หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจสิงห์...สีน้ำผึ้ง ตอนที่ 27 [26/10/2017] pg.64 [[End]]  (อ่าน 766055 ครั้ง)

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์

   บัวอ้าปากค้าง  ในตอนที่เขากำลังจะหมดความอดทนแล้วก็กำลังจะเริ่มดิ้นแบบไม่กลัวตก  เสียงตะโกนดังลั่นจากกลุ่มคนหลายสิบก็ดังขึ้นจากรอบๆตัว  บัวถึงขั้นหยุดนิ่ง  หยุดหายใจ  คิดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่  จนเมื่อร่างกายเขาถูกปล่อยให้ยืนลงที่พื้น  บัวก็รีบยกมือดึงผ้าที่ถูกคนแกล้งคาดตาไว้ออกทันที

“ทุกคน...นี่”

“ครูบัวคะ  ป้าดีใจ  ดีใจมากๆเลยค่ะที่ครูกลับมาอย่างปลอดภัย”  ป้าพุดที่ยืนอยู่หน้าเพื่อนเอ่ยบอกแล้วพุ่งเข้ามากอดตัวเขาเอาไว้  น้ำเสียงสั่นๆบอกว่าป้าแกดีใจมากอย่างที่บอกจริงๆจนคงร้องไห้ออกมาแล้วแน่ๆ

“ครูตาหวาน  เม่นดีใจโคตรๆ  ที่ในที่สุดครูก็กลับมา  ผมนึกว่าครูจะทนสองแสบไม่ไหวจนหนีไปเหมือนคนอื่นๆแล้วเสียอีก”

“...เม่น  บัวไม่ไปไหนหรอก”  นายเม่นที่ยืนข้างๆเจ้าส้มกับพุฒพูดพลางก็ทำท่าจะเข้ามาจับมือเขา  ติดแต่ที่เสียงกระแอมในคอของเจ้านายใหญ่อย่างนายเหมืองสิงห์ดังขัดขึ้นเสียก่อน  นายเม่นจึงทำได้แต่พูดแล้วก็ส่งสายตามาให้ยืนยันประกอบคำพูด

“อย่าหายไปเงียบๆแบบนี้อีกนะครับครู  พวกเราเป็นห่วงครับ”  ส่วนนี่ก็เป็นคำพูดจากลุงเกรียง  หัวหน้าคนงานอาวุโสของที่นี่  ซึ่งพอแกพูดจบก็มีเสียงสนับสนุนจากคนงานในเหมืองที่บัวคุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งชายหญิงซึ่งยืนอยู่รอบๆออกปากเห็นด้วย  ทุกคนยืนส่งยิ้มมาให้บัว  มีแต่สีหน้าแห่งความดีใจ  ไม่มีใครสักคนที่จะแสดงท่าทางโกรธเคืองหรือไม่พอใจให้เห็นเลย

“ลุงเกรียงครับ ทุกคน”  บัวพนมมือขึ้นแล้วก็โค้งหัวไหว้ทุกคนไป  “บัวขอโทษนะครับที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง  แต่พอดีบัวเห็นข่าวไฟไหม้บ้านที่กรุงเทพฯ ก็เลยรีบร้อนออกไปแต่เช้า  ทันเขียนแค่ข้อความทิ้งไว้ใส่กระดาษ  แต่คงไม่มีใครเห็น  เดือดร้อนทุกคนต้องช่วยกันออกไปหาบัว  บัวขอโทษทุกๆคนด้วยนะครับ  แล้วก็ขอบคุณมากๆเลยนะครับ  นายเหมืองเล่าให้บัวฟังแล้ว  ว่าทุกคนต้องลำบากช่วยกันออกตามหาบัว”

“ไม่ลำบากอะไรเลยครู  พวกเราทุกคนเป็นห่วงครู  กลัวครูจะเป็นอันตราย”  หญิงคนงานคนหนึ่งพูดขึ้น 

“ใช่ๆ  พวกเราเห็นครูกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้วจ่ะ  แต่หลังจากนี้อย่าหายไปอีกนะครู”  ชายคนงานอีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นด้วย  จากนั้นบัวก็ได้ยินคำพูดประมาณนี้ออกมาอีกหลายประโยค  ซึ่งทุกประโยคล้วนแล้วแต่ออกมาจากความรู้สึกห่วงใยของทุกคนที่มีให้เขาทั้งนั้น

“โอ๊ยๆ  ให้พวกผมเข้าไปมั่ง  ทุกคนยืนบังกันหมดเลย  ถอยไป”

“ใช่ๆถอยๆ  ครูตาหวานเป็นของไท  ทุกคนห้ามยุ่งนะ!”

   แน่นอนว่าในตอนที่บรรยากาศกำลังซาบซึ้ง  ตัวขัดจังหวะที่กล้าตะโกนก้องขึ้นมาอย่างนี้ได้ไม่ใช่ใครที่ไหน  แต่เป็นสองแสบที่กระโดดเหยงๆอยู่ตรงหลังผู้ใหญ่  ทุกคนหัวเราะร่าพลางหลีกทางให้สองตัวแสบได้เข้ามากลางวงบ้าง  ทั้งสองพอวิ่งเข้ามาถึงตัวครูบัวได้ก็กระโดดเกาะกันติดหนึบ  ร้องไห้โฮเสียอย่างกับว่าจากกันมานาน  ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ได้เจอกันแค่วันสองวันก็เท่านั้นเอง

“ครูตาหวาน  ฮือออออ ไทคิดถึงครูที่สู๊ดดดดดดเลย  ฮืออออออ”

“อ้อร้อ”  เสียงส้มดังขึ้นมาลอยๆ

“เกอร์ก็ทำตัวเป็นดี  ไม่ดื้อไม่ซนเลยนะครู  ฮือออออออออออ”

“ขี้ฮกทั้งเพ  (โกหกทั้งนั้น)”  ส่วนนี่ก็เสียงพุฒ  เขาอยู่กับสองตัวแสบมาตลอด  รู้ดีมากๆว่าไอ้ที่มายืนร้องไห้คร่ำครวญอยู่นี่มันการแสดงชัดๆ

“เลิกตอแหลตีเนียนมากอดเมียพ่อเลยนะ  ปล่อยเลยไอ้ลูกชาย”  นายเหมืองที่ยืนมองอยู่นานอดรนทนไม่ไหวกับการพยายามจะปีนป่ายตัวคุณครู  จึงยื่นมือไปคว้าคอเสื้อไทกอนขึ้นมาอุ้มก่อน  แล้วก็ดึงคอเสื้อเจ้าไลเกอร์ที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่น้องให้พุฒเป็นคนอุ้มไป

“โห่ยพ่อ!  เมียพ่อก็แม่หนูง่ะ  หนูจะกอดแม่ใหม่หนูบ้างไม่ได้หรือไง”  ไทกอนทำท่าไม่สบอารมณ์เลียนแบบผู้ใหญ่  ซึ่งเห็นแล้วมันชักจะออกไปในแนวลูกลิงฟาดหัวฟาดหางมากกว่า

“ไม่ได้โว้ย  อยากกอดไปกอดแม่แหม่มไป  นี่เมียพ่อคนเดียว  ไม่ใช่แม่พวกเอ็ง”

“แต่ครูเป็นครูของพวกเรานะ  พ่อห้ามแย่งดิ!”  ไลเกอร์เอามั่ง  ตะโกนแข่งพ่อกับน้อง  รับรองศึกสายเลือดงานนี้ไม่มีใครยอมใครแน่ๆ

“ใช่ๆ!  ถ้าพ่ออยากได้พ่อก็แข่งกับพวกหนูแฟร์ๆดิ  โฮ่ยยยย ไม่แน่จริงนี่หว่า”

“ไทกอน  ไม่พูดกับคุณพ่อแบบนี้นะครับ”  ครูบัวตาหวานที่ในตอนแรกชักจะเริ่มปวดหัวกับพ่อลูกสามคนนี้ทนไม่ได้ต้องขอสอดเสียหน่อย  ซึ่งแน่นอนว่ามันค่อนข้างจะได้ผลเพราะไทกอนหันมามองเขาแล้วมีทีท่าสลด

“ก็ถ้าครูไม่มาเป็นครูให้พวกเรา  พ่อก็ไม่ได้เมียใหม่หรอกใช่มั้ยไลเกอร์”  นั่นไงยังไม่สิ้นฤทธิ์  ตอนนี้คนงานเหมืองที่ยืนรายล้อมกำลังหัวเราะขำ  รอดูบทสรุปศึกสายเลือดหนนี้กันอย่างตื่นเต้น

“ใช่ๆ  ไทไม่ได้พูดผิดอะไรเล้ยยยยยย จริงๆ”  ท้ายประโยคมีการทำเสียงสูง  ผู้ใหญ่หลายคนแอบส่ายหน้าให้กับความคิดแก่แดดแก่ลมไม่ค่อยจะสมวัย 

   และในตอนที่ทุกอย่างกำลังจะบานปลายมากไปกว่านี้  ป้าพุดฤทัยก็ได้โอกาสห้ามศึก  แกดึงครูบัวมายืนข้างแก  แอบสบตากับนายเหมืองนิดหนึ่งก่อนจะทำท่ามีเลศนัยกับส้มที่พยักหน้ารับแล้วเดินหายออกไปนอกวง

“เอาล่ะๆ  ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว  งานเลี้ยงรับขวัญครูมีพรุ่งนี้  คืนนี้อย่าแอบไปเมากันก่อนล่ะ  ไปไป๊  กลับไปนอนกันได้แล้ว  ส่วนคุณครูมานั่งนี่เลยค่ะ  มานั่งรอเซอร์ไพรส์พิเศษจากป้าตรงนี้เลย”  ป้าแกจูงมือครูฝ่าวงล้อมไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก  ปากก็เอ่ยไล่พวกคนงานให้ลงไปจากบ้านแกได้แล้ว  หลายคนก็มีแอบอ้อยอิ่งอยากคุยกับคุณครูตัวขาวอยู่  แต่สุดท้ายก็ยอมกลับลงไปจนหมด

“เอ๊ะ  แล้วเมื่อกี๊ยังไม่ใช่...”  บัวแปลกใจ  เพราะเข้าใจว่าการที่ทุกคนมารอต้อนรับเขาเมื่อกี๊นั้นคือเซอร์ไพรส์ที่ป้าพุดแกเตรียมไว้ให้แล้ว

“โอ๊ย  ใช่ที่ไหนล่ะคะ  พวกนั้นน่ะอยากมาอยู่รอเจอครูเอง  ป้าก็บอกแล้วนะคะว่าไอ้ที่จะจัดงานเลี้ยงน่ะมีพรุ่งนี้  แต่พอพวกนั้นรู้กันว่าครูจะกลับมาวันนี้ก็ขอมาอยู่รอเจอหน้าครูกันน่ะค่ะ”

“อ๋อ  แล้ว...ถ้าอย่างนั้น”

“หลับตาก่อนค่ะ”

“เอ๊ะ  หลับตาอีกแล้วเหรอครับ”  บัวงงงวย  เมื่อครู่ตอนลงจากรถก็ถูกนายเหมืองเล่นบทพิศาลจับเขาปิดตามาแล้วหนหนึ่ง  นี่ยังจะต้องหลับตาอีกหรือ

“ค่ะ  หลับก่อน  เร็วค่ะคนนี้  รับรองคราวนี้เซอร์ไพรส์จริงๆ”  ป้าพุดแกดูตื่นเต้นน่าดู  ท่าทางคราวนี้คงไม่ได้มีอะไรมาทำให้บัวตกใจเหมือนอย่างก่อนหน้านี้แน่ๆ

“...ครับ  แต่ไม่เอาแบบจุดพลุฉลองอะไรแบบนี้นะ”  บัวยังแอบมีพูดติดตลก  ก่อนที่จะหลับตาลงอย่างที่ป้าพุดฤทัยแกบอกให้ทำ 

   ตอนนี้พอมองอะไรไม่เห็นบัวก็ต้องใช้ประสาทสัมผัสอื่นในการจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวบ้าง  โซฟาข้างๆตัวยุบลงไป  แต่กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยก็ทำให้บัวรู้ว่าคงเป็นนายเหมืองแน่ๆ  ส่วนเสียงฝีเท้าเด็กที่วิ่งมานั่งข้างๆเขาตอนนี้ก็คงเป็นของสองแสบ  ส่วนป้าพุดนั้นบัวไม่ได้ยินเสียงแล้ว

“...บัว”

   จู่ๆท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมห้องนั่งเล่น  เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น  บัวยังไม่แน่ใจเพราะนึกว่าหูฝาดไปจึงไม่กล้าลืมตาขึ้นมา

“บัวลูก...ลืมตาได้แล้ว” 

   ไม่  ถ้าบัวลืมตาตอนนี้  เสียงที่ได้ยินอาจจะหายไปก็ได้

“บัว  จะไม่ลืมตาแน่ๆใช่มั้ย” 

   ...เขา  เขาไม่กล้าลืมตา  ไม่กล้าคิดว่าเสียงที่จะได้ยินจะใช่จริงๆ...

