บทที่ 12
เฮียบิ๊กจะไปเป็นดาราเราคงต้องแอบคบหากันใช่หรือไม่? (2)
“สวัสดีค่ะเรียกพี่ว่าพี่เจนนี่นะคะ พี่ยินดีมากๆ ที่น้องบิ๊กสนใจร่วมงานกับพี่” ผมนั่งมองผู้หญิงสาวสวยตรงหน้าถ้าดูจากภายนอกแล้วเธอเหมือนผู้หญิงทุกประการแต่เมื่อใดที่เธอเปล่งเสียงออกมานั้น...แมนกว่าผมอีกครับเพราะเจ๊เจนนี่ไม่มีการแอ๊บเสียงแต่อย่างใดทำให้ตอนนี้ผมนั่งจิกเล็บเท้าด้วยความเกร็ง
“เอ่อ...เช่นกันครับ” ก่อนหน้าที่ผมจะมานัดเจอกับเจ๊เจนนี่เพื่อนรักทั้งสองได้เทรนการสนทนาให้ผมเป็นอย่างดี โดยกำชับว่าให้ผมพูดคุยแบบคนปรกติมากที่สุดท้าอยากเป็นพระเอกซีรีส์
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่อยากให้น้องไปแคสในวันเสาร์นี้ จริงๆ คือน้องได้เล่นเรื่องนี้แน่ๆ แต่ทางผู้ใหญ่อยากให้ไปลองแคสเป็นพิธีน้องบิ๊กคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ”
“ได้ครับพี่เจนนี่”
“ส่วนเรื่องสัญญาพี่จะให้น้องบิ๊กตรวจสอบดูก่อนนะคะ ถ้ามีข้อไหนไม่เข้าใจก็สามารถสอบถามพี่ได้ตลอดเวลาเลย นี่นามบัตรพี่เจนนี่ แล้ววันเสาร์นี้น้องบิ๊กค่อยเอามาให้พี่นะคะ” พี่เจนนี่เลื่อนซองเอกสารที่คาดว่าน่าจะเป็นสัญญามาตรงหน้าผม
“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ คือผมไม่ค่อยได้รู้จักงานทางด้านวงการบันเทิงอะไรเลย”
“น้องบิ๊กหน้าหล่อออร่าพระเอกขนาดนี้ไม่มีใครมาติดต่อเลยเหรอคะ” พี่เจนนี่ทำท่าประหลาดใจออกมา “ถ้าวันนั้นพี่เจนนี่ไม่เจอน้องบิ๊กที่ร้านส้มตำพี่คงพลาดมากแน่ๆ”
“พี่เจนนี่ชมผมซะลอยนะครับ พอดีก็พอรู้มาบ้างว่าหล่อแต่ตอนนั้นยังอยากโฟกัสเรื่องการเรียนเลยไม่ค่อยสนใจเรื่องงานบันเทิงเท่าไหร่อะครับ แต่พี่เจนนี่ให้โอกาสผมก็ยินดีรับไว้” ผมพูดตามบทที่ไอ้วสุเกร็งมาให้แต่เพิ่มเติมตรงที่แอบชมตัวเองเข้าไปหน่อย มันอดไม่ได้จริงๆ อะครับก็คนมันหน้าตาดีขนาดนี้
“น้องบิ๊กตอบได้ดารามากค่ะ”
“พี่ชมหรือด่าผมเอ่ย”
“ชมซิคะพ่อพระเอก” เอาจริงๆ พี่เจนนี่ไม่ได้มีทีท่าน่ากลัวแต่อย่างใดออกจะเป็นกันเองให้อารมณ์เหมือนพี่สาวคนหนึ่ง “ขออนุญาตละลาบละล้วงหน่อยนะคะ น้องบิ๊กมีแฟนหรือยัง”
“มีแล้วครับ แฟนผมชื่อมารวยน่ารักมากนิสัยดีสุดๆ มีดีกรีเป็นนักบอลมหาลัยด้วยครับ ไม่มีงี่เง่างอแงอะไรเลยเชื่อฟังว่าง่ายและเข้าใจผมสุดๆ ไปเลยครับ”
“น้องบิ๊กท่าจะรักแฟนมากเลยนะครับ”
“เรียกได้ว่าตายแทนได้เลยอะครับ”
“แฟนน้องบิ๊กเป็นผู้ชายเหรอคะ”
“ครับพี่เป็นผู้ชาย” ผมภูมิใจในตัวแฟนของผมเป็นอย่างมากในทุกๆ เรื่อง ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีมารวยเป็นแฟน ผมกล้าที่จะบอกทุกคนได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ามารวยหรือเด็กบื้อคือแฟนของผม “ผมขอบอกพี่เจนนี่ตรงๆ เลยนะครับว่า ถ้าจะให้ผมเลิกกับแฟนหรือว่าให้ทำตัวโสดผมจำเป็นต้องปฏิเสธงานนี้”
