กลรักลวงใจ
ตอนที่ 25 END
@มหาวิทยาลัย C
ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนๆทุกคนและได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นให้พวกมันฟัง
“ไอ้พี่มาร์คแม่งเหี้ยโคตรๆ” สนิมมันสบถออกมาเป็นคนแรก
“แม่งเลวว่ะ! ทำแบบนี้ได้ไงถ้าเจอหน้ากูจะกระทืบแม่ง” พอร์ชเสริมอีกเสียง
“มึงต้องไปเงี้ยงข้าวไอ้สกายมื้อใหญ่เลยนะเว้ยที่มันอุตส่าห์ช่วยมึงไว้” เปอร์มันบอก
“ถือว่ามึงโชคดีมากๆที่ไอ้สกายไปเจอเหตุการณ์พอดี” ดาวพูดกับผม
“กูก็ว่างั้นล่ะ” ผมตอบ
ผมนั่งฟังเพื่อนๆ พากันรุมด่าและแช่งพี่มาร์คจนพอใจแล้วก็ตัดสินใจจะบอกความจริงเรื่องผมกับไอ้สกายด้วย ขนาดผมเล่าให้พวกมันฟังว่าไอ้สกายบังเอิญมาช่วยผมไว้พวกมันยังไม่เอะใจอะไรเลยจริงๆเพื่อนผมแม่งซื่อกันจริงๆ ฮ่าๆ
“นอกจากเรื่องพี่มาร์คแล้วกูยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกพวกมึง” ผมมองหน้าเพื่อนๆ
“เรื่องพี่มาร์คนี่ยังเซอไพรซ์พวกกูไม่พออีกหรือเนี่ย” ดาวมันเอ่ยออกมาแต่สีหน้านี่มันอยากรู้เอามากๆ
“รีบพูดมาพวกกูอยากจะรู้เต็มทีแล้วเนี่ย” ไอ้เปอร์เอ่ย
“คือ...ตอนนี้กูกำลังคุยกับคนๆนึงอยู่” ผมเอ่ยออกมาแล้วสังเกตสีหน้าพวกมันเหมือนจะเหวออยู่ไม่น้อย เพราะผมเพิ่งจะมีเรื่องกับพี่มาร์คมาแต่กลับกลายเป็นว่ามีคนใหม่เร็วซะเหลือเกิน อยากจะบอกว่าไม่ใช่คนใหม่เว้ยคนเก่าเอามาเล่าใหม่เฉยๆ
“ไอ้ปอมมึงนี่แรดจังวะเรื่องพี่มาร์คเพิ่งจะจบไปมีใหม่เร็วจริงๆ” สนิมมันพูดขึ้นเสียงดังจนผมต้องปรามมันไว้เพราะตอนนี้พวกเรานั่งที่โต๊ะใต้ตึกคณะ
“จริงๆแล้วก็ไม่ใช่คนใหม่อะไรหรอก ก็เคยคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว” ผมบอกพวกมันด้วยท่าทีเขินอาย
“ไหนบอกไม่เคยมีแฟน มึงนี่ยังไงวะกูเริ่มงงกับมึงแล้วเนี่ย” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
“แล้วมึงจะบอกได้หรือยังว่าใคร” ดาวมันเริ่มจี้ผม
“เออๆ บอกก็ได้เว้ย”
ทุกคนจ้องมองมาที่ผมรอลุ้นว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร
“คนๆนั้นก็คือ...คนที่กำลังเดินมานั่นไง” ผมพูดแล้วโบ้ยหน้าไปที่ไอ้สกายที่กำลังเดินมากับบีมพอดี มันมาได้เวลาเหมาะเจาะพอดี๊พอดี
“สกายเนี่ยนะ” ดาวพูดออกมาแบบไม่อยากจะเชื่อ ดูสีหน้าทุกคนก็มองผมเหมือนว่ากำลังโกหกซะอย่างนั้น
“มึงอย่ามาล้อเล่น” เปอร์มันพูดกับผมแล้วชี้หน้าอย่างคาดโทษ
