ปาณัสม์’ s part
พวกเราใช้เวลาหมดไปกับการท่องเที่ยวตามสถานที่ที่ผู้คนส่วนมากแนะนำว่าต้องไปและห้ามพลาดโอกาสเด็ดขาด ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศช่วงกลางคืนหรือกลางวันทุกอย่างดูสัมผัสได้ถึงความรักสมชื่อ วันสุดท้ายก่อนจะกลับบ้าน คุณรัชชานนท์ชวนผมมาเดินย่านการค้า
“คนเยอะมากเลย” ผมย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นมากมายหลายแบบลอยฟุ้งตัวอยู่ในอากาศ อาการตื่นสถานที่กำลังเข้าเล่นงาน ผมรีบเคลื่อนย้ายตัวเองไปหลบอยู่ทางด้านหลังร่างของคุณรัชชานนท์ในทันที “คุณเดินนำเลย”
ผมว่าพลางออกแรงดึงรั้งชายเสื้อของเขา คุณรัชชานนท์ดูประหลาดใจกับพฤติกรรมของผมอยู่ไม่น้อย ผมรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องน่าตลกขบขัน แต่มันควบคุมความรู้สึกตื่นสถานที่และหวาดระแวงไม่ได้เลย อีกอย่างผมลืมหยิบปลอกคอมาด้วย ตอนนี้ผิวสัมผัสบริเวณลำคอจึงรู้สึกราวกับโดนของร้อนลวก มันร้อนจนแสบ ร้อนเสียจนผมรู้สึกงุ่นง่านกับความรู้สึกไม่ปลอดภัยของตัวเอง
“คุณกลัวเหรอครับ” ร่างสูงหมุนกายกลับมาจ้องมองกัน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ผมพยักหน้าให้เขาอย่างขลาดอาย “งั้น... เอาอันนี้ไปใส่กลบกลิ่นอื่นดีไหมครับ”
ผมมองร่างสูงที่ถอดเสื้อนอกของเขาออก เพื่อที่จะนำมาคลุมทับร่างของผมไว้ เมื่อมันอยู่บนตัว มือทั้งสองข้างรีบรวบเนื้อผ้าที่ใหญ่เกินตัวเข้ามาห่อตัวเสียมิด ผมยืนหลุบสายตาหนีคนรักที่ยืนมองศึกษาพฤติกรรมแปลก ๆ ของผม มันน่าอายจะตายไป ผมก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วที่จะต้องมาคิดมากเรื่องการเจอผู้คนมากหน้าหลายตา แต่มันควบคุมไม่ได้ ที่ควบคุมไม่ได้อาจจะเพราะมันแปลกตาจนเกินไป
“น่ารักจัง” ผมได้ยินน้ำเสียงขบขันของคุณรัชชานนท์ ฝ่ามือหนายกขึ้นมาวางแหมะอยู่บนศีรษะของผม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเขาเริ่มทำหน้าที่ในการเยียวยา ผมสูดดมมันเพื่อหาที่พึ่ง “ใส่อันนี้ด้วย”
ยังไม่พอ...
คุณรัชชานนท์ถอดผ้าพันคอของเขา
และมอบมันให้กับผม
ยามที่ร่างสูงตั้งใจพันผ้าพันคอไปรอบ ๆ ผมแอบเหลือบมองใบหน้าจริงจังของเขาอย่างเงียบ ๆ ท่อนแขนที่คอยกอด ไหนจะฝ่ามือใหญ่โตที่ค่อยกอบกุมมือกันไว้นั่นอีก ทุกอย่างส่งคลื่นความอบอุ่นมาถึงตัวของผมราวกับมีเครื่องทำความร้อนประจำตัว ผมไม่รู้สึกถึงความหนาวแล้ว เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ ผมมีคุณรัชชานนท์เป็นต้นกำเนิดพลังงานความร้อน ไม่ว่าจะโดนแตะสัมผัสส่วนไหนของร่างกาย มันจะร้อนและอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“คุณดีขึ้นหรือยังครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังเอ่ยถามผม เขาคงเห็นว่าผมยืนซุกหน้าลงกับผ้าพันคอนานเกินไป
“ด...ดีขึ้นแล้วครับ” ผมพูดพลางยื่นมือออกไปจับเข้าที่ฝ่ามืออุ่น ๆ นั้น
เราสองคนเดินจับมือท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินสวนทางกันไป ผมได้เห็นอารมณ์ความรู้สึกจากผู้คนรอบกายผ่านกลิ่นอบอวลไปด้วยคลื่นความหอมหวานราวกับเดินอยู่ในทุ่งดอกไม้ มันเป็นกลิ่นที่เจือไปด้วยความรัก รักที่เกิดมาจากผู้คนเหล่านั้น ผมอมยิ้มให้กับบรรยากาศแสนหวาน จดจำร้านค้ามากมายในระหว่างทาง
ผมชี้ชวนให้คุณรัชชานนท์หยุดยืนดูสิ่งต่าง ๆ มากมายด้วยกัน บางอย่างก็เหมือนกับในหน้าหนังสือที่ผมอ่าน บางอย่างก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน การมาเยือนดินแดนห่างไกลคราวนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกใหม่ คนรักของผมก็เก่งไม่มีแผ่ว คุณรัชชานนท์มีความรู้รอบตัวอยู่สูง ผมตั้งใจฟังเป็นอย่างดีเมื่อเขาอาสาเล่าถึงความเป็นมาของสิ่งต่าง ๆ ให้ผมฟัง บางเรื่องเป็นตำนาน บางเรื่องเป็นความเชื่อ ทุก ๆ สถานที่มีเรื่องเล่าเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น
“หิวแล้ว” ผมพูดบ่นออกมาเมื่อรู้สึกว่าท้องของผมกำลังเรียกหาของกิน
“เดินไปข้างหน้า ตรงนั้นที่คนเยอะ ๆ น่าจะมีอะไรให้คุณเลือกดูเยอะเลยครับ” คุณรัชชานนท์พาผมเดินไปยังเส้นทางที่พูดถึง
เราสองคนพาตัวเองมาปะปนไปกับฝูงชนที่เดินแทบจะชนไหล่ คุณรัชชานนท์กุมมือของผมไว้แน่น แต่ด้วยความที่ผมตัวเล็กกว่า และมีช่วงขาที่สั้นทำให้ถูกดันไปทางด้านหลังของคู่ชีวิต ผมพยายามก้าวเท้าเดินเร็วเพื่อตามให้ทัน ผู้คนรอบข้างต่างตัวโตกันทั้งนั้น คนตัวเล็กแบบผมรู้สึกหนักใจหน่อย ๆ เวลาถูกเบียดจนตัวกลืนหายไปกับผู้คนบนท้องถนน
จังหวะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าท่อนแขนแข็งแรงของสามี กระเป๋าเงินของคุณรัชชานนท์ที่ถูกเหน็บไว้ตรงหน้าผมหายไปราวกับภาพตัด มันรวดเร็วและเป็นไปด้วยฝีมือของจอมโจร คลื่นโทสะเดือดปะทุเป็นไปตามสัญชาตญาณ ผมสะบัดข้อมือเพื่อให้หลุดพ้นจากการกุมจับ หมุนกายวิ่งตามชายชุดดำที่วิ่งชนผู้คนข้างหน้าไปอย่างไม่แยแสอะไร ผมวิ่งตามไป ไม่สนใจเสียงเรียกของสามีที่ตะโกนถามว่าจะวิ่งไปไหน
ผมตะโกนด่าร่างสูงที่วิ่งหนีไปพร้อมกับกระเป๋า เร่งฝีเท้า ขับส่งแรงไปตามสัญชาตญาณนักล่าเข้าช่วย ไม่สนใจความหิว หรืออาจจะเป็นเพราะหิวกันแน่ ที่ผลักดันให้ทุกอย่างปะทุเดือดดาลเตรียมเข้าฉีกกระชากคนนิสัยไม่ดี พอเห็นว่ามีคนขโมยเงินไปถึงโกรธจนเลือดขึ้นหน้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ใจของผมราวกับหลุดหายไปกับแรงสะบัด หมุนกายหมายคว้าเข้าที่ท่อนแขนกลมของคนรักที่จู่ ๆ ก็หลุดจากมือ ผมจ้องมองร่างเล็กที่วิ่งสุดแรงไปทิ้งให้ผมยืนมึนงงท่ามกลางฝูงชนที่แตกตื่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมตะโกนเรียกชื่อคนรักพร้อมกับออกตัววิ่งตามร่างนั้นไปอย่างรวดเร็ว ประสาทสัมผัสในความเป็นจ่าฝูงเริ่มทำงาน ผมตามกลิ่นหอมหวาน ทุกอย่างเด่นชัดเพราะคลื่นความหอมที่ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มไปด้วยความโกรธเข้มข้น ถึงจะไม่เข้าใจว่าปาณัสม์วิ่งไปไหน แต่การพรากจากกันในเมืองต่างถิ่นเช่นนี้ไม่น่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งเป็นย่านท่องเที่ยวผู้คนแปลกหน้าแปลกตามองไม่ออกว่าใครเป็นชนชั้นไหนด้วยแล้ว ผมเป็นห่วงคนรักจนแทบคลั่ง
เห็นตัวเล็กดูแรงน้อยแต่ฝีเท้ากลับรวดเร็วราวกับนักกีฬาทีมชาติ ผมหยุดยืนอยู่ตรงทางแยก ด้านขวามือเป็นตรอกคับแคบ กวาดสายตามองหาเผื่อจะเจอคนรักที่ไม่รู้ว่าตอนนี้วิ่งไปไหนต่อไหนแล้ว กลิ่นหอมประจำตัวเริ่มเจือจางลง รู้สึกตามไม่ทันเพราะทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว แวะถามตามร้านค้าและผู้คนบริเวณนั้นด้วยภาษาฝรั่งเศส ว่าเห็นคนในรูปถ่ายบ้างไหม ความร้อนใจเล่นงานผมจนอยู่ไม่ติดที่ ต้องหาให้เจอ ปาณัสม์หายไปไหน โทรไปก็ไม่รับสาย ไม่มีอะไรตอบกลับมาหาผมเลย
ผมพยายามจดจำกลิ่น วิ่งย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม คลำทางไปเรื่อย ๆ ตามกลิ่นหอมไปจนเดินทะลุทางลัดหนึ่งออกมายังถนนสายหนึ่ง
“เอาคืนมา!!”
ผมหันไปตามเสียงตะคอก เบิกตากว้างกับสิ่งที่พบเห็น
“ปาณัสม์...” ผมเตรียมตะโกนเรียกชื่อคนรัก แต่เสียงทั้งหมดกลับกลืนหายไปในลำคอ เมื่อผมเห็นสองมือเล็กนั้นพุ่งตรงเข้ากระชากคอเสื้อชายคนหนึ่ง ท่อนแขนเล็กเตรียมวาดหมัดใส่หน้าอีกฝ่าย
“อยากตายหรือไง!!”
“ปาณัสม์ เดี๋ยว!” ผมรีบเข้าไปแยกภรรยาที่กำลังจะต่อยใครสักคน ผมสับสนมึนงงไปหมด ไม่เข้าใจว่าคนรักทำอะไรอยู่ “อย่า...”
“หูหนวกหรือไงวะ!!” ท่อนแขนเล็กที่หลุดออกจากอ้อมกอดของผมเอื้อมไปดึงสาบเสื้อของอีกฝ่ายสุดแรง ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะพ่นภาษาฝรั่งเศสยาวเหยียดออกมาจนผมตามไม่ทัน มือเล็กดึงกระเป๋าเป้ของคนตรงหน้า ยื้อแย่งกันไปมา “บอกว่าให้คืนมาไง!!”
อีกฝ่ายล้วงหยิบบางอย่างออกมา ก่อนที่ผมจะเข้าใจว่ามันคือมีดพก
อะไรกันวะเนี่ย!!
ผมเตรียมเหวี่ยงร่างของภรรยาให้หลบไปด้านหลัง แต่ปาณัสม์กลับปัดแขนของผมออก ร่างเล็กหมุนกายตวัดฟาดท่อนขาใส่ข้อมือบุคคลปริศนา ผมตกตะลึง... ยืนอึ้ง
มองร่างเล็กที่เดินไปเปิดกระเป๋าล้วงหยิบเอาสิ่งของบางอย่างออกมา
พบว่ามันคือกระเป๋าเงินของผม...
ผมคลำตามเนื้อตัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผมไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามันหายไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ที่อึ้งกว่าคือร่างตรงหน้าที่แสดงศิลปะป้องกันตัวให้ผมเห็น
ปาณัสม์ก็ยังคงเป็นปาณัสม์...
ที่มือเท้าหนักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ปาณัสม์’ s part
ผมนั่งจมอยู่กับกองเอกสารที่สูงเกือบท่วมหัว การได้ลาหยุดไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกกับคนรักนับจากวันนั้นก็เป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ผมต้องมานั่งชดใช้กรรม ตามเก็บงานต่าง ๆ ที่บริษัท
ในขณะที่กำลังอ่านรายงานในช่วงที่ผมไม่อยู่นั้น แรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือและหน้าจอที่ขึ้นแสดงว่ามีข้อความเข้ามา ทำให้ผมละสายตาจากแผ่นกระดาษตรงหน้า เอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดูว่าใครกันนะที่ส่งข้อความมาหา
เป็นพี่อัยย์นั่นเองที่ส่งข้อความมาถามว่าวันนี้เข้าออฟฟิศหรือเปล่า
ผมกดส่งข้อความตอบคำถามนั้นไป ไม่นานก็มีข้อความส่งกลับมาในทันทีว่าพี่เขาจะชวนไปกินข้าว ผมตอบตกลงคำเชิญชวนนั้นของพี่อัยย์ ไม่ได้เจอกันนานมาก ๆ เมื่อมีโอกาสก็อยากเจอรุ่นพี่คนสนิทอีกครั้ง มีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่าให้ฟัง แล้วก็อยากจะถามไถ่ว่าช่วงนี้พี่เขาเป็นอย่างไรบ้าง
ผมนั่งทำงานต่อไปจนถึงเวลาพักเที่ยง พี่อัยย์ส่งข้อความมาถามพอดีว่าถึงเวลาพักหรือยัง จะยืนรออยู่หน้าบริษัทนะ ผมพิมพ์บอกพี่เขาไปว่ากำลังจะเดินไปหา เมื่อกดส่งข้อความสุดท้ายไปยังห้องแชทก็เก็บมือถือแล้วรีบเดินไปหารุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอกันนานมาก ๆ
“พี่มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ” ผมถามพี่อัยย์
“มาทำธุระแถวนี้พอดี เลยแวะมาหา”
ผมพยักหน้าให้กับคำพูดเหล่านั้นของรุ่นพี่คนสนิท ก่อนจะเอ่ยชวนไปทานข้าวที่ร้านประจำ ผมจัดการเดินนำ ระหว่างนั้นก็ส่งข้อความไปบอกคุณรัชชานนท์ว่าถ้ามาถึงแล้วให้มาหาที่ร้านอาหารร้านเดิมที่ไปนั่งด้วยกันบ่อย ๆ
“พี่อัยย์ แฟนผมอาจจะมานั่งด้วยนะ”
พี่อัยย์พยักหน้าน้อย ๆ เห็นแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจตรงที่พี่เขาไม่คิดอะไรมาก เพราะบางคนเขาอาจจะไม่ค่อยสบายใจถ้าหากเราพาคนรักมานั่งร่วมโต๊ะอาหาร... ประมาณนั้น
ใช้เวลาในการเดินไปยังร้านอาหาร 20 นาที มันไม่ได้อยู่ไกลกับที่ทำงานมาก ถ้าไม่ได้มากับคุณรัชชานนท์ ปกติผมก็เดินไปได้สบาย ๆ อยู่แล้ว และเมื่อผมมาถึงร้านประจำ จัดการเลือกมุมที่จะนั่ง ผมให้พี่อัยย์สั่งก่อน เพราะวันนี้มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณป้าพอดี ผมยืนพูดคุยในหัวข้อที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้อย่างสนุกสนานตามประสาแม่ค้ากับลูกค้าคนสนิท โดยไม่ทันระมัดระวังตัว กว่าจะรู้ตัวอีกที ความเจ็บร้าวบริเวณต้นคอก็วิ่งแปลบไปทั่วร่าง แข้งขาไร้เรี่ยวแรงจนทรุดลงไปนั่งอยู่ที่พื้น ผมยกมือขึ้นกุมต้นคอบริเวณที่รู้สึกเจ็บปวด มึนงงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของผู้คนทำให้ผมรู้สึกตื่นตระหนก หันไปมองด้านหลังเห็นพี่อัยย์ยืนถือบางสิ่งที่ผมคุ้นเคยมันเป็นอย่างดีอยู่ในมือนั้น...
ผมหน้าซีดเผือด เมื่อเริ่มเข้าใจในสถานการณ์ตรงหน้า
ในมือนั้นมันคือยาเร่งฮีท
// อัยย์...