[มึงมันโง่กว่าที่กูคิด..]
ผมนั่งมึนๆ เมื่อได้อ่านข้อความที่มันส่งมาให้..นี่มันรู้แล้วเหรอว่าผมอยู่ที่ไหน ???
“คงแค่ขู่ละมั้ง..”
ปลอบใจตัวเองไปแบบนั้น..เพราะตอนที่ผมหนีออกมามันยังไม่เห็นผมด้วยซ้ำ แถมผมยังหลอกให้วีขับรถวนไปวนมาอยู่ตั้งหลายรอบ..จนแน่ใจว่ามันไม่ได้ตามมาแน่ๆ แล้วผมถึงยอมบอกให้วีมาส่งที่นี่นี่นา
“อย่าตีตนไปก่อนไข้..ใจเย็นๆ นะทิว”
ว่าแล้วผมก็พาตัวเองขึ้นไปนอนที่เตียง..พยายามข่มตาให้หลับ ไม่คิดมากเรื่องข้อความบ้าๆ ที่มันส่งมาให้อีก ในเมื่อกังวลไปก็มีแต่จะทำให้นอนไม่หลับ..และเป็นการทำลายสุขภาพไปเสียเปล่าๆ ผมก็ควรจะเลิกคิดสักที เพราะถ้าเกิดป่วยขึ้นมาจนพาลช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เรื่องมันจะยิ่งแย่ไปมากกว่านี้..
.
.
ก๊อกๆผมสะลึมสะลือลุกขึ้นมาจากเตียง..เดินโงนเงนขึ้นไปเปิดประตูโดยไม่ทันคิด เลยถูกใครบางคนรวบเข้าไปกอดแบบไม่ทันตั้งตัว..ผมผวาขืนตัวออกจากอ้อมแขนของคนๆ นั้น ก่อนจะตั้งท่าเตรียมสู้ทั้งที่สติยังมาไม่เต็มร้อย..
“เฮ้ย..ใจเย็นๆ สิทิว” ผมรีบเงยหน้าขึ้น..ก่อนจะจ้องมองเขาแบบเต็มๆ ตาเมื่อได้ยินเสียงเรียก “ผมวีไง..ห้องตรงข้ามน่ะ”
“อ่า..โทษที”
“อะไรกัน..ผ่านไปแค่คืนเดียวก็จำผมไม่ได้” เขาบ่นยิ้มๆ ก่อนจะชูถุงโจ๊กในมือขึ้นมา “ผมจะชวนกินข้าวเช้า..”
ผมพยักหน้าแบบมึนๆ ไม่เข้าใจวิธีการทักทายของเขาเท่าไร..ชวนกินข้าวเช้าด้วยการกอดเนี้ยนะ ???
“แต่ผมไม่มีถ้วย..จริงๆ คือยังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ..” ตอบกลับไปเมื่อเริ่มตั้งสติได้
“งั้นย้ายไปกินห้องผมแทน..” เขาพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ “รีบๆ ไปแปรงฟันแล้วตามไปที่ห้องแล้วกัน..”
“อ่า..”
ผมรับคำแบบมึนๆ รู้สึกแปลกใจในความเป็นกันเองของเขานิดหน่อย..ปกติคนเราจะดีกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า ผมไม่เคยรู้..เพราะไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคน แต่บางทีเขาอาจจะทำไปเพราะรู้สึกผิดที่ขับรถมาชนผมเมื่อวานก็ได้..คิดได้แบบนั้นผมเลยรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย
“มีเพื่อนสักคนก็ไม่แปลกหรอกมั้ง..”
บอกกับตัวเองแบบนั้น..ก่อนจะรีบเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วตามไปกินข้าวที่ห้องเขา บางทีผมก็อาจจะต้องหัดเข้าสังคมบ้าง..เพราะการอยู่ตัวคนเดียวมันมีแต่จะทำให้ผมขาดที่พึ่ง จนถูกใครต่อใครรังแกได้ง่ายๆ
.
.