“แม่...แม่เหรอครับ”

   บัวทักออกไปเสียงเบา  และสิ่งที่ได้รับตอบกลับมา  คือฝ่ามือหนึ่งที่คุ้นเคยตั้งแต่ยังแบเบาะแตะประคองเขาเบาๆที่แก้มทั้งสองข้าง  คุณครูหนุ่มลืมตาขึ้นมองในฉับพลันพร้อมทั้งยกมือขึ้นจับสองมือที่ประคองแก้มของเขาเอาไว้ 

   ตรงหน้าของบัวคือผู้หญิงผมยาวตรง  ใบหน้าแจ่มใสละม้ายคล้ายคลึงตัวเขากำลังก้มลงมองเขาอยู่ด้วยรอยยิ้ม  บัวเอ่ยเรียกสรรพนามแทนผู้หญิงคนนั้นว่า ‘แม่’ แต่ไม่มีเสียง   บัวพูดไม่ออก  แต่คนตรงหน้าคือแม่ของเขาจริงๆ  คือแม่ของบัวที่เขากำลังคิดถึงอยู่จริงๆ

“...ฮึก...ฮือ...”

   ณ เวลานี้  บัวปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร  เข้าสวมกอดผู้หญิงที่รักจนสุดดวงใจแล้วสะอื้นจนตัวโยน  เขาเรียกแม่ซ้ำไปซ้ำมา  มือของแม่ก็ลูบหัวปลอบโยนเขา  ทั้งหมดนี้มันคือเรื่องจริง  แม่อยู่กับเขาจริงๆ

“แม่...แม่จ๋า  แม่ของบัว...”

“จ้า แม่เอง  แม่ของบัวเองครับ  ไม่ร้องแล้ว  เป็นคุณครูมาร้องไห้ต่อหน้าลูกศิษย์ได้ยังไง  ดูซิน่ะ  เด็กๆร้องตามกันเป็นแถวแล้ว”  แม่ฝ้าย  แม่ของคุณครูบัวเอ่ยบอกพร้อมลูบหัวลูกชายที่กอดหล่อนแน่นไม่ยอมปล่อย  สายตาเธอมองไปยังเด็กประถมตัวน้อยสองคนกับเด็กวัยรุ่นอีกหนึ่งคนที่นั่งกองอยู่ด้วยกัน  ทั้งสามคนพากันร้องไห้น้ำตาซึมมองหล่อนสองแม่ลูก  น่าสงสารจริงเชียว

“บัว  บัว...ไม่  ฮือ...แม่...แม่มาอยู่...”

“ครับ  เดี๋ยวแม่เล่าให้ฟังหมดเลย  แต่บัวหยุดร้องไห้ก่อน  ฮึ้บเร็ว...”  แม่ก็ยังเป็นแม่  ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กในสายตาของเธอเสมอ  บัวเกลือกหน้าเช็ดน้ำตากับเสื้อแม่  ไม่สามารถที่จะหยุดร้องในตอนนี้ได้เลยจริงๆ  สองมือของบัวกอดเอวแม่ไว้แน่น  ไม่ยอมปล่อยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

   ตอนนี้บัวทั้งตกใจ  ตื่นเต้น  ดีใจ  แล้วก็สับสนปนความรู้สึกกันไปหมด  เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจู่ๆจะได้มาเจอแม่ที่นี่  ในสภาพที่ยังดูสบายดีทุกอย่าง  ไม่ได้อะไรบุบสลาย  แม่ไม่ได้เป็นอะไรเลยจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น

“แม่  อยู่ที่นี่แล้วทำไมไม่บอกหนู”  พอเริ่มตั้งสติได้บัวก็งึมงำถามขึ้น  แม่ฝ้ายดันร่างลูกชายให้ลงไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆกับเจ้าของบ้าน  ส่วนตัวเองก็ลงไปนั่งข้างๆด้วยเพราะเจ้าลูกชายไม่ยอมปล่อยมือออกจากเอวของเธอเลย

“ก็แม่อยากจะเซอร์ไพรส์ไง  แล้วเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณนายเหมืองด้วยนะคะ  เพื่อนคุณน่ารักมากๆ  ถ้าไม่ได้เขาแม่คงแย่”

“ไม่เป็นไรครับ  ผมเต็มใจแล้วก็ยินดีครับ”

“เอ๊ะ  เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน  เพื่อนใครครับ  แล้วทำไมแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ”  จำได้ว่าเขาเคยให้แม่คุยกับนายเหมืองแค่หนเดียวตอนงานวัดครั้งก่อนโน้น  แต่หลังจากนั้นเขามั่นใจว่าแม่กับนายเหมืองต้องไม่เคยได้ติดต่อกันอีกแน่ 

   แล้วนี่ทำไมจู่ๆถึง...

“ก็นี่ไงแม่กำลังจะเล่า  ก็วันนั้นน่ะ  นายเหมืองบอกแม่ว่าเขามีเพื่อนอยู่ที่กรุงเทพฯ  ชื่อคุณรังสิมันต์  ถ้าแม่มีอะไรเดือดร้อนก็ติดต่อบอกเพื่อนคุณเขาได้  แล้วก็คุณรังสิมันต์นี่แหละ  ที่เป็นคนส่งคนมาพาแม่ออกจากบ้านตั้งแต่ไฟเริ่มลามเลยลูก  เนี่ยเขาช่วยเก็บเอกสารสำคัญแล้วก็ยกพวกของมีค่าออกมาได้หลายอย่างเลย  แล้วยังหาที่พักให้แม่ชั่วคราวอีก  ดูแลดีแม่ดีมาก  นี่ก็ว่าว่างๆจะขึ้นไปขอบคุณคุณรังสิมันต์เขาอย่างเป็นทางการเสียหน่อย”  แม่ฝ้ายเล่าไปก็ลูบศีรษะลูกชายขี้อ้อนที่ยังซุกอกนางไม่เลิกไป  ก่อนจะเล่าต่อด้วยรอยยิ้มว่า  “แล้วที่แม่มาอยู่ที่นี่  ก็เพราะแม่ขอร้องคุณเขาว่าจะขอมาอยู่กับลูกดีกว่า  เกรงใจ  บ้านพักชั่วคราวที่คุณเขาหาให้มันใหญ่โตเหลือเกิน  แม่อยู่คนเดียวแล้วไม่ชิน  คุณเขาก็ให้คนพาแม่มาส่งให้ถึงที่เหมืองนี่แหละ”

“แล้วทำไมแม่ไม่บอกบัวก่อน  แม่รู้มั้ยบัวเห็นข่าวแล้วตกใจมาก  ออกไปจากเหมืองไม่ได้บอกใคร  เขาเลยออกตามหาบัวกันให้วุ่น”  ปลายประโยคงุบงิบบอกเสียงเบา  ยังละอายใจอยู่ลึกๆที่เรื่องของตัวเองเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องใหญ่โตตามมา 

“พี่พุดฤทัยบอกแม่หมดแล้ว  ว่าวีรกรรมของหนูมีอะไรบ้าง”  แม่ฝ้ายแหย่ลูก  แล้วก็ได้ผล  เจ้าตัวขาวของเธอเงยหน้าไปมองคนที่ถูกพาดพิง  ที่รีบเบือนหน้าเปื้อนคราบน้ำตาหนี  เปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น

“ป้าพุด  นินทาบัวกับแม่เหรอ”  คุณครูหนุ่มทำเสียงกระเง้ากระงอดไม่รู้ตัว  ยิ่งเป็นเพราะเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆจึงทำให้เสียงยิ่งดูน่าเอ็นดูมากเข้าไปอีก  พุดฤทัยไม่ตอบอะไรเพียงแต่หันไปยักคิ้วหลิ่วตากับคนอื่นๆในห้องแทน 

“ทุกคนด้วย  นี่รู้เรื่องแม่กันหมดเลยแต่ปิดปากเงียบไม่บอกบัวกันเหรอครับ  ทำไมใจร้ายอ่ะ”  ตอนนี้พอเจอแม่แล้วบัวก็ไม่สามารถคีพลุกคุณครูได้อีก  เวลานี้บัวเคยอยู่กับแม่แล้วอ้อน งอแงอย่างไรก็ทำอย่างนั้น  นายเหมืองเองยังแอบเลิกคิ้ว  มองอาการแบบนี้ของครูบัวอย่างพิจารณา  เป็นด้านใหม่อีกมุมหนึ่งที่เขาเพิ่งเห็นจากครูบัวนะนี่  ว่าเวลาอยู่กับแม่แล้วครูบัวเองก็ไม่ต่างกับเด็กคนหนึ่งเลย

   ชักจะแอบอิจฉาคนรักขึ้นมาตงิดๆ  เขาเองนี่จำไม่ได้แล้วว่าอ้อนแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

“อย่าไปว่าเขาเลย  แม่ขอไว้เองแหละลูก  เพราะตอนที่แม่มาถึงก็เพิ่งทราบจากพี่พุดว่าลูกน่ะอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่า  แม่เลยไม่อยากรบกวนดีกว่า  ไว้รอลูกกลับมาเจอที่นี่ก็ได้” 

“...แล้วก็ต้มบัวเสียเปื่อยเลยนายเหมืองบ้า”  ทันทีที่บัวแอบด่าคนรักออกไป  ฝ่ามือนุ่มนิ่มของแม่ก็ตีเพี๊ยะเข้าที่ต้นแขนเขาเบาๆแล้วดุ

“อย่าพูดคำหยาบ  แล้วก็อย่าไปว่านายเหมืองนะบัว  นั่นผู้มีพระคุณของแม่” 

“แม่!  มาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันนี่เข้าข้างคนอื่นแล้วเหรอ  ใช่สิ  แม่แหละเป็นหัวหน้าคนหลอกบัว  แล้วมีนายเหมืองเป็นมือขวาใช่มั้ย”

“แม่ไม่เถียงจ่ะ”  แม่ฝ้ายบอกแล้วก็หัวเราะเบาๆ  เมื่อลูกชายหล่อนแสดงท่าทีขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้  “แม่ก็ต้องเข้าข้างลูกชายแม่เท่าๆกันสิจ๊ะ  จะเข้าข้างบัวคนเดียวได้ยังไง  เดี๋ยวนายเหมืองน้อยใจแย่เลย” 

“เอ๊ะ  แม่มีบัวเป็นลูกชายคนเดียวนะ  แล้วนายเหมืองมาจากไหนครับ”

“อ้าว  ก็นายเหมืองเขาขอเป็นลูกชายแม่ตั้งนานแล้ว  แฟนลูกก็ต้องเป็นลูกแม่อีกคนสิ  ถูกมั้ยคะ”

“ห๊ะ”  บัวอ้าปากค้าง  เดี๋ยวก่อนสิ  เขาไปบอกอะไรกันตอนไหน  ทำไมเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลย

“ครับ  แม่”  นี่ก็อีกคน  เรียกแม่บัวเสียเต็มปากเต็มคำราวกับชิน

   อ๋อ  ลืมไป  ว่าเขาติดต่อกันมาพักใหญ่แล้วโดยที่บัวไม่รู้เรื่อง  ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแม่  ตามหาแม่เป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว  นี่ลับหลังไม่รู้ไปแอบหัวเราะตลกเขาบ้างหรือเปล่า  นึกแล้วก็ยิ่งอยากโกรธ  อยากงอนนัก  ยิ่งอารมณ์ตอนนี้ของบัวมันอ่อนไหวด้วย  จะโกรธลูกชายแม่คนใหม่เสียให้เข็ด

