LOVE HIGH STORY – 13 – Late Night Good News | ข่าวดียามดึก
“โต้ง”
“...”
“ไอ้โต้ง!”
“ห๊ะ... ห๊า!!!” เฮ้ย ตกใจหมดเลย อยู่ดีๆ ยัยดรีมก็เรียกผมซะเสียงดังเชียว
“วันนี้เป็นไรเนี่ยแก เหม่อทั้งวันเลยนะ”
“ไม่มีไรน่า... แล้วนี่ ไอ้อู๋ไปไหนแล้วอะ”
“เห็นไหม แกเหม่อจริงๆ ด้วย... เพื่อนหายไปทั้งคนแกยังไม่รู้ตัวเลย... อู๋มันไปซื้อน้ำตั้งนานแล้ว จนจะหมดเวลาพักแล้วเนี่ย”
“อ้อ แล้วก็ไม่บอกอะ จะได้ฝากซื้อด้วย”
“โอ้ยยยย ฉันบอกให้มันซื้อชาเขียวน้ำผึ้งมะนาวมาให้แกแล้ว จะมารอถามแกก็ไม่ต้องไปซื้อกันพอดี เหม่ออยู่นั่นอะ เรียกตั้งหลายทีก็ไม่หัน ถ้าฉันโดนฉุดไปแกก็คงไม่รู้เรื่องเหมือนกันสินะ”
“อ้าวเหรอ... แฮะๆ พอดีคิดอะไรเพลินๆ นะ”
“เพลินเหรอ? คิ้วขมวดเป็นเงื่อนพิรอดแล้วแก ยังจะมาบอกว่าเพลินอีก”
“เหอๆ ไม่ขนาดนั้นมั้ง”
“เรื่องคนนั้นละสิ... เพิ่งไปกินข้าวด้วยกันมาไม่ใช่รึไง ไปเจออะไรบาดตาเข้าอีกละ”
“ก็เปล่า ไม่มีอะไรหรอก... แค่...”
“แค่อะไร”
“พวกเขา... เป็นแฟนกันป่าววะ สงสัยวะ”
“อันนี้แกต้องไปถามเจ้าตัวเองแล้วละ เพราะถ้าถามฉันนะ แกจะได้คำตอบที่ทำร้ายจิตใจแกสุดๆ เลยละโต้ง... ก็สาววายตัวแม่อย่างฉันนะ จินตนาการเป็นเลิศ แค่นิดๆ หน่อยๆ ฉันก็จิ้นไปไกลถึงเตียงแล้วละ โฮ๊ะๆๆๆ”
ถึงคำตอบจะออกมาแบบนั้น แต่ผมเห็นท่าทางของยัยดรีมแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ครับ ผู้ชายที่มาหลงปลื้มสาวสวยอย่างยัยนี่จะทำหน้ายังไงนะ ถ้าได้รู้ว่ายัยนี่ชอบให้ผู้ชายได้กันเอง ฮ่าๆๆๆ พอเห็นคู่ผู้ชายที่เข้าเค้าสักหน่อยนะครับ ยัยนี่จะตาลุกวาวเป็นการ์ตูนตาหวานเลยละครับ... จะไม่ดีก็ไอ้ตรงที่ยัยนี่ดันไปจิ้นคู่พี่โบ๊ท-ต้าร์ด้วยเนี่ยสิ ปากก็เชียร์ผมนะครับว่าให้เดินหน้าเต็มที่ แต่เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็แค่หวังอยากมีคู่ชาย-ชายให้ได้จิ้นอย่างใกล้ชิดแบบติดขอบสนาม... นี่มันเป็นการสนองตัณหาตัวเองบนความรักของคนอื่นชัดๆ ( - - “)... แต่... ผมก็อยากให้เพื่อนผมสมหวังนะครับ ฮ่าๆ
.
.
“เอางี้ไหมแก... ฉันไปหลอกถามพวกพี่เต็มให้เอาปะ”
คุณผู้อ่านคิดว่ามันดูเหมือนจะเป็นประโยคคำถามใช่ไหมครับ... อันที่จริงมันไม่ใช่เลยสักนิดครับ มันคือประโยคบอกเล่าที่ไม่ต้องการความเห็นหรือคำตอบอะไรจากผมเลยสักนิด... ( - - “ )... ว่ากันง่ายๆ ก็คือ ยัยดรีมจะไปหลอกถามเพื่อนๆ พี่โบ๊ทนะสิครับ
.
