Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 14
“ดูบรรยากาศที่นี่สิเขื่อน!” เขื่อนมองร่างบางที่กำลังยิ้มและตะโกนเสียงดังกลางถนนอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะกวักมือเรียกให้มาขึ้นรถแท็กซี่ด้วยกัน
“ไม่หนาวเหรอ” ถามร่างบางที่เอาแต่นั่งเกาะรถมองข้างทางหลังจากบอกจุดหมายแก่โชเฟอร์แล้ว
“ไม่ครับ ผมชอบอากาศเย็นๆ” น้ำรู้สึกว่าบ้านเมืองที่นี่ช่างน่าตื่นตาตื่นใจ ผู้คน รูปร่างหน้าตา สีผม เสื้อผ้า บ้านเรือน ช่างดูน่าสนใจไปเสียหมด
แชะ!
“? เขื่อน แอบถ่ายรูปผมอีกแล้วเหรอ” เสียงจากกล้องถ่ายรูปของไอโฟนทำให้น้ำหันมามอง
“เอามาดูเลย ถ่ายดีหรือเปล่า ถ่ายไม่ดีลบเลยนะ”
“ดีอยู่แล้ว ฝีมือระดับนี้” เขื่อนส่งให้น้ำดูรูป แล้วร่างบางก็ยิ้มอย่างพอใจ
“ถ่ายสวย” น้ำชม
“แต่แบบสวยกว่า” โดนหยอดกลับก็หน้าแดงไปตามระเบียบ ชาตินี้จะตามเขื่อนทันมั้ยเนี่ย
“ลงไปรอหน้าบ้านนะ เดี๋ยวจ่ายค่าโดยสารก่อน” น้ำเดินไปยืนจ้องหน้าบ้านหลังใหญ่ หลังจากผ่านรั้วบ้านอันแสนกว้างก็ถึงตัวบ้าน หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์คงไม่น่าเกลียด การก่อสร้างแบบยุโรป อิฐสีแดง หน้าต่างสลักลวดลายสวยงาม คนที่ไม่มีหัวทางด้านนี้แบบน้ำยังมองออกว่ามันสวยมาก
“เขื่อน บ้านเขื่อนสวยมากเลย”
“ไปดูห้องนอนมั้ย ห้องนอนสวยกว่าอีกนะ” เขื่อนยิ้มยั่วแล้วยักคิ้วข้างหนึ่ง พอเปิดประตุบ้านก็มีหญิงสาวในชุดที่เหมือนชุดเมดวิ่งมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณหนุ ยินดีต้อนรับค่ะ” เมดสาวผมทองพูดยิ้มแย้ม
“อืม เอาของไปเก็บบนห้องให้ผมที” เขื่อนส่งกระเป๋าเดินทางให้
“ไปเดินเล่นมั้ยน้ำ” เขื่อนหันมาถามน้ำที่กำลังมองการสนทนาอย่างสนใจข้างๆ
“ไปๆ เอากล้องไปด้วยนะ” น้ำยิ้มร่าแล้วคว้ากล้องติดมือไปด้วย หลังจากเดินเล่นและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกจนหนำใจแล้วจึงขึ้นมานั่งพักในห้องนอนเขื่อน
“อากาศเย็นดีจังเลยยยยย” เขื่อนมองน้ำที่นอนเกลือกกลิ้งบนที่นอนของเขาเหมือนลูกแมว พอมานึกดู น้ำเป็นคนขี้ร้อนนี่นะ
“ไว้วันหยุดยาวอยากมาก็มาอีกสิ”
“อืม...” หลังจากส่งเสียงตอบรับยานคางก็เงียบไป เขื่อนที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าจึงเดินมาชะโงกมอง
“หลับซะแล้ว...” เขื่อนก้มลงไปจูบที่แก้มนวลเพื่อให้ฝันดีแล้วค่อยๆเดินย่องออกมา
เด็กหนุ่มร่างสูงเดินลงมาตามบันไดและมุ่งเข้าสู่ห้องรับแขก มองไปเบื้องหน้าก็ได้พบกับร่างอรชรผมสีบลอนด์ทอง เครื่องหน้าที่บ่งบอกว่าเป็นชาวตะวันตกดูอ่อนหวาน ดวงตาสีเขียวมรกตช่างรับกับใบหน้างาม
“แซมมี่...”
