Universe 40th : สิ่งที่ไนล์มี
พี่ภูนิ่งไป... นิ่งไปจนผิดสังเกต
หลังจากที่เรากลับมาจากโรงพยาบาลผมก็เห็นพี่ภูนิ่งไป ซึ่งมันก็เดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ว่าเขาเป็นอะไร สาเหตุก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน ... คงจะเป็นคุณจีนที่พี่ภูบังเอิญเจอที่โรงพยาบาล เจอตอนที่ออกไปเอายาให้ผมนั่นแหละ
และใช่... ผมเห็น ผมเห็นเขาสองคนยืนคุยกัน เพราะมันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมเดินตามพี่ภูออกมาพอดี
ผมไม่ได้หึงหวง ไม่ได้โกรธ และไม่ได้ระแวงไม่ไว้ใจ เพราะผมเห็นทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมได้ยินเกือบจะทุกอย่างเลยด้วยซ้ำในสิ่งที่คุณจีนพูดและพี่ภูรับฟัง เธอเอารูปตอนที่ลมกอดผมให้พี่ภูดู เธอพูดจาถากถางเยาะเย้ยว่าพี่ภูถูกผมหักหลังเพื่อกระตุ้นให้พี่ภูโกรธ
ตอนแรกผมยอมรับเลยว่าผมค่อนข้างรู้สึกดีที่พี่ภูเก็บอารมณ์ได้ แต่พอมาตอนหลังผมกลับรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดถนัด เพราะการนิ่งเงียบของพี่ภูนั้นทำให้ผมไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และตอนนี้ผมกำลังรอเวลา…
... รอเวลาให้พี่ภูถาม เพื่อที่ผมจะได้อธิบาย
แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวัง เมื่อจนแล้วจนรอดพี่ภูก็ไม่ถามออกมาสักที ในเมื่อเขามีโอกาสที่จะถามผมตั้งหลายต่อหลายครั้งแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถาม เขาปล่อยให้ความสงสัยกัดกินหัวใจ และก็คงหนีไม่พ้นการระแวงกัน การไม่เชื่อใจกัน การฟังคนอื่นมากกว่าที่จะฟังคำพูดของผม
และสุดท้ายมันก็กลับเข้าสู่ลูปเดิมๆ... วังวนที่เราหนีไม่พ้น และมันก็อาจจะเป็นอีกข้อพิสูจน์หนึ่งว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้
ผมไม่เข้าใจ... ช่วงเวลาที่ผ่านมา พี่ภูไม่เรียนรู้อะไรเลยหรือยังไงกัน
พี่ภูประคองผมลงจากรถเมื่อเราถึงบ้าน ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ไม่มีเลยสักนิดที่พี่ภูจะคิดถามผม เอาเข้าจริงถ้าเขาถามผมก็จะตอบ ผมไม่ได้ปิดบังอะไรเขา วันนั้นที่ผมออกไปกับลมผมก็บอกให้เขารับรู้ และรูปที่เห็นที่เป็นอย่างนั้นผมก็สามารถให้เหตุผลและอธิบายได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมจะบอกเขาว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะผมจะล้มลมเลยเข้ามาประคองไว้ ก็แค่นั้น
แต่... ก็อย่างที่เห็นพี่ภูเลือกที่จะเงียบ ผมก็เลยคิดว่าตัวเองคงไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายอะไร เขาจะเลือกเข้าใจแบบไหนก็เรื่องของเขา
และถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเรามันจะไปไม่รอด ผมก็คงต้องปล่อยไปทั้งๆ ที่ผมคาดหวังไว้แท้ๆ คาดหวังไว้... ว่ามันจะดีขึ้น ผมเปิดใจให้พี่ภูได้มากขึ้น พี่ภูเองก็พยายามปรับปรุงตัว จนผมเกือบจะเชื่อแล้วว่าระหว่างเราน่าจะกลับมาเหมือนได้
แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้ผมต้องถอยกลับไปตั้งหลักอีกครั้ง ... ไม่น่าเชื่อเลยว่าบทพิสูจน์ความสัมพันธ์ของเราจะเดินทางมาเร็วกว่าที่คิด และมันก็มาจากคนเดิมๆ คนที่เคยทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่ผมมีต่อพี่ภู คนที่ทำให้พี่ภูหูเบาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมชักจะปักใจเชื่อแล้วว่าบางทีที่เป็นแบบนี้มันอาจะไม่ใช่เพราะคุณจีนก็ได้ แต่มันอาจจะเป็นเพราะพี่ภูยังรักเธอ และไม่ได้รักผมเหมือนที่ผมรักเขา
เราสองคนเดินลงจากรถจนขึ้นมาถึงห้องนอนด้านบน ผมเลยตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“ผมอยากนอน รู้สึกเพลียๆ นิดหน่อย คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะครับ” ผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอดพี่ภูเมื่อเขาเดินมาส่งผมถึงหน้าห้อง และคำตอบของพี่ภูก็ทำให้ผมต้องยิ้มหยันในใจ
“งั้นพี่ไปเคลียร์งานก่อนนะ มีงานค้างจากออฟฟิศที่พี่เอากลับมาทำที่บ้าน ไนล์พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักพี่...”
