THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 10
Versace
07:07
2 สัปดาห์ก่อนสอบกลางภาค
เช้าวันเสาร์ที่ผมอยากจะตื่นสายซะหน่อย แต่ก็ดันมีคนโทรเข้ามากวนให้ต้องตื่นตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าเขารอเวลาให้เลขสวยอยู่รึเปล่า ถึงได้โทรเข้ามาได้ตรงเวลาเป๊ะ เจ็ดโมงเจ็ดนาที แต่อย่าหวังว่าคนอย่างผมจะยอมรับสายของเขาตั้งแต่ครั้งแรก เพราะกว่าผมจะเอื้อมมือไปสไลด์หน้าจอเพื่อรับสายก็ปาไปเกือบเจ็ดโมงสิบห้า
นับถือในความพยายามโทรของเพชร แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เขาชักจะเอาใหญ่
เอ่อ...ไม่ใช่เอาแบบนั้นนะครับ
ผมหมายถึงชักจะเหิมเกริม ทำมาเป็นชวนไปนั่นไปนี่บ่อยขึ้น
ทำเหมือนกับว่าตัวเองจีบผมติดแล้วอะไรอย่างงั้น
แต่เอาเถอะนี่ก็รู้จักกันมาพอสมควรแล้ว น่าจะเกิน 2 เดือนละ
ถ้าผมจะไปไหนมาไหนกับเพชรบ้าง ก็คงจะไม่เสียหายอะไร
อีกอย่าง...ผมกับเพชรก็จูบกันไปแล้วเรียบร้อย
เหลือแค่มีอะไรกันเท่านั้น ก็จะครบสูตร > <
เออ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แม่งสยิวแปลกๆ ผมยังไม่อยากมีเลยว่ะ
เพราะหลังจากคืนนั้นที่ผมเมา ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสให้เกิดเหตุการณ์อย่างว่าขึ้นอีกหลายรอบ
เพียงแต่เราทั้งสองกำลังพยายามหักห้ามใจกันอยู่ ซึ่งมันจะห้ามได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว
จิตสำนึกของผมกับเขามันบอกว่าไม่ แต่ฮอร์โมนที่พุ่งพล่านมันโหยหาสิ่งที่มันตรงกันข้ามกับจิตสำนึก
ผมเลยแอบมีเซ้นส์ว่ามันก็คงจะเร็วๆ นี้แหละ
ผมแค่อยากใช้คำว่าแฟนก่อน แล้วค่อยเมคเลิฟกัน
แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็ไม่เป็นไร ผมไม่ซีเรียส นี่มันปี 2017 แล้ว อย่าได้แคร์
15:44
หลังจากที่อาบน้ำพร้อมกับบำรุงผิวในช่วงบ่ายเสร็จเรียบร้อย เชิ้ตตัวใหญ่สีน้ำเงินลายซับซ้อนแบรนด์ Versace ก็ถูกหยิบมาสวมกับเข้ากับกางเกงขายาวพอดีตัวสีขาวแบรนด์เดียวกัน ฉีดน้ำหอมเพิ่มความสดชื่น จากนั้นผมก็เช็คลุคตัวเองในกระจก ก่อนจะเดินออกมาสวมรองเท้าที่ตู้รองเท้าด้านหน้า วันนี้ผมเลือกรองเท้าแตะคู่สีขาวให้เข้ากับกางเกง แล้วหยิบกระเป๋าถือใบเล็กสีน้ำเงินที่ด้านในใส่ของใช้จำเป็นเอาไว้ พร้อมกับหย่อนไอโฟนสีแดงที่ไม่แมทซ์กับอะไรเลยลงไปในนั้นเพื่อไม่ให้สีมันโดดออกมา
เพชรนั่งรอผมอยู่ที่ล็อบบี้ วันนี้เขาแต่งตัวเหมือนกับพวกนักซิ่งมอเตอร์ไซค์
นั่นทำให้ผมใจไม่ค่อยดี เพราะกลัวในสิ่งที่ตัวเองแอบคิดเอาไว้
ทันทีที่เขาเห็นผม คนที่นั่งรออยู่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้
ส่วนผมตอนนี้น่ะหรอ เอาแต่มองคนตรงหน้าอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไม่ไปรถมอ’ไซค์นะ!”
