกาหัวเก้อๆ
“ไม่ต้องห่วงกูขนาดนั้นหรอก”
“.....”
“แค่มึงเป็นมึงในแบบที่มึงเป็น คิดถึงกูบ้างเวลานั่งจิบวอดก้าลื่นคอยามบ่ายวันอาทิตย์”
“เป็นแมวก็ยังจะขี้เมา”
“กูจะเป็นแมวที่ยิ่งกว่าขี้เมาอีก”
ความรู้สึกของชีวิตคืออะไรน่ะหรอ ถ้าให้ตอบก็คือยังไม่รู้ แต่ถ้าถามตอนนี้ก็คงเป็นความรู้สึกดีเวลาได้นอนคุยเรื่องราวสัพเพเหระไปกับเพื่อนชายคนสนิท แม้อากาศที่ถูกหายใจทิ้งมาตลอดหลายชั่วโมงจะไม่มีค่า แต่เขากลับมีความสุขมากๆ เลย
“อีกสองชั่วโมง”
“อือ”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ก็ไหนแพ้ขนแมว”
“ตอนนี้น่าจะทันไปซื้อกรงแบบปิดสนิท”
เป็นอีกวันที่การกลายเป็นแมวไม่ใช่เรื่องที่แย่ หรือบางทีเขาอาจจะเริ่มชินกับการที่ร่างกายค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์สีเท้าขนนุ่มไปแล้วก็ได้ แต่ก็นะ...อยู่กับนายแว่นมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดจริงๆ นั่นแหละ
สายหมอกส่งเขาแค่เพียงลานจอดรถของหอพักบ้านสุขใจ ไม่ต้องสืบก็น่าจะเดาออกว่าวินาทีแรกที่อีกฝ่ายเห็นเพื่อนชายค่อยๆ เปลี่ยนร่างเป็นแมวเหมียวคงจะช็อกโลกแค่ไหน เป็นใครใครก็ช็อกแหละนะ แต่ดีหน่อยที่สปอยไว้แล้ว เจ้าตัวเลยยังสามารถควบคุมสติอันน้อยนิดได้อยู่ กลัวว่าถ้าคนอื่นมาเห็นจะเป็นเรื่องมากกว่า
“เมี้ยวว (ไปละ ขับรถดีๆ มึง) ”
คนถูกบอกลาไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากพยักศีรษะที่สวมหน้ากากอนามัยสีเขียวหงึกๆ จากเสื้อยืดแขนสั้นธรรมดาก็ถูกสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวตัวหนาราวกับอากาศติดลบสิบเจ็ดองศา ชายหนุ่มในชุดมิดชิดโบกมือร่ำลากระทั่งร่างสีขาวค่อยๆ เล็กลงจนหายไปจากระยะการมองเห็น
แมวน้อยหาวหวอดเดินไปยังประตูทางเข้าหอพัก กล่าวทักทายชิโน่กับชิลลี่ที่กำลังนอนมองมาด้วยดวงตาสลึมสลืออยู่บนที่นอนสองชั้น กระโดดไต่ไปตามแนวกำแพง ระเบียงห้องชั้นต่ำกว่า ถึงชั้นสามที่จากมาหนึ่งวันเต็ม ก่อนจะเหยียบเท้าลงบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ
ฟูกเตียงเตี้ยติดหน้าต่างกับหมอนสีขาวนุ่มช่างดึงดูดให้คนมองรู้สึกอย่างทิ้งตัวลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่างทรงพลังอะไรเยี่ยงนี้ เหนือกว่าคำสาปจากไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวก็คงเป็นที่นอนนี่แหละ
อ่า...กลับมาแล้วคุณที่นอน ฝันดีนะ
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ
กลุ่ม ‘ยูมันโง่’
OnlyU: นี่ เก้าโมงแล้วนะ เมื่อไรพวกมึงจะมาเนี่ย
Pulnwza: อะไรวะ?
