สวัสดีครับ
เอาล่ะครับ มาถึงตอนอวสานกันแล้ว 555+ ตื่นเต้นมั้ยครับ เอาเป้นว่าไปอ่านกันเลยดีกว่า ส่วนเรื่องตอบเม้นท์ หลังจากนี้ไปผมจะมาตอบเม้นท์ขอบคุณทุกคนเป็นการส่วนตัวเลยนะครับ (จะพยายามนะครับ)
แต่ก็ต้องขอบคุณตรงนี้ด้วย ทั้งผู้อ่านทั้งหลาย เจ้าของบอร์ดและพั้ๆทุกคนที่ดูเเลความเรียบร้อย ขอขอบคุณแฟนๆที่ตามอ่านเรื่องนี้มาอย่างเหนียวแน่น สัญญาว่าฟ้าใหม่ส่องอำไพ จะเอานิยายเรื่องใหม่มาลงเอย กริ้ว~~~!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
. >>> เอ๊ะ เหมือนโดนแกล้ง...55+
v
v
v
v
v
อ๊ะ ล้อเล่นๆ =_="
ตอนอวสาน
วันเวลาที่มีค่า คือความหมายอันล้ำค่าที่สุดในชีวิตของผม
...เขาว่าเอาไว้ว่า หากได้รู้จักรัก ได้ลองรักใครสักคน...
เราจะไม่เสียดายที่เกิดมาเป็นมนุษย์
วันนี้ มีทุกๆอย่างเปลี่ยนไป มากเพียงใด...ผมนึกถึงเขา หัวใจข้างในพลันอุ่นวาบขึ้นมา ความรู้สึกดีๆไหลเติม
เต็มมากมายจนล้นปรี่...
นิวยอร์ค...เมืองใหญ่ที่วุ่นวายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ท่ามกลางตึกระฟ้าสูงตระง่านรายรอบ ผมนั่งอยู่บนม้านั่ง
ในสวนสาธารนะใจกลางกรุง ท้องฟ้าปลอดโปรงแจ่มใส เสียงนกร้อง เสียงลมที่แวกผ่านช่องตึกมาในอากาศ เสียงผู้คนต่างใช้ชีวิต
ดำเนินไปตามปกติ...ผมหลับตาลงรับแสงแดดอุ่นๆและสายลมเย็นสบาย หอมจางไปด้วยกลิ่นดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิภายในสวนกว้าง
แห่งนี้
ที่นั่งข้างๆว่างเปล่า...ผมยิ้ม ยิ้มให้กับทุกอย่างที่ผ่านมาและประกอบขึ้นเป็นชีวิตของผม ภาพความทรงจำที่มี
ความหมายมากมาย ผมเริ่มนึกย้อนไปตั้งแต่เมื่อสิบห้าปีก่อน มันคือสิบห้าปี...ที่หัวใจดวงนี้ได้เรียนรู้จักคำว่า....
รัก
เด็กหนุ่มท่าทางเกเรที่หาเรื่องผมครั้งแรกที่พบหน้าในโรงอาหารโรงเรียนเก่า...เพื่อนที่แสนดี ความสัมพันธ์
พัฒนากลายมาเป็นความรักเมื่อความผูกพันเพิ่มมากขึ้น ยิ่งนับวัน...เรายิ่งถูกมัดเข้าหากันด้วยสิ่งที่เรียกว่ารัก...แม้มันจะต้องผ่าน
คราบน้ำตามานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านความผิดหวัง การพัดพราก...มากมายแล้วก็ตาม
แต่มันสอนให้ผมรู้ว่า ชีวิตนี้มีคุณค่า เมื่อได้เรียนรู้ และพร้อมที่จะรับมือกับเรื่องราวเหล่านั้น
ทว่าตอนนี้...
เสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลัง มือหนาวางลงบนไหล่...
