chapter 3
"นายไปเอาเทปฉันมาจากไหนกัน” จินย้อนถามรอบที่สอง ทั้งคู่ท่าทางจะสงบลงนิดหน่อย
คาซึยะ ไม่อยากตอบ กลัวว่าจะรู้ว่าเค้ามาเรียนที่นี่เพราะอะไร กลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะ ที่ทำบ้าๆ
แค่อยากมาเจอเจ้าของเทป ซึ่งตอนนี้ ก็ยืนเคร่งเครียดอยู่ตรงหน้าแล้ว
“นายมาที่นี่ เพราะเทปนี้ใช่รึเปล่า” นั้นไงหล่ะ ท่าจะจริงที่หมอนี่เคยบอกว่ามีเซนท์พิเศษเดาใจคน
ได้ ไม่ผิดเลยสักนิด “ก็แล้วจะทำไมหล่ะ!! อยากหัวเราะก็เชิญเลย ฉันมันบ้ามาตามหาเจ้าของเทป
เพราะแค่ได้ฟังเสียงนะ” คาซึยะ ตะโกนออกมาดังๆแบบอัดอั้นตันใจสุดๆ ไม่มีเสียงหัวเราะเล็ด
ลอดออกเลย คาซึยะก้มหน้างุดๆทั้งโกรธทั้งอาย เจ้าบ้านี่รู้จนได้ว่า มาที่นี่เพื่อมาตามหาตัวเอง
จินเอามือจับไหล่ที่ผอมบาง มีแต่กระดูก เอาหน้าเข้ามาใกล้ ๆ
ใช้สายตานิ่งๆจ้องที่ดวงตาของคาซึยะ
“ฟังแล้วดีใช่มั้ย ไม่อยากตายแล้วใช่มั้ย นายถึงมาตามหาฉันน่ะ”
พูดอะไรของนายน่ะ ไม่อยากตายเหรอ ถึงจะไม่ใช่เหตุผลนั้น แต่ก็ทำให้เค้าไม่คิดฆ่าตัวตายไป
ระยะหนึ่งนะแหละ “ฉันไม่หัวเราะ คนที่ฟังเพลงของฉัน แล้วอุตส่าห์มาตามหาหรอกนะ กลับตื้นตัน
ดีใจเป็นพิเศษต่างหากที่มีคนฟังเพลงของฉัน แล้วช่วยอะไรเค้าได้บ้างน่ะ “
ทำไมต้องพูดจาดีๆกับเค้าแบบนี้ด้วย คาซึยะรู้สึกว่าไหล่ที่รู้สึกหนาวเหน็นอบอุ่นอย่างประหลาด
เมื่อจินสัมผัสมันไว้ เค้าต้องการมาพบจินเพื่ออะไรไม่รู้เลย หรือว่ามันเป็นโชคชะตาให้เค้าได้ฟัง
เพลงของจิน มาตามหา และให้คนคนนี้เป็นคนรักษาบาดแผลในจิตใจของเค้า
ไม่เข้าใจพูดอะไรไม่ออก ก้มหน้าลงหลับตานิ่งๆ
“วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากๆ นายกลับไปที่ห้องก่อนจะได้มั้ย ฉันอยากพัก” คาซึยะพูดออกมาน้ำเสียง
แผ่วเบา จินยิ้มพยักหน้าตอบรับ “ถ้ามีอะไรอยากจะบอกฉันละก็ บอกมาได้นะ ฉันยินดีรับฟัง”
ก่อนจะออกจากห้องจินทิ้งท้ายเอาไว้ คาซึยะไม่พูดอะไร ปิดประตูเงียบๆ
ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง เรื่องทั้งหมดมันหนักหนาเกินไป เค้าจะไว้ใจจิน
คนที่ตั้งใจมาค้นหาคนนี้ได้หรือ เพราะลักษณะ น้ำเสียงที่คล้ายกัน ไม่ใช่ในรายละเอียด
แต่ที่ความรู้สึก มันจะทำให้เค้ายอมเปิดใจได้เหรอ ยังไม่แน่ใจ ขอเวลาสักหน่อยเถอะนะ
ถ้าถึงเวลานั้น เค้าคงจะมั่นใจกว่านี้
“คาซึยะ !! นายนี่ออกเสียงตรงนั้นผิดนะเข้าใจมั้ย” เสียงเย็นๆใจดีแว่วมาในโสตสัมผัส
คุ้นเคย คาซึยะลืมตามองไปที่เจ้าของเสียงนั้น ชายหนุ่มหน้าสวย ดวงตาอ่อนโยน
รอยยิ้มเป็นมิตรสวมชุดสีขาวสะอาด…
ทากิซาว่าพี่ชายของเค้านั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรด ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน ในมือถือเนื้อเพลงเอาไว้
อะไรกันนะ นี่เป็นความฝันใช่มั้ย “หือมองพี่ยังงั้นทำไม ? มีอะไรรึเปล่า?”
ทากิซาว่าดวงตาอ่อนโยน คาซึยะพยายามลืมตามองดูให้ชัดๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ
พยายามจะเอามือไปจับ เสื้อผ้าสีขาวนั้นอยู่ดีๆก็กลายเป็นสีแดงฉาน ไม่ต่างกับเลือด
คาซึยะ ตกใจ แล้วมันก็กลายเป็นเพียงกลีบกุหลาบปลิวหายไป
ไม่!!!” “ตื่นได้แล้ว!!!” คาซึยะดวงตาเบิกโพลง ตื่นจากฝันที่เจ็บปวด จินยืนชะโงกหัวเข้ามา
ผมตกลงมาปรกหน้า “นายเข้ามา ได้ยังไงกันน่ะ!” จินชี้ไปที่ประตูทางระเบียง เหมือนเดิม
“อย่าเข้าห้องชาวบ้านตามอำเภอใจจะได้มั้ยนายเนี้ย!!” เอามือคลำต้นคอไปมา
ถึงจะทำท่าโมโหแต่ก็ขอบใจที่ช่วยเค้าตื่นจากฝันแบบนั้น ไม่ได้ฝันเห็นพี่ชายมานานแล้ว
“นี่ๆ ไมไม่เก็บเตียงหล่ะ ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมนะ ไม่มีคนทำให้หรอก มาสเซอร์มาตรวจห้องจะโดนดุ
เอาด้วย” คาซึยะที่ลุกจากเตียงไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ หันมามองก่อนบ่นรำคาญออกมา
“ทำไม่เป็นหรอกนะ อยากดุก็ดุไปสิ”
จิน อ้าปากค้าง “เฮ้ย !! ไม่แค่ดุนะ โดนหักคะแนนความประพฤติ แปะประจานหน้าหอด้วย
ขอบอก!!” ขู่เป็นชุดคิดว่าจะได้ผล คาซึยะที่แปรงฟันล้างหน้าเสร็จแล้ว
เดินออกมาทำหน้ากวนๆ”แล้วไง กลัวตายเลย” จินทำหน้าบู้ ที่คาซึยะไม่เชื่อฟังเอาซะเลย
“นี่ดูแล้วก็จำไว้สิ ฉันจะเก็บให้ดูแล้วกัน ต่อๆไปนายต้องทำเองนะ กะอีแค่เก็บที่นอนนะไม่ได้ยาก
อะไรสักหน่อย “ ลงมือพับผ้าห่ม ดึงผ้าคลุมเตียงมาจัดการ อย่างรวดเร็ว
คาซึยะมองดูขำๆท่าทางจินยังกับแม่ไม่มีผิด
“อ้าว ยิ้มกับคนอื่นเค้าก็เป็นนี่นา นายนี่” จินหันมาเห็นพอดี คาซึยะรีบเก็กหน้าขรึมเหมือนเดิม
“ก็นายทำท่าตลกคนก็ต้องขำสิ แล้วคนอย่างฉันไม่มีสิทธิ์ยิ้มรึไง” จินเอามือล้วงกระเป๋า
“ไม่ใช่ๆ แต่ว่าเวลานายยิ้มแล้วน่ารักดี พยายามยิ้มบ่อยๆนะ”
คาซึยะอายขึ้นมาซะอย่างงั้น “ทำไมต้องเชื่อนายด้วย” รีบปิดประตูห้องน้ำหนี
จินเดินมาที่ประตูห้องน้ำที่ตอนนี้เสียงน้ำไหลดังอยู่ ตะโกนเข้ามา”เฮ รีบๆอาบน้ำหล่ะ
แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วไปที่โบสถ์กัน!!”
เวลาที่ตื่นเป็นเวลา6โมงเช้า เช้ามากๆ เช้าเกินไปด้วยซ้ำ จินแสบจริงๆ คาซึยะไม่เคยตื่นเช้าขนาด
นี้มาก่อนเลย แถมยังถูกบังคับให้แต่งตัวเรียบร้อย รู้สึกอึดอัดเนคไทจริงๆ สวมเรียบร้อยซะขนาด
นี้ จิน พาคาซึยะไปที่ทางเข้าด้านหลัง มองที่นาฬิกาเป็นเวลา 7.30 มาทำอะไรกันแต่เช้าเนี้ย
“เอ้าใส่ซะ !! “ จินยื่นชุดสีขาวให้คาซึยะ ก่อนลงมือสวมทับชุดนร.
“อะไร? ทำไมฉันต้องใส่ด้วยหล่ะ นี่มันชุดเด็กร้องเพลงในโบสถ์ไม่ใช่รึไง” จินพยักหน้า "รู้แล้วยัง
ถามอีก ก็มาร้องเพลงกันไงหล่ะ” คาซึยะ ทำหน้างงๆ “ใครบอกว่าฉันจะร้องกัน!!”
จินไม่ฟังเสียงดึงชุดมาจากมือ แล้วสวมทับให้เสร็จสรรพ
“ร้องไม่ร้องก็ไม่เป็นไร แค่ทำปากงึมงัมก็ได้ ไปเถอะจะได้เวลาแล้ว”
เดินออกมาที่โถงของโบสถ์ มีคนมาฟังสวดมนต์ตอนเช้าไม่กี่คน
มีเด็กๆร้องเพลงในโบสถ์ยืนรออยู่แล้ว คาซึยะรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าจะเคยอยู่ชมรมประสานเสียงมาก่อน แต่การร้องเพลงในโบสถ์แบบนี้ไม่เคยมาก่อนเลย
เด็กชายตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก เดินออกมาข้างหน้า ท่าทางจะเป็นเด็กปีหนึ่งม.ต้น เริ่มร้องเพลงออก
มาเป็นต้นเสียง จินกระซิบกับคาซูยะเบาๆ “เจ้าเนี้ย ชื่อยาบุ เสียงดีสุดยอด ฟังแล้วขนลุกเลยนะ”
จริงอย่างที่ว่าเสียงร้องเพลงกังวาน เจื้อยแจ้ว เหมือนนกน้อยๆ
การร้องเพลงช่วงเช้าจบลง โดยที่ คาซึยะไม่ได้อ้าปากร้องออกมาสักนิด
“นายนี่ ทำไมไม่ยอมร้องออกมาเลยนะ ฮัมเพลงสักนิดก็ยังดี การร้องเพลงให้พระเจ้านะ
ช่วยซ่อมแซมปีกที่หักได้รู้รึเปล่า “
คาซึยะถอดชุดออก เอามือเสยผมลวกๆเพราะชุดเป็นแบบสวมหัวทำเอาผมยุ่งไปหมด
“ไร้สาระอีกแล้วนะนาย ก็นายบอกว่าไม่ต้องร้องก็ได้ไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญฉันไม่เชื่อพระเจ้าหรือ
เรื่องปีกอะไรนั่นด้วย”