" อกหักเป็นเรื่องเล็ก อกเล็กไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่มีอกไม่เป็นไร แค่มีหัวใจดี ๆ ก็พอ "
สวัสดีครับทุกคน
หายไปไหน?
หายไปดำเนินชีวิตมาครับ ปกติถ้าผมไม่มีเรียนไม่งาน สิ่งหลักที่ทำคือการนอน นอน แล้วก็นอน
แต่ช่วงที่ผ่านมามีทั้งเรียน ทั้งสอบ ทั้งรับจ๊อบพิเศษข้างนอกด้วย แล้วก็ต้องเคลียร์งานส่งอาจารย์ เวลาที่จะนอนไม่ต้องพูดถึง มีอะไรให้พิงก็หลับได้ แต่ที่ชอบทำประจำคือชอบเข้าไปนั่งหลับในห้องน้ำ ปิดประตูห้องน้ำ ปิดฝาชักโครกลง นั่งขัดสมาธิบนชักโครง เอาหูฟังยัดใส่หู เอียงนิด ๆ ทำมุมกับฝาพนังห้องแล้วลอง ๆ ทิ้งน้ำหนักตัวดูว่าถ้าหลับเราจะไม่ลงไปกองกับพื้น ได้ที่ก็หลับสัก 5-10 นาที พอให้คนอื่นนึกว่ามาอุนจิที่ห้องน้ำ
วันหยุดที่ผ่านมาไปรับจ๊อบที่งานแสดงสินค้าในแถว ๆ กรุงเทพมา
งานก็ไม่ได้นักหนาหรอก แต่เพราะเคยทำมาก่อนแล้ว เลยไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้น โดนลูกค้าโวยก็เคย ลูกค้าชมก็บ่อย โดยด่าก็แยะ เรียกว่าจะมาแบบไหนก็บ่หยัน ยกเว้นแต่มันจะต่อยผมเท่านั้น ที่ยังไม่เคย
งานของผมก็เป็นลูกจ้างอเนกประสงค์ครับ รับหน้างานตรงจุดลงทะเบียน แจกเอกสารบ้าง แต่ดีที่ได้สบายหน่อยตรงที่เขาให้รับผิดชอบลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยมี เลยได้นั่งง่วงหงาวหาวนอนกันเกือบทั้งวัน บ้างก็ให้ไปประกาศนั่นประกาศนี้ ใครไปงานนี้คงได้ยินเสียงหล่อ ๆ ของผม และสำเนียงภาษาอังกฤษแบบชายขอบประเทศหน่อย ๆ นะ แต่เบื้องหลังนี้สั่นเหมือนเจ้าเข้าเลยทีเดียว ถึงไม่มีใครเห็นหน้าแต่ก็ยังสั่นอยู่เหมือนเดิม
งานก็ไม่น่าสนใจสำหรับผมเท่าไหร่ เพราะเป็นงานเกี่ยวกับสินค้าที่ไกลวัยผมไปหน่อย ประเภทเหมาะสำหรับผู้ประกอบการ ผมเป็นคนเบี้ยน้อยหอยน้อยคงได้แต่อาศัยเกาะชาวบ้านไปก่อน
แต่ก็ใช่ว่างานจะน่าเบื่อไปซะหมด....เพราะผมดันไปสะดุดความน่ารักของใครคนหนึ่งเข้า .... นี่คือที่มาของหัวข้อวันนี้... คนเจ้าชู้...
เป็นธรรมดาของงานทุกอย่างที่ผมรับเป็นลูกน้องชั่วคราวให้กับเขาที่ผมต้องเดินสำรวจงานว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน อย่างไร ซึ่งผมก็ต้องเดินดูเกือบทุกบูธ เดินจนเกือบครบจนจะเดินกลับเข้าห้องออร์แกไนซ์เซอร์ผมได้สะดุดอะไรบ้างอย่างเข้า
"เอ้ย...ใครว่ะ"
ต้องหันหน้ากลับมองอีกรอบ ..."น่ารักว่ะ"
แค่นั้นแหละ แล้วผมก็เดินกลับห้อง โดยที่วันแรกก็ไม่ีอะไรเกิดขึ้น
วันที่สอง...ผมเข้างานตามปกติ แต่สิ่งแรกที่ทำคือแอบชะแว๊บไปดูคน ๆ นั้นนิดหนึ่งโดยเปิดประตูห้องออร์แกไนฯ ออกไปดู
" เห้ย...มาแล้วว่ะ แฮะ ๆ น่ารักจัง "
หลังจากมองเสร็จผมก็กลับมาด้านหน้างานทำหน้าที่ของผมต่อ แต่รอยยิ้มบนหน้ายังไม่ได้จางหาย
"พี่ ๆ เป็นอะไร ยิ้มอยู่คนเดียว" น้องข้าง ๆ มันถามผม
.....เห่อ ๆ ก็คนมันน่ารัก ได้มองก็ยังดี.....
วันนั้นทั้งวัน ถ้าผมว่างตอนไหนผมก็จะแอบเดินเฉียดผ่านไปใกล้ ๆ บูธ จนเหมือนคนนั้นเขารู้ตัว ผมมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้มให้ .....แล้วเขาก็ยิ้มกลับมา ....คนอะไรยิ้มน่ารักจริง ๆ ขาวด้วย แล้ววันที่สองก็ผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากรอยยิ้มที่ผมได้รับ แค่นั้น
วันที่สาม...วันสุดท้ายของงาน
ทันทีที่มาถึงงานผมก็แว๊บไปชะโง้กดูซะหน่อยว่าคนที่ผมแอบปลื้มมารึยัง .... ยังไม่มา ....แป่ววววว
พอใกล้ ๆ เวลาเปิดประตูเริ่มงานผมแว๊บไปดูอีกที คราวนี้เห็นแล้วครับ ตัวเป็น ๆ ยืนเด่น ๆ ตัวขาว ๆ อยู่ที่บูธหลังห้องออร์แกไนซเซอร์ เขามองเห็นผมด้วย ผมก็ยิ้มให้ทีหนึ่งก่อนเก๊ก ๆ ว่าไม่ค่อยสนใจมากแล้วก็ปิดประตูเข้าห้องไป
วันนี้ผมรุกนิดหนึ่ง แกล้งเนียนเดินเข้าไปที่บูธแล้วถามข้อมูลบริการ แต่เสียดายที่คนที่มาให้ข้อมูลผมกลับเป็นผู้หญิงอีกคน ส่วนคนที่ผมปลื้มก็เดินมายืนใกล้ ๆ ทีหลัง หลังจากที่เขามองเห็นผม ฟังไปใจก็สั่น ไม่กล้าหันหน้าไปทางคน ๆ นั้น แล้วก็ค่อย ๆ เนียนเดินออกมา แต่หน้าและหัวใจที่พองโตจริง ๆ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องพยายามแจกเอกสารที่ลูกค้าฝากมาให้ได้เยอะที่สุด ช่วงบ่าย ๆ ผมเลยไปช่วยน้อง ๆ แจกตรงประตูเข้างานซึ่งหันหลังไปก็เป็นบูธที่คนนั้นเขาประจำอยู่ ผมแจกไปก็แอบหันไปมอง ตอนแรกก็เห็นนะ แต่สักพักหายไปไหนไม่รู้
"เห้ย...หายไปไหนแล้วว่ะ"
หันซ้ายหันขวาก็มองไม่เห็น หายไปแล้ว....แป่ว อุตส่ามายืนที่หน้าประตู เผื่อจะได้มองเห็น
แต่ทันทีที่หันไปข้าง ๆ ก็มีคนนั้น ๆ ยืนอยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่างประมาณแค่สามเมตรเอง เขามองมาที่ผมขณะที่โทรฯหาใครก็ไม่รู้ (เดาว่าแฟนเขา) โทรฯก็นานแต่ทุกครั้งที่มองไปก็เห็นเขาจ้องมา ผมเลยแว๊บไปเอากระดาษมาเขียนว่า "คุณครับ ว่างงานเหรอครับ ถึงได้มายืนมองคนอื่น" แล้วก็เอากระดาษวางไว้ใกล้ ๆ คนนั้น สักพักเขาก็มาหยิบเอาไป แล้วก็ไปหาปากกามาเขียนอะไรสักอย่างก็ที่จะเอามันกลับมาว่างไว้ที่ ๆ ผมว่างให้เขา...."มายืนมองคุณครับ เห็นน่ารักดี".... อ่านข้อความปุ๊บ ผมก็ยิ้มนะสิ จะให้ทำยังไง
สักพักผมปวดฉี่ เลยต้องเดินไปเข้าห้องน้ำซึ่งต้องผ่านบูธคนนั้น ทำธุระเสร็จก็มาล้างมือ จู่ ๆ คนนั้นก็มายืนข้าง ๆ .....ใจเต้นสิครับ .....ผมก็ยืนคุยกันสักพัก แล้วผมจึงกัดฟันบอกว่า "โทษนะครับ ผมไม่อยากโกหก ผมมีแฟนแล้ว แต่ผมก้แอบปลื้มคุณนะครับ คุณน่ารักดีเหมือนกัน"
"ผมก็ชอบคุณเหมือนกัน แอบมองคุณเหมือนกัน คุณน่ารัก"....ได้ฟังปุ๊บผมก็
ระหว่างไม่กี่ชั่วโมงก่อนเลิกงาน ผมกับเขาได้คุยกันบ่อยขึ้น (ไม่ได้อู้งานนะ แต่เพราะไม่ค่อยมีลูกค้าแล้วเลยว่าง ๆ) ผมไม่ได้ให้เบอร์โทรหรืออะไรที่สามารถติดต่อผมได้และผมก็ไม่ได้ขออะไรที่สามารถติดต่อเขาได้เลย นักเขียนหนังสือเรื่อง "โตเกียวไม่มีขา" เขียนไว้ว่า .... ความสัมพันธ์บางอย่างก็ไม่ควรเนิ่นนาน เพราะเราอาจรักษามันไว้ดี ... การตัดสินใจบอกว่า "ผมมีแฟนแล้ว" ก็เป็นการแสดงความจริงใจอย่างหนึ่ง ซึ่งคนนั้นเขาก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน หลังจากจบงาน ผมก็แค่บอกลาเขา แต่จะเข้าไปคุยมากก็ไม่ได้ เด๋วผิดสังเกต ผมว่าเราสองคนทำถูกตรงที่ว่า อย่างน้อยเราก็รู้จักรักษาระดับการรู้จักเอาไว้ได้ แม้ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม แต่คนนี้ก็ทำให้คนดื้อ ๆ อย่างผมไหวหวั่นได้...
แม้เรื่องราวสามวันจะเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ที่ แต่ผมยังรู้สึกว่าตัวเองเจ้าชู้ไม่ใช่น้อย.....แต่เอาเหอะ ผมก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่
ถึงผมจะใจง่าย...แต่ก็ได้ยากนะครับ 555++