“ไม่ใช่ค่ะน้องบิ๊ก พี่ไม่ขัดเรื่องที่เราจะมีแฟนแต่พี่แค่กังวลว่าถ้าซีรีส์ออนแอร์ออกมาแน่นอนว่าน้องบิ๊กต้องมีแฟนคลับเยอะมาก แล้วเรื่องที่ตามมาคือการขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวตรงนี้น้องบิ๊กจะว่าอะไรไหมถ้าแฟนน้องอาจจะเป็นที่สนใจ”
“ผม...” ผมไม่รู้ว่ามารวยจะโอเคไหมถ้าเป็นอย่างที่พี่เจนนี่พูด แต่ผมก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับแฟนของผมเหมือนกัน แล้วยิ่งถ้าใครมาเห็นหน้าตาน่ารักๆ ของเด็กบื้อเข้าผมมีหึงโหดแน่นอน
“น้องบิ๊กลองกลับไปคุยกับแฟนนะคะ ถ้าแฟนน้องโอเคพี่เจนนี่ก็ไม่มีปัญหาจ้า” ผมนั่งคุยกับพี่เจนนี่อยู่นานสองนานจนกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนสี พี่เจนนี่อาสาขับรถมาส่งผมที่หอก่อนจะมอบของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ให้ผมเป็นการต้อนรับล่วงหน้า
“ขอบคุณนะครับพี่เจนนี่” ผมลงจากรถก่อนจะยกมือขึ้นขอบคุณพี่เจนนี่
“ไม่เป็นไรค่ะน้องบิ๊ก เคลียร์คิวให้พี่ด้วยนะคะพี่จะพาไปทำหน้าพวกฉีดวิตามินอะไรนิดหน่อย” ก่อนหน้าพี่เจนนี่พูดถึงรายละเอียดคร่าวๆ เรื่องการเสริมหล่อกับผมว่า หน้าของผมดีอยู่แล้วก็จริงแต่ควรเสริมออร่ามากกว่านี้ เอาจริงๆ คือพี่เจนนี่เธอมีสปอนเซอร์เกี่ยวกับคลินิกความสวยความงามในเครือข่ายและการที่ให้ผมไปทำหน้าหรือบำรุงอะไรพวกนี้ฟรีๆ ก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกันทั้งนั้น ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ผมต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวของผมเอง
“ครับพี่ กลับดีๆ นะครับ” ผมยืนรอจนกว่าพี่เจนนี่จะขับรถออกไปก่อนที่จะแวะซื้อขนมไปฝากเด็กบื้อเล็กน้อย ล่าสุดผมไลน์ไปถามว่าอยู่ไหน เด็กบื้อบอกว่ากลับมาหอเป็นที่เรียบร้อยทำให้ผมสบายใจไปเปาะหนึ่งในเรื่องการเซฟอาการบาดเจ็บของเด็กบื้อ
ก็อกๆ
ผมมาถึงหน้าห้องก่อนจะแกล้งทำทีเป็นเคาะประตู
“มีใครคิดถึงไหมครับ ความรักกำลังจะเข้าไปหา” ผมส่งเสียงลั้นลาของตัวเองให้ผ่านลอดประตูห้องเข้าไปและรอว่าด้านในจะมีเสียงตอบรับกลับมาไหม แต่แล้วก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาแสดงว่าเด็กบื้อไม่ได้นั่งอยู่ข้างนอก ผมจึงแตะคีย์การ์ดและเข้ามาด้านใน
“เด็กบื้อของเฮียบิ๊กอยู่ไหมเอ่ยยยย” ผมวางขนมลงบนโต๊ะพร้อมกับเอ่ยเสียงเรียกเด็กบื้อไปด้วย แต่แล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับเช่นเดิม