“คีน!” เจ้าของเสียงหวานสมหน้าตาผุดลุกอย่างดีใจ ก่อนจะรีบเดินเข้ามาหา โดยที่ร่างสูงรีบเข้าไปประคองอย่างอ่อนโยน
“ชั้นคิดถึงเธอมากเลยนะคีน” หน้าหวานซุกลงกับอกกว้าง จึงไม่ทันได้สังเกตว่าร่างสูงมีสีหน้าลำบากใจ
“อาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”
“จ้ะ หมอบอกว่าอาจดีไปถึงคริสมาสต์แน่ะ” เขื่อนแค่นยิ้ม อาการดีไปถึงคริสมาสต์ แสดงว่าหลังจากนั้นจะแย่ลงทันทีใช่มั้ย
“ไปนั่งในห้องนั่งสือดีกว่า ที่นั่นอากาศอบอุ่น” เขื่อนจูงแขนหญิงสาวให้ไปนั่งในอีกด้านหนึ่งของบ้าน ซึ่งเป็นส่วนที่อากาศอบอุ่น และเพื่อที่จะได้ห่างไกลจากสายตาคนที่หลับสบายอยู่ข้างบน...
“ตอนที่ชั้นเข้ามา ดีน่าบอกว่าคีนพาเพื่อนมาด้วยเหรอจ๊ะ” เขื่อนแทบสำลักน้ำชา ยัยดีน่าปากมากอีกแล้ว ไล่ออกเสียดีมั้ย
“อืม เขามาเรียนเปียโนที่นี่ แลยจะมาพักด้วยนะ”
“จริงเหรอจ๊ะ ให้เขามาเล่นกับชั้นบ้างสิ ชั้นอยากจะมีเพื่อนเล่นเปียโนบ้าง”
“ได้สิ” เขื่อนทำเป็นจิบชา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ้องหน้าแซมมี่
“แล้วดีน่ายังบอกอีกด้วยนะจ๊ะ ว่าเพื่อนคีนน่ะ สวยน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลย”
“ฮ่ะๆ เขาเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่ผู้หญิง” เขื่อนตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะให้แม่ตัดโบนัสยัยนี่ตอนคริสมาสต์แน่นอน
“นั่นสินะจ๊ะ..” หญิงสาวมองลอดไปนอกหน้าต่าง สายตามีแววครุ่นคิด
“คีนยังไม่ลืมสัญญาใช่มั้ยจ๊ะ” เขื่อนจ้องมองใบหน้าของแซมมี่ ใบหน้าที่ยังคงเค้าเมื่อยังเด็ก สมัยที่ยังจูงมือและวิ่งเล่นกัน สมัยที่แซมมี่ยังคงแข็งแรงดี
“ไม่ลืมหรอก” ทำได้เพียงยิ้ม และแตะมือบอบบางนั้น เขาจะเลือกอะไรได้อีกละ
หลังจากส่งแซมมี่กลับบ้านไปแล้ว เขื่อนก็เดินขึ้นมาบนห้องนอน เปิดประตูเข้าไปด้วยความหวังว่าน้ำจะยังหลับอยู่ เพื่อจะได้ยืดเวลาที่จะบอกเรื่องนั้นออกไปอีก แต่ทว่าเรียวขาที่ยกชันขึ้นมาพาดกับเก้าอี้เขียนหนังสือ สองมือถือหนังสือเล่มโตขึ้นมาอ่านจนไม่ได้สนใจว่ามีคนเข้ามาในห้องจนเขื่อนต้องกระแอมเสียงดัง
“อ้าว เขื่อนไปไหนมาครับ ผมตื่นมาก็ไม่เจอใครเลย” ใบหน้าตกใจของร่างบางมาแทนที่สีหน้าก่อนหน้านี้ เขื่อนแตะที่แก้มนวลแผ่วเบา เขามั่นใจว่าเขารักคนๆนี้มาก มากจนไม่อยากให้ต้องมาเจ็บปวดเพราะเขาอีก
“ไปห้องหนังสือมาน่ะ เดี่ยวกินมื้อเย็นเสร็จจะพาไปเดินดูในบ้านนะ” น้ำพยักหน้าอย่างดีใจแล้วเดินตามเขื่อนลงไปกินมื้อเย็นด้วยความกระตือรือร้น
“โห มันใหญ่มากเลยนะเขื่อน ใหญ่มากๆเลย” น้ำมองไปรอบห้องหนังสือขนาดใหญ่ที่มีหนังสือจรดเพดานทุกด้านของผนัง ร่างบางเดินไปสำรวจตรงนู้นตรงนี้ทีอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนเจอมุมหนังสือที่ชอบก็หยุดนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน
“น้ำ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนเปียโนนะ ไปเตรียมของก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยมาอ่านต่อ” เขื่อนร้องทักเมื่อเห็นน้ำตั้งท่าปักหลักจะอ่านหนังสือต่ออีกนาน
“ครับ” น้ำรับคำและเก็บหนังสือเข้าชั้น
“เขื่อน นี่ผ้าอะไรเหรอครับ” เขื่อนหันไปมอง ผ้าชีฟองที่แซมมี่ใช้พันคอตอนมาที่นี่ตกอยู่ตรงโซฟา เขื่อนเดินไปหยิบมาวางบนโซฟาและตอบน้ำเสียงเรียบ
“ผ้าพันคอของแม่ละมั้ง ไปจัดของกันเถอะ จะได้พักผ่อน”
“นี่ นายเพิ่งเข้ามาใหม่เหรอ”
“เฮ้ นายน่ะ ฉันถามนาย” น้ำสะดุ้งเมื่อถูกตีป้าบเข้าที่ไหล่ พอหันไปก็พบว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เหมือนพวกนักกีฬาประมาณนั้น
“มะ..หมายถึงผม ?” น้ำทำท่าชี้นิ้วว่าเรียกตัวเองงั้นเหรอ
“เออ นายแหละ เจ้าผมดำ”
“...” น้ำเลิ่กลั่ก เขากำลังเดินหาห้องเรียนอยู่ดีๆ ก็มีเจ้าฝรั่งผมทองนี่มาพูดอะไรฉอดๆๆๆใส่ไม่หยุด อย่าบอกนะว่าเขากำลังจะโดนแกล้งอีกแล้ว
“Oh shit…Can you speak English ?” น้ำตาโต ประโยคนี้เขารู้จัก เคยเรียนในห้องเรียนนี่นา
“I can-” น้ำเตรียมจะตอบกลับไป แต่ก็มีร่างหนึ่งมายืนข้างเขาและโอบไหล่ก่อนจะตอบแทนให้อย่างคล่องแคล่ว
“เขาเพิ่งมาจากประเทศไทย พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้หรอก ถ้าจะให้ดี นายช่วยเขาหาห้องเรียนทีได้มั้ย”
“ชัวร์ ได้อยู่แล้ว ไอ้ฉันก็ว่าทำไมเจ้าหน้าติ๋มนี่ไม่ตอบคำถาม ที่แท้ฟังไม่ออกหรอกเรอะ”
“อืม ซัมเมอร์นี้เขาก็มาเรียนเปียโนและจะฝึกภาษาไปด้วยนะ” น้ำมองใบหน้าเขื่อนสลับกับเด็กหนุ่มนักกีฬานั่น และพยายามจับใจความที่คุยกัน
“ไปน้ำ เดี๋ยวเขาจะพาไปห้องเรียน ฉันต้องกลับก่อนนะ จะไปธุระต่อ” น้ำหันมามองเขื่อนตาละห้อย จะทิ้งเขาไว้กับฝรั่งร่างยักษ์นี่งั้นเหรอ
“เดี๋ยวเย็นมารับ อย่างอแง พอตัวเองได้เล่นเปียโนก็ดี๊ด๊าจนลืมฉันเองแหละ”
“ไม่มีทาง ผมไม่มีทางลืมเขื่อนหรอกครับ!” น้ำพูดเสียงจริงจังและชะโงกหน้าไปหอมแก้มเขื่อนฟอดใหญ่
“อย่าลืมมารับผมนะ” น้ำบอกก่อนจะเดินไป ทิ้งให้เขื่อนยืนอึ้งคนเดียว
“นายนี่ เป็นคนรักกับหมอนั่นงั้นเหรอ” เด็กหนุ่มผมทองหันมาถามน้ำ แต่ก็ส่ายหัวเมื่อน้ำทำได้เพียงยิ้มกว้างกลับมาให้
“I’m David.” เด็กหนุ่มผมทองชี้ที่ตัวเองและบอกชื่อ น้ำอึ้งไปพักหนึ่ง จึงพยักหน้าหงึกและแนะนำตัวกลับ
“I’m Nam.”
“น้าม?”
“โนโน น้ำ”
“แน้ม?”
“น้ำ โน แน้ม น้ำ น้ำ น้ำ”
“น้ำ?”
“เยสๆๆ น้ำ น้ำ” น้ำหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเดวิดเรียกชื่อเขาได้ถูกต้อง
“This your class.”