“แน่ะ บัว  ทำหน้าทำตาแบบนี้จะโกรธนายเหมืองเขาล่ะสิ  ไม่ต้องเลยนะ  เรานั่นแหละ  มีแฟนแล้วก็ไม่ยอมบอกแม่  กลัวแม่จะว่าหรือลูกที่มีแฟนเป็นผู้ชายน่ะ”  แม่ฝ้ายเอ่ยถาม  บัวได้ยินนายเม่นร้องอู๊ย  แล้วตามด้วยด้วย  ‘แม่ครูบัวมาเหนือเมฆมาก  ถามตรงสุดๆ’ 

“ก็...บัวกลัวแม่เสียใจนี่นา”

“เสียใจอะไรครับ  มีคนช่วยดูแลบัวเพิ่มอีกคน  แม่ต้องดีใจมากกว่า”  แม่ฝ้ายบอก  ลูบแก้มเช็ดรอยน้ำตาให้ด้วยความเอ็นดู  หล่อนไม่ใช่คนหัวโบราณ  แล้วยิ่งเคยอยู่อาศัยในกรุงเทพฯมาก่อน  เมืองแห่งความรักที่หลากหลาย  เมืองที่ยินดีต้อนรับความรักในทุกรูปแบบ  รวมถึงความรักของเธอที่ไม่ได้รับการต้อนรับจากที่บ้านเกิด  จนต้องระเห็จมาอยู่กันที่นี่  แล้วกับแค่คนรักของลูกเป็นเพศเดียวกัน  แล้วดูแลกันได้แบบนี้  หล่อนมีเหตุผลอะไรให้ต้องเสียใจหรือคิดมากกัน

“แม่รู้ดีนะลูก  ว่าความรักที่ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวน่ะ  มันทรมานขนาดไหน  แล้วแม่ที่ไหน..จะอยากเห็นลูกตัวเองต้องมาทรมานกันล่ะจ๊ะ”  หล่อนพูดด้วยรอยยิ้ม  แต่บัวกลับยิ้มไม่ออก

   เขารู้ดีว่าพ่อกับแม่ผ่านอะไรด้วยกันมาบ้าง  รอยน้ำตาของพ่อกับแม่เขาเห็นมาจนชิน    และที่ชินยิ่งกว่าก็คงจะเป็นรอยยิ้มที่พ่อกับแม่ไม่เคยได้ยิ้มทั้งปากทั้งตาเสียที

“บัวขอโทษนะแม่  แล้วก็ขอบคุณนะครับ”  บัวสวมกอดบุพการีที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของชีวิต  ซบหน้ากับไหล่มารดา  น้ำตาก็ทำท่าว่าจะไหลอีกรอบ

   แล้วจู่ๆบัวก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกรัด  พอเอียงหน้าหันมองก็เห็นแม่เอื้อมมือไปโอบนายเหมืองให้เข้ามากอดพวกเขาด้วยอีกคน

“ไม่เอาแล้ว  ไม่ร้องแล้วนะบัว”  แม่ยังคงเอ่ยปลอบลูกชายคนดี  หล่อนมองหน้าลูกชายคนใหม่ของเธอที่ตลอดการสนทนาเขาทำเพียงนั่งมองนิ่งๆ  แต่ในสายตานั้นหล่อนมองเห็นความรักที่ส่งออกมาให้ลูกชายของเธออยู่ตลอด  ไม่มีเก็บอาการรักใดๆแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าคนหมู่มากขนาดนี้ก็ตาม

   เฮ้อ  นี่ลูกชายหล่อนจะรู้ตัวมั้ยนะ  ว่ามีแต่คนรักเขาเต็มไปหมด

“เอาล่ะค่ะๆ  ฉากเรียกน้ำตาก็จบแต่เพียงเท่านี้นะคะ  นายเหมืองกับครูบัวเดินทางมาเหนื่อยยังไม่ได้พักผ่อนกันเลย  ยังไงก็แยกย้ายกันไปพักได้แล้วล่ะค่ะ  เดี๋ยวของป้าให้เม่นกับพุฒกับส้มไปช่วยกันยก  ป้าให้แม่ฝ้ายพักที่ห้องครูบัวนะคะ  คืนนี้แม่ลูกจะได้คุยกันให้นายคิดถึงกันไปเลย  ส่วนนายเหมืองก็พาลูกๆไปอาบน้ำค่ะ  ปล่อยแม่ลูกเขาได้อยู่ด้วยกัน  เนอะ”

“ง่ะ  ไม่อาวง่า  คืนนี้หนูอยากนอนกับครูตาหวาน”  และเป็นไทกอนที่โวยวายขึ้นก่อน 

“หนูด้วยยย  ถ้าไทได้นอนหนูไม่ได้นอนนะ  หนูจะอาละวาด!” 

“ถ้ากล้าก็เอา  พ่อจับขังลืมไว้นอกบ้านแน่  ไปเลยสองแสบ  รีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำเลย  ใครอาบเสร็จก่อนเดี๋ยวพ่อแจกตังค์ยี่สิบบาท”

“คุณ!  อย่าเอาเงินมาล่อลูก!”  บัวอดไม่ได้ต้องหันไปแหวเสียหน่อย  แต่พ่อเจ้าประคุณทั้งสามจะฟังเขาหรือตอนนี้

“โห่ยยย  ยี่สิบบาท  ไม่เอาอ่ะ  ขอห้าสิบ!”  ไลเกอร์ผู้ชาญฉลาดวางแผนต่อรองด้วยราคาค่าจ้างที่แพงขึ้นเท่าตัว

“ไอ้ลูกคนนี้  พ่อให้ยี่สิบห้าบาทขาดตัว  สองตัวห้าสิบ  แล้วเดี๋ยวแถมพาไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ครูตาหวานด้วย  ใครเสร็จก่อนให้สองที  ใครเสร็จหลังให้ทีเดียว”

“นี่...นายเหมือง!”

“รับแซ่บ!!!”  สองแสบประสานเสียงกันตะเบ๊ะรับคำดังลั่น  จากนั้นก็วิ่งจู๊ดขึ้นไปด้านบน  เสียงวิ่งตึงตังๆจนป้าพุดฤทัยต้องตามไปแหวให้ถึงชั้นบน

“นายเหมือง  เรื่องอะไรเอาบัวไปเป็นของล่อด้วยอีกคนล่ะครับ”

“อ้าว  ก็มันได้ผลที่สุดนี่  แม่ครับ...บ้านผมพอกลับมาอยู่กันครบแล้วมันก็จะวุ่นวายแบบนี้หน่อยๆนะครับ  ไม่รู้ว่าแม่พอจะทนไหวหรือเปล่า”  นายเหมืองกล่าวกับแม่แฟน  ที่มีแฟนตัวเองเกาะติดเอวแน่นหนึบ  นี่ตั้งแต่เจอกันบัวยังไม่ยอมปล่อยแม่เลยนะ  เกาะติดเสียจนเขาเริ่มคิดแล้วว่าเขาจะกลายเป็นหมาหัวเน่าเข้าสักวันแน่ๆ  บัวรักแม่เขาเสียขนาดนั้น

“ไม่ต้องห่วงค่ะ  ดีเสียอีกแม่ชอบ  ไม่ได้เลี้ยงเด็กมาตั้งนาน  ตอนสมัยบัวก็เอาแต่กินกับนอน  ตอนแรกคุยกับพ่อเขาว่าที่มีลูกนี่เพราะอยากให้บ้านมีเสียงจอแจบ้าง  นี่ไม่เลย  เงียบฉี่หนักกว่าเดิม”

“แม่!  บัวไม่พูดด้วยแล้ว  แม่เผาบัวหมดเลยอ่ะ”

“โอ๊ย  นี่ยังน้อย  ก่อนหน้านี้แม่คุยโทรศัพท์กับนายเหมืองนะเล่าเรื่องหนูตอนเด็กไปมากกว่านี้อีก  ตอนที่หนูโดนหลอกให้ใส่กระโปรง  เรื่องที่ชอบ  เรื่องที่เกลียด”

“ฮ่าๆ  ไม่ต้องหน้างอเลยคุณ  ยังไม่หมดนะ  ยังมี...”

   นายเหมืองช่วยบัวเดินประคองแม่ขึ้นไปชั้นบน  ปากก็ร่วมด้วยช่วยเล่ากับแม่ฝ้าย  ว่าลับหลังบัวนั้นเขาสองคนคุยอะไรกันบ้าง  บัวก็งอนหนัก  แม่ฝ้ายหัวเราะ  ส่วนนายเหมืองก็มีแต่รอยยิ้ม

   เสียงหัวเราะและเสียงเอะอะโวยวายที่ดังออกมาจากตัวบ้านทำให้ทั้งส้ม  พุฒ  เม่น  และลุงเกรียงที่ช่วยกันขนของจากรถนายเหมืองเข้ามาในบ้านให้พลอยมีรอยยิ้มแต่งแต้มไปด้วย

“ไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้นานแล้วเนอะลุง”  เม่นเดินพลางก็เอ่ยกับลุงเกรียงพลาง

“เออ  ก็ดีแล้วมั้ยล่ะ  ข้าล่ะสงสารนาย  นายดูเศร้ามากตั้งแต่คุณแหม่มตาย  พอเจอครูเขาข้าก็เพิ่งได้เห็นรอยยิ้มแกนี่แหละ”  ลุงเกรียงเอ่ยตอบไอ้เม่นไป

“แล้วลุงไม่รู้สึกแปลกๆเหรอ  ที่นายเรามีเมียเป็นผู้ชายน่ะลุง”  ไอ้เม่นเอ่ยต่อตามประสาคนซื่อ  แต่ส้มที่เดินตามหลังมาก็อดไม่ได้ต้องเอ่ยปากสอดแทน

“แล้วแกรู้สึกแปลกๆกับพวกข้ามั้ยล่ะ  ข้าก็เป็นเมียพี่พุฒ  ก็ไม่เห็นเอ็งจะปฏิบัติตัวกับข้าต่างไปจากเดิมเลย  แล้วครูเขาก็เป็นคนดี  แถมยังมัดใจสองแสบเสียอยู่หมัด  แล้วแกจะเอาอะไรอีก”

“โธ่  เม่นก็ไม่ได้จะว่าอะไรนี่  เม่นก็ชอบครู  แค่อยากถามดูก็เท่านั้นเองอ่ะ”  เม่นครางหงอยๆ  เพราะโดนพี่พุฒมือขวาของนายมองเขม่นๆเอาเหมือนกัน

“เมียนายจะผู้ชายผู้หญิงข้าก็ไม่สนทั้งนั้นแหละ  ยังไงนายก็คือนาย  คนที่ให้ที่อยู่ที่กินเราอยู่ดี  แล้วถ้าเมียนายเป็นคนดีก็ดีไปอีกไม่ใช่หรือวะ  ข้าจะต้องไปรู้สึกแปลกๆทำไม”  ลุงเกรียงถึงจะเป็นคนวัยเข้าข่ายชรา  แต่แกก็แยกเรื่องส่วนตัวของนายกับงานของตัวออก  เขาทำงานให้นายแลกเงิน  ช่วยดูแลนายเหมืองมาแต่น้อย  เห็นนายเป็นพ่อหม้ายแล้วซึม กับมีเมียเป็นผู้ชายแล้วมีแต่ความสุข  เขาก็เลือกไม่อยากอยู่แล้วว่าอยากเห็นนายเป็นแบบไหน

“ก็ภาวนาว่าขอให้ครอบครัวนายมีแต่ความสุขแบบนี้ตลอดไปเนอะ”  พุฒเอ่ยพึมพำ  เขาเดินรั้งท้ายทุกคนที่เดินออกมาจากบ้าน  เจ้าส้มที่เดินนำหน้าอยู่นิดหน่อยจึงพลอยได้ยินสิ่งที่เขาพูดไปด้วย  ชายหนุ่มจอมแสบที่คว้าหัวใจเขาไปได้ทั้งดวงก็ชะลอฝีเท้าลง  แล้วแอบเอามือมาสอดจับมือเขาเอาไว้  ส่งรอยยิ้มสดใสมาให้อย่างรู้งาน

