บทที่ 2
เช้าวันต่อมา เขากับนภัทรก็ยังคงต้องเจอหน้ากันในห้องเรียนเช่นเดิมเหมือนทุกวัน ฝ่ายนั้นไม่ยอมมองหน้าเขาเลย คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานนี้นั่นเองที่เขาไปกวนโทสะอีกฝ่ายจนโกรธหน้าดำหน้าแดงเสียขนาดนั้น จนถึงขนาดจะเรียกตัวเขาไปคาดโทษในห้องกรรมการนักเรียนเลยทีเดียว
ชั่วโมงพักกลางวันของวันนี้มาเร็วเหลือเกินในความคิดของวิศรุต เมื่อเสียงออดหมดเวลาเลิกเรียนคาบเช้าดังขึ้น เพื่อนในห้องต่างพากันกระวีกระวาดรีบลุกจากโต๊ะเพื่อรีบออกไปต่อแถวซื้อข้าวกลางวันที่โรงอาหารเพราะรู้ดีว่าถ้าไปช้าจะต้องรอคิวยาวอย่างแน่นอน เขามองไปทางนภัทรและเห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังเดินตรงมายังโต๊ะที่เขานั่งอยู่พอดี เขาจึงบอกภาณุให้ไปก่อนได้เลยและฝากซื้ออาหารกลางวันเผื่อเขาด้วย
“กินข้าวเสร็จหวังว่าคงเห็นนายอยู่ที่ห้องกรรมการนักเรียนนะ” นภัทรพูดเสียงค่อยจนเกือบกระซิบใกล้ใบหูของเขา วิศรุตรับรู้ได้ถึงกลิ่นกายอันเปี่ยมไปด้วยความเป็นบุรุษเพศของนภัทรและนั่นทำให้เขาอยากเข้าใกล้ฝ่ายนั้นยิ่งขึ้นไปอีก
“แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ” เขาย้อนถาม แต่คู่สนทนาก็ไม่ยอมตอบอะไรแต่เดินตามเพื่อนคนอื่นๆออกไปยังโรงอาหารทันที
หลังจากกินข้าวเสร็จก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว วิศรุตมองนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือตน เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าก่อนที่ออดจะดังเพื่อเริ่มการเรียนคาบบ่าย เขาบอกภาณุว่าตัวเองจะไปห้องกรรมการนักเรียนซึ่งเพื่อนรักก็สงสัยว่าจะไปที่นั่นทำไมกัน เขาจึงต้องยอมอธิบายเรื่องราวเมื่อวานนี้คร่าวๆให้ภาณุที่นั่งฟังด้วยสีหน้าแกมระอาในพฤติกรรมของเพื่อนสนิทอย่างวิศรุต
แยกจากภาณุมาได้สักพัก เขาก็เดินตรงไปยังสภากรรมการนักเรียนที่อยู่อีกตึกหนึ่งที่ค่อนข้างห่างจากโรงอาหาร ห้องประชุมงานของกรรมการนักเรียนอยู่ชั้นเจ็ดที่ค่อนข้างปลอดคนและไม่อนุญาตให้นักเรียนทั่วไปเข้ามาได้นอกจากจะได้รับอนุญาตจากอาจารย์หรือกรรมการนักเรียนเท่านั้น ชั้นเจ็ดของตึกนี้แบ่งเป็นหลายห้องทั้งห้องประชุมรวม ห้องพักผ่อนและห้องทำงานส่วนตัวของกรรมการนักเรียนแต่ละคน เป็นครั้งแรกที่วิศรุตรู้สึกว่าบางทีการเป็นกรรมการนักเรียนก็ได้สิทธิพิเศษแบบนี้นี่เอง เขาเดินตามโถงทางเดินไปเรื่อยๆก่อนจะมาหยุดที่หน้าห้องๆหนึ่งที่มีป้ายแขวนไว้ว่า นภัทร อิสรีย์
เขามองผ่านกระจกเข้าไปด้านใน เจ้าของห้องกำลังนั่งพิงเก้าอี้นวมตัวใหญ่หันหลังให้เขาอยู่ เขายกยิ้มที่มุมปากน้อยๆก่อนจะผลักประตูเข้าไปโดยไม่เคาะให้เสียเวลา ส่งผลให้ได้รับสายตาตำหนิว่าไม่มีมารยาทจากนภัทรแทนคำทักทายยามบ่ายเช่นนี้
“ฉันกำลังรอนายอยู่พอดี”
“มั่นใจจริงนะว่าฉันจะมา”
