ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำโปรย
ความผูกพันในวัยเยาว์ก่อเกิดเป็นรัก ต่อให้ต้องแยกจากรักนั้นก็ยังคงอยู่
อาจรางเลือนดั่งภาพฝัน แต่ยังอุ่นไอในกันและกัน
อยู่ในความทรงจำ… ไม่อาจลืม
“ตัวเล็ก อย่าลืมพี่นะ พี่จะกลับมา เราจะหากันจนเจอ”
สารบัญ
ตอนที่ 1 ครอบครัวภูดิศ ตอนที่ 2 เมื่อหมอมาหาตอนที่ 3 แรกพบสบตาตอนที่ 4 ใกล้กันอีกนิดตอนที่ 5 ขยับมาใกล้กันตอนที่ 6 เมื่อมีคนเจ็บตอนที่ 7 มุมที่เปราะบางตอนที่ 8 จำกันได้ไหมตอนที่ 9 ปาร์ตี้ริมสระตอนที่ 10 กลัวที่แคบตอนที่ 11 ถูกกล่าวหาตอนที่ 12 เคลียร์กับคุณปู่ตอนที่ 13 คนนี้ที่ชอบตอนที่ 14 เป็นแฟนกันนะตอนที่ 15 มีคนรู้ว่ามีแฟนตอนที่ 16 น้องวินวินป่วยตอนที่ 17 การเผชิญหน้าตอนที่ 18 งานกาล่าดินเนอร์ตอนที่ 19 คุณหญิงแม่ตอนที่ 20 พี่ไม่เคยลืมตอนที่ 21 พี่เมศแพ้แอลกอฮอล์ตอนที่ 22 ขอผมดูแลพี่เองตอนที่ 23 พี่น้ำเป็นห่วงลูกตอนที่ 24 เที่ยวสวนผึ้งตอนที่ 25 พี่น้องเคลียร์กันตอนที่ 26 พี่น้ำเครียด ใครกัน?ตอนที่ 27 พ่อตัวจริง
ตอนที่ 28 ค้างบ้านพี่ภูตอนที่ 29 บ้านนี้มีลูกเขยตอนที่ 30 ครอบครัวน่านน้ำตอนที่ 31 เรื่องดีๆ
ตอนที่ 32 ถูกลักพาตัวตอนที่ 33 ลบรอยตอนที่ 34 วันเกิดคุณปู่ตอนที่ 35 คืนข้ามปี
ตอนที่ 36 รักแท้มีจริงหรือ?ตอนที่ 37 เพราะรักตอนที่ 38 รักเป็นเหตุ
ตอนที่ 39 แค่รักตอนพิเศษ 1ตอนพิเศษ 2ตอนพิเศษ 3บทนำ
“ขอโทษที่ซุ่มซ่าม นี่รูปพี่ภูตอนเด็ก เหรอฮะ”
ขอบฟ้ากลั้นใจถามออกไป แล้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อและคาดหวัง
“ใช่ครับ ตอนนั้นพี่เรียนอยู่ ป.6 ทั้งบ้านก็มีรูปเดียวนี่แหละครับ
พี่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปสักเท่าไหร่”
ขอบฟ้าได้ยินคำตอบของพี่ภูรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
จ้องหน้าพี่ภู พลันน้ำตาก็เอ่อท้นขึ้นมาอีก
`เจอแล้วนะครับ พี่ตัวโต ตัวเล็กอยู่นี่แล้ว จำได้ไหมฮะ
พี่บอกห้ามลืมพี่ไง แล้วพี่ล่ะ`
พี่ดีกับผม เล่นกับผม เล่านิทานให้ฟัง ให้ขี่คอ
แต่แล้ววันหนึ่ง...พี่ทำลายความเชื่อใจทั้งหมด ผมถูกขังไว้ในห้องมืดที่ไร้
ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงอากาศอันน้อยนิดที่พอให้
หายใจ ผมร้องไห้ดิ้นรนขัดขืน อ้อนวอนขอให้พี่เปิดประตู
ไม่มีใครได้ยินผมเลย...ผมกลัวเหลือเกิน อากาศอันบางเบา...ลมหายใจที่เริ่มแผ่วโหย