“ส้มก็ภาวนาให้ครอบครัวของเรามีความสุขแบบครอบครัวนายด้วยนะพี่พุฒ” 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”  ...ก็พี่รักส้มมากกว่าใครเลยนี่นา  ถึงจะไม่ได้บอกบ่อยๆ  แต่พุฒก็หวังว่าการกระทำของเขาจะส่งไปถึงเจ้าตัวแสบส้มนี่ได้นะ  เขาจะทำให้ครอบครัวของเขามีแต่ความสุขไม่แพ้นายเหมืองกับครูบัวเลยคอยดู

---------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์

   คืนนั้นบัวนอนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กับแม่จนดึก  โดยเฉพาะเรื่องที่เขาได้บรรจุแล้ว  แม่บอกว่าแม่รู้ตอนที่บัวโทรมาบอกป้าพุด  แม่ดีใจจนเผลออยากโทรหาบัวตอนนั้นเลย  แต่ป้าพุดแกบอกให้เก็บไว้เซอร์ไพรส์บัวทีเดียวตอนบัวกลับมาดีกว่า  แล้วบัวก็เล่าเรื่องคุณย่ากับคุณปู่ให้ฟัง  ว่าท่าทีของคุณย่าที่มีต่อนายเหมืองนั้นก็เหมือนจะยอมรับกลาย  และตอนนี้บัวมีความสุขมากแค่ไหนที่ครอบครัวได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าขนาดนี้ 

ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณเกือบสี่ทุ่มแล้วที่ประตูถูกเคาะ  บัวนึกว่าเป็นป้าพุดที่คงขึ้นมาดูพวกเขาก่อนจะลงกลับไปนอน  ทว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูกลับเป็นหนึ่งผู้ใหญ่กับสองเด็ก  ในมือของแต่ละคนมีกรวยดอกไม้ถือมาด้วย  ของเด็กนั้นดูออกว่าคงทำกันเอง  เพราะมันมีสภาพที่ใกล้เคียงช่อดอกหญ้าที่ถูกพันไว้ด้วยใบตองมากกว่าที่จะเป็นกรวย  แต่ทั้งสองก็แลดูถือมันด้วยความภาคภูมิใจเต็มที่

“นายเหมือง  เด็กๆ  จะทำอะไรกันครับเนี่ย” 

   บัวเอ่ยปากถามพลางกวาดตามองทั้งสามคนซ้ำๆ  สามพ่อลูกมีท่าทีแปลกๆโดยการเหลือบมองกันไปมา  บัวแอบอ่านปากของไลเกอร์ได้ว่า ‘พ่อสู้ๆ’ แล้วจากนั้นก็เห็นนายเหมืองหายใจเข้าลึกๆเสียทีหนึ่ง  ถึงค่อยเอื้อมมือมาคว้ามือบัวไปจับแล้วพาเดินเข้าห้อง

   บัวเดินตามคนทั้งสามไปด้วยความงงๆ  แล้วพอเดินไปจนถึงหน้าแม่เขาที่นั่งอยู่บนเตียง  ทั้งสามพ่อลูกก็นั่งคุกเข่าลงอย่างเป็นระเบียบ  บัวถูกกระตุกมือให้ลงไปนั่งเคียงข้างนายเหมืองสิงห์  มองซ้ายมองขวาว่าทั้งสามคนไปแอบเด็ดดอกไม้ตอนกลางคืนมาทำไม  แล้วนึกอย่างไรมานั่งคุกเข่าต่อหน้าแม่เขาในเวลาดึกๆอย่างนี้ด้วย 

   แล้วในที่สุดนายเหมืองก็เปิดปากพูด  แม่เขาที่เหมือนจะนึกรู้อยู่แล้วก็ลุกมานั่งดีๆตรงริมเตียง  เฝ้ามองพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่มีประดับตรงมุมปาก

“แม่ครับ  ผมพาลูกๆมาฝากเนื้อฝากตัวกับแม่  แล้วก็มาขอขมาแม่ด้วยครับ”  นายเหมืองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแต่มั่นคง  ถึงเขาจะคอยโทรหาแม่ของบัวอยู่เรื่อยๆเพื่อดูแลความปลอดภัยและรายงานเรื่องบัวให้ท่านทราบ  แต่ก็ยังไม่เคยทำการขอขมาอย่างจริงจัง  เอาลูกเขามาอยู่ด้วยตั้งนาน  เขาก็ควรจะทำอะไรให้เป็นกิจจะลักษณะบ้าง

“ไลเกอร์กับไทกอน ก็มาทำการสู่ขอ  เอ๊ย  มาขอเป็นหลานคุณยายด้วยคนนะครับ”  ไลเกอร์นำน้องว่าตามประโยคที่ท่องกันมาจากนอกห้องสิบรอบถ้วน  ไอ้ที่แอบสลับท่อนผิดนั่นเพราะได้ยินพ่อพึมพำๆด้วยน่ะสิ

“ไทกอนจะเป็นเด็กดื้อ  เอ๊ย  เด็กดี  ไม่ดื้อไม่ซนนะครับคุณยาย”  ไทกอนปะเหลาะ  คลานเข่าเก้ๆกังๆเอาดอกไม้ไปวางในมือของผู้ใหญ่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่พยายามจะให้เรียบร้อย  ซึ่งมันดูตลกจนแม่เขาหัวเราะเบาๆด้วยความเอ็นดู 

“โถ  หลานยาย  มาครับ  มาให้ยายกอดที”  แม่ฝ้ายอ้าแขนออกรับเด็กตัวปุ้มปุ้ยสองคนเข้าสู่อ้อมแขน  กอดแน่นแล้วหอมขมับกันไปคนละทีพลางแอบถาม  “นี่ผู้ใหญ่เขาบังคับมากันเหรอลูก”

“เปล่าครับ  ยายพุดแค่บอกว่าทำอย่างนี้แล้วคุณยายจะอนุญาตให้ครูตาหวานอยู่ที่นี่”  ไลเกอร์ตอบ  มือกอดผู้ใหญ่ที่หน้าคล้ายครูบัวแน่น  ยายพุดสั่งแล้วสั่งอีกว่าให้ทำตัวดีๆ  เพราะนี่คือแม่ของครูบัว

“เหรอครับ  แล้วนี่ใครทำกรวยดอกไม้ให้ลูก”

“ทำเองครับคุณยาย  ไทตัดใบกล้วยเองด้วยแหละ”  ไทกอนยืดอดบอกอย่างภาคภูมิใจ  ในขณะที่พ่อเด็กนั้นส่ายหน้าระอาแล้วกระซิบบอกบัวว่าไอ้ที่ตัดไปน่ะ  ทั้งต้น  ไม่ใช่แค่ใบหรอก

“ฮ่ะๆ  คุณนี่ก็ขยันพาลูกหาเรื่องซนนะครับ  ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังออกไปเก็บดอกไม้กันมาอีก”  บัวเอ่ยตอบเบาๆกับคนข้างกาย

“ก็ตอนแรกพี่จะลงไปคนเดียว  แต่สองแสบมาเห็นเข้าเสียก่อนน่ะสิเลยอ้อนขอตามมาด้วย  ป้าพุดแกก็ผสมโรงใหญ่  บอกดีแล้วให้ทำ  ผู้ใหญ่จะได้เอ็นดู”

“ป้าพุดนี่ก็เป็นเบื้องหลังของหลายๆเหตุการณ์นะครับ”

“นั่นน่ะ  ตัวแม่เลยแหละ”

“อะแฮ่ม!”  แม่ฝ้ายกระแอมขึ้น  ขัดจังหวะสองหนุ่มที่นั่งคุยกันหนุงหนิงเพราะเห็นหล่อนสนใจแต่เด็ก  เลยได้โอกาสจีบกันเสียอย่างนั้นนะ  “แล้วสองผู้ใหญ่ไม่คิดจะเอาดอกไม้ให้แม่บ้างเหรอคะ  หรือจะนั่งกันอยู่จนเช้า  แม่จะได้ไปนอนห้องหลานคนใหม่ของแม่แทน  กำลังเห่อเลยเนี่ย  น่ารักกันจริงเชียว” 

   สองแสบยิ้มรับคำชมกันจนตาปิด  ฝ่ายบัวกับนายเหมืองเมื่อโดนทักก็รีบคลานเข่าเข้าไปเอากรวยดอกไม้ที่กลัดใบตองเรียบร้อยไปวางลงบนมือแม่ฝ้าย  แล้วกราบลงไปที่ตักของแม่ฝ้ายพร้อมกัน  โดยมีสองเด็กแสบนั่งเป็นกุมารทองขนาบข้างคุณยาย  ญาติคนใหม่ของพวกเขาด้วยรอยยิ้มแป้นแล้น  พลางเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันว่า

“เจริญพร” 

“เดี๋ยวจะโดนมะเหงกคู่  ไอ้สองสิงห์นี่  กลับไปเลยนะ!  กลับไปที่ห้องเลย  ชักช้าจะปล่อยให้นอนคนเดียวเสียให้เข็ด!”

“จ๊ากกก  ยายจ๋า  ช่วยหนูด้วย  หนูโดนพ่อรังแก”  ไทกอนหัวเราะคิกคักพลางหลบเข้าหลังแม่ฝ้าย  ส่วนไลเกอร์นั้นนั่งต่อหลังน้องอยู่ติดๆ

“เอ้าๆ  ใจเย็นๆค่ะนายเหมืองอย่าทำหลานยาย  มาๆลูก  วันนี้กลับไปนอนกันก่อนเนอะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ยายทำขนมไทยให้กิน  รับรองฝีมือต้นตำรับ  อร่อยไม่แพ้ครูบัวของหลานแน่นอนเลย”

“โหหหห  ยายทำขนมเป็นด้วยเหรอจ๊ะ”  ไลเกอร์ตาลุกวาว  ถ้าเป็นเรื่องของกินมาล่อล่ะก็  เขายินยอมพร้อมตกบ่วงนั้นทันทีเลยเชียว

“แน่สิ  ยายเป็นคนสอนครูบัวทำเองนี่ลูก” 

“งั้นเรากลับไปนอนกันเถอะเกอร์  ยายจ๋า  เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าหนูจะรีบตื่นมากินขนมยายนะจ๊ะ  ยายต้องให้หนูกินมากกว่าเกอร์นะจ๊ะยาย”  ไทกอนปะเหลาะ  ท่าทางจะถูกใจคุณยายคนใหม่ไม่น้อย  คุณยายพูดเพราะ  อ่อนโยน  ไม่ต่างจากครูบัวเลย  ที่สำคัญยังทำขนมอร่อยอีก  ว้าววววว  ถูกใจไทกอนเขาล่ะ

“ได้ไงอ่ะ  ยายจ๋า  เกอร์ก็อยากกินนะ”

“จ่ะ  ได้กินจนอิ่มทั้งคู่แน่ๆ  แต่ตอนนี้ทั้งสองคนต้องไปนอนได้แล้วครับ   ดึกแล้ว  เดี๋ยวยายจ๋าขอคุยคุณพ่อๆเขาสักแป๊บนะลูก”

“รับแซ่บ!!”  เสียงขานรับดังลั่น  แม่ฝ้ายสั่งสองแสบได้ไม่ต่างจากครูบัวเลย  ทำเอานายเหมืองทึ่งมาก

“แม่ครับ  ผมรู้แล้ว  ว่าบัวโขกนิสัยต้นฉบับมาจากใคร”  นายเหมืองมองเหลียวหลังไปทางเด็กๆที่วิ่งลับหายไปทางประตู  แป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงปิดประตูโครมคราม  สงสัยคงเข้านอนกันได้อย่างเรียบร้อยโดยไม่ต้องไปเช็คซ้ำสองเป็นแน่

“แล้วเป็นไงคะ  ลูกแม่นิสัยแบบนี้  นายเหมืองรับได้แน่นะคะ  แม่ยกให้แล้วไม่รับคืนนะ”

“แม่ครับ  เขายังไม่ทันขอเลยนะ”  บัวอายหน้าแดงไปหมด  เพิ่งรู้นะนี่  ว่าแม่เขานี่มือชงอันดับหนึ่งเลย

“ไม่มีทางคืนให้แน่นอนครับแม่  พ่อแม่ผมเสียหมดแล้ว  ผมเป็นพ่อหม้าย  มีลูกติดด้วย  ประวัติอาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่  แต่มีอาชีพการงานมั่นคง  ดูแลลูกแม่ให้กินอิ่มนอนหลับได้สบายแน่ๆ   ผมไม่มีผู้ใหญ่มาสู่ขอให้  ผมจึงมาสู่ขอด้วยตัวเอง...”  นายเหมืองหยุดไปช่วงหนึ่ง  มองคนข้างๆที่เอามือเกาะแขนเขาไว้เบาๆคล้ายให้กำลังใจ  “แม่ครับ  ผมรักลูกแม่จริงๆ  ผมจะขอลูกชายแม่มาเป็นครอบครัวสุตนันท์ของผมอีกคนได้มั้ยครับ”

“...”