“Thank you.” เดวิดพาน้ำมาส่งถึงหน้าห้อง น้ำเดินเข้าไปภายใน พื้นไม้เงาปลาบ ผนังกันเสียงที่บุอย่างดี น้ำมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น
“Do you like this place ?” ไม่รู้ว่าเดวิดถามอะไร แต่น้ำที่กำลังปลาบปลื้มใจได้แต่ยิ้มกว้าง เครื่องดนตรีที่ดูขลังวางอยู่บนชั้น แกรนด์เปียโนหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง น้ำเดินไปสัมผัสกับแกรนด์เปียโนนั้นด้วยใจที่ระทึก ร่างบางหย่อนตัวลงบนเก้าอี้บุกำมะหยี่ มือเรียวเปิดฝาครอบออกและกดคีย์แต่ละตัว
“เสียงดีจังเลย...”
โดยไม่รอช้า เพลง Canon in D ถูกบรรเลงขึ้นมาอย่างไพเราะ เดวิดยืนมองเพื่อนใหม่ชาวเอเชียที่กำลังเล่นเปียโนด้วยสีหน้าเคลิ้มฝันที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น แม้จะยังเล่นไม่ตรงจังหวะ แต่กลับฟังแล้วเพราะยิ่งกว่าเล่นให้ถูกต้องเสียอีก เดวิดเดินไปหยิบไวโอลินตัวเก่งของเขาขึ้นมาและสีคลอไปกับเสียงเปียโน
“เอาละ หมดเวลาโชว์ออฟแล้วนะ” เสียงทรงอำนาจดังก้อง น้ำหยุดมือทันควันและหันไปตามเสียง ชายวัยกลางคนดูทรงอำนาจยืนตระหง่านอยู่ที่ทางเข้า น้ำรีบผุดลุกไปยืนแอบหลังเดวิดอย่างว่องไว
“Nam, This is Mr. Romanoff” เดวิดแนะนำชายคนนั้นให้น้ำรู้จัก ร่างบางประมวลผลอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นคืออาจารย์ที่จะสอนเขางั้นเหรอ?
“H..Hello...” น้ำทักทายอย่างกล้าๆกลัวๆ ยิ่งเห็นอาจารย์ของตัวเองหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ก็ยิ่งกลัว
“Sit down.” อาจารย์หน้านิ่งบอกเรียบๆ ไม่สนใจจะทักทายกลับ เดวิดเดินไปนั่งเก้าอี้และชี้ให้น้ำไปนั่งข้างๆ และก้เริ่มแนะนำเรื่องเพลงที่จะนำมาให้หัดเล่น น้ำมองไปรอบๆ มีทั้งคนที่ดูเป็นฝรั่งจ๋าแบบเดวิดก็เยอะ แต่พวกที่เป็นเอเชียก็มีเหมือนกัน ทุกคนจะเล่นอะไรเป็นบ้างนะ...
“You! Come here.” เรียกเขาเหรอ? น้ำมองนิ้วอาจารย์ที่ชี้ตรงมา แน่นอน เป็นเขาแน่นอน
“Yes..” น้ำเดินก้มหน้างุดไปทางหน้าห้อง อาจารย์หน้านิ่งชี้ให้น้ำไปนั่งที่เปียโนและเอาโน้ตเพลงมาวางไว้ให้
‘สงสัยจะให้เล่นแฮะ...’ พอคิดอย่างนั้น น้ำจึงพรมนิ้วลงบนเปียโน
เมื่อท่อนแรกถูกบรรเลง อาจารย์หน้านิ่งก็ตีที่นิ้วของน้ำดังผัวะ เรียกความสนใจจากเพื่อนในห้องได้เป็นอย่างดี
“You play so fast!” ฟาสต์ ที่แปลว่าเร็วงั้นเหรอ ... ลองเล่นช้าอีกนิดละกัน
ดนตรีท่อนเดิม แต่เล่นให้ช้าลง ก็ทำให้จังหวะเปลี่ยนไป ท่วงทำนองที่ระรื่นหูและเสียงซุบซิบของเพื่อนในห้อง หากลองจับใจความดูจะมีเนื้อหาประมาณว่า
‘เจ้าตัวเล็กนั่นเป็นใคร ทำไมมิสเตอร์โรมานอฟฟ์จึงยอมให้ไปเล่นได้ที่หน้าชั้น’
หรือไม่ก็ ‘ทำไมถึงเล่นเพลงนี้ได้ราบรื่นนักนะ ชั้นหัดตั้งนานยังเล่นได้ไม่คล่องเท่าหมอนี่เลย’