`ไม่นะ ผมยังไม่อยากตาย แม่ครับ พ่อครับ ช่วยภูด้วย!`
แล้วสติรับรู้ทั้งหมดของผมก็ดับวูบลง
“พ่อไม่รักเราแล้วตาเมศ พรุ่งนี้พ่อลูกจะแต่งงาน”
“ไม่เป็นไรนะครับแม่ เมศอยู่นี่ แม่ยังมีเมศ แม่อย่าร้องไห้”
พ่อต้องไปแต่งงานใหม่เพื่อความเหมาะสม
แม่ต้องทนกับความเศร้าและเหงาจนสุดท้ายก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ด้วยปืนเพียงนัด ผมไม่เหลือใครแล้ว แม่จากผมไป
ผมต้องไปอยู่บ้านใหญ่ แต่มันช่างอ้างว้าง โดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน
ทุกคนให้ความสนใจกับเด็กน้อยน่ารักที่ชื่อภู...น้องชายสินะ
`เด็กนั่นทำบุญมาด้วยอะไร ถึงมีพร้อมไปเสียทุกอย่าง`
ตอนที่ 1 ครอบครัวภูดิศ
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีสนิมมองดูตัวเองในกระจก เช้านี้เลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อเนียน
กับกางเกงสแล็คผ้ายืดทรงกระบอกสีดำ แม้สีเสื้อจะตัดกับสีผิวของเขามากพอดู
แต่ความพอดีของชุดกลับทำให้น่ามองด้วยรูปกายที่สูงใหญ่ผมตัดสั้นตามสมัยนิยม
คิ้วเข้มได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน กับริมฝีปากหนาแม้ยกยิ้มเพียงน้อยนิดก็มีเสน่ห์ดึงดูด
ทั้งหญิงชายให้อยากเข้าใกล้ เขาคว้าเสื้อสูทราคาแพงติดมือลงมาชั้นล่างด้วย
พบกับหญิงสูงวัยร่างท้วม ผิวขาวหน้าตาใจดี แย้มยิ้มเดินเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้า
“คุณหนูของนมตื่นแล้วหรือคะ ของที่จะนำไปถวายพระเช้านี้พร้อมแล้วละค่ะ
คุณหนูต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าคะ?”
“ไม่แล้วล่ะครับนมพร้อม ดูสิครับ ต้องลำบากลำบน ตื่นดึกดื่นมาทำให้
เดี๋ยวก็ล้มป่วยไปหรอก ผมไปซื้อหาเอาข้างหน้าก็ได้นม จะทำให้เหนื่อยทำไมครับเนี้ย”
“ได้ยังไงกันล่ะคะ นมเคยทำให้ทุกปี ครบรอบวันจากไปของคุณท่านทั้งสองทั้งที
เพื่อเป็นการระลึกถึงท่าน คุณหนูอย่าห้ามนมเลยค่ะ”
นมพร้อมพูดไปก็อดลูบหลังไหล่ชายหนุ่มที่นางเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยเสียไม่ได้
“ห้ามเคยได้เหรอครับนม หึหึ”
ชายหนุ่มสัพยอกจึงถูกนมพร้อมตีเพียะที่ต้นแขนไปเบาๆ
“สายๆ นมก็พักผ่อนบ้างนะครับ รู้สึกไม่สบายรีบบอกผมเลยนะนม”
ชายหนุ่มกำชับด้วยความอาทรห่วงใย
"นมยังแข็งแรงอยู่ค่ะ ช่วยเลี้ยงยัยหนูรินได้จนโตนั่นแหละ
ไม่ต้องมาห่วงนมเลยคุณหนู”