ผมเองยอมรับว่าสงสัย แต่ไม่มั่นใจว่าอยากจะรู้จริงๆ หรอกนะครับ... ผมกลัวจะโดนคำตอบทำร้าย...
.
แต่เอาเถอะครับ ถ้าดรีมอยากรู้หรืออยากทำอะไร ผมก็ไม่มีปัญญาไปห้ามมันหรอกครับ ไม่เคยห้ามอะไรมันได้เลย... ศรัทธาของยัยดรีมมันแรงกล้ามากครับ คล้ายๆ ว่าจะมีออร่าสีม่วงแผ่ออกมารอบๆ ตัวเลยทีเดียว... ดูจากสายตาแล้วผมว่ามันคงคิดคำตอบไว้ในใจแล้วละ...
เพียงแต่เดาไม่ออกว่ามันเดาว่าใครเป็นตัวเอกในจินตนาการของมันกันแน่... มันจะให้ผมรับบทไหนนะ... พระเอก หรือ พระรอง หรือแค่... ตัวประกอบ?
.
.
.
อีกด้านหนึ่ง ในห้องเลคเชอร์
.
.
.
ร่างสูงกับร่างเล็กนั่งสุมหัวเล่นเกมจุด*กันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่ได้สนใจอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้อง พยายามพร่ำสอนอย่างเต็มความสามารถด้วยหวังจะมอบความรู้ให้กับเหล่านักเกรียน.. เอ้ย! นักเรียน!!
*เกมจุดคือเกมที่ฝ่ายหนึ่งใช้ปากกาน้ำเงิน อีกฝ่ายใช้สีแดง แต่ละฝ่ายต้องสร้างสุดลงบนขอบเส้นตารางของกระดาษเพื่อล้อมจุดสีของอีกฝ่าย ใครล้อมได้มากกว่าเป็นฝ่ายชนะ
“ฮึ่ย!”
ร่างสูงฟึดฟัดแบบเบาๆ เมื่อโดนร่างเล็กสร้างจุดมาสกัดขัดขวางแผนการกินเรียบของตน ปฏิกริยาของร่างสูงนับว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจของร่างเล็กที่ตอนนี้กำลังยักคิ้วกวนๆ ให้อย่างน่าหมั่นไส้... ไม่เป็นไร พลาดได้ก็เริ่มใหม่ได้ เพราะว่าไอ้ต้าร์ก็ยังไม่ได้สร้างอาณาเขตของมัน ที่ผ่านมาได้แต่ไล่สกัดจุดสีแดงของร่างสูงเท่านั้น
ส่วนไอ้เปี๊ยกก็ย่ามใจประมาณว่า “ข้าไม่ได้กินไม่เป็นไร แต่เอ็งก็อย่าหวังจะได้กินข้าเสียให้ยาก วะฮ่ะฮ่า”
.
“จะยอมแพ้ตอนนี้ก็ยังไม่สายน๊าาาา คุณโบ๊ท” น้ำเสียงกวนประสาทได้ใจสุดๆ เยาะเย้ยกันชัดๆ
“ยังไม่แพ้เว้ย” ว่าไปก็คิดหาแผนกินจุดไอ้เปี๊ยกไป แต่พูดกันตามจริงนะครับ ไอ้คุณโบ๊ทเนี่ยตามเล่ห์เหลี่ยมไอ้เปี๊ยกไม่ทันหรอกครับ เรื่องเจ้าเล่ห์เนี่ยไม่มีใครเกินไอ้เปี๊ยกละ
“คิดนานจังลุง เมื่อไรจะจบเกมละเนี่ย” นั่นไง พอได้เปรียบเข้าหน่อย ไอ้เปี๊ยกนี่ก็ไซโคกดดันคู่ต่อสู้เลยทันที
“ก็ไม่คาดคิดว่าเอ็งจะ
รับ เก่งขนาดนี้ แล้วมันจะไปจบเกมกันง่ายๆ ได้ยังไง” คำพูดเคลือบอารมณ์สองแง่สามง่ามพรั่งพรูออกมาจากปากร่างสูงก่อนริมฝีปากคู่นั่นจะเหยียดยิ้มที่มุมปาก
“ก็
รุก ไม่เก่งเองนี่... ช่วยไม่ได้” ไอ้นี่ก็ไม่ยอมเลย เล่นอะไรไปรู้ตัวไหมเนี่ยจอร์จ!!