ผมเดินหนีเข้าห้องทันทีโดยที่ไม่รอให้พี่ภูพูดจบประโยค ไม่ใช่ว่าโกรธหรืออะไรเพียงแต่ผมไม่อยากให้เขาเห็นว่าน้ำตาของผมกำลังจะไหลอยู่รอมร่อ... ไหลทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากจะอ่อนแอหรือร้องไห้เลยสักนิด
แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าทุกมันผิดปกติและไม่เหมือนเดิม
ทั้งที่ปกติแล้วเขาแทบไม่อยากอยู่ห่างผมด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะมีงาน พี่ภูก็จะเอางานมานั่งทำข้างๆ พร้อมกับดูแลผมไปด้วย แต่วันนี้เขากลับปฏิเสธกลายๆ ที่จะทำแบบนั้น เขาเลือกที่จะตีตัวออกห่างหลังจากฟังคำพูดของคุณจีน แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมเสียใจหรือน้อยใจได้ยังไงกัน
... ความหวังของการเป็นครอบครัว ความหวังของการอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก ทำไมมันถึงได้ยากมากขนาดนี้ก็ไม่รู้
หรือว่าผมควรจะพอ เลิกเดินต่อ และเลิกดันทุรังเสียที
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายคล้อย พอรู้สึกตัวก็ลุกขึ้นนั่งและกวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง
พี่ภูไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่ได้ปรากฎวี่แววว่าเขาเคยอยู่หรือเข้ามาหา ก็แปลความได้ไม่ยากหรอกว่าเขาคงไม่ได้เข้ามา ไม่ได้มาอยู่ข้างๆ ผม ข้างๆ ลูกแบบที่เขาเคยทำหรือสัญญาไว้ว่าจะทำ
ผมนั่งลูบท้องตัวเองเบาๆ นึกขอโทษเจ้าตัวเล็กเป็นร้อยเป็นพันครั้งที่ไม่อาจจะรักษาครอบครัวของตัวเองไว้ได้ ก็อย่างที่ผมบอกไป ว่าถึงผมจะรักเขาแต่ผมก็ทนอยู่แบบหวาดระแวงหรือไม่ไว้ใจกันไม่ได้จริงๆ เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วที่ผมจะให้พี่ภูได้ก็คงเป็นเพียงฐานะพ่อของลูก แต่ถ้าในฐานะสามีหรือคู่ชีวิต มันคงเป็นไปได้ยากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลย
ผมปาดน้ำตาที่ไหลออกลวกๆ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะลุกนั้นผมก็ต้องชะงัก เมื่อรู้สึกถึงแรงเตะเบาๆ จากในห้อง...
เจ้าตัวน้อยของผมกำลังดิ้น เขากำลังแสดงออกว่าเขารับรู้ รับรู้ถึงความรู้สึกทุกอย่างของผม นั่นทำให้ผมที่พยายามจะทำตัวเข้มแข็ง พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า
ผมนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับกอดท้องตัวเองไว้แน่น ปากก็พร่ำขอโทษลูกน้อยที่อยู่ในท้องไม่หยุด โดยที่ผมสัญญากับตัวเองและลูกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะร้องไห้ให้กับพี่ภูและความรักครั้งนี้ .. ผมควรต้องพอเสียที ถ้าหากคิดจะมีชีวิตอยู่เพื่อลูกชายของตัวเอง
.