ขณะที่พูดก็เดินไปหยิบกล่องอาหารเช้ามายื่นให้ชายหนุ่ม
“นี่อาหารเช้าค่ะ อย่าลืมทานด้วย ในส่วนของพระ นมให้เจ้านัทเอาไปไว้ที่รถแล้วล่ะค่ะ
อีกอย่างหนูรินวันนี้ให้หยุดเรียนสักวันนะคะตัวรุมๆ เกรงว่าจะมีไข้น่ะ
นมก็ให้ส้มไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวสาย”
นมพร้อมไม่วายกำชับชายหนุ่มเรื่องมื้อเช้าและแจกแจงเรื่องในบ้านให้ฟัง
ในวันปกติเขาจะทานมื้อเช้าพร้อมลูกแล้วจึงพาไปส่งโรงเรียนก่อนที่จะไปทำงาน
หนุ่มโสดกับการทำหน้าที่พ่อไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาก็ได้นมพร้อมนี่แหละ
ที่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือ
“ไปละครับนม ฝากยัยหนูด้วยครับ”
ชายหนุ่มพูดจบหันไปหอมแก้มนมพร้อมเสียฟอดใหญ่
นมพร้อมมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม ผู้ถือกำเนิดในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย
อันดับต้นๆ ของประเทศ ผู้ซึ่งจำต้องขึ้นบริหารงาน
แทนผู้ให้กำเนิดที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อหลายปีก่อน
ในตอนนั้นชายหนุ่มยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มนักศึกษาที่เรียนปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยอยู่เลย
แต่จากการที่พ่อของเขาใช้ให้ไปเรียนรู้งานตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มัธยมปลายก็เป็นการบ่มเพาะ
เมล็ดพันธุ์ไปในตัว ทำให้เขาสามารถขึ้นบริหารงานต่อจากบิดาได้ทันทีที่ท่านจากไปอย่างกระทันหันเช่นนี้
4 ปีก่อนชายหนุ่มเกิดไปถูกชะตากับทารกแรกเกิดเพศหญิง
แม่เด็กท้องในวัยเรียนและไม่พร้อมเลี้ยง
หนูน้ำรินเป็นเด็กในโครงการ `รับฝากเลี้ยงเด็กที่แม่ไม่พร้อมเลี้ยง`
โดยแม่เด็กได้กรอกแบบฟอร์ม `ยินดียกลูกเป็นสิทธิ์ขาดรัฐ
เพื่อจัดหาครอบครัวทดแทนให้เด็กเป็นบุตรบุญธรรม `
ภูดิศจึงขอให้ลุงปรานต์ลุงของเขาเองที่เป็นแพทย์ศัลยกรรมหัวใจ
ในโรงพยาบาลนั้นช่วยดำเนินการให้
จนเขาได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูหนูน้ำรินตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตอนสายขณะที่นมพร้อมนั่งอยู่บนแคร่ในครัวไทยแบบเปิดโล่ง
ซึ่งภูดิศเพิ่งให้ช่างมาต่อเติมขยายพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่เด็กรับใช้กำลังจัดเรียงเครื่องครัวให้เข้าที่เข้าทางอยู่นั้น
