๒๑
“ข้าไม่เห็นท่านลงมาเสียหลายวัน” อัสสะ เดินเข้ามาทักทาย “ดูท่านไม่ค่อยสบายใจ”
พูดจบก็นั่งลงข้างๆ รพีพันธ์ ที่นั่งพักอยู่บนขอนไม้ ในไร่ซึ่งปลูกผลไม้ไว้หลายชนิด
“คงมิใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ จันทริ ใช่หรือไม่” อัสสะ ถามอีกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ
รพีพันธ์ ได้ยินก็หันไปมองด้วยความแปลกใจ
“คุณรู้ได้ยังไง” เขาถามอย่างอดไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นบ้าง”
… ปรึกษาใครบ้างก็ดี ท่าทาง อัสสะ คงรู้อะไรมากเหมือนกัน ... รพีพันธ์ นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“จันทริ กินน้อยลง แล้วช่วงบ่ายก็นอนหลับตลอด หลับสนิทเลย” พูดจบก็ถอนหายใจยาว ... หลับขนาดว่าเรียกยังไงก็ไม่ตื่น มันผิดปรกติ ...
“มีอย่างอื่นอีกหรือไม่”
“ไม่มี นอกนั้นปรกติทุกอย่าง”
“แม้กระทั่งความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา ของพวกท่านด้วยหรือ” อัสสะ พูดยิ้มๆ
“ก็ ... อื้อ ปรกติ” รพีพันธ์ ตอบไม่ค่อยถนัดนัก อยากจะบอกไปเหมือนกันว่า ดียิ่งกว่าดีเสียอีก คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“ฮ่าๆๆ” อัสสะ หัวเราะพลางยิ้มกว้าง “ถ้าเช่นนั้นคงมิมีสิ่งใดดอก”
รพีพันธ์ หันไปมองพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ท่านคงรู้ มีดวงวิญญาณสองดวงในร่างของ จันทริ” อัสสะ เปลี่ยนมาพูดด้วยเสียงเป็นงานเป็นการ “ในเมื่อพลังของวิญญาณดวงหนึ่งอ่อนแอลง ร่างกายย่อมมิอาจเป็นปรกติเช่นที่เคยเป็น”
รพีพันธ์ นิ่งคิด ... นั่นสินะ อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่ว่า ถ้าหากว่า ...
“แล้วถ้าวิญญาณนั้นมันหมดพลังล่ะ จันทริ จะเป็นยังไง” เขาหันหน้าไปถามด้วยสีหน้ากังวล
“ท่านรัก จันทริ หรือไม่” อัสสะ ถามแทนที่จะตอบคำถาม
“บอกตรงๆนะ ตอนแรกที่ผมมาถึงที่นี่ ผมคิดแค่ว่า จันทริ น่ารักดี แล้วก็เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้ว รู้สึกอบอุ่นใจ” รพีพันธ์ ตอบยิ้มๆ “แต่ตอนนี้ ผมคิดว่ารักเค้าไม่น้อยกว่าคนที่ผมรัก ก่อนที่ผมจะมาที่นี่”
“ท่านมีคนรักอยู่แล้ว” อัสสะ ถามพลางขมวดคิ้วแนบแน่น
“อื้อ ... แต่ตอนนี้มันคงไม่มีความหมายอะไรแล้ว” รพีพันธ์ มองท้องฟ้า ทอดสายตาไปไกล “ตอนนี้ผมอยู่กับ จันทริ”
“หากท่านได้กลับไปยังที่ของท่าน ได้กลับคืนสู่คนรักของท่าน ท่านจะคิดถึง จันทริ หรือไม่”
“กลับไปเหรอ ... ถ้ากลับไปได้จริงๆก็ดีน่ะสิ” พูดแล้วก็หัวเราะในลำคอ “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมจะพา จันทริ กลับไปด้วยกัน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง” ประโยคสุดท้าย เขาลดเสียงลงพูดเพียงแผ่วเบา ก้มหน้านิ่งไป สักครู่ก็เงยหน้าหันไปมอง อัสสะ
“คุณยังไม่บอกผมเลย ที่ผมถามว่า จะเป็นยังไง ถ้าวิญญาณอีกดวงของ จันทริ หมดพลังลง”
“ท่านมิต้องกังวล ท่านจะมิได้เห็นวันนั้น” พูดจบ อัสสะ ก็ถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นไปทำงานต่อ ทิ้งให้ รพีพันธ์ นั่งอยู่คนเดียว พลางมองตาม อัสสะ ไปด้วยความงุนงง
“อารายวะ จู่ๆก็ลุกหนีไปซะเฉยๆอย่างงั้นแหละ” รพีพันธ์ พูดพลางเกาหัวด้วยความเคยชิน
..........................................................................
................................
“ข้ารู้มาว่าท่านกินอะไรไม่ใคร่ได้ และได้แต่นอนหลับในยามบ่าย” อัสสะ ถามพลางมองคนตรงหน้าด้วยความห่วงใย
“เป็นเรื่องปรกติ เวลาใกล้มาถึงแล้ว ผ่านคืนเพ็ญนี้ไป ก็จักเข้าสู่ฤดูหนาว”
“มันจักเป็นดังนั้น จริงหรือ” อัสสะ พูดด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น” จันทริ ตอบพลางยิ้มน้อยๆ “ท่านมิควรโศกเศร้า ทุกอย่างล้วนกำหนดไว้แล้ว ท่านควรจะยินดี ที่มิต้องมาร่วมชะตากรรมนี้กับข้า”
“แต่ข้ายังคงปรารถนาเช่นนั้น จันทริ” อัสสะ คว้ามือนุ่มมาจับไว้อย่างลืมตัว “ข้าเติบโตมาพร้อมกับเจ้า ข้ายินดีกลับคืนไปพร้อมกับเจ้า”
อัสสะ ยกมือข้างนั้นขั้นมาแนบไว้กับแก้ม
“จันทริ ข้ารักเจ้า จันทริ ดวงใจของข้า”