“หึ... เจอ
รุก ขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้จะ
รับ เก่งเหมือนปากหรือเปล่านะ”
“...”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องมาเหล่เลย... เหล่บ่อยๆ เดี๋ยวตาเหล่ขึ้นมาจะฮาให้”
“...โรคจิต”
“ก็ไม่เท่าคนที่อยากดูของคนอื่นหรอกน่า”
“ไม่ได้อยากดูเว้ย! ไอ้หนอนชาเขียว” พูดแล้วชูนิ้วก้อยขึ้นมาเป็นท่าประกอบ
“หนอนบ้านเอ็งดิ!!” ร่างสูงไม่ยอมที่โดนดูถูกศักดิ์ศรี
“หนอน!!”
“พูดมาก เดี๋ยวเจอหนอนยัดปากจริงๆ ซะหรอก!!”
“ไม่เอาเว้ย!”
“นี่! นายต่อสกุลกับนายพชร จะคุยกันอีกนานไหม ถ้ามีธุระอาจารย์อนุญาตให้กลับก่อนได้นะ”.
.
จ๋อย~
.
.
“เพราะเอ็งอะแหละ ไอ้เกรียนเปี๊ยก” พออาจารย์หันกลับไปร่างสูงก็กระทุ้งศอกป้ายความผิดให้ร่างเล็กซะเต็มเปา
“เฮ้ยๆๆๆๆ ไร อย่ามั่ว เพราะใครกันแน่”
“เอ็งนั่นแหละ!”
“ไม่ใช่!”
“ใช่!”
“ไม่ใช่!”
“ใช่!”
“ไม่ใ..” ยังไม่ทันจบคำก็...
“นี่พวกเธอ!!!” .
.
ปิ๋ว ปิ่ว~ จ๋อยสนิท หมดสิทธิ์ส่ายหน้า~
.
.
.
ดูเอาสิครับ ไอ้คุณโบ๊ท ผิดก็ผิดอยู่ด้วยกัน ยังจะมาโทษผมอีก ไอ้บทจะเกรียนนี่ก็ทำได้ดีชนิดที่ว่าเกรียนแท้ๆ ยังอายได้เลยนะครับเนี่ย ( - - “ )... มันน่าไหมละครับ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่ ผมคงเขกกระโหลกไปแล้วละครับ หมั่นไส้!
วันนี้พวกผมเรียนด้วยกันห้าคนครับ มีไอ้ทีกับไอ้โจแล้วก็พี่ว่านอีกคน ส่วนพี่เต็มกับพี่แบงก์อะเหรอ เห็นไอ้คุณโบ๊ทบอกว่าสองคนนั้นแฮงค์ เลยโดดซะเลย... นึกๆ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้นะครับเนี่ย ว่าใครพาใครกลับบ้านบ้างหว่า เมากันแทบจะทุกคนเลยนะนั่น ฮ่าๆ
พอเลิกเรียน พวกผมก็เดินมุ่งหน้าหาของกินครับ พี่ว่านเสนอว่าอยากกินสเต็ก พี่แกขอจัดหนักเพราะว่าหิวมาก ไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน นอกจากขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกผมซื้อเข้าไปกินกันในห้องเรียน ก็พี่แกตื่นสาย ข้าวเช้าก็อด กว่าจะมาถึงมหาลัยก็ไม่มีเวลากินข้าวแล้ว เลยต้องแขวนท้องรอจนเลิกเรียนเลยทีเดียว...
