ตอนที่ 31
พาร์ตของเต
หลังจากผมกับไมล์ปล่อยให้ทนายเคลียร์กับอาสาที่ห้อง เราทั้งสองก็มานั่งตบยุงอยู่ที่หน้าหอสาม เนื่องด้วยไม่มีใครอยากออกไปไกลจากหอเท่าไหร่ อีกทั้งเราก็กลัวว่าพวกมันจะไม่คืนดีกัน จึงต้องยังอยู่ใกล้ๆ เผื่อจะช่วยอะไรได้
อาสากับทนายเงียบมาก ผมกับไมล์เอาแต่มองหน้าและคุยกันว่าป่านนี้พวกมันจะดีกันหรือยัง
“มันรักกันมาก เดี๋ยวก็คงดีกันนั่นแหละ” ผมพูดให้ไมล์สบายใจ
“ถ้ามีเหี้ยอะไรแปลกๆ ทนายมันจะโทรหาเราเองใช่ป่ะวะ”
“ใช่”
ผมลอบแตะแก้มของไมล์แบบยิ้มๆ มันปัดมือของผมออก
“สัด นี่หน้าหอ เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
ผมแบมืออย่างงงงัน “มึงกลัวใครมาเห็น”
“คนอื่นๆ ไง”
“กูนึกว่ามึงกลัวแค่อาสากับทนาย เพราะมึงกลัวพวกมันจะล้อ”
“...”
“แต่นี่มึงกลัวสายตาทุกคนเลยเหรอ”
ไมล์ยักไหล่ ก่อนจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ไม่รู้อะไรเลยว่าผมกำลังคิดมากกับสิ่งที่มันเพิ่งทำ ใช่ครับ แค่มันปัดมือผมออกนั่นแหละที่ทำผมคิดหนัก
ผมถึงกับซึมไปเลย แต่ไมล์มันไม่รู้
เราสองคนปล่อยให้เวลาผ่านไป เมื่อหน้าหอเริ่มมียุงเยอะ พวกเราก็ย้ายกันไปนั่งบริเวณใต้ถุนที่มีเพียงซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดอยู่ ไมล์ยังไม่รู้ว่าภายในใจของผมกำลังมีความตึงเครียด เพราะมันมัวแต่เล่นเกม ที่ผ่านมาแม้ว่าเรื่องราวระหว่างผมกับมันจะไม่ได้ก้าวหน้าไปไกลเกินกว่าจูบในคืนนั้น แต่ผมก็ไม่คิดว่าไมล์มันจะตัดฉับด้วยการบอกผ่านการยักไหล่ว่าเรื่องราวของเราไม่ควรเปิดเผยให้ใครได้รู้
แปลว่ามีแต่ผมที่จริงจังคนเดียว และมันก็แค่เล่นๆ ไปกับผมเพราะเพิ่งอกหักจากอาสางี้เหรอ
ระหว่างนั้นผมทักไปหาทนาย เพื่อที่จะบอกมันว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกพวกผมกลับเข้าไปได้ มันไม่อ่านและก็ไม่ตอบ บางทีมันอาจจะกำลังตั้งใจง้ออาสาอยู่ก็ได้
“น้องอิ๊งเขาถามมาว่าทำไมมึงไม่ตอบไลน์เขาเลย” ไมล์พึมพำ
“อืม กูจะตอบเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
อาสามันไม่ได้ประชดเป็นคนเดียวหรอก ผมก็ประชดเป็นเหมือนกัน ผมกดเข้าแอพฯ สนทนาระหว่างผมกับน้องอิ๊งทันที บนจอเป็นอะไรที่แชตหนักไปทางซ้ายมากครับ เพราะน้องอิ๊งเป็นฝ่ายทักผมมาอย่างเดียว ส่วนแชตทางฝั่งขวาซึ่งเป็นฝั่งของผมแทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย
ที่ผมทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ความหวังเธอ แต่ในเมื่อไอ้ไมล์มันต้องการทำตัวเป็นพ่อสื่อนัก ผมก็จะลองทำตามสิ่งที่มันต้องการดูก็ได้