ความอบอุ่นแผ่ซ่านเต็มห้องหัวใจ ผมกุมมือใหญ่นั้น เขาค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างๆกาย เราสองคนนั่งยิ้ม
เงียบๆมองไปยังถนนที่คราคร่ำผู้คน มองท้องฟ้าสว่างสดใส มือที่ยังคงเกาะกุมมอบความรักความอบอุ่นผ่านร่างกันและกัน ไม่ต้อง
มีคำพูดใดๆ...มีแค่เพียงใจสองดวงที่สื่อถึงกัน
ผมมองหน้าเขา ขยับเข้าไปใกล้...เอนกายพิงร่างของเขา...เสียงทุ้มดังกังวาน ผมหลับตาลง
“อากาศดีจัง"
เป็นคำพูดง่ายๆ แต่แฝงไปด้วยกระแสแห่งความรักและอ่อนโยน
"หิวหรือยัง ฮื้อ?"
ผมส่ายหน้า เจ้าของร่างสูงหัวเราะกลั้วลำคอ ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มบนศีรษะของผม...มันคือความรู้สึกเป็น
สุข...สุขที่ได้รักเขา สุขที่ได้มอบความรู้สึกนี้ให้แก่ชายคนนี้
ชิพโอบกอดผม รู้อะไรมั้ย?...ว่าหัวใจผมมันพองโตมากแค่ไหน มันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากเขา
มันไม่ใช่ความรัก ที่รักอย่างบ้าคลั่งเหมือนที่เราเคยเป็นกันมาก่อนๆ มันคือความรักความเข้าใจ รักอย่างมีสติ
มีเหตุผล มันคือความห่วงใยผูกพัน มากกว่าความคลั่งใคล้ปรารถนา
หลังจากผ่าตัด ชิพก็ต้องพักฟื้นอยู่นานหลายสัปดาห์ ตอนแรกๆที่ทำเคมีบำบัด ช่วงนั้นอาจจะยากลำบากสัก
หน่อย...แต่ผมก็คอยอยู่เป็นกำลังใจร่วมไปกับเขาตลอดเวลากระทั่งบัดนี้ ชิพกลับมาสุขภาพดีเหมือนเดิมแล้ว อาจจะต้องระวังเรื่อง
การพักผ่อนและคอยดูแลสุขภาพนิดหน่อย ซึ่งต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เขาเพียงแต่อ้วนขึ้นจากยาสเตอร์รอยล์บ้างเท่านั้น ส่วนกลุ่ม
ผมยาวนุ่มสลวยก็ขึ้นมาดั่งเดิม เป็นสุดหล่อของผมที่อยากเห็น...อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่รู้ว่าชิพเริ่มป่วย
ความรู้สึกตอนที่รู้ว่าชิพปลอดภัย มันโล่ง...โล่งไปหมด และทุกๆวันที่ชิพเริ่มหายดีขึ้น ทำให้หัวใจของผมเบ่ง
บาน...รู้สึกอิ่มเอมอย่างประหลาด
นี่ใช่มั้ย...ที่เขาเรียกว่ารัก
ผมกับเขาอาจจะคบกันมานาน แต่ผมเชื่อว่า...ช่วงเวลาปัจจุบันนี่แหละที่ผมกล้าพูดอย่างมั่นใจว่า...ทุกสิ่งคือ
ความรักจริงๆ รัก...รักอย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
และนั่น...คือเรื่องราวที่ผมได้ถ่ายทอดออกมาทั้งหมด เรื่องราวความรักของผม...ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค์มามาก
มายตลอดทั้งชีวิต
“แล้ว ตอนนี้คุณอยากทำอะไรดี?”
ชิพถาม ขณะผมกำลังเหม่อ จริงซินะ ผมกะจะออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ อีกไม่กี่
เดือนเราคงต้องกลับไปทำงานที่บริษัท หลังจากขอร้องให้แอลช่วยบริหารอยู่นานเกือบหนึ่งปีเต็มเลยทีเดียว
“ผมชวนคุณออกมาอ่านจดหมายนี่ต่างหาก”
ปึกจดหมายถูกดึงออกมาจากด้านในโค้ทตัวเก่งของผม จดหมาย...จากเพื่อนเก่าทั้งหลาย ผมเริ่มอ่านฉบับ
แรกให้ชิพฟัง ซึ่งก็กำลังนั่งโอบรอบไหล่ผมอยู่พลางยิ้มอย่างมีความสุข
ฉบับแรก เป็นของแม่ผม ท่านเขียนมาบอกว่า...
'แดน ตอนนี้ร้านของเรากำลังไปได้สวย แม่กำลังตัดสินใจซื้อร้านอาหารอินเดียตรงข้างๆ เพราะเขาขายสู้เรา
ไม่ได้ เป็นยังไงล่ะ ฝีมือแม่ของแก แล้วไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเดือนหน้าแม่จะไปเยี่ยม ฝากบอกชิพด้วยนะแม่จะหิ้วขนมไปฝากให้กิน
จนจุกไปเลย...รัก ลงชื่อ แม่'
เราสองคนนั่งนิ่งๆกันก่อนจะหยิบฉบับต่อไปขึ้นมาอ่าน ที่ค่อนข้างใหม่หน่อย ผมเริ่มคลี่ปากซองออกแล้ว
อ่านออกเสียง
'ถึงแดน...ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะจำผมได้หรือเปล่า แต่นี่ผมเอง...บอย เพื่อนของคุณตอนสมัยมหาวิทยาลัย ผม
ไม่ทราบว่าคุณจะรู้สึกแปลกไปหรือเปล่าหากผมติดต่อคุณแบบนี้ ทั้งที่ไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว แต่ผมเพิ่งทราบว่าคุณกำลังอาศัยอยู่
ในนิวยอร์ค ส่วนตอนนี้ ผมกำลังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่ที่ออสเตรเลีย มีความสุขมาก แล้วคุณล่ะ เป็นอย่างไร
บ้าง
อันที่จริงแล้วผมไม่ค่อยสุขเท่าไรนักหรอก เพราะงานล้นมือตลอดเวลา ไหนจะโดนเรียกตัวออกไปตระเวน
ตรวจความเรียบร้อยของสัตว์ในทุ่งตั้งแต่ตอนตีสอง...แต่ผมรักอาชีพนี้ ตอนที่กำลังเขียนจดหมายนี้กำลังว่างๆ เลยอยากบอกคุณว่า
นึกครึ้มลุกขึ้นมาเขียนจดหมายถึงคุณแบบนี้ ก็เพราะเพิ่งได้รับข่าวคราวของคุณจากใครบางคน คนที่ผมกำลังรำคาญเขาอย่างสุด
ซึ้ง...ไม่ยักรู้ว่าเขารู้จักกับคุณด้วย? ทว่า...ช่างเถอะ ผมอยากทราบว่าคุณสบายดีใช่มั้ย คิดถึงคุณมากนะ...และหวังว่าเราคงจะได้มี
โอกาสเจอกัน ผมมีเรื่องราวที่อยากเล่าให้คุณฟังอีกเยอะแยะเลย โดยเฉพาะแหล่งข่าวที่พูดถึง เอ่อ...อันที่จริงผมมีเรื่องต้องการจะ
ปรึกษากับคุณ คงต้องเป็นฉบับหน้าที่ส่วนตัวกว่านี้แล้วล่ะ...
เสียงเคาะประตูดังแล้ว คงเป็นเจ้าหมอนั่น ผมต้องไปก่อนแล้ว อย่าลืมตอบกลับมาล่ะครับ
ปล.ฝากสวัสดีคนที่อยู่ข้างๆคุณด้วย ผมขออวยพรให้เขาหายเป็นปกติเร็วๆ...ลงชื่อ บอย”
ชิพขยับตัวเล็กน้อย ถามเสียงฉงน
“ใครกันนะที่เขาพูดถึง?”
กำลังทั้งอึ้งทั้งตื่นเต้นจากจดหมายเมื่อสักครู่(ผมจะรีบตอบกลับฉบับนี้ให้เร็วที่สุดเป็นการพิเศษเลย!) ผมรีบ
แกะจดหมายอีกฉบับออกมา ส่งมาจากที่เดียวกันซะด้วยซิ =_="
“สวัสดีไอ้แดน...นี่กูเอง กอล์ฟนะ มึงสบายดีมั้ย ตอนนี้กูอยู่ออสเตรเลียแล้วว่ะ อากาศร้อนเป็นบ้า ว่าแต่มึงล่ะ
สบายดีมั้ย แล้วคุณชิพล่ะ หายดีหรือยัง?
ความจริงแล้วตอนนี้กูน่าจะอยู่ที่ญี่ปุ่นมากกว่า...กำลังนอนกอดสาวๆทรงโตอยู่บนเตียงที่ไหนสักแห่ง ฮ่าๆ
เพราะเจ้านายกูเขาเห็นสามารถอัน ’มากมาย’ ของกูเข้าน่ะซิ เขาเลยส่งกูมาดูงานที่ออสเตรเลียแทน ทั้งๆที่กูก็ไม่เป็นภาษาฝรั่งอะไรกับ
เขาเล้ย ที่พูดได้น่ะก็แค่งูๆปลาๆ เฮ้อ ตอนนี้เลยต้องเรียนภาษาฝรั่งใหม่จนหัวฟู นี่แหละน๊าป๊าถึงบอกให้ตั้งใจเรียน
แต่ช่างเหอะ เข้าเรื่องดีกว่า ตอนนี้สิ่งที่กูกำลังมุ่งมั่นอยู่คือการตามง้อใครบางคน มึงอาจจะขำนะ แต่ใช่แล้ว!
กูกำลังตามง้อใครบางคนอยู่...ใครบางคนที่ทำให้กูไปไหนไม่รอด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หากไม่ได้เห็นหน้าเขา กูคงใจสลาย รู้แล้ว
เหยียบไว้ เขาเป็นคนรู้จักของมึงด้วย รู้จักมั้ย? บอยน่ะ เห็นเขาบอกว่ารู้จักมึง ว่าไปโลกเรานี่กลมดีนะ ทว่าถ้ามึงพอมีเส้นสาย ช่วย
บอกเขาทีว่าให้หายโกรธแล้วยอมรับรักกูซะที กูรักเขาว่ะ ฮ่าๆ...แต่ตอนนี้ไม่รู้เจ้านั่นจะงอนไปถึงไหน ก็คืนนั้นตัวเองเมาแท้ๆ เออ กู
เองก็เมา แต่ถ้าไม่ได้ไปเจอกันที่ผับนั่นกับพวกเพื่อนๆของกูกับเขาที่รู้จักกันอีกที แล้วกูก็พาเขากลับไปที่ห้อง แล้วหลังจากนั้น...เอ่อ
ช่างเถอะ ไม่รู้กำลังพล่ามอะไร ตอนนี้เบลอๆ รู้สึกแย่เล็กน้อยที่ตามจีบตามตื้ออยู่ตั้งสามเดือนแล้ว หมอนั่นก็ยังโกรธอยู่เรื่องคืนนั้น...
แต่ทำไมนะ ทำไมคืนนั้นไม่เห็นมีท่าทางแบบนี้เลย ตรงกันข้ามมากกว่า ให้ตายซิ!
ตอนนี้ถึงเวลาที่กูต้องไปตื้อเขาแล้ว รู้มั้ยว่าหมอนี่น่ะเก่งสุดๆ เป็นถึงหมอหมา(จะหมอหมาหรือแมวหรือเสือ
สิงที่ไหน ก็เหมือนๆกันแหละว๊า)เชียวนะเฟ้ย! แฟนกูน่ะดีกรีหัวหน้าทีมรักษาพันธุ์สัตว์ฯเชียวนา ส่วนกูก็ยังเป็นลูกจ้างกระจอกๆอยู่เลย
ไม่รู้จะเอาอะไรไปจีบเขาดี ว่างๆช่วยตอบกลับมาแนะนำหน่อยเถอะ ปวดหัวชะมัดเลย
เฮ้อๆๆ ขนาดแค่จูบยังทำไม่ได้เลย คอยดูนะ วันนี้พ่อจะจับขึง...ซะให้เข็ด ว่าแต่มึงสบายดีนะแดน เมื่อไหร่
จะกลับเมืองไทยแล้วบอกด้วยซิ จะให้ส่งของกินมาให้ เบื่อที่นี่แล้ว ไม่อยากอยู่นานเลย
แต่ถ้าได้อยู่กับเขา...กูว่าก็คุ้มนะ...ลงชื่อ กอล์ฟ”
อ่านจบ ผมกับชิพนั่งอมยิ้มอย่างเป็นสุข
“นี่สรุปสองคนนี้เขาเป็นแฟนกันแล้วเหรอ?”
“อืม คงเป็นงั้นล่ะครับ”
“ป่านนี้เพื่อนเก่าคุณโดนนายกอล์ฟเผด็จศึกไปเรียบร้อยแล้วมั้ง”
"ดูจากจดหมายล่ะก็..."
เราสองคนหัวเราะกัน
"แล้วนี่คุณจะเป็นพ่อสื่อให้คู่นี้มั้ย?"
ผมเอนตัวขึ้นไปจุ๊บเขาที่แก้มเบาๆ ส่งสายตายิ้มกริ่ม
"ไม่เสียหายที่จะลองดูใช่มั้ยล่ะ"
ผมหัวเราะ ยังเหลืออีกสองฉบับ ซองหนึ่งมาจากพี่มาร์ค ผมกะจะเก็บเอาไว้อ่านคนเดียวเพราะพี่แกอุตส่าห์
ส่ง'เมลมากำกับบอกว่าให้ปิดเป็นความลับ มีเรื่องจะขอคำแนะนำไปจัดการกับเจ้าพี่เมฆตัวดีสักหน่อย แหมๆๆ พี่ชายทั้งสองคนของ
ผมนี่ก็น่าดูเชียว ขนาดอายุเยอะแล้วนะนั่น >.<
ผมแซวตอบกลับไปว่า ‘เดี๋ยวก็หลังเดาะหรอกเพ่!’
“อีกซอง เปิดอ่านซิแดน”
ชิพเร่ง ข้างในซองจดหมายสีขาวซองสุดท้ายเป็นรูปภาพของเด็กทารกคนหนึ่ง ตัวแดงกลมไปหมด น่ารักน่า
ชังมาก มีข้อความเขียนไว้ข้างหลังว่า
…‘รีบกลับมาเป็นพ่อทูนหัวลูกชั้นได้แล้ว! พวกแกทั้งคู่ต้องได้อุ้มแก ชั้นกับคุณอรแทบจะรอไม่ไหวแล้วนะ!
อย่าสวีทกันเกินล่ะ ทางนี้รับมือเจ้าตัวยุ่งตั้งสองคนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ไว้ได้นานๆไม่ไหวหรอกนะโว้ย!’…
จบข้อความออกแนวโวยวายของไอ้แอลตัวดี...ชิพยิ้มอย่างเอ็นดู ขณะกำลังเพ่งพินิจรูปลูกชายคนใหม่ของ
แอลกับคุณอร ทั้งคู่แต่งงานกันได้เกือบปีแล้ว แต่งปุ๊บก็มีเจ้าตัวเล็กปั๊บ เรื่องชื่อนั่นยังไม่เป็นที่สรุปแน่ชัด แต่ประมาณว่าแอลอยาก
ให้ผมกับชิพช่วยตั้งให้ ผมว่านะ ตอนนี้เจ้าแอลมันคงต้องบ้าเห่อลูกของมันอยู่แน่ๆ ถึงกลับไปตอนนี้มันก็ยอมให้อุ้มแค่ไม่กี่วันหรอก
มันหวงของมันจะตาย
“ลูกของแอลน่ารักดีเน๊อะ”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับชิพ พูดถึงเรื่องลูก แล้วนี่ไอ้เจ้าตัวดีของเรามัวเที่ยวเล่นไปไหน ไม่เห็นกลับมาสักที
รอสักพักแบบไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวอ้วนขนเกรียนสีทองก็วิ่งห่อเข้ามาหา กระโจนใส่ตัวพ่อทั้งสองของมันสุด
แรงเกิด พร้อมทั้งเลียอย่างบ้าคลั่งจนชิพต้องออกเสียงดุๆ ส่วนผมได้แต่หัวเราะในท่าทีติงต๊องของเจ้าลูกชายคนนี้ หมาหนุ่มก็งี้ล่ะครับ
วิ่งคึกได้ทั้งวัน =_="
“นายดิฟ มัวไปเที่ยวเล่นที่ไหนมาห๊ะเรา เดี๋ยวทิ้งไว้นี่ซะหรอก”
เจ้าดิฟนั่งเอียงคอมอง หอบแหกๆ ชิพยิ้มก่อนจะลุกขึ้นกระชับสายจูง เตรียมตัวกลับบ้าน
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อดี?”
ผมถาม ชิพโอบเอวผมเข้ามาหา จรดปลายจมูกโด่งตรงขมับอย่างแผ่วเบา
“ก็กลับบ้านซิ ผมอยากอาบน้ำกับคุณจังเลยนะตอนเนี้ย”
ผมหัวเราะร่า
“เดินคุยกันก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวคุณได้หมดแรงจนพูดไม่ออกแน่”
ชิพเหล่มาอย่างมีเล่ห์นัย นัยน์ตาพราว
“พูดอะไรน่ะ รักษาคำพูดด้วยนะคร้าบ”
เราสองคนเดินกอดกันบนทางเดินที่คราคร่ำ นานๆนิวยอร์คจะอากาศดีแบบนี้สักที โอ้ว~~ขอบคุณแสงแดด
อบอุ่น
“ชิพ...ผมมีความสุขที่สุดเลย”
“ผมก็เหมือนกัน…”
“คุณรู้มั้ย ผมขอบคุณพระเจ้า...ขอบคุณทุกวันที่เขาส่งคุณมาให้ผม”
ชิพหอมแก้มผม
“หากไม่มีคุณ ชีวิตผมคงไร้ค่า ไร้หางเสือเหมือนกัน...ทุกความทรงจำ ทุกสิ่งที่เป็นคุณ มันจะถูกเก็บอยู่ข้าง
ในหัวใจดวงนี้ของผมไว้ ตลอดไป”
นัยน์ตาสบนิ่ง...ถ่ายทอดความหมายอ่อนโยนลึกซึ้งสู่ก้นบึ้งหัวใจ
“ขอบคุณนะ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มอบให้กับผม คุณเติมเต็มชีวิตผม ให้เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก”
ชิพจูบหน้าผากของผมอีกที ก่อนจะกอดไว้แน่น อบอุ่น อิ่มเอมใจ
"ชิพครับ...ผมรักคุณมาก รักมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก"
ผมซุกใบหน้าเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแรง เบียดกายแนบแน่น
“รู้มั้ย? ต่อไปนี้ผมมีแผนไว้ว่ายังไง”
ผมยิ้ม แกล้งถามไปทั้งๆที่รู้คำตอบ
“มีอะไรหรือ?”
ชิพแกล้งทำเป็นลืม เหมือนจู่ๆก็นึกไม่ออก
“เอ เปล่าหรอก ไม่มีแผนอะไรเลย ขอแค่ที่ไหนมีคุณ จะมีผมอยู่เคียงข้างเสมอไป”
น้ำตาแห่งความซาบซึ้งเอ่อคลอ ไม่ต้องร้องขออะไรมากมายแล้ว เพราะตอนนี้...ผมมีสิ่งที่รักมากที่สุดในชีวิต
มากกว่าชีวิตของตัวเองอีก...อยู่ในอ้อมกอดที่แนบแน่นนี้ ความรักที่ซาบซ่านไปทั้งหัวใจ ชีวิตของคนธรรมดาๆไร้ค่าคนหนึ่ง จะไม่
อ้างว้างอีกต่อไปแล้ว เพราะเขา เติมเต็มผม ให้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ อย่างที่ไม่มีใครเปรียบเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
ชิพก้มลงมากระซิบข้างใบหู คำหวาน...ที่ฟังกี่ทีๆก็ไม่เบื่อ แต่คราวนี้กลับทำให้ขนลุกอย่างประหลาด อย่างกับ
มีพลัง มีเวทมนต์ขลัง มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว
“ผมรักคุณครับแดน…คุณคือหัวใจของผม ผมจะรักคุณตลอดไป”
รำพึงอยู่ในใจ บังเกิดความร้อนวูบขึ้นมาเช่นกัน
...ผมก็รักคุณ รักคุณมาก...รักคุณอย่างไม่สามารถสรรหาคำอธิบายได้เช่นกัน
คุณจะอยู่ในหัวใจดวงนี้ เสมอไป
จบ ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา.../ อวสาน ชิพ&แดน Series