แคทก็เลยปะติดปะต่อเรื่องได้ จึงเอาสิ่งที่คิดถามคุณลุงว่าใช่ไหม คุณลุงทรงพลก็ยอมรับมาตามตรงว่าทำไม่ดีกับคุณเรียวจริงๆ แต่ทำไปเพราะความรัก
แคทก็เลยพูดขู่ๆไปนะคะว่า ถ้าคุณลุงยังขืนไปฟ้องร้องอาจจะแพ้ก็ได้ หากคุณเรียวฟ้องกลับ เพราะคุณลุงก็ทำกับคุณเรียวเจ็บแสบเหมือนกัน
แคททั้งขู่ทั้งปลอบแก ยกเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาอ้าง จนกระทั่งบอกกับแกว่า แคทจะเล่าให้ท่านประธานฟังถึงเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แกก็เลยยอมอ่อนให้ แต่กว่าจะอ่อนลงก็นานเหมือนกันนะคะ
ตกลงเป็นว่า แกไม่ฟ้องแล้ว ทีนี้ แคทก็จะมาทวงคำตอบจากคุณเรียวบ้างล่ะ แคททำให้คุณจนสำเร็จแล้ว คุณล่ะ ยินดีจะช่วยแคทไหม”
ผมหันไปมองเดียร์ ก็เห็นเขามองมาที่ผมกับคุณแคทลียาเขม็ง แต่คุณแคทลียาไม่เห็นเพราะเธอยืนหันหลังให้กับเด็กหนุ่ม และอยู่ไกลกันด้วย
ผมหลบสายตาของเดียร์แล้วหันมามองคุณแคทลียา เธอทำหน้าเหมือนรอคอยความหวังจากผม การช่วยเหลือด้วยการแสร้งเป็นแฟนกันหลอกๆเพื่อให้ใครบางคนที่เธอว่าสำนึกผิดที่ทำให้เธอเสียใจ
เอาเถอะ ในเมื่อเธอช่วยไปพูดกับตาแก่หัวรั้นจอมลามกให้เลิกเอาเรื่องเดียร์ ทำให้หนุ่มน้อยของผมไม่ต้องเผชิญกับปัญหาจนต้องไปพัวพันกับคุกตะราง ผมควรจะต้องตอบแทนความดีของเธอบ้าง
มันเป็นแค่การโกหกเพื่อช่วยคนที่ช่วยเรานี่นา ไม่ใช่เรื่องจริงเสียหน่อย ผมไม่ได้เป็นแฟนกับเธอจริงๆ พอเธอคืนดีกับคนๆนั้นแล้ว เราก็เลิกรากัน
“ตกลงครับ...ผมจะช่วยคุณเป็นการตอบแทน แต่แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นนะครับ”
สิ้นคำพูดของผม คุณแคทก็ผวาเข้ามาจับมือจับไม้ ท่าทางดีอกดีใจ
“จริงหรือคะ อุ้ยดีใจจังเลย ไม่เป็นไรค่ะ แคทก็ไม่ได้อยากให้คุณมาเป็นแฟนแคทถาวรหรอก ไม่ต้องกลัวค่ะ ถึงคุณจะเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา และจิตใจดีแค่ไหน แคทก็ชอบคุณเหมือนเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเท่านั้นนะคะ
แล้วคุณก็มีแฟนแล้วด้วย คงรักกันมาก แคทไม่แย่งหรอกค่ะ ส่วนแคทเองก็ยังคงรักใครคนนั้นอยู่ แค่อยากสั่งสอนให้เขาสำนึกว่าเวลาที่แคทไม่ง้อ และมีคนอื่นบ้าง เขาจะว่าอย่างไร ยิ่งได้คนหล่อๆแบบคุณมาช่วย จะได้ทำให้คนๆนั้นสำนึกเร็วขึ้นไงคะ”
ตาของผมเหลือบแลไปที่เดียร์อีกครั้ง ก็เห็นว่าเขาคุยกับเจ้าสันต์อยู่ แต่ตาของเด็กหนุ่ม ยังคงมองผมอยู่ไม่วางตา
“ไปเต้นกันเถอะค่ะ เร้วๆๆๆ”
คุณแคททำท่ากระตือรือร้น ฉุดไม้ฉุดมือผมให้เข้าไปในห้องประชุมอีกครั้ง เพื่อซ้อมเต้นกันต่อ จังหวะที่เดินผ่านเดียร์ ผมเห็นเขาจ้องผมด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย แต่ผมแสร้งเดินผ่านไม่ทักทาย
ถึงแม้จะมีคนรู้จักเดียร์กับผม แต่มันก็แค่สามคนเท่านั้น ผมไม่อยากขยายวงให้กว้างขึ้นไปอีก และรู้ดีว่าเดียร์จะต้องตั้งคำถามเอากับผมว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมผมจึงเฉยชากับเขา แต่พูดคุยยิ้ม
“จริงหรือคะ อุ้ยดีใจจังเลย ไม่เป็นไรค่ะ แคทก็ไม่ได้อยากให้คุณมาเป็นแฟนแคทถาวรหรอก ไม่ต้องกลัวค่ะ ถึงคุณจะเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา และจิตใจดีแค่ไหน แคทก็ชอบคุณเหมือนเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเท่านั้นนะคะ แล้วคุณก็มีแฟนแล้วด้วย คงรักกันมาก แคทไม่แย่งหรอกค่ะ ส่วนแคทเองก็ยังคงรักใครคนนั้นอยู่ แค่อยากสั่งสอนให้เขาสำนึกว่าเวลาที่แคทไม่ง้อ และมีคนอื่นบ้าง เขาจะว่าอย่างไร ยิ่งได้คนหล่อๆแบบคุณมาช่วย จะได้ทำให้คนๆนั้นสำนึกเร็วขึ้นไงคะ”
ตาของผมเหลือบแลไปที่เดียร์อีกครั้ง ก็เห็นว่าเขาคุยกับเจ้าสันต์อยู่ แต่ตาของเด็กหนุ่ม ยังคงมองผมอยู่ไม่วางตา
“ไปเต้นกันเถอะค่ะ เร้วๆๆๆ”
คุณแคททำท่ากระตือรือร้น ฉุดไม้ฉุดมือผมให้เข้าไปในห้องประชุมอีกครั้ง เพื่อซ้อมเต้นกันต่อ จังหวะที่เดินผ่านเดียร์ ผมเห็นเขาจ้องผมด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย แต่ผมแสร้งเดินผ่านไม่ทักทาย ถึงแม้จะมีคนรู้จักเดียร์กับผม แต่มันก็แค่สามคนเท่านั้น ผมไม่อยากขยายวงให้กว้างขึ้นไปอีก และรู้ดีว่าเดียร์จะต้องตั้งคำถามเอากับผมว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมผมจึงเฉยชากับเขา แต่พูดคุยยิ้มแย้มกับคุณแคทลียา ซึ่งผมไม่อยากจะตอบเขาตอนนี้ ด้วยเกรงว่าจะเสียเรื่อง เอาไว้มีโอกาสเหมาะๆค่อยเล่าให้เดียร์ฟังทีหลัง
ดึกแล้ว ผมกลับมาถึงบ้านอย่างเหนื่อยล้า หลังจากซ้อมการแสดงให้บริษัทเสร็จ ผมก็ไปทานข้าวกับผู้บริหารท่านอื่นๆ โดยมีเจ้านายของผมควักทุนเลี้ยง เขาชวนเดียร์ไปด้วย แต่เด็กหนุ่มปฏิเสธ เพราะต้องกลับไปซ้อมเต้นต่อที่บริษัท
สองคืนแล้วที่เดียร์ไม่ได้กลับมาที่บ้านผม เขาโทรมาบอกเพียงแค่ว่า ต้องซ้อมเต้นเยอะมาก เพราะทางค่ายไปได้งานใหญ่มา และต้องทำให้ดี เพราะเสร็จจากงานนี้แล้ว ทางบริษัทที่จัดให้ไปเต้นก็ทาบทามต่อให้ไปแสดงในงานสัมมนาประจำปีที่จัดให้กับฝ่ายขายของบริษัท ซึ่งใหญ่กว่างานนี้อีกหลายเท่า หากทำครั้งนี้ได้ดี ก็มีหวังได้งาน แต่ถ้าลูกค้าไม่พอใจก็ชวด ทางผู้จัดการจึงสั่งลงมาให้แดนเซอร์ซ้อมเต้นกันอย่างเต็มที่ ห้ามพลาดเด็ดขาด
ด้วยความเหงาอย่างประหลาด ทำให้ผมไม่กลับบ้าน และตกปากรับคำไปกับเจ้านาย ซึ่งสันต์ ศักดิ์ชายและคุณแคทก็พ่วงไปด้วย กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบห้าทุ่ม อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงของตัวเอง ผมเหลียวมองไปด้านข้างโดยอัตโนมัติ แต่ไม่เจอสิ่งที่คุ้นตา พยายามข่มตาลง ก็นอนไม่หลับ รู้สึกแปลกๆที่เตียงที่ผมเคยนอนมันกลับดูเย็นเยียบ และกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน คล้ายกับผมเป็นเพียงจุดเล็กๆที่อยู่บนกระดาษแผ่นใหญ่ คนที่เคยทำให้เตียงของผมคับแคบไปเนื่องจากร่างกายอันใหญ่โตของเขาไม่อยู่เสียแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าเดียร์จะมีอิทธิพลต่อผมได้ถึงเพียงนี้ นี่ถ้าต่อไปเราจะต้องจากกัน ผมจะสามารถอยู่โดยไม่มีเขาได้ไหมหนอ
หนุ่มน้อยของผม หายไปสองวันเต็มๆ พอตกตอนเย็นเขาก็มาทำหน้าที่สอนตามเดิม แต่วันนี้ เขาพาเพื่อนมาด้วย เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีทีเดียว รูปร่างอ้อนแอ้นคล้ายผู้หญิง เขาแนะนำเพื่อนของเขาให้พวกเรารู้จักว่าเป็นคนที่จะมาช่วยสอนเต้น เนื่องจากวันนี้ จะมีท่าเข้าคู่
เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อ อชิตะ แต่ผมเห็นเดียร์เรียกด้วยท่าทางสนิทสนมว่า พี่ชิ เดียร์ให้พวกเราทวนท่าที่สอนไปเมื่อวาน ถ้าหากเห็นใครเต้นผิดไปจากลายที่สอนไว้ เขาจะแก้ทันทีไม่ยอมปล่อยผ่าน ตอนที่เขาสอน น้ำเสียงจะดูดุนิดหน่อย แต่หน้าตาของเดียร์จะยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่ค่อยมีใครโกรธเขา เมื่อเห็นว่าพวกเราพอจะเริ่มทำได้แล้ว เขาก็สอนท่าใหม่ ซึ่งเป็นท่าจับคู่กัน เต้นในสไตล์ละติน แต่เป็นแบบเบาๆช้าๆ เขาจับคู่กับชิ เต้นให้ดูรอบแรก เพื่อให้นับจังหวะก่อน จากนั้นก็ให้พวกเราจับคู่กัน ผมได้คู่กับคุณแคท ในขณะที่หัวหน้าของผมจับคู่กับผู้บริหารหญิงอีกท่านหนึ่ง โชคดีที่มีการคัดเลือกผู้แสดงให้มีฝ่ายชาย และฝ่ายหญิงอย่างละเท่าๆกัน เจ้าสันต์และ ศักดิ์ชายเลยไม่ต้องมาจับคู่กันเอง
เดียร์กับชิ ให้พวกเราเต้นตามพวกเขาสองคน ซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง แต่ผลที่ได้ก็ยังไม่น่าพอใจ เนื่องจากพวกเราไม่ใช่แดนเซอร์มืออาชีพ เลยเต้นพลาด ผมกับคุณแคทพลัดกันเหยียบเท้า จนต้องหัวเราะออกมาด้วยความขำ ทุกครั้งที่เสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของเพื่อนร่วมงานของผมดังออกมา เดียร์ก็จะจ้องมองมาที่เราสองคนแทบทุกครั้ง ดูท่าทางหึงหวงยังไงไม่รู้
ในที่สุด เดียร์ก็หันมาแยกผมกับคุณแคทออกจากกัน อ้างว่าเพื่อให้สามารถเต้นได้ถูกต้อง เขาให้คุณแคทลองเต้นกับชิ เพื่อนของเดียร์โอบประคองคุณแคทโลดแล่นไปตามจังหวะเพลงที่สนุกสนาน ส่วนผมซึ่งยืนเอ๋อเพราะถูกแยกคู่ก็ถูกเดียร์จับมาให้เต้นกับเขา โดยเขาให้ผมเต้นในแบบผู้ชายตามเดิม ส่วนเขาจะเต้นเป็นผู้หญิง และบอกให้ทุกคนจับตาดู ทั้งสองคู่ระหว่างชิกับคุณแคท และเดียร์กับผม พยายามจับจังหวะและเต้นตามให้ได้
ตอนแรกผมจะไม่ยอมเต้นกับเดียร์เพราะรู้ถึงเจตนาของเขา แต่เพื่อนคนอื่นๆเข้าใจว่าผมเขิน เลยยุส่ง บอกว่า ผมเต้นดี อยากให้ผมลองทำให้ดู พวกเขาจะได้เห็นและเลียนแบบได้ ผมเลยจำใจต้องเต้นกับเขา เดียร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยิ้มให้ผม และยื่นมือมาแตะไหล่ผมไว้ อีกข้างหนึ่ง ก็จับมือผมและชูขึ้น และขยับกายตามท่วงทีลีลาของการเต้นแบบละติน
“ท่าทางคุณสนิทกับคุณแคทจังเลย จะยั่วให้ผมหึงหรือไง”
เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน ผมไม่ตอบทำทีเป็นใส่ใจอยู่กับการเต้น
“คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า”
เดียร์ถามเสียงอ้อน แต่ผมทำหน้าดุใส่เขา และเอ่ยเตือน
“ขอร้องล่ะเดียร์ นี่มันที่ทำงาน ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเรา ช่วยกรุณาทำให้เหมือนกับครูสอนเต้นทั่วๆไปหน่อย”
“ครับ”
เดียร์รับคำเสียงอ่อย จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก จนกระทั่งเต้นจนจบท่าที่เขาต้องการสอนจึงผละออกจากผม พร้อมๆกับที่ชิก็ผละออกมาจากคุณแคทเช่นกัน ทั้งสองคนเดินไปคุยกันอย่างสนิทสนม เพื่อนร่วมงานสาวของผมเดินยิ้มเข้ามาหา ท่าทางสนุกกับการเรียนรู้ ในขณะที่ผมเริ่มที่จะเซ็ง
หลังจากฝึกซ้อมเต้นโดยที่เดียร์กับชิจับคู่กันเต้นนำจนกระทั่งพวกเราสามารถทำได้อย่างถูกต้อง เดียร์ก็ให้พวกเราพัก ผมรีบเดินออกมานอกห้อง ต้องการจะหนีไปให้พ้นๆเดียร์ เพราะกลัวเขาจะตามมาพูดคุยด้วยอีก แต่เขากลับไม่ตามมา เพราะกำลังคุยอยู่กับเพื่อนของเขา สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสขณะพูดคุยกับชิ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกขวางหูขวางตา บอกไม่ถูกว่าอยู่ดีๆ ทำไมถึงเกิดไม่พอใจขึ้นมา รู้แต่ว่าไม่อยากจะเห็น
ใจสั่งให้ไม่มอง แต่ตามันก็คอยแอบชำเลืองแลอยู่ดี ตอนนี้มีคนเข้าไปร่วมวงคุยกับคนทั้งคู่อีกคือเจ้าสันต์ คุณแคท และรวมถึงศักดิ์ชายด้วย ผมเบือนหน้าหนีมาจากภาพนั้น พอหันมาก็เจอเจ้านายของผม ยืนถือถ้วยกาแฟอยู่ข้างๆ เขาถามว่าผมจะทานกาแฟหรือเปล่า เพราะผมยืนบังตู้กดน้ำไว้ ผมเลยรีบหลีกทางให้เจ้านาย พอเขากดน้ำร้อน และชงกาแฟผงจนละลายเรียบร้อยจึงเอ่ยประโยคแรกกับผม
“คุณโชคดีมากเลยนะเรียว คุณทรงพลไม่เอาเรื่องคุณกับเพื่อนแดนเซอร์ของคุณแล้วล่ะ”
“งั้นหรือครับ”
“ใช่...ตอนที่ผมไปพูดกับท่านประธาน ท่าทีของคุณทรงพลก็ยังคงแข็งกร้าวอยู่ แต่ถัดจากนั้นไม่กี่วันก็อ่อนลงไป เห็นได้ข่าวว่าคุณแคทไปช่วยเจรจาให้ด้วยไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่าพูดกันอีท่าไหนถึงยอมให้คุณทรงพลยอมได้ แต่ก็นับว่าเก่งพอสมควร คุณควรจะไปขอบคุณเธอนะ”
หึหึหึ ผมแอบหัวเราะในใจ ช้าไปแล้วล่ะครับ ผมขอบคุณเธอเรียบร้อยไปแล้ว ด้วยการยอมเป็นแฟนกับเธอไง จนกว่าเธอจะกลับมาคืนดีกับแฟนเก่า ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
“ครับ”
ผมรับคำสั้นๆ ไม่ได้พูดในสิ่งที่คิดออกมา
“เจ้านายกับลูกน้อง แอบมาคุยเรื่องงานกันอีกแล้ว.....ขอยืมตัวคุณเรียวสักครู่นะคะ”
เราสองคนสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงที่ขัดจังหวะขึ้นมา คุณแคทมาตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ มาถึงก็มาคล้องแขนผม และดึงออกจากการสนทนา พอออกไปห่างจากคนอื่นๆ คุณแคทก็เปิดฉากขอร้องผมทันที เธอต้องการให้ผมไปเป็นเพื่อนในงานแต่งงานของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ในวันที่ 14 มกราคม ก่อนหน้างานปีใหม่ของบริษัทหนึ่งวัน คุณแคทบอกว่างานนี้ คู่รักเก่าของเธอคนที่ทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจก็ไปด้วย ถ้าโชคดี เขาหึงเราสองคน และกลับมาขอคืนดี ข้อตกลงเป็นแฟนกันระหว่างผมกับเธอจะได้สิ้นสุดกันเสียที ผมรีบตกลงโดยไม่ลังเลใจ เพราะเริ่มอึดอัดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ ผมกลัวว่าเดียร์จะรู้ว่าผมตกลงเป็นแฟนกับคุณแคทซ้อนกันกับเขา ไม่รู้ว่าเดียร์จะโกรธมากมายหรือเปล่าที่ผมทำแบบนี้ เขาจะคิดว่าผมละเมิดสัญญาไหม เพราะเราตกลงกันแล้วว่า ระหว่างนี้จะไม่มีใคร ถึงแม้ว่าผมจะทำเพื่อช่วยไม่ให้นายทรงพลเอาเรื่องกับเขาก็ตาม และลึกลงไปแล้วความรู้สึกบางอย่างบอกกับผมว่า ผมไม่ได้รู้สึกอยากจะมีแฟนเป็นผู้หญิงอีกต่อไป
พอกลับเข้าไปในห้องสำหรับซ้อมเต้นอีกครั้ง ผมก็เห็นเดียร์มองผมด้วยแววตาน้อยอกน้อยใจอีกแล้ว และอย่างเคยผมแสร้งทำเป็นเมิน มองไม่เห็น จับคู่เต้นรำกับคุณแคทต่อ ทำเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เดียร์เองก็หันกลับไปเต้นกับชิต่อ ผมมองสองร่างที่แนบชิดกัน เห็นยิ้มหวานๆ กับตาเชื่อมๆที่ชิมองเดียร์ ส่วนหนุ่มน้อยของผมก็ยิ้มตอบด้วยดวงตาซึ้งๆ การได้เห็นคนทั้งคู่ออกอาการหวานเหมือนเป็นคู่รักกัน ทำให้ผมพาลหมดอารมณ์ที่จะเต้น แต่ต้องจำใจซ้อมให้มันหมดๆเวลาไป หลังจากเลิกคลาสแล้ว ผมก็เดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทันที โดยมีคุณแคทวิ่งตามมาติดๆ
เธอถามว่าผมหงุดหงิดอะไรหรือเปล่า หรือเธอเต้นไม่ดีจนผมไม่พอใจ ผมปฏิเสธ บอกว่า รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมา เพราะนอนดึกหลายคืนติดต่อกัน อยากกลับไปพัก เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ และปล่อยผมกลับไปแต่โดยดี
เดียร์โทรเข้ามาที่มือถือของผมขณะที่กำลังจะขับรถออกจากบริษัท บอกว่าคืนนี้ถ้าซ้อมเสร็จเร็วจะมาหาผมที่บ้าน เขาพูดเสียงอ้อนๆว่าคิดถึงผมมาก ไม่ได้เจอมาสองวันแล้ว อยากนอนกอดให้ชื่นใจ แต่ด้วยความที่ผมหงุดหงิดที่เห็นเขาหัวเราะต่อกระซิกกับชิ ทำให้ผมปฏิเสธเขาไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆว่าไม่ต้องมา ผมไม่อยากให้เขารบกวน เพราะผมนอนดึกมาหลายคืนแล้ว อยากพักผ่อนให้เต็มอิ่ม ถ้าหากเขายังดื้อรั้นไม่ฟัง ผมจะไม่พูดกับเขาอีกเลย
พอเดียร์วางสายไปแล้ว ผมก็ซบหน้าตัวเองกับพวงมาลัย รู้สึกสับสนไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ทำไมผมต้องโกรธด้วย ที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่น ทั้งที่ผมควรจะรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำ หากว่าเดียร์เลิกรักผมแล้ว และมีคนรักใหม่ ไม่แน่ใจว่าที่ผมนึกโกรธเขาขึ้นมานี่เป็นเพราะผมรักเดียร์มาก จนถึงขั้นหึงหวงหรือเปล่า ถ้าใช่ มันก็น่าจะเป็นอันตรายกับตัวเองไม่ใช่น้อย เพราะผมอาจจะไม่สามารถสลัดเดียร์ออกไปจากใจได้เลย
เพื่อพิสูจน์ว่าผมไม่ได้รักเดียร์ถึงขั้นที่จะขาดเขาไม่ได้ เวลาที่เดียร์มาซ้อมให้กับพวกเรา ผมก็หาโอกาสที่จะหลบเลี่ยงไม่อยู่ใกล้เขาตลอดโดยได้คุณแคทเป็นกันชน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะข้อตกลงที่ผมให้ไว้กับคุณแคทหรือเปล่าที่ทำให้เธอพาตัวเข้ามาชิดใกล้กับผม พูดคุยหยอกล้อด้วยไม่ยอมห่าง หลายวันมานี้ เธอชอบตามไปทานข้าวกับผมที่ร้านบ้านคุณป้าด้วยบ่อยๆ หลายครั้งที่ผมเห็นเดียร์แอบมายืนเมียงๆมองๆ อยากรู้อยากเห็นว่าความสัมพันธ์ของผมกับคุณแคทอยู่ในขั้นไหน สายตาที่มองมา บางทีก็ออกอาการหึงหวง
ผมรู้ว่าเดียร์ไม่พอใจอย่างมาก ที่ผมทำเหมือนมีลับลมคมในกับเขา เหมือนคนที่กำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อคนรัก ใจหนึ่งก็กลัวว่าเดียร์จะโกรธ แต่ใจหนึ่งก็บอกว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเป็นแฟนกับคุณแคทเพราะอยากช่วยเขาต่างหาก แต่ถ้าเกิดเขาไม่เข้าใจโกรธผมจนเลิกราไป ผมก็จะมีชีวิตอิสระเสียที ผมพยายามคิดในแง่นี้เพื่อให้ตัวเองสบายใจขึ้น แต่กลับเป็นว่ายิ่งทำให้ความรู้สึกแย่ลง การพิสูจน์ความรักที่ผมมีต่อเดียร์แบบนี้ ได้ข้อสรุปตอกย้ำลงไปชัดเจน ว่าผมรักเดียร์มากมายแค่ไหน
แค่เดียร์มองมาด้วยสายตาโกรธๆ ผมก็ใจแป้ว ต้องรีบชิ่งห่างจากคุณแคทแทบทุกทีที่เขามองมา แต่ดูเหมือนว่าคุณแคทจะไม่รู้อะไรเลย เพราะเธอคอยแต่จะเข้ามาหา คลุกคลีอยู่ใกล้ๆ ราวกับว่าผมเป็นคนรักของเธอจริงๆ