   สิ้นสุดประโยคที่นายเหมืองเรียบเรียงมาเป็นร้อยรอบในหัวแล้วก็เกิดแต่ความเงียบ  บัวค่อยเหลือบตาขึ้นมองแม่อย่างหวาดๆ  เขาเห็นสีหน้าของแม่นิ่งๆไปก็เผลอเกร็งมือที่จับแขนนายเหมืองไว้ขึ้นมา  เขากลัวว่าแม่จะเปลี่ยนใจ  ทว่าในที่สุดแม่ก็ยิ้มให้

   ฝ่ามือแม่ที่ถือดอกไม้ยื่นมาจับมือเขากับนายเหมืองคนละข้าง  มองพวกเขาพร้อมกันเต็มๆตาแล้วแม่ก็เอ่ย

“บัว  นายเหมือง  ฟังแม่นะคะ  บัวไม่ใช่คนไม่มีวงศาคณาญาติ  ประวัติของบัวเป็นใครมาจากไหนนายเหมืองเองก็คงรู้ดี  ตัวแม่เองเคยถูกกีดกันความรักมาจากครอบครัวของคุณพ่อบัว  แต่แม่ไม่เคยโกรธท่านนะ  ท่านสอนให้แม่รู้  ว่าความรักอันที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเสียทีเดียว  ถ้าพ่อของบัวเลือกครอบครัวมากกว่าเลือกแม่ในวันนั้น  เขาคงไม่ต้องมากัดก้อนเกลือกินกับแม่  ถึงเราจะมีความสุขกันตามประสา  แต่มันก็สุขไม่สุด  พ่อเขายังคงรู้สึกผิดต่อครอบครัวอยู่เสมอ” 

   แม่ฝ้ายเอ่ยแล้วก็ถอนหายใจยาว  ภาพเรื่องราวชีวิตรักของเธอค่อยๆไหลย้อนกลับมาเป็นฉากๆ  มันมีทั้งตอนที่น่าหวาดหวั่น  ตอนที่เสียใจ  และตอนที่มีความสุข  พวกเขาเลือกความรักจึงต้องพบกับความลำบาก  แต่พวกเขาก็ยอมรับมันด้วยความจริงใจ  ทั้งที่ความจริงแล้วหล่อนยังแอบคิดอยู่เสมอว่าถ้าสามีของเธอไม่เลือกเธอ  ทุกวันนี้บัวอาจได้อยู่บนกองเงินกองทอง  สบายไปกว่านี้แล้วก็ได้  ไม่ต้องมาเป็นลูกชายแม่ค้าจนๆอย่างเธอ  ทำงานหาเช้ากินค่ำ  เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังจนกระทั่งมีลูก  ซึ่งก็คือดอกบัวดอกนี้   

“นายเหมืองคะ  แม่รู้ว่าแต่ละคนก็อยู่ในสังคมที่แตกต่างกัน  แม่ดีใจมากแค่ไหนรู้มั้ยที่เห็นว่าสังคมรอบตัวนายเหมืองรับบัวได้  ไม่รังเกียจบัว  ต้อนรับบัวเป็นอย่างดี  ที่สำคัญยังยินดีให้โอกาสความรักของคุณกับลูกของแม่ขนาดนี้  หลังจากนี้ทั้งสองคนคงยังต้องผ่านอะไรไปด้วยกันอีกเยอะ  ทั้งเรื่องที่ทำให้ต้องทะเลาะกัน  ทำให้ต้องเสียใจกัน  แต่แม่ขอร้องนะคะ  ถ้าเมื่อไหร่ที่อีกคนร้อน  ขอให้อีกคนต้องเย็น  ถ้าอีกคนร้องไห้  ก็ขอให้อีกคนกอดปลอบ  ถ้าลูกแม่ผิดหรือดื้อไม่ฟัง  นายเหมืองก็ดุน้องได้  เตือนน้องได้  ส่วนบัวมีอะไรก็ค่อยๆคุยด้วยเหตุผล  อย่าข่มพี่เขา  จะอย่างไรเราก็อาวุโสน้อยกว่า  ต้องให้เกียรติพี่เขานะลูก”  แม่ฝ้ายเอามือของทั้งสองคนมาซ้อนทับแล้วจับเอาไว้ด้วยกัน  ก้มมองมือที่หล่อนจับกันไว้แน่นแล้วเงยมองทั้งคู่อีกครั้ง  ก่อนจะเอ่ยเตือนประโยคสุดท้าย 

“สุดท้ายแล้ว  คนเราเป็นสัตว์สังคม  เราหนีสังคมของเขาไปไม่พ้นหรอก  แม่หลอกตัวเองมานานว่าความรักสำคัญที่สุด  แต่พอมีลูกถึงเพิ่งได้รู้  ว่าความจริงแล้วเราก็ควรจะแคร์สังคมบ้าง  นายเหมืองมีอาชีพการงานที่มีคนนับหน้าถือตา  ส่วนบัวก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคม  ทั้งสองคนมีความรักที่อาจแตกต่างในสายตาของคนอื่น  เราก็ยิ่งต้องทำตัวให้ดีกว่าคนอื่น  อย่าให้เขามาดูถูกความรักของเราได้  ทำให้เขายอมรับในความรักของพวกลูกให้ได้  เอาชนะอุปสรรคของสังคมและทุกๆอย่างด้วยความดีนะลูก ...แม่ขออวยพรให้ลูกของแม่ทั้งสองคนมีแต่ความสุข”

   แม่ฝ้ายเอ่ยอวยพร  แล้วก้มลงสวมกอดทั้งนายเหมืองและครูบัวเอาไว้ในอ้อมกอด  ใจนึกถึงสามีที่ตายตาไม่หลับ  เอ่ยบอกให้ในใจแล้วว่าไม่ต้องห่วงลูก  ไม่ต้องห่วงเรื่องพ่อกับแม่   หล่อนแน่ใจว่าทุกอย่างจะมีแต่เรื่องดีๆ  ความรักของลูกจะไม่เหมือนความรักของหล่อน  มันจะต้องดีกว่าและเต็มไปด้วยความสุขแน่ๆ

“ขอบคุณนะครับแม่”  บัวเอ่ยเสียงเครือ  ไม่รู้ว่าวันนี้เขาร้องไห้ไปมากเท่าไหร่แล้ว  แต่เขาก็ยินดีจะร้องไห้อีกซ้ำๆ  ถ้าสาเหตุของน้ำตาจะมาจากความตื้นตันและความสุขจนจุกอกแบบนี้

“ผมให้สัญญาครับ  เราสองคนจะทำตัวดี  เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง  จะทำให้ความรักของเราเป็นที่ยอมรับของคนรอบข้าง  ไม่มีทางให้ใครมาดูถูกความรักของเราได้แน่ๆ”  นายเหมืองสิงห์ผู้ที่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นตั้งแต่โตมา  วันนี้จะยอมเสียน้ำตาแห่งความสุขไปพร้อมๆกับคนรัก  เขารู้แล้วว่าการได้รับการยอมรับจากคนที่รักและคนรอบข้างมันเป็นอย่างไร  เขารู้สึกแข็งแรง  รู้สึกหัวใจพองโต  รู้สึกมีกำลังใจ  และเต็มตื้นอยู่ในอก  มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  แต่เขารู้แค่ว่าไม่ว่าหลังจากนี้จะมีอุปสรรคอีกร้อยแปดพันเก้าผ่านเข้ามา  เขาก็จะจับมือคนในครอบครัวแล้วก้าวผ่านมันไปด้วยกันได้แน่ๆ

“ผมรักบัว  ดอกบัวของแม่จะต้องเบ่งบานอย่างมีความสุขตลอดไปครับแม่”

   เป็นคำมั่นสัญญาที่มาจากใจ  ทั้งแม่ฝ้ายและตัวของบัวเองรับรู้ได้ดี  จากน้ำเสียงที่มั่นคงนั้นของนายเหมืองสิงห์  สุตนันท์...



--------------------------------------------------------------------




   เช้าวันใหม่  บรรยากาศดีๆเริ่มต้นตั้งแต่เช้ามืด  เพราะป้าพุดกับแม่ฝ้ายเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยช่วยกันเตรียมของตักบาตรเช้า  ตอนที่บัวลงมาพร้อมนายเหมืองกับเด็กๆ  ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมไว้เสร็จสรรพ  ที่แปลกตาไปหน่อยก็ตรงที่วันนี้ไม่ได้มีแค่ครอบครัวสุตนันท์  แต่ยังมีครอบครัวคนงานในเหมืองด้วยอีกกว่าสิบคนที่มารอตักบาตรพร้อมกัน  ทุกคนมีแต่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส  และแต่ละคนที่เจอก็เข้ามาทักครูบัวที่ห่างไปพักใหญ่ด้วยรอยยิ้มกันทุกคน

   สองแสบที่มีอาการงอแงเล็กน้อยเพราะถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เริ่มมีอาการตื่นเต้นสดใสเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป  และพลังงานก็กลับมาชาร์จเต็มสตรีมหลังจากได้กินข้าวเช้า  จากนั้นก็โดนรบเร้าให้บรรดาผู้ใหญ่อนุญาตให้พวกเขาไปซนได้ตามอัธยาศัย  แล้วค่อยเรียกรวมพลกลับบ้านมาอีกทีตอนยายแม่ฝ้ายทำขนมเสร็จ  ซึ่งผู้ใหญ่ที่รู้แกวอยู่แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร  สองแสบเลยได้ทีแท้กทีมกันวิ่งจู๊ดเข้าไปเล่นที่เดิม  ซึ่งนั่นก็คือที่ทำงานของพ่อเขานั่นเอง

   วันนี้บรรยากาศการทำงานค่อนข้างแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย  เพราะคนทำงานผู้หญิงไม่ค่อยมี  ส่วนใหญ่ไปรวมกันอยู่ที่โรงครัว  เพื่อเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงตอนเย็นวันนี้กันหมด  พวกผู้ชายที่เข้ากะตามเวลาก็ทำงานกันอย่างเต็มสตรีม  เพราะมีของล่อลวงเป็นน้ำเปลี่ยนนิสัยปริมาณไม่อั้นเป็นตัวล่อใจอยู่ในตอนเย็น 

   วันนี้ทั้งวันบัววิ่งวุ่นกับการช่วยเตรียมงาน  แม้ว่าทุกคนจะบอกให้เขาอยู่เฉยๆเพราะงานนี้เป็นงานเพื่อนเขาเอง  แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆที่จะต้องช่วย  ส่วนแม่ฝ้ายนั้นอยู่ช่วยป้าพุดทำขนมเลี้ยงเด็กๆ  แล้วก็ช่วยหยิบจับเตรียมสถานที่อยู่ที่บ้าน  ถามป้าพุดแล้วแกว่าเป็นงานเลี้ยงของคนในเหมืองอยากทำให้  งานง่ายๆ กินกันเต็มที่  เต้นกันเต็มเหนี่ยว  มีพิธีการแค่ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ชาวเหมืองเขานับถือมาผู้ข้อไม้ข้อมือให้ 

   พอช่วงบ่ายคล้อยค่อนเย็นก็เริ่มจัดเตรียมสถานที่กันเสร็จเรียบร้อย  มีเครื่องเสียงมาลง  มีเวทียกพื้นเตี้ยๆเขียนข้อความ ‘ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวสุตนันท์’ เขียนเอาไว้  แต่ทำไมบัวรู้สึกบรรยากาศมันคล้ายๆป้ายงานฉลองพิธีมงคลสมรสยังไงแปลกๆ  ดูสีผ้าสิ  มีแต่ขาวกับชมพู  สีพาสเทลก็มาจัดเต็มตั้งแต่ไฟประดับต้นไม้  ยันสีบัวลอยของในหม้อดินเผา  ขนาดขวดน้ำอมฤตยังถกห่อด้วยกระดาษสาสีหวานจ๋อย  ไม่รู้เป็นเพราะงานนี้มีเด็กลูกคนงานเข้าร่วมสนุกด้วยหรือเพราะแค่อยากให้เข้ากับธีมงานก็ไม่รู้