นมพร้อมก็ได้ยินเสียงเดินเตาะแตะมาทางเบื้องหลังของนาง
สักพักก็มีมืออ้วนๆ ป้อมๆ มากอดรัดที่แผ่นหลังของนาง
“จ๊ะเอ๋…ใครเอ่ย รู้ไหมคะ?” เสียงเล็กใสเอื้อนเอ่ย พร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก
“นั่นสิ ใครกันนะ”
นมพร้อมซ่อนรอยยิ้มขบขัน ฉับพลันทันใดเด็กน้อยก็เอี้ยวตัวมาด้านหน้า
“น้ำรินไง คุณย่าขา ดูการ์ตูนจบแล้ว หิวจังค่ะ”
ใบหน้าแป้นแล้น แก้มแดง ดวงตากลมใส
มัดจุก 2 ข้าง ก็โหนตัวมานั่งตรงหน้านมพร้อม
“ส้ม หนูรินหิวแล้วล่ะ ไปหาอะไรมาให้ทานเร็วเข้า”
ส้มพี่เลี้ยงรีบวางมือ เดินรี่ไปเตรียมของว่างทันที
“หนูรินรอๆ ไม่หิวเท่าไหร่ คุณย่าขา”
พูดพลางยิ้มประจบ ย่าพร้อมก็ยกมือลูบหัวเด็กช่างเจรจา
“วันนี้ลูกชุบค่ะหนูริน” พี่ส้มวางขนมให้ตรงหน้า
หนูรินยกมือไหว้ขอบคุณพี่ส้ม หนูน้อยจิ้มลูกชุบหลากสีเข้าปากเขี้ยวตุ้ยๆ
นมพร้อมมองเด็กน้อยที่บอกว่าไม่ค่อยหิวด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู
ไม่ทันไรจานของว่างก็ว่างเปล่าไปแล้ว ยัยหนูยกน้ำขึ้นดื่มต่อ
วางแก้วลงแล้วลูบท้องป้อยๆ
“ทานเยอะไม่ดี อ้วนๆ พ่อภูบอก"
เด็กในครัวได้ยินพากันหัวเราะ โดยเฉพาะเจ้านัทตัวแสบที่ชะเง้อมองจานขนมที่ว่างเปล่า
ก็พูดสวนขึ้นทันควันตามประสาคนปากไว
“ไม่ทันแล้ว ลูกหมูเอ้ย! จะกลิ้งได้แล้วล่ะนั่น”
พี่นัทหัวเราะงอหาย
“กิ้งไม่ได้สิพี่นัท หนูรินไม่อ้วนซะหน่อย”
หนูน้อยยกมือกอดอกฉับ หันข้างให้พี่นัทที่ว่าตนอ้วนเป็นหมู
`เป็นหมูไม่ดีสิ`
หนูน้อยคิด เจ้านัทก็ยังล้อหลอกทำจมูกหมูใส่คุณหนูของมันไม่หยุด
นมพร้อมยกมือเป็นขึ้นเป็นการห้ามปราม เจ้านัทจึงยิ้มแหยๆ
แล้วเข้าไปง้อหนูรินที่แก้มป่องพองลมไปแล้ว
เจ้านัทง้องอนคุณหนูแป๊บเดียวเสียงหัวเราะคิกคักก็กลับมาอีกครั้ง
นมพร้อมเห็นว่าบ่ายคล้อยมากแล้ว จึงบอกส้มให้มาพาหนูรินไปนอนกลางวัน
“นอนกลางวัน ตื่นมา…ฉลาดเลย” หนูรินเชื่อที่พี่นัทเคยบอกไว้
ทุกคนในครัวพากันอมยิ้มคำพูดของหนูน้อย ก่อนไปไม่วายหันมาโบกไม้โบกมือไหวๆ ลาทุกคน
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีส้ม ผ้าเนื้อเนียนเบาสบายกับดีไซน์เก๋ที่สวมใส่
ทำให้เธอดูเป็นสาวมาดมั่น และการแต่งหน้าที่ไม่เข้มจัดจนเกินไปกับผมที่ซอยสั้น
บ่งบอกความเป็นตัวเองในแบบของเธอ
หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปยังห้องของผู้บริหารหนุ่ม พร้อมหอบแฟ้มงานอีกกองและสมุดเสนอเซ็นเข้าไปด้วย