“ขอบคุณนะวี..” ผมบอก..ก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคคืนให้เขา “ตอนเที่ยงไม่ต้องมารับผมก็ได้..ถ้าวีมีเรียนบ่าย เดี๋ยวผมกลับเอง”
“เฮ้ยไม่เป็นไร..ผมมารับทิวไปส่งก่อนก็ได้”
“ผมกลับเอง..แผลแค่นี้ผมไหว”
เราเถียงกันมาตั้งแต่เช้าแล้วครับ..เพราะวีบอกว่าจะคอยไปรับไปส่งผมจนกว่าแผลจะหาย ผมเองก็ไม่ได้คิดจะขัดอะไร..ในเมื่อเราก็อยู่หอเดียวกันอยู่แล้ว แต่ไอ้การทีเขาจะมารับผมไปส่งที่หอ..แล้วต้องวนรถกลับมามหาวิทยาลัยเพื่อเข้าเรียนคาบบ่ายอีกนี่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยสำหรับผม
“แต่..”
“ตกลงตามนี้..ถ้ายังไม่จบ ผมจะไม่ไปไหนมาไหนกับวีแล้วนะ”
“เฮ้อ..ก็ได้”
ผมอมยิ้ม..ก่อนจะโบกมือไล่ให้เขาไปเรียนสักที ขี้เกียจจะเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว “ขอบคุณอีกทีนะ..”
บอกแล้วก็หมุนตัวเดินเข้ามาในตึกทันที..รู้สึกแปลกๆ กับสายตาหลายคู่ที่กำลังมองมานิดหน่อย ที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีใครเห็นผมด้วยซ้ำ..แต่พอวันนี้วีมาส่งเข้าหน่อย กลับถูกใครต่อใครมองมาไม่หยุด..บ้างก็ทำท่าป้องปาก ซุบซิบนินทาให้ได้ยินกันเลย
“นั่นมันเด็กที่นัทเลี้ยงไว้ไม่ใช่เหรอ..แล้วทำไมวันนี้มากับวีได้ล่ะ”
ผมถอนหายใจหน่ายๆ ใช่ว่าไม่เคยได้ยินคำพูดพวกนี้ครับ..เพราะใครต่อใครต่างก็มองว่าผมเป็นเด็กของมันทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ต่างก็รู้ว่ามันหมั้นอยู่กับมิว แต่ก็ยังแอบพูดกันอยู่ดีว่าผมเป็นพวกชอบลักกินขโมยกิน..ยิ่งวันไหนผมมีรอยกัดรอยดูดติดคอมา ยิ่งมองยิ่งนินทากันเข้าไปใหญ่..
“สงสัยจะถูกเขี่ยทิ้งแล้ว..ได้ยินว่ามิวจับได้ว่านัทมีคนอื่น จนเกือบจะถอนหมั้น”
เรื่องคาวๆ แบบนี้มันแพร่ไปไว..จริงบ้างไม่จริงบ้าง ก็ไม่สนใจขอแค่ให้ได้พูด สัจธรรมข้อนี้ผมก็รู้ดี..แต่บางทีมันก็รู้สึกแย่นะ เพราะผมถูกมองแบบนี้ไง..ผมเลยไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคน
“กินบนเรือน..ขี้บนหลังคา น่าเห็นใจพ่อแม่นัทนะ..ที่รับคนแบบนี้มาชุบเลี้ยง”
ผมรีบก้าวขาให้เร็วขึ้น..อยากเดินผ่านคนพวกนี้ไปให้พ้นเร็วๆ รีบเดินทั้งที่พอถึงห้องก็ยังต้องเจอกับคำพูดพวกนี้จากปากเพื่อนร่วมห้องอยู่ดี
คิดว่าผมดีใจนักเหรอ..ที่ถูกคนแบบนี้รับมาเลี้ยง พวกผู้ดีที่ทำทุกอย่างเพียงเพื่อหน้าตาทางสังคม..ผมจำได้ดีเลยว่าวันที่ถูกรับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นวันแรกมันเป็นยังไง แสงแฟลชจากกล้องนับร้อยๆ ตัวสาดมาที่ตัวผม..รอยยิ้มเสแสร้งและฝ่ามือที่ลูบบนหัวผมจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘แม่บุญธรรม’ รวมทั้งสายตาที่แสนเย็นชาจากคนที่ใครต่อใครต่างบอกกับผมว่าเขาคือ ‘พ่อบุญธรรม’
วันนั้นผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเลยสักนิด..ตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกแย่เอามากๆ เลยด้วยซ้ำ ยิ่งพอผมได้เจอกับมัน..ผมยิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่า โชคร้าย
“ลูกขอทาน..ไอ้เด็กกำพร้าไม่มีหัวนอนปลายเท้า..”