   งานเริ่มด้วยการเชิญพ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่เป็นที่นับน่าถือตาในเหมืองมาอวยชัยให้พร  ผูกข้อไม้ข้อมือรับขวัญทั้งตัวของบัวแล้วก็เผื่อแผ่มาที่สองแสบแถมพ่อของพวกเขาด้วย  งานนี้โดนกันหมดทั้งลุงเกรียง  ป้าพุด  หรือแม้แต่แม่ของบัวก็ให้เป็นคนช่วยผูกข้อมือ  แต่ละคนก็มีชอบมีคำอวยพรตบท้ายแปลกๆ  อย่าง  ‘ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง’  ไม่ก็  ‘ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร’  อะไรประมาณนี้  บัวคิดว่ามันเป็นคำติดปากของคนเฒ่าคนแก่เวลาอวยพรลูกหลานล่ะมั้ง

   เสร็จจากนั้นก็มีการเชิญนายเหมืองกับบัวขึ้นไปกล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆบนเวที  แล้วก็มีการบรรเลงเพลงเก่าๆยุคสุนทราภรณ์และจังหวะเร้าใจเป็นการเปิดฟลอร์  และคู่เต้นเปิดฟลอร์ก็ไม่ใช่นายเหมืองกับบัวหรอกนะ  โน่นเลย  ลุงเกรียงกับป้าพุด  โชว์จังหวะลีลาศเท้าไฟเสียจนวัยรุ่นยังอาย  จากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานก็วนกันตักอาหาร  บ้างก็สลับกันขึ้นไปร้องเพลง  พอเริ่มกรึ่มๆหน่อยก็มีการแจกของขวัญด้วย  ซึ่งคนเป็นโต้โผในการแจกของในครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน  เจ้าของเหมืองผู้ใจป้ำ  จัดของมาแจกกันแบบเต็มที่มาก  มีตั้งแต่สมุด ปากกา  ยันรางวัลใหญ่เป็นทีวีจอแบนกับเครื่องซักผ้าและเตาปิ้งย่างอีกต่างหาก  ชาวเหมืองเฮละโลลุ้นกันใหญ่ว่าของแต่ละชิ้นจะจับได้ชื่อใคร

   ป้าที่ได้หม้อหุงข้าวไปถึงกับร้องไห้ตอนที่บัวมอบของให้  แกว่าของแกเพิ่งโดนหลานทำพังไปเมื่อวานนี้เอง  ส่วนลุงที่ได้รางวัลใหญ่เป็นทีวีจอแบนแกถึงกับทิ้งขวดน้ำเปลี่ยนนิสัยแล้วรีบรำออกมารับเลยของเลยทีเดียว  นายเหมืองสิงห์แอบกระซิบกับบัวว่า  ถือเป็นการแจกของขอบคุณที่ทุกคนช่วยกันทำงานแล้วก็ลงทุนลงแรงช่วยกันตามหาบัวก่อนหน้านี้  แม้ทุกคนจะทำให้ด้วยใจแต่ถึงอย่างไรก็ควรจะมีสินน้ำใจตอบแทนพวกเขาด้วย  บัวจึงลงทุนปิดท้ายมหกรรมแจกของขวัญด้วยการขอก่อตั้งเป็นสวัสดิการกองทุนสมทบทุนการศึกษาให้ลูกหลานชาวเหมือง  ด้วยเงินเริ่มต้นของตัวเองที่ห้าพันบาท  แล้วถูกสมทบทุนด้วยนายเหมืองอีกหนึ่งเท่า  แล้วก็มีการรวบรวมเงินคนละเล็กละน้อยจากหัวหน้าคนงาน  แล้วก็คนงานเหมืองได้มาอีกสี่พันกว่าบาท  สรุปยอดเริ่มต้นได้หมื่นกว่า  ทั้งตัวของบัวเองและบรรดาคนงานเหมืองต่างก็ร้องเฮด้วยความดีใจ  พวกเขาหลายครอบครัวที่มีลูกมีหลาน  นายเหมืองก็มีช่วยเหลือบ้างเป็นรายๆไป  แต่ก็ไม่เคยมีใครคิดจะก้าวเข้ามาดูแลเรื่องพวกนี้อย่างจริงจัง  ทั้งๆที่เด็กพวกนี้พอโตขึ้นไปส่วนใหญ่ก็กลับมาช่วยงานที่เหมืองกันทั้งนั้น  ดูอย่างเช่นนายเม่นเป็นต้น  ถึงจะเรียนไม่เก่งแต่อยู่ที่นี่อย่างน้อยก็มีงานทำ  มีข้าวให้กิน  มีที่อยู่  เจ้านายก็ดี  สวัสดิการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ  ครอบครัวคนงานส่วนใหญ่จึงช่วยทำงานกันมารุ่นสู่รุ่นกันทั้งนั้น

   สรุปงานในค่ำคืนนั้นมีแต่ความอิ่มเอม  สนุกสนาน  อิ่มหนำสำราญทั้งอาหารการกินและความสุข  เกมส์ที่จัดขึ้นหน้างานก็ยิ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์ของสมาชิกชาวเหมืองให้แน่นแฟ้นขึ้น  พวกเขาเล่นงูกินหาง  มีนายเหมืองเป็นพ่องู  ส่วนบัวก็โดนลากไปเป็นแม่งู  ใครอยู่ข้างใคร  เป็นแฟนคลับใครก็ไปต่อหลังคนนั้น  สองแสบแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันชัดเจน  ไทกอนไปเกาะเอวพ่อ  ส่วนไลเกอร์มาเกาะเอวครูตาหวาน  ช่วยฮึ่มแฮ่ใส่กันยามที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องวิ่งหนีเพื่อปกป้องลูกทีมของตัวเองให้ได้  แน่นอนว่าคนร่างกายแข็งแรงมือยาวอย่างนายเหมืองสามารถคว้าลูกทีมบัวไปเก็บฝั่งตัวเองได้เพียบ  บัวเลยต้องยอมยกธงขาวแห่งความพ่ายแพ้ขึ้น  แล้วเดินไปรับการลงโทษด้วยการยอมกรอกยาดองที่ถูกโฆษณาว่าใครได้กินเป็นได้แข็งแรงฟิตปั๋งโด่ไม่รู้ล้มลงคอไปหนึ่งเป๊กเพียวๆ  คนตั้งใจมอมครูบัวให้นายเหมืองเฮละโลตบบ่านายเหมืองให้กำลังใจกันใหญ่  เตือนว่าคืนนี้ให้เบามือหน่อย  เพราะในบ้านมีทั้งแม่เมียแล้วก็ลูกๆ  นายเหมืองหูแดงเถือกไล่เตะลูกน้องเรียงตัวหลบกันแทบไม่ทัน

   บัวหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้  ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองกลับมานอนบนเตียงนุ่มๆได้อย่างไร  ที่ยังจำได้ในสมองเป็นสิ่งสุดท้ายคือรอยยิ้มแห่งความสุขของตัวเอง  และรอยจูบอุ่นๆที่ขมับ  แล้วสติที่เคยมีของบัวก็วูบดับไป

   


ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
       เช้าวันต่อมาคนแฮ้งค์กันแทบทั้งเหมือง  มีแต่พวกผู้หญิงที่ออกมาเก็บศพพวกผู้ชายที่ปล่อยตากน้ำค้างกันไว้ในตอนเช้าตรู่  คนเฒ่าคนแก่ก็ออกมาทำกิจวัตประจำวันกันตามปกติ  ส่วนพวกคนหนุ่มคนสาวส่วนมากกว่าจะฟื้นกันก็ปาไปช่วงบ่าย  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบัวกับนายเหมืองที่ฟื้นขึ้นมาในช่วงใกล้ๆกัน  บัวอายหน้าแดงเมื่อเห็นสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยของตัวเองกับนายเหมืองบนเตียงในห้องใหญ่ของนายเหมือง  ซึ่งนี่เท่ากับว่าเมื่อคืนนี้แม่เขาคงจะต้องนอนคนเดียว  และไม่ต้องเดาเลยว่าวันนี้บัวจะเข้าหน้าแม่ติดหรือไม่ที่แค่คืนที่สองเขาก็ปล่อยให้แม่ต้องนอนคนเดียวเสียแล้ว

“อ๋อ  ไม่เป็นไรหรอกลูก  บ่าวสาวเข้าห้องหอเขาก็ไม่ให้ออกจากห้องจนเช้าอยู่แล้วจ่ะ  แต่นี่บ่ายแล้วนะ  กินอาหารเช้าเลยมั้ยลูก” 

   โอ๊ยยยย บัวอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี!  ท่าทางแม่เขาจะอินกับงานเลี้ยงเมื่อคืนมากเกินไปแล้ว

“เอาน้ำขิงไปให้นายเหมืองหน่อยไปจะได้ตื่น  เมื่อคืนเขาพาหนูไปนอนแล้วก็ยังลงมาช่วยเคลียร์งานต่ออีก  คงกลับไปนอนดึกน่าดู”  แม่เขาเอ่ยสำทับพร้อมทั้งยัดแก้วน้ำขิงอุ่นๆมาให้ในมือ

“เอายาแก้ปวดไปเผื่อด้วยเลยนะคะครูบัว  เมื่อคืนนายเหมืองดื่มแทนคุณไปเสียเยอะน่าจะน็อคยาวล่ะค่ะ”  ตามมาด้วยป้าพุดที่หยิบกระปุกยากับน้ำเปล่าที่ใส่ขวดเล็กมาให้แถม 

“พี่พุดจ๊ะ  เราไปดูเด็กๆกันเถอะ  ป่านนี้เล่นแต่เกมส์ไม่ยอมอาบน้ำทีละมั้ง”  แม่ฝ้ายชวนป้าพุดฤทัยไปดูสองแสบข้างบน  มีการจับมือจับไม้สนิทสนม  เมื่อวานตอนช่วยกันทำขนมบัวก็เห็นเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย  หยิบของทำงานกันด้วยเสียงหัวเราะทั้งวัน

“ไปค่ะ  ปล่อยบ่าวสาวเขาพักไปเนอะ  งานแต่งเมื่อวานจัดหนักจัดเต็มกันไปซะขนาดนั้น”  พูดจบยังมีมายักคิ้วหลิ่วตาใส่บัว 

   นี่ว่าแค่แม่บัวก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดดินรูไหนแล้วนะ  เจอป้าพุดฤทัยชงซ้ำเห็นทีเขาคงได้หนีไปเอาหน้าซุกเขาพระสุเมรุเสียแล้วล่ะ

   บัวเดินเซๆกลับขึ้นห้องไปทั้งสภาพเสื้อนอนติดกระดุมไม่ตรงรังกับกางเกงขายาวย้วยๆ  และเพิ่งจะตระหนักได้อีกอย่างว่าสภาพที่เขาสะโหล๋สะเหล๋ลงไปข้างล่างนั้นคือเขาอยู่ในชุดนอนนายเหมืองทั้งชุด  สภาพผมเผ้าฟูฟ่อง  และใบหน้าแดงเถือก 

   หนอย  เจ้าทศกัณฑ์  พ่อจะเล่นให้กลับกรุงลงกาไม่ถูกเลยคอยดู!