ผมไม่พูดอะไรได้แต่นั่งยิ้มให้พวกมัน เมื่อสองคนนั้นมาถึงผมก็เขยิบที่นั่งข้างๆ ไว้เผื่อให้ไอ้สกาย เมื่อมาถึงมันก็มองมาที่ผมแล้วก็ส่งยิ้มให้ ส่วนผมเองก็ยิ้มตอบแล้วพยักหน้าให้มันแล้วตบที่ว่างข้างๆ เป็นการสื่อบอกให้มันมานั่งตรงนี้ ส่วนเพื่อนๆ ก็มองผมกับไอ้สกายสลับไปมาด้วยความประหลาดใจ
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ” ไอ้บีมมันเอ่ยถามเมื่อเข้าไปนั่งข้างๆ ดาวส่วนไอ้สกายนะเหรอก็ต้องนั่งข้างๆผมอยู่แล้วครับ
“เอ่อ...พวกเรากำลังคุยเรื่องปอมกับ...สกาย” ดาวมันตอบแล้วปรายตาไปมองไอ้สกายที่กำลังมองเพื่อนๆ ผมอย่างงงๆ
“เรื่องเรากับปอม...ทำไมเหรอ?” สกายมันถามกลับ ผมเองยังไม่ได้มันว่าจะพูดเรื่องนี้กับเพื่อนผมมันเลยยังงงอยู่
“เออ! นั่นสิอย่าบอกนะว่าปอมกับไอ้สกายแอบไปคบกัน ฮ่าๆๆ” บีมพูดแล้วขำออกมายกใหญ่
“เรื่องนั้นนั่นล่ะ” ดาวมันพูดกับบีมจากที่หัวเราะตอนนี้บีมรีบหุบยิ้มลงทันทีแล้วหันหน้ามามองพวกผมทั้งสองคนอย่างงุนงง
“ไอ้สกายมึงอย่าบอกนะว่ามึงกับปอม” บีมเอ่ยถามไอ้สกายที่กำลังนั่งอมยิ้มอยู่ตรงข้าม
อยู่ๆมันก็มาจับมือผมไปวางไว้ที่ตักมันแล้วเอามืออีกข้างมากุมมือผมไว้ เรามองตาแล้วยิ้มให้กัน
“ใช่ กูกับปอมคบกัน” มันตอบบีมไป ดูสีหน้าแต่ละคนอึ้งน่าดูเพราะอยู่ๆผมกับสกายมาเปิดตัวแบบไม่มีปีมีขลุ่ยเลยทีเดียว
“เฮ้ย! พวกมึงไปคุยกันตอนไหนวะเนี่ยไวไฟสัด” บีมมันพูดออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“จริงๆแล้วกูกับสกายเคยเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกัน” ผมบอกกับทุกคน
“อ้าว! แล้วทำไมตอนแรกที่เจอกันกูไม่เห็นว่าพวกมึงจะทักทายเหมือนคนรู้จักเลย” สนิมมันถาม
“เรื่องนี้เราขออธิบายเอง พอดีว่าสมัยเรียนมัธยมเราเคยมีเรื่องผิดใจกันเลยทำเหมือนไม่รู้จักกันแต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว” มันพูดแล้วหันมายิ้มให้ผม
“กูว่าแล้วว่าทำไมเวลาพวกมึงสองคนมองกันมันดูแปลกๆเหมือนมีอะไรแต่กูก็ไม่ได้เอะใจ” พอร์ชมันเอ่ยออกมา
“ถามจริง? เคยมีอะไรกันยัง?” ไอ้เปอร์มันถามคำถามโคตรน่าเกลียดจนผมอดไม่ได้เลยด่ามันกลับไป
“ไอ้เหี้ยเปอร์มึงถามเหี้ยอะไรวะ กูไม่ตอบเว้ย” ผมตอบมันกลับไปแต่หน้าผมตอนนี้เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีแดงอมชมพูไปแล้ว
“กูไม่ได้ให้มึงตอบ แต่กูจะให้สกายตอบ” มันยังหน้าด้านหันไปถามไอ้สกายต่อ ผมส่งสายตาอำมหิตให้ไอ้สกายทันทีเชิงสื่อว่าถ้ามึงพูดมึงตาย!
“คือ...จะพูดยังไงดีล่ะ” มันพูดพร้อมกับเอามือไปเกาหลังคออย่างเขินๆ เวลามันเขินก็น่ารักไปอีกแบบนะเนี่ย
“ไม่ต้องเขินเว้ยลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับสิวะ” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นมาผมได้ยินก็ชี้หน้ามันทันที
“จริงๆแล้วก็เคยครั้งนึงล่ะ แต่สมัยมัธยมก็หลายครั้งอยู่” มันพูดไปยิ้มไปแต่ผมนี่สิแทบเอาปี๊บคุมหัวแล้ว ก็เพื่อนๆทั้งกลุ่มมันพากันหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้สกายมันจะมีโมเม้นท์ซื่อๆแบบนี้ แต่ก่อนนี่นะอย่างกับซาตาน
“ไอ้เหี้ยสกายกูเสียหายนะเว้ย” ผมด่ามันออกไปพร้อมกับชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“เสียหายเหี้ยอะไรท้องก็ท้องไม่ได้สกายมันทำถูกแล้วโว้ยไอ้ปอม” สนิมมันพูดเข้าข้างไอ้สกาย
“จำไว้เลยต่อไปนี้มึงจะไม่ได้อะไรจากกูอีก” ผมคาดโทษมันไว้
“โอ๋ๆ เค้าขอโทษน้า ก็คนมันซื่ออ่ะเพื่อนถามมากูก็ตอบไปตามความจริง” มันพูดจาแบบใสซื่อแล้วเอียงศีรษะมาซบที่บ่าของผมอย่างอ้อนๆแต่จริงๆมันกวนผมครับผมรู้
“โอ้ย! อย่ามาหวานกันแถวนี้กูอิจฉาโว้ย!” เปอร์มันพูดเสียงดัง
“ปล่อยมันเถอะเปอร์ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ล่ะอีกหน่อยมึงคงจะได้อุ้มหลานแน่ๆ” ดาวมันเอ่ยออกมาแกมตลก
“ตอนนี้ทุกเรื่องก็ลงตัวหมดแล้วกูว่าวันหยุดต่อเนื่องสามวันสัปดาห์หน้าเราไปเที่ยวทะเลกันไหมวะ” พอร์ชเสนอขึ้นมา
ผมเองก็เห็นด้วยนะที่จะได้ไปคลายเครียดซะบ้างผ่านเรื่องร้ายๆมาก็เยอะ ดีเหมือนกันผมจะได้ชวนชวนปังปอนด์ไปด้วยเพราะอยากให้น้องมันสบายใจขึ้นและได้ไปพักผ่อนสมองด้วย
“กูเห็นด้วยไปกันหมดนี่ล่ะจะได้ไปพักผ่อนสมองบ้างไหนจะเรื่องเรียนไหนจะเรื่องไอ้ปอมทำเอาซะกูหัวหมุนเหมือนกันนะเนี่ย” เปอร์มันบอกดูท่าคนที่เครียดหนักกว่าผมน่าจะเป็นมันนะครับ ฮ่าๆ
“กูว่าจะชวนน้องไปด้วยได้ป่ะ”
“เอาสิไปกันเยอะๆ ไปเช่าบ้านพักริมทะเล ปิ้งย่างอาหารทะเล เล่นกีตาร์ โอ๊ย! พูดแล้วก็อยากไปซะตอนนี้เลย” เป็นไอ้เปอร์อีกแล้วครับมันช่างเพ้อฝันอะไรเบอร์นี้
“เคๆถ้างั้นตามนี้ห้ามใครถอนตัวนะมึงกูโกรธจริงๆด้วย” พอร์ชมันบอกกับทุกคน
พวกเราคุยกันได้ไม่นานก็พากันแยกย้ายกลับ
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถไอ้สกายมันกำลังจะไปส่งผมที่หอพักแต่ดูท่าทางแล้วมันคงพาผมไปคอนโดมันมากกว่า
“สรุปมึงจะไปส่งกูที่คอนโดมึงว่างั้น” ผมเอ่ยแล้วหันไปมองหน้ามัน
“อ้าว! กูบอกว่าจะไปส่งมึงที่หอเหรอ” มันทำหน้าตากวนตีนใส่ผม
“มึงอย่าหวังนะว่ามึงจะได้อีกกูบอกแล้วไงว่าไม่มีทาง” ผมพูดย้ำกับมันก็ไปห้องมันทีไรต้องมีเรื่องนี้ตลอด
“กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ยให้โอกาสกูหน่อยนะครับที่รัก” มันพูดเสียงอ้อน
“โนเวย์” ผมบอกแล้วนั่งเงียบและเล่นโทรศัพท์มือถือไปตลอดทาง
มันพาผมมาที่คอนโดมันจริงๆ ผมก็ยอมตามมันไปแต่โดยดี ผมรู้สึกว่าช่วงนี้มันจะยิ้มแย้มและอารมณ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นเพราะผมหรือเปล่า(แอบคิดเข้าข้างตัวเอง) แต่ถึงอย่างไรมันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วถ้ามันมีความสุขผมก็มีความสุขตามไปด้วย
“เชิญครับคุณแฟน” มันจอดรถแล้วรีบเดินออกมาเปิดประตูรถให้ ในใจผมนี่มันพองโตมากแต่สีหน้าต้องนิ่งเอาไว้ก่อนกลัวมันได้ใจ
“ใครเป็นแฟนมึงวะยังไม่ได้เป็นแฟนโว้ยแค่ดูๆกันอยู่แค่นั้น” ผมบอกมัน
“ก็เหมือนๆกันนั่นล่ะป่ะขึ้นห้องกัน” มันพูดแล้วเดินมาโอบไหล่ผมทันที แต่ผมไหวตัวทันรีบเดินนำหน้ามันไปก่อน
ตอนนี้ผมเดินมาถึงหน้าห้องก่อนมันแล้วยืนรอให้มันมาไขกุญแจ เมื่อเดินมาถึงมันเอาแต่ยิ้มให้ผมแล้วก็เคาะประตูทันที ผมเองก็ยืนงงว่าใครอยู่ในห้องมันนะหรือจะเป็นไอ้ตี๋ผมคิดในใจ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
คนที่เปิดประตูออกมานั้นเป็นหญิงวัยกลางคนดูท่าทางแล้วน่าจะอายุอานามราวสี่สิบต้นๆ ผมคิดในใจทันทีว่าน่าจะเป็นแม่มันหรือเปล่า
“สวัสดีครับแม่” มันยกมือไหว้แล้วก็ยิ้มให้ ผมได้ยินก็ยกมือขึ้นไหว้โดยอัตโนมัติทันที
“เข้ามาก่อนลูก” แม่ไอ้สกายบอกกับผมแล้วยิ้มให้อย่างใจดี แม่มันสวยมากจริงๆขนาดมีอายุแล้วนะเนี่ย
“คนนี้ใช่ไหม” แม่มันถามขึ้นมาขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆไอ้สกาย
“ครับแม่เป็นไงน่ารักอย่างที่บอกไหม” มันตอบ ผมนั่งงงสองแม่ลูกเค้าคุยกันเรื่องผม ไอ้สกายมันพูดอะไรเกี่ยวกับผมให้แม่มันฟังนะผมเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก
“หนูปอมน่ารักมาก” แม่ท่านยิ้มมาให้ผม ผมเองก็ยิ้มตอบทันที
“ขะ...ขอบคุณครับแม่” ผมยิ้มรับ
“เดี๋ยวแม่ไปเอาเครื่องดื่มมาให้นะ แม่ทำน้ำส้มคั้นไว้ในครัว”
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปเองก็ได้ครับแม่” ผมบอก
“ไม่ต้องๆ แม่ไปเอาเองก็ได้หนูเป็นแขกนะลูก” พูดจบแม่ไอ้สกายก็เดินเข้าไปในครัว
“มึงพูดอะไรกับแม่มึงบ้างบอกมาเดี๋ยวนี้” ผมเริ่มมองมันตาขวางพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษ
“เปล่านะโว้ย กูบอกแค่ว่าวันนี้จะพาลูกสะใภ้มาแนะนำก็แค่นั้น” มันบอกผมหน้าตาเฉย
“มึงบ้าไปแล้วไปบอกแม่แบบนั้นได้ยังไงกัน”
“ก็จริงไหมล่ะมึงกับกูมีอะไรกันแล้วแถมหลายครั้งด้วยนะมึงเป็นเมียกูแล้วก็ต้องเป็นลูกสะใภ้แม่กูด้วยสิวะ” มันอธิบายเหตุผลที่ค่อนข้างจะเข้าประตูมันฝ่ายเดียวให้ผมฟัง
“มึงนี่มัดมือชกกูตลอดเลยนะ อย่าให้ถึงตากูบ้าง” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน
“มาแล้วจ้า” แม่ท่านถือแก้วน้ำส้มคั้นมาสองแก้วแล้ววางให้พวกผมคนละแก้ว
“ขอบคุณครับแม่” ผมรับแก้วน้ำส้มมาแล้วจิบทันที
“กินให้หมดเลยนะแม่คั้นเองกับมือ”
“ครับผม” ผมบอก
“หนูปอมแม่ฝากดูแลสกายด้วยนะลูก” อยู่ๆแม่ท่านก็เอ่ยขึ้นมาจนผมทำหน้าเหวอ สงสัยคิดว่าผมเป็นลูกสะใภ้ท่านจริงๆไปซะแล้วมั้ง ฮ่าๆๆ
“คะ...ครับ” ผมตอบกลับไปอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก
“สกายรักหนูมากนะลูก แม่เพิ่งมาอยู่ที่นี่แค่สัปดาห์เดียวเองแต่ลูกชายแม่พูดเรื่องหนูให้ฟังทุกวันจนแม่ต้องบอกให้พาตัวมาให้แม่ดูวันนี้ไง” ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ท่านพูดเหมือนรู้จักผมมากเหลือเกินเพราะไอ้คนที่อยู่ข้างๆนี่เอง ผมมองหน้ามันแล้วก็ยิ้มให้ มันเองก็ยิ้มตอบผมรู้ว่ามันเขินมากที่แม่มันพูดเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง ผมเลยเอาใจมันและแม่สามีซะหน่อย ผมเอื้อมมือไปกุมมือมันไว้เราจับมือกันแน่นต่อหน้าแม่ ท่านเห็นแล้วก็ยิ้มให้เราทั้งสอง
“ผมจะคอยเป็นเพื่อนและดูแลสกายแทนแม่ให้ดีที่สุดครับ” ผมตอบอย่างมั่นใจ
“ถึงแม้บางครั้งลูกชายแม่คนนี้จะเอาแต่ใจบ้างก็อย่าถือสาเลยนะ อีกสองวันแม่ก็จะกลับอังกฤษแล้วเห็นแบบนี้แม่ก็หายห่วง”
“ผมเองก็จะพยายามทำตัวเป็นเด็กดีครับแม่ แล้วก็จะดูแลลูกสะใภ้แม่ให้ดีที่สุดเหมือนกันครับ” มันพูดกับแม่มันด้วยท่าทางจริงจัง
“ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหนูปอมโทรหาแม่ได้ตลอดเลยนะจ๊ะเดี๋ยวแม่มาจัดการเอง” ดูท่าทางแม่ท่านจะเข้าข้างผมมากกว่าลูกชายตัวเองแล้ว รู้ไหมว่าใครใหญ่ฮ่าๆๆ
“ครับแม่” ผมยิ้มให้ท่าน
“แล้วถ้าลูกสะใภ้แม่ทำอะไรผมล่ะครับ”
“ก็ให้ทำไปแม่ไม่ว่าหรอกจัดการเลยนะหนูปอม”
มันทำหน้าทำตาอย่างกับเด็กโดนขัดใจซะอย่างนั้น เวลามันอยู่กับแม่ดูมันมีความสุขมากเหลือเกินแถมยังมีความออดอ้อนแม่อย่างกับเด็ก สงสัยนี่เป็นสาเหตุที่มันมีปมเรื่องนี้สงสัยคงจะเคลียร์ปัญหาครอบครัวกันได้แล้วเห็นอย่างนี้ผมเองก็โล่งใจที่เรื่องดีๆมันกำลังจะเข้ามาหาเราทั้งสองคน
เราคุยกันได้สักพักผมก็ขอตัวกลับแน่นอนว่าไอ้สกายมันเป็นคนมาส่งผมที่หอพักและคืนนั้นมันก็ชนะผมจนได้มันค้างที่หอผมและผมเองก็สมยอมมันไปหลายรอบเลยทีเดียว
*-*-*-*-*-*
@ทะเล๊ ทะเล
ตอนนี้พวกผมมาถึงทะเลเรียบร้อยแล้วพวกเราทั้งสิบเอ็ดคนยืนอยู่ริมชายหาดสีขาวมีน้ำทะเลใสๆ ซัดคลื่นมาที่ชายฝั่งเสียงดังเป็นระยะๆ ทุกคนคงจะสงสัยว่าทำไมมีตั้งสิบเอ็ดคนผมจะนับให้ดูครับ มีผม ไอ้สกาย พอร์ช เปอร์ สนิม ดาว บีม เอิ้น ปังปอนด์ ตอง และนพ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ‘นพ’ มาด้วยได้ยังไงนั่นก็เพราะปังปอนด์เป็นคนชวนมาเอง ผมแอบคิดว่านั่นอาจจะเป็นรักครั้งใหม่ของน้องชายผมและตอนนี้ตี๋กับปังปอนด์เองก็ได้เลิกรากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตองเองมันก็นอยด์มากพอสมควรที่พี่ชายมันทำให้ปังปอนด์เสียใจ แต่ดูท่าทางแล้วมันก็แอบเชียร์นพอยู่เหมือนกัน เห็นว่านพแอบชอบปังปอนด์มานานแล้วถึงขนาดกับแอบเอาดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะในห้องเรียนให้ปังปอนด์อยูบ่อยๆ ผมหวังว่าการที่มีคนรักในวัยเดียวกันอาจจะทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันง่ายขึ้น และการมีเวลาอยู่ด้วยกันมันจะได้ไม่ต้องมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเกิดขึ้นเหมือนตอนคบกับไอ้ตี๋
“เดี๋ยวพวกกูจะไปเตรียมอุปกรณ์ปิ้งย่างก่อนะเว้ย” ไอ้พอร์ชมันเอ่ยขึ้นขณะที่พวกผมกำลังนั่งอยู่ริมหาด
“ไปด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ” ผมบอกมัน
“ไม่เป็นไรกูอยากให้มึงกับแฟนได้นั่งชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากันสองต่อสองคงจะโรแมนติกน่าดู” สนิมมันเอ่ยขึ้นมา ก็จริงตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้วแสงสีส้มอ่อนๆเริ่มตกกระทบลงบนน้ำทะเลจนเป็นสีส้มไปทั่วทั้งอ่าวแล้ว
“อยู่กับกูที่นี่ก่อนกูมีอะไรจะพูดด้วย เดี๋ยวค่อยตามไปทีหลังก็ได้” ไอ้สกายมันบอก
“อื้ม” ผมมองหน้ามันแล้วก็พยักหน้า
“พวกกูไปล่ะ” พูดจบพวกเพื่อนๆผมรวมถึงน้องๆก็พากันกลับเข้าไปในบ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดมากนัก
ตอนนี้เหลือผมกับไอ้สกายสองคนนั่งอยู่บนชายหาดบรรยากาศมันช่างโรแมนติกมากเหลือเกิน ผมมองไปที่อีกฝั่งของท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ได้ลงมาบรรจบกับท้องทะเลมันเป็นภาพที่สวยงามมากเหลือเกิน
“มานั่งนี่มา” มันบอกผมไปนั่งที่ตักมันแล้วยิ้มให้ผม
“ไม่เอาที่นั่งเยอะแยะ” ผมบอกแล้วหันหน้าไปที่ทะเลต่อ
“เฮ้ย!” ผมร้องออกมาเสียงหลงเมื่ออยู่ๆมันก็จับตัวผมไปนั่งที่ตักของมันแล้วก็โอบกอดผมไว้ทันที
“อยู่นิ่งๆสิครับที่รัก” มันพูดเสียงเบาใกล้ๆใบหูผม
“พูดเพราะก็เป็นเหรอ” ผมเอ่ยถามออกไป ตอนที่มันพูดผมแทบจะละลายไปทั้งตัว คนอะไรเวลาพูดเพราะแล้วมันจะมีเสน่ห์ขนาดนี้ ถ้าหากเจอกันครั้งแรกแล้วมันพูดกับผมแบบนี้ผมจะถวายตัวให้มันตั้งแต่ครั้งแรกเลยล่ะครับ
“ก็อยากพูดเพราะกับเมียตัวเองบ้างเผื่อคืนนี้เมียจะใจดีให้สักครั้งสองครั้ง” มันพูดพร้อมกับมาหอมที่ขมับผมฟอดใหญ่ไอ้นี่มันเอาทุกเม็ดจริงๆ
“หื่นตลอดเลยนะมึงอ่ะ” ผมตอบไปแต่ก็ยิ้มไป
“ไม่หื่นก็ไม่ใช่สกายล่ะคร้าบบ”
“รู้ตัวก็ดี”
เราเงียบกันสักพักอยู่ๆ มันก็เอ่ยขึ้นมา
“ขอบคุณนะที่เข้ามาในชีวิตกู” มันเอ่ยพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้
“อื้ม” ผมตอบกลับไปสั้นๆ แต่มันจะรู้ไหมว่าตอนนี้ผมยิ้มแก้มจะปริอยู่แล้ว มันมีความสุขมากเหลือเกิน
“กูสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายคนนึงว่ากูจะดูแลมึงตลอดไป”
“สัญญาแล้วนะ” ผมเปลี่ยนท่านั่งหันกลับมาจ้องหน้ามัน มันเองจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นแล้วก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ยื่นมือมาสิ” มันบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้แล้วก็สวมแหวนให้ผม ผมกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจไว้ไม่ได้มันตื้นตันไปหมด
“ตอนนี้หมั้นไว้ก่อนเป็นเมียกูแล้วห้ามไปมองผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้นนะเว้ย” มันบอกแล้วยิ้มให้ผม หลังจากนั้นมันก็เอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่แก้มให้ผมอย่างเบามือ
“ขี้แยจังไม่ใช่เด็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ” มันว่า
“ขอบคุณนะ กูรักมึงมากนะรู้ไหม ฮึก” ผมบอกมันพร้อมกับร้องไห้สะอื้นไปด้วย
“กูรักมึงมากกว่ารู้ไว้ด้วย”
ผมไม่รีรอรีบยื่นหน้าเข้าไปประกบจูบมันทันที ผมใช้มือทั้งสองข้างกอดคอมันไว้ขณะที่เราทั้งสองคนกำลังดูดดื่มกับรสชาติของความหอมหวานของกันและกัน มันเป็นจูบที่สุดแสนจะประทับใจมากที่สุดในชีวิตของผมท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกอย่างนี้ ผมจะรักไอ้สกายคนนี้ตลอดไป...
Happy Ending.
--------------------------------------------
เรื่องนี้จบแล้วขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ และขอฝากนิยายเรื่องใหม่ 'MY CAPTAIN ภารกิจฝึกรัก' ไว้ด้วยนะครับ