OnlyU: ก็มาเรียนไง ห้องโคตรโล่งอ่ะ ป่วยกะทันหันกันหรอ
Pulnwza: 555555555555555555555555
Pulnwza: @Jennis69 @Maxwell มาดูลูกพวกมึงเร้ววว
OnlyU: หัวเราะอะไร คนมาเรียนไม่ใช่เรื่องตลก
Jennis69: ใช่ค่ะ เป็นเด็กต้องหัดตั้งใจเรียนน่ะถูกแล้ว
Jennis69: @Pulnwza มึงนี่แย่จังเลยนะคะพี่ภู น้องอุตส่าห์มาเรียนยังจะไปหัวเราะน้อง
Pulnwza: งุ้ยยย เป็นคุลแม่ที่ดีขึ้นมาเลยทันที
OnlyU: สรุปพวกมึงจะมากันมั้ยเนี่ย เดี๋ยวให้จารย์เช็คขาดเลยนะ
Jennis69: อาจารย์ไม่เช็คหรอกค่ะ
Jennis69: เพราะอาจารย์เป็นคนบอกให้...งดคลาส
Jennis69: 55555555555555555555555555
Pulnwza: เหมือนลากอีน้องมาตบหน้าห้องอีกรอบอ่ะ
OnlyU: อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก กูเกลียดพวกมึง
OnlyU: ขอให้กินอาหารอะไรก็ท้องเสียให้หมด
Pulnwza: จะแช่งคนอื่นทั้งทีก็ยังไม่พ้นเรื่องกิน
Jennis69: จุ๊จุ๊ หนูจะมาโทษแม่ไม่ได้นะคะลูก ไม่อ่านไลน์กลุ่มสาขาเอง
Jennis69: #ยศวินทร์คนโง่
Jennis69: *สติ๊กเกอร์ยิ้มมุมปาก
Pulnwza: เหยย ไม่ตอบด้วยว่ะ สงสัยงอน
Jennis69: มึงเลยอีภู ทำน้องงอน ไปง้อเดี๋ยวนี้!!
Pulnwza: มั่วแล้ว มันงอนที่มึงติดแฮชแท็ก #ยศวินทร์คนโง่ ต่างหาก
Jennis69: ไม่!! มันงอนที่มึงไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่ทีแรกต่างหาก
OnlyU: โอ้ยย จะคุยอะไรกันเยอะแยะ รำคาญเสียง
Jennis69: รู้ยังว่าไอโฟนมันเปิดสั่นได้?
OnlyU: เจน!!
Pulnwza: เนี่ย มึงเลยแม่ อีทัวเด
Jennis69: โอ๋ๆ ๆ แม่แซวน้องเล่นนะรู้ก ไม่งอนแม่น้า /หอมหัว
Jennis69: แล้วไม่มีเรียนไปไหนต่อยะ กลับห้อง?
OnlyU: แนบรูป* ตึกคณะแพทย์
Jennis69: ค่ะ!
Pulnwza: ค่ะ!
OnlyU: อะไรอ่า
Jennis69: คลาดสายตาแปปเดียวก็ไปหาผู้ชาย แม่ไม่น่าใจอ่อนเลย
Jennis69: #ยศวินทร์คนติดผัว
Pulnwza: อยากฟาดเด็กแรด มึงรอกูตรงนั้น กูจะไปฟาดเด่วนี้!!
OnlyU: @Maxwell ใจคอจะอ่านอย่างเดียวไม่ช่วยเพื่อนเลยใช่มั้ย
OnlyU: คนน่าสงสารอย่างกูกำลังโดนพวกโรคจิตแกล้งนะ
Maxwell: *แนบรูป แมวขาวมณีกำลังนอนอยู่บนแผ่นอกตัวเอง
Maxwell: เล่นกับมิวมิวไหม
OnlyU: งื้อออออออ
Pulnwza: งื้อออออออ
Jennis69: งื้อออออออ
OnlyU: เมื่อไรจะพามาเล่นที่คณะ หรืออยากให้กูไปหา ฮืออ น้องน่ารักกกก จะไปหามิวมิว
Maxwell: ไว้ให้ชินคนกว่านี้ก่อน
Jennis69: เออ กูก็ว่างั้น ขืนเอาไปตอนนี้มีหวังอีลูกชายเล่นจนเฉามือตาย
OnlyU: เจน!!
แม็กซ์เวลกดปิดอุปกรณ์สื่อสารในมือหลังจากเครื่องเจ้ากรรมส่งเสียงดังรบกวนอยู่นานสองนาน เพ่งมองสิ่งมีชิวีตสีขาวที่กำลังนอนหลับตาพริ้มน่าอิจฉา หางยาวกระดิกดุ๊กดิ๊กไปมาคล้ายชอบใจที่ได้นอนบนนี้
ปกติเขากับมิวมิวจะแบ่งโซนที่นอนกันอย่างชัดเจน มิวมิวจะชอบนอนฝั่งติดหน้าต่าง ส่วนทาสแมวที่อะไรก็ได้ก็มักจะถูกเขี่ยออกมานอนอีกด้าน ทว่าไม่รู้ทำไมพอตื่นขึ้นมากลับเห็นแมวน้อยจอมเอาแต่ใจขึ้นมานอนบนอกตลอด เดาใจยากจริงๆ เลย
อยากอ้อนก็บอกมาดีๆ สิมิวมิว
“ม๊าว....”