“นายเหมือง!  ตื่นเดี๋ยวนี้!!! ใครใช้ให้เอาบัวกลับมาห้องนี้เล่า  แล้วมีสิทธิ์อะไรมาถอดเสื้อผ้าบัว  นี่!  นายเหมืองครับ! ตื่น!”  ปากเรียกไปมือก็เขย่าร่างหนาหนักที่นอนหันหลังเข้าผนัง  พอเจ้าตัวรำคาญเสียงบัวหนักเข้าก็เอาหมอนมาอุดหูแล้วยิ่งเขยิบไปใกล้ผนังขึ้นอีก

“หนวกหูน่าบัว  พี่ขอนอนต่ออีกหน่อยเถอะ”

“ไม่ได้  พี่รู้มั้ยว่าทำบัวขายหน้าแม่แค่ไหนอ่ะ  แม่เห็นบัวในชุดพี่  แล้วก็โดนป้าพุดแซวว่าเมื่อคืนเป็นงานแต่งของเราสองคนอีก  โอ๊ยยยย นี่บัวทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย  ตื่นเลยนะ  มาฟังบัวบ่นก่อน”

“อย่าง้องแง้งใส่พี่แต่เช้าน่าบัว  คนยิ่งปวดหัวอยู่  เดี๋ยวพี่ปล้ำนะ”

“แล้วเมื่อคืนพี่ไม่ได้ทำหรือไงเล่า”  บัวพูดเองก็หน้าแดงเอง  เอาตัวไปนั่งคล่อมลงบนสะโพกของคนที่นอนคะแตงข้างหันหน้าเข้าผนังอย่างไม่เจียมตัว  เขาจะต้องลากนายเหมืองมาสำนึกผิดด้วยกันให้ได้  เรื่องอะไรจะรู้สึกอายอยู่คนเดียว

“ก็ไม่ได้ทำน่ะสิ  ไม่เห็นหรือไงว่ากางเกงในก็ยังอยู่  พี่แค่ถอดเสื้อกับกางเกงให้บัวเอง  คนมึนขนาดนั้นจะเอาแรงที่ไหนไปปล้ำคนอื่นฮ๊ะ  พี่ก็คนนะบัวไม่ใช่โคถึก” 

“เอ้า  ก็เหมือนนี่”  บัวเอามือไปประกบสองข้างแก้มเย็นๆของคนที่ยังทำนอนหลับตาแต่พูดตอบโต้เขาได้เป็นฉากๆ  “ภาพพจน์บัวเละหมดแล้วรู้บ้างมั้ย  แม่กับป้าพุดคงคิดว่าบัวเป็นคนติดแฟนขนาดหนักแน่ๆ  แล้วบัวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย  โอ๊ยยย”

“ไว้ที่เดิมแหละครับ  แต่ช่วยย้ายก้นลงไปไว้ที่อื่นก่อนได้มั้ย  มันตั้งแล้วเนี่ยเห็นมั้ย  บอกอยู่ว่าอย่ามาโวยวายอย่ามาใกล้คนเพิ่งตื่น  เตือนแล้วไม่ฟัง”

“เฮ้ย  เดี๋ยวๆ” บัวสะดุ้งโหยง  โคหน้าด้านหน้าไม่อายพลิกตัวนอนหงายอย่างรวดเร็ว  และถึงปากจะบอกให้บัวย้ายก้นไปที่อื่นแต่มือกลับคว้าจับข้อมือบัวแน่น  ทำให้ตอนนี้โพสิชั่นร่างกายมันค่อนข้างจะน่าหวาดเสียวอยู่ซักหน่อย  บัวไม่สามารถนั่งทับลงไปบนร่างกายนายเหมืองได้เต็มๆก้นเลย

“ไม่เดี๋ยวแล้ว  อยากให้ตื่นก็จะตื่นให้  แต่เป็นอย่างน้องชายพี่นะที่ตื่น” 

“หนะ...นายเหมือง  มะ...ไม่เอาแล้ว  อยากนอนก็นอน  บัวไม่กวนแล้ว”

“ไม่ทันแล้วคนดี”  ใบหน้าคนเพิ่งสร่างเมาและเพิ่งตื่นหรี่ตามองคนที่มาก่อกวนเขาด้วยแววตาระยิบระยับ  พริบพราวด้วยความหื่นที่ไม่คิดปิดบัง  จนขนาดนี้แล้วบัวยังทำเป็นหน้าบางกับแม่กับป้าพุดอยู่ได้  ถ้าได้รู้ว่าเมื่อคืนพอเมาแล้วตัวเองมาเลื้อยพันแข้งพันขาใส่เขาทั้งงาน  มิกระโดดหน้าต่างเอาหัวโหม่งโลกไปเลยหรือไง

   อย่างนี้มันต้องเล่นเสียหน่อย  เดี๋ยวจะหาว่าไม่แน่จริง

“อยากอยู่ข้างบนก็อยู่ข้างบนให้ตลอดนะบัว  บอกเลยว่าถ้าพี่น้ำไม่แตกไม่ต้องลงมานะ” 

“นายเหมือง!  พูดจาลามก!”  คนโดนสั่งห้ามลงมาตีเพี๊ยะเข้าที่กล้ามอกสีแทนสวย  นายเหมืองไม่นิยมใส่เสื้อนอนมาแต่ไหนแต่ไร  เป็นพวกมั่นอกมั่นใจในสรีระร่างกายของตัวเองอย่างแรงกล้าเลยทีเดียว

“ก็ลามกกับเมีย  พี่พูดไม่ได้หรือไง”  แน่ะ  พูดแล้วมีลอยหน้าลอยตาใส่  อยากจะเอาสก็อตเทปมาปิดปากนัก  แต่ติดที่มือของบัวตอนนี้มันไม่ว่างน่ะสิ  มันถูกบังคับลากให้ไปทักทายเจ้าน้องชายตัวแสบของคนที่เพิ่งหายแฮ้งค์ 

   ไม่น่าเลยจริงๆเจ้าบัว  ไม่น่ามาวอแวกับนายเหมืองแบบนี้เลยจริงๆ

“อ๊ะ...นายเหมือง  ไม่เอาท่านี้ได้มั้ย”

“ไม่ได้  ลงโทษที่มาก่อกวนผัวแต่เช้า  ก็รับกรรมไปซะ”

“ฮื้อ...นายเหมือง  อ๊ะ  อืม...ไม่..เอา  อ๊ะ...”

“ชู่ว...  เบาๆหน่อยคนดี  เดี๋ยวลูกได้ยินนะ”  โอ่ย  แค่จะปิดปากบัวทำไมไม่ใช้นิ้ว  ใช้ปากตัวเองมาปิดทำไม 

“ก็ปล่อยบัวสิ  เดี๋ยวใช้มือทำให้  แต่ไม่เอาข้างบน”  บัวพูดไปก็หอบไป  คนข้างล่างเขาเด้งเอวใส่ขยับไม่หยุดเลย

   รู้แล้วว่าเอวดียิ่งกว่ากระทิงปลอมตามงานวัดเสียอีก  แต่ไม่ต้องโชว์กันแบบนี้ก็ได้  รอเวลาให้ค่ำกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้

“ไม่เอา  เสียชาติเกิดหมด  เสร็จใส่มือเนี่ยนะ  เสียดายลูกๆพี่หมด  เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว  ถ้าอยากหลุดไปจากตรงนี้ก็จัดการซะ  พี่ช่วยแล้ว  ที่เหลือเป็นหน้าที่เราแล้วครูตาหวาน  ขยับให้เต็มที่ไปเลย”

“อื๊อ  นาย...ไม่เอา  อย่า..ขยับ  อ๊า...มันยัง...ฝืด”

“ไม่แล้วนะคนดี  ขยับเอวดูก่อนสิครับ  ค่อยบ่นนะ” 

   หนอย...ใช่สิ  ตัวเองมีหน้าที่แค่นอนเฉยๆนี่นา  ไม่ใช่คนมาขยับแบบบัวเสียหน่อย  บัวนึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปก็พยายามขยับก้นไป  พอเริ่มเข้าที่เข้าทางก็คิดแต่ว่าทำยังไงก็ได้ให้นายเหมืองเสร็จเร็วที่สุด  เขาหลับหูหลับตาขยับไปตามที่ตัวเองพอจะทำเป็น  ดีไม่ดีไม่รู้แต่อีกฝ่ายเกร็งใส่เขาเป็นพักๆเขาก็ถือว่ามันคงไม่เลวล่ะนะ

   และแล้วรอบแรกก็ผ่านไป  ทิ้งไว้แค่ความปวดเอวของคนที่ต้องยอมขยับอยู่ฝ่ายเดียว  บัวคิดว่ามันจะจบแล้วเชียว  แต่เขาก็ไม่เคยจำได้สักที  ว่าไม่มีทางที่นายเหมืองจอมอึดจะยอมหยุดแค่ที่รอบเดียว  ชายหนุ่มที่ยังมีแรงเหลือเฟือพลิกร่างกลับไปเป็นผู้นำเกมส์  แล้วก็จัดการโหมซัดพาคนรักตัวขาวไปแตะขอบสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำอีก  สรุปว่าน้ำขิงแก้วนั้นก็กลายเป็นหม้ายไป  เพราะนายเหมืองได้ยาคลายอาการแฮ้งค์ตัวใหม่ที่ได้ผลดีกว่าน้ำขิงแก้วนั้นเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว



------------------------------------------------------------------------------


   หนึ่งปีผ่านไป...

   ผลการสอบบรรจุออกมาเกินความคาดหมายมาก  เพราะบัวสามารถคว้าคะแนนอันดับหนึ่งในสาขาวิชาที่ตัวเองสอบมาครองได้สำเร็จ  มีสิทธิ์ได้เลือกโรงเรียนใหญ่ๆที่มีชื่อของจังหวัดเป็นคนแรก  แต่ทุกคนกลับงงเป็นไก่ตาแตกเมื่ออันดับหนึ่งขอสละสิทธิ์อันแสนโชคดีนั้น  ไปอยู่โรงเรียนประจำตำบลนอกเขตเมืองไปไกลแทน  แต่เจ้าตัวก็ตอบคำถามเพื่อนๆและกรรมการบรรจุไปว่าเพราะมันใกล้บ้าน  เขามีแม่ที่ต้องดูแล  และเขาพอใจแล้วที่จะได้ไปบรรจุในโรงเรียนขนาดกลางแทนที่จะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ตามที่เขาสมควรจะเลือก

   ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านไปนั้น  บัวอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าตัวคนเดียว  ตอนแรกแม่เขาอยากจะขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อน  แต่บัวขอให้แม่อยู่ที่เหมืองรอเขากลับไปดีกว่า  เขาไม่อยากให้แม่มาอยู่เหงาๆเฝ้าเขาในกรุงเทพฯ  เพราะตอนกลางวันเขาก็ต้องไปสอนเด็ก  กว่าจะได้กลับบ้านก็ห้าหกโมงเย็น  ตอนกลางวันแม่ก็คงไม่ยอมอยู่เฉยหาทางทำงานทำเงินเองอีก  แต่บัวอยากให้แม่ได้พักบ้าง  เขาเห็นแล้วว่าตอนที่แม่อยู่บ้านนายเหมืองนั้นแม่มีความสุขมาก  แม่มีป้าพุดเป็นเพื่อนคุย  มีหลานวัยซนให้เลี้ยงสองคน  แถมแม่กับป้าพุดยังชวนกันทำขนมเล็กๆน้อยๆส่งขายในตลาดแถวบ้าน  หาเงินมาเป็นค่าขนมให้หลานๆกันอีก  นายเหมืองก็พอได้เบาแรงเรื่องเลี้ยงลูก  เพราะตอนนี้สองแสบติดคุณยายแจ  อวดใครต่อใครไปทั่วว่าพวกเขามีคุณยายที่ทั้งสวย ทั้งใจดี ทำขนมก็อร่อย  มีแต่เรื่องดีกับดี  แม่ไม่ควรมาอยู่เหงาๆกับเขาที่กรุงเทพฯจริงๆ

   แล้วพอถึงช่วงวันหยุดยาวหลายๆวันบัวก็จะจองตั๋วกลับบ้าน  ใช้เวลาเก็บเกี่ยวเติมพลังงานกับครอบครัวที่เหมือง  แล้วก็กลับมาสู้งานในเหมืองหลวงต่อ  ส่วนนายเหมืองนั้นช่วงแรกๆก็นั่งเครื่องบินบินมาหาเขาแทบทุกอาทิตย์  จนสมัครสมาชิกสะสมไมล์ไปได้เพียบ  มาช่วงหลังๆนี่แหละที่บัวบอกให้เพลาๆลงบ้าง 

   นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องดีๆตามมาอีกอย่าง  เมื่อตอนช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมา  ครอบครัวของบัวตกลงกันจะขึ้นเหนือไปกราบเจ้าย่ากัน  เด็กๆออกอาการดีใจอย่างออกนอกหน้า  ส่วนแม่ฝ้ายนั้นค่อนข้างเกร็งและไม่ค่อยมีรอยยิ้มสักเท่าไหร่ตอนขาไป  ทว่าเมื่อไปถึง  ทุกคนที่รู้เรื่องครอบครัวของบัวถึงกับตะลึง  เมื่อเจ้าย่าเดินเข้ามาหาแม่ของบัว  แล้วยกมือขึ้นสวมกอดแม่ของบัวต่อหน้าทุกคน