“แล้วนายก็มาไม่ใช่เหรอ” อีกฝ่ายย้อนกลับ วิศรุตยิ้มนิดๆแต่ดวงตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเขาได้
สมุดบันทึกความประพฤติเล่มบางกับปากกาถูกโยนมาตรงหน้าเขา วิศรุตไล่อ่านข้อความกล่าวโทษในสมุดเล่มนั้นที่เขียนไว้ว่า นายวิศรุต ทัดเทวาประพฤติตัวไม่เหมาะสมด้วยการแต่งกายที่ไม่เรียบร้อยภายในห้องสมุดซึ่งเป็นสถานที่ราชการ
“เซ็นชื่อซะ” นภัทรสั่งแต่วิศรุตกลับหัวเราะเสียงดังด้วยความขันกับข้อความที่ตนเพิ่งอ่านจบ แต่งกายไม่เรียบร้อยอย่างนั้นเหรอ “นายขำอะไรวิศรุต”
“ก็ขำไอ้นี่ไง” เขาชี้ไปที่สมุดนั้น “ทำไมนายไม่บันทึกลงไปตรงๆเลยล่ะว่าฉันทำผิดอะไร ฉันไม่ได้แค่แต่งตัวไม่เรียบร้อยอย่างเดียวนะ ฉันกับรุ่นน้องคนนั้นยัง...”
“วิศรุต”
“เมคเลิฟกันต่อหน้านาย” วิศรุตพูดต่อจนจบ แววตาโศกสีน้ำตาลชวนมองจ้องไปที่ใบหน้าเจ้าของห้องอย่างท้าทาย
ปังง!!
เสียงตบโต๊ะดังขึ้นตัดกับความเงียบของห้องเมื่อวิศรุตพูดจบ นภัทรลุกจากเก้าอี้มาจ้องหน้าคนปากดีไม่มียางอายอย่างวิศรุต ทัดเทวาด้วยความโมโหที่เริ่มจะเกินขีดจำกัดของความอดทนแล้ว ที่เขาไม่บันทึกตามเรื่องจริงแบบที่วิศรุตบอกก็เพราะเห็นแก่หน้าของอีกฝ่ายเพราะถึงยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมห้องกันมาถึงห้าปี แต่เมื่ออีกฝ่ายท้าทายแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้
“รู้สึกว่านายจะชอบประจานความไร้ยางอายของตัวเองให้คนอื่นรู้จริงนะ” น้ำเสียงเหยียดของนภัทรทำให้วิศรุตสะอึก คำพูดของอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่เขาก็แกล้งทำไม่สนใจแล้วยืดตัวลุกจากที่นั่งมาประจันหน้ากับอีกฝ่ายบ้าง
“อันที่จริงฉันก็เป็นคนที่กล้าทำกล้ารับนะ ชอบผู้ชายก็แสดงออกตรงๆว่าชอบ มีเซ็กส์ก็บอกว่ามีเซ็กส์” คราวนี้มือของวิศรุตไม่อยู่นิ่ง ฝ่ามือเนียนแบบลูกคนมีเงินไล้ไปตามแผงอกกว้างของนภัทร แม้จะมีเสื้อนักเรียนขวางกั้นแต่วิศรุตก็สัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวผิดปกติของอีกฝ่าย เขาลอบหัวเราะในลำคอก่อนจะไล้มือลงต่ำจนถึงขอบกางเกงนักเรียน สัมผัสที่เริ่ม หยาบโลนช่วยปลุกให้สติของนภัทรกลับคืนมาหลังจากที่อึ้งไปกับความหาญกล้าของคนตรงหน้า
“จะทำอะไร” นภัทรยึดข้อมือของวิศรุตเอาไว้ก่อนที่มันจะเลื่อนลงต่ำไปมากกว่านี้
“หวั่นไหวเหรอ” คำถามสั้นๆทำให้คนถูกถามหน้าตึงเพราะเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร “ตรงนี้ของนายมันบอก” มือของวิศรุตที่ไม่ได้ถูกเกาะกุมอีกข้างเลื่อนไปวางที่ตำแหน่งตรงหน้าอกข้างซ้าย
นภัทรปัดมือทิ้งก่อนจะเปลี่ยนมายึดกุมข้อมือสองข้างของวิศรุตแน่นแล้วใช้ไหล่กว้างของตนดันเบียดให้แผ่นหลังของอีกฝ่ายปะทะเข้ากับผนังห้องทำงานอย่างแรง จากนั้นก็ใช้ท่อนแขนหนาแข็งแรงอย่างนักกีฬาคร่อมเอาไว้ไม่ให้วิศรุตหนีไปไหน
“คราวนี้คงเป็นทีของฉันที่จะต้องถามนายว่านายจะทำอะไร” ไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือตกใจในอาการที่เปลี่ยนไปของ
นภัทร ลึกๆเขาออกจะพอใจด้วยซ้ำที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของนภัทรแบบนี้แม้ว่าเจ้าตัวจะอยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยวก็ตามที
“ฉันไม่ทำอะไรแบบที่นายคิดก็แล้วกัน เพราะว่าฉันไม่ได้วิปริตผิดเพศอย่างนาย” คำพูดของนภัทรทำให้วิศรุตกัดฟันแน่น คำก็รังเกียจ สองคำก็วิปริตผิดธรรมชาติ เขาอยากรู้จริงๆว่าถ้าวันใดวันหนึ่งนภัทรเกิดหลงรักเขาขึ้นมา คนตรงหน้าจะยังพูดกับเขาแบบนี้อีกไหม วิศรุตยิ้มขื่นให้กับความคิดที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ของตัวเอง
“นายยังไม่เคยลองกับผู้ชาย อยากลองดูไหมล่ะ เผื่อจะเปลี่ยนความคิด?” วิศรุตเบียดกายแนบชิดเข้าหาคนตรงหน้าจนแผ่นอกของทั้งคู่สัมผัสกัน นภัทรตัวสูงและไหล่กว้างกว่าเขาเล็กน้อย วิศรุตใช้สองมือโอบรอบคออีกฝ่ายก่อนแกล้งเป่าลมหายใจร้อนๆใส่บริเวณกกหูของนภัทร อาการกลืนน้ำลายของคนตรงหน้าทำให้เขารู้ได้ไม่ยากเลยว่าอีกฝ่ายยังไม่เคยกับ ประสบการณ์ในเรื่องเพศแบบนี้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะวันนี้เขาจะช่วยสอนให้เอง วิศรุตเบียดร่างกายท่อนล่างเข้าหาอีกฝ่าย ให้นภัทรได้รับรู้ว่าตอนนี้สัดส่วนความเป็นบุรุษเพศของเขามันร้อนรุ่มและกำลังขยายตัวจากปกติ
นภัทรตาปรือก่อนใช้สองมือลูบคลำสะโพกเนียนแล้วกดมันให้แนบชิดกับร่างกายของเขายิ่งกว่าเดิม การตอบสนอง
จากนภัทรทำให้วิศรุตตื่นเต้น นี่อีกฝ่ายก็มีอารมณ์ร่วมไปกับเขาอย่างนั้นเหรอ? นภัทรเลื่อนมือหนาขึ้นมาไล้ไปตามเรียวหน้าหล่อเหลาของวิศรุต ใบหน้างดงามนี้เย้ายวนใจไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม เขาเป็นผู้ชายเหมือนกับอีกฝ่ายก็ยังอดยอมรับไม่ได้ว่าวิศรุตเป็นผู้ชายที่แทบจะเรียกว่าหล่อโดยสมบูรณ์แบบจริงๆ
พลันความอ่อนโยนจากการสัมผัสที่ใบหน้างามของวิศรุตก็หายไปในแทบจะทันที นัยน์ตาสีถ่านเปลี่ยนจากปรือปรอยเป็นเจิดจ้าและคมกริบ มือที่สัมผัสบนใบหน้าของวิศรุตเปรียบเหมือนคีมเหล็กที่แทบจะบีบใบหน้าของเขาให้บิดเบี้ยวก็ไม่ปาน นภัทรมองคนตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มเย็น วิศรุตไม่ได้รู้สึกเจ็บที่นภัทรใช้สองมือบีบใบหน้าของเขาให้เหยเก แต่สิ่งที่เขาเจ็บคือคำพูดเชือดเฉือนของอีกฝ่ายต่างหาก
“ถ้านายร่านและต้องการเซ็กส์ถึงขนาดนี้ ฉันคงช่วยนายไม่ได้หรอกเพราะอย่างที่บอกไปว่าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย และยิ่งผู้ชายแบบนายด้วยละก็” นภัทรเว้นระยะห่างครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมาช้าๆแต่ว่าบาดใจคนฟังเหลือเกิน “ฉันยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่” พูดจบก็คลายมือออก ดวงตาสีดำสนิทสบกับนัยน์ตาโศกคู่นั้นอย่างเย็นชา นภัทรหันกลับไปหยิบหนังสือเรียนบนโต๊ะก่อนจะเอี้ยวหน้ามาบอกวิศรุตที่ตอนนี้กำลังยืนนิ่งเม้มปากแน่น
“เรื่องสมุดความประพฤตินายก็จัดการเองก็แล้วกัน อยากจะบรรยายว่าตัวเองเป็นยังไงก็เชิญตามสบาย” พอนภัทรออกจากห้องไปแล้ว วิศรุตก็รู้สึกว่าตัวเองหมดแรงขึ้นมาทันที เขาทรุดลงไปกองกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีน้ำตาหยด แรกก็ร่วงลงมาจากนัยน์ตาเขาเสียแล้ว
นภัทรกลับมาที่ห้องเรียนอีกครั้งทันเวลาคาบบ่ายพอดี เขามองไปยังที่นั่งประจำของวิศรุต พอดีเจอกับสายตาที่จ้องมาที่ตัวเองของภาณุ เขาทำเป็นไม่สนใจสายตานั้นก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะแล้วเปิดหนังสือเริ่มเรียนต่อ เขาเรียนในชั่วโมงชีววิทยาวันนี้ไม่เข้าใจเลยเหมือนกับว่าฟังเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัวทั้งๆที่วิชานี้เป็นวิชาโปรดของเขา ตลอดคาบเรียนเขาชอบนึกไปถึงวิศรุต เขาเองก็หาคำตอบไม่ได้เช่นกันว่าทำไมตัวเองถึงต้องเกลียดวิศรุตด้วย จริงอยู่ว่าเขาไม่ชอบพวกรักร่วมเพศแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเกลียดอะไรนักหนา คงเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของฝ่ายนั้นที่ทำให้เขาไม่ชอบใจ
ตอนอยู่ม.ต้น เขาก็ไม่ได้รู้สึกอคติกับวิศรุตเท่าใดนักเพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังถือว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนอยู่ดีแม้ว่าลึกๆแล้วตัวเองจะไม่ค่อยอยากไปยุ่งเกี่ยวกับพวกชอบไม้ป่าเดียวกันก็ตาม ตอนขึ้นม.ปลายเขานึกว่าจะไม่ต้องมาอยู่ห้องเดียวกัน ไม่ต้องทนเจอหน้าฝ่ายนั้นอยู่ทุกวันอีกแล้ว แต่เหมือนโชคชะตาที่เล่นตลกเหลือเกินทำให้เขาและวิศรุตต้องมาอยู่ห้องเดียวกันอีกครั้งจนได้ ทั้งที่ตอนม.ต้น เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคะแนนและความสามารถด้านการเรียนแบบวิศรุตคงไม่มีทางสอบเข้าเรียนในสายวิทย์คณิตได้แน่นอน แต่ฝ่ายนั้นก็ทำได้ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการคาดหมายของเขาจริงๆ
การกระทำของวิศรุตเมื่อตอนอยู่ในห้องกรรมการนักเรียนทำให้เขาอดรู้สึกสะอิดสะเอียนไม่ได้ สัมผัสหยาบโลนของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกขยะแขยงและรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก แม้จะรู้ดีว่าถ้อยคำบางคำที่เขาพูดออกไปมันทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่เพียงใดแต่เขาไม่มีทางเลือก ถ้าหากไม่พูดออกไปตรงๆว่าเขารังเกียจฝ่ายนั้น วิศรุตอาจจะยังคอยตามตอแยเขาอยู่ก็ได้ พูดไปซึ่งๆหน้าแบบนี้เขายังรู้สึกสบายใจมากกว่าการที่จะต้องมาคอยปะทะคารมแบบไม่จบไม่สิ้น แม้ว่าครั้งนี้อาจจะทำให้เขาต้องเสียเพื่อนที่ชื่อวิศรุต ทัดเทวาไปก็ตาม