.
.
หลังจากที่ผมร้องไห้จนหนำใจ ผมก็ล้างหน้าล้างตาทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแล้วลงมาที่ห้องรับแขก และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมต้องอึ้งและรู้สึกไม่พอใจ
พี่ภูกำลังนั่งคุยอยู่กับลมทั้งสองคนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดในขณะที่กำลังพูดคุยกัน และหัวข้อในการสนทนาครั้งนี้ก็คงเดาไม่ยาก ผมคิดว่าก็คงไม่พ้นเรื่องผม
และจู่ๆ ผมก็ตัดสินใจถลาเข้าไปทันทีเมื่อผมเห็นว่าจู่ๆ พี่ภูก็ลุกยืนขึ้นค้ำศีรษะลม
“คุณ! คุณจะทำอะไรน่ะ?” ผมตรงเข้าไปขวางกลางคนทั้งสองและใช้สองแขนเกาะเอวพี่ภูไว้แน่น โดยมีลมนั่งอยู่ ในขณะที่พี่ภูยืนจังก้าท่าทางไม่ยอม
“ไนล์!” พี่ภูดันตัวผมออกจากอ้อมกอด ทำเอาผมใจสะท้านวูบ “วิ่งมาได้ยังไง? ถ้าเกิดหกล้มขึ้นมาไม่แย่หรอ?!”
และเสียงพูดดุๆ ของพี่ภูก็ทำเอาน้ำตาที่ปริ่มจะไหล มันพรากลงมาอย่างกับทำนบแตก ...เขาดุผมทำไม ผมทำอะไรผิดอีก หรือเพียงเพราะเขาฟังสิ่งที่คุณจีนพูดมา เขาเลยเป็นแบบนี้กับผม พูดแบบนี้กับผม มันเป็นแบบนั้นใช่ไหม
“ฮึก..” ผมไม่ตอบอะไรและเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด จนพี่ภูดึงผมเข้าไปกอด
“ชู่วว เด็กดี.. ไม่ร้องนะครับ พี่ขอโทษครับพี่ขอโทษ ไหนหนูบอกพี่หน่อยได้ไหมว่าหนูร้องไห้ทำไม? พี่ทำอะไรผิดอีกแล้วหรือเปล่า หนูบอกพี่ได้นะ บอกให้พี่รู้ พี่จะได้ปรับปรุงตัวเอง” พี่ภูพูดและถามผมยาวเหยีดด้วยประโยคเดิมๆ ประโยคของคนเห็นแก่ตัว
ทำไมทุกครั้งที่เราทะลาะกันพี่ภูจะต้องพูดแบบนี้ตลอด?
‘พี่ผิดอะไร ไนล์บอกพี่ให้พี่รู้นะครับ พี่จะได้ปรับปรุงตัว’ … แล้วกับผมล่ะ เขาคิดจะถามอะไรผมบ้างไหม
เรียกร้องให้ผมเอาแต่บอก แต่ตัวเขาเองกลับไม่คิดจะถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสักคำ
“แล้วคุณล่ะ? คุณเคยคิดจะบอกหรือเคยคิดจะถามอะไรผมบ้างไหม?” ผมตะโกนใส่พี่ภูทั้งน้ำตา ความอัดอั้นที่มาพร้อมกับความผิดหวังเสียใจระเบิดออกมาโดยที่ผมแทบจะไม่ทันได้ควบคุมอารมณ์ตัวเอง “คุณเอาแต่ให้ผมบอก ให้ผมถาม โดยที่คุณแทบจะไม่บอกอะไรผมเลย แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าเอาเปรียบแล้วจะให้เรียกว่าอะไรกัน?”
พี่ภูทำหน้างง เหมือนเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด นั่นยิ่งทำให้ผมโมโห
“นี่มันอะไรกันไนล์ พี่งงไปหมดแล้ว” พี่ภูพยายามจะเข้ามากอดผม แต่ผมขืนตัวออก
“งงหรอ?” ผมทำเสียงหยันขึ้นจมูก “งั้นบอกผมหน่อยสิว่าคุณเรียกลมให้มาที่นี่ทำไม คุณที่ไม่ค่อยจะถูกกับลม ทำไมจู่ๆ ถึงมานั่งคุยกัน.. ไม่ใช่ว่ากำลังคุยกันเรื่องที่ผมกอดกับลมอยู่งั้นหรอ?”