“ขอโทษ ทำให้ตื่นหรอ”
เจ้าเหมียวร้องงัวเงีย อ้าปากหาวหวอด เปิดเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้นแถมยังบิดขี้เกียจตัวเป็นเกลียว ด้วยความไม่ระวัง แมวซุ่มซ่ามจึงกลิ้งตกเตียงเสียงดังตุ้บ แม็กซ์เวลหลุดขำพร้อมกับเปลี่ยนมาเป็นอมยิ้มเมื่อดวงตาสีฟ้าจองมองมาอย่างหาเรื่อง
“ไม่ได้แกล้ง”
แกล้งที่ไหนกันล่ะ ตัวเองกลิ้งตกไปลงเองแท้ๆ ยังจะมาทำท่าไม่พอใจ หมั่นเขี้ยวจริงๆ เลยมิวมิว แม็กซ์เวลยื่นแขนลงไปอุ้มแมวน้อยขี้งอนขึ้นมาบนตัก และดูเหมือนว่าแมวจะเป็นสิ่งมีชิวิตที่หายโกรธเร็ว ดูเข้า...เอาหัวมาถูๆ ตรงหน้าท้องเขาอีกแล้ว ชอบทำแบบนี้จริงๆ เลยมิวมิว
“เบื่อปลาทูรึยัง”
“เมี้ยว...”
อดหอมไปไม่ได้หนึ่งทีเมื่อน้องตอบกลับมาด้วยเสียงงุ้งงิ้ง แพ้ตลอดล่ะเวลาได้ยินเสียงสองแบบนี้ แม็กซ์เวลวางเจ้าเหมียวไว้บนเตียง ลูบหัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตรงไปยังครัวเพื่อเตรียมทำมื้อเช้า ราวกับดวงตาสีฟ้ายังคงจ้องมองมาทางเขาไม่ห่าง เหมือนอยากรู้ว่าทำอะไรอยู่แต่ก็ขี้เกียจเดินมา
มิวมิวแมวขี้เกียจ...
“ยำปลากระป๋องไหม?”
“ม๊าว ม๊าว”
เขาคิดว่ามิวมิวชอบกินอะไรเหมือนคน อย่างหลายวันก่อนที่กินเมนูผัดกระเพราหมูสับเจ้าตัวก็ปีนขึ้นโต๊ะมานั่งจ้องเหมือนอยากกินด้วย พอเขาเลื่อนกล่องให้กินเจ้าเหมียวน้อยก็กินจริงๆ
เพราะงั้นเลยลองทำเมนูของคนที่เกี่ยวกับปลาให้น้องชิม ปรากฏว่าน้องกินหมดทุกอย่าง แม็กซ์เวลเริ่มรู้สึกว่าตัวเขาตามใจมิวมิวจนเสียนิสัย เคยคิดจะย้อนกลับไปให้อาหารเม็ดตามเดิมแต่ก็ไม่ทันแล้ว แค่โดนเอาหัวถูอ้อนๆ ที่ขาก็ใจอ่อนยวบ ทางการแพทย์ควรคิดค้นตัวยาที่สามารถระงับอาการแพ้แมว
หมายถึง...แพ้อาการใจอ่อนต่อแมว
เป็นวันแรกที่ได้อยู่ด้วยกันแบบทั้งวันจริงๆ เพราะโดยปกติวันธรรมดาแม็กซ์เวลจะไปเรียน เจอเจ้าสีขาวอีกทีก็เฉพาะช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องกลับบ้าน แม้จะนอนด้วยกันทุกคืน แต่ก็ไม่เคยได้ใช้เวลาถึงยี่สิบชั่วโมงกับเพื่อนร่วมห้องคนใหม่แบบนี้มาก่อน
“อร่อยไหม?”