   แม่ฝ้ายปล่อยโฮออกมายกใหญ่  ก้มตัวลงกราบเจ้าย่าแทบตัก  ขอขมาลาโทษกับเรื่องต่างๆที่เคยทำให้ครอบครัวเจ้าย่าเสียใจ  และบอกว่าพ่ออยากจะกลับมากราบขมาพวกท่านมาตลอด  แต่ก็มาป่วยจนต้องจากไปเสียก่อน  จนก่อนเสียพ่อของบัวก็ยังกอดรูปของเจ้าปู่เจ้าย่าเอาไว้แนบอก  เฝ้าบอกเธอให้มาขอโทษแทนให้ได้  ลูกสะใภ้กับแม่ผัวที่เพิ่งได้ปรับความเข้าใจกันพากันกอดแล้วก็ร้องไห้ใส่กันไปยกใหญ่  พาลเอาบัวที่ยืนตื้นตันใจอยู่ใกล้ๆสะอื้นไห้ไปด้วย  จนนายเหมืองต้องเอามือมาโอบเอาคนรักไปกอดแนบอก  แล้วเอ่ยบอกบัวไปว่า  สลักหัวใจความรู้สึกผิดสุดท้ายของบัวคงปลดออกได้แล้ว  หลังจากนี้บัวก็คงจะมีความสุขได้อย่างเต็มที่  ไม่ต้องพะวกพะวนกับเรื่องของครอบครัวใดๆอีก

   พวกเขาอยู่ฉลองปีใหม่กันที่สวนเจ้าย่าด้วยความชื่นมื่น  ป้าพุด  ลุงเกรียง  นายเม่นที่ไม่เคยได้มารอบที่แล้วถึงกับตื่นตกใจมากที่ได้รับรู้ว่าครอบครัวฝั่งคุณย่าของครูบัวนั้นมีเชื้อสายเจ้าทางเหนือ  มีอาณาเขตบ้านกว้างใหญ่ไพศาล  แล้วไหนจะยังศักดิ์ฐานะของครูบัวที่สวนแห่งนี้ ที่ใครๆต่างก็พากันทำความเคารพครูบัวแล้วก็เรียก  ‘เจ้าบัวสวรรค์’ กันอย่างพินอบพิเทา  นายเม่นนั้นแทบจะก้มลงกราบเบญจางคประดิษฐ์ใส่ครูบัวเลยทีเดียวที่รู้เบื้องลึกของครอบครัวครูบัวแบบนี้   

“บัว  เก็บของเสร็จหรือยัง  กระเป๋าสุดท้ายนี่พี่พาลงไปก่อนนะ” 

   วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่บัวจะอยู่อาศัยที่กรุงเทพ  ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป  เขาจะกลายเป็นคนย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากใหม่อยู่ที่ใต้  อยู่กับครอบครัวที่เขารัก  อยู่กับคนที่บัวรักทุกๆคน

“ขอบคุณนะครับ  ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย”  บัวหันไปยิ้มให้คนรัก  เขาสะพายกระเป๋าผ้าที่มีเอกสารประกอบการสอนของเทอมที่ผ่านมาขึ้นบ่า  มันเป็นของที่เขาแยกไว้แล้วว่าต้องใช้สอนเด็กอีกครั้งในเทอมหน้านี้

“พูดแปลกๆ  บัวพูดขอบคุณพี่มาเป็นรอบที่ห้าแล้วนะ”  นายเหมืองขมวดคิ้ว  มองคนที่เข้ามาเกาะแขนเขาแล้วซบแก้มลงบนไหล่เขาเบาๆ

“ก็ไม่มีคำพูดอื่นที่มันดีกว่าคำว่าขอบคุณแล้วนี่”  ครูบัวเอ่ยบอก  วันนี้ถึงจะเสียใจที่ต้องจากลาเด็กๆที่เขาได้สอนมาหนึ่งปีเต็ม  แต่อีกใจก็รู้สึกอบอุ่นที่เขาจะได้กลับบ้านเสียที

“ก็ถ้าไม่มีคำพูดจะเอ่ยแล้ว  บอกเป็นการกระทำก็ได้นะ  หอมแก้ม  จูบ  หรือจะปล้ำพี่เลยก็ได้  เวลายังพอมีอยู่”

“นายเหมืองนี่! หื่นจนวินาทีสุดท้ายเลยนะ”

“เอ้า  แล้วผิดตรงไหนล่ะ  พี่ก็หื่นกับเมียคนเดียวนี่แหละ” 

“บ้า  ไม่พูดด้วยแล้ว”  จากที่เขินๆอยู่ตอนแรกก็โดนพูดจาลามกใส่จนเขินอายไปหมดแล้วเนี่ย

“เดี๋ยวสิ  เดี๋ยวเรายังต้องเอากุญแจบ้านไปคืนแปะแกด้วยนะอย่าลืม  อ้อ  บิลค่าน้ำค่าไฟเดือนนี้เมื่อกี๊พี่ให้เม่นมันไปจ่ายให้ที่เซเว่นฯแล้วนะ  เผื่อบัวจะยังหา...”

   คนพูดหยุดพูดไปกะทันหัน  เขากำลังหันกลับมาหลังจากชะโงกหน้าไปสำรวจห้องนอนที่ว่างเปล่าเหมือนตอนแรกเข้า  แล้วจู่ๆก็มีคนตัวขาวๆเขย่งปลายเท้าขึ้นมาจุ๊บแก้มเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว 

   นายเหมืองตะลึงมองคนทำที่หน้าแดงแจ๋  สาวเท้าเก้าลงบันไดไปถี่ๆ  คนที่ปกติจะเรียบร้อย  น่ารัก  ขี้อาย  แล้วก็ชอบคีพลุกตัวเองต่อหน้าคนอื่นอยู่แทบจะตลอดเวลา  ...กล้ามาเป็นฝ่ายจุ๊บเขาก่อน

   ...ฟ้าจะถล่มดินจะทะลาย  นายเหมืองจะตายวันนี้ก็ไม่เสียใจแล้วโว้ย!...

“บัว!  บัว!  เดี๋ยวสิ  อย่าเพิ่งไป  เมื่อกี๊พี่ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย  หน้าพี่ด้าน  พี่ขออีกทีเน้นๆได้มั้ยบัว  บัวครับ!”

   ตะโกนไปเถอะนายเหมือง  ตะโกนให้ตายยังไงก็อย่าหวังว่าวันนี้ครูบัวแกจะยอมให้อีก  หมดโควตาความหวานสำหรับวันนี้แล้ว

   เขาบอกว่าการจะฝึกสิงโตเจ้าป่าให้เชื่องได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก

   แต่สำหรับบัวแล้ว  เขาคิดว่ามันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นนะ 

        ก็เขาน่ะ  ค้นพบวิธีการฝึกที่ได้ผลมากร้อยเปอร์เซ็นต์เข้าน่ะสิ

        ก็แค่เอาน้ำผึ้งหย่อนให้กินวันละหยดสองหยด  อารมณ์เหมือนเอาขนมแมวเลียให้แมวกินทุกเช้าจนติด 

        แค่นั้นเจ้ายักษ์ตัวใหญ่หน้าด้านแต่ใจบางก็ไปไหนไม่รอดแล้ว

        แล้วคุณล่ะครับ  มีวิธีการฝึกเจ้าตัวใหญ่ที่บ้านด้วยวิธียังไงบ้าง...ถ้ามันไม่ค่อยได้ผล  ก็ลองใช้วิธีนี้ดูได้นะ

        เติมความหวานให้กันวันละนิด  ป้อนความใกล้ชิดให้กันวันละหน่อย 

        หมั่นซักรีดความรักให้มันบ่อยๆ  เพื่อที่มันจะได้สดใสอยู่กับ ครอบครัว ของคุณไปนานๆยังไงล่ะครับ   



                                                                                                                                                  End

------------------------------------------------------------


:mew1: :pig4: ขอบพระคุณนักอ่านทุกๆท่านเลยค่ะ  :pig4:   :mew1:

แก้วปั้ณณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2017 19:12:12 โดย dek-zaal3 »

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
แง้งงง จบแล้ว สนุกมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณผู้แต่งมากเลยนะคะ  :mew1:

 :man1:  :กอด1:  :pig4:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ชอบเรื่องนี้มาก ดีใจที่ได้อ่านจนจบ ขอบคุณคนแต่งมาก ๆ ๆ

ออฟไลน์ b2friend

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ต้องขอกลับไปอ่านตั้งแต่ต้นอีกรอบ

แต่จบแล้วดีใจมากค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น่ารักมากเลยยยย รอตอนพิเศษน้าา

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
มีความสุขกันทุกฝ่ายเลยน้าา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
จบได้แบบเคลียร์ชัด จัดเต็มเรื่องคุณแม่บัว นายเหมืองก็หื่นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ  :-[

 :pig4: :L2: รอตอนพิเศษ  รอตอนพิเศษต่อไป

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ป้าแก่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ


ตอนแรกนึกว่าจะไม่จบเสียแล้วแอบเสียดายอยู่เพราะหายนานมาก
แต่ก็แต่งจนจบจนได้ รักคนแต่ง รักนิยายเรื่องมากๆ


               :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
จบแล้ววววววว โอ้~~~~~ มาย~~~~~~ ก๊อดดดดดด~~~~~~  ในที่สุดก็จบจนได้กับ 5 ปี ที่รอคอย ฮืออออออ แม่ขานิยายเรื่องนี้จบแล้วค่ะแม่!!! 5 ปีของหนูสิ้นสุดลงแล้ว  :hao5:  :hao5:  :hao5:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
จบแล้ว ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อิ่มอุ่นสุดๆ

ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขอบคุณมากๆค่ะ ได้อ่านจนจบเรื่องแล้ว สบายใจสักที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
หวานเว่อร์ ครอบครัวสุขสันต์มากๆ อิจฉา

 :pig4:

ออฟไลน์ Kkookai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จบแล้ว...เสียใจนิดหน่อย...แต่สนุกมาก...ตามกันมานาน

ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จบแล้ว..แต่อารมณ์ยังไม่จบตามเลย..ขอตอนพิเศษจักหน่อยได้มั้ย..คิดถึงสองแสบอยู่  :mew1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตอนจบ ตามกันยาวนานจริงๆ  :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Happy Ending ดีใจกับทุกคนที่มีความสุขนะคะ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
    :pig4:    ดีใจกับนักเขียนด้วยนะค่ะสำหรับนิยายเรื่องนี้ที่จบลงไปสนุกมากค่ะ  :pig4:
ตั้งแต่เริ่มแรกที่ติดตามอ่านกันมาและตามอ่านกันมานานมากๆ อิอิ เนื้อหาสนุกทุกตอนค่ะถึงจะนานๆครั้งมาลงแต่ก็เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสนุกจนไม่ลืมตอนก่อนๆเลยค่ะกลับมาอ่านตอนใหม่ได้ไม่ติดขัดเลยค่ะ
      เนื้อเรื่องดำเนิดไปแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่เร่งรัดในความสัมพันธ์จนเกินไปจนรู้สึกว่ารักกันแล้วผูกพันธ์กันง่ายไป
 แต่ในเรื่องนี้ใช้วิธีสร้างสถาณการณ์ให้ตัวนายเหมืองและครูบัวต้องเจอกับอะไรที่เกินคาดและผ่านมันมาด้วยดีด้วยความรักของทั้งสองคน
      และที่ขาดไม่ได้จะว่าเป็นสีสันของเรื่องก็ไม่แปลกค่ะสองเสือแห่งเหมือไงค่ะน่ารักมากค่ะมีความซนตามนิสัยแต่ถ้ารักใครก็จะเชื่อฟังอ่านไปนึกถึงนิสัยแมวเลยค่ะดื้อมากซนมากบังคับเค้าก็ไม่ได้แต่บทจะดีจะอ้อนก็น่ะใจอ่อนตามระเบียบค่ะ
      แอบใจหายนะค่ะที่นิยายที่ตามอ่านมานานจบลงไปแล้วแต่จะกลับมาอ่านเรื่อยๆค่ะ......รักค่ะ :pig4: :pig4: :L1: :L1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ตามมานาน ในที่สุดก็จบแล้ว ดีใจที่ได้มาอ่านเรื่องนี้ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด