- รักพัดหวน -
ตอนพิเศษ ลมเพชรหึง
“.....” คีตกาลลืมตาขึ้นมอง เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามยังคงหลับใหล เขาเหลียวมองรอบตัวแล้วเหตุการณ์เมื่อคืนจึงแล่นเข้าสู่สมองอีกครั้งให้หน้าร้อนผ่าว ร่างโปร่งสลัดผ้าห่มกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็วแล้วเผ่นแผล็วออกจากห้องด้วยกลัวอีกคนจะลืมตาขึ้นมา หากเป็นอย่างนั้นตัวเขาคงระเบิดเพราะความร้อนบนหน้าแน่ๆ หลังอาบน้ำจนออกมานั่งที่โต๊ะทานข้าวเขายังไม่เห็นสีหราชออกมา ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงจนสายใจตั้งสำรับเสร็จเขาจึงอดรนทนไม่ไหว
“เจ้านายของสายใจไม่ออกมาทานข้าวหรือ?”
“เอ หรือว่าคุณสิงห์จะมีไข้คะ?” สายใจเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยบ้าง เพราะเมื่อวานคุณสิงห์ของเธอไปโรงพยาบาลมาอีกรอบ
คีตกาลขมวดคิ้ว ไข้ขึ้นหรือ? เมื่อวานไม่มีทีท่าว่าจะเป็นไข้นะ เพราะยังสามารถสู้รบปรบมือกับเขาจนเขาข้อมือแทบหักได้!
“อืม เดี๋ยวไปดูเอง” พอเขาลุกขากเก้าอี้ เด็กสายใจก็ยิ้มแป้นจนปากแทบฉีกถึงหู ไม่รู้ว่าจะดีใจอะไรนักหนา
คีตกาลเคาะประตูอยู่สอง-สามครั้งจึงได้ยินเสียงจากด้านในเอ่ยอนุญาต
“ไม่ออกไปทานข้าวหรือ?”
“ก็....” ร่างสูงชูมือข้างที่เข้าเฝือกให้ดู “จำไม่ได้ว่าเอาสายคล้องไปไว้ที่ไหน อีกอย่างดูเหมือนมือจะบวมขึ้น ....สงสัยออกแรงมากไป” จบประโยคริมฝีปากหยักคู่นั้นจึงยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมสายตาวิบวับ ทำให้คีตกาลต้องถลึงตามองพร้อมแก้มขึ้นสีเรื่อ ไอ้ประโยคเย้านั่นคิดว่าจะทำให้เขาเขินได้อย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่า...เขาเขิน! แต่เรื่องอะไรจะยอมรับกันเล่า
“สมน้ำหน้า! ข้อมือหักยังไม่เจียมสังขาร!”
“เพราะเจียมสังขารหรอกถึงได้ให้เพลงออกแรงมากกว่าไง” ไม่พูดเปล่าเจ้าของร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ ชิดเสียจนได้กลิ่นสบู่จากร่างโปร่งตรงหน้า
“ไอ้บ้า!”
“จนกว่าจะหายคงต้องรบกวนเพลงอีกหลายครั้งแน่ๆ” ไม่พูดเปล่า จมูกโด่งยังขยับจ่อชิดลงบนกลุ่มผมนุ่ม ละเรื่อยขมับและข้างแก้มร้อนผ่าว คีตกาลถลึงตามองจนแทบจะถลนออกจากเบ้าร่างสูงก็หามีความกลัวสักนิดไม่
“เดี๋ยวจะแช่งให้มือใช้การไม่ได้ตลอดชีวิตเลย!”
“งั้นเพลงคงต้องลำบากแล้วล่ะ ถ้าเกิดสิงห์ให้ความสุขเพลงได้ไม่เต็มที่เพลงจะแย่เอานะ”
“ฮึ่ย! วกลงใต้เข็มขัดตลอด!” มือขาวดันคางได้รูปจนใบหน้าหล่อเหลาแหงนหงายแล้วผละออกไปให้พ้นรัศมีวงแขนแกร่งที่เริ่มเลื้อยกอด สีหราชหัวเราะเสียงดังกับท่าทางนั้น คีตกาลแยกเขี้ยวก่อนจะก้มลงหยิบบางอย่างออกจากใต้เตียง ...สายคล้องแขนของสีหราชนั่นเอง ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองแล้วหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง
“อื้อหือ นี่เราร้อนแรงขนาดสายคล้องแขนกระเด็นไปตกใต้เตียงเลยหรือนี่?” ดวงตาคมดุพราวระยับไม่คลายการหยอก
ล้อ “โอ๊ะ!” ก่อนจะสะดุ้งเพราะคีตกาลโยนสายคล้องนั้นใส่หน้า ยิ่งเสียงใสๆนั่นบ่นงึมงำว่าเขาลามกเขาก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นไปอีก
ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง วันพรุ่งนี้ก็จะครบกำหนดสามอาทิตย์ที่สีหราชจะเอาเฝือกออกแล้ว เขาดีใจเป็นบ้า! แต่ว่า...ในความดีใจยังมีความประหวั่นพรั่นพรึงผสมอยู่มิใช่น้อย การที่สีหราชใช้มือได้ข้างเดียวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่ายเอาเปรียบเขาได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่ว่าจะบังคับให้เขาอาบน้ำให้ ป้อนข้าวหรือแม้แต่...การจัดการความรุ่มร้อนแข็งขืนดุดันนั้น มีข้อดีอยู่อย่างคือคีตกาลยังรอดพ้นจากการโดนกอด...เอาจริงๆนะ...เขายังทำใจได้ไม่สนิทนักถึงแม้ว่าจะแอบมีอารมร์ร่วมตอนช่วยเหลืออีกฝ่ายยามอารมณ์พลุ่งพล่าน แหม ใบหน้าเข้มคร้ามของสีหราชยามอาบไปด้วยความสุขสุมนั้นน่าดูน้อยเสียเมื่อไหร่ มันโคตรจะเซ็กซี่มากๆเชียวละ!
แล้วถ้าพรุ่งนี้เอาเฝือกออกแล้ว แล้วเขาจะหาข้ออ้างอะไรมาหลีกเลี่ยงสีหราชต่อ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีอะไรกับสีหราชหรอกนะ เขาแค่อยากเป็นฝ่ายรักมากกว่าเท่านั้นเอง!
“อ๊ะ!” ร่างโปร่งสะดุ้งเมื่อความหยุ่นอุ่นประทับลงบนซีกแก้ม แล้วร่างสูงทางด้านหลังจึงเคลื่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวถัดไป
“คิดอะไรอยู่?” สีหราชอมยิ้มกับท่าทางเหนื่อยอ่อนของอีกฝ่าย พลางเลื่อนถ้วยสละลอยแก้วแช่เย็นสองถ้วยฝีมือป้าแช่มไปตรงหน้าฝ่ายนั้น คีตกาลยันกายลุกนั่งตัวตรง มองถ้วยของหวานตรงหน้าพลางส่งค้อนให้คนตัวโตกระนั้นก็ยังหยิบช้อนตักลูกสละป้อนให้
“พรุ่งนี้จะได้เอาเฝือกออกแล้ว”
“อืม ดีใจใช่ไหมล่ะ คราวนี้สิงห์จะได้กอดเพลงเต็มแขนเสียที”
“ฮึ่ย! ว่าแต่ได้เจอคุณแพรวบ้างไหม?” คีตกาลเสเปลี่ยนเรื่อง สีหราชซึ่งกำลังอารมณ์ดีถึงกับขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม
“ไม่เจอ!ทำไม?” เหมือนรับรู้ได้ว่าคนตัวโตอารมณ์ขุ่นคีตกาลจึงตักของหวานจ่อป้อนเร็วขึ้นอย่างเอาใจ
“ก็แค่จะขอโทษคุณแพรวเรื่องตอนนั้นเท่านั้นเอง”
“....พรุ่งนี้หลังหาหมอแล้วค่อยแวะไปหาก็ได้” แม้ไม่ค่อยพอใจให้คีตกาลไปพบหญิงสาวมากนัก หากสีหราชคิดว่าการที่คีตกาลขอโทษฝ่ายนั้นเป็นเรื่องต้องทำอย่างยิ่ง “แค่ไปเจอหน้า ขอโทษแล้วก็กลับเท่านั้นนะ!” ไม่วายสั่งกำชับทิ้งท้าย คีตกาล
หัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ
หลังเอาเฝือกออกสีหราชผู้ทนความเหม็นอับชื้นของแขนตัวเองไม่ไหวขอตัวแยกไปเข้าห้องน้ำหลังจอดเข้าห้างเพื่อแวะซื้อของกลับไร่ คีตกาลผู้ที่แกล้งบ่นเหม็นยกยิ้มชอบใจก่อนจะลากรถเข็นไปซื้อของ พลันสายตาเห็นเงาร่างโปร่งระหงของหญิงสาวกำลังเลือกแชมพูอยู่ข้างหน้า
“คุณแพรว?”
“คุณคีย์?” หญิงสาวหันมามองเขา เงียบไปอึดใจจึงส่งยิ้มให้แล้วเอ่ยขอตัว
“เดี๋ยวครับ! คือผม...”
“คะ?”
“คือผมอยากขอโทษคุณเรื่องคราวก่อน ผมคงทำให้คุณแพรวรู้สึกแย่ เป็นผมเองที่นิสัยไม่ดี ผม...”
“พอเถอะค่ะ” แพรวพรรณยกยิ้มอีกครั้ง คราวนี้ดูจริงใจไม่ฝืดฝืน “แพรวมานั่งคิดดูแล้ว ที่คุณคีย์ทำแบบนั้นเพราะส่วนหนึ่งคงเข้าใจแพรวผิดด้วย ใช่ไหมคะ?”
“ก็...ครับ”
“แพรวเองก็มีส่วนผิดที่พูดไม่ชัดเจน ว่าแพรวชอบคุณคีย์และเข้าหาสิงห์เพราะอยากให้ช่วยเรื่องคุณ”
“คุณแพรวชอบผม?”
“ค่ะ แต่คุณคีย์เข้าใจว่าแพรวชอบสิงห์ซินะคะ?”
“....ครับ” คีตกาลยิ้มแหย
“ดังนั้นคุณก็เลยหึง คว้าคอสิงห์มาจูบต่อหน้าต่อตาเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ” แพรวพรรณยิ้ม ยกนิ้วแตะคางนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
“....ง่า ครับ ผมขอโทษจริงๆนะที่ทำให้คุณรู้สึกแย่เพราะอารมณ์ชั่ววูบของผมทีเดียว...”
“ค่ะ แพรวยกโทษให้” หญิงสาวยักไหล่ คีตกาลก้มหน้ายกมือขึ้นเกาหัวอย่างเก้อเขินก่อนจะสะดุ้งเมื่อไหล่โดนคว้ากระชัดจนไหล่อีกข้างกระทบแผ่นอกแข็งแกร่งของผู้มาใหม่
“สวัสดีครับคุณแพรว”
“สวัสดีค่ะสิงห์” หญิงสาวยิ้มแย้มทักทายร่าเริงเหมือนเช่นเคย หากสายตาเหลือบมองมือใหญ่ที่คว้าไหล่คีตกาลไปกอดแสดงความเป็นเจ้าของโจ่งแจ้ง
“มาซื้อของหรือครับ?”
“ค่ะ แพรวมาทำธุระแถวนี้เลยแวะซื้อแชมพูเสียหน่อย หมดพอดี”
“อืม งั้นเพลงเลือกสักขวดซิ”
“หืม? แชมพูเหรอ?” คีตกาลผู้พยายามแกะคีมเหล็กออกจากไหล่ตัวเองเงยหน้าขึ้นมองคนพูด
“ใช่ ที่ห้องเราหมดเหมือนกัน”
“แล้วเอายี่ห้อไหนล่ะ?” คีตกาลลืมท้วงคำว่า ‘ห้องเรา’ เพราะยังงงกับท่าทีของสีหราชอยู่
“เพลงใช้อันไหนล่ะ?”
“ก็...อันนั้น” คีตกาลไปยังช่องถัดไปซึ่งวางแชมพูยี่ห้อที่เขาใช้ประจำอยู่ ก็ไม่รู้ว่าสีหราชจะถามทำไม
“งั้นก็เอาอันนั้นแหละ”
“ฮื่อ?”
“เพลงใช้อันไหนสิงห์ก็ใช้อันนั้นแหละครับ ไหนมาดมดิ” ไม่พูดเปล่าสีหราชคว้าหัวคีตกาลมาดมแล้วทำท่าชื่นอกชื่นใจให้คนโดนดมหัวยืนนิ่งค้างเพราะตกใจทำอะไรไม่ถูก “หอมดี” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้าง ไม่สนใจหญิงสาวอีกคนที่ยืนมองอยู่
“สิงห์!” คีตกาลดันคนตัวโตให้ออกห่าง เหลือบมองแพรวพรรณที่ยังคงยืนยิ้มอยู่จุดเดิม “คือ...เอ่อ...”
“คะ?”
“จริงซิ ใกล้เที่ยงแล้ว เราไปทานข้าวกันดีกว่าครับ นะคุณแพรว!”
“ค่ะ” แพรวพรรณยังคงยิ้มหวานต่างจากสีหราชซึ่งรอยยิ้มหายไปจากใบหน้าทันทีที่แพรวพรรณรับปากไปทานข้าวด้วยกัน หญิงสาวยกยิ้ม เหลือบมองร่างสูงของสีหราชแล้วเลิกคิ้วยั่วเย้า คิดจะแกล้งเธออย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเสียละ ตอนนี้เธอจะแกล้งคืนบ้าง! นี่แค่ดอกเบี้ยที่ไม่ยอมบอกความจริงเรื่องที่ตัวเองก็รักคุณคีย์เหมือนกันให้รู้ ปล่อยให้เธอเต้นไปเต้นมากับความรู้สึกนั้นอยู่ได้!
“คุณแพรวทานนี่ซิครับ อร่อยนะ” อาจจะเพราะด้วยความรู้สึกผิดก่อนหน้าคีตกาลจึงเอาใจหญิงสาวตลอด คอยตักนู่นเติมนี่ไม่ขาด จนสีหราชผู้ที่นั่งข้างๆถึงกับกรอกตาอย่างไม่ชอบใจ
“ของโปรดของเพลงทั้งนั้นแหละครับ” สีหราชกล่าวบางตักใส่จานคนข้างๆ
“นี่! เอ่อ คุณแพรวทานได้ไหม?”
“คุณคีย์ทานได้แพรวก็ทานได้ค่ะ”
จนเมื่อทานอาหารเสร็จและสีหราชเรียกบริกรมาคิดเงิน แพรวพรรณก็ยังทำท่าไม่อยากจากไป หญิงสาวจ้องมองคีตกาลครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากถาม
“แพรวได้ยินสิงห์เรียกคุณคีย์ว่าเพลง”
“ครับ?”
“ตกลงคุณคีย์มีสองชื่อหรือคะ? หรือจริงๆแล้วชื่อเล่นคือ เพลง?”
“เอ่อ ก็พ่อกับแม่มักจะเรียกว่าเพลงน่ะครับ” ชายหนุ่มบอกปัด เขาเหลือบมองคนด้านข้างซึ่งบัดนี้หน้าตาบอกบุญไม่รับเสียแล้ว
“เพลง....ถ้าอย่างนั้นแพรวเรียกคุณว่าเพลงบ้างได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้!” คีตกาลอ้าปากค้าง หากคนตอบคือสีหราชที่ใบหน้าบึ้งตึง เขาจ้องจองแพรวพรรณเขม็ง หากหญิงสาวเพียงยิ้มรับ “ชื่อเพลง มีแต่คนในครอบครัวและสนิทสนมเท่านั้นที่เรียกได้!”
“อืม แต่คุณสิงห์เป็นแค่ ‘เพื่อน’ นี่คะ ไม่ใช่คนในครอบครัวเสียหน่อย” แพรวพรรณเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ เธอหันมาจ้องตาสีหราชตอบ ริมฝีปากยังคงไม่คลายรอยยิ้ม
“เมื่อก่อนน่ะเพื่อน แต่ตอนนี้ นับจากนี้ไปผมกับเพลงคือคนคนเดียวกัน และผมมีสิทธิ์สงวนไม่ให้ใครเรียกชื่อนี้ของเขา!”
“นี่!” คีตกาลทำได้แต่เพียงส่งเสียงห้ามปรามคนข้างๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเกิดอารมณ์เสียอะไรขึ้นมาถึงได้หงุดหงิดเอากับแพรวพรรณอย่างนี้ ช่วงก่อนยังเห็นญาติดีกันอยู่แท้ๆ
“กลับ!”
“หะ? เอ่อ คุณแพรว แล้วไว้พบกันใหม่นะครับ” คีตกาลโดนฉุดกระชากให้ลุกออกจากโต๊ะ เขาได้แต่ลุกขยับเดินตามแรงรั้งนั้นก่อนจะหันมาลาหญิงสาวซึ่งยังคงยิ้มมองส่งพวกเขาเดินออกไป
แพรวพรรณส่ายหัว มองท่าทางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงของสีหราชแล้วให้นึกขำ ดูเอาเถิด บทจะหึงก็หึงไม่ใช่เล่นเลยผู้ชายคนนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้ายังรักษาท่าทีสุขุมเอาไว้ได้ดี สงสัยเพราะตกลงปลงใจกับคีตกาลได้แล้วกระมังอากัปกิริยาการแสดงออกจึงชัดเจนโจ่งแจ้งแบบนี้... หลังจากนี้สงสัยคีตกาลคงจะเดือดร้อนเพราะแรงหึงหวงแน่ๆ หึ อย่ามาสบประมาทการเอาคืนของผู้หญิงเชียวนะ!
หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับตัวเอง เอาคืนทีเดียวสองคนแบบนี้ก็ถือว่าทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ยังไม่ทั้งหมดหรอกนะ มาทำให้เธอเสียเซลฟ์แล้วรักกันเองแบบนี้....ต่อจากจะแกล้งปั่นหัวให้วุ่นเลย!
“นี่ เป็นอะไรไป ทำไมถึงเสียมารยาทกับคุณแพรวอย่างนั้นล่ะ?” คีตกาลเอ่ยถามหลังจากขึ้นรถมาแล้ว สีหราชเหลือบตามองไม่พอใจ ทีเมื่อก่อนเห็นแกล้งเขาตั้งหลายอย่างทีอย่างนี้มาทำต่อว่าเขาอย่างนั้นหรือ?
“หรืออยากจะให้พูดจาฉอเลาะกับเขา?”
“...ก็ไม่ใช่อย่างนั้น แต่...”
“เลิกพูดถึงคุณแพรวเสียที!”
“หงุดหงิดอะไรเล่า?” อย่ามาทำเสียงดังใส่เขานะ!
“ก็ไม่เห็นหรือไงว่าเขายังไม่ตัดใจจากเพลงน่ะ!”
“เอ๊ะ แต่..”
“แล้วก็ไอ้ที่เขาขอเรียกว่า ‘เพลง’ น่ะ ท่าทางลังเลแบบนั้นคิดจะให้เขาเรียกหรือไง?”
“ไม่ใช่นะ เพลงไม่ได้จะให้เขาเรียกชื่อนี้เสียหน่อย”
“ไม่รู้แหละ สิงห์หวง!”
“อะไรนะ?” คีตกาลเบิกตากว้างจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อก่อนตอนคบกันสีหราชไม่เคยมีท่าทีรุนแรงแบบนี้ให้เห็นเลยสักครั้ง อาจจะมีบ้างที่หึงหวงแต่มักจะเป็นแบบเงียบเรียบร้อยกว่านี้เยอะ