“เฮ้ยยยย มึง นั่นดรีมนิ” เดินออกมายังไม่พ้นตึกเรียนเกินสามก้าวเลยครับ ไอ้ทีก็ดึงแขนไอ้โจให้หยุดเดิน มืออีกข้างก็ชี้ไปยังผู้หญิงตัวเล็กหุ่นบาง หน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
“ดรีมที่ไปด้วยกันเมื่อคืนเนี่ยเหรอ”
“เออดิ... ใช่ปะพี่ว่านพี่โบ๊ท”
“อืม ใช่ๆ” ว่านพยักหน้างึกๆ
“เออใช่ๆ กูจำได้... น้องดรีมน่ารัก” ใช่ครับ น้องดรีมน่ารัก (เขาไปเป็นน้องแกตั้งแต่เมื่อไร??) ผมจำได้ตั้งแต่เจอกันก่อนจะไปตรอกข้าวสารแล้วละครับ ผมจำได้เลยละครับ วินาทีที่ดรีมเดินเข้ามาในร้านโดยมีผู้ชายสองคนเดินตามอย่างกับบอดี้การ์ด... โต้งกับอู๋... อืมมมม อย่างกับนางฟ้ามาเฟีย... แล้วที่สำคัญนะครับ ดรีมเขาชอบมองผมด้วยแววตาระยิบด้วยละ อันนี้ไม่ได้คิดไปเองนะครับ อ๊างงง คิดแล้วก็เขิน ( >////< )
“มึงนี่อีกแล้วนะไอ้ต้าร์ เรื่องแบบนี้เขามีแต่ผู้ใหญ่เขาคุยกัน... พี่โบ๊ท เก็บไอ้เปี๊ยกนี่ไปทีดิพี่” ไอ้ทีมันด่าว่าผมเป็นเด็กอีกแล้วอะ!!! แล้วไอ้เชี่ยโจ จะมาผลักไสตัวผมไปหาไอ้คุณโบ๊ททำไมเนี่ย!!! แล้วไอ้คุณโบ๊ทก็ดันทำท่าเดินหนีผมอีก!!
อ๊อยยย!! โว๊ะ!!!... ไอ้พวกสลัด!
“ดรีมนี่เขาเป็นแฟนโต้งหรืออู่ป่าววะว่าน หรือแค่เพื่อนกันหมดเลย” ไอ้คุณโบ๊ทนี่ก็อยากรู้อยากเห็นกับเขาเหมือนกันรึ
“ไม่รู้วะ ไม่แน่ใจกูก็ไม่เคยถาม ไม่ค่อยสนิทด้วยแหละ เห็นทุกทีไอ้โต้งเวลามานั่งเล่นกับพวกเราที่โต๊ะชมรม มันก็ไม่เคยได้พาดรีมมานะ กูเพิ่งรู้จักจริงๆ ก็เมื่อคืนนี้เหมือนพวกมึงอะ”
ผมหันไปฟังพี่ว่านแค่ครู่เดียว หันมาอีกทีก็เห็นหลังไอ้ทีกับโจเดินดุ่มๆ ตรงไปทางกลุ่มของดรีมแล้วละครับ... ถ้าตาผมไม่ฝาด รู้สึกว่าหูมันทั้งสองคนจะกลายเป็นสีดำด้วยนะครับ... ( - - “ )... เห็นมันโบกมือพูดคุยกันอยู่แปบนึง โต้งก็หันมาทางพวกผมแล้วโบกมือทักทาย พวกผมสามคนก็โบกกลับ แล้วพี่ว่านกับไอ้คุณโบ๊ทก็เดินเข้าไปหาพวกนั้น ผมก็เลยต้องเดินตามไปด้วย
.
.
“ดีคับพี่ ไปไหนกันเนี่ย” พอพวกผมเดินไปถึงโต้งก็ถามพี่ว่านพร้อมทักทาย... นั่นไง ดรีมมองผมตาเยิ้มอีกแล้ว อ๊างงงง เขินอะ ( >////< )
“ว่าจะไปกินสเต็กอะ ไปด้วยกันป่าว”
“ก็ดีนะพี่... ไปกินสเต็กเนอะดรีม อู๋” โต้งหันไปถามเพื่อนอีกสองคนที่กำลังคุยอยู่กับไอ้ทีกับไอ้โจอยู่
“ไปค่า” ดรีมหันมาตอบเสียงหวานแล้วหันมายิ้มหวานให้ผม... รื่นหูดีแท้ สบายตาดีแท้... ผมก็ยิ้มตอบ
“ชื่อต้าร์ใช่ปะ เราดรีมนะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้คุยกันเลยอะ”
“อ้อ คับ เมื่อคืนนั่งห่างกันไปนิดนึง เลยไม่ค่อยได้คุยกันเนอะ” ผมยิ้มกว้างมากๆ ครับ รู้ตัวเลยละ ดรีมก็ยิ้มตอบ ตาหวานจริงๆ ให้ตายสิซาร่า... รู้ไหมว่า มองกันแบบนี้บ่อยๆ อะ มันอันตรายนะคร้าบบบบ
.