คำพูดของเด็กด้วยกัน..คำพูดที่รุนแรงจนผมนึกสงสัยว่า ทำไมเด็กที่ควรจะได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีอย่างมันถึงได้มองผมด้วยสายตาเหยียดหยามได้มากขนาดนั้น ?
จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ..
.
.
“ขอจบการบรรยายเพียงเท่านี้..แล้วอย่าลืมงานที่สั่งกันนะคะ..”
ผมเก็บข้าวของใส่กระเป่า..ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนมา ในหัวก็นึกๆ ว่าเที่ยงนี้จะกินอะไรดี..ไม่เคยรู้สึกอิสระแบบนี้มาก่อน เพิ่งจะเคยได้คิดเรื่องของตัวจริงๆ จังๆ ก็วันนี้ ที่ผ่านมาต้องคอยนึกแต่ว่ามันจะกินอะไร..ทำไอ้นั่นไอ้นี่ให้มันกินแล้วจะโดนด่าไหม มันจะอยากกินหรือเปล่า..ไม่เคยได้คิดถึงความต้องการของตัวเองเลยสักครั้งจริงๆ
เดินผ่านร้านข้าวไปหลายร้าน..ใจนึกอยากจะแวะซื้อมันทุกร้านเลยด้วยซ้ำ ติดที่ว่าผมต้องประหยัด..เงินที่มียังต้องใช้ให้ถึงสิ้นเดือน ผมเลยเลือกซื้อแค่ข้าวมันไก่เจ้าที่ได้ยินใครๆ พูดว่าอร่อยกลับมากินที่ห้อง
ผมไขกุญแจห้อง..บิดประตูให้เปิดออกด้วยความใจเย็น ก่อนจะถูกใครบางคนผลักเข้ามาในห้องเต็มแรง..จนตัวผมปลิวไปกระแทกกับขอบเตียง “คะ..คุณ..”
ทั้งที่เสี้ยวหนึ่ง..ผมภาวนาให้คนที่ผลักผมคือวี ภาวนาให้ผมแค่โดนเขาแกล้งเหมือนเมื่อเช้า แต่ตอนนี้คนที่กำลังยืนจ้องหน้าผมแบบจะกินเลือดกินเนื้อกลับกลายเป็นมัน !!
“คิดว่าตัวเองฉลาดแล้วสินะ” มันพูดแล้วส่งยิ้มสมเพชมาให้ “คิดจะหนีคนอย่างกูมันไม่ง่ายนักหรอก”
“ทำไม..ทำไมจะต้องตามผมมาด้วย” ผมถามแบบไม่เข้าใจ “คุณลืมที่แม่คุณบอกแล้วหรือไง..”
“เออ !!”
“คุณนัท..”
“กล้ามากนะที่หนีกูมา..” มันล็อคประตู..ก่อนจะเดินเข้ามาเตะเข้าที่ชายโครงผมแรงๆ “กล้ามากที่ทำกับกูแบบนี้”
ผมยกมือขึ้นมากุมตรงส่วนที่เจ็บ..รู้สึกจุกจนพูดอะไรไม่ออกเลย..
“หลบกู..หนีกู เห็นกูโง่นักใช่ไหม!!” แล้วมันก็เตะซ้ำเข้าที่ท้องผมอีก
ผมพยายามถดตัวหนี..ทั้งที่แผ่นหลังติดกับเตียงจนขยับไปไหนไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ “ผม..ผมแค่..”