“คุณภูคะ ริสามีงานมาเพิ่มแฟ้มนี้ค่ะไม่ด่วนเท่าไหร่ ตารางงานพรุ่งนี้ด้วยค่ะ
ประชุมบอร์ด 9 โมง ทานมื้อเที่ยงกับคุณปรานต์ที่ร้านอาหารไทย
บ่ายเข้าไซต์งานกับคุณวินิจค่ะ”
หญิงสาวแจกแจงตารางงานให้ภูดิศฟัง เขาพยักหน้ารับแต่ไม่เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยซ้ำ
เขายังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองหนาตรงหน้า เธอทำหน้าที่เป็นเลขาคู่กับณนนท์
ให้กับชายหนุ่มมานาน ความเป็นคนหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสามารถและฉลาดหลักแหลม
ทันคน ทำให้ทั้งเธอและณนนท์จำเป็นต้องตื่นตัวและพัฒนาตัวเองให้ทัดเทียมเจ้านายตลอดเวลา
มีเจ้านายไฟแรงและเก่งแบบนี้ก็เหนื่อยเป็นธรรมดา
“ริสา ผมขอรายละเอียดที่จะคุยในวันพรุ่งนี้ด้วย ส่วนบ่ายนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ
แล้วก็ช่วยเรียกณนนท์ให้ผมที ขอกาแฟมาเพิ่มให้อีกถ้วยนึงด้วยล่ะ”
ชายหนุ่มพูดรัวเร็ว ใบหน้าเรียบเฉย
ไม่บ่อยครั้งนักที่ริสาจะได้เห็นใบหน้าที่แสดงอารมณ์ในแบบอื่นๆ ด้วยหน้าที่การงานที่รัดตัว
และช่วงเวลาที่ต้องเร่งรีบมันได้กลืนกินชายหนุ่มไปมากทีเดียว
ริสาได้แต่นึกเห็นใจเจ้านายหนุ่ม เมื่อริสาออกไปสักพักเลขาหนุ่มหล่อตัวบาง
หน้าตี๋ ปากแดง ก็เข้ามาพร้อมกาแฟที่ชายหนุ่มขอไว้
“คุณภูเรียกผม มีงานอะไรเร่งด่วนให้รับใช้ครับ”
พูดพร้อมกับส่งยิ้มตาหยีมาให้ ภูดิศเงยหน้ามองคนมาใหม่พร้อมยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบไปพลางๆ
“คุณช่วยติดต่อที่พัก ที่สวนผึ้งให้ผมที ผมจะพาครอบครัวไปพักผ่อนขอเป็นปลายๆเดือนนะ
ที่พักสำหรับ 7 - 8 คน ขอเป็นความลับด้วยล่ะ ไม่อยากให้ใครไปรบกวน”
ชายหนุ่มสั่งงานแล้วก็ก้มหน้าก้มตาสนใจกับกองงานตรงหน้าต่อ
“ครับบอส จะซุกสาวไปด้วยก็บอกเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดให้แบบเงียบเชียบที่สุด
วางใจได้เลยครับ”
ภูดิศเงยหน้ามองทำตาดุใส่เจ้าหนุ่มตี๋ ณนนท์คนเดียวนี่แหละที่กล้าเย้าแหย่เขาแต่ความขี้เล่น
ที่ไม่มีพิษภัยอะไรก็ทำให้ผ่อนคลายได้ดีเหมือนกัน ทั้งริสาและณนนท์สองคนนี้ไม่ว่างานน้อยใหญ่
ไม่เคยปล่อยหลุด จัดการได้ดีแม้กระทั่งกับคนที่เจ้านายอย่างเขาไม่พึงประสงค์ก็ตาม
เลิกงานแล้วขณะที่ภูดิศเอื้อมมือไปจะเปิดประตูรถยนต์คันหรูสีดำของเขาเพื่อกลับบ้าน
โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน พอเห็นรายชื่อผู้ที่โทรเข้ามาก็พรูลมหายใจก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีครับ คุณปู่”
“ตาภู เข้ามาที่บ้านเย็นนี้ ปู่มีธุระจะคุยกับแก อย่าช้าล่ะ”
“ครับ” แค่นั้นจริงๆ ที่เขาพูดได้ทัน ก่อนที่ปลายสายจะตัดไป
ปัญหาร้อนหูและชวนให้ร้อนใจมักจะตามมาเสมอเมื่อเขากับปู่ต้องพบกัน
ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์หลังงามตระกูล `ศุภกิตติ์บุญญารักษ์`
ซึ่งกินอาณาบริเวณกว้างขวางแทบจะสุดลูกหูลูกตา
บ้านที่เขาเคยอยู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เขาซึ่งเป็นทายาทสายตรง
กลับไม่มีความยินดียินร้ายต่อมันเลย
เขาอึดอัดทุกครั้งที่ต้องย่างกรายเข้ามาที่นี่ ชายหนุ่มเดินเรื่อยไปตามทางที่ทอดยาว
ไปยังห้องรับแขกที่คาดว่าประมุขของบ้านกำลังรอการมาของเขาอยู่
เมื่อโผล่หน้าเข้าไปในห้องก็พบชายวัยเกษียณผมสีดอกเลา ท่าทางน่าเกรงขาม
นั่งอ่านหนังสือรออยู่ก่อนแล้ว ท่านเงยหน้าขึ้นแล้ววางหนังสือในมือลง
ชายหนุ่มรีบทำความเคารพ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับท่าน
สาวใช้นำน้ำดื่มมาเสิร์ฟ เขาทำเพียงชายตามองเฉยๆ โดยไม่คิดที่จะยกขึ้นดื่มด้วยซ้ำ
“ปู่จะให้แกหมั้นกับหนูญาดา ลูกสาวคุณอรรถกับคุณหญิงรวี”
คุณปู่พูดขึ้นโดยไม่มีอารัมภบทเช่นเคย
“ห๊ะ!! อะไรนะ!!”
ร่างสูงตกใจ เผลอหลุดตะโกนออกไป
คนเป็นปู่ชะงักมองหลานชายที่ไม่เคยว่าง่ายสักครั้งในสายตาของท่าน
แววตาเด็ดเดี่ยวนั่น ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ชายชราหนุ่มๆ เลยสักนิด
“อายุแกก็มากพอสมควรที่จะมีคู่ครอง ยังจะรออะไรอีก
ฉันที่แก่ลงทุกวันก็ต้องการเพียงเห็นพวกแกเป็นฝั่งเป็นฝา
ไม่รู้ล่ะ ไม่แกก็ตาเมศที่ต้องมีทายาทสืบสกุลให้ฉัน”
คุณปู่พูดไปตามเจตนาที่ตั้งไว้ ท่านเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหลานชายแล้วให้นึกขัดใจยิ่งนัก
“ไม่!! ผมไม่หมั้น!”
ภูดิศพูดเสียงแข็งตามแบบที่เขาเป็น เขาไม่เคยยอมใครแม้แต่คนเป็นปู่ก็ตาม
“คนนี้ ปู่เลือกแล้ว ชาติตระกูลใช้ได้ และคาดว่าจะเข้าใจแก ไม่ต้องมาทำเสียงแข็งเลย”
ปู่กับหลานจ้องหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใครหรือถ้าใครหลบตาก่อนคนนั้นจะแพ้เสียอย่างนั้น
“พอเถอะครับคุณปู่ ยังไงผมก็ไม่หมั้น!!”