“ไอ้วินไปไหน มันบอกฉันว่าจะไปหานายที่ห้องกรรมการนักเรียน” ภาณุเดินมาถามเขาหลังจากหมดคาบเรียน คงจะสงสัยว่าทำไมเพื่อนสนิทตัวเองถึงไม่เข้าเรียนวิชานี้
“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้ออกมาพร้อมกับเพื่อนของนาย ฉันออกมาก่อน” เขาพูดเรียบๆก่อนจะจัดของเตรียมย้ายไปเรียนยังอีกตึกหนึ่งเพราะยังเหลือวิชาสุดท้ายก่อนที่การเรียนวันนี้จะสิ้นสุดลง
ภาณุมองหน้านภัทรอย่างสงสัยก่อนนิ่งคิดอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกไปจากห้องทันทีมุ่งหน้าไปยังห้องกรรมการนักเรียนโดยหวังว่าเพื่อนของเขาคงจะยังอยู่ที่นั่น ดูจากสีหน้าของนภัทร เขาคิดว่าคงต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ และคนที่เจ็บปวดก็คงหนีไม่พ้นวิศรุตอย่างแน่นอน
เมื่อไม่เจอวิศรุตที่ห้องกรรมการนักเรียน ภาณุก็ยิ่งร้อนใจ เขาตามหาวิศรุตไปทั่วโรงเรียนทั้งตามตึกเรียนต่างๆ ห้องแล็ป โรงยิม โรงอาหาร จนมาถึงที่สุดท้ายก็คือดาดฟ้าของโรงเรียน เพื่อนของเขาอยู่ที่นั่นจริงๆ ภาพวิศรุตที่กำลังนอนแผ่หราปล่อยให้แสงอาทิตย์ยามบ่ายอาบไล้ทั่วร่างกายอย่างไม่กลัวผิวเสียทำให้ภาณุอดถอนหายใจแรงไม่ได้ เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้ ใจก็อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่วิศรุตชิงยิงคำถามขึ้นมาเสียก่อน
“แกว่าฉันโง่ไหมวะ?” วิศรุตถามโดยไม่หันหน้ามามอง ภาณุเลยไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับวิศรุตมานานแต่บางครั้งเขาก็ไม่อาจคาดเดาอารมณ์ของวิศรุตได้เลย
“แกเนี่ยนะโง่ แกฉลาดเป็นกรดจะตาย” คนถูกถามพูดติดตลกแต่อีกฝ่ายไม่ขำด้วย
“วันนี้ฉันทำเรื่องโง่ๆอีกแล้ว”
“แกทำเรื่องโง่อะไรล่ะ ไหนลองเล่าให้ฉันฟังซิ” ภาณุนอนราบไปกับพื้นข้างวิศรุต เขาเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรักดี เขาก็แค่อยากจะช่วยแบ่งปันความทุกข์ของเพื่อนคนนี้บ้างเท่านั้นเอง
วิศรุตเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ห้องกรรมการนักเรียนให้ภาณุฟังรวมถึงที่นภัทรบอกว่าเกลียดเขาด้วย วิศรุตหัวเราะขื่นๆอย่างสมเพชตัวเองที่ถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมตัดใจจากนภัทรเสียที เขาคงกลายเป็นคนโง่เพราะเรื่องบ้าๆแบบนี้แหล่ะแถมยังโง่มากๆเลยด้วย
หลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจนจบ ภาณุทั้งโกรธและสงสารวิศรุตในคราวเดียวกัน เขาไม่คิดว่าเพื่อนรักจะไปยั่วนภัทรถึงขนาดนี้เพราะวิศรุตก็รู้ดีว่านภัทรไม่ได้ชอบผู้ชาย ถ้าเขาเป็นฝ่ายนั้นก็คงจะต้องโกรธมากเป็นธรรมดา แต่อีกใจก็สงสารวิศรุตเพราะเด็กหนุ่มรู้ดีว่าคนตรงหน้าคงจะเจ็บปวดไม่น้อยกับข้อความเลือดเย็นแบบตัดบัวไม่เหลือใยที่ได้รับจากนภัทรเป็นสิ่งตอบแทนความรักที่เพื่อนเขามีให้ตลอดเวลาห้าปีเต็ม