พี่ภูตาเหลือกโตทันทีที่ได้ยินผมถามแบบนั้น เขาดูตกใจมากที่ผมรู้ ซึ่งนั่นก็เท่ากับยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ผมสงสัยทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
พี่ภูไม่ไว้ใจผม เขาเลือกที่จะเคลียร์กับลมลับหลังผม แต่ไม่ยอมมาถามผมด้วยตัวเองเขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?
“ไนล์.. พี่..”
“หึ! สงสัยใช่ไหมว่าผมรู้ได้ยังไง” ผมหัวเราะขื่นๆ “ผมเห็นและผมก็ได้ยินทั้งหมดแหละที่คุณคุยกับคุณจีนน่ะ ผมเดินตามออกมาเลยได้เห็นและได้รับรู้ว่าคุณจีนพูดถึงผมว่ายังไงและเอาอะไรให้คุณดู”
“...” พี่ภูนิ่งเงียบไปเพราะตกใจ ในขณะที่ผมเองก็ปาดน้ำตาออกแล้วพูดต่อ
“ตอนแรกผมก็ดีใจที่คุณไม่โวยวาย ไม่ใส่อารมณ์กับผม แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด เพราะการนิ่งเงียบของคุณมันหมายถึงว่าคุณกำลังเชื่อในสิ่งที่คุณจีนพูดอยู่... แล้วมันก็เหมือนเดิม เหมือนตอนก่อนหน้าที่เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้นนั่นแหละ.. ฮึก”
ผมจ้องหน้าพี่ภูอย่างผิดหวังและเสียใจ นัยน์ตากลบไปด้วยน้ำใสเต็มไปหมด จนผมแทบมองหน้าพี่ภูไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้ายังไงอยู่
“สุดท้ายคุณก็เลือกที่จะเชื่อ...”
พี่ภูดึงผมเข้าไปกอด โดยที่ไม่รอให้ผมพูดจบประโยค เขากอดผมแน่น ส่วนปากก็แต่พึมพำว่า...
‘ไม่ใช่นะไนล์ ไนล์กำลังเข้าใจผิด’หึ! เข้าใจผิดอะไรในเมื่อก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าสิ่งที่ผมคิดมันเป็นความจริง
“พี่ไม่ได้เชื่อใคร พี่ไม่ได้เชื่อที่จีนพูดนะไนล์ ไนล์ฟังที่พี่อธิบายก่อน”
พี่ภูละล่ำละลักพูดในขณะที่ผมเอาแต่ส่ายหน้า เพราะไม่อยากฟังคำโกหกของเขาอีก เอาจริงถ้าผมไม่ถามเขาคิดที่จะพูดไหม เขาก็ไม่พูดหรอก คงปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังไปแบบนี้นี่แหละ... ผมรู้นิสัยพี่ภูดี
“ผมไม่อยากฟัง.. ฮึก” ผมสะอื้นและพยายามจะขืนตัวออก “เพราะถ้าคุณคิดจะพูดคิดจะถามคุณก็คงพูดก็คงถามนานแล้วล่ะ ไม่ใช่รอให้ผมมาจี้แบบนี้ก่อนหรอก .. สุดท้ายคุณก็ไม่เคยจะไว้ใจผม ไม่เคยเลย เพราะถ้าคุณไว้ใจคุณจะไม่เรียกลมมาคุยลับหลังผมแบบนี้แน่”
“ไนล์ใจเย็นๆ เด็กดี.. ชู่วว ใจเย็นๆ พี่ขอร้องนะ ไนล์ฟังพี่ก่อน” ผมพยายามดิ้น แต่พี่ภูก็กอดผมแน่นขึ้น