“ยืมโทรศัพท์หน่อยดิ” จู่ๆ ไมล์ก็พูดขึ้นมา
“ทำไมอ่ะ”
“โทรหาเพื่อนแป๊บหนึ่ง”
“โทรศัพท์ของมึงเป็นไร”
“โทรออกไม่ได้ เป็นไรไม่รู้”
ผมส่งโทรศัพท์ให้มัน ผมยังตอบน้องอิ๊งได้ไม่ถึงสองประโยคเลย ไอ้ไมล์ก็แย่งโทรศัพท์ของผมไปซะแล้ว
“พี่เตพี่ไมล์หวัดดีครับ” คนที่มาทักเราสองคนก็คือไอ้โอ๊ค เด็กปีหนึ่งคณะเดียวกันกับเชี่ยทนาย “เห็นทนายมันมั้ยพี่ พอดีผมซีรอกซ์สรุปบทเรียนมาให้”
“เห็นนะ มันอยู่...” ไมล์กำลังจะพูด แต่ผมตะครุบปากมันเอาไว้ได้ทัน
“มันเคลียร์กับอาสาอยู่ ยังไม่ว่าง”
“อ๋อเหรอครับ โอเคครับ”
โอ๊คเดินผ่านไป ไมล์หันมามองผมด้วยสายตางงงัน
“มึงไม่รู้หรอกว่าพวกมันเคลียร์กันถึงขั้นไหน ยังไงก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน”
จู่ๆ ไมล์ก็ทำสีหน้าเก้อกระดากขึ้นมา ผมหันไปทางอื่นทันที ระหว่างเราเกิดเดดแอร์ขึ้นมาซะเฉยๆ
“ผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ววะ” ไมล์ถาม
“สามมั้ง”
“ทนายยังไม่ตอบอีกเหรอ”
“ใช่”
ไมล์ตบยุงเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมรู้สึกสงสารมันขึ้นมา ควรพามันไปไหนสักที่ดีมั้ยเนี่ย ถ้ายุงกัดมันจนเลือดหมดตัวนี่ผมควรทำยังไง
“มึงไม่โทรหาเพื่อนแล้วเหรอ” ไมล์กำโทรศัพท์ในมือผมแน่น ไม่ยอมยกขึ้นมาโทรสักที ผมก็เลยถามอย่างสงสัย
“เอ่อ...”
ผมฉวยโทรศัพท์ของตัวเองคืนมาก่อนจะเลิกคิ้วมองหน้าอีกฝ่าย
“หวงกูก็บอก ไม่เห็นต้องทำให้มันยุ่งยากมากเรื่อง”
“กูไม่ได้...”
สายตาโหดๆ ของผมปรามคำพูดแก้ตัวของไมล์อย่างได้ผลชะงัดนัก ไมล์คอตก ทำสีหน้าเหมือนเด็กโดนจับได้ว่าขโมยของเล่น
“กูงอนมึงอยู่นะ” ผมเปรย
“ว่าไงนะ”
“ทำไมมึงต้องสนใจสิ่งที่คนอื่นคิดด้วย”
“...”
“ทนายกับอาสาที่มึงควรแคร์มากที่สุด มึงยังไม่แคร์อะไรขนาดนั้นเลย อีกอย่างตอนที่พวกแม่งรู้ว่าเราสองคนเริ่มแปลกๆ กัน มันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ”
“...”
“นี่มึงเป็นอะไรของมึงวะ”
ได้ทีพูดแล้วผมก็ขอพูดหน่อยเหอะ ตั้งแต่มันกลับมาจากงานกิจกรรมของคณะ ไมล์มันก็แสดงออกครึ่งๆ กลางๆ กับผม เรื่องนี้โทษอาสาที่มาอาศัยอยู่ในห้อง 204 ของเราคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะถ้าไมล์มันเล่นไปกับผมด้วย จะเร็วจะช้ายังไงมันก็ต้องคืบหน้า แต่นี่เหมือนกับมันออกตัวแรงแต่เบรกเองอย่างกะทันหัน ผมกับมันจึงไม่มีอะไรคืบหน้ามากไปกว่าจูบและบทสนทนาซึ่งมีคำว่าคิดถึงในช่วงที่เราสองคนห่างกัน
แทนที่จะมีคำพูดของไมล์มาช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่กลับมีเสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นแทน ผมมองดูว่าใครทักมา และทันทีที่อ่านก็แทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งด้วยความอิจฉา
LAWYER : ครั้งแรก 3-0 ว่ะ อาสายังใหม่อยู่
LAWYER : ทำกันที่ห้องกูนะ มึงกลับมาห้องมึงได้แล้วไมล์ยื่นหน้ามาอ่าน แต่มันทันเห็นแค่ผลสกอร์
“คืนนี้มีแข่งเหรอวะ” ไมล์ทำสีหน้างง “ใครชนะอ่ะ ตั้งสามประตูแน่ะ”
แม้ว่ามันจะเคยหลงอาสาเข้าขั้นหัวปักหัวปำ แต่เรื่องนี้สำหรับไอ้ไมล์ยังเป็นอะไรที่ใสและบริสุทธิ์โคตรๆ มันไม่เคยทั้งข้างหน้าและก็ข้างหลัง เรื่องนี้ผมรู้ดี
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหัวร้อน ทั้งอิจฉาไอ้ทนายและก็เป็นห่วงอาสา กลัวว่ามันจะน็อค ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเชี่ยทนายแม่งกระหน่ำเพื่อนผมติดกันขนาดนั้นเลยเหรอ
สาดดดดดดดดดดดดดด กูรู้สึกแพ้เลยเนี่ย
“มึงจะกลับห้องมั้ย ทนายมันพาอาสากลับห้องตัวเองแล้ว” แถมยังขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดกันไปแล้วด้วย
“เอาสิ ง่วงจะตายห่าอยู่แล้ว”
“แต่เดี๋ยวกูออกไปข้างนอกนะ”
“มึงจะไปไหน”
“ร้านพี่น้อย”
“สัด ดึกแล้วนะ”
“กูเศร้า”
ผมโบกมือใส่ไมล์ไปแบบเลี่ยงๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนี ทิ้งให้มันนั่งงงอยู่ตรงนั้นคนเดียว ผมคิดว่าอีกสักพักยังไงมันก็คงกลับขึ้นไปบนห้อง ผมยังไม่มีอารมณ์ที่จะนั่งอยู่ในห้องเดียวกันกับมัน เพราะงั้นร้านเหล้านี่แหละคือคำตอบของผมในเวลานี้
ร้านเหล้าน้อย
คนในร้านเห็นหน้าผมจนชิน แทบจะยกเครื่องดื่มแบบเดิมมาเสิร์ฟให้ด้วยซ้ำ ผมเบรกๆ พนักงานเอาไว้ บอกว่าคืนนี้ขอลดปริมาณลง ขอดื่มแค่พอให้หลับสบาย อีกอย่างช่วงนี้ใกล้จะสอบไฟนอลแล้วด้วย มีงานหลายอย่างที่ผมยังเคลียร์ไม่เสร็จ
ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ขอมานั่งเป็นพระเอกเอ็มวีสักหน่อย ตั้งแต่อกหักจากอาสา ร้านพี่น้อยก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม นี่ถ้าผมอกหักจากไอ้เชี่ยไมล์อีก ผมจะสถาปนาร้านนี้เป็นบ้านหลังแรก และจะไม่ยอมกลับไปที่ห้อง 204 อีก
แปลกแต่จริงที่ความรักทำให้มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมห้องเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้
“พี่น้อยห้องนั้นยังว่างใช่ป่ะ” ผมพูดกับเจ้าของร้านซึ่งเดินผ่านมาพอดี
“สัด ยังจะถามอีกเหรอ ห้องนั้นเป็นห้องของมึงไปแล้วมั้ง”
“คืนนี้ขอนอนที่นี่อีกได้เปล่า”
“จะทำเหี้ยไรก็ทำ”
“...”
“ยังไงก็ใกล้จะสอบแล้ว ควบคุมตัวเองบ้างนะไอ้หนุ่มนักรัก”
“เข้าใจแล้วครับ”
ถ้าผมมีเงินคงมาขอเป็นหุ้นส่วนกับร้านนี้แล้วล่ะ พี่น้อยเปรียบเสมือนพี่ชายคนสนิทของผม เวลาผมมีปัญหาทีไร พี่มันก็มักจะให้ที่พักพิงแก่ผมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีมาเติมไม่อั้นและก็ที่นอน ซึ่งบ่อยครั้งที่ผมดื่มจนเมาหัวราน้ำ แต่ผมก็ไม่เป็นไรเพราะพี่น้อยมีที่นอนให้ผมตลอด
ในหัวของผมตอนนี้มีแต่ไอ้เชี่ยไมล์ล้วนๆ ยิ่งผมรู้ใจตัวเองว่าชอบมัน ผมก็ยิ่งเอามันออกไปจากหัวไม่ได้ มันมากกว่าตอนที่ผมชอบอาสาหลายสิบหลายพันเท่า ความทรงจำระหว่างผมกับไมล์มีมากกว่าความทรงจำของผมกับอาสา ผมแคร์มันมากเกินไปมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และยิ่งพอผมเริ่มเปิดใจที่จะรับมันเข้ามา ใจของผมก็ยกให้มันไปหมดทั้งดวงอย่างไม่ได้คิดจะเผื่อใจอะไรเอาไว้
ถ้าไม่ใช่ไอ้ไมล์ผมก็คงไม่รู้สึกแบบนี้
‘เต อยากแดกเหล้าปั่นหลังมอว่ะ พาไปหน่อยดิ๊’
‘กูเศร้านะ แต่กูเศร้าน้อยลงเพราะกูมีมึง’
‘มึงไม่จีบอาสาเหรอวะ ทำไมถึงเอาแต่มาอยู่กับกูล่ะ’
‘จะมีใครยอมกูเท่ามึงอีก กูว่าไม่มีหรอก เพราะงี้ไงมึงถึงเป็นเพื่อนรักของกู ไอ้เชี่ยเต’
หลายประโยคจากคำพูดของไอ้ไมล์เริ่มลอยเข้ามาในหูของผม มันเป็นคำพูดในช่วงระยะเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน ช่วงที่ไมล์เพิ่งสารภาพรักกับอาสาไป ผมก็ตัวติดกับมันเป็นตังเม ตอนนั้นผมรู้สึกเป็นห่วง กลัวมันทำอะไรบ้าๆ และที่สำคัญไมล์มันไม่เหมือนผม มันควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ เพราะมันเกิดมาท่ามกลางความเพอร์เฟ็กต์ไปทุกสิ่งอย่าง ผมจึงต้องตามคุมมันแจ
ตามจนลืมไปบางขณะว่าตัวเองก็ชอบอาสาเหมือนกัน
หรือผมเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมตอนที่รู้ว่าทนายกับอาสาคบกันผมถึงยอมได้ง่ายๆ ไม่โมโห ไม่โวยวาย เข้าใจทุกอย่างโดยที่พวกมันสองคนไม่จำเป็นต้องมาขอโทษหรืออธิบายให้มากความ
เพราะลึกๆ ในใจแล้วผมไม่ได้ชอบอาสาขนาดนั้นหรือเปล่าวะ
หรือเพราะลึกๆ ในใจผมชอบใครอีกคนมานานมากแล้ว แต่ผมไม่รู้ตัว
แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ในเมื่อเจ้าตัวไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับผม ที่มันยอมให้ผมจูบ ยอมซื้อโทรศัพท์ใหม่มาคุยกับผม ก็เป็นเพียงแค่ความหวั่นไหวชั่วครู่ ผมซวยที่ดันเข้าไปถูกจังหวะเอง และซวยที่เผลอรู้ตัวว่าชอบไอ้เหี้ยนี่มากไปแล้ว แต่มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ถ้าไม่ใช่ไมล์ ผมก็ไม่รู้สึกแบบนี้กับใครอีกแล้ว
บทคนมันจะนก ก็นกซ้ำนกซ้อนเลยเว้ยยยย
ผมยกแก้วขึ้นดื่มหนักๆ อีกหลายอึก เห็นทีดวงความรักของผมคงจะกุด บาปกรรมที่เคยล้อเลียนอาสาเอาไว้คงเริ่มเล่นงานผม ผมคงเป็นฝ่ายนกแทนมันไปแล้ว เพราะอาสามีคนมาหักปีกของมันเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมกลับเป็นคนที่เพิ่งถูกใส่ปีกเข้ามา
ปีกสองชั้นในระยะเวลาอันสั้น
ผมดื่มจนคอพับคออ่อน เริ่มรู้สึกว่ามันมากไปจึงขอพี่น้อยไปอาศัยห้องหลังร้านนอน ห้องนี้ไม่ใช่ห้องธรรมดาๆ นะครับ เป็นห้องพักที่สะอาด พี่น้อยทำเอาไว้เผื่อคนอย่างผมนี่แหละ เมาแต่กลับหอไม่ไหวก็มานอนในนี้
ผมทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตาเผื่อจะลืมใบหน้าของไอ้เชี่ยเตได้บ้าง ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาการกระทำของมันทำเอาผมไม่แน่ใจอยู่หลายอย่าง พอมาถึงวันนี้ทุกอย่างคงชัดเจนแล้วสินะ จูบในคืนนั้นก็แค่เรื่องหวานๆ ประเดี๋ยวประด๋าว สำหรับไมล์อีกเดี๋ยวก็คงผ่านไป แต่สำหรับผมคงจะจำไปอีกนาน
“เฮ้ออออ” ผมนอนเอาแขนมาปิดหน้า สักพักก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา คนคนนั้นก็คือน้องอิ๊ง!
ผมสะดุ้ง ตกใจอย่างแรงตอนที่เด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง น้องอิ๊งเธอดูเมาๆ ผมรีบผลักตัวเธอออกตอนที่เธอเอียงร่างเข้ามาหา
“พี่เต อิ๊งบังเอิญมาดื่มร้านเดียวกันกับพี่เตค่ะ”
“...”
“อิ๊งบังเอิญมานอนห้องเดียวกันกับพี่เตอีกได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้ครับอิ๊ง” ผมรีบปฏิเสธ “พี่เมาอยู่ตอนนี้ มันไม่ดีกับตัวอิ๊งนะ”
วันนี้เธอแต่งตัวโป๊มากจนสัญชาตญาณดิบเถื่อนของผมมันต่อต้านเหตุผล ผมพยายามไม่มองและดันตัวเธอออกไปห่างๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงโดนผมจัดหนักไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่
แค่คิดถึงหน้าไอ้ไมล์ ผมก็ไม่กล้าทำอะไรอิ๊งอีกแล้ว
“พี่เต อิ๊งต้องการพี่เต” เธอเมามาก มือของเธอเริ่มโอบรอบคอผม เตรียมพร้อมจะจูบแลกเอ็นไซม์กับผมทุกเมื่อ “อิ๊งคิดถึงพี่เตมาก คิดถึงไม่ไหวแล้วค่ะ”
“แต่พี่มีเจ้าของแล้วครับ”
“ไม่จริง พี่เตยังไม่มีแฟน”
“พี่ให้มันเป็นเจ้าของพี่ ทั้งๆ ที่มันยังไม่ได้เป็นอะไรกับพี่นี่แหละ”
“ไร้สาระ!” น้องอิ๊งโวยวายอย่างเมาๆ “ความรักมันไร้สาระ เรามาสนุกกันชั่วข้ามคืนเถอะค่ะพี่เต”
ผมคิดว่าเธอไม่ได้ชอบผมหรอกครับ แต่เธอหลงใหลสิ่งที่อยู่บนร่างกายของผมมากกว่า ผมคงเป็นวัตถุทางเพศของเธอ สามารถตอบสนองความต้องการของเธอได้อย่างตรงใจ ทว่าวันนี้ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่สามารถทำตามความปรารถนาของเธอได้
แค่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้ผมต้องห่างจากไอ้ไมล์ไปอีกหลายร้อยโยชน์ ใจผมก็จะขาดแล้ว
ตอนนี้เรื่องระหว่างผมกับมันไม่ได้ใกล้ชิดจนใกล้จะคบกันเลยด้วยซ้ำ
“อิ๊ง” เสียงที่สามดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“ไมล์” ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่ามันจะโผล่มาอยู่ที่นี่ตอนนี้
“เดี๋ยวพี่พาอิ๊งไปหาเพื่อนนะ”
“พี่ไมล์!”
“...”
“มาขัดจังหวะทำไม อิ๊งกำลังจะได้กันกับพี่เต!”
คำพูดนั้นกระแทกหน้าผมเต็มๆ ผมกลืนน้ำลายก่อนจะรวบรวมสติช่วยไมล์ลากตัวน้องอิ๊งออกไป
“มึงอยู่นี่แหละ” ไมล์เอ่ยเสียงเข้มกับผม
ผมทรุดตัวนั่งลงนิ่งๆ ไม่ยอมขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
ไมล์พาอิ๊งออกไปจากห้อง ความวุ่นวายที่อยู่หน้าห้องทำให้ผมรู้ว่าอิ๊งเมามายเพียงใด เธอเริ่มโอดครวญและก็สะอึกสะอื้น ผมได้ยินเสียงเธอร้องตะโกน
“พี่ไมล์หักหลังอิ๊งแบบนี้ได้ไง! พี่ไมล์ก็ชอบพี่เตเหรอ! ชอบไอ้นั่นพี่เตเหมือนอิ๊งเหรอ!”วะ...ว่าไงนะ ระหว่างที่ผมงงงัน ไมล์ก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมปิดประตูพอดี สีหน้าของมันดูปั้นยาก อาจเป็นเพราะอิ๊งเพิ่งตะโกนประโยคสุดท้ายไล่หลังมาพอดี
ไอ้นั่นของผมคือ...ไอ้นี่หรือเปล่าวะ ผมมองลงไปที่หว่างขาของตัวเอง
“สัด” ไมล์ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ผม “กูถามได้มั้ย นี่ถ้ากูมาไม่ทัน มึงจะทำอะไรน้องโรงเรียนกูคนนี้หรือเปล่า”
ผมส่ายหน้า “ไม่ทำอ่ะ”
มันทำสีหน้าไม่เชื่อ “เสือเตน่ะเหรอจะไม่ทำ”
“กูทำไม่ได้จริงๆ”
“...”
“ตอนนี้กูอยากทำแต่มึง กูไม่อยากทำคนอื่น”
ไมล์มีทีท่าเหมือนอยากจะสำลักอะไรบางอย่างออกมา แต่ไม่มีให้สำลัก
“ฟวยไร เชี่ยเต”
“กูพูดจริง”
“...”
“กูชอบมึงไปแล้ว กูก็อยากทำเรื่องนั้นกับมึงดิ”
คำสารภาพตรงๆ ของผมทำเอาไมล์ถึงกับมีสีหน้าเก้อเขินเล็กๆ
“กูมารับมึงกลับ”
“กูเอารถมา”
“ฝากรถมึงไว้ที่นี่แหละ พี่น้อยคือพ่อมึงนี่ เขาดูแลรถมึงให้อยู่แล้ว”
แค่มันมารับผมก็ดีใจแล้วล่ะ เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน ผมเดินตามหลังมันต้อยๆ เอื้อมมือไปจับมือของมันเอาไว้ตลอดช่วงระยะเวลาที่เดินออกจากร้าน
แปลกแต่จริง...มันไม่ยอมสะบัดมือผมออกเลย
“กูขับเองก็ได้นะ”
“มึงเมาอยู่”
“เปล่าสักหน่อย”
“...”
“ถ้ากูเมาคงหน้ามืดปล้ำน้องอิ๊งไปแล้ว”
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด
จู่ๆ คนขับอย่างไมล์ก็เหยียบเบรกกะทันหันจนหัวผมแทบจะทิ่มกับคอนโซลรถ ผมหันไปมองอีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนก ไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้
ผมไม่เคยเห็นมันในมุมนี้มาก่อน
“มึง...” ไมล์มีทีท่าว่าจะด่าผม แต่ก็ไม่ด่า มันกลืนคำพูดลงคอไปซะงั้น
“มีไรล่ะ กูรอฟังอยู่”
“...”
“จริงๆ เรื่องเราสองคนเคลียร์ให้มันชัดๆ ไปเลยก็ได้นะ กูไม่...”
ผมยังไม่ทันพูดจบประโยค เชี่ยไมล์ก็จู่โจมด้วยการประทับริมฝีปากของมันลงบนริมฝีปากผมเป็นที่เรียบร้อย ผมลืมตาเบิกโพลงอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่ามันจะจูบแบบนี้และจูบตรงนี้!
มันผละออกพร้อมๆ กับกะพริบตาปริบๆ มองหน้าผม
“กูพอแล้ว ช่างหัวแม่งทุกอย่างแล้ว”
“...”
“เต มาเป็นแฟนกูเถอะ”ผมอ้าปากค้าง เมื่อกี้ผมยังดื่มเหล้าเพราะเศร้าเรื่องมันอยู่เลย จู่ๆ มันมาขอผมคบได้ยังไง
“เรื่องอื่นค่อยคิด แต่ตอนนี้กูอยากให้มึงมาเป็นแฟนกูแล้ว” ไมล์กลืนน้ำลาย แกล้งทำหน้าเย่อหยิ่ง “นะ” แต่ทำไมประโยคดูอ้อนๆ ซะอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้น” ขอผมถามหน่อยเหอะ “ทำไมกะทันหัน”
“ไม่รู้” ไมล์เอามือทึ้งหัว “ที่กูไม่ชัดเจนมาตลอดทั้งอาทิตย์ เพราะกูกลัวผิดหวัง”
“...”
“เรื่องระหว่างเรามันไวเกินไป”
ผมปลดเข็มขัดนิรภัยของมันก่อนจะดึงตัวมันเข้ามากอด ริมฝีปากของผมฝังตรงขมับของไมล์
“มันไม่ได้ไว แต่มันเริ่มนานแล้ว”
“...”
“กูนี่แหละเริ่มเอง ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งตัวกู”
ไมล์หันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“เชื่อกูเถอะ กูพร้อมที่จะอยู่กับมึง กูพร้อมจะดูแลมึงขนาดนี้ ยังไงกูก็หนีมึงไม่พ้น” ผมพูดให้มันเข้าถึงความรู้สึกที่อยู่เบื้องลึกในจิตใจของผม
ไมล์จ้องตาผมอย่างสุดซึ้ง เหมือนเรื่องกังวลที่มันเคยแบกเอาไว้เริ่มทยอยหายไปทีละนิดๆ ผมลูบหัวมันอย่างปลอบประโลม ก่อนหน้านี้ผมเองก็คิดมากและคิดไปเองก่อนเหมือนกัน รู้สึกแปลกๆ ที่ไมล์มันคิดได้และเป็นฝ่ายเข้ามาหาผม แต่ก็ยังดีกว่าการที่มันจะปล่อยผมหรือเทผมทิ้งไป
ผมไม่ลืมจูบในคืนนั้นง่ายๆ และจูบเมื่อกี้ผมก็จะไม่ลืมด้วย
“อยู่กันสองคนแค่นี้ จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากมายไปทำไมวะ” ผมเปรยเบาๆ “เราอยู่ด้วยกันมามาก เรารู้กันอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง”
“...”
“ขอร้องนะไมล์ อย่าทำให้เรื่องยุ่งยากมากไปกว่านี้อีกเลย ใจกูมันจะไม่ไหวเอา”
“ใจกูเนี่ยจะไม่ไหว” ไมล์เอ่ยบ้าง “เพราะมึงยังไม่ได้ตอบตกลงคบกับกูเลย”
เออว่ะ “คบครับ คบ” ผมรีบตอบ
ไมล์เอียงคอมาซบกับไหล่ของผม “กูขอโทษนะ กูกลัวผิดหวังจริงๆ เพราะความรู้สึกเวลานกนี่มันไม่ได้หายง่ายๆ นะ”
“มึงจะนกเรื่องกูได้ไงวะ ในเมื่อกูยอมมึงขนาดนี้”
“...”
“ก่อนหน้านี้ถ้ามึงสั่งให้กูคบกับมึง กูคงคบอ่ะ”
“โม้สัด” ไมล์ตีแขนผม ก่อนจะผละออกไป มันจ้องมองผมเนิ่นนานอย่างผิดปกติจนผมต้องเอ่ยท้วง
“มีอะไรเหรอ”
ไมล์กลืนน้ำลาย มันดูเก้อกระดากกับคำพูดต่อไปของมันมาก อะไรวะ นี่มันชักจะทำให้ผมตื่นเต้นแล้วนะ
“กูเพิ่งรู้ว่ากูหวงมึงมากนะเต”
“หา?”
“เพราะงั้น...” ไมล์ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ มือของมันเริ่มจับไปที่เป้ากางเกงของผม
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มึงหรือเปล่าที่เป็นฝ่ายเมาเอง ไอ้เชี่ยไมล์
“ไมล์ มึง...” แม้ผมจะต้องการ แต่ผมก็ต้องร้องเพื่อเรียกสติของอีกฝ่าย “มัน...ไม่ไวไปเหรอ”
“มึงบอกว่าเรื่องระหว่างเราสองคนมันเริ่มนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
เหี้ย...แซ่บว่ะ ใจผมระทวยไปหมดตอนที่มือของมันเริ่มปลดซิปกางเกงของผม ผมขยับริมฝีปากเข้าไปจูบแลกลิ้นกับริมฝีปากบางนั้นอย่างเร่าร้อนระคนตื่นเต้น
บนรถเลยเหรอวะ...เอาจริงดิ มึงจะไม่สบายตัวนะไมล์
แม้ผมจะคิดแบบนั้นแต่มือของผมก็เริ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของไมล์เอาไว้ เตรียมพลิกให้มันไปอยู่อีกเบาะเพื่อผมจะได้เป็นฝ่ายกระทำ แต่มันกลับจับแขนให้ผมหยุด
“อะไร” ผมอดพึมพำอย่างงงงันไม่ได้
“ใจเย็น ไอ้เสือ” ไมล์ยิ้มมุมปากอย่างเขินอาย “วันนี้แค่มือกูก็พอ”
เซอร์ไพรส์สัดอ่ะ นี่มันเซอร์ไพรส์ผมไปกี่เรื่องแล้ววะวันนี้ เอาเป็นว่าผมไม่สนใจหรอกครับว่ามันจะเร็วไปหรือจะอะไรก็ตามแต่ แค่ผมกับไมล์คิดเหมือนกันแค่นั้นผมก็พอใจมากแล้ว
เพราะยังไงเราทั้งคู่ก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน...
เราเกิดมาเพื่ออยู่ห้อง 204 ของหอสามและตัวติดกัน...
“เฮ้ย!” ผมร้องลั่นเมื่อศีรษะของไมล์เริ่มก้มลงต่ำไปยังหว่างขาของผม
“กูขอโทษนะที่ทำมึงคิดมาก”
“...”
“หวังว่าสิ่งที่กูทำ จะทำให้มึงให้อภัยกู”ถ้ามึงแซ่บขนาดนี้กูคงไม่ให้อภัยอย่างเดียวแล้วล่ะ กูคงยอมมึงทุกอย่างจริงๆ
ริมฝีปากของผมที่อ้าเผยอ เสียงครางที่แผ่วเบาแต่ทว่ามีความสุขถึงขีดสุด และมือของผมที่กอบกุมเส้นผมของไมล์จนยุ่งเหยิงไปหมดเพื่อระบายความสราญทางอารมณ์
ไมล์หยิบทิชชูมาเช็ดตรงนั้นให้ผมหลังจากเสร็จสิ้น ส่วนผมก็หยิบทิชชูมาเช็ดปากของไมล์สลับกันไป อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ
“อย่ามองแบบนั้นดิวะ”
“มึงคงหวงกูมากจริงๆ”
“หุบปากไปเลย”
“หวงแล้วทำไมยังบอกให้กูตอบไลน์น้องอีก”
“กูถึงกับยึดโทรศัพท์มึง มึงไม่เห็นเหรอ”
“คนอะไรปากไม่ตรงกับใจ”
“นี่ก็ตรงแล้วไง”
ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะจูบอย่างดูดดื่มเพื่อให้รางวัลมัน
“เก่งมากอ่ะ” ผมกระซิบข้างหูไมล์ มันหน้าแดงก่ำ
“หุบปาก”
“...”
“อย่าไปบอกใครได้มั้ย”
“ฮ่าๆๆ” รู้สึกดีที่มันเขินอายเรื่องนี้ “กูไม่บอกใครหรอกว่าแฟนกูแซ่บ”
“...”
“เดี๋ยวแม่งฮอตเหมือนอาสาขึ้นมา กูนี่ตายห่าเลยนะ”
ผมเลื่อนใบหน้าไปกระซิบข้างหูมันอีกครั้ง
“แซ่บกับกูคนเดียวก็พอนะไมล์ อยากทำอะไรกูมึงทำเต็มที่ได้เลย ไม่ต้องเขิน ไม่มีใครรู้นอกจากกู”
มันดันหน้าของผมออกไป ผมเลื่อนตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้มัน
ระหว่างที่ใบหูของผมอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าของมัน เชี่ยไมล์ก็กระซิบแผ่วให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว
“ไอ้นั่นมึง...เป็นของกูคนเดียวแล้วนะ”
“...”
“มึงห้ามให้มันไปยุ่งกับคนอื่นเชียว”
“ให้กูสั่งมันเหรอ” ผมยิ้ม
“ใช่ มันเป็นของมึงนี่”
“มึงต่างหากที่เป็นคนสั่งมัน”
“...”
“ตอนนี้มันจะตื่นหรือมันจะหลับ ก็ขึ้นอยู่กับมึงแล้วไมล์”
“กูว่ากูออกรถดีกว่า”
“ดูเหมือนมันจะตื่นขึ้นมาอีกแล้วนะ”
“...”
“ไปต่อที่ห้องดีมั้ย”
“ฟาย ไม่เอา”
ก่อนรุ่งสางทนายได้รับข้อความไลน์จากผม
TAECHIT : ยังไม่ 1-0 แต่ก็คืบหน้ามากแล้ว
TAECHIT : กูต่อให้มึงก่อนไอ้สัด
TAECHIT : ป.ล. คะแนนความแซ่บของไมล์ เต็มสิบกูให้ล้านไปเลย
TAECHIT : หลงหัวปักหัวปำ ขอเข้าสู่สมาคมพ่อบ้านรักเมียหลงเมียอย่างเต็มตัวTBC*