“ไปไหนของเขานะ” ผมผลักเข้ามาในห้องนอนของตัวเองที่ปิดไฟมืดเอาไว้ผมเอื้อมมือมากดเปิดสวิตไฟ ทำให้ตอนนี้ภายในห้องสว่างและปรากฏร่างของเด็กบื้อที่นอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหน้าข้างๆ ตัวมีชีทเรียนวางอยู่รายล้อม
“น่ารักจริงๆ” ผมค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งข้างๆ พร้อมกับก้มลงไปจุ๊บที่หน้าผากเบาๆ “เด็กบื้อครับ ตื่นเร็วเดี๋ยวปวดหัว”
“เฮียบิ๊กเหรอ?” เด็กบื้อขยับเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ กะพริบตาและเงยหน้าขึ้นมามองผม “เป็นไงบ้างครับ”
“เฮียต้องถามเรามากกว่าว่าเป็นไงบ้าง กินยารึยัง” ผมลูบศีรษะของเด็กบื้อเบาๆ
“เรียบร้อยแล้วครับ แล้วเฮียก็ตอบผมด้วยว่าเป็นไงบ้างวันนี้พี่เขาดุไหม”
“ชิลมากเลยนะ นี่เฮียมีเรื่องจะคุยกับเรา” เด็กบื้อขยับตัวขึ้นนั่ง
“ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เฮียไปรอข้างนอกก่อน” ผมพยักหน้าและเดินออกไปรอด้านนอกปล่อยให้เด็กบื้อเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
Maruay’ s talk
ผมกลับมาห้องหลังจากที่ไอ้บุ๊คมันมาส่งหลังจากที่มันหายไปในช่วงเรียนและผมก็กลับมาเรียนต่อหลังจากที่ไล่เฮียบิ๊กกลับไป ก่อนที่ผมจะเผลอหลับในช่วงที่เอาชีทเรียนวันนี้มาอ่านทบทวนเพราะอาจารย์บอกว่าจะมีควิซในอาทิตย์หน้า ที่รีบอ่านไม่ใช่ว่าขยันอะไรหรอกนะครับแต่ต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนเพราะผมต้องติวให้เพื่อนบุ๊คที่โดดเรียนไม่มีสาเหตุวันนี้ด้วย
“เฮียมาผมพร้อมแล้ว” หลังจากที่ไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นผมออกมาด้านนอกและเห็นว่าเฮียบิ๊กนั่งรออยู่ที่โซฟากลางห้อง
“มานั่งข้างๆ เฮีย” เฮียบิ๊กตบที่ข้างๆ ให้ผมเดินเข้าไปนั่ง
“มีอะไรครับผม” ผมทิ้งตัวนั่งลงและเปิดประเด็นถามเฮียบิ๊กทันที “ทำไมหน้าดูเครียดๆ”
“ก็มันเครียดอะดิ เฮียบอกตามตรงโคตรลำบากใจเลย” สีหน้าเฮียบิ๊กที่มองมายังผมค่อนข้างที่จะเครียดและดูเป็นกังวลเอามากๆ “มารวยเรารู้ไหมว่าเฮียรักเรามากๆ”
“รู้ครับ”
“เฮีย...ถ้าเฮียดังจริงๆ หรือมีแฟนคลับในอนาคต เฮียสามารถบอกคนอื่นได้ไหมว่าเราเป็นแฟนเฮีย เฮียไม่อยากปิดบัง” ผมนั่งนิ่งฟังเฮียบิ๊กพูดต่อ “แล้วพี่เจนนี่ พี่เจนนี่คือคนที่เฮียไปพบมาวันนี้เธอโอเคนะถ้าพี่จะเปิดตัวว่าเราเป็นแฟนเฮีย แต่พี่เจนนี่เขากังวลว่าถ้ามีคนขุดแล้วเราจะไม่มีความเป็นส่วนตัว เฮียเลยมาถามความสมัครใจ”
“เฮียใจเย็นๆ นะ ผมโอเคถ้าเฮียจะปิดหรือไม่เปิดเผยว่าผมเป็นแฟนเฮีย ผมไม่คิดมากเพราะรู้ว่าเฮียเป็นคนอย่างไง อีกอย่างพี่เจนนี่เธอก็พูดถูกนะครับว่าถ้าเฮียเปิดว่าแฟนเฮียคือผมแล้วมันกระทบต่อความเป็นส่วนตัวผมมากๆ ผมก็ไม่โอเคเท่าไหร่ คนที่เกิดมาธรรมดาไม่มีคนสนใจอย่างผมวันหนึ่งตกเป็นเป้าสนใจผมคงไม่ชิน เฮียไม่ต้องเครียดนะอย่างไงผมก็อยู่ข้างๆ เฮียเสมอ”
“มารวยโคตรน่ารักเลยว่ะ เฮีย...ขอกอดหน่อยนะ งื้อออ” เฮียบิ๊กดึงผมเข้ามาซุกอกของเขาพร้อมกับพรมจูบทั่วใบหน้าและตามหนังศีรษะ..แค่ศีรษะพอครับ “ดีใจนะที่เราเข้าใจ”
“แต่ถ้าเฮียไปเป็นดาราดังและทำตัวเปลี่ยนไป ผมไม่ทนนะครับ” เฮียบิ๊กรีบผลักผมออกมาทันทีพร้อมกับจ้องด้วยสายตาเครียดๆ เหมือนเดิม
“ขอคำจำกัดความคำว่าเปลี่ยนไปหน่อยครับ”
“หยิ่ง ยโส โอหัง”
“เวอร์ละๆ ถ้าเฮียหยิ่งก็ไม่มีใครในโลกเป็นมิตรแล้วอะครับ”
“ฮ่าๆ ผมล้อเล่น ก็เปลี่ยนไปอะเฮีย ถ้าหัวใจเฮียเริ่มเปลี่ยนไปรีบบอกผมเลยนะผมโอเค..ดีกว่าอยู่แบบที่เฮียไม่รักผมแล้วอย่างนั้นทรมานกว่า”
“ครับ....” เฮียบิ๊กตอบกลับยิ้มๆ พร้อมกับดึงผมเข้ามาซุกอกเหมือนดั่งเดิม ไม่รู้ว่าผมแอบคิดมากไปเองหรือเปล่าที่เฮียบิ๊กตอบกลับมาแค่ครับโดยที่ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่เป็นอย่างที่ผมพูด แต่ก็เอาเถอะครับปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
JUNE studio
วันนี้เป็นวันเสาร์เฮียบิ๊กลากผมไอ้บุ๊คพี่วสุพี่เกรทมาเป็นเพื่อนโดยให้เหตุผลว่าตื่นเต้นไม่กล้ามาคนเดียว และตอนนี้ผมนวั่งวิลแชร์มองเฮียบิ๊กที่เดินตื่นเต้นเข้าไปด้านในพร้อมกับพี่วสุและพี่เกรท
“ไม่รู้จะเอามึงมาทำไมก็รู้ว่ามึงเจ็บ พี่กูงี่เง่าจัง” ตอนนี้ผมนั่งอยู่กับไอ้บุ๊คในที่ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับผู้ปกครองหรือเพื่อนของคนที่มาแคส เห็นว่าวันนี้มีการแคสหลายตัวละครเลยทีเดียว
“เฮียคงต้องการกำลังใจ”
“เวอร์มากกว่า มึงอย่าเข้าข้างไอ้รวย” ผมนั่งมองไปรอบๆ ส่วนไอ้บุ๊คก็ติดโทรศัพท์หรือติดคนในโทรศัพท์ก็ไม่รู้ แต่ผมว่าไม่นาใช่อย่างหลังเพราะไม่อย่างนั้นมันคงอมยิ้มไม่ใช่ทำหน้าอมขี้อยู่แบบนี้
“มีแต่คนหน้าตาดีเนอะมึง บางคนก็มีผู้จัดการมาด้วย” ผมสังเกตหลายๆ คนที่เข้ามาบางคนก็คุ้นหน้าเพราะมีชื่อเสียงในวงการ บ้างก็เป็นนายแบบ เน็ตไอดอลหรือแม้กระทั่งดาราวัยรุ่นที่กำลังมาแรงในช่วงนี้อย่าง ‘อชิ’ “มึงตัวจริงอชิน่ารักเนอะ”
“ก็ดี น่ารักดี” อชิคือนักแสดงวัยรุ่นที่กำลังมาแรงมากๆ ในช่วงนี้ ผลงานที่ทำให้อชิมีชื่อเสียงขึ้นมาก็คือภาพยนตร์หนังรักวัยรุ่นที่พึ่งฉายไปเมื่อหลายเดือนก่อน กระแสดีชนิดที่ว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ แย่งตัวอชิมาเป็นพรีเซนเตอร์จ้าละหวั่น และหาได้น้อยมากคนที่ไม่มีใครไม่รู้จักอชิ
“อ่าวพี่เกรทพี่วสุทำไมออกมากันแค่สองคนอะครับ” ผมมองไปยังพี่ๆ สองคนที่เดินออกมาโดยไร้เงาของเฮียบิ๊กที่เข้าไปพร้อมกัน
“เห็นว่าไปคุยเรื่องสัญญาอะไรสักอย่างนะ” พี่วสุทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ “พี่แอบได้ยินเขาคุยกันว่าบทนายเอกที่จะมาเล่นคู่กับไอ้บิ๊กนี่น้องอชิ ไอ้บิ๊กมาถึงก็ประคบคู่กับดาวรุ่งเลยไม่ดังก็ให้มันรู้ไป”
“อชิ อชิโคตรดังเลยนะนั่น” ผมพูดแทรกออกมาด้วยความตื่นเต้นเพราะถ้าเป็นอชิที่ผมเห็นตอนเข้ามาคือโคตรของโคตรดังเลย
“ผมงงตรงที่ว่าถ้าวางตัวเอกเอาไว้แล้วจะจัดแคสขึ้นมาเพื่อ” ไอ้บุ๊คละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมาถามพี่วสุ
“ตัวประกอบไรงี้มั้งพี่ก็ไม่ค่อยรู้ว่ะแค่ได้ยินข้างในเขาคุยกัน”
“น้องรวยจะมีแฟนดังแล้ว” ผมนั่งยิ้มโดยที่ไม่ตอบอะไรพี่เกรทที่แซวขึ้นมาเพราะตอนนี้ในหัวของผมมีความคิดแปลกๆ ทั้งๆ ที่ควรเชื่อใจเฮียบิ๊กแต่ทำไมผมถึงเริ่มรู้สึกระแวง....
ผั๊วะ!
“คิดอะไรแปลกๆ อีกรึเปล่ามึง” ไอ้บุ๊คตบไหล่ผมแรงๆ “เห็นเหม่อเลยตบ เจ็บไหม”
“ไม่เจ็บเลยมั้ง” ผมเลือกที่จะไม่บอกความคิดของผมให้ไอ้บุ๊คฟัง ไม่อยากให้ใครมาคิดมากกับเรื่องไร้สาระของผมโดยเฉพาะไอ้บุ๊คที่ช่วงนี้มีเรื่องให้เครียดตลอด
BIG’ s talk
ผมเข้ามาพูดคุยเรื่องสัญญากับใครก็ไม่รู้มากมายโดยมีพี่เจนนี่นั่งขนาบอยู่ข้างๆ เห็นว่ามีผู้กำกับ ผู้เขียนบท และฝ่ายต่างๆ มากมาย
“นี่น้องบิ๊กที่เจนนี่วางตัวให้เป็นพระเอกค่ะ ทางผู้ใหญ่ก็เห็นด้วยเพราะภายนอกน้องบิ๊กเหมาะกับคาเรคเตอร์ของตัวเอกเอามากๆ เลยค่ะ” ผมยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับพยายามยิ้มออกมาให้ดูจริงใจมากที่สุด
“สวัสดีครับ ผมบิ๊กนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักและฝากตัวกับทุกคนด้วยนะครับ”
“หน้าตารูปร่างได้จริงๆ อย่างที่เจนนี่พูดแต่การแสดงละ เห็นแค่ในคลิปที่ส่งมายังมีอีกหลายๆ อย่างต้องปรับนะ แต่พี่คิดว่าน่าจะไม่ยากเพราะดูมีพื้นฐาน” ตอนนี้ผมคันปากอยากจะพรีเซ็นต์ตัวเองว่าเคยเล่นละครเวทีสมัยเข้ามหาลัยใหม่ๆ ไม่น่าจะยาก แต่ต้องหยุดความคิดเอาไว้ไม่พูดออกมาน่าจะดีกว่า
“ลองเข้าบทไหมละ น้องอชิเห็นว่ามาแล้ว ถ้าวันนี้แคสตัวอื่นๆ หมดก็พรุ่งนี้เวิร์คช็อป” พี่ผู้กำกับพูดขึ้นมาหลังจากที่เขาก้มลงอ่านเอกสารคร่าวๆ เกี่ยวกับตัวผม
“เจนนี่ว่าลองเข้าก็ดีนะคะจะได้รู้ว่าต้องปรับอะไร”
“งั้นเอาบทนี้ไปอ่านก่อนตัวละครเจนนี่อธิบายให้พี่ที อีกประมาณชั่วโมงพี่จะเรียกไปแคส” พี่ผู้กำกับพูดจบก็พากันเดินออกไปจากห้องทิ้งให้พี่เจนนี่อธิบายเรื่องบทให้ผมฟังพร้อมกับเล่าเรื่องย่อ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวิตมหาลัยที่พระเอกมีคาเรกเตอร์เกเรซึ่งห่างไกลกับผมเอามากๆ ผมไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่านะ แฮร่! มาต่อดีกว่าครับ และทีนี้นายเอกที่พี่เจนนี่เล่าให้ฟังก็คือนักศึกษาแพทย์แนวใสๆ ซื่อๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคือใครอีกนั่นแหละ เนื้อเรื่องคือผมต้องประสบอุบัติเหตุที่ต้องเจอกับนายเอกและด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักทำให้ผมหาเรื่องเอาตัวเองเข้าไปใกล้ๆ อะไรทำนองนี้อะครับ ไว้ผมค่อยเอาบทไปอ่านอย่างละเอียดใหม่
“น้องบิ๊กพอจะเข้าใจไหมคะ?” พี่เจนนี่ที่อธิบายเนื้อเรื่องถามผมย้ำอีกครั้ง
“เข้าใจครับพี่”
“งั้นน้องบิ๊กไปพักก่อนนะ อีกเดี๋ยวผู้กำกับคงเรียก”
“ผมขอให้เพื่อนกับแฟนผมเข้ามาดูด้วยได้ไหมครับพี่เจนนี่ ผมต้องการกำลังใจจัง”
“ได้ซิค่ะ พี่ก็อยากจะเจอแฟนน้องบิ๊กเหมือนกัน” เมื่อพี่เจนนี่อนุญาตผมจึงรีบวิ่งไปหาเพื่อนๆ และเด็กบื้อที่รออยู่ด้านนอก ทันทีที่เห็นเด็กบื้อยิ้มให้ผมผมก็รีบวิ่งเข้าไปหาก่อนจะเผลอกอดเด็กบื้อที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ด้วยความลืมตัว
“เฮีย! ไอ้รวยมันจะเจ็บ” ผมถูกน้องชายสุดที่รักกระชากคอเสื้อให้ออกห่างจากตัวของเด็กบื้อทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันได้กอดอย่างเต็มอิ่ม
“แค่ต้องการกำลังใจเอง”
“มาพวกกูกอดแทน”
หมับ!
ไอ้เกรทกับไอ้วสุเข้ามาสวมกอดผมแรงๆ พร้อมกับรัดตัวผมเอาไว้ด้วยท่าทางกวนตีน
“ได้กำลังใจพอไหมเพื่อน” ไอ้เกรทถามผมขณะที่พวกมันยังกอดผมอยู่
“เอาจุ๊บไหมจ๊ะพ่อพระเอก” ไอ้วสุกระซิบมาที่ข้างๆ หูพร้อมกับแกล้งเอาริมฝีปากมาเฉียดที่ข้างๆ หูผมเบาๆ บอกตามตรงว่าถ้าไม่ใช่เด็กบื้อผมขนลุกหมดครับ
“ถ้ากูหลุดออกไปได้พวกมึงเจอจูบแน่ๆ” ไอ้วสุไอ้เกรทรีบปล่อยผมออกทันทีพร้อมกับทำท่าขยับหนีด้วยท่าทางรังเกียจ “มาซิพวกมึง มาจูบมากูพร้อมละพ่อจะดูดให้ลืมเลย”
“เฮียขอร้องผมอายเขา” ตี๋น้อยรีบเข้ามาเบรก “แล้วออกมานี่เสร็จแล้วว่างั้นจะได้กลับ เบื่อรอมาก”
“ตี๋พูดงี้เฮียร้องไห้จริงๆ นะ ที่ออกมาจะบอกว่ามาให้กำลังใจเฮียหน่อยเฮียต้องไปเข้าบทอะไรนี่แหละ อยู่คนเดียวไม่มีพวกละมันเหงาใจ”
“ก็แค่นั้น” ผมเดินมาแย่งตำแหน่งเข็นวิลแชร์ให้แฟนสุดที่รักและพานำไปยังห้องที่พี่เจนนี่บอก แต่ระหว่างทางสายผมดันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่มองมาทางพวกผมด้วยสายตานิ่งๆ ด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ทำให้ผมโค้งให้เขาด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“เฮีย?”
“ไม่มีอะไรครับ”
“นี่เหรอครับพระเอกที่ผมจะต้องเล่นด้วย?”
“ใช่ค่ะน้องอชิ”
“ก็ไม่เลวดีหนิครับ”
Maruay’ s talk
ตอนนี้พวกผมถูกพากันเข้ามาด้านในห้องที่มีโต๊ะสีขาวตัวยาวพร้อมกับฉากที่มีชื่อเรื่องของซีรีส์อยู่และขึ้นชื่อสปอนเซอร์ต่างๆ เฮียบิ๊กยืนอ่านบทอยู่อีกมุมเพื่อรอนักแสดงอีกคนที่จะมาเข้าบท
“ไอ้บิ๊กมันไม่ตื่นเต้นเลยวะ” พี่วสุยืนมองพี่บิ๊กด้วยท่าทางงวยงงเพราะท่าทางของเฮียบิ๊กดูอย่างไรก็ไม่มีแววตื่นเต้นหรือตื่นคนเลยแม้แต่นิดเดียว
“แสดงละครอยู่ทุกวันตื่นเต้นก็บ้าละพี่” ไอ้บุ๊คได้ทีผสมโรงกับพี่วสุอย่างเข้าคู่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนักแสดงร่วมที่คาดว่าน่าจะเป็นอชิอย่างที่พี่วสุพูดในตอนแรกก็เป็นจริง เพราะอชิเดินเข้ามาพร้อมกับผู้จัดการหน้าเหวี่ยงของเขา
“ขอโทษที่ช้านะครับ” อชิโค้งขอโทษทุกคนด้วยท่าทางอ่อนน้อมเป็นผม ผมก็โกรธไม่ลงอะครับเขาน่ารักมากเกินไป แต่ความน่ารักนี้ผมมองอย่างไงก็เป็นความน่ารักที่คนธรรมดาอย่างพวกผมไม่สามารถเข้าถึงได้
“สวัสดีครับ..เอ่อ คุณ” อชิเดินเข้าไปหาเฮียบิ๊กที่ดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับบทในมือ ทันทีที่อชิเข้าไปหาเฮียบิ๊กได้แต่ทำหน้าเลิกลักและหันมามองทางผม
“ใครอ่ะ?” ผมอยากจะทุบเฮียแรงๆ สักทีที่บังอาจพูดแบบนี้กับอชิ ผมที่อยู่ข้างล่างรวมถึงพี่เกรทพี่วสุไอ้บุ๊คต่างป้องปากพูดชื่อของอชิขึ้นมาเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าเฮียจะไม่รู้เรื่องเอาซะเลย “ห้ะ? กะปิ”
“ไม่ใช่ๆ อชิ อชิ” ทางฝั่งผมไม่รู้จะใบ้อย่างไงแล้วเฮียบิ๊กก็ยังเรียกชื่อผิดๆ ถูกๆ อยู่อย่างนั้นจนเจ้าของชื่อแนะนำตัวเองออกมา
“ผมอชิครับ”
“อ่อ อชิ ผมบิ๊กครับน่าจะเป็นพี่นะเรียกพี่บิ๊กก็ได้” เฮียบิ๊กยื่นมือออกมาตรงหน้าส่วนอชิก็ยื่นมือเข้ามาจับมือเฮียบิ๊กเขย่าเบาๆ และปล่อยออก
“ครับพี่บิ๊กชิฝากตัวด้วยนะครับ ^^” รอยยิ้มของอชิโคตรน่ารักเลย
“งั้นเริ่มเข้าเลยนะ รอพี่ให้สัญญาณ ห้า สี่ สาม สอง แอคชั่น!!” เฮียบิ๊กสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทันทีที่ได้ยินสัญญาณก่อนจะลืมตาขึ้นมา แววตาของเฮียบิ๊กตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดไม่มีแววขี้เล่นเหมือนเคย มีเพียงแววตานิ่งๆ เท่านั้น
“เอ่อ..หลบได้ไหมครับผมจะเดิน” อชิที่ได้รับบทเป็นนายเอกของเรื่องสวมเข้ากับคาเรคเตอร์ของตัวละครที่เขาแสดง เฮียบิ๊กขยับเข้ามายืนขวางหน้าอชิอย่างท้าทาย
“ถ้าพี่ไม่ขยับ มีปัญหาอะไรไหม?”
“คือคุณจะมายุ่งวุ่นวายกับผมทำไมครับ เรื่องอุบัติเหตุตอนนั้นผมไม่ได้ติดใจอะไร เราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะครับ” น้ำเสียงท้ายๆ ประโยคของอชิดูหงุดหงิดเล็กน้อย “หลีกทางผม”
“.....” เฮียบิ๊กเบี่ยงตัวหลบเพื่อให้อชิเดินหนีไปแต่ยังไม่ทันที่อชิจะเดินหนีไปพ้นเฮียบิ๊กเอื้อมมือมากระชากแขนของอชิและออกแรงดึงทำให้อชิเสียหลักเข้ามาซบอกของเฮียบิ๊กเต็มๆ สายตาของทั้งสองสอดประสานเข้าหากันโดยที่สายตาของเฮียบิ๊กไม่สามารถปิดบังความสนใจที่มีต่อคนตัวเล็กในอ้อมกอดของเขาได้
“เอ่อ....”
“พี่ชอบน้อง ขอจีบได้ไหมไม่ได้ขออนุญาตแต่ว่าจะจีบเลย งั้นขอมัดจำไว้ก่อนนะ...” เฮียโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ จุดหมายปลายทางคือแก้มใสๆ ที่ตอนนี้ระเรื้อไปด้วยสีชมพู ใครก็ได้บอกผมทีว่าผมกำลังไม่พอใจกับภาพตรงหน้าเฮียบิ๊กเล่นเนียนเกินไปแล้วเข้าบทบาทมากเกินไป
“ไอ้รวยเพื่อนมันเป็นงาน ใจเย็นๆ” ไอ้บุ๊คแตะไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าไอ้บุ๊คว่ามันรู้ได้อย่างไงว่าผมไม่พอใจ “ตัวเกร็งขนาดนี้กูดูออก ถ้าเฮียกูรู้ได้ใจไปอีกที่แฟนหึง”
“การแสดงกูแยกแยะออก”
“แยกแยะออกแต่เสียงแข็ง?” ผมเลิกสนใจไอ้บุ๊คและหันกลับมาสนใจเฮียบิ๊กต่อ ซึ่งตอนนี้ผู้กำกับสั่งคัททำให้ทั้งคู่ไม่ได้หอมแก้มกันจริงๆ
“เข้ากันมาก!” ผู้กำกับลุกขึ้นปรบมือ “เดี๋ยวนัดคุยรายละเอียดอีกทีนะ” เฮียบิ๊กยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งมาทางผม
“เฮียเล่นเป็นไงบ้าง” เฮียบิ๊กย่อตัวลงตรงหน้าผมก่อนจะเอื้อมมือของเขาเข้ามากุมมือของผม
“เล่นดีจนแฟนเฮียหึง” ไอ้บุ๊คพูดแทรกขึ้นมาและนั่นยิ่งทำให้เฮียบิ๊กยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที “กูบอกแล้วว่าเฮียต้องดีใจที่มึงหึง”
“ดีใจที่สุดอยากหอมแก้มแล้วเนี่ย”
“ใจเย็นเพื่อน” พี่วสุยกเฮียบิ๊กให้ยืนขึ้นเหมือนปรกติเมื่อพี่คนเดินมาทางพวกผม
“แล้วเจอกันนะครับพี่บิ๊ก ^^” อชิเดินเข้ามาทักทายพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มอบให้เฮียบิ๊กก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้พี่ๆ ที่เหลือมองตามตาค้าง
“มองใกล้ๆ แล้วน่ารักฉิบหายเลย” พี่เกรทพูดตามหลังอชิ “อิจฉามึงจัง”
“ไม่ต้องอิจฉากูเลยมึง มันเป็นงานกูไม่ว่อกแว่กแน่นอนเพราะในใจมีแต่มารวยยยยยยยยย” ผมว่าจะไม่ยิ้มแล้วนะครับแต่ท่าทางที่น่ารักของเฮียบิ๊กทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้จริงๆ ถ้าเฮียยืนยันแบบนี้ผมก็มั่นใจในคนรักของผม แต่ผมไม่มั่นใจสายตาของอชิจริงๆ ถึงจะน่ารักแต่ถ้าเขามายุ่งกับแฟนผมมารวยคนนี้ไม่ยอมเด็ดขาด! อีกไม่นานร่างกายของเฮียบิ๊กจะต้องเป็นของผม
#เห้ย!!! อะไรเนี่ยเส้นทางดาวรุ่ง