“เศร้าแบบนี้ไม่สมเป็นแกเลยนะเว้ย ถ้าใครเค้ารู้ว่าวิศรุต ทัดเทวา เพล์บอยตัวพ่อต้องมาเสียน้ำตาเพราะคนธรรมดาๆอย่างนภัทรแล้วล่ะก็ นายสิ้นชื่อก็คราวนี้แหล่ะไอ้วิน”
“นั่นสินะ ทำไมคนอย่างฉันต้องมาเสียน้ำตาเพราะคนไม่มีหัวใจแบบนั้นด้วย” คำพูดของวิศรุตทำให้ภาณุแปลกใจ ถ้าเพื่อนของเขาคิดจะตัดใจจากนภัทรก็คงดีไม่น้อย การมีชีวิตที่จมอยู่กับความรักที่หาทางออกไม่ได้มันเป็นเรื่องที่ทรมานจนเกินไปจริงๆ คนอย่างวิศรุต ทัดเทวามีทางเลือกตั้งมากมาย เพื่อนของเขาไม่สมควรจะเป็นตัวเลือกแต่สมควรที่จะเป็นผู้เลือกต่างหาก
“ฉันดีใจนะที่แกคิดจะตัดใจจากนภัทรเสียที แกจะได้เลิกเสียใจแบบนี้อีกไง”
“ฉันจะไม่ตัดใจ จะไม่ยอมแพ้และจะไม่มีวันเลิกชอบนภัทรเป็นอันขาด ต่อให้เขาเกลียดฉันแค่ไหนก็ตาม แกคอยดูเถอะ สักวันนึงฉันจะต้องทำให้ผู้ชายที่ชื่อนภัทร อิสรีย์หันมารักฉันให้ได้ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนหรือต้องแลกกับอะไรก็ตาม” เสียงเยียบเย็นของวิศรุตลอยกระทบโสตประสาทของภาณุ เขารู้ว่าถ้าวิศรุตลั่นปากออกมาแล้วก็คงจะตั้งใจทำแบบนั้นจริงๆ เพื่อนคนนี้ของเขาเป็นคนหัวแข็งและไม่ยอมเปลี่ยนความคิดง่ายๆแน่
ทั้งคู่นอนเคียงข้างมองฟ้ายามบ่ายแก่ๆด้วยกันจนตะวันลาลับขอบฟ้าไป ต่างคนก็ต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ภาณุเคยสงสัยมานานแล้วว่าสำหรับผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลา เพียบพร้อมไปทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ คนที่เป็นที่หมายปองของทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามอย่างวิศรุต นิยามความรักของคนตรงหน้าคืออะไรกันแน่ วันนี้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว
วิศรุตกลับถึงบ้านทัดเทวาตอนหัวค่ำ เขาเดินลิ่วเข้าบ้านเพื่อจะตรงดิ่งไปยังห้องนอนของตน วันนี้เขาเหนื่อยมามาก
เกินพอแล้ว แต่ตอนเดินผ่านห้องรับแขกกลับถูกน้องสาวตัวดีเรียกเอาไว้เสียก่อน เธอบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย เขาเลยต้องหยุดฟังทั้งที่ใจอยากจะเดินหนีไปเต็มทนเพราะรู้ดีว่าคงพูดดีด้วยกันได้ไม่เกินห้านาทีแน่นอน
เขากับศรารัตน์ผู้เป็นน้องสาวชอบมีเรื่องทะเลาะและขัดใจกันตั้งแต่เด็ก ด้วยเพราะอายุที่ไล่เลี่ยกันทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครทั้งสิ้น บางทีศรารัตน์ก็นิสัยเหมือนเขาเสียจนน่ากลัวโดยเฉพาะนิสัยที่ว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ทั้งคู่ถูกเลี้ยงดูมาแบบลูกคุณหนู ถูกตามใจจนเสียนิสัย และด้วยความที่อายุห่างกันแค่เพียงปีเดียวทำให้วิศรุตไม่ค่อยมีความรู้สึกหวงแหนและเอ็นดูศรารัตน์ในแบบที่พี่ชายควรมีมากนักและก็ไม่ได้ทำให้ศรารัตน์รักและเคารพวิศรุตในแบบที่น้องสาวควรจะปฎิบัติต่อพี่ชายเหมือนอย่างพี่น้องในครอบครัวอื่นๆเลย ตรงกันข้ามทั้งคู่กลับเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา ขนาดตัวเขายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองกับน้องสาว
จะเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันจริงๆ
“มีอะไร? วันนี้ฉันเหนื่อยมาก มีอะไรก็รีบๆพูดมา” วิศรุตโยนกระเป๋านักเรียนหนังแท้ราคาแพงของตนไปบนโซฟาอย่างไม่คิดถนอมก่อนจะทรุดตัวนั่งไขว่ห้างที่โซฟาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อประจันหน้ากับน้องสาว
ศรารัตน์ปิดนิตยสารแฟชั่นที่อ่านค้างไว้ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะกระจกที่เข้าชุดกับโซฟารับแขกสีครีมแล้วก็เริ่มเอ่ยเข้าเรื่องทันที เธอก็ไม่อยากเสียเวลาอ้อมค้อมเช่นกัน
“เมื่อตอนเย็นคุณพ่อกับคุณแม่โทรศัพท์มา” พ่อกับแม่ของเขาตอนนี้ไปทำธุรกิจอยู่ที่เมืองนอก ไปครั้งหนึ่งก็จะไปหลายนานเดือน ซึ่งปกติท่านก็จะโทรศัพท์กลับมาที่บ้านเป็นประจำอยู่แล้ว แต่วันนี้คงมีเรื่องบางอย่างไม่อย่างนั้นน้องสาวของเขาคงไม่มานั่งรอเขากลับบ้านเพื่อบอกเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษหรอก
“เห็นคุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าตอนนี้กิจการที่นั่นกำลังไปได้สวยแล้วก็เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น อีกอย่างธุรกิจที่ไทยก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว ทุกอย่างก็ลงตัวดีเพราะมีญาติๆช่วยกันบริหาร คุณพ่อคุณแม่ท่านก็เลยอยากจะมาจับงานที่เมืองนอกอย่างเต็มตัว ก็เลยอยากให้เราสองคนย้ายไปเรียนต่อที่นั่นด้วยเลย” คำพูดของศรารัตน์ทำให้เขาตัวชาวาบ ปุบปับมาบอกให้เขาย้ายไปเรียนต่อเมืองนอกเขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก ถ้าเขาต้องย้ายไปจริงๆแล้วเรื่องทางนี้ล่ะ เรื่องของนภัทรเขาจะทำอย่างไรดี
“เมื่อไหร่ ฉันหมายถึงเราต้องย้ายไปเมื่อไหร่”
“นี่ก็ช่วงใกล้สอบไล่แล้ว ฉันคิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่คงจะรอให้สอบไล่จนเสร็จนั่นแหล่ะถึงค่อยให้ย้ายที่เรียน”
เหลืออีกสองอาทิตย์เท่านั้นก่อนที่การสอบไล่จะเสร็จสิ้น สองอาทิตย์เท่านั้นที่เขาจะได้มีโอกาสเจอหน้านภัทรก่อนที่เขาจะต้องเดินทางไปใช้ชีวิตและเรียนต่อยังอีกซีกโลกหนึ่งที่ห่างไกลจากเมืองไทยเหลือเกิน
.....ถ้าฉันไปแล้ว เวลาที่เราพบกันอีกครั้งนายจะยังจำฉันได้หรือเปล่านะ.....
จบบทที่2
Aislin : ตอนที่1-4จะเป็นตอนที่พระนายของเรากำลังเรียนม.ปลายนะคะ หลังจากตอนที่5เป็นต้นไปก็จะเริ่มดำเนินเรื่องราวในช่วงตอนโตแล้วล่ะค่ะ ฝากติดตามด้วยเน้อ รับรองว่าเข้มข้นแน่นอนจ้า ^ ^ขอฝากfanpageของนิยายเรื่องนี้เอาไว้หน่อยนะคะ
สามารถเข้าไปกดLikeแล้วร่วมพูดคุยกันได้เลยจ้ะ
http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E-YaoiBoys-love/201117953284062