“แป้นแล้นเชียวนะ... ไอ้เปี๊ยก”
โธ่ว้อย ผมหุบยิ้มแทบจะไม่ทัน... ไอ้ลิงภูเขา คนกำลังรื่นหูกับเสียงหวานๆ ที่ดังกึกก้องอยู่ในหู จะเอาเสียงทุ้มๆ นั่นมาแทรกทำไมเนี่ย... แล้วไหล่เนี่ย ไม่ต้องมาพาดบ่อยก็ได้ เข้าใจว่ามันอยู่ในระดับแขน แต่ก็ไม่ได้เป็นที่วางแขนของใครนะว้อย! แถมมาพูดซะใกล้ น้ำลายเข้าหูหมด วุ้วววว... ผมจะโวยวายก็กลัวจะเสียภาพพจน์ เลยได้แต่บ่นอุบอิบอยู่ในใจ แล้วค้อนไปเบาๆ... แต่ค้อนไปก็เจอแต่สายตากวนประสาท กับรอยยิ้มมุมปาก... น่าหมั่นไส้!!
แต่ที่ยิ่งแย่ก็คือ เมื่อหันไปอีกทีก็เห็นว่าดรีมหันไปมองไอ้คุณโบ๊ทตาลุกวาวเลย... หนอย จะมาเป็นเสี้ยนหนามงั้นละสิ!! ไอ้มารผจญ เข้ามาแย่งซีนกันชัดๆ!
“ปะ งั้นเราก็ไปกินกันดีกว่า หิวจะแย่แล้ว” ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก แล้ว... เฮ้ย!! จะออกเดินก็บอกกันนิด ไม่ใช่นึกจะลากก็ลาก ไม่ทันตั้งตัวเว้ย!
โวยวาย โวยวาย โวยวาย โวยวาย!! (อยู่ในใจ).
.
.
เวลา 21:24 ณ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ใจกลางทองหล่อ
.
.
“ไงเรา กลับซะมืดเชียว” ชายวัยสี่สิบกลางๆ เอ่ยทักทายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวทันทีที่ร่างโปร่งเดินเข้าบ้าน
“พ่อหวัดดี แม่หวัดดี...”
“กินข้าวมายังละลูก” ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในครอบครัวละสายตาจากละครหลังข่าวมาสนใจลูกชายที่เพิ่งจะกลับบ้าน
“กินข้าวกับพี่ในชมรมมาแล้วแม่” พูดแล้วก็เดินไปหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้โซฟา ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว
ครอบครัวของโต้งเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่ ด้วยเหตุผลบางอย่างทางสุขภาพ ทำให้แม่ของโต้งไม่สามารถมีน้องเพิ่มได้... พวกเขามีจึงกันอยู่แค่สามคน เป็นพ่อแม่ลูกที่รักกันดี ครอบครัวอบอุ่นและใส่ใจซึ่งกันและกันเสมอ... เวลากลางวันคือเวลาสำหรับหน้าที่การงาน ส่วนตอนกลางคืน แม้จะแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่พวกเขาก็จะใช้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่า นั่งดูละคร นั่งพูดคุยกันไปตามประสา
“เมื่อไรจะมีแฟนละเราอะ”
“โหหห ใจร้อนจังแม่... เดี๋ยวมีก็พามาเองแหละน่า”
“เดี๋ยวอยู่นั่นอะ กว่าจะหาแฟน กว่าจะคบดูใจ กว่าจะแต่งงาน กว่าจะมีหลาน โอ้ยยยย ฉันไม่ต้องฉีดโบท๊อกซ์จนหน้าเป็นรูเข็มพรุนไปทั่วหน้าก่อนเหรอ... นี่ แม่ก็อยากจะแต่งตัวสวยๆ ไปงานแต่งลูกชายแม่นะ อย่าช้านักละ”
“ฮ่าๆๆๆ แม่ก็... งั้นเดี๋ยวพาในสต็อกมาให้แม่เลือกทีละคนเลยดีไหม”
“เอ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ ฮ่าๆๆ” พ่อหัวเราะชอบใจกับลูกชาย
“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เลยพ่อลูกคู่นี้”
คุยต่อได้อีกสักพัก ดูท่าทีว่าพ่อแม่จะไม่ยอมโดนลากออกจากเรื่องนี้ได้ง่ายๆ โต้งก็เลยต้องชิ่ง ขอตัวขึ้นห้องไป
.
