เปย์ครั้งที่ 12 [2]
:::::
“วันนี้ไม่มีคนมารับรึไง” หลังจากเดินออกจากค่ายมวย เต็มก็เอ่ยถามขึ้น
หลังจากดำชกเสร็จ เต็มก็ซ้อมกับคนอื่นๆ ต่อ ส่วนดำโดนห้อมล้อมจากคนในค่าย ดูท่าจะสนใจดำมากทีเดียว แต่พอเฮียพงษ์ชวนมาเป็นนักมวยในสังกัดดำกลับปฏิเสธ บอกว่าผู้ปกครองคงไม่อนุญาต
ในดวงตาดำวูบไหว ก้มมองร่างกายตัวเองที่แดงช้ำ ภาวนาในใจขอให้หายก่อนคุณสินกลับมาด้วยเถอะ เพราะมัวเมากับสิ่งที่ชอบจนลืมเสียสนิทว่ามีคนคอยเป็นห่วงเขาอยู่ มันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
“วันนี้ไอ้ดำกลับเอง ปะป๋ากลับไปทำงานที่อเมริกา คุณสินไปต่างจังหวัด” วันนี้บ้านคงเงียบเหงา ดำต้องอยู่คนเดียวเสียแล้ว ทั้งดีทั้งไม่ดี ทั้งอยากให้รีบกลับ ทั้งอยากให้มาช้าๆ ขอให้ร่างกายหายเจ็บก่อน
“ถ้าอย่างนั้นไปเดินตลาดกับกูไหม หิวว่ะ” เต็มเอ่ยปากชวน อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ เป็นอะไรไปนะ จะชวนคู่แข่งของตัวเองทำไม ไม่เข้าใจเลย
“ตลาดสดเหรอ เต็มทำอาหารเป็นด้วยเหรอ ปะป๋าเคยพาไอ้ดำไปซื้อของล่ะ” ดำยังจำได้ ของที่ตลาดสดถูกกว่าในห้างเยอะมาก ทั้งยังมีให้เลือกซื้อหลายอย่างกว่า วันนั้นทั้งเขาทั้งมาร์โก้เลือกซื้อจนถือเต็มไม้เต็มมือกลับบ้านเลยล่ะ
“ไม่ ตลาดนัดน่ะ ที่ที่มีของกินเยอะๆ” ถึงยังมึนๆ งงๆ แต่เต็มก็นึกขึ้นได้ว่าดำไม่ค่อยรู้จักอะไร ก็เลยพยายามอธิบายเท่าที่พอจะทำได้
“ว้าว ไปๆ ไอ้ดำไป” ของกินเยอะๆ คำนี้ช่างล่อลวงดำได้ดีเหลือเกิน อย่างไรเย็นนี้ก็ต้องสั่งอาหารแบบส่งถึงห้องมากินอยู่แล้ว สู้ไปกินแล้วค่อยกลับดีกว่า
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินลัดเลาะซอกซอยไปเรื่อยๆ และโผล่มาด้านหน้าตลาด ที่ตั้งอยู่อีกฟากของถนน ตลาดใหญ่ละลานตา ดำมองอย่างสนใจ เขาพึ่งเคยมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรก ขนาดยืนอยู่ตรงนี้ยังได้กลิ่นของกินหอมๆ เลย
“มานี่” ถนนคับแคบแบบเลนเดียว ทำให้การจราจรติดขัด รถจอดริมทางเป็นสิ่งกรีดขวางชิ้นใหญ่ ซึ่งเป็นปกติของบริเวณชุมชนเช่นนี้ เต็มมองดำที่เพ่งความสนใจไปยังตลาด ไม่แม้แต่จะมองรถตรงหน้า อีกทั้งยังคิดไปว่าดำอาจจะไม่เคยข้ามถนน เพราะทุกวันจะมีคนมารับ บางทีอาจจะไม่เคยเดินไปไหนมาไหนเองด้วยซ้ำ จึงเข้าไปคว้าแขนดำ แล้วเดินจูงพาไปฝั่งตรงข้าม โดยลัดเลาะระหว่างช่องรถที่เว้นเอาไว้ ตอนนี้รถกำลังติด การเดินข้ามไปจึงเป็นเรื่องง่าย
ดำก็ไม่ขัดขืนปล่อยให้เต็มพาไปเช่นนั้น เขาสนใจตลาดด้านหน้ามากกว่า เต็มพาดำเดินดูร้านอาหารที่เรียงราย เขามีร้านที่เล็งเอาไว้แล้วแต่พาดำมาเดินก่อน เพราะไม่รู้ว่าดำอยากกินอะไร
“จริงสิ มึงมีเงินรึเปล่า” เต็มนึกขึ้นได้ เรื่องสำคัญที่สุดแบบนี้ลืมไปได้อย่างไร ปกติพวกเพื่อนๆ ที่ผู้ปกครองมารับ จะได้เงินไว้แค่พอค่าข้าวเที่ยงเท่านั้น
“มีๆ คุณสินให้ไว้แล้วเผื่อ 3 วันเลย” ดำตบกระเป๋ากางเกง สิรินให้เงินไว้ 3,000 เผื่อไว้สำหรับดำที่ต้องสั่งอาหารมากินเอง ทั้งอาจจะมีค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากนั้น แต่ดำหยิบมาแค่ 500 กลัวว่าจะทำล่วงหายไปจนหมด
“อยากกินอะไร” หลังเดินมาจนครบ 1 รอบ ก็ไม่เห็นดำออกปากจะซื้ออะไร แต่กลับมองนู่นนี่แล้วสูดน้ำลายเสียทุกร้าน ตกลงอยากกินหรือไม่อาจกินกันนะ
“ไอ้ดำอยากกินทุกอย่างเลย แต่มันแพงนี่นา” อาหารที่โรงเรียนยังพอทำใจซื้อได้เพราะมันจำเป็นแต่ของพวกนี้แพงจัง
“30 บาทเนี่ยนะแพง” เต็มถามอย่างไม่เข้าใจ อะไรของเจ้านี่
“ใช่แพง” แพงมากเลย ปกติดำไม่เคยซื้อของเอง จึงไม่เข้าใจราคาอาหารของยุคนี้ ในใจชอบเอาไปเปรียบเทียบกับที่ที่ตนจากมาเสมอ
“ปกติผู้ปกครองมึงให้กินอะไร” ใช่ให้กินอะไรถึงมองว่า 30 บาทแพง ทั้งที่เป็นราคาที่ถือว่าถูกมากแล้วสำหรับเขา แต่งตัวดูมีเงิน รถก็ยี่ห้อดี จะบอกว่าพาเจ้านี่อดๆ อยากๆ อย่างนั้นเหรอ หรือเพราะเป็นลูกบุญธรรมก็เลยเลี้ยงไม่ดี
“บุฟเฟต์ในห้าง แล้วก็บุพเฟ่ต์ของปะป๋าน่ะ”
“ห๊ะ ไอ้นั่นมันแพงกว่านี้อีกไม่ใช่รึไง บุฟเฟต์อย่างต่ำก็ 200 ถึงไอ้บุฟเฟ่ต์ของปะป๋าอะไรนั่นกูจะไม่รู้จักก็เถอะ” จะว่าตกใจก็ตกใจ จะว่าแปลกใจก็แปลกใจ อะไรของเจ้านี่ ตรรกะบ้าๆ พวกนี้ใครสอนมันเนี่ย บุฟเฟต์ขั้นต่ำมื้อละ 200 กับของกินในตลาดชุดละ 30 ดันบอกว่าของราคา 30 แพงกว่า บ้าไปแล้ว
“บุฟเฟต์ของปะป๋าน่ะ อร่อยมากเลยนะ ชี้อะไรในรูปก็ได้กินหมดเลย เอาไว้วันหลังจะขอปะป๋าทำให้เต็มกินด้วย” ดำโอ้อวด เขาไม่รู้หรอกว่าอาหารเหล่านั้นราคาเท่าไหร่ รู้เพียงว่ามันอร่อยและฟรีเท่านั้นก็พอแล้ว
“กูปวดหัวกับมึงจริงๆ บุฟเฟ่ต์กับไก่ทอดจานนี้มึงบอกว่าไก่ทอด 30 แพงกว่าเนี่ยนะ” ยิ่งพูดยิ่งล้มล้างตรรกะของคนทั่วไป ครอบครัวนั้นเลี้ยงดำมาแบบไหนกัน เรื่องปกติถึงกลายเป็นเรื่องแปลก ส่วนเรื่องแปลกๆ พวกนั้นกลับกลายเป็นเรื่องปกติเสียได้
“ใช่ ก็ปกติไอ้ดำกินฟรีนี่นา อันนี้ไอ้ดำต้องจ่ายเอง...มันแพง”
โอ๊ย เอาแล้ว หลงพาคุณหนูที่ขลุกอยู่แต่ในบ้าน ทั้งยังไปไหนมาไหนกับผู้ปกครองเป็นประจำออกมาเถลไถลเข้าสินะ ถึงได้น่าปวดหัวขนาดนี้ อะไรๆ มันถึงผิดเพี้ยนไปหมด
“โอเค ดำกูจะบอกอะไรให้ เงินที่มึงได้มาก็ฟรี ผู้ปกครองมึงให้มาแล้ว จะใช้ซื้ออะไรก็ได้ ถ้ามันไม่ใช่สิ่งไม่ดี แล้วอาหารพวกนี้อะกินเพื่ออิ่มท้องทั้งนั้น ซื้อไปเถอะอย่าคิดมาก” เต็มยังคงไม่อาจเข้าใจดำได้ แต่ก็พยายามอธิบายให้ดำเลิกคิดอะไรเพี้ยนๆ เสียที เดี๋ยววันนี้จะกลายเป็นว่าเขาต้องเลี้ยงดำแทน ให้ตายสิเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กเข้าไปทุกที
“ไม่ได้ ไอ้ดำจะเก็บเงินไว้ ขอซื้ออะไรที่เป็นข้าวเย็นก็พอ”
ไม่ได้หรอก ไอ้ดำจะเก็บเงินไว้ จะพาปะป๋ากับคุณสินไปกินของอร่อยบ้าง ไอ้ดำแอบทำเรื่องไม่ดีแบบนี้ต้องไถ่โทษ แล้วก็ตอบแทนที่เลี้ยงของอร่อยไอ้ดำด้วย ไอ้ดำจะซื้อแค่ของจำเป็นเท่านั้น
“อย่างนั้นก็ตามมา” ว่าแล้วเต็มก็เดินลิ่วๆ ไม่รอดำ เขาปวดหัวเกินจะอธิบาย ปล่อยไปเถอะ พวกเขาถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกันจริงๆ
ดำวิ่งตามเต็มไป เพราะทั้งขาที่สั้นกว่า ทั้งเต็มยังรีบจ้ำอ้าวเดินไม่รอ เขาจึงต้องตามอีกฝ่ายให้ทัน
ด้านหน้าดำตอนนี้เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ด้านหลังมีโต๊ะเหล็กแบบพับได้พร้อมเก้าอี้วางอยู่หลายโต๊ะ ผู้คนคับคั่ง โต๊ะแต่ละตัวแทบจะไม่ว่างเลย
เต็มหันไปมองคนที่ตามมา ดูจากสายตาแล้วคงไม่เคยมากินอะไรแบบนี้ จะถามไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา
“เฮีย ผัดไทย 2 หอยทอดกระทะร้อน 2 ด่วนๆ เลยเฮีย”
“เออๆ นั่งเลยไอ้เต็ม โต๊ะไหนยังไม่เก็บฝากด้วย” ไม่ต้องหันมากมองก็รู้ว่าใคร เจ้าของร้านตอบรับเสร็จสรรพก็หันไปหยิบไข่มาตอกลงในกระทะผัดไทยใบใหญ่ทันที
“โห มาถึงก็ใช้เลยว่ะ” ถึงปากจะบ่น แต่เต็มก็ช่วยเก็บจาน เช็ดโต๊ะเรียบร้อย โดยบอกให้ดำนั่งรอที่โต๊ะว่างไปก่อน ร้านนี้เป็นร้านประจำของเขา แล้วเจ้าของร้านก็อยู่บ้านติดกัน พวกเขาจึงสนิทกันไม่ต่างจากพี่น้องกันจริงๆ เวลามากินเต็มก็ช่วยทำงานเช่นนี้เสมอ
ดำมองเต็มอย่างสนใจ ดูเป็นคนดีขึ้นมาอีกแล้ว ท่าทางหัวดื้อแล้วก็ชอบหาเรื่องไปทั่วนั่นคงเป็นนิสัยที่สร้างขึ้นมาปกป้องตัวเองมากกว่า ทั้งช่วยเขาไม่ให้เข้าห้องเย็น ทั้งช่วงเตือนตอนขึ้นชก ทั้งพาข้ามถนน แล้วยังมาช่วยงานร้านอาหารอีก ดูตรงข้ามกับสิ่งที่แสดงออกมาอย่างไม่น่าเชื่อเลย
บางทีพวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้...ถึงจะในรูปแบบแปลกๆ ก็เถอะ
“ไง ฉันชื่อธร เราชื่ออะไร เพื่อนที่โรงเรียนไอ้เต็มเหรอ พึ่งเห็นพาคนอื่นนอกจากที่คนค่ายมวยมาแฮะ” ธร เจ้าของร้านผัดไทยหอยทอดเจ้าอร่อยของตลาดยกของมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง ปล่อยกระทะให้น้องชายผัดไป ส่วนเต็มก็กำลังเก็บโต๊ะสุดท้าย พอเสร็จคงมากินด้วยกัน
“ครับ ไอ้ดำ ชื่อ ดำ...น่ากินจัง” ดำมองหน้าธรชั่วครู่ก่อนที่ความสนใจทั้งหมดจะถูกกดต่ำลงตามความหอมของอาหารที่ลอยมา ภาพอาหารไม่คุ้นตาทำให้ดำตื่นเต้น มีอย่างละ 2 จาน เต็มคงสั่งเผื่อเขาด้วย
“หือ ฮ่าๆ ๆ เป็นเพื่อนที่ดีนี่ เอาเลยๆ ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่ม” พอเห็นท่าทางที่ไม่ปิดบังความอยากอาหารของดำแล้วก็ชอบใจ ดูท่าจะเป็นพวกไม่มีลับลมคมใน แล้วก็ไม่ใช่พวกเลียแข้งเลียขาแบบที่เจ้าเต็มไม่ชอบ...ดูเป็นเพื่อนที่ดีเลยล่ะนะ
หลังธรเดินกลับไปเต็มก็มานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามดำในทันที ต้องรีบกินเดี๋ยวมันเย็นเสียก่อน
“เอ้า กินเลย ผัดไทย กับหอยทอดร้านนี้อร่อยอย่าบอกใคร” เห็นดำเอาแต่จ้อง เต็มก็กระตุ้นให้ดำรีบกิน เขาสั่งเมนูประจำของเขา หวังว่าจะกินได้ ดูแล้วก็ไม่ใช่พวกลูกคุณหนูเท่าไหร่
“อื้อ” ดำรอเต็มนั่งถึงเริ่มลงมือกิน มันติดเป็นนิสัยไปเสียแล้ว เขารอสิรินกับมาร์โก้เช่นนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะอยากกินขนาดไหนก็ตาม
สายตาของเต็มยังคงจับจ้องคนตัวเล็ก ที่ทั้งมอง ทั้งดม สำรวจจนพอใจแล้วค่อยยกชึ้นเข้าปาก...น่ารักดี
ห๊ะ....
คิดอะไรเนี่ย
ส่วนดำไม่รับรู้ถึงความคิดของคนตรงข้ามแม้แต่น้อย กระทั้งเต็มยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติดำยังไม่รู้เลย เวลานี้ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับผัดไทยที่อยู่ในปากเท่านั้น
รสชาติเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เคี้ยว ทั้งรสเปรี้ยวจากมะขามเปียก ความหวานจากน้ำตาล และได้รสเค็มนิดๆ จากน้ำปลา เพิ่มรสสัมผัสด้วยถั่วลิสงคั่วบดรสกลมกล่อม ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ล้วนเข้ากันอย่างลงตัว
ดำไม่ชอบถั่วงอกดิบเท่าไหร่นัก แต่ในผัดไทยกลับกินได้โดยไม่รู้สึกถึงความเหม็นเขียว คงเพราะการใส่ลงไปในขั้นตอนสุดท้ายนั่นทำให้ถั่วงอกผ่านความร้อนเล็กน้อยจึงช่วยรสชาติขมนิดๆ นั่นลงไปได้เป็นอย่างดี ไม่ได้ดิบ และสุกจนเกินไป ความกรุบกรอบแบบฉบับของผักชนิดนี้ยังคงอยู่ ดำเริ่มชอบถั่วงอกขึ้นมาแล้วสิ
ก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี่อะไรนะ ลองดมดูก็หอมมากเลย ส่วนรสชาติ...
ว่าแล้วก็ตักแค่ก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีเหลืองเข้าปากในทันที
โห นอกจากหอมแล้วยังอร่อยอีก มันคือเต้าหู้สินะ ถึงจะหน้าตาไม่เหมือนที่ปะป๋าใช้ทำก็เถอะ ปกติมันจะจืดแล้วก็มีแค่รสของถั่วแท้ๆ แต่อันนี้ซึมซับรสชาติของผัดไทยจานนี้ไว้หมดเลยนี่นา อร่อยจัง ยิ่งกินทั้งหมดพร้อมกันยิ่งอร่อย เส้นทำจากแป้งแท้ๆ แต่ทั้งเหนี่ยว ทั้งนุ่ม เวลาเคี้ยวให้ความหนุบหนับดีจังเลย ไอ้ดำชอบ
“เต็มๆ ไอ้ดำอยากได้ผัดไทย” หลังกลืนกุ้งตัวสุดท้ายลงท้อง ผัดไทยก็หมดจาน บนจานไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย คงจะชอบมากจริงๆ
“อืม รอแป๊บ เฮียขอผัดไทยอีกจาน” เต็มมองด้วยความแปลกใจ ดำกินเร็วมาก หมดก่อนเขาเสียอีก ทั้งยังดูจะยังไม่อิ่มง่ายๆ ตัวแค่นี้เอาไปเก็บไว้ไหนเนี่ย
“ได้ๆ” ธรรับคำแล้วหันกลับไปผัดต่อ ได้แต่นึกแปลกใจ ปกติเต็มกินแค่ผัดไทยเยอะพิเศษของเขากับหอยทอดอีกจานก็อิ่มแล้ว วันนี้ไปทำอะไรมาถึงหิวแล้วสั่งเพิ่ม
“มึงกินหอยทอดกระทะร้อนไปก่อน เย็นๆ แบบลูกค้าเยอะ รอหน่อย” ดำพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันไปมองเจ้าหอยทอดกระทะร้อนที่เต็มบอก
อื้อหือ น่ากินไม่แพ้กันเลย ไอ้ดำมัวแต่สนใจผัดไทย เพราะมันอร่อย ขอชิมหอยทอดบ้างดีกว่า
หอยทอดเป็นแผ่นวางบนกระทะที่ค้างไฟจนร้อน ถึงจะผ่านมาสักพักแล้วแต่ก็ยังคงมีความร้อนเหลืออยู่ ทำให้ไม่สูญเสียรสชาติไปแม้จะกินทีหลังก็ตาม
เต็มยื่นขวดน้ำจิ้มให้ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ชี้ไปที่หอยทอดให้ดำรู้เท่านั้น ดำก็รับมาดมๆ ก่อนจะเทลงไปที่มุมหนึ่ง พอให้ได้ชิมเสียก่อน ถ้าอร่อยค่อยใส่เพิ่ม
เต็มได้แต่คิดในใจ...
เป็นหมารึไงนะ เจออะไรแปลกก็ดม
ดำใช้ส้อมจิ้มลงไปบนหอยทอดถึงรู้ได้ว่าด้านล่างมีอะไรอยู่ด้วย พอเปิดแผนหอยทอดดูก็เห็นถั่วงอกถูกวางไว้อีก ทำให้ดำยิ่งตื่นเต้น ลุ้นว่าจานนี้ถั่วงอกจะอร่อยขึ้นเหมือนจานก่อนหน้านี้รึเปล่า
หลังจากใช้ช้อนตัดหอยทอดออกเป็นชิ้นพอดีคำ ดำก็ตัดบริเวณที่ยังไม่มีซอสขึ้นมาชิมก่อน จะได้เปรียบเทียบว่าแบบไหนอร่อยกว่า
ความกรุบกรอบของแผนแป้งและไข่เข้ากันได้ดี ทั้งหอยแมลงภู่ตัวโตยังให้รสนุ่มนิ่มยืดหยุ่น ตัวหอยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มรสด้วยแป้งกับไข่ ทั้งเครื่องปรุงรสเพิ่มความกลมกล่อม ความเข้มข้นของตัวหอยจึงยิ่งมีมากขึ้น
ถั่วงอกด้านล่างคงเป็นถั่วงอกสดที่วางหอยทอดไว้ด้านบน จึงทำให้ความกรุบกรอบยังคงอยู่ไม่ต่างกัน ทั้งยังสดใหม่ ให้สัมผัสเหมือนน้ำรสหวานนิดๆ ไหลออกมาจากด้านใน ยิ่งเคี้ยวยิ่งอยากกินอีก อร่อยไม่แพ้ผัดไทยเลย
หลังจากนั้นก็ลองกินคำที่มีน้ำจ้ำราดอยู่ รสแรกที่สัมผัสคือความเปรี้ยวเผ็ดนิดๆ ของซอส เพิ่มความหลากหลายในการลิ้มรสมากขึ้น ทั้งรสเปรี้ยวยังเพิ่มความอยากอาหารขึ้นไปอีก ดำติดใจจึงใส่ลงไปอีกครึ่งของจาน ดำว่ามันอร่อยทั้งสองแบบ ไม่ว่าจะมีน้ำจิ้มหรือไม่มีน้ำจิ้มก็ตาม...เพียงไม่นานดำก็กินจนหมด
อร่อยมากเลย อยากกินอีกจัง
ยังไม่พูดอะไรผัดไทยอีกจานก็มาเสิร์ฟ น้องชายของธรมองอย่างแปลกใจเมื่อผัดไทยจานนั้นถูกยื่นไปให้ดำ แถมยังบอกอีกว่าขอหอยทอดเพิ่มด้วย จึงได้แต่เก็บความแปลกใจนั้นไว้ไปถามพี่ชาย ธรเองได้ฟังก็หันมามองดำด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ ได้แต่ส่ายหัวให้น้อง ไม่อาจรู้ได้จริงๆ ว่าทำไมดำถึงกินได้เยอะขนาดนี้
“จานนี้ลองปรุงดูสิ” เต็มเลื่อนชุดเครื่องปรุงไปให้ เพราะจานก่อนหน้านี้ดำไม่ได้ปรุงแม้แต่น้อย ดำส่ายหัวปฏิเสธ ปกติเขาให้สิรินปรุงให้ ปรุงเองจะเสียรสชาติไปเปล่าๆ จะให้เต็มปรุงให้ก็ไม่ไว้ใจ และผัดไทยก็อร่อยอยู่แล้วกินแบบนี้เลยก็ได้ อย่างไรก็อร่อย
เต็มได้แต่มองท่าทางกินจุเป็นหลุมดำนั่นของคนตัวเล็กด้วยความตกตะลึง กินล้างกินผลาญแบบนี้เองถึงบอกว่าผู้ปกครองพาไปกินแต่บุฟเฟ่ต์ แถมเงินคงไม่ใช่น้อยๆ ไม่เช่นนั้นคงเลี้ยงเจ้านี่ไม่ไหวแน่
ยังดีที่รอบนี้ดำกินหอยทอดอีกจานก็สั่งก็อิ่ม เพียงสั่งใส่ถุงกลับบ้านอีกชุดเผื่อหิวช่วงดึกเท่านั้น ส่วนในใจคนได้ยินน่ะหรือ ได้แต่คิดว่า
กินขนาดนี้แล้วยังจะหิวอีกเรอะ!
หลังจากที่รู้ว่าดำไม่เคยกลับบ้านเอง ไม่รู้อะไรดลใจสุดท้ายเต็มก็มาส่งดำถึงรถไฟฟ้าจนได้ ในระหว่างที่กำลังจะแยกกันนั้นโทรศัพท์ของดำก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏตรงหน้าจอทำให้ดำยิ้มกว้าง
คุณสินโทรมาล่ะ
“คุณสินนน” ดำรับเสียงเจื้อยแจ้ว เต็มจึงเตรียมตัวจะกลับ แต่กลับก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นว่าดำกำลังหน้าซีด
“วันนี้งานของฉันถูกยกเลิกก็เลยต้องกลับมาก่อน ว่างแล้วก็เลยไปรับดำที่โรงเรียนแต่เพื่อนๆ บอกว่าดำหายไปตั้งแต่ช่วงบ่าย...ไปเถลไถลที่ไหน” เสียงสิรินดังออกมาจากโทรศัพท์ เพราะอยู่ใกล้กัน ทั้งดำยังเปิดเสียงดัง เต็มจึงได้ยินเสียงเล็ดลอดออกด้วย
ดำไม่ขยับเขยื้อนหลังจากได้ยิน ทั้งตกใจทั้งกลัว ทั้งรู้สึกผิด ความรู้สึกปะปนกันไปหมด
“ใจเย็นๆ” เต็มดูท่าไม่ดีจึงกระซิบบอก
“ไอ้ดำ...ออกมาข้างนอก ตอนนี้กำลังจะกลับครับ” ดำใจหาย ในใจร้องบอกว่าแย่แล้ว เขาไม่เข้าเรียนคุณสินต้องโกรธมากแน่ๆ ไอ้ดำจะทำอย่างไรดี
“ไปกับใคร” เสียงสิรินเย็นเหยียบ เสียงกระซิบที่เล็ดลอดออกมานั้นบ่งบอกว่าดำไม่ได้อยู่คนเดียว เจ้าตัวเล็กของเขาอยู่กับใคร แล้วช่วงบ่ายนั้นไปทำอะไรมาบ้าง คำถามเหล่านี้วนเวียนในหัวเต็มไปหมด
“เต็มครับ...เพื่อนที่ห้อง ไอ้ดำ ไอ้ดำแค่ไม่อยากเข้าห้องเย็น กลัวคุณสินเป็นห่วง แล้วก็ๆ ตามเต็มไปค่ายมวย ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีครับ คุณสิน คุณเชื่อไอ้ดำนะ” เสียงของสิรินทำให้ดำใจหาย ถึงสิรินไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา แต่น้ำเสียงแบบนี้สิรินไม่เคยพูดกับเขามาก่อน ในใจดำจึงร้อนรุ่ม กลัวแสนกลัวว่าสิรินจะเกลียดตัวเอง รีบแก้ตัวเท่าที่จะนึกออก
“...” ความเงียบของสิรินทำให้ดำใจเสีย ดวงตาเริ่มคลอด้วยน้ำสีใส แรงบีบไหล่ให้กำลังใจจากเต็มนั้นไม่อาจช่วยอะไรได้เลย
“อยู่ที่ไหน”
“รถไฟฟ้าครับ ไอ้ดำถึงแล้วกำลังจะไปซื้อตั๋ว” เสียงสิรินยังคงเรียบนิ่ง แต่ก็ดีกว่าความเงียบที่ได้รับ ดำรีบบอกจนลิ้นแทบพันกัน ดีใจที่สิรินยังคงตอบกลับมา
“รออยู่นั่น เดี๋ยวฉันไปรับ”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
____________________________________
มาแล้วค่ะ ช้าอีกแล้ว แหะๆ ขอโทษนะคะ
แต่ต่อไปกรีนจะพยายามอัพไม่เกิน 3 วันต่อตอนเนาะ
ตอนต่อไปม่าไหม...จะพยายามไม่ม่าค่ะ (จริงจริ๊ง)
แค่ลงโทษเด็กดื้อเท่านั้นเองเนาะ หุหุหุ
ส่วนของกินรอบนี้ เป็นอาหารที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นอาหารประจำชาติของเราเลยทีเดียว
แถมยังหากินได้ง่ายๆ อีกเนาะ กรีนเองก็ชอบมากกกก
แถมร้านยังอยู่ใกล้ๆ อีก ถ้าอ่านแล้วหิว ก็ไปกินด้วยกันน้า
แล้วเจอกันจ้า
****
#ขอบคุณที่ช่วยแก้คำผิดให้ค่ะ กรีนอ่านแล้วไม่เจอเยอะมากจริงๆ ใครเจอตรงไหนก็แจ้งเข้ามาได้เลยน้า ช่วยได้เยอะเลยค่ะ ><
เก่งมากดำ ...
แต่ "รีบกลับบ้าน" นะ เดี๋ยวพี่สินรู้นาาาาาา
ป.ล. มีคำผิดนะคะ
อย่างไรเต็มก็พึ่งชนะเปรมไปเมื่อสองเดือนก่อนแค่ครั้งเดียวเอง เจ้าหนูนี่ไม่น่าจะเอามาเทียบได้เลย แล้วใครก็รู้ว่าเปรมมันเสียหน้าขนาดไหนที่แพ้เด็กอย่างเปรม ยังจะให้ขึ้นชกกับเพื่อนตัวน้อยของเต็มอีก มีหวังเปรมจัดเต็มจนร่างเล็กๆ นั่นเละแน่
น่าจะเป็น "เต็ม"
ในที่สุดดำก็ได้มองหน้าคู่ชกของตนตรงๆ โห ตัวใหญ่ยัง
... ไม่แน่ใจว่า จัง รึเปล่า
เปรมไม่ปล่อยให้ดำตั้งตัว เข้าประชิดตัวดำในทันที แต่ผิดคลาด
ผิดคาด
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
*****
และขอบพระคุณนักอ่านที่น่ารัก ถ้าใครอ่านครึ่งแรกตั้งแต่แรกๆจะเห็นว่า ชื่อท่าที่ดำใช้เผด็จศึกมีการเปลี่ยนแปลง
กรีนจำท่าสลับกันจนงงเอง จากนั้นก็มีคนที่รู้มาทักถาม ต้องขอบคุณมากจริงๆนะคะ ตอนนี้กรีนเปลี่ยนเรียบร้อย
จาก "หนุมานถวายแหวน" เป็น "หักคอเอราวัณ" ค่ะ