มันดึงตัวผมขึ้นมาก่อนจะเหวี่ยงลงไปที่เตียง..แล้วตามขึ้นมาฉีกดึงเสื้อผม ผมไอสองสามครั้ง..ก่อนจะงอตัวเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่ท้อง ในสมองผมตอนนี้มีแต่ความมึนงง..ไม่รู้ว่ามันตามผมมาที่นี่ได้ยังไง สงสัยอยู่แบบนั้น..จนกระทั่งถูกดึงกางเกงออกไป ผมกัดปากตัวเองแน่น..ในหัวตอนนี้แม่งคิดอะไรไม่ออกเลย !
“ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใคร..คนที่พามึงหนีใช่ไหม”
“คะ..ครับ ?”
มันยกมือขึ้นมาตบปากผมทันที..ตบโดยไม่คิดจะสนด้วยซ้ำว่าประโยคที่ผมพูดออกมามันคือประโยคคำถาม หรือประโยคคำตอบ
“เลี้ยงไม่เชื่อง..สันดานเหมือนแม่มึงไม่มีผิด”
“หมายความว่ายะ..”
ไม่ทันได้ตั้งคำถาม..ไม่มีแม้แต่คำอธิบายในคำพูดที่ดูเหมือนว่ามันรู้ว่าแม่ผมคือใคร มันก้มลงมาจูบผม..กัดริมฝีปากผมแรงๆ จนได้เลือด ผมดิ้นขลุกขลัก..พยายามอย่างที่สุดที่จะหยุดมัน
“อื้อ..”
.
.
สุดท้ายมันก็จบลงแบบเดิม..ถูกข่มขืน ถูกทำร้าย เนื้อตัวระบมไปหมดเพราะถูกทุบตี..ชีวิตผมแม่งต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ไปตลอดเลยใช่ไหม ??
ผมนอนหันหลังให้ทันทีที่มันถอนตัวออกไป..ความรู้สึกเจ็บปวดทางร่างกายเทียบไม่ได้กับความรู้สึกในหัวใจ แค่นี้จริงๆ ใช่ไหม..อิสระของผมมันจบลงแค่นี้จริงๆ เหรอ ผมกำมือแน่น..บ่นด่าให้กับความโง่ของตัวเองเบาๆ ในใจ ก่อนจะถูกมันกระชากตัวให้กลับไปนอนหงายอีกครั้ง..
“กูจะทำยังไงกับมึงดี..” มันเลื่อนมือลงมาลูบเบาๆ บนรอยซ้ำบนท้องผม “อัดมึงให้ซี่โครงหัก..”
“...”
“หรือจะบีบคอจนมึงขาดอากาศตายไปดี..”
“แล้วแต่คุณเถอะครับ..” บางทีผมก็เคยคิดว่าถ้าตายๆ ไปซะมันคงจะดีกว่า..
“ปากดีนักนะ..” ว่าแล้วก็ย้ายมือขึ้นมาบีบกรามผมแน่น “กูว่าทำให้มึงเป็นง่อย..พิกลพิการจนหนีกูไปไหนไม่ได้เลยดีกว่า..”
“...”
“เพราะแบบนั้นมึงคงทรมานกว่าเยอะ..” มันว่าแล้วหัวเราะออกมา..ก่อนจะลุกขึ้นมาคร่อมบนตัวผมอีกครั้ง “มึงว่าจริงไหม..”
“คงงั้นมั้งครับ..”
ผมว่าแล้วหลับตาลง..ขี้เกียจจะมองเห็นหน้ามันอีก ใจจริงๆ อยากจะปิดหูได้ด้วยซ้ำ..จะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงมันแบบนี้ด้วย
“อื้อ..”
ผมกัดปากตัวเอง..กลั้นเสียงครางที่น่าละอาย ทั้งๆ ที่ถูกมันทำขนาดนี้..ทั้งๆ ที่เจ็บมากขนาดนี้ แต่สันดานดิบในตัวมันกลับตอบสนองเรื่องอย่างว่าได้หน้าตาเฉย..
น่ารังเกียจจริงๆ
โคตรน่ารังเกียจเลยไม่ว่าจะมันหรือว่าตัวผมเอง..
Ma-NuD_LaW
ขอโทษที่หายหัวไปหลายวันนะครับ
จะพยายามไม่ทำตัวแบบนี้อีก
.
.