.
.
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น?... ผมว่าแม่คิดผิดแล้วละครับ ผมอะหล่นไปไกลมากกกก ไกลจนเลยกฎแห่งธรรมชาติที่ว่าชายต้องคู่กับหญิงไปเลยละครับ ฮ่าๆๆ...
อยากให้มีแฟน?... ผมเองก็อยากมีนะ แต่คนที่ผมชอบเขายังไม่หันมามองผมสักทีเลยเนี่ยสิปัญหา
อยากอุ้มหลาน?... โอยยยยย ผมไม่อยากจะคิด ถ้าผมสมหวังไม่รู้ว่ามีหลานให้พอ่แม่ได้อุ้มกันได้ไหม แต่ผมจะพยายามนะครับ ( >////< ).. แค่คิดก็เขินแล้ว
.
.
~รักแรกพบ แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะเธอใช่หรือไม่ ต่างจากใครที่ฉันเป็น จากวันนั้นหัวใจรู้สึกเอง ชัดเจนกว่าทุกสิ่ง เกิดขึ้นจริงใช่ฝันไป ได้พบจึงเข้าใจ มีอยู่จริง~
>>> Incoming Call: Dream <<<
อ้าว ยัยดรีมโทรมา
“โหล ว่า??”
“แก...”
“อะไร”
“แก ฉันไม่ไหวแล้วอะ พี่โบ๊ทกับต้าร์นี่ทำฉันธาตุไฟเข้าแทรกมากๆ อะ”
“เออ ขอบใจนะที่บอก”
“เฮ้ยยย แก ฉันยังไม่ได้บอกว่าฉันฟันธงนะ แต่... มันอดไม่ได้นิ ชวนให้จิ้นได้ตลอดเวลาเลยอะ นั่งกินข้าวไปก็จู๋จี๋กันไป อ๊ายยย”
“เออ จู๋จี๋กันอย่างดุอะ เลือดโชกกันเลยทีเดียว”
“แหมๆๆๆ ให้เลือดโชกแบบนั้นบ้าง เอาปะละ”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องมาแซวเลย... แล้วนี่โทรมามีอะไรอะ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันโทรมาให้กำลังใจแกนะ ถึงฉันจะบ้าๆ บอๆ ไปจิ้นคู่นั้นเขา แต่ฉันสวยนะแก”
“เกี่ยวกัน?”
“ฮ่ะๆๆ ไม่เกี่ยวหรอก... ฉันจะบอกว่าฉันเชียร์แกนะ”
“จริงอะ เห็นนั่งจิ้นจนเขาท้องจนคลอดลูกไปโหลนึงแล้วมั้ง”
“ฉันก็ขำๆ ไปงั้นแหละ จริงๆ นะ... บางทีฉันยังจิ้นแกกับไอ้อู๋เลย”
“เฮ้ย ไม่ดีมั้ง”
“ฮ่าๆๆๆ เออ ปล่อยฉันเหอะ”
“ไม่ไหวนะ แค่นึกภาพก็ขนลุกแล้ว”
“แกก็ยังจะนึกภาพนะ ไอ้โต้ง”
“ฮ่าๆๆๆ”
“เออ นี่ ฉันไปแอบๆ หลอกถามพี่ว่านแล้วก็เพื่อนต้าร์สองคนนั้นมาแล้วนะ”
“...ว่า?”
“ฉันก็ไม่ได้ถามตรงๆ หรอก ก็แอบถามอ้อมๆ อะ แบบว่า พี่โบ๊ทกับต้าร์สนิทกันจังเลยนะคะ หล่อน่ารักกันทั้งคู่แบบนี้ ตัวติดกันขนาดนั้น แล้วเอาเวลาไหนไปหาแฟนเหรอคะ อะไรแบบนี้”
“แล้วเขาตอบว่า?”
“พวกนั้นก็บอกว่ามันไม่มีอะไรนะ แค่สนิทกันเฉยๆ จริงๆ แล้วก็สนิทกันหมดแหละ เพียงแค่ว่าสองคนนั้นเขาอยู่คอนโดฯ เดียวกัน เลยอยู่ด้วยกันเยอะ เยอะจนตัวติดกันอย่างที่เห็น”
“อยู่ด้วยกัน?”
“นั่นไง ฉันว่าแล้วว่าแกจะต้องสงสัยประเด็นนี้... พวกเขาอยู่ห้องตรงข้ามกันเฉยๆ แก ไม่ได้อยู่ด้วยกันร่วมห้องร่วมเตียง”
“ฟุ้วววววว”
“สบายใจขึ้นมาบ้างแล้วสิ เห็นไหม แกยังมีหวังนะ ไม่งั้นฉันไม่เชียร์แกหรอก ฉันก็ไม่ได้อยากให้เพื่อนฉันต้องมาเจ็บปวด อกหักรักคุดหรอกนะ”
“เออ ขอบใจเว้ย”
“เอาละ ฉันไปมาส์กหน้าดีกว่า ไว้เจอกันนะแก”
“แกจะสวยไปทำไมวะดรีม ในเมื่อผู้ชายมาชอบแก แกก็จับคู่เขากับผู้ชายคนอื่นจนหมด”
“อ้าววว แล้วถ้าฉันไม่สวย จะมีเหยื่อหน้าตาดีๆ มาให้ฉันจิ้นเหรอย่ะ ฮ่ะๆๆๆ”
“เออ สวยเพี้ยน”
“ว้ายยย เม้าท์อะ... ไปละ ไม่คุยด้วยแล้ว”
“ฮ่ะๆๆๆ บายๆ”
“บ๊ายยยย”
โต้งวางโทรศัพท์แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน เขาหยิบไดอารี่ขึ้นมาเพื่อจดบันทึกเรื่องราวชีวิตของเขาในวันนี้ลงไป ปลายปากกาดำจรดลงบนแผ่นกระดาษขาวแต่งแต้มเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในใจของเขาเอง... ดินสอและดินสอสีกล่องใหญ่ถูกหยิบออกมาวาดรูปแต่งแต้มสีสันลงบนหน้ากระดาษ... ถึงจะดูรกอยู่ไม่น้อยที่มีทั้งตัวอักษรและภาพวาด แต่มันก็รกอย่างลงตัว ดูน่าอ่านอยู่ไม่น้อยเลยละ
ร่างโปร่งระบายสีกรอบคำพูดด้านล่างของหน้ากระดาษ เน้นให้ประโยคนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ประโยคที่เขาต้องการจะย้ำว่า...
“โปรดติดตามตอนต่อไป”.
.
.
--------------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์]
ที: เฮ้ยโจ กูว่านะ ท่าทางจะแห้ววะ ดรีมเนี่ย
โจ: ทำไมวะ มึงยังไม่ได้เริ่มจีบเขาเลยนะ
ที: จีบอะไรละ แม่ง... ไม่เห็นเขาจะดูสนใจกูเลย ทั้งๆ ที่เราสองคนเดินเข้าไปทักก่อนนะ
โจ: ยังไงวะ เขาก็คุยกับมึงนิ
ที: ไม่รู้วะ ท่าทางสเป็คเขาจะเป็นผู้ชายน่ารัก ออกแนวหวานนิดๆ ป่าววะ
โจ: อย่างไอ้เชี่ยต้าร์อะนะ?
ที: เออ ประมาณนั้นป่าววะ เห็นมองไอ้ต้าร์ตลอดเลย
โจ: แต่กูว่าเขาไม่ได้มองแค่ต้าร์นะเว้ย ดรีมเขามองพี่โบ๊ทด้วยนะเว้ย
ที: เออวะ พี่โบ๊ทก็หล่อปนน่ารักนะมึง... แล้วกูไม่น่ารักบ้างเหรอวะ
โจ: ฮ่าๆๆๆๆๆ อย่าให้กูพูดเหอะ
ที: โหยยยย ไอ้สัส! พูดงี้ด่ากูเลยดีกว่า
โจ: ไอ้ควาย!
ที: เอ้า ไอ้เชี่ยโจ กูประชด ด่ากูจริงซะงั้น!!! --------------------------------------------------
Flapjack's Corner:
เหมือนตอนนี้จะยาวเลยอะ รู้สึกกันไหม???