ภูดิศยืนกรานเสียงแข็งตามอารมณ์ที่เริ่มไต่ระดับขึ้น
ปู่เห็นหลานไม่มีทีท่าจะอ่อนให้จึงยื่นคำขาดออกไปด้วยความกรุ่นโกรธ
"แกต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้นภูดิศ!! หากแค่เรื่องเดียวแกทำให้ฉันไม่ได้
ก็อย่ามาเผาผีกัน ฉันจะได้รู้ว่าไม่ได้มีหลานอย่างแก หัวดื้อหัวรั้นเป็นก็เท่านั้น
แกไปได้แล้วฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก”
โทสะที่ระเบิดออกมาของปู่ในครั้งนี้ทำให้ภูดิศรู้สึกหนักอึ้งเป็นอย่างมาก
หากเขายอมตามใจปู่ชีวิตทั้งชีวิตของเขาจะปราศจากความสุขในทันที
เขาจะทำอย่างนั้นได้ยังไง ชายหนุ่มกำมือแน่นตัดสินใจพูดมันต่อ
“คุณปู่จะให้ผมทำอะไรผมจะทำให้ แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเดียวที่ผมให้ไม่ได้
เลิกคิดที่จะหาเมียให้ผมสักทีเถอะครับ เราพูดกันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะครับ
คุณปู่ไม่เบื่อบ้างหรือไงครับ”
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ
คุณปู่ลุกขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มทันที หน้าแดงก่ำด้วยระงับความโกรธไม่อยู่แล้ว
“ตกลงแกจะขัดคำสั่งฉันให้ได้ใช่ไหม ที่ฉันทำเพราะเป็นห่วงแก
กลัวแกจะไปคว้าพวกผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามา ฉันต้อง
การทายาทสืบสกุลต่อจากพวกแก ไม่ใช่ไอ้เด็กที่ไหนก็ไม่รู้ที่แม่มันใจแตก
แล้วแกก็อุปโลกน์รับมาเลี้ยงเป็นลูก กับแม่พร้อมนั่นก็อีกคนไม่มีห้ามปรามกันเลยสักนิด
อุ้มชูกันเข้าไปถ้าเด็กนั่นโตมาคงนำเรื่องงามหน้ามาให้แก
ถึงตอนนั้นชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่ฉันอุตส่าห์สร้างสมมาไม่ฉิบหายวายปวง
ไปหมดหรือไงกันห๊ะ!!?”
"คุณปู่!! หนูรินยังไงก็เป็นลูกผมแล้ว อย่าลากแกเข้ามาเกี่ยวด้วยเลยครับ
อคติของคุณปู่จะทำร้ายแกโดยไม่รู้ตัว ถึงคุณปู่จะไม่ยอมรับแกเข้าร่วมสกุล
ไม่รักไม่เอ็นดูผมไม่ว่าเลย แต่ครั้งนี้ผมขอร้องล่ะ! อย่าได้พูดจาพาดพิงว่าร้ายแก
ให้ต้องเสียๆ หายๆ เลยครับ เด็กก็เหมือนผ้าขาวอยู่ที่เราจะแต่งแต้มสีสันลวดลายให้กับแก
อย่าทำให้ผ้าสีขาวหมองก่อนที่จะได้ลงสีเลยนะครับคุณปู่ ผมขอร้อง”
ชายหนุ่มพูดด้วยหัวใจที่เหมือนถูกบีบคั้นอย่างรุนแรง
“แกกล้าดียังไงมาต่อปากต่อคำกับฉัน แตะต้องกันไม่ได้เลยสินะ
อ้าปีกกางแขนปกป้องกันเข้าไป”
คุณปู่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ใบหน้าโกรธจัดไม่หาย
ภูดิศขยับลุกพรวดเขาทนฟังวาจาเชือดเฉือนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ไว้คุณปู่ใจเย็นกว่านี้เราค่อยคุยกันนะครับ ผมไปล่ะ”
พูดจบชายหนุ่มก็จ้ำอ้าวๆ ออกจากห้องทันทีไม่คิดที่จะหันกลับไปมองข้างหลัง
พอพ้นคฤหาสน์นั้นมาไกลพอสมควรชายหนุ่มก็ถอนหายใจหนักหน่วง
จอดรถเข้าข้างทางมือกำพวงมาลัยแน่น
ไหล่สั่นไหวอย่างพยายามระงับสติอารมณ์
เขารู้ดีว่าปู่จะไม่ยอมลามือง่ายๆ ดูท่าชีวิตที่สุขสงบในรอบหลายเดือน
จะพบความยุ่งยากเข้าแล้ว จะห่วงก็แต่หนูรินเท่านั้นไม่อยากให้แกต้อง
มารับรู้สิ่งที่ผู้ใหญ่กระทำต่อกันเลยจริงๆ