“พี่เรียกลมมาคุยด้วยจริง แต่พี่ไม่ได้คุยเรื่องนี้นะไนล์ พี่ถามลมเรื่องอื่น ส่วนเรื่องที่ไนล์ว่า พี่ตั้งใจว่าจะคุยกับไนล์อยู่แล้วหลังจากนี้ พี่ไม่ได้ไม่เชื่อใจไนล์นะ .. พี่ขอร้องนะไนล์ ฟังพี่สักนิดเถอะนะ อย่าเพิ่งโกรธพี่เลย พี่ขอร้อง”“ตอนนี้จะพูดอะไรก็ได้ คุณหวังจะให้ผมเชื่ออะไร ก็เพราะที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะความไม่เชื่อใจ ความไม่คิดจะถาม หรือการเลือกเชื่อคนอื่นมากกว่าผมหรอกหรอ? เรื่องของเราถึงได้เป็นแบบนี้... ฮึก”
ผมส่ายหน้าแถมยังพยายามจะขืนตัวออกแต่ก็สู้แรงพี่ภูไม่ได้เลย ผมคิดแต่ว่าเขาโกหก เขาพูดไม่จริง เขาจะอ้างอะไรก็ได้ ในเมื่อตอนนี้ผมจับได้แล้วนี่ การที่เขาจะพูดเอาตัวรอดไปอย่างนั้นมันจะไปยากอะไร
และทั้งๆ ที่เขาเองก็รู้ว่าปัญหาที่ผ่านมาของเรามันคืออะไร มันคือความไม่เชื่อใจ มันคือความที่เขาไม่เคยคิดจะถามนี่แหละ ที่ทำลายความสัมพันธ์เราแบบนี้
ผมแค่หวัง.. หวังว่าเขาจะปรับปรุงตัวและดีขึ้น หวังว่าเขาจะไม่หูเบาเหมือนเมื่อก่อน ผมหวังมากไปหรือไง.. ทำไมมันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยล่ะ เรื่องระหว่างเราสองคน...
แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงัก เมื่อเสียงทุ้มคุ้นหูของเพื่อนสนิทผมดังขึ้น เสียงของลมที่นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว แต่เพิ่งจะพูดประโยคๆ หนึ่งประโยคออกมา และเป็นประโยคที่ผมไม่ได้คาดคิดคิอไว้ว่าจะได้ยินจากเขา
“ไนล์.. ฟังพี่ภูก่อนเถอะ ให้เขาได้อธิบายนะไนล์ .. เพราะสิ่งที่เขาบอกไนล์ ลมยืนยันได้ทั้งหมดว่าเป็นเรื่องจริง” “....” ผมหยุดดิ้น ก่อนจะหันไปมองลมช้าๆ เพื่อยืนยันด้วยสายตาตัวเองว่าลมพูดออกมาจริงๆ ไม่ใช่เพราะจะโกหกเพื่อให้ผมยอมฟังพี่ภูอธิบาย และสายตาของลมที่มองมายังผมนั้นก็ดูเหมือนจะย้ำในสิ่งที่ตัวเองพูด
“เชื่อลมนะไนล์ ไนล์ก็รู้ว่าลมเกลียดขี้หน้าพี่ภูจะตาย ลมไม่โกหกเพื่อช่วยเขาหรอก... ลมยืนยันนะว่าสิ่งที่พี่ภูบอกกับไนล์เป็นความจริงทั้งหมด”
ผมละสายตาจากลม หันมามองคนที่กำลังกอดผมอยู่ แววนัยน์ตาของพี่ภูดูร้อนรน เขาพยายามขอร้องผ่านดวงตาคมคู่นั้น น้ำเสียงที่สั่นเครือและท่าทางที่แสดงออกของเขาทำให้ผมสัมผัสได้ว่าเขากำลังกังวลจริงๆ
“พี่ขอร้องนะไนล์ ฟังพี่สักนิดนะ” เขาใช้นิ้วปาดน้ำตาออกจากหางตาของผมอย่างอ่อนโยน “พอไนล์ฟังจบแล้วไนล์ค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อพี่ก็ได้ แต่ตอนนี้พี่ขอร้องไนล์ ... ฟังพี่ก่อนนะครับนะ”
ผมชั่งใจอย่างลังเล แต่แล้วก็ต้องหลุดปากตอบตกลง เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงเตะเบาๆ ที่หน้าท้องจนผมต้องเผลอยกมือขึ้นลูบเบาๆ
“...ฮึก ก็.. ก็ได้”
.
.
.
(อ่านต่อข้างล่าง)