แม้แต่เดวิด ยังจ้องมองน้ำด้วยความสนใจ เพราะฝีมือของเจ้าตัวเล็กหน้าหวานนี้ไม่ธรรมดาสักนิด
“Good.” คำเดียวสั้นๆแต่เรียกรอยยิ้มกว้างจากน้ำและกระพือเสียงฮือฮาให้ดังกว่าเดิม
“วันนี้จบคลาสเท่านี้ อย่าลืมเอาบทเพลงที่ฟังไปเนี่ย ไปหัดให้คล่องแคล่วด้วยละ” พออาจารย์พูดจบทุกคนก็เก็บของและเดินออกจากห้องไป น้ำจึงจะเดินไปเก็บของบ้าง แต่พอจะลุกก็ถูกมือใหญ่กดบ่าเอาไว้ให้นั่งที่แกรนด์เปียโนเหมือนเดิม
น้ำมองไปรอบๆ เหลืออีกสามสี่คนที่ยังนั่งอยู่ และพวกที่เหลืออยู่ก็ค่อยขยับมาที่หน้าชั้นกันหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเดวิดด้วย
“ฉันจะอธิบายให้เธอฟัง พวกคนเหล่านี้และเธอ คือสมาชิกที่ฉันเลือกให้มาจัดทีมเพื่อเข้าแข่งดนตรีคลาสสิคประจำซัมเมอร์นี้”
หน้าน้ำตอนนี้ >> : ) ??
“อาจารย์ครับ เขาฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เดี๋ยวรอเพื่อนเขามารับตอนเย็นแล้วค่อยบอกเพื่อนเขาดีกว่าครับ” เดวิดอธิบายแทนน้ำที่นั่งทำหน้าเอ๋ออยู่ มิสเตอร์โรมานอฟฟ์จึงถอนหายใจและพยักหน้ารับ
“งั้นตอนนี้เรามาฝึกเพลงกันดีกว่า เพราะดนตรีไม่มีพรหมแดนนี่นะ” พออาจารย์พูดจบ ทุกคนก็เดินมาหยิบเครื่องดนตรีของตัวเอง และเริ่มซ้อมเพลงกันโดยไม่หยุดพัก ทำเอาน้ำที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรก็ต้องเล่นตามไปด้วย แต่เจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อย ยิ่งได้เล่นกลับยิ่งร่าเริงด้วยซ้ำ
“เฮ้อ...เหนื่อยจังเลยเขื่อน” น้ำยืดแขนบิดขี้เกียจ เขื่อนหันมามองแล้วยิ้มให้ น้ำของเขาช่างเก่งจริงๆ มาวันแรกก็ทำเอามิสเตอร์โรมานอฟฟ์จอมเขี้ยวให้ความสนใจได้ขนาดนี้ เขื่อนนึกถึงตอนเย็นที่เขาเข้าไปรับ พอเข้าไปถึงบรรดาพวกนักเรียนในชั้นของน้ำก็กรูกันเข้ามาพูดล้งเล้งระงมไปหมด จนมิสเตอร์โรมานอฟฟ์ต้องยกมือห้ามและอธิบายให้ฟัง
“ฉันอยากให้เด็กคนนี้ได้เข้าร่วมทีมในการแข่งดนตรีคลาสสิคที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เหมือนทูตสวรรค์มาโปรด ฉันกำลังกลุ้มใจหลังจากที่แซมมี่ไม่สามารถเล่นได้อีก ว่าจะเอาใครมาแทน ก็เจอเพื่อนของเธอพอดีนะคีน” เขื่อนถ่ายทอดคำพูดให้น้ำฟัง ซึ่งเจ้าตัวก็ตื่นเต้นเอาเรื่อง ได้แต่ปากคอสั่นว่าตกลงเขาไปสิเขื่อน!
“มันต้องซ้อมหนักมากเลยนะ นายจะไหวเหรอ”
“ตอนนี้ก็ปิดเทอมนี่ครับ ดีเสียอีก จะได้ไม่เสียเวลาไปเปล่าๆ และก็เป็นประสบการณ์ที่ดีด้วย”
“อืม ฉันจะเอาใจช่วยนะ”
“ครับ” น้ำยิ้มกว้าง ซัมเมอร์นี้จะต้องเป็นความทรงจำของเขาแน่นอน
>>>>> TBC
ปล.1 ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ปล.2 ซัมเมอร์นี้จะเป็นความทรงจำของน้ำด้วยสาเหตุอะไรน้อ...