คำทักทายของผมไม่ใช่คำว่าสวัสดี แต่มันก็น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ เพราะดูจากการแต่งกายบวกกับรอยยิ้มร้ายของเขา ผมคิดว่าเพชรคงมีแผนจะพาผมแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ไปไหนสักแห่ง
และแน่นอนว่าผมไม่เคยคิดผิด
“โถ่คุณ ไปมอเตอร์ไซค์ก็ไม่เสียหายอะไรซะหน่อย”
“พูดอะไรให้เกียรติ Versace บนตัวเราด้วย”
ผมพูดตอบแล้วเชิดหน้าใส่ ได้โปรดเถอะ ทั้งตัวผมนี่เกินแสนแล้วนะ
“Versace ของคุณ ก็เหมาะกับบิ๊คไบค์ BMW ของผมดีออก”
“ดีออกนะสิ! ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบ จะ BMW ก็เถอะ มันก็มอ’ไซค์อยู่ดี”
“เปิดใจสิคุณ ลองเปิดใจ”
“เปิดใจอะไร เราบอกว่าไม่ ก็คือไม่”
“นะคุณณณณ”
“ไม่เว้ย...ฟังนะ เราไม่อยากเป็นสก็อย”
ทำไมผมต้องมาพูดอะไรซ้ำไปซ้ำมาด้วย สองเดือนที่ผ่านมาผมพูดคำนี้ไม่รู้กี่รอบ
บ้าบอจริง
ระหว่างที่กำลังจะโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ผมก็เหลือบไปเห็นตัวเองในกระจก
ถ้าใครผ่านมาเห็นเราสองคนในตอนนี้ละก็ คงจะนึกว่าเรากำลังทะเลาะกันอยู่แน่นอน ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างงั้น แม้มันจะเป็นอย่างงั้นก็ตามเถอะ
ภาพลักษณ์เก๋ๆ ที่ผมสร้างให้คนในคอนโดจดจำจะต้องไม่มาพังลงเพราะเขา
ว่าแล้วผมก็ฉีกยิ้มกว้าง ทำตาใส จ้องร่างสูงตรงหน้าแล้วพูดด้วยเสียงหวาน
“ก็บอกว่าไม่ เข้าใจมั้ยครับ
…ถ้าคุณเพชร ยังจีบเราด้วยการพานั่งมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนแบบนี้
คุณเพชรคงไม่มีทางจีบเราติด”
เขาดูเหมือนจะงงในท่าทางของผม เพชรนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วยิ้มกว้างตอบกลับมา
กวนตีนไม่เบา
“แฮ่ๆ
คุณหงส์ไม่ดื้อนะครับ ก็ไหนคุณหงส์รับปากกับผมแล้ว ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน”
“รับปากครับ แต่ก็ไม่ใช่ต้องมาตากแดด ตากลมไปเที่ยวแบบนี้นะครับ”
“จะไปดีๆ หรือจะให้ผมอุ้มครับ”
เพชรขู่ผม เขาไม่พูดเปล่าแต่ขยับเข้ามาใกล้ตัวผมมากขึ้นด้วย
“ก็ลองอุ้มดูสิครับ จะโวยวายให้คนเค้ารู้กันทั่วเลย”
“คุณหงส์ไม่กล้าโวยวายหรอกครับ เดี๋ยวเสียอิมเมจ หึ”
ไม่ต้องมาแยกเขี้ยวใส่
“อย่ามารู้ทันนะครับ” ผมเริ่มกัดฟันพูด
พอหันกลับไปมองในกระจกอีกที ก็ดูเป็นรอยยิ้มที่ดูตอแหลใช้ได้
“เห้ย”
ละจังหวะที่ผมมัวแต่มองกระจก เพชรก็ก้มลงมาช้อนตัวผมแล้วก็อุ้มผมขึ้นทันที
สุดท้ายผมก็ต้องยอมขึ้นมานั่งซ้อนท้ายบนรถมอเตอร์ไซค์บิ๊คไบค์ของเขา
เพชรสวมหมวกกันน็อคให้ผมเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ผมถูกบังคับให้ใส่เสื้อแขนยาวกันแดด หน้ากากกันลม แล้วก็อุปกรณ์อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
ระหว่างทางผมก็นึกโมโหเพชรอยู่ในใจ แล้วก็ใช้ความคิดว่าจะเอาคืนในความเผด็จการของเขายังไงดี มีอย่างที่ไหนมาบังคับขู่เข็น รวมถึงใช้กำลังในการอุ้มผม รู้งี้ไม่มาด้วยก็ดี แถมตอนออกรถยังแกล้งด้วยการออกตัวแบบกระชากอีก ทำให้ผมต้องกอดเอวเขาไว้แน่นเพราะกลัวจะตกอย่างนี้
พอหลุดจากภวังค์ความคิดแล้วหันออกไปมองบรรยากาศรอบข้าง
ก็พบว่า ตอนนี้ไม่มีตึกสูงระฟ้าเหลืออยู่แล้ว
แปลว่านี่มันออกมานอกเขตกรุงเทพแล้วใช่มั้ย เขาจะพาผมไปไหนเนี่ย
เห็นท่าไม่ดี ผมเลยรีบยืดคอขึ้นแล้วตะโกนถามคนข้างหน้า
“จะพาไปไหน ทำไมออกมานอกเมือง”
“เอาน่า เดี๋ยวคุณก็รู้” เพชรตะโกนตอบผมพร้อมกับชะลอความเร็วลง
“เพชร มันไม่ตลกนะ จะมาทำแบบนี้ไม่ได้” ผมขึ้นเสียงแล้วทำหน้าตึงใส่ แม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม
“ใครเค้าตลกตอนขี่รถล่ะคุณ”
ดูเหมือนว่าคนด้านหน้าจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ผมเลยต้องกระตุ้นซะหน่อย
“ถ้าไม่ยอมตอบ เราจะจับ” ผมขู่เสียงแข็ง
“จับอะไรล่ะคุณณณ” นอกจากจะไม่รู้สึกรู้สา เพชรยังคงตลกกับคำพูดของผม
แต่ผมไม่ตลก ว่าแล้วผมก็เลื่อนมือที่กอดเอวเขาอยู่ ลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงหัวเข็มขัด
“เห้ยยย คุณหงส์ไม่เล่นแบบนี้”
เริ่มกลัวแล้วล่ะสิ หึ
“เอาไง จะบอกไม่บอก ไม่งั้นจับ”
เพชรเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะพูดขึ้น
“อืมม ก็แล้วแต่คุณนะ ถ้าผมไม่ไหวแล้วลากคุณลงไปทุ่งนาแถวนี้ก็อย่าว่ากัน”
“ยี้ น่าเกลียดอ่ะเพชร” คำพูดของเพชรทำให้ผมกระชากมือออกจากตัวเขาอย่างอัตโนมัติ
หลังจากนั้นผมก็ยอมนั่งโง่ๆ แต่โดยดี
มีอย่างที่ไหนมาพูดว่าจะพาผมไปปู้ยี่ปู้ยำในทุ่งนา
คนอย่างผม ต้องโรงแรมหรูห้าดาว มองออกไปเห็นวิวระดับไฮเอน
รู้งี้ไปจิบชายามบ่ายกับพี่แฟรงค์ก็ดี พี่เขาอุตส่าห์โทรชวน แต่ผมปฏิเสธไป
เอาเถอะคิดมากไปก็ย้อนเวลาไม่ได้อยู่ดี ผมจึงได้แต่ภาวนาให้ถึงที่หมายเร็วๆ
เกือบสองชั่วโมงที่ผมต้องนั่งคล่อมบนบิ๊คไบค์คันโต ทันทีที่เพชรจอดรถผมก็กระโดดลงแล้วถอดอุปกรณ์ทุกอย่างออกเขวี้ยงใส่ตัวเขา แล้วยืนบิดตัวยืดเส้นยืดสายให้ความเมื่อยล้าเข้ามาเยือน พร้อมกับเตรียมจัดหนักที่พาผมมาทรมานขนาดนี้
“นี่คุณ”
ผมเอามือสองข้างเท้าสะเอว ทำท่าจะด่าเพชร
แต่ดูท่าแล้วมันเหมือนเจ๊เก็บแชร์ในตลาด เลยต้องเอามือออกแล้วกุมไว้ด้านหลังแทน
“ว่ามาเลยครับ”
เจ้าตัวดูเหมือนจะรู้ชะตากรรม เพชรหันหลังพิงรถแล้วกอดอกนิ่ง ท่าทางชิล
“บอกแล้วไงว่าชอบ ไม่ชอบอะไรแบบนี้ นี่พาเราขับมาไกลถึงพัทยา จะบ้าไปแล้ว”
ใช่ครับ ตอนนี้ผมกับเขาอยู่พัทยา จอดรถอยู่ตรงหน้าเซ็นทรัล ฝั่งตรงข้ามคือทะเล
“แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าเราไม่ชอบมอ’ไซค์ บอกกี่ครั้งแล้ว มันเหนื่อย มันร้อนเข้าใจป๊ะ
ดีนะที่มันเริ่มเย็นลงแล้ว ก็เลยไม่ร้อนมาก
ถ้าวันนี้แดดเปรี้ยงนะ เราไม่อยากจะคิดภาพเลย ว่าผิวเราจะไหม้ขนาดไหน
แล้วก็จะบอกว่า ถ้าอยากจีบเราให้ติด จากนี้ไปได้โปรดเอารถยนต์มารับด้วย
ต่อให้บิ๊คไบค์จะยี่ห้ออะไรก็เถอะ ไม่เวิร์คว่ะ!
ที่บ้านก็ทำธุรกิจอัญมณีใหญ่โต น่าจะซื้อรถยนต์ได้นะ
หรือถ้าไม่มีจะไปเช่า ไปทำยังไงมาก็ได้
ส่วนขากลับช่วยไปหารถยนต์มาพาเรากลับด้วย
แต่ถ้าหาไม่ได้เราจะให้ลุงชัย คนขับรถที่บ้านมารับ
นี่เราไม่คิดเลย ว่าชีวิตจะต้องมาถึงจุดนี้
แล้วรู้มะ...
...อื้ออ
อื้ออ”
ไอ้เพชรบ้า ระหว่างที่ผมกำลังบ่นอย่างคนเลือดพุ่งพล่าน
เพชรที่ยืนอมยิ้มมุมปากอยู่ก็โน้มตัวลงมา แล้วเอาปากมาประกบปากผม
แถมเขายังมือไว เอื้อมมือมาโอบแก้มผมไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด
ไม่รู้ว่าผมหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วทำไมไม่ขัดขืน แล้วด่าต่อ
โว้ยยย
รู้ตัวอีกทีริมฝีปากนุ่มของเพชร ก็ค่อยๆ บดขยี้ริมฝีปากบางของผมเบาๆ
มันเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ดูมั่นคง สุดท้ายสัมผัสของเขาก็ทำให้ผมเย็นลง
พอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ผมก็รีบลืมตาขึ้นมาแล้วถลึงตาใส่คนฉวยโอกาส
ดีนะที่ผู้คนรอบข้างไม่ได้สนใจ หรืออาจจะสนใจแต่ผมไม่เห็นเพราะมัวแต่หลับตา
เออ ช่างมันเถอะ ขอเคลียร์กับคนตรงหน้าก่อน
ทันทีที่ผมจะอ้าปากพูด เพชรก็แย่งพูดซะก่อน
“จะเงียบได้รึยังครับ
หื้มมม”
ยังมีหน้ามาทำเสียงนุ่มใส่
ใครสอนให้ทำหน้าแบบนั้นวะ คิดว่าแบ๊วหรอ แล้วอะไรคือเอามือมายีหัวผมเล่น
นี่ไม่ใช่ตุ๊กตานะ
ทำแบบนี้คิดว่าจะเคลิ้มหรอ
.
.
เออ
เคลิ้ม
เพชรน็อคผมได้ถูกจุด
หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นลูกแมวเหมียวที่คุณเพชรจูงมือเข้าห้าง
ก่อนจะพาขึ้นโรงแรมฮิลตันที่อยู่ด้านบนได้อย่างง่ายดาย
ครับ เขาพาผมขึ้นโรงแรม
แม่งโคตรง่าย แต่ผมก็เหนื่อยรู้สึก แล้วก็อยากพักผ่อนเลยยอมตาม
ระหว่างที่เพชรเดินไปเช็คอิน ผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาไอ้มิว
“มิว ถ้ากูเล่าให้ฟังมึงต้องไม่แตกตื่น เคนะ”
“เค กูจะไม่แตกตื่น” ไอ้มิวรับคำดิบดี น้ำเสียงมันดูตื่นเต้นเสมอ
“คือตอนนี้กูอยู่พัทยากับเพชร ดูท่าคืนนี้น่าจะค้างที่นี่ว่ะ”
ผมพูดเสียงเบาจนเหมือนแทบจะกระซิบ
แต่ไอ้มิวผู้ที่รับปากว่าจะไม่แตกตื่น กลับร้องเสียงดังเมื่อได้ยิน
“เหยดดดดดดด โว้ววววววววววว มึงแม่ง...เพชรดีต่อใจหงส์ เพชรดีต่อใจหงส์”
“เพชรดีต่อใจหงส์บ้าไร! มิว ไหนมึงบอกว่าจะไม่แตกตื่น
สัส กูมีเวลาไม่มาก มึงดึงสติดิ๊”
ผมด่ามันไป การเว่อวังของมันทำให้ผมเสียเวลามาก คนยิ่งกำลังมาแอบคุย
“มึงก็เลยกลัวจะเสียตัวใช่มั้ย”
“เออดิ มึงว่าไงอ่ะ”
“ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก
กูบอกได้แค่ว่าเพชรมันไม่ทำให้มึงเสียใจ”
ผมเบะปาก แล้วมองบน “ทีตอนพี่ภัทรมึงก็พูดงี้ไอ้สัส หะหะ”
“เอาน่า มึงอยู่กับปัจจุบันดิวะ เชื่อกู กูรู้ว่าเพชรจริงใจ” ไอ้นี่ก็เชียร์กูจัง แหม่
“หราาาา”
“เออ ว่าแต่ค้างไหน”
“ฮิลตัน”
“เห็นมั้ย กูบอกแล้วคนอย่างไอ้เพชร มันดีต่อใจมึง”
“เพ้อเจ้อ”
“เพ้อเจ้อมั้ยไม่รู้ รอดูคืนนี้นะจ้ะน้องหงส์คนสวย อัพเดตกูด้วย จุ๊บจุ๊บ”
พอวางสายจากไอ้มิว เพชรก็เดินกลับมาพอดี
เขาพาผมขึ้นห้องพักที่เป็นห้องที่อยู่มุมสุดของตึก
ขณะที่เพชรกำลังเปิดประตู ผมก็ถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“แอบจองห้องพักไว้หรอ”
เพราะดูเหมือนว่าเขาจะแพลนเอาไว้แล้ว ส่วนผมก็ดูเป็นหมากที่มาตามเกมส์
“อื้มม
...คุณค้างที่นี่คืนนึงได้เปล่า”
เพชรตอบผมแล้วเขาก็เปิดประตูห้องออก
ร่างสูงตรงหน้าหันมองกลับมาแล้วผายมือเชิญให้เข้าไปข้างใน
สารภาพตามตรงว่ามันค่อนข้างจะผิดแผนที่ผมคิดเอาไว้ ตอนแรกเข้าใจว่าจะไปกินข้าว ดูหนังในห้างที่กรุงเทพอะไรแบบนั้น ไม่ใช่มานอนค้างอ้างแรมต่างจังหวัดแบบนี้ ไม่งั้นผมคงจะเตรียมเสื้อผ้าที่เข้ากับบรรยากาศทะเลมา นี่คือไม่มีเสื้อผ้ามาเลย
“แล้วถ้าไม่ค้าง เพชรจะไปส่งเราป่ะ” ผมตอบพร้อมกับเดินเข้ามาด้านใน
ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเพชร แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับคนที่สูงกว่า
“ผมไปส่งหงส์ได้นะ
...แต่ห้องนี้....เข้ามาแล้ว
คงจะออกยากหน่อย”
ประตูห้องถูกปิดลง พร้อมกับที่ร่างสูงที่ดันแผ่นหลังไปบังประตูไว้
อืม ดูท่าทางจะออกจากห้องยากจริงด้วย หึ
คนตรงหน้ายกมือสองข้างมาวางบนไหล่ผม
“หายโกรธผมรึยัง
ขอโทษนะครับที่พานั่งมอ’ไซค์มา ไม่คิดว่าหงส์จะไม่ชอบขนาดนี้”
มาโหมดไหนเนี่ย ไม่ทันตั้งตัว
ดวงตาคมฉายแววรู้สึกผิดจนสัมผัสได้ จะว่าไม่ชอบขนาดนั้นมันก็ไม่ใช่หรอกครับ
แค่ห่วงความปลอดภัยมากกว่า
“อื้ม ช่างมันเหอะ”
เห็นแววตาของเขายังไม่ค่อยดีขึ้นเลยส่งยิ้มบางไปให้ทีนึง
ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจภายในห้อง ตรงหน้าผมตอนนี้เป็นห้องนั่งเล่น
ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนที่วางเตียงหันออกระเบียงเห็นวิวทะเลชัดแจ๋ว ส่วนด้านในสุดคือห้องน้ำ
ห้องพักที่นี่บรรยากาศดีเหมือนกันแฮะ
ความจริงผมก็มาทานข้าวที่นี่บ่อย แต่ยังไม่ได้ขึ้นมาพักซะที
นี่จึงเป็นครั้งแรกของผม
แล้วคำพูดของไอ้มิวก็ดังขึ้นมาในหัว
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
‘ปล่อยตามสบายเลยเว่ย อย่าคิดมาก’
โอเค
ตามสบายก็ตามสบาย ไม่คิดมากก็ไม่คิดมาก
พักก็พัก
ค้างก็ค้าง
มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็เลือกอะไรไม่ได้แล้วป่ะ?
“หงส์”
“คุณเรียกตัวเองหรอ”
ผมหันมองคนที่เดินตามเข้ามาก่อนจะหลุดขำ
ผมไม่ได้เรียกตัวเองนะครับ
แต่ผมเรียกหงส์น้อยสีขาวสองตัว ที่จูบปากกันอยู่บนเตียงต่างหาก
“เปล่าเรียกตัวเองนะ” ผมชี้ไปยังผ้าขาวที่ถูกพับเป็นน้องหงส์สองตัวหันหน้าจูบกันเป็นรูปหัวใจเพื่อบอกเพชร
เห็นแล้วอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก มิน่าโรงแรมถึงชอบทำอะไรแบบนี้ไว้ในห้องสวีท
แม้จะเป็นอะไรที่ดูเบสิคแต่ผมชอบมากเลย
“คุณชอบหงส์หรอ”
คำถามของเพชรทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าเขาอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเพชรจะอ่านแววตาผมออก ถึงได้ถามออกมา
ผมพยักหน้ารับ
“ชอบมากอ่ะ เหมือนเรามี passion บางอย่าง อาจจะเพราะว่าเราชื่อหงส์ด้วยมั้ง
.
.
ความหมายของหงส์ก็ดีนะ เป็นสัตว์คู่รัก มันอยู่กันเป็นคู่
หงส์จะรักคู่ของตัวเองมาก รักเดียวใจเดียวเลยแหละ
มีคนบอกว่าถ้าคู่มันตาย อีกตัวก็จะตายตาม
ลองคิดดูดิ จะหาความรักที่โคตรดีแบบนี้ได้จากที่ไหน”
ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่ผมรู้สึกหลงใหลในหงส์จริงๆ
แม้ว่าภายนอกผมจะดูไม่สนใจอะไรนัก แต่ผมก็มีมุมที่อ่อนไหวเหมือนกัน
ถ้าจะบอกว่ามีอะไรที่ผมรักมากอีกอย่างนึง ก็คงจะเป็น หงส์ นี่แหละ
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมชอบลอนดอน ผมไปเกือบทุกปีเพื่อไปดูหงส์ครับ
บรรยากาศสวยๆ ของเมือง มีหงส์สีขาวๆ เล่นน้ำอยู่ มันเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก
พอได้เห็นหงส์ผ้าสีขาวบนเตียง มันเลยทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เลย
ระหว่างที่ผมคิดอะไรเพลินๆ ผมก็เห็นเพชรยุกยิกๆ อยู่ด้านข้าง
“นี่แอบถ่ายรูปหรอ”
รู้ตัวอีกที ก็ถูกแอบถ่ายเข้าให้แล้ว ไม่รู้ว่าเพชรหยิบกล้องตัวโปรดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ดูเหมือนว่าเขาจะชอบถ่ายรูปผมตอนเผลอ สังเกตมาระยะนึงแล้ว
“ขอดูหน่อย”
“ไม่ให้ดู”
ผมพยายามจะแย่งกล้องในมือของเขามาดู
แต่ก็เหมือนทุกครั้ง เพชรไม่ยอมให้ผมดูง่ายๆ สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ เลิกแย่ง
เพชรเลยจับผมให้มานั่งนิ่งๆ ในห้องนั่งเล่น แล้วเขาก็หายไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะเดินกลับมายืนตรงหน้าผม ที่ตอนนี้นอนอยู่บนโซฟาตัวยาว
“ปะ ปะ”
“ไปไหน ไปไหน กำลังสบายเลย” กำลังจะเคลิ้มหลับ มาชวนไปไหนเนี่ย
“มาเหอะน่า ในห้องนี้แหละ”
ว่าแล้วเพชรดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะถูกจูงให้เดินเข้ามาในห้องน้ำ
เขาพาผมไปยังอ่างอาบน้ำที่อยู่บริเวณระเบียงกว้างด้านนอก
ภาพตรงหน้าทำให้ผมค่อนข้างประหลาดใจ เพราะพ่อหนุ่มชุดหนังขับบิ๊คไบค์ที่ตอนนี้เขาสวมเพียงเสื้อยืดด้านในและได้พับขากางเกงยีนส์ขึ้น เขาเข้ามาเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้ผม ในอ่างมีฟองครีมสีขาวฟูจนล้นออกมา ด้านข้างมีโซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่ แถมตอนนี้เพชรยังหยิบชุดคลุมอาบน้ำบนโซฟาขึ้นมายื่นให้ผมอีกด้วย
“แช่น้ำให้สบายนะครับ จะได้หายเหนื่อย”
ดวงตาคมมองผมไม่วางตา
“นี่เตรียมมาจากบ้านป่ะเนี่ย”
ผมรับ bathrobe (ชุดคลุมอาบน้ำ) จากมือของเพชรมาถือไว้แล้วก้มมองมัน
ชุดคลุมอาบน้ำสีแดงพร้อมด้วยสายคาดผูกเอวสีทอง แสดงสัญลักษณ์ที่คุ้นเคย
ก็แบรนด์เดียวกับเสื้อผ้าที่ผมใส่วันนี้อ่ะแหละ
ไม่ใช่ชุดของทางโรงแรมแน่นอน
เพชรไม่ได้ตอบเป็นคำพูด เขาเพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก แล้วเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อให้ผมเม็ดนึง ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปด้านใน ปล่อยให้พื้นที่ตรงส่วนนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผม
ไม่นานเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายของผมทั้งหมด ก็ถูกปลดออก
แล้ววางพาดไว้บนโซฟาที่วางอยู่ไม่ไกล
ผมค่อยๆ แช่ลงไปในอ่างอาบน้ำด้วยความละมุนละไม
มันดีมากครับ : )
ลมเย็นพัดเอื่อยๆ บวกกับความเย็นฉ่ำจากแอร์ในห้อง
ผสมเข้ากับฟองครีมนุ่มที่ถูกลูบไล้วนทั่วผิวกาย
แถมยังมีแสงสวยยามที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินปะทะกับวิวทะเลสวยสุดลูกตา
ต้องบอกว่า โคตรดี
ถ้าได้ไวน์หรือแชมเปญสักแก้ว คงจะเพอร์เฟคที่สุด
ผมเอนตัวพิงอ่างพร้อมกับยกแขนทั้งสองขึ้นพาดขอบ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนจากความเหนื่อยล้า
จะว่าไปก็ต้องยอมรับว่า คุณเพชร ทำการบ้านมาดีจริงๆ
เขารู้ใจผมไปซะหมด
ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกได้ยินเสียงสากลเพลงดังขึ้นจากในห้อง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆ
จนอยู่ไม่ห่างจากหูผม
คนร่างสูงเดินไปเดินมา เหมือนกับกำลังทำอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่ได้สนใจ
เพราะตอนนี้ กำลังปล่อยตัว ปล่อยใจ แล้วก็ปล่อยให้บทเพลงได้บรรเพลงในจังหวะของมัน
ครู่หนึ่งผมจึงลืมตาขึ้น
เพชรกำลังวางเสื้อผ้าของเขาพาดลงบนโซฟาข้างกับเสื้อผ้าของผม
เขากำลังผูกชุดคลุมอาบน้ำแล้วมองมาทางนี้
“แก้วนี้ของคุณครับ”
เหมือนรู้ใจไปซะทุกอย่าง
เพชรหยิบแก้วแชมเปญที่วางอยู่บนโซฟาแล้วยื่นให้ผมแก้วนึง ส่วนในมือของเพชรก็ถือไว้อีกแก้ว
เขายิ้มให้ผม แล้วโน้มตัวลงมา พร้อมกับยื่นแก้วมาชน
“Cheers!!”
ผมจิบเล็กน้อย แล้ววางแก้วลงด้านข้าง ก่อนจะยิ้มให้เพชรอีกครั้ง แล้วละสายตาจากเขา
“ผมนั่งตรงนี้ได้เปล่า” เสียงทุ้มที่ดูนุ่มเหมือนรสชาติแชมเปญพูดถาม
“อื้ม ได้ดิ” ผมตอบแต่ไม่ได้หันไปมอง แต่ก็พอจะเห็นว่าเขานั่งลงด้วยท่าทางระมัดระวัง
“ทำไมถึงรู้ว่าเราอยากแช่น้ำ”
ผมเอียงหน้ามองสันกรามของคนที่นั่งเหยียดขาไขว้กันอยู่พื้นด้านข้าง
เขาใช้ศอกเท้าหลังตัวเองเอาไว้ ในมืออีกข้างยังคงถือแก้วแชมเปญ
ต้องบอกว่าขอบอ่างอาบน้ำอยู่ระดับเดียวกับพื้นครับ ผมกับเพชรเลยไม่ได้อยู่ห่างกันมาก ผมที่แช่อยู่อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าหน่อย
“จำได้ว่าผมเคยนั่งรอคุณแช่น้ำที่คอนโด” ผมพยักหน้ารับแล้วทอดสายตาออกไปยังวิวทะเล
ตอนนี้พระอาทิตย์ตกเรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้ามืดแต่ไม่ถึงกับมืดสนิท
มีแสงจากดวงจันทร์และแสงไฟด้านนอกที่ส่องสว่าง
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ชอบมอเตอร์ไซค์” เพชรถามกลับบ้าง
“ไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่กลัวอุบัติเหตุมากกว่า
ยังไงมันก็ปลอดภัยน้อยกว่ารถยนต์
เข้าใจเราใช่ป่ะ” พูดจบผมก็หันกลับเข้ามามองคนที่อยู่ด้านข้าง
แล้วก็พบว่าเขามองมาที่ผมอยู่
ตาเป็นประกาย
เพชรดูเหมือนจะเขินนิดหน่อยถึงได้รีบหลบตาทันที
นั่นทำให้ผมยกยิ้มออกมาอย่างฝืนตัวเองไม่ได้ จนต้องถามคำถามเขาต่อ
“แล้ววว...ทำไมคุณถึงชื่อเพชร”
“ก็ที่บ้านทำธุรกิจอัญมณี แต่คุณก็รู้แล้วนิครับ”
น้ำเสียงของเพชร ดูเหมือนกำลังจะบอกว่าผมไปแอบสืบเรื่องของเขามาแล้ว
แต่ผมไม่ได้สืบนะ ไอ้มิวต่างหาก มันเล่นไปค้นประวัติที่บ้านเพชรมาให้ผมอ่านซะละเอียดยิบขนาดนั้น มันก็เลยต้องรู้โดยความจำเป็น
“ใช่ เพราะเราเก่ง”
คำตอบของผมทำให้เขายิ้มร้ายที่มุมปาก
ก่อนที่เราสองคนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นมาชน แล้วดื่มจนหมดแก้ว
เพชรลุกขึ้นไปหยิบถังน้ำแข็งที่แช่ขวดแชมเปญมาวางไว้ข้างๆ แล้วเทให้ผมก่อน
“แล้วคุณล่ะ ทำไมชื่อหงส์” เขาพูดถามขณะที่กำลังเทแชมเปญใส่แก้วตัวเอง
“เพราะว่าแม่อยากได้ลูกสาว” เพชรขำกับคำตอบของผม
นั่นทำให้ผมมองค้อนเขากลับไป
“ก็เหมือนได้ลูกสาวจริงๆ”
“เหอะ” ผมเค้นหัวเราะในลำคอแล้วยกแก้วขึ้นมาจิบอีกนิดหน่อย
มองกันไป มองกันมาจนตาเยิ้ม
ผมจึงเอนหลังแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
“มานั่งอยู่ตรงนี้ เพชรรู้มั้ย
...ว่าเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้า”
“รู้ครับ
ฟู่ ฟู่วว” ดูเหมือนเพชรกำลังเป่าฟองครีมที่ล้นอ่าง ให้ปลิวออกจากตัวผม
แต่เขาก็คงแค่แกล้งเท่านั้นแหละมั้ง
“เพชร ไม่แกล้งดิ๊” ผมลืมตาขึ้นแล้วตีแขนเขาเบาๆ
จนทำให้คนที่นั่งเท้าแขนที่พื้นอยู่ เหมือนจะเสียการทรงตัว จนตัวเขาล้มลงมา
เพชรเซลงมาทางผมที่นอนแช่น้ำอยู่
ตอนนี้หน้าเพชรอยู่ห่างกับหน้าผมไม่ถึงคืบ
ดวงตาของเพชรเป็นประกายกว่าที่เคยเป็น
คงเพราะว่าเราไม่ได้เปิดไฟในบริเวณนี้
แสงจันทร์ที่สะท้อนกับนัยน์ตาของเขา
อาจจะทำให้ดวงตาคู่สวยของเขาสว่างมากก็เป็นได้
มันมีประกายเหมือนเพชร
“แล้วหงส์รู้เปล่า...ว่า ถ้าผมถอดชุดคลุมนี้ออก
...มันจะเป็นยังไง”
ดวงตาคมจ้องผมไม่วางตา ริมฝีปากสวยยิ้มนิดหน่อย ก่อนที่ผมหลบตาเขา
แล้วไล่มองชุดคลุมเวอซาเช่สีสวยที่คลุมตัวเพชรเอาไว้
สายตาของผมไล่ลงไปตั้งแต่ปลายคาง เลื่อนลงไปที่อกแกร่ง
เอวของเขาที่มีปมเชือกผูกกันอยู่หลวมๆ
ลงไปจนถึงช่วงขาที่ชุดมันแหวกขึ้นมาเผยให้เห็นต้นขาแกร่งของเขา
บอกตรงๆ ว่า ผมแพ้คนขายาว
ใจมันสั่น สั่นจนผมรู้สึกได้
แล้วผมเลื่อนสายตากลับขึ้นมาสบตากับคนตรงหน้าอีกรอบ
“ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
เพราะว่าไม่เคยเห็น”
พูดจบ ผมก้มมองต่ำเพื่อหลบตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มือหนากลับเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้น เขายกยิ้มมุมปากในจังหวะที่เราสบตากันอย่างมีความหมาย
แล้วริมฝีปากสีสวยก็ขยับเพื่อพูดตอบ
“อยากจะเห็นมั้ยล่ะครับ”
ภายใต้บรรยากาศที่สลัวในตอนนี้
แต่คำตอบของเพชรกลับทำให้ทุกอย่างดูสว่างวาบขึ้นมา
“คือว่า...มันจะดีใช่มั้ยอ่ะ”
ผมยิ้มมุมปาก แล้วก้มมองลงต่ำ
มือหนาของเพชรค่อยๆ
เลื่อนไปคลายปมเชือกผูกเอวของเขาออก
มันคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
ผมรีบยื่นมือไปห้าม แล้วปัดมือของเขาออกไป
ก่อนจะใช้มือตัวเองคลายปมนั้นออกแทน
แบบนี้สิ ถึงจะดีกว่า
Let's take our time tonight, girl
So, baby, let's just turn down the lights and close the door
Ooh, I love that dress, but you won't need it anymore
No, you won't need it no more
Let's just kiss 'til we're naked, bab
Versace on the floor
take it off for me, for me, for me, for me now
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 10
Versace