“ม๊าวว”
เหมียวน้อยเงยหน้าขึ้นมามอง ขณะคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะกินข้าวก็ได้แต่ผงกหัวรับเอ็นดู รายการข่าวถูกเปลี่ยนเป็นช่องหนังเก่าๆ ที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก ร่างสูงทิ้งตัวลงบนฟูกติดหน้าต่างหลังล้างจานเสร็จสรรพ
หยิบไอแพดขึ้นมาไถเช็คตลาดหุ้นยามเช้า เขาติดนิสัยต้องเปิดทีวีทิ้งไว้เพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบในห้อง อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกไม่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ต่อให้จริงๆ แล้วจะมีทั้งน้องแมวและน้องมดเป็นเพื่อน
“เมี้ยวว...”
จอมซนปีนขึ้นมาตรงที่ว่างบนหมอน ถือวิสาสะทิ้งก้นลง ยื่นหน้าเข้ามามองหน้าจอทัชสกรีนคล้ายสนอกสนใจ ดวงตาสีฟ้าอันมีเสน่ห์ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีกก็ตอนที่อีกฝ่ายมองมา
“วันนี้ไม่มีเรียน”
ไม่ตอบ ซ้ำยังเดินดุ่มๆ เข้ามานอนบนอกเขาอีกแล้ว แม็กซ์เวลเหนื่อยจะดุจึงเปลี่ยนมาชันตัวขึ้นนั่ง พิงแผ่นหลังกับผนังห้องสีเทาซีด ก่อนแมวน้อยจะถูกจับให้นอนบนตักโดยมีหน้าท้องแข็งแรงต่างหมอน
เขาว่ามิวมิวเป็นแมวที่ฟอร์มจัด ดูภายนอกอาจคล้ายเหย่อหยิ่ง เพิกเฉยต่อผู้คน ไม่ชอบให้หยอกล้อ แต่เนื้อแท้แล้วเจ้าตัวชอบอ้อนมากๆ ยิ่งสนิทกันจะยิ่งรู้ว่ามิวมิวเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ้อนเก่งมากๆ เลยล่ะ
แมวอะไรจะอ้อนทั้งทีก็ยังมีฟอร์ม
“หลับแล้วหรอ?”
“......”
แม็กซ์เวลหลุดยิ้มเมื่อไร้เสียงต่อรับ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอเบาบางจากเจ้าของร่างสีขาวบนตัก เอาล่ะ...ตัวแสบจำศีลไปแล้วก็คงถึงเวลาเช็คตลาดหุ้นต่อ
ปล่อยให้เวลากับสายลมธรรมชาติเย็นๆ ทำงานไปอย่างเชื่องช้า รู้สึกตัวอีกทีสมองก็หวนนึกถึงใครบางคน ใครบางคนที่เหมือนจะลืมไปได้แล้ว แต่แท้ที่จริงกับหลบซ่อนอยู่ในส่วนคับแคบตรงไหนซักแห่งของหัวใจ
คุณมิวนิค...
แม็กซ์เวลคิดว่าหลักการทุกอย่างบนโลกสามารถอธิบายได้ด้วยการทำงานของวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องเดียว...ความรัก เขาไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมถึงต้องชอบคุณมิวนิคขนาดนั้น อาจเพราะเป็นวันที่เราเจอกันโดยบังเอิญในร้านกาแฟของหอสมุด หรือจะเป็นวันที่เราเจอกันในงานกีฬามหาวิทยาลัย
ทำไมเขาถึงหยุดชอบคุณมิวนิคไม่ได้...
นึกถึงคุณมิวนิคก็ชักแปลกใจ ช่วงนี้ไม่เห็นเจ้าตัวอัพความเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลเลยซักอย่าง ถ้านับเป็นวันก็เท่ากับว่าคุณมิวนิคหายไปร่วมสองอาทิตย์กว่าแล้ว หรือจะเป็นการวีคออฟตามสไตล์ศิลปินอย่างที่คนอื่นเขาพูดกัน...
“เมี้ยว”
อุ้งเท้านุ่มนิ่มยื่นขึ้นมาแตะลงที่หน้าอกทำลายภวังค์ ดวงตาสีฟ้าสะลึมสะลือเปิดขึ้นอีกครั้ง นี่ไง...เขามีคุณมิวนิคเป็นของตัวเองแล้ว ถึงแม้คุณมิวนิคตัวนี้จะตัวสีขาว ตาสีฟ้า หูตั้ง หางชี้ แต่ก็น่ารักไม่ต่างกันเลย
“ไม่ปวดหัวรึไง”
“ม๊าว...”
“อาบน้ำไหม?”
จะว่าไปตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็ยังไม่เคยอาบน้ำให้มิวมิวเลยเพราะช่วงแรกกลัวน้องเจ็บแผล อีกทั้งอยากให้มิวมิวปรับตัวกับห้องใหม่ได้ก่อน แต่ไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้ว...งั้นขอจับเหมียวน้อยทำความสะอาดเลยแล้วกัน
ถ้าคิดว่าการอาบน้ำให้แมวเป็นเรื่องยุ่งยากและวุ่นวายสุดๆ สำหรับคนเลี้ยงแมวขอให้จงลืมความคิดนั้นไปเสียให้หมด เพราะแมวขาวมณีตัวนี้เชื่องมาก ไม่สิ...ต้องเรียกว่านิ่งมาก น้ำก็ไม่กลัว แทบยังทำหน้าฟินเวลาร่างกายสัมผัสน้ำไปอีก ยิ่งตอนสระขนให้คุณเขายิ่งชอบ
แปลกแมวจริงๆ เลยมิวมิว
“อย่าหลับตาสิ มองไม่เห็น”
คนที่ปลดอาภรณ์ออกหมดทุกอย่างจนเหลือเพียงบ็อกเซอร์ชิ้นเดียวเอ่ยพลางอมยิ้ม ขนก็สีขาวอยู่แล้ว พอรวมกับฟองสบู่สีขาวฟู่ก็เลยดูกลืนกันไปหมด ถ้าไม่เห็นดวงตาสีฟ้ากับจมูกสีชมพูเขาคงหามิวมิวไม่เจอ
“เมี้ยว เมี้ยว!”
“อะไร?”
“เมี้ยววว!” ตีฟองกระจุยกระจาย
เขาคิดว่ามิวมิวไม่ได้กลัวน้ำ น้องอาจกำลังต้องการให้ทำอะไรซักอย่าง และกว่าจะค้นพบว่าเหมียวน้อยจอมเอาแต่ใจร้องงอแงเพราะอยากให้ลงไปอาบในอ่างด้วยก็เล่นทำเอาเจ้านายตัวโตเปียกซกไปทั้งตัว
ตกลงใครเป็นเจ้านายใครเป็นสัตว์เลี้ยงกันแน่นะ
ท้ายที่สุดการอาบน้ำให้มิวมิวจึงกลายเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เพราะน้องอาบน้ำยาก แต่เพราะน้องขึ้นจากน้ำยาก ต่อเกลี้ยมกล่อมด้วยวิธีไหน หรืออุ้มออกจากอ่างกี่ทียังไง จอมซนก็จะวกกระโดดกลับเข้าไปนอนแช่ในอ่างเหมือนเดิม ตกลงเป็นแมวหรือเป็นปลา
เบอร์หนึ่งของความดื้อเลยล่ะเจ้าตัวนี้
“สบายเลยสิ”
เขาพูดขึ้นในตอนที่กำลังหยิบผ้าเช็ดตัวเช็ดไปตามกลุ่มขนสิ่งมีชีวิตสีขาวบนเตียง ไดร์เป่าผมถูกเปิดด้วยเบอร์อ่อนๆ เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกร้อน เรียวมือยาวสางไปตามแผงขนนุ่ม จากที่นุ่มอยู่แล้วก็นุ่มกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อถูกจับอาบน้ำ เริ่มมีความคิดที่ว่า...ถ้าไม่รีบซื้อปลอกคอมาใส่คงมีคนอยากจับเจ้ามิวมิวไปเลี้ยงในเร็ววัน
“แห้งแล้ว เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน”
“เมี้ยวว!” ยกเท้าสะกิดไปมาไม่ยอมให้ลุก
“ก็มันแห้งแล้ว”
“เมี้ยว เมี้ยว!”
ราวกับถูกกดดันด้วยดวงตาสีฟ้าให้ปรนนิบัติทุกอย่างตามที่เจ้านายสั่ง ถึงแม้ใจจะอยากแกล้งไม่ทำตาม แต่สุดท้ายก็เหมือนมีอะไรบางอย่างกล่อมเกลาให้โอนอ่อนลงทุกที
“เฮ้อ...เช็ดต่อก็ได้”
ดูท่าแผนการถอนตัวออกจากการเป็นทาสแมวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
tbc.
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ
==============================================
ทาสแมวก็จะประมาณนี